การเคลื่อนไหวของเย่ถิงเซินหยุดชะงักฟู่จิ้นหานเลิกคิ้วพร้อมกับเผยรอยยิ้ม เหลือบมองไปทางเย่ถิงเซินด้วยสายตาแห่งชัยชนะ จากนั้นจึงขับรถจากไป“คุณชายใหญ่เย่ครับ......” คนขับรถตระกูลเย่เปิดประตูรถเย่ถิงเซินก็ได้สติ หลังจากที่ขึ้นรถแล้ว คำพูดของฟู่จิ้นหานกลับยังคงวนเวียนอยู่ในใจของเขาคนที่สำคัญที่สุดงั้นเหรอ?ฟู่จิ้นหานถึงขั้นยกให้ซูหรานเป็นคนที่สำคัญที่สุด!หากเป็นคืนนั้นในเมื่อก่อน เขาคงจะโกรธ โกรธที่ฟู่จิ้นหานไม่รักษาสัญญาที่ให้ไว้กับอาเหยียน แต่ในเวลานี้เขาเข้าใจทุกสิ่งได้อย่างชัดเจน ในใจตัวเองยิ่งรู้สึกถึงวิกฤติมากขึ้นกว่าเดิมเขาไม่อยากให้ซูหรานและฟู่จิ้นหานคบกันเมื่อเขามาถึงบริษัท สิ่งแรกที่เย่ถิงเซินทำก็คือให้คนส่งข้อมูลเกี่ยวกับ “วังม่านหลิน” มาให้เขาและทางฝั่งของตึกฟู่ซือกรุ๊ปฟู่จิ้นหานเองก็กำลังดูข้อมูลของ “วังม่านหลิน” ด้วยเช่นกันตระกูลวังเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์ประจำท้องถิ่นของไห่เฉิง การเติบโตในช่วงไม่กี่มีที่ผ่านมาค่อนข้างไปได้สวยวังม่านหลิน ลูกสาวคนเดียวของตระกูลวัง เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นตอนมัธยมปลายของซูหรานทั้งคืนนั้นที่บาร์และครั้งล่าสุดที่พิพิธภัณฑ์ ว
เย่ซือเหยียนจงใจทำให้คำพูดของเธอฟังดูคลุมเครือซูหรานที่เพิ่งรับโทรศัพท์มา สีหน้าก็ดูไม่เป็นธรรมชาตินิดหน่อยเย่ถิงเซินที่อยู่ปลายสายเองก็ดูไม่เป็นธรรมชาติพอ ๆ กัน เขาอยากที่จะอธิบาย แต่จู่ ๆ เขาก็นึกอะไรออก จากนั้นก็ล้มเลิกความคิดที่จะอธิบายไปทันที“คุณตื่นแล้วเหรอ ผมจะให้ผู้ช่วยไปรับคุณนะ” เย่ถิงเซินไม่ค่อยว่างใจเท่าไหร่ที่จะให้ซูหรานอยู่ที่วิลล่าตระกูลเย่ต่อแม้ว่าจะมีหลักฐานอยู่ในมือแล้ว แต่ก็ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเย่ซือเหยียนจะเคยทำอะไรซูหรานแต่เขาก็ยังคงไม่ไว้ใจเย่ซือเหยียนอยู่ดีทันทีที่เย่ถิงเซินพูดจบ เขาก็วางสายทันทีซูหรานจ้องมองโทรศัพท์อยู่นานท่าทางของเย่ซือเหยียนเองก็ดูอยากรู้อยากเห็น “หรานหราน พี่พูดว่าอะไรเหรอ?”“เขาบอกว่าจะให้ผู้ช่วยมารับฉัน......”ซูหรานคิดในใจ พี่ชายเย่คงจะมีเรื่องที่ต้องการคุยกับเธอ เพราะงั้นเธอจึงไม่ได้คิดอะไรมากแต่ในใจเย่ซือเหยียนก็รู้ดี ว่าเย่ถิงเซินกำลังปกป้องเธออยู่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เธอต้องการให้ซูหรานรู้ เมื่อกี้เธอก็ได้พูดไปหมดแล้วเมื่อนึกถึงฟู่จิ้นหาน สีหน้าที่ดูซับซ้อนของเย่ซือเหยียนก็เหลือบมองไปทางซูหราน “เธอเคยเจอกับคุณช
ทันทีที่ถามออกไปแบบนั้น ร่างกายของวังม่านหลินก็แข็งทื่อทันที“เรื่องอะไรที่ไม่เกี่ยวกับเธอ?” ซูหรานถามออกไปอีกครั้งดวงตาของวังม่านหลินเป็นประกาย จากนั้นก็เปลี่ยนความตื่นตระหนกทันที “ฉันพูดอะไร? ฉันไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น!”“วันนั้นบนเรือสำราญ ฉันจำได้ว่าเธอเองก็อยู่ด้วย!” ซูหรานพูดอย่างใจเย็น “จะบอกว่าเธอกับจี้หลิน ไม่เคยติดต่อกันเลยงั้นเหรอ?”ราวกับว่าเธอถูกจับได้คาหนังคาเขา วังม่านหลินไม่รู้เลยจริง ๆ ว่าจะมีพลังที่ไหนที่พอจะช่วยดึงซูหรานออกไปได้บ้าง“ติดต่ออะไร? ถึงแม้ว่าฉันจะอยู่ด้วย แต่ว่าฉันกับคุณชายจี้อะไรนั่นก็ไม่เคยไปมาหาสู่กันมาก่อน!”“งั้นเหรอ?”ซูหรานไม่เชื่อการตอบสนองที่รุนแรงขนาดนี้ เห็นได้ชัดเจนว่ากำลังรู้สึกผิดอยู่แต่ถ้าต้องการที่จะเค้นถามอะไรจากปากของเธอ เกรงว่าคงจะเสียแรงเปล่าซูหรานเลิกคิ้วเล็กน้อย “ได้ ในเมื่อเธอบอกว่าไม่เคยไปมาหาสู่กัน งั้นฉันจะเชื่อก็ได้ ลาก่อนนะ!”ซูหรานโบกมือให้เธอ พร้อมกับรอยยิ้ม แล้วเดินจากไปวังม่านหลินยังคงตกตะลึงอยู่เดิมเธอคิดว่าซูหรานน่าจะเค้นถามคำถามจากเธอมากกว่านี้ แต่นี่เธอกลับเดินจากไปเฉย ๆเมื่อเธอนึกอะไรออก วังม่านหลิน
แต่หลังจากที่เขามองหารอบ ๆ แล้ว ก็ยังมองไม่เห็นซูหรานอยู่ดี“ฟู่จิ้นหาน!”เย่ถิงเซินกัดฟันด้วยความโกรธพร้อมกับคำสาปแช่ง เขาพยายามโทรกลับหาฟู่จิ้นหาน แต่ก็ไม่มีใครรับสายและฟู่จิ้นหานที่ตอนนี้ได้ขับรถพาซูหรานไป ก็มุ่งหน้าไปยังเจินหลิงย่วนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจเสียงเรียกเข้าที่ดังขึ้นไม่หยุด ซูหรานก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นมา “ไม่รับสายหน่อยเหรอ?”ฟู่จิ้นหานไม่จำเป็นต้องดูก็รู้ว่าใครโทรมา“คนที่ไม่สำคัญ กับเรื่องที่ไม่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องสนใจ”ฟู่จิ้นหานไม่แม้แต่จะดูโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ เขาแค่ลดเสียงโทรศัพท์ให้ต่ำลง แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายโทรเข้ามาตามที่ต้องการหลังจากกลับไปที่เจินหลินย่วน และรอจนกระทั่งซูหรานหลับไปแล้ว ฟู่จิ้นหานถึงได้ออกไปข้างนอกอีกครั้งภายในโรงพยาบาลกระดูกขาของวังม่านหลินทั้งสองข้างหัก และเธอก็ได้รับการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว เพิ่งจะถูกพาตัวเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยได้ไม่นาน เธอก็ถูกคนพาตัวออกมาฤทธ์ยาชาเพิ่งจะหมดลงวังม่านหลินลืมตาขึ้น รอบข้างเต็มไปด้วยความมืดมิดความเจ็บปวดที่เท้าของเธอทำให้เธอต้องกรีดร้องออกมาโดยไม่รู้ตัวทันทีที่เธอส่งเสียงออกมา ก็มีเส
วังม่านหลินแทบไม่อยากเชื่อ แต่ในเวลานี้ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อสามีของซูหรานคือคุณชายสามฟู่จริง ๆ เรื่องที่ตัวเองได้ทำลงไปบนเรือสำราญ......ดวงตาของวังม่านหลินเป็นประกายด้วยความรู้สึกผิด “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”แต่คำพูดที่เธอพ่นออกมา ไม่ใช่แค่ไม่มีความมั้นใจเท่านั้น แต่ยังเผยพิรุธออกมาได้อย่างชัดเจนอีกด้วยฟู่จิ้นหานเหลือบมองไปทางฉินฟั่ง ฉินฟั่งก็กดโทรออกทันที แล้วเขาก็พูดขึ้นว่า “ต่อไป” อย่างเย็นชาออกมา ไม่กี่นาทีต่อมา บนหน้าจอก็มีเส้นแทบโผล่ขึ้นมาเป็นแม่ของวังม่านหลินที่โทรมา“จบแล้ว จบเห่แล้ว บ้านของเราไม่เหลืออะไรแล้ว”“พ่อของแกทนรับไม่ได้ หัวใจวายกะทันหัน ตอนนี้ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลแล้ว ม่านหลิน แกได้ทำลายตระกูลวังไปแล้ว”น้ำเสียงเต็มไปด้วยคำพูดกล่าวหาวังม่านหลินตกตะลึง ใบหน้าของเธอซีดเผือดความดื้อรั้นปากแข็งที่มีเมื่อกี้ ในเวลานี้มันได้ทลายลงหมดแล้วทันใดนั้นเธอก็มองไปยังชายที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยความตื่นตระหนก“คะ......คุณชายสามฟู่ ฉันพูด ฉันพูดแล้ว ฉันเห็นคุณชายจี้ดื่มเหล้าอยู่ที่นั่นคนเดียวอย่างหดหู่ ทั้งที่เขามาฉลองกับซูหราน เพราะงั้นฉันจึงตั้งใจเดินตรงไปพูดยุยง
จนกระทั่งเธอและสามีตัวพ่อเข้ามานั่นในร้อนอาหารแล้ว ความรู้สึกแปลก ๆ ในใจของซูหรานเมื่อกี้ก็ยังไม่หายไปซูหรานจ้องมองเขาอยู่นาน และทันใดนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า “นี่คุณตั้งใจพาฉันออกมางั้นเหรอ?”ขนตายาว ๆ ของฟู่จิ้นหานสั่นไหวเขาตั้งใจ เขากลัวว่าวังม่านหลินจะพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา เพราะงั้นเขาถึงได้รีบมาแต่เขาไม่สามารถให้เธอรู้ว่าเขาตั้งใจได้“ตั้งใจอะไรเหรอ?” น้อยมากที่ฟู่จิ้นหานจะแกล้งโง่สักครั้ง แทบไม่ได้เหลือบมองซูหรานเลยด้วยซ้ำ แต่กลับตั้งใจหั่นสเต็กตรงหน้าอย่างจริงจัง “แล้วอีกอย่าง ทำไมผมต้องตั้งใจทำอะไรแบบนั้นด้วย?”นี่แหละคือสิ่งที่ซูหรานไม่สามารถเข้าใจได้พอนึกถึงคำพูดที่วังม่านหลินเพิ่งพูดเมื่อกี้ ซูหรานก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำ“วังม่านหลินไม่รู้ว่าไปโดนตัวไหนมา ถึงได้มาขอให้ฉันช่วยขอร้องคุณชายสามฟู่ให้ละเว้นตระกูลวัง คุณชายสามฟู่จัดการกับตระกูลวัง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันกัน คิดว่าคำพูดของฉันมันมีน้ำหนักมากขนาดนั้นเลยรึไง”ซูหรานเล่าเรื่องนี้ให้สามีตัวพ่อของเธอฟังราวกับเป็นเรื่องตลกความรู้สึกผิดก็แวบขึ้นมาในดวงตาของฟู่จิ้นหานภาพลักษณ์ของเขาในใจซูหรานไม่เคยดีขึ้นเลย
รูปถ่ายของเย่ซิงหลาน......ซุนฉินรีบวิ่งออกจากห้องของซูอิน หลังจากนั้นไม่กี่นาที เธอก็เดินกลับเข้ามา“หาเจอไหมคะ?” ซูอินแทบรอไม่ไหวที่จะถามออกไปสีหน้าซุนฉินดูเคร่งขรึม “ไม่มี หลังจากที่เย่ซิงหลานเสียชีวิตในปีนั้น แม่ก็หาข้ออ้างให้พ่อของแกเผารูปพวกนั้นทิ้งไป เดิมแม่คิดว่าพ่อแกน่าจะแอบเก็บเอาไว้สักรูปสองรูป แต่เมื่อกี้แม่ก็ไปดูมาแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่เหลือเลยสักใบ”ดวงตาของซูอินมืดลงเล็กน้อยถ้าแค่ซูหรานมีดวงตาที่คล้ายกับลูกสาวของคุณท่านเย่เท่านั้น เช่นนั้นก็ดีไป แต่ถ้าหากลูกสาวของคุณท่านเย่คือเย่ซิงหลานจริง ๆ เช่นนั้นซูหรานก็ถือว่าเป็นสายเลือดที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของตระกูลเย่ เมื่อถึงตอนนั้น......ผลลัพธ์แบบนี้ ซูอินไม่อยากที่จะคิดเลยจริง ๆเธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ซูอินกัดฟันอย่างไม่เต็มใจทันใดนั้น ซุนฉินก็ดูเหมือนจะนึกอะไรออก แววตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที“มีคนคนหนึ่ง......มีคนคนหนึ่งที่น่าจะรู้ว่าเย่ซิงหลานคือคนของตระกูลเย่จริง ๆ รึเปล่า”“ใครคะ?”“ฉินอวี่เหลียน!”แม้ว่าซุนฉินจะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉินอวี่เหลียนและเย่ซิงหลานเป็นอย่างไร แต่เธอก็เคยได้ยินซูจี้ไห
หลังจากที่ฝูงชนแยกย้ายกันไป เขาถึงได้เห็นใบหน้าด้านข้างของซูหรานเดิมทีเขาก็กะว่าจะรีบไปหาเธอในตอนเที่ยง แต่ก็กลับคิดไม่ถึง ว่าเธอจะมาถึงที่นี่ได้เธอสวมชุดเดรสสีม่วงอ่อน ผมยาวปกคลุมไหล่ มือทั้งสองข้างประสานกันไว้ที่หน้าอก ราวกับว่าเธอเพิ่งจะได้รับชัยชนะจากการต่อสู้มา แววตาที่มองลู่ซิวหนิงเต็มไปด้วยความรู้สึกเหยียดหยาม จู่ ๆ เธอก็หมุดตัว......รอยยิ้มบนใบหน้าของฟู่จิ้นหานแข็งทื่อ เขาแทบจะหันหลังกลับโดยไม่รู้ตัวหลังจากแน่ใจแล้วว่าซูหรานไม่เห็นเขา ฟู่จิ้นหานก็สั่งฉินฟั่ง “ให้คนเชิญคุณผู้หญิงขึ้นตึก”หลังพูดจบ ฟู่จิ้นหานก็หมุนตัวแล้วเดินขึ้นลิฟต์ไปก่อนลู่ซิวหนิงที่กำลังจะระเบิดเพราะความโกรธ พอเห็นว่าซูหรานกำลังจะจากไป เขาก็ไล่ตามเธอไปอย่างไม่พอใจ“ซูหราน เธอ......”“คุณซูครับ คุณชายสามเชิญให้คุณขึ้นไปครับ”ในขณะที่ลู่ซิวหนิงกำลังจะตะโกน ก็มีใครบางคนเดินเข้าไปหาซูหรานลู่ซิวหนิงต้องยอมรับว่า คนผู้นี้คือผู้บริหารระดับสูงของฟู่ซือกรุ๊ปแต่นี่เขาถึงขั้นลงมารับซูหรานด้วยตัวเองเลยอย่างงั้นน่ะเหรอ?ลู่ซิวหนิงเหลือบมองซูหราน โดยที่เขาไม่กล้าทำอะไรอีก......นี่เป็นครั้งที่สองที่เธ