ซูหรานกลับรู้สึกว่านี่มันน่าขันสิ้นดี“นายรักอินอินของนาย ฉันก็ทำให้พวกนายได้สมปรารถนา พวกนายก็ได้ครองคู่กันตามที่ต้องการแล้วไม่ใช่รึไง? นอกจากนี้ฉันมีสามี ฉันแต่งงานไปแล้ว แล้วนายจะมาพูดเรื่องแต่งงานกับฉันทำบ้าอะไร?”ซูหรานเหลือบมองกล้องที่มีไฟสีแดงแสดงสถานะกะพริบ เธอก็เริ่มรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีลู่ซิวหนิงสังเกตเห็นการจ้องมองของเธอ ทันใดนั้นก็นึกถึงแผนการของตนขึ้นมา ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความพึงพอใจผสมกับความบ้าคลั่ง“ผ่านมาตั้งนานขนาดนี้แล้ว สรุปสามีของเธอคือใครกันแน่? ฉันยังหาโอกาสเจอไม่ได้สักที แต่ว่าก็ช่างมันเถอะ......”ลู่ซิวหนิงหัวเราะออกมาอย่างเย็นชา แล้วตบไปยังกล้องที่กำลังอัดอยู่เบา ๆ “เธอคิดว่า ถ้าเกิดเขาได้เห็นเรื่องอื้อฉาวนี้ของเธอเข้า เขาจะหย่ากับเธอไหม?”ซูหรานเข้าใจในสิ่งที่เขาหมายถึง“ลู่ซิวหนิง อย่าแม้แต่จะคิดนะ!”ซูหรานพยายามดิ้นรนที่จะลุกขึ้น ถ้าเป็นตอนปกติ ลู่ซิวหนิงคงไม่มีทางสัมผัสเธอได้แม้แต่ปลายเล็บ แต่เนื่องจากเวลานี้เธอถูกวางยา ร่างกายจึงค่อนข้างอ่อนแรง แม้แต่จะลุกขึ้นยืนยังไม่ไหวพอลู่ซิวหนิงเห็นว่าเธอเป็นแบบนี้แล้ว เขาจึงไม่ได้รีบร้อนขนาดนั้นสำหรับ
ลูกเตะนี้ ทำให้หน้าอกของลู่ซิวหนิงเจ็บปวดเป็นอย่างมาก จนแทบอาเจียนออกมาเป็นเลือด“ซูหราน เธอ......” แต่ถึงกระนั้น เขาก็ยังไม่ลืมที่จะโน้มน้าวซูหรานให้รับผิดแทนอยู่ดีแต่คราวนี้ ก่อนที่เขาจะทันได้พูดจบ ฉินฟั่งก็เหยียบหน้าอกของเขาเสียก่อน ใบหน้าของฉินฟั่งที่เดิมก็ดูโหดอยู่แล้ว บวกกับสีหน้าที่ดูมืดมนของเขาตอนนี้ก็ยิ่งน่ากลัวกว่าเดิมแค่การจ้องมองเพียงครั้งเดียว ลู่ซิวหนิงก็กลัวจนไม่กล้าพูดอะไรออกมาอีกสายตาของซูหรานจับจ้องไปทางกล้องตัวนั้นอยู่นานสองนาน ในที่สุดเธอก็ยื่นมือไปคว้ากล้องขึ้นมา เหมือนว่ามันเพิ่งจะบันทึกความรู้สึกอัปยศอดสูเมื่อกี้เอาไว้ได้ฉินฟังและจี้เยี่ยนโจวก็เพิ่งจะสังเกตเห็นการมีอยู่ของกล้องตัวนั้นด้วยความฉลาดของพวกเขาทั้งสอง แค่มองแววเดียวก็เข้าใจวัตถุประสงค์ของกล้องตัวนั้นได้ในทันทีรอจนซูหรานเดินออกจากห้องไป เมื่อเห็นว่าเธอเดินห่างไปไกลมากพอ ฉินฟั่งก็เริ่มรัวหมัดแรง ๆ ใส่หน้าลู่ซิวหนิงทันที ทันใดนั้น ลู่ซิวหนิงถูกทำร้ายอย่างหนักหน่วงจนดวงดาวปรากฏขึ้นในดวงตาของเขา แล้วบริเวณข้างหูของเขา ก็มีเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้น:“ลู่ซิวหนิง มึงนี่มันชิงหมาเกิดจริง ๆ !”แววตาข
ฟู่จิ้นหานลงจากรถชิวเฉิงกระแทกเข้ากับพวงมาลัย และในขณะที่เขาเพิ่งจะได้สติ ฟู่จิ้นหานก็ได้มาเคาะที่กระจกรถของเขาความรู้สึกผิดแวบขึ้นมาในดวงตาของชิวเฉิง เขาลดกระจกลง และฟู่จิ้นหานก็ยิ้มให้อย่างเย็นชา “ฉันก็คิวว่าเป็นใคร ที่แท้ก็เป็นนาย? สะกดรอยตามฉันทำไม?”“ผม......” ชิวเฉิงกำลังคิดหาข้ออ้าง ว่าเขาไม่ได้สะกดรอยตามเขาแต่ทันใดนั้น ก็มีเสียงรถยนต์คำรามขึ้นมา ในไม่ช้า รถตู้หลายคันก็เข้ามาล้อมทั้งสองคนเอาไว้ ผู้คนจำนวนนับไม่ถ้วนพร้อมอาวุธครบมือก็ทยอยลงมาจากรถนั่นต่างก็เป็นคนของชิวเฉิงชิวเฉิงรู้ดี ว่าด้วยความฉลาดของฟู่จิ้นหาน เขาน่าจะตั้งใจล่อเขาออกมาโดยที่เขาไม่ทันตั้งตัวตอนนี้ต่อให้เขาจะพยายามแก้ตัวเท่าไหร่ ฟู่จิ้นหานก็คงจะไม่เชื่อเขาอยู่ดีดังนั้น แทนที่จะอ้างเหตุผลเพื่อหลบหนี ไม่สู้จัดการฟู่จิ้นหานซะตั้งแต่วันนี้เลย ภารกิจเขาก็จะถือว่าสำเร็จไปด้วย“ทำไม?” ฟู่จิ้นหานเหลือบมองผู้คนรอบตัวเขา แววตาของเขาก็ยิ่งมืดมนมากขึ้นเรื่อย ๆชิวเฉิงเลิกคิ้วและยิ้มอย่างเฉยเมย “จิ้นหาน ฉันเองก็ได้รับความไว้วางใจมาจากคนอื่นเหมือนกัน ไม่อย่างนั้น นายคิดว่าด้วยมิตรภาพของเราสองคน แล้วฉันจะไม่ทำอ
ที่เธอจะสื่อก็คือ ห้ามไม่ให้เขารบกวนเธอ ทางที่ดีก็ควรจะออกไปซะฟู่จิ้นหานหยุดกะทันหัน มือของเขาสั่นเล็กน้อย และหัวใจของเขารู้สึกเหมือนมีบางอย่างกดทับเอาไว้ และเขาไม่สามารถระงับความเจ็บปวดนี้ได้เขาไม่อยากออกไป เขาอยากอยู่กับเธอ แต่เขาก็กลัวว่าการกระทำใด ๆ ก็ตามแต่ของเขาจะทำให้เธอหงุดหงิด“คุณนอนเถอะ ผมอยู่หน้าประตูนะ คุณนอนพักให้สบาย” ฟู่จิ้นหานหายใจเข้าลึก ๆ และมองไปทางซูหรานที่อยู่บนเตียงโดยไม่ละสายตาอยู่พักใหญ่หลังจากนั้นไม่นาน เขาถึงได้ค่อย ๆ ก้าวเบา ๆ ออกไปที่ประตูเขาไม่ได้เดินออกไป เขาแค่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวหนึ่งที่อยู่ใกล้ ๆ แทนซูหรานไม่ได้พูดอะไรอีกถ้าไม่อยากออกก็ไม่ต้องออกเธอต้องการที่จะนอนจริง ๆ!เธอไม่อยากปล่อยให้สมองโล่ง แล้วต้องกลับไปนึกถึงฉากที่น่ารำคาญพวกนั้นบางทีเธอก็อาจจะเหนื่อยเกินไปจริง ๆ หลังจากนั้นไม่นาน ซูหรานก็ผล็อยหลับไปพอได้ยินเสียงหายใจของซูหรานที่อยู่บนเตียงค่อย ๆ สงบลง ฟู่จิ้นหานก็ยังคงอยู่ในห้องนั้นต่ออีกเป็นเวลานาน จนกระทั่งฟ้าสว่าง เขาถึงได้เดินออกจากห้องไปทั้งที่ไม่ได้นอนมาทั้งคืน ฟู่จิ้นหานก็กลับไม่ได้รู้สึกง่วงเลยแม้แต่น้อยเขาเดิน
แม้กระทั่งจนถึงตอนนี้ ลู่ซิวหนิงก็ยังคงคิดว่าตัวเองอาจจะพอมีโชคอยู่บ้างแต่ความจริงก็คือ ไม่มีที่ว่างสำหรับโชคของเขาตั้งนานแล้วฟู่จิ้นหานหัวเราะเยาะออกมา ลู่ซิวหนิงที่ถูกคลุมศีรษะเอาไว้ กระทั่งสีหน้าของคุณชายสามฟู่เป็นยังไง เขาเองก็มองไม่เห็นด้วยซ้ำ แต่ความเงียบที่เกิดขึ้นหลังจากที่เสียงหัวเราสิ้นสุดลง กลับทำให้ความกลัวในใจของเขาพุ่งสูงขึ้นจนถึงขีดสุดทันใดนั้นเขาก็นึกขึ้นได้ ว่าในระบบสำนักกิจการพลเรือน เขาไม่สามารถตรวจสอบคู่สมรสของซูหรานได้ใครบ้างที่มีอำนาจมากพอที่จะสามารถสั่งให้สำนักกิจการพลเรือนซ่อนข้อมูลส่วนตัวได้?เกรงว่าจะมีเพียงคุณชายสามฟู่เท่านั้นที่ทำได้!เมื่อลู่ซิวหนิงนึกถึงสิ่งที่เขาทำกับซูหราน จู่ ๆ เขาก็รู้สึกเหมือนมีมีดห้อยอยู่บนหัวของเขา มีดเล่มนั้นอาจร่วงหล่นเมื่อใดก็ได้ หัวจะหลุดจากบ่าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้“อาสามครับ......ผมผิดไปแล้ว ผมผิดไปแล้วจริง ๆ ผมไม่ควรทำกับซู......”เดิมลู่ซิวหนิงกำลังจะเรียกชื่อซูหรานออกไปตรง ๆ แต่จู่ ๆ ก็ตระหนักถึงอะไรบางอย่างได้ เขาจึงรีบกลับคำทันที “อาสะใภ้สาม......ใช่ ผมไม่ควรมีความคิดเลว ๆ ต่ออาสะใภ้สามแบบนั้นเลย”ลู่ซิวหนิงเตือนเ
แรงตบนั้นถึงขั้นทำให้ซูอินทรุดตัวลง ไม่ใช่เพราะซุนฉินมือไวตาไว คว้าเอาไว้ได้ทัน ซูอินคงล้มลงไปกองอยู่กับพื้นไปแล้วซูอินคาดไม่ถึงเลยแม้แต่น้อยว่าคุณหญิงย่าลู่จะลงมือกับเธอ การตบครั้งนี้ทำให้เธอถึงกับตกตะลึงได้จริง ๆ“คุณหญิงย่าลู่คะ ทำไม่คุณถึงต้องลงไม้ลงมือด้วย......” ซุนฉินรู้สึกเป็นทุกข์อย่างมากเมื่อคุณหญิงย่าลู่นึกถึงข่าวที่ลู่ซิงฮวานำมาบอกในตอนเช้า คิดว่าเธอจะมัวมาสนใจว่าใครปวดใจไม่ปวดใจอยู่งั้นเหรอ?เมื่อเห็นว่าซูอินกำลังตกตะลึง เธอก็รีบก้าวไปข้างหน้าทันที และคว้าข้อมือของซูอินขึ้นมา “ซูอิน ลู่ซิวหนิงอยู่ที่ไหนกันแน่?”ใบหน้าของซูอินร้อนผ่าวด้วยความเจ็บปวดเธอเหวี่ยงมือของคุณหญิงย่าลู่ทิ้งด้วยความโกรธ “ฉันไม่รู้!”คำพูดที่เย็นชาสองสามคำ ก็ถือว่าเธอสุภาพกับคุณหญิงย่าลู่มากพอแล้วแต่ครู่ต่อมา คุณหญิงย่าลู่ก็จ้องมองเธออยู่นานเกือบนาที ภายใต้การจ้องมองนั้น กลับทำให้ซูอินรู้สึกชาที่หนังศีรษะ ทันใดนั้นคุณหญิงย่าลู่ก็คุกเข่าลงต่อหน้าซูอิน“......”ซูอิน หลินเยว่เว่ ซุนฉินต่างก็พยายามระงับความประหลาดใจเอาไว้ขณะที่ซุนฉินกำลังจะถาม คุณหญิงย่าลู่ก็ร้องห่มร้องไห้ออกมาว่า “ซูอิน
