แต่หลังจากที่เขามองหารอบ ๆ แล้ว ก็ยังมองไม่เห็นซูหรานอยู่ดี“ฟู่จิ้นหาน!”เย่ถิงเซินกัดฟันด้วยความโกรธพร้อมกับคำสาปแช่ง เขาพยายามโทรกลับหาฟู่จิ้นหาน แต่ก็ไม่มีใครรับสายและฟู่จิ้นหานที่ตอนนี้ได้ขับรถพาซูหรานไป ก็มุ่งหน้าไปยังเจินหลิงย่วนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความพึงพอใจเสียงเรียกเข้าที่ดังขึ้นไม่หยุด ซูหรานก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้นมา “ไม่รับสายหน่อยเหรอ?”ฟู่จิ้นหานไม่จำเป็นต้องดูก็รู้ว่าใครโทรมา“คนที่ไม่สำคัญ กับเรื่องที่ไม่สำคัญ ไม่จำเป็นต้องสนใจ”ฟู่จิ้นหานไม่แม้แต่จะดูโทรศัพท์เลยด้วยซ้ำ เขาแค่ลดเสียงโทรศัพท์ให้ต่ำลง แล้วปล่อยให้อีกฝ่ายโทรเข้ามาตามที่ต้องการหลังจากกลับไปที่เจินหลินย่วน และรอจนกระทั่งซูหรานหลับไปแล้ว ฟู่จิ้นหานถึงได้ออกไปข้างนอกอีกครั้งภายในโรงพยาบาลกระดูกขาของวังม่านหลินทั้งสองข้างหัก และเธอก็ได้รับการผ่าตัดเรียบร้อยแล้ว เพิ่งจะถูกพาตัวเข้าไปในห้องพักผู้ป่วยได้ไม่นาน เธอก็ถูกคนพาตัวออกมาฤทธ์ยาชาเพิ่งจะหมดลงวังม่านหลินลืมตาขึ้น รอบข้างเต็มไปด้วยความมืดมิดความเจ็บปวดที่เท้าของเธอทำให้เธอต้องกรีดร้องออกมาโดยไม่รู้ตัวทันทีที่เธอส่งเสียงออกมา ก็มีเส
วังม่านหลินแทบไม่อยากเชื่อ แต่ในเวลานี้ไม่อยากเชื่อก็ต้องเชื่อสามีของซูหรานคือคุณชายสามฟู่จริง ๆ เรื่องที่ตัวเองได้ทำลงไปบนเรือสำราญ......ดวงตาของวังม่านหลินเป็นประกายด้วยความรู้สึกผิด “ฉันไม่ได้ทำอะไรเลยนะ”แต่คำพูดที่เธอพ่นออกมา ไม่ใช่แค่ไม่มีความมั้นใจเท่านั้น แต่ยังเผยพิรุธออกมาได้อย่างชัดเจนอีกด้วยฟู่จิ้นหานเหลือบมองไปทางฉินฟั่ง ฉินฟั่งก็กดโทรออกทันที แล้วเขาก็พูดขึ้นว่า “ต่อไป” อย่างเย็นชาออกมา ไม่กี่นาทีต่อมา บนหน้าจอก็มีเส้นแทบโผล่ขึ้นมาเป็นแม่ของวังม่านหลินที่โทรมา“จบแล้ว จบเห่แล้ว บ้านของเราไม่เหลืออะไรแล้ว”“พ่อของแกทนรับไม่ได้ หัวใจวายกะทันหัน ตอนนี้ถูกส่งตัวไปที่โรงพยาบาลแล้ว ม่านหลิน แกได้ทำลายตระกูลวังไปแล้ว”น้ำเสียงเต็มไปด้วยคำพูดกล่าวหาวังม่านหลินตกตะลึง ใบหน้าของเธอซีดเผือดความดื้อรั้นปากแข็งที่มีเมื่อกี้ ในเวลานี้มันได้ทลายลงหมดแล้วทันใดนั้นเธอก็มองไปยังชายที่นั่งอยู่บนโซฟาด้วยความตื่นตระหนก“คะ......คุณชายสามฟู่ ฉันพูด ฉันพูดแล้ว ฉันเห็นคุณชายจี้ดื่มเหล้าอยู่ที่นั่นคนเดียวอย่างหดหู่ ทั้งที่เขามาฉลองกับซูหราน เพราะงั้นฉันจึงตั้งใจเดินตรงไปพูดยุยง
