แม้กระทั่งจนถึงตอนนี้ ลู่ซิวหนิงก็ยังคงคิดว่าตัวเองอาจจะพอมีโชคอยู่บ้างแต่ความจริงก็คือ ไม่มีที่ว่างสำหรับโชคของเขาตั้งนานแล้วฟู่จิ้นหานหัวเราะเยาะออกมา ลู่ซิวหนิงที่ถูกคลุมศีรษะเอาไว้ กระทั่งสีหน้าของคุณชายสามฟู่เป็นยังไง เขาเองก็มองไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่ความเงียบที่เกิดขึ้นหลังจากที่เสียงหัวเราสิ้นสุดลง กลับทำให้ความกลัวในใจของเขาพุ่งสูงขึ้นจนถึงขีดสุดทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ ว่าในระบบสำนักกิจการพลเรือน เขาไม่สามารถตรวจสอบคู่สมรสของซูหรานได้ใครบ้างที่มีอำนาจมากพอที่จะสามารถสั่งให้สำนักกิจการพลเรือนซ่อนข้อมูลส่วนตัวได้?เกรงว่าจะมีเพียงคุณชายสามฟู่เท่านั้นที่ทำได้!เมื่อลู่ซิวหนิงนึกถึงสิ่งที่เขาทำกับซูหราน จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนมีมีดห้อยอยู่บนหัวของเขา มีดเล่มนั้นอาจร่วงหล่นเมื่อใดก็ได้ หัวจะหลุดจากบ่าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้“อาสามครับ......ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริง ๆ ผมไม่ควรทำกับซู......”เดิมลู่ซิวหนิงกำลังจะเรียกชื่อซูหรานออกไปตรง ๆ แต่จู่ ๆ ก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ เขาจึงรีบกลับคำทันที “อาสะใภ้สาม......ใช่ ผมไม่ควรมีความคิดเลว ๆ ต่ออาสะใภ้สามแบบนั้นเลย”ลู่ซิวหนิงเตือนเ
แรงตบนั้นถึงขั้นทำให้ซูอินทรุดตัวลง ไม่ใช่เพราะซุนฉินมือไวตาไว คว้าเอาไว้ได้ทัน ซูอินคงล้มลงไปกองอยู่กับพื้นไปแล้วซูอินคาดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อยว่าคุณหญิงย่าลู่จะลงมือกับเธอ การตบครั้งนี้ทำให้เธอถึงกับตกตะลึงได้จริง ๆ“คุณหญิงย่าลู่คะ ทำไม่คุณถึงต้องลงไม้ลงมือด้วย......” ซุนฉินรู้สึกเป็นทุกข์อย่างมากเมื่อคุณหญิงย่าลู่นึกถึงข่าวที่ลู่ซิงฮวานำมาบอกในตอนเช้า คิดว่าเธอจะมัวมาสนใจว่าใครปวดใจไม่ปวดใจอยู่งั้นเหรอ?เมื่อเห็นว่าซูอินกำลังตกตะลึง เธอก็รีบก้าวไปข้างหน้าทันที และคว้าข้อมือของซูอินขึ้นมา “ซูอิน ลู่ซิวหนิงอยู่ที่ไหนกันแน่?”ใบหน้าของซูอินร้อนผ่าวด้วยความเจ็บปวดเธอเหวี่ยงมือของคุณหญิงย่าลู่ทิ้งด้วยความโกรธ “ฉันไม่รู้!”คำพูดที่เย็นชาสองสามคำ ก็ถือว่าเธอสุภาพกับคุณหญิงย่าลู่มากพอแล้วแต่ครู่ต่อมา คุณหญิงย่าลู่ก็จ้องมองเธออยู่นานเกือบนาที ภายใต้การจ้องมองนั้น กลับทำให้ซูอินรู้สึกชาที่หนังศีรษะ ทันใดนั้นคุณหญิงย่าลู่ก็คุกเข่าลงต่อหน้าซูอิน“......”ซูอิน หลินเยว่เว่ ซุนฉินต่างก็พยายามระงับความประหลาดใจเอาไว้ขณะที่ซุนฉินกำลังจะถาม คุณหญิงย่าลู่ก็ร้องห่มร้องไห้ออกมาว่า “ซูอิน
ซูหรานสลัดความคิดของเธอทิ้งไป หลังจากไปเข้าห้องน้ำเพื่อใส่ยาแล้ว เธอก็กลับรู้สึกรำคาญใจขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้องเพื่อไปรับอากาศ ทันทีที่เปิดประตู ร่างสูงก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเธอสามีตัวพ่อเหรอ?เขายังคงสวมเสื้อผ้าตัวเดียวกันกับเมื่อคืน ผมเผ้ายุ่งเหยิง ไม่รู้ว่าเป็เพราะเขาไม่ได้นอนมาทั้งคืนรึเปล่า หนวดของเขาถึงได้ยาวขนาดนี้ตอนแรกซูหรานคิดว่าเธออาจจะตาฝาดไปจนกระทั่งเสียงของเขาดังขึ้น “ซูหราน คุณตื่นแล้วเหรอ? เมื่อคืนผมเห็นคนใส่ยาที่ปาก ให้ผมพาคุณไปให้โรงพยาบาลตรวจให้เถอะนะ”ฟู่จิ้นหานพูดอย่างระมัดระวังสายตาที่เขามองซูหราน เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ราวกับลูกสุนัขที่กำลังคาดหวังคำตอบจากเจ้าของซูหรานกระตุกมุมปาก แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรทุกการเคลื่อนไหวของปาก ก็จะทำให้มีอาการปวดบริเวณแผลซูหรานยกมือขึ้น และส่งสัญญาณให้สามีตัวพ่อหลีกทางฟู่จิ้นหานก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว และเคลื่อนตัวออกไปให้พ้นทาง ซูหรานเดินผ่านเขาไป เขาเดินตามเธอไปทันที ตลอดทั้งเช้า แทบจะทุกที่ที่ซูหรานเดินไป ฟู่จิ้นหานก็จะเดินตามไปตลอดในขณะเดียวกัน ซูหรานก็หยิบการ์ดหน่วยความจำของกล้องออกมา แล้วทำลายมันทิ้ง พร้อ
สีหน้าของคุณหญิงย่าลู่ดูน่าเกลียดมากครึ่งชั่วโมงต่อมา ลู่ซิวหนิงก็ได้ถูกจับอาบน้ำและแต่งตัวให้ใหม่แล้ว แต่คนกลับยังคงหมดสติอยู่ภายในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ของตระกูลลู่ใบหน้าของทุกคนต่างก็ดูน่าเกลียดพ่อบ้านรีบเดินออกมาจากห้องของลู่ซิวหนิงที่อยู่บนชั้นสอง แล้วเดินตรงไปหาคุณหญิงย่าลู่ หลังจากเหลือบมองคุณหญิงย่าลู่ เขาก็ลำบากใจที่จะพูดออกมา“ซิวหนิงเป็นยังไงบ้างแล้ว?” คุณหญิงย่าลู่ถามเมื่อกี้เธอแค่มองดูคร่าว ๆ คุณหญิงย่าลู่คิดว่าลู่ซิวหนิงคงแค่ถูกจับเปลื้องผ้าออกเท่านั้นแต่แววตาของพ่อบ้านยังคงสั่นไหว“พูดมาสิ!” คุณหญิงย่าลู่เร่งเร้าพ่อบ้านก้มศีรษะลง และรายงานสิ่งที่เพิ่งเห็นตามความเป็นจริง “บาดแผลบนร่างกายของนายน้อย มีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด ให้เรียกหมอมา......”“แค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก” คุณหญิงย่าลู่ไม่ได้รู้สึกกังวลมากขนาดนั้นแต่สิ่งที่พ่อบ้านกำลังพูดต่อ กลับทำให้ใบหน้าของเธอซีดลง“มีจุดหนึ่งบนร่างกายของคุณชายที่ถูกฉีกขาดครับ ราวกับว่ามันถูกฝืนให้ง้างออกด้วย......”พ่อบ้านยังไม่ทันได้พูดจบด้วยซ้ำ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ดูเหมือนจะเข้าใจได้ในทันทีฉีกขาด
สายตาของซูหรานยังคงจับจ้องอยู่ที่เดิม เธอไม่อยากที่จะพลาดการแสดงออกใด ๆ ของสามีตัวพ่อเลยแม้แต่วินาทีเดียวคำว่า “คุณชายสามฟู่” ทำให้ฟู่จิ้นหานแทบหายใจไม่ออก รู้สึกประหม่าอย่างเห็นได้ชัดในขณะนั้นเอง เขาถึงขั้นทำใจเอาไว้แล้วด้วย ว่าถ้าหากซูหรานเดาตัวตนของเขาออกจริง ๆ เขาก็จะหงายไพ่ของเขาออกไปตรง ๆ เลยในหัวของฟู่จิ้นหานกำลังคิดว่าจะอธิบายความรู้สึกแย่ ๆ ที่เธอมีต่อ “คุณชายสามฟู่” ยังไงดีแต่หลังจากนั้น คำพูดของซูหรานก็ทำให้เขาหยุดคิดยู่ครู่หนึ่ง“.......ลูกพี่ลูกน้อง?”ซูหรานขมวดคิ้ว ราวกับว่าเธอรู้สึกว่าการคาดเดาของเธอไม่น่าเชื่อถืออย่างยิ่ง“เป็นไปไม่ได้ เป็นไปไม่ได้” ลูกพี่ลูกน้องของคุณชายสามฟู่ เช่นนั้นฐานะของเขาก็จะต้องสูงส่งด้วยสิ ส่วนสามีตัวพ่อของเธอ ดู ๆ แล้วก็ค่อนข้างสูงส่งเหมือนกัน แต่ตระกูลฟู่......สูงส่งกว่านั้นเยอะ!ซูหรานส่ายหัวหลายต่อหลายครั้งฟู่จิ้นหานที่เห็นแบบนั้น ก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้เมื่อเห็นว่าซูหรานไม่ได้ถามคำถามอะไรอีก เขาเองก็ไม่ได้พูดอะไรอีกเช่นกัน แต่หลังจากนั้นไม่นาน ซูหรานก็พูดขึ้นว่า “อีกเดี๋ยวฉันว่าจะไปที่ตึกฟู่ซือกรุ๊ปหน่อยนะ”ตึกฟู่ซือกรุ๊ปง
“ขอความเมตตา?” ซูหรานหัวเราะออกมา “ขอโทษนะ แต่ฉันไม่ได้ใจดีขนาดนั้นหรอก”คนที่ใจดีคือซูอินต่างหาก ไม่ใช่เธอ ซูหรานฟู่จิ้นหานหัวเราะออกมาเบา ๆ ก่อนที่ไม่นานหลังจากนั้นน้ำเสียงของเขาจะจริงจังขึ้นมา “ถ้าเขากล้าทำร้ายคุณ เขาก็กำลังรนหาที่ตาย!”ซูหรานตกตะลึงไปเธอมองเงาร่างบนฉากกั้น จู่ ๆ ก็เกิดรู้สึกราวกับตนเองสำคัญต่อเขามากขึ้นมาแต่การที่เขาช่วยเธอต่อกรกับตระกูลลู่ ก็เป็นเพียงแค่น้ำใจของสามีดีเด่นเพียงเท่านั้น…ภายใต้ผวังค์แห่งความคิด เสียงจากฉากกั้นยังคงดำเนินต่อไป “ลู่ซิวหนิงเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ราคาหุ้นของบริษัทตระกูลลู่ลดลง อีกไม่กี่วันต่อจากนี้ ทรัพย์สมบัติตระกูลลู่จะถูกประมูลเพื่อนำไปชำระหนี้เงินกู้ธนาคาร หลังจากการตระกูลลู่ล้มละลายแล้ว จะไม่มีใครมารบกวนคุณอีก”คำว่า “ลู่ซิวหนิงไปโรงพยาบาลจิตเวช” ดังก้องอยู่ในสมองของซูหราน “เดี๋ยวนะ ลู่ซิวหนิงเป็นบ้าไปแล้วเหรอ?”ฟู่จิ้นหานไม่ตอบแต่ซูหรานเข้าใจดีว่าขอแค่ลู่ซิวหนิงเข้าโรงพยาบาลจิตเวช ต่อให้เขาไม่ได้เป็นบ้า เขาก็คงไม่ต่างจากคนวิกลจริตสักเท่าไหร่ซูหรานคิดถึงสิ่งที่ลู่ซิวหนิงทำ และแอบสมน้ำหน้าเขาในใจเมื่อลู่ซิวหนิงมีจุดจบแ
ฉินฟั่งมองไปที่กองเอกสารขนาดใหญ่ตรงหน้าเขา และอยากจะตายหัวทิ่มไปกับกองเอกสารสิ่งเดียวที่เขาทำได้ตอนนี้คือการส่งสัญญาณขอความเมตตาจากเจ้านาย“คุณซู อันที่จริง ที่วันนั้นผมไปที่นั่นได้ทันเวลา เป็นเพราะคำสั่งของคุณชายสามฟู่กับสามีของคุณ...ผมก็แค่ถูกไหว้วานมา เขาต่างหากครับที่เป็นห่วงความปลอดภัยของคุณมากที่สุด…”ฉินฟั่งรู้ว่าคุณชายของเขาได้ยินสิ่งที่เขาพูด ดังนั้นเขาจึงพยายามอย่างเต็มที่เพื่อขอความเมตตาในอีกด้านหนึ่งของโทรศัพท์ ซูหรานมองไปที่สามีดีเด่น เธอไม่สามารถปกปิดความประหลาดใจต่อสิ่งที่ฉินฟั่งพูดได้เห็นได้ชัดว่าฟู่จิ้นหานดูอารมณ์ดีเป็นพิเศษราวกับว่าเขาไม่อยากจะโชว์เกินไป เขาไอเบา ๆ แล้วพูดว่า “ในเมื่อคุณไม่มีเวลา ผมก็ไม่บังคับหรอก รีบกลับบ้านเถอะ”คำว่า “รีบกลับบ้านเถอะ” ของฟู่จิ้นหานทำให้ฉินฟั่งรู้สึกเหมือนได้รับการอภัยทานเขาแทบจะทรุดตัวลงแล้วก้มหัวคำนับขอบคุณหลังจากวางสายโทรศัพท์ มีความคลุมเครือในบรรยากาศอันไม่อาจอธิบาย ฟู่จิ้นหานสบตากับซูหรานโดยไม่ลังเล แต่จู่ ๆ ซูหรานก็เลี่ยงสายตาของเขาด้วยการกะพริบตา“นายน้อยจี้ละอยู่ไหน” ซูหรานเลี่ยงที่จะสบตากับเขาและเปลี่ยนเรื่อ
นี่อาจเป็นคำเรียก “สามี” ที่ซูหรานภูมิใจที่สุดเท่าที่เคยเรียกเลยก็ว่าได้ทันทีที่เธอเรียกเขา เธอก็สังเกตเห็นสีหน้าที่แข็งทื่อเล็กน้อยบนใบหน้าของสามี และรู้สึกถึงการสายตาจ้องมองอันแสนประหลาดใจของจี้เยี่ยนโจว และซูหรานก็รู้สึกเสียใจขึ้นมาแต่สเต็กนั้นถูกส่งเข้าปากของเขาไปแล้ว “สามี” ก็เรียกแล้ว เสียใจไปก็เปล่าประโยชน์เธอทำได้เพียงแค่พยายามงัดรอยยิ้มสวยแฝงเลศนัยของตัวเองออกมา ก่อนจะมองสามีดีเด่นด้วยความคาดหวัง ราวกับว่าถ้าเขาไม่ไว้หน้าเธอ และปล่อยให้เธอแพ้ในสนามรบครั้งนี้ เธอจะสอนบทเรียนให้เขาจำไปจนวันตาย“……”หลังจากที่ฟู่จิ้นหานตกใจอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เข้าใจความคิดของซูหรานแต่สิ่งที่ตามมาคือความสุข เพราะคิดไม่ถึงว่าซูหรานจะกำลังหึงเขานี่มัน...ดีสุด!ฟู่จิ้นหานอ้าปากแล้วงับสเต็กที่ซูหรานป้อนให้ เพลิดเพลินกับอาหารที่ซูหรานป้อนเขาสุดๆ“อร่อยมั้ยคะ?” ซูหรานพออกพอใจเป็นอย่างมากเมื่อเห็นว่าเขาเลือกที่จะร่วมมือและไม่ปล่อยให้เธอขายหน้า ซูหรานก็อดไม่ได้ที่จะตัดอีกชิ้นหนึ่งแล้วป้อนเข้าไปในปากของสามีดีเด่นอย่างอ่อนโยน“อร่อยครับ คุณป้อนผมอร่อยทุกอย่างอยู่แล้ว” ฟู่จิ้นหานยิ้มแป้นจนเห็
คิดจะใช้มุกนี้อีกแล้วเหรอ?ตีเธอหรือด่าเธองั้นเหรอ?ในเมื่อเธอขอมาแบบนี้ เช่นนั้นเธอก็จะสนองความต้องการให้เธอได้สมใจเอง!“เธอ......” มานี่ซูหรานยังพูดไม่ทันจบ ฟู่จิ้นหานก็ได้ส่งสัญญาณให้ฉินฟั่งเสียก่อนเรื่องทำร้ายคนแบบนี้ ทำไมต้องให้ซูหรานเป็นคนลงมือด้วยตัวกันล่ะ?ฉินฟั่งก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ในช่วงเวลาอันรวดเร็วนั้น เขาก็ได้ตบหน้าซูอินไปหนึ่งทีเสียงเพี๊ยะดังขึ้น ไม่มีความปรานีใด ๆ ซูอินเดินเซจนแทบล้ม ยากที่จะทรงตัวเอาไว้ได้ ในหัวขาวโพลนไปหมด เหลือเพียงเสียงหึ่ง ๆ เท่านั้นใครกัน......ที่กล้าทำร้ายเธอได้ถึงขนาดนี้? !ทันทีที่ซูอินได้สติกลับมา เธอจึงมองไปที่ฉินฟั่งด้วยความโกรธฉินฟั่งได้รับการฝึกฝนมา เขาได้ฝึกฝนร่างกายจนแข็งแกร่งที่บริษัทชิงอวิ๋น แถมยังได้รับอิทธิพลจากฟูจิ้นหานที่มีความเด็ดขาดในการต่อสู้อีกด้วย เพียงแค่สายตาเดียว ความกดดันของซูอินก็ถูกลดทอนลงไปทันทีแต่จะให้ซูอินยอมได้อย่างไร?เธอเป็นถึงหลานสาวแท้ ๆ ของตระกูลเย่ ฉินฟั่งคนนี้......ก็เป็นแค่สุนัขรับใช้ข้างกายฟู่จิ้นหานเท่านั้นต่อให้การตบเธอจะเป็นความต้องการของฟู่จิ้นหาน แต่มีคนมากมายอยู่ด้วยขนาดนี้ ห
ไม่จำเป็นต้องแก้ไขพินัยกรรมงั้นเหรอ?ซูอินดีใจมาก รู้สึกเหมือนได้รับความมั่นใจมากขึ้นแน่นอนว่าขอแค่เธอยังเป็นลูกสาวของฉินเหยียนอยู่ คุณท่านเย่ก็จะเห็นแก่หน้าฉินเหยียน และยอมรับทุกอย่างที่เป็นเธอครั้งนี้ ไม่ว่าคุณท่านเย่จะรอดมาด้วยเหตุผลใดก็ตาม แต่ไม่ว่ายังไงพินัยกรรมของคุณท่าน เมื่อกี้ทุกคนต่างก็ได้ยินอย่างชัดเจนกันหมดแล้วคุณท่านเย่ได้มอบทุกอย่างของตระกูลเย่ให้กับเธอ แม้ว่าวันนี้เธอจะยังไม่ได้รับช่วงต่อจากตระกูลเย่ แต่เธอก็ยังเป็นผู้สืบทอดเพียงคนเดียวอยู่ส่วนคนพวกนี้......ซูอินรู้สึกไม่ค่อยพอใจสักเท่าไหร่เมื่อนึกถึงวิดีโอเมื่อกี้แล้ว ซูอินจึงหันไปมองซูหรานที่อยู่ข้าง ๆ คุณท่านเย่ทันทีในตอนนี้ เธอไม่มีเวลามามัวคิดว่าคลิปวิดีโอนั้นเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดในตอนนี้ คือการใช้ประโยชน์จากอำนาจเสียงของคุณท่าน เพื่อช่วยลบข้อครหาและปฏิเสธว่าคนในคลิปไม่ใช่เธอน้ำสกปรกนี้ ไม่ว่าจะด้วยวิธีใดก็ต้องสาดไปที่ซูหรานให้ได้เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซูอินก็ขมวดคิ้วทันที “หนูไม่สนใจของนอกกายพวกนั้นหรอกค่ะ แต่ถ้าหากแม่ของหนูที่อยู่บนสวรรค์รู้ว่าหนูถูกใส่ร้ายด้วยคลิปวิดีโอนั้น จนทำ
น้ำเสียงนั้นดูทุ้มต่ำ แต่ก็มีความโกรธที่ไม่สามารถปิดบังเอาไว้ได้ปนอยู่ซูอินเงียบและไม่มีการตอบสนองอยู่นาน ส่วนคนอื่น ๆ ที่อยู่ตรงนั้น ก็กลับมีสีหน้าที่ดูต่างกันออกไปพวกเขาเพิ่งจะได้ยินอะไรกันแน่?เย่ซินกลืนน้ำลายลงคออึกหนึ่ง ก่อนจะกอดแขนตัวเองแน่น ราวกับพยายามขับไล่ความหนาวของเมื่อครู่นี้ที่แผ่ซ่านเข้ามาในร่างกายออกไปเธอหูฝาดไปรึเปล่านะ?เสียงนั้นน่ะ คือเสียงของคุณท่านจริง ๆ!แต่เห็น ๆ อยู่ว่าคุณท่านเสียชีวิตไปแล้ว แล้วร่างก็กำลังนอนอยู่ในโลงแก้วอีกด้วย จะมีเสียงออกมาได้อย่างไร?แต่เมื่อนึกถึงคำว่า “วิญญาณ” ขึ้นมา เย่ซินก็กลืนน้ำลายลงคอด้วยความตื่นตัวและเสียงที่ดังขึ้นอย่างกะทันหันนั้น ก็กลับยิ่งทำให้เย่ซือเหยียนมั่นใจในข้อสันนิษฐานก่อนหน้านี้ได้ และเข้าใจมากยิ่งขึ้นว่าการแสดงในวันนี้มีซูอินที่เป็นเป้าหมาย!เย่ซือเหยียนรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย เธอสังเกตเห็นว่าทั้งเย่ถิงเซินและหยางซู พวกเขาสองคนไม่ได้มีปฏิกิริยาใด ๆ มากนักต่อเสียงของคุณปู่ในตอนนั้นเธอก็รู้ได้ในทันที ว่าทั้งสองคนเองก็มีส่วนร่วมในแผนการนี้ด้วยเช่นกันส่วนซูอิน......ตอนนี้ ในหัวของซูอินมันขาวโพลนไปหมดเธอเ
หน้าตาที่ดูไร้เดียงสาและอ่อนแอของซูอินแข็งทื่อทันทีชั่วขณะหนึ่ง เหมือนว่าหน้ากากนั้นของเธอจะถูกเจาะจนทะลุ สีหน้าเธอดูไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ “พี่ซู พี่หมายความว่ายังไง?”“ฮึ หมายความว่ายังไงงั้นเหรอ? น้องอินอิน เธอคงไม่คิดว่าทุกคนจะโง่กันหมดหรอกใช่ไหม? ตั้งแต่ครั้งแรกที่ฉันเจอเธอ ฉันก็เดาได้แล้ว ว่าเธอเป็นคนยังไง ต่อหน้าก็แสร้งทำตัวไร้เดียงสาและอ่อนแอ แต่ในความเป็นจริง ใจกลับดำมืดเต็มไปด้วยแผนการ คุณสนุกกับการใช้หน้ากากที่เธอสร้างขึ้นมาหลอกลวงทุกคน ฉันก็เลยเล่นตามน้ำกับเธอไป แกล้งทำเป็นเชื่อในความดีและความไร้เดียงสาของเธอ”เสียงของหยางซูดังกึกก้องทั่วทั้งศาลาไว้ทุกข์ซูอินฟังแล้วก็รู้สึกบาดหูเป็นพิเศษในตอนนี้ ใบหน้าที่เคยแสดงความไร้เดียงสาของเธอก็เริ่มมีความโกรธปรากฏขึ้นมานิดหน่อยที่อยางซูจะบอกก็คือ ทุกสิ่งที่เขาปฏิบัติต่อเธอ มันเป็นเพียงแค่การแสดงอย่างนั้นน่ะเหรอ?แล้วที่เมื่อวานเขารับปากเธอว่าจะใช้เส้นสายเรียกทนายอู๋มาล่ะ มันเพื่ออะไรกัน?มีคนอื่นอยู่ด้วย ซูอินจึงไม่สะดวกที่จะถามออกมาแต่เมื่อเธอจ้องไปที่ตาของหยางซู กลับทำให้หยางซูเข้าใจในทันทีว่าเธอกำลังคิดอะไร และคิดจะ
ฟู่จิ้นหานก้มหน้าสบตากับซูหรานแววตาของเธอดูมั่นคง มือที่กำเสื้อตรงหน้าอกของเขาก็ยิ่งบีบแน่นขึ้นเรื่อย ๆ ฟู่จิ้นหานรู้สึกกังวลในใจไม่หาย แต่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ไม่สามารถขัดขืนซูหรานได้ฟู่จิ้นหานวางเธอลง แต่แขนของเขายังคงโอบเอวเธอเอาไว้อยู่ ท่าทางที่เขาปกป้องเธอนี้ ทำให้ผู้คนรอบข้างเกิดความคิดที่แตกต่างกันออกไปคนที่ตกใจและประหลาดใจที่สุด ก็คือเย่ซินฟู่จิ้นหาน......ผู้นำคนใหม่ของฟู่ซือกรุ๊ปคนนี้ เย่ซินเคยเห็นมาก่อนเขาจัดการกับฟู่ซือกรุ๊ปด้วยวิธีการที่โหดเหี้ยม ซึ่งเป็นที่พูดถึงกันในจิงเฉิง แค่เธอได้ยินก็รู้สึกขนลุกทุกคนต่างก็พูดกันว่าฟู่จิ้นหานเป็นคนเย็นชาไร้ความรู้สึก แต่ชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าเธอในตอนนี้ สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความอ่อนโยน แววตาของเขาจ้องมองไปยังหญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ บ้างก็เหลือบมองไปยังอีกด้าน แต่แววตากลับเปลี่ยนเป็นเฉียบขาดในทันทีท่าทีที่ฟู่จิ้นหานปฏิบัติต่อผู้หญิงคนนี้พิเศษมากจริง ๆเย่ซินอดไม่ได้ที่จะมองไปยังคนที่อยู่ข้าง ๆ ฟู่จิ้นหาน และนึกถึงชื่อที่พวกเขาเพิ่งจะเรียกเธอขึ้นมาเมื่อกี้หรานหราน......ซูหราน......เธอคือหลานสาวที่คุณท่านรับอุปการะมา
ทุกคนต่างก็ตกตะลึงไปชั่วขณะเสียงของผู้หญิงที่ดังออกมาจากโทรศัพท์มือถือ ได้รับการปรับแต่งมาอย่างละเอียดถึงจะฟังไม่ชัดเจนว่าเป็นของใคร แต่ก็กลับฟังออกว่าบรรยากาศค่อนข้างจะเข้มข้นภายใต้เสียงร้องของหญิงสาว กระทั่งการพูดด้วยคำพูดที่ดูเปิดเผยต่าง ๆ ทำให้คนที่อยู่ ณ ตรงนั้นแค่ได้ยิน สีหน้าของพวกเขาก็เริ่มเปลี่ยนไปบ้างแล้วซูอินรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย และแอบบ่นลินเยว่เยว่ที่ทำการแปลงเสียง แต่ยังไงก็ช่างเถอะ ต่อให้จะฟังไม่ออกว่าเป็นเสียงของซูหราน แต่ภาพที่ทุกคนเห็นก็เป็นซูหราน ยังไงก็มีผลลัพธ์เดียวกัน!ซูอินเหลือบมองไปที่เย่ถิงเซินเธออยากเห็นมากที่สุด ก็คือปฏิกิริยาของเย่ถิงเซินหลังจากที่เขาเห็นว่าคนในคลิปคือซูหราน แต่เย่ถิงเซินเพียงแค่ขมวดคิ้ว และมีสีหน้าที่ดูไม่พอใจเท่านั้น เขากลับไม่หยิบโทรศัพท์ออกมาสักทีดูเหมือนว่าเย่ซินจะตกใจกับภาพที่เธอเห็นมาก เธอจ้องมองที่หน้าจอโทรศัพท์อย่างงงงวยภายในห้องไว้ทุกข์ เสียงของหญิงสาวยังคงดังกึกก้องอยู่ในบรรยากาศที่แปลกประหลาด ก็มีคนที่สองที่หยิบโทรศัพท์ออกมา และเปิดข้อความที่เพิ่งได้รับเมื่อสักครู่นี้อ่า......เสียงที่เหมือนกับก่อนหน้านี้ก็ดัง
“พวกเขาจะทำอะไร?”ในหัวเย่ซือเหยียนยังคงคิดไม่ตก ไม่สามารถคาดเดาภาพรวมของเรื่องราวได้เลยแต่เธอก็พอจะเข้าใจอยู่บ้าง: หากคุณท่านยังไม่ตายจริง ๆ เช่นนั้นทุกอย่างที่เกิดขึ้นในวันนี้มันก็คือกับดักและกับดักนี้ ถูกจัดเตรียมเอาไว้เพื่อใครอย่างนั้นเหรอ?เย่ซิน? ตัวเธอ? หรือว่า......ซูอิน?เย่ซือเหยียนรู้สึกโชคดีที่เธอค้นพบเรื่องนี้ได้ก่อน ไม่เช่นนั้น เธอก็อาจจะตกหลุมพรางไปด้วยส่วนซูอิน......ความเกลียดชังสะสมอยู่ในดวงตาของเย่ซือเหยียนไม่ว่ากับดักนี้จะถูกจัดเตรียมเอาไว้สำหรับใครก็ตาม วันนี้ก็ยังถือว่าเป็นโอกาสที่ดีในตอนนั้นแทบจะในทันที เย่ซือเหยียนโทรหาสายสายหนึ่ง และสั่งการกับคนที่อยู่ปลายสายหนึ่งประโยค หลังจากวางสาย ในใจเย่ซือเหยียนก็เริ่มรู้สึกตื่นเต้นกับสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไป......ในขณะเดียวกัน ณ ศาลาไว้ทุกข์ ซูอินยังคงเต็มไปด้วยความคาดหวังกับสิ่งที่จะเกิดขึ้นอาการเป็นลมของเย่ซือเหยียนทำให้เธอรู้สึกไม่พอใจอย่างมากรอจนกระทั่งพ่อบ้านจัดแจงให้คนพาเย่ซือเหยียนออกไป ซูอินก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ทนายอู๋ แต่สุดท้ายเธอก็รู้สึกกลัวว่าจะมีคนเห็นความลนลานของเธอ เธอจึงไม่กล้าพู
ดูเหมือนว่า ผู้ที่อยู่ในที่นั้นนอกจากท่านท่านเย่แล้ว ก็มีเพียงเย่ถิงเซินเท่านั้นที่สามารถตัดสินใจได้การกระทำนี้ ทำให้ซูอินรู้สึกไม่พอใจเล็กน้อยต้องทำความเข้าใจก่อนว่า เธอคือผู้สืบทอดที่ถูกต้องตามกฎหมายของตระกูลเย่ และนอกจากนี้ ทนายความอู๋คนนี้เองก็เป็นพยานในการทำพินัยกรรมของคุณท่านเย่อีกด้วย เขาก็ควรจะรู้ว่าผู้ที่ได้รับผลประโยชน์จากพินัยกรรมของคุณท่านคือใครเขาควรถามเธอ และให้เธอเป็นผู้ตัดสินใจสิถึงจะถูกเขากลับถือหางให้เย่ถิงเซินเป็นตัวหลักแต่ไม่นาน ซูอินก็ไม่ได้ใส่ใจมากนัก ที่ทนายอู๋คนนี้เป็นคนที่มีตาแต่ไร้แวว รอให้ประกาศพินัยกรรมออกมาก่อน ว่าเธอคือผู้สืบทอดทรัพย์สินของตระกูลเย่ จะทำให้คนเหล่านี้ต้องตื่นตระหนกอีกครั้งแน่นอน“เชิญทนายประกาศได้เลยครับ”คำพูดของเย่ถิงเซินแต่ละคำ ทั้งหนักแน่นและชัดเจนทนายความอู๋เปิดถุงเอกสารที่ปิดผนึกเอาไว้ท่ามกลางสายตาของทุกคน และนำพินัยกรรมที่อยู่ข้างในออกมา“ฉัน เย่ชิงเหอ ทรัพย์สินทั้งหมดที่อยู่ภายใต้ชื่อของฉัน จะถูกสืบทอดโดย......”ทนายความอู๋กำลังอ่านเนื้อหาของพินัยกรรม ทุกคนในศาลาไว้ทุกข์ต่างก็ตั้งใจฟัง และเมื่อถึงจุดนี้ สีหน้าของทุกค
“มันแน่นอนอยู่แล้ว”หยางซูจ้องมองไปที่ซูอิน เขาจะไม่บอกกับเธอ ว่าทนายคนนั้นได้อยู่ที่ไห่เฉิงเรียบร้อยแล้วทันทีที่คุณท่านกลับมาที่ไห่เฉิง ก็ได้ให้ทนายรีบมาที่นี่อย่างลับ ๆและการกระทำของซูอินในคืนนี้ ดูท่าแล้ว คุณท่านเองก็น่าจะมองสถานการณ์ออกตั้งแต่แรกแล้วเมื่อได้รับคำตอบที่แน่นอนจากหยางซู ซูอินก็ยิ่งมีความสุขมากกว่าเดิมเธอไม่กล้าที่จะลำพองตัวมากเกินไป เหมือนว่าเธอจะรู้สึกพอใจมาก จึงถอนหายใจออกมา “การที่สามารถทำตามความปรารถนาของคุณปู่ได้ ก็ถือเป็นสิ่งเดียวที่ฉันสามารถทำเพื่อคุณปู่ได้แล้วล่ะค่ะ”ซูอินลดสายตาลง ให้ดูเหมือนว่าเธอไม่มีความต้องการอะไรเลยจริง ๆแต่หยางซูกลับรู้จักธาตุแท้ของผู้หญิงคนนี้แล้วในที่สุดหยางซูก็ไม่สามารถอดทนต่อความเกลียดชังในใจได้ เขาจึงอ้างว่าตนรู้สึกเหนื่อย และต้องการพักผ่อน จึงขอให้ซูอินออกไปก่อนเมื่อกลับมาถึงห้อง ซูอินก็รีบวางแผนทุกอย่างที่เหลือทันทีเช้าวันถัดมา ทั้งวิลล่าก็เริ่มวุ่นวายตั้งแต่เช้าแล้วเมื่อวานได้มีการกำหนดให้เผาศพวันนี้ก่อนเริ่มการเผาศพ ก็ควรไปสักการะร่างของผู้เสียชีวิตเสียก่อนภายในโลงแก้วคุณท่านนอนอยู่ข้างใน ใบหน้าดูมีชีว