ซูหรานสลัดความคิดของเธอทิ้งไป หลังจากไปเข้าห้องน้ำเพื่อใส่ยาแล้ว เธอก็กลับรู้สึกรำคาญใจขณะที่กำลังจะเดินออกจากห้องเพื่อไปรับอากาศ ทันทีที่เปิดประตู ร่างสูงก็มาปรากฏตัวต่อหน้าเธอสามีตัวพ่อเหรอ?เขายังคงสวมเสื้อผ้าตัวเดียวกันกับเมื่อคืน ผมเผ้ายุ่งเหยิง ไม่รู้ว่าเป็เพราะเขาไม่ได้นอนมาทั้งคืนรึเปล่า หนวดของเขาถึงได้ยาวขนาดนี้ตอนแรกซูหรานคิดว่าเธออาจจะตาฝาดไปจนกระทั่งเสียงของเขาดังขึ้น “ซูหราน คุณตื่นแล้วเหรอ? เมื่อคืนผมเห็นคนใส่ยาที่ปาก ให้ผมพาคุณไปให้โรงพยาบาลตรวจให้เถอะนะ”ฟู่จิ้นหานพูดอย่างระมัดระวังสายตาที่เขามองซูหราน เต็มไปด้วยความกระตือรือร้น ราวกับลูกสุนัขที่กำลังคาดหวังคำตอบจากเจ้าของซูหรานกระตุกมุมปาก แต่ก็ไม่อยากพูดอะไรทุกการเคลื่อนไหวของปาก ก็จะทำให้มีอาการปวดบริเวณแผลซูหรานยกมือขึ้น และส่งสัญญาณให้สามีตัวพ่อหลีกทางฟู่จิ้นหานก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว และเคลื่อนตัวออกไปให้พ้นทาง ซูหรานเดินผ่านเขาไป เขาเดินตามเธอไปทันที ตลอดทั้งเช้า แทบจะทุกที่ที่ซูหรานเดินไป ฟู่จิ้นหานก็จะเดินตามไปตลอดในขณะเดียวกัน ซูหรานก็หยิบการ์ดหน่วยความจำของกล้องออกมา แล้วทำลายมันทิ้ง พร้อ
สีหน้าของคุณหญิงย่าลู่ดูน่าเกลียดมากครึ่งชั่วโมงต่อมา ลู่ซิวหนิงก็ได้ถูกจับอาบน้ำและแต่งตัวให้ใหม่แล้ว แต่คนกลับยังคงหมดสติอยู่ภายในห้องนั่งเล่นขนาดใหญ่ของตระกูลลู่ใบหน้าของทุกคนต่างก็ดูน่าเกลียดพ่อบ้านรีบเดินออกมาจากห้องของลู่ซิวหนิงที่อยู่บนชั้นสอง แล้วเดินตรงไปหาคุณหญิงย่าลู่ หลังจากเหลือบมองคุณหญิงย่าลู่ เขาก็ลำบากใจที่จะพูดออกมา“ซิวหนิงเป็นยังไงบ้างแล้ว?” คุณหญิงย่าลู่ถามเมื่อกี้เธอแค่มองดูคร่าว ๆ คุณหญิงย่าลู่คิดว่าลู่ซิวหนิงคงแค่ถูกจับเปลื้องผ้าออกเท่านั้นแต่แววตาของพ่อบ้านยังคงสั่นไหว“พูดมาสิ!” คุณหญิงย่าลู่เร่งเร้าพ่อบ้านก้มศีรษะลง และรายงานสิ่งที่เพิ่งเห็นตามความเป็นจริง “บาดแผลบนร่างกายของนายน้อย มีรอยฟกช้ำเต็มไปหมด ให้เรียกหมอมา......”“แค่อาการบาดเจ็บเล็กน้อย ไม่ต้องลำบากขนาดนั้นหรอก” คุณหญิงย่าลู่ไม่ได้รู้สึกกังวลมากขนาดนั้นแต่สิ่งที่พ่อบ้านกำลังพูดต่อ กลับทำให้ใบหน้าของเธอซีดลง“มีจุดหนึ่งบนร่างกายของคุณชายที่ถูกฉีกขาดครับ ราวกับว่ามันถูกฝืนให้ง้างออกด้วย......”พ่อบ้านยังไม่ทันได้พูดจบด้วยซ้ำ ทุกคนที่อยู่ตรงนั้นก็ดูเหมือนจะเข้าใจได้ในทันทีฉีกขาด