จนกระทั่งเธอและสามีตัวพ่อเข้ามานั่นในร้อนอาหารแล้ว ความรู้สึกแปลก ๆ ในใจของซูหรานเมื่อกี้ก็ยังไม่หายไปซูหรานจ้องมองเขาอยู่นาน และทันใดนั้นเธอก็พูดขึ้นว่า “นี่คุณตั้งใจพาฉันออกมางั้นเหรอ?”ขนตายาว ๆ ของฟู่จิ้นหานสั่นไหวเขาตั้งใจ เขากลัวว่าวังม่านหลินจะพูดในสิ่งที่ไม่ควรพูดออกมา เพราะงั้นเขาถึงได้รีบมาแต่เขาไม่สามารถให้เธอรู้ว่าเขาตั้งใจได้“ตั้งใจอะไรเหรอ?” น้อยมากที่ฟู่จิ้นหานจะแกล้งโง่สักครั้ง แทบไม่ได้เหลือบมองซูหรานเลยด้วยซ้ำ แต่กลับตั้งใจหั่นสเต็กตรงหน้าอย่างจริงจัง “แล้วอีกอย่าง ทำไมผมต้องตั้งใจทำอะไรแบบนั้นด้วย?”นี่แหละคือสิ่งที่ซูหรานไม่สามารถเข้าใจได้พอนึกถึงคำพูดที่วังม่านหลินเพิ่งพูดเมื่อกี้ ซูหรานก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกขำ“วังม่านหลินไม่รู้ว่าไปโดนตัวไหนมา ถึงได้มาขอให้ฉันช่วยขอร้องคุณชายสามฟู่ให้ละเว้นตระกูลวัง คุณชายสามฟู่จัดการกับตระกูลวัง แล้วมันเกี่ยวอะไรกับฉันกัน คิดว่าคำพูดของฉันมันมีน้ำหนักมากขนาดนั้นเลยรึไง”ซูหรานเล่าเรื่องนี้ให้สามีตัวพ่อของเธอฟังราวกับเป็นเรื่องตลกความรู้สึกผิดก็แวบขึ้นมาในดวงตาของฟู่จิ้นหานภาพลักษณ์ของเขาในใจซูหรานไม่เคยดีขึ้นเลย
รูปถ่ายของเย่ซิงหลาน......ซุนฉินรีบวิ่งออกจากห้องของซูอิน หลังจากนั้นไม่กี่นาที เธอก็เดินกลับเข้ามา“หาเจอไหมคะ?” ซูอินแทบรอไม่ไหวที่จะถามออกไปสีหน้าซุนฉินดูเคร่งขรึม “ไม่มี หลังจากที่เย่ซิงหลานเสียชีวิตในปีนั้น แม่ก็หาข้ออ้างให้พ่อของแกเผารูปพวกนั้นทิ้งไป เดิมแม่คิดว่าพ่อแกน่าจะแอบเก็บเอาไว้สักรูปสองรูป แต่เมื่อกี้แม่ก็ไปดูมาแล้ว คิดไม่ถึงเลยว่าจะไม่เหลือเลยสักใบ”ดวงตาของซูอินมืดลงเล็กน้อยถ้าแค่ซูหรานมีดวงตาที่คล้ายกับลูกสาวของคุณท่านเย่เท่านั้น เช่นนั้นก็ดีไป แต่ถ้าหากลูกสาวของคุณท่านเย่คือเย่ซิงหลานจริง ๆ เช่นนั้นซูหรานก็ถือว่าเป็นสายเลือดที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวของตระกูลเย่ เมื่อถึงตอนนั้น......ผลลัพธ์แบบนี้ ซูอินไม่อยากที่จะคิดเลยจริง ๆเธอสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ซูอินกัดฟันอย่างไม่เต็มใจทันใดนั้น ซุนฉินก็ดูเหมือนจะนึกอะไรออก แววตาก็เป็นประกายขึ้นมาทันที“มีคนคนหนึ่ง......มีคนคนหนึ่งที่น่าจะรู้ว่าเย่ซิงหลานคือคนของตระกูลเย่จริง ๆ รึเปล่า”“ใครคะ?”“ฉินอวี่เหลียน!”แม้ว่าซุนฉินจะไม่รู้ว่าความสัมพันธ์ระหว่างฉินอวี่เหลียนและเย่ซิงหลานเป็นอย่างไร แต่เธอก็เคยได้ยินซูจี้ไห
หลังจากที่ฝูงชนแยกย้ายกันไป เขาถึงได้เห็นใบหน้าด้านข้างของซูหรานเดิมทีเขาก็กะว่าจะรีบไปหาเธอในตอนเที่ยง แต่ก็กลับคิดไม่ถึง ว่าเธอจะมาถึงที่นี่ได้เธอสวมชุดเดรสสีม่วงอ่อน ผมยาวปกคลุมไหล่ มือทั้งสองข้างประสานกันไว้ที่หน้าอก ราวกับว่าเธอเพิ่งจะได้รับชัยชนะจากการต่อสู้มา แววตาที่มองลู่ซิวหนิงเต็มไปด้วยความรู้สึกเหยียดหยาม จู่ ๆ เธอก็หมุดตัว......รอยยิ้มบนใบหน้าของฟู่จิ้นหานแข็งทื่อ เขาแทบจะหันหลังกลับโดยไม่รู้ตัวหลังจากแน่ใจแล้วว่าซูหรานไม่เห็นเขา ฟู่จิ้นหานก็สั่งฉินฟั่ง “ให้คนเชิญคุณผู้หญิงขึ้นตึก”หลังพูดจบ ฟู่จิ้นหานก็หมุนตัวแล้วเดินขึ้นลิฟต์ไปก่อนลู่ซิวหนิงที่กำลังจะระเบิดเพราะความโกรธ พอเห็นว่าซูหรานกำลังจะจากไป เขาก็ไล่ตามเธอไปอย่างไม่พอใจ“ซูหราน เธอ......”“คุณซูครับ คุณชายสามเชิญให้คุณขึ้นไปครับ”ในขณะที่ลู่ซิวหนิงกำลังจะตะโกน ก็มีใครบางคนเดินเข้าไปหาซูหรานลู่ซิวหนิงต้องยอมรับว่า คนผู้นี้คือผู้บริหารระดับสูงของฟู่ซือกรุ๊ปแต่นี่เขาถึงขั้นลงมารับซูหรานด้วยตัวเองเลยอย่างงั้นน่ะเหรอ?ลู่ซิวหนิงเหลือบมองซูหราน โดยที่เขาไม่กล้าทำอะไรอีก......นี่เป็นครั้งที่สองที่เธ
“หายใจเข้า!” ฟู่จิ้นหานเตือนด้วยความหวังดีในน้ำเสียงของเขามาพร้อมกับความรู้สึกตลกขบขันซูหรานหายใจเข้ายาว ๆ แต่เมื่อเธอรู้ว่าตัวเองเพิ่งจะถูกจับได้ ใบหน้าของซูหรานก็แดงขึ้นทันทีซูหรานผลักสามีตัวพ่อออกไปอย่างดุเดือด พร้อมกับเบี่ยงสายตาไปทางอื่น เธออยากทำเป็นไม่สนใจ แต่เห็นได้ชัดว่าฟู่จิ้นหานก็เอาแต่จ้องมองการกระทำของเธอไม่หยุด แถมยังหัวเราะออกมาอีกเขาก็แค่หัวเราะออกมาเท่านั้น กลับถูกซูหรานมองกลับมาด้วยสายตาที่ดุร้ายแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูดอะไรสักคำ แต่แววตาของเธอก็เต็มไปด้วยคำเตือน ราวกับเธอกำลังพูดว่า: หัวเราะอีกสิ หัวเราะออกมาเลย ฉันจะทำให้หน้าของคุณไม่เหลือเค้าเดิมเลยล่ะ!“ได้ ๆ ๆ ผมไม่เห็นอะไรทั้งนั้น” ฟู่จิ้นหานพูดราวกับว่าเขายอมจำนนต่อเธอ“......” ซูหรานรู้สึกไม่พอใจอะไรที่บอกว่าไม่เห็นอะไรทั้งนั้น?นี่เขาเห็นอะไรกันแน่เนี่ย? !ขณะที่เธอกำลังจะโจมตีอีกครั้ง ฟู่จิ้นหานก็กลับกุมมือเธอเอาไว้ก่อนความอบอุ่นจากฝ่ามือใหญ่ ทำให้ซูหรานสะดุ้งเล็กน้อย จากนั้นฟู่จิ้นหานก็มองดูเธออย่างจริงจัง “ที่ที่พวกเราจะไปอาจจะไกลสักหน่อย เพราะงั้น คุณจะหลับสักตื่นก่อนก็ได้นะ”ซูหราน “......”
ฟู่จิ้นหานจ้องมองใบหน้าที่กำลังหลับใหลของซูหราน พร้อมกับเผยรอยยิ้มเอ็นดูออกมาเขากังวลว่าเมื่อเธอตื่นขึ้นมาแล้วจะปฏิเสธ ดังนั้นเขาจึงหยิบแหวนออกมา แล้วรีบสวมให้เธอทันทีในขณะที่เธอหลับในตอนที่ซูหรานตื่นขึ้นมา ดวงอาทิตย์ก็เพิ่งจะขึ้นพ้นขอบฟ้าทันทีที่เธอลืมตา เธอก็ตกตะลึงกับทิวทัศน์ที่อยู่ตรงหน้าทันทีเหมือนเวลากำลังหยุดนิ่ง หลังจากนั้นไม่นาน ซูหรานก็มองไปที่สามีตัวพ่อของเธอที่อยู่ข้าง ๆ ท่ามกลางแสงรำไร มุมด้านข้างของเขาดูหล่อเหลา ราวกับกำลังถูกทิวทัศน์ที่สวยงามกลืนเข้าไปจนกลายเป็นภาพเดียวกันหัวใจของซูหรานเต้นแรงราวกับว่าเธอกลัวว่าสามีตัวพ่อของเธอจะสังเกตเห็นว่าเธอแอบมองเขาอยู่ ซูหรานหันหน้าหนีด้วยความรู้สึกผิด แต่ถึงอย่างนั้น หัวใจของเธอก็กลับยังคงเต้นแรงไม่หยุดทันใดนั้นเธอก็ดูเหมือนจะสัมผัสโดนอะไรบางอย่าง เธอชะงักไม่ครู่หนึ่ง แล้วจึงก้มศีรษะลงเมื่อเธอเห็นแหวนที่อยู่บนนิ้วนาง ซูหรานก็จำมันได้ในทันที“เอ่อ......” ดวงตาของซูหรานเบิกกว้างด้วยความประหลาดใจเธอตรวจสอบแหวนซ้ำแล้วซ้ำอีก เพื่อให้แน่ใจว่านี่คือแหวนที่เธอเคยออกแบบสำหรับใช้ในการแข่งขันจริง ๆ แต่ว่าแหวนคู่นั้นได้ถูกค
ด้านในรถหรู เย่ซือเหยียนโบกมือให้เธอ “หรานหราน ขึ้นมาเร็ว”ซูหรานตอบสนองต่อความกระตือรือร้นของเธอด้วยรอยยิ้ม หลังจากขึ้นรถแล้ว เย่ซือเหยียนก็เห็นแหวนที่อยู่บนมือของเธอมองแค่แวบเดียว เย่ซือเหยียนก็เบี่ยงสายตาไปทางอื่น โดยที่ไม่รู้สึกอยากที่จะหาคำตอบอะไรเพิ่มเติมอีก เพราะเธอรู้ดี ว่าจะต้องเป็นฟู่จิ้นหานที่มอบแหวนวงนั้นให้เธอแน่นอนเมื่อคุณท่านเย่เห็นซูหราน ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มก็ซ่อนเอาไว้ไม่อยู่หลังรับประทานอาหารเสร็จ ซูหรานและเย่ถิงเซินก็ช่วยกันวัดตัวให้คุณท่านเย่แล้วเย่ถิงเซินก็ได้สังเกตเห็นแหวนที่อยู่บนนิ้วของซูหรานเขามองแค่แวบเดียวก็จำได้ทันที นั่นคือเครื่องประดับที่ใช้เข้าร่วมการแข่งขัน แล้วก็เป็นเครื่องประดับชิ้นเดียวกันกับที่ถูกฟู่จิ้นหานประมูลไปด้วยความรู้สึกแปลก ๆ ก็แวบขึ้นมาในดวงตาของเย่ถิงเซินและในขณะที่พวกเขากำลังช่วยคุณท่านเย่วัดตัวอยู่นั้น เย่ซือเหยียนเองก็ได้ค้นหาข้อมูลเกี่ยวกับแหวนที่อยู่ในมือของซูหราน“สองพันห้าร้อยล้าน......”เธอพอจะเคยได้ยินมาบ้าง ว่าฟู่จิ้นหานทุ่มเงินกว่าสองพันห้าร้อยล้านเพื่อประมูลแหวนคู่เซ็ตหนึ่งที่ซูหรานเป็นคนออกแบบ แต่กลับคิด