ในขณะเดียวกัน ฟู่จิ้นหานเองก็หยุดฝีเท้าด้วยเช่นกัน“ซูหราน......” ฟู่จิ้นหานเผยรอยยิ้มออกมาเขาไม่แค่เพิกเฉยต่อความจริงที่ว่าซูหรานกำลัง “จ้องมอง” มาที่เขา แต่กลับดีใจที่ในที่สุดซูหรานก็ยอมพูดกับเขาแต่ครู่ต่อมา กะละมังน้ำเย็น ๆ ก็ถูกสาดเข้าไปที่หน้าของเขา“เลิกตามฉันสักที! ไม่อย่างนั้น......ฉันจะแจ้งตำรวจ”ซูหรานพูดด้วยคำพูดที่รุนแรง แล้วหันหลังกลับ และเรียกแท็กซี่ทันทีรอยยิ้มของฟู่จิ้นหานแข็งค้างอยู่บนใบหน้าของเขา หลังจากได้สติกลับมา แท็กซี่ก็ได้ขับออกไปแล้วห่างไปไม่ไกลนัก ฉู่อี้ที่อยู่ในรถก็เก็บสายตาที่มองไปทางฟู่จิ้นหานด้วยความพออกพอใจกลับ จากนั้นก็สตาร์ทรถ แล้วขับไปยังสถานที่ที่เขาและซูหรานนัดกันเอาไว้ไม่กี่นาทีต่อมา ฉินฟั่งที่มารับฟู่จิ้นหาน ก็ขับรถมาจอดอยู่ตรงหน้าเขา“คุณชายครับ เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” ฉินฟั่งลงจากรถ ทันทีที่เห็นท่าทีของคุณชายเขา ฉินฟั่งก็เข้าใจสถานการณ์ได้ในทันทีว่าเขาน่าจะเหนื่อยจากเรื่องภรรยาของเขามาสีหน้าของฟู่จิ้นหานดูเย็นชา ขึ้นรถโดยที่ไม่พูดอะไรสักคำฉินฟั่งกลับไปยังที่นั่งคนขับ จากนั้นก็ถามอย่างระมัดระวังว่า “คุณชายครับ พวกเรากลับโรงแรมกันเล
“พี่ของผม......”ฉู่อี้สบตากับซูหราน และเขาก็ค่อนข้างมั่นใจว่าคนที่ซูหรานนึกถึงในเวลานี้คือฟู่จิ้นหานแต่เขาก็ไม่คิดที่จะเปิดเผยความสัมพันธ์ออกไปในทันทีหลังจากค้างคำพูดไปครู่หนึ่ง ฉู่อี้ก็ถอนหายใจภายใต้สายตาที่ดูคาดหวังของซูหราน “พี่ชายของผมไม่ชอบผม ยิ่งไม่ชอบที่ผมเป็นดาราแบบนี้ เพราะงั้นเขาเลยไม่ชอบให้ผมพูดถึงความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเขาสักเท่าไหร่”ฉู่อี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย น้ำเสียงของเขาดูเศร้าราวกับสัตว์ประหลาดตัวน้อยที่เพิ่งได้รับบาดเจ็บมาในขณะที่พูด เขาก็หยิบแก้วไวน์ขึ้นมาพร้อมกับเงยหน้ากระดกขึ้นดื่มซูหรานละทิ้งความอยากรู้อยากเห็นในใจไป และอดไม่ได้ที่จะปลอบใจเขา “คุณมีแฟนคลับมากมายขนาดนั้น แถมคุณยังเป็นคนจิตใจดี ชอบช่วยเหลือผู้อื่นอีก พี่ชายของคุณจะต้องเห็นค่าของคุณเข้าสักวัน”ฉู่อี้ตกตะลึงจะต้องมีสักวันที่ฟู่จิ้นหานจะเห็นค่าในตัวเขางั้นเหรอ?ตั้งแต่เล็กจนโต ดูเหมือนว่าเขาพยายามทำให้เขาเห็นมาโดยตลอด รวมถึงการอยู่ในวงการบันเทิงนี่ด้วยเขารู้ดีว่าฟู่จิ้นหานไม่ชอบที่เขาเข้าวงการบันเทิง ดังนั้นเขาจึงยิ่งต้องทำในสิ่งที่ฟู่จิ้นหานไม่ชอบเขาคิดว่าพี่เขาอาจจะกลับมาสั่งสอนเขาเห
“นี่ ตื่นได้แล้ว......”ซูหรานผลักเขาอยู่หลายครั้ง พยายามดันแขนและครึ่งล่างที่กดทับเธออยู่ออกไป แต่ก็ล้มเหลวทุกครั้งมีแวบหนึ่งที่เธอคิดว่าเขาตั้งใจ แต่ว่าเขาก็หลับตาอยู่ แถมกลิ่นแอลกอฮอล์ที่จมูกเขาก็แรงมาก อันที่จริงก็ดูเหมือนว่าเขาจะเมาจนสลบไปแล้วด้วยซ้ำหลังจากนั้นไม่กี่ครั้ง ซูหรานก็ยอมแพ้ทำได้เพียงแค่หลับตา ในไม่ช้าเธอก็ผล็อยหลับไปจนกระทั่งเสียงลมหายใจของเธอเริ่มสม่ำเสมอ ฟู่จิ้นหานถึงได้กล้าลืมตาขึ้นแววตาของเขาชัดเจนและสดใส เขาแทบไม่มีอาการเมาเลยแม้แต่น้อยท่าทางเมามายของเขาเมื่อกี้ ก็เป็นแค่การแสดงเท่านั้นดูเหมือนว่านี่เป็นวิธีเดียว ถึงจะสามารถทำให้เขาอยู่ข้าง ๆ เธอได้......เช้าวันรุ่งขึ้น ซูหรานตื่นขึ้นมา เธอก็เห็นสามีตัวพ่อของเธอนอนอยู่ข้าง ๆ โดยที่ตัวเองกำลังหนุนแขนของเขาอยู่ ชั่วขณะหนึ่ง เธอยังคิดอยู่เลยว่าเธอตาฝาด ราวกับว่าเธอและเขาเป็นเหมือนคู่สามีภรรยากันจริง ๆแต่ไม่นาน ซูหรานก็ถูกปลุกให้ตื่นด้วยเสียงจากโทรศัพท์มือถือของเธอดูเหมือนเธอจะกลัวว่าสามีตัวพ่อของเธอจะตื่น ทันทีที่ซูหรานเจอโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋า เธอก็รีบกดปุ่มรับสาย แล้วค่อย ๆ ย่องออกจากห้องไ
ตั้งแต่ที่ซูหรานเดินเข้าไป เธอก็รู้ได้ในทันที ว่าที่คนพวกนี้เรียกเธอมา ก็เพื่อต้องการปิดประตูตีแมวทางเลือกของเธอมีแค่ยอมจำนน หรือไม่ก็สู้กลับเท่านั้นแต่เธอก็ยืนยันเลือกที่จะสู้กลับ!ในเมื่อจะสู้กลับ เช่นนั้นก็ไม่มีความจำเป็นที่จะต้องปรานีอีกต่อไปเป็นอย่างที่คิด การจู่โจมของเธอดอกนี้ ทำให้คนหลายคนที่อยู่ตรงนั้นโกรธจนหน้าเขียวลู่ซิวหนิงเป็นคนแรกที่พูดออกมาด้วยความโกรธ “ซูหราน เธอว่าใครเป็นผ้าขี้ริ้ว?”ซุนฉินแอบกำหมัดแน่น และดึงแขนเสื้อของซูจี้ไห่“จี้ไห่คะ คุณดูเธอสิ อินอินจิตใจดีขนาดนั้น แต่เธอกลับถูกซูหรานว่าร้ายใส่! อินอินเองก็อยู่ชั้นบน ทั้งที่เธอเพิ่งจะประสบเหตุร้ายมาแท้ ๆ ถ้าเธอได้ยินคนอื่นพูดเสีย ๆ หาย ๆ ใส่เธอเข้า เธอคงจะปวดใจแย่เลยค่ะ”ซูจี้ไห่เกลียดการที่เห็นซูอิน ลูกสาวคนสำคัญของเขาเสียใจมากที่สุดซูจี้ไห่แทบทนไม่ไหวที่จะตบหน้าของซูหรานแต่เมื่อนึกถึงจุดประสงค์ของวันนี้ ซูจี้ไห่ก็ควบคุมตัวเองเอาไว้ชั่วคราว“ซูหราน เรื่องที่พวกแกอยู่ในพิพิธภัณฑ์วันนั้น พวกเราต่างก็เข้าใจชัดเจนกันหมดแล้ว แม้ว่าจะเป็นเยว่เยว่ที่ไม่ตั้งใจดึงอินอิน แต่เมื่อพิจารณาตามหลักเหตุผลแล้ว แก
“คุณย่าลู่......”ซูอินมองคุณหญิงย่าลู่ด้วยความอ่อนโยนแต่พอเธอมองเห็นท่าทีดูถูกในสายตาของคุณหญิงย่าลู่ ซูอินก็เริ่มรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันทีเช้าวันนี้ คุณหญิงย่าลู่และลู่ซิวหนิงรีบมาพบเธอตั้งแต่เช้าหลังจากที่รู้ว่าเธอแท้งลูก ท่าทีของคุณหญิงย่าลู่ที่มีต่อเธอก็ยิ่งเย็นชาลงกว่าเดิม พอนึกถึงเมื่อก่อนที่เดิมทีคุณหญิงย่าลู่ก็ไม่ชอบขี้หน้าเธออยู่แล้ว เธอก็มักจะไม่พอใจอยู่เสมอแม้ว่าเธอจะไม่ต้องการแต่งงานกับลู่ซิวหนิงแล้ว แต่เธอก็ยังอยากทำให้คุณหญิงย่าลู่เห็นอยู่ดีว่าเธอมีดีแค่ไหนดังนั้น เธอจึงขอให้พ่อของเธอเรียกซูหรานมาก็แค่อยากใช้ซูหรานมาเป็นตัวร้ายให้กับละครเรื่องนี้ เพื่อทำให้ตัวเองดูเป็นเด็กดีและมีจิตใจดีก็เท่านั้นแต่เธอก็กลับคิดไม่ถึงเลยว่าซูหรานจะพูดเรื่องไร้สาระนี้ออกมาน่ารำคาญเสียจริง!“อินอินเอ๋ย เด็กไม่มีแล้ว หนูก็ดูแลตัวเองให้ดีล่ะ หนูอายุยังน้อย ในอนาคตหนูยังมีโอกาสอีกเยอะในการที่จะมีลูก” คำพูดนี้ของคุณหญิงย่าลู่ราวกับว่ามีนัยอะไรบางอย่างทุกคนที่อยู่ตรงนั้นยกเว้นลู่ซิวหนิงต่างก็เข้าใจถึงความหมายที่จะสื่อได้อย่างชัดเจนยังมีโอกาสมากมายที่จะมีลูกในอนาคต แต่ก็ไม่ได้
ณ สุสานซูหรานยืนอยู่หน้าหลุมศพฟ้าที่เพิ่งจะมืด ก็เริ่มมีฝนโปรยลงมาฟู่จิ้นหานที่เดิมทีแอบรออยู่ด้านนอกของสุสาน เขาไม่สนสิ่งใดอีกแล้ว เขาเดินถือร่มเข้าไปในสุสานฝนตกกระทบลงมาบนตัวของซูหราน แต่ก่อนที่ผมของเธอจะทันได้เปียก ก็มีร่มมาคลุมเธอไว้ซูหรานหันกลับไป และเห็นว่าเป็นสามีตัวพ่อของเธอ เธอก็รู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาฝนเริ่มตกหนักขึ้นเรื่อย ๆ เม็ดฝนตกกระทบร่มจนเกิดเสียงซ่า มีเพียงเสียงฝนเท่านั้นที่ล่องลอยอยู่ในอากาศจนกระทั่งถึงกลางดึก ฝนก็หยุดตก ซูหรานถึงได้ยอมตัดสินใจเดินจากไปทั้งสองยังไม่กลับเข้าเมืองในทันที แต่จองสองห้องในโรงแรมที่ใกล้ที่สุดแทนซูหรานเดินเข้ามาในห้องโดยไม่พูดอะไรสักคำ ประตูปิดลง ตั้งแต่ต้นจนจบฟู่จิ้นหานก็เดินตามเธอราวกับลูกสะใภ้ตัวน้อยจนกระทั่งเขาแยกจากซูหราน ฟู่จิ้นหานจึงกดหมายเลขโทรศัพท์หาฉินฟั่ง“ให้บริษัทชิงอวิ๋นตรวจสอบการตายของเย่ซิงหลาน......” ฟู่จิ้นหานเกือบลืมเรื่องนี้ไปแล้วแต่ปฏิกิริยาของซูหรานในวันนี้ กลับทำให้เขาอยากช่วยเธอค้นหาให้ชัดเจนหลังจากอธิบายเสร็จ ฟู่จิ้นหานก็กลับไม่ได้พักผ่อน แต่ไปซื้อเบียร์มาหนึ่งลังแทน
ผู้คนนับไม่ถ้วนรอบตัวมองดูเธอแต่ในเวลานี้ ซูหรานเพิกเฉยต่อความสนใจของทุกคนโดยสิ้นเชิง เธอนับเลขศูนย์อีกครั้งอย่างระมัดระวัง และปิดปากของเธอด้วยความตกใจห้าพันล้าน.....ห้าพันล้านจริง ๆ!แต่เงินมากมายขนาดนี้มาจากไหนกัน?ไม่นาน ความตกใจในดวงตาของซูหรานก็กลายเป็นความหวาดกลัว“เกิดเรื่องแล้ว เกิดเรื่องแล้ว” ซูหรานวางโทรศัพท์ของเธอลง แล้วพูดกับสามีตัวพ่อของเธอที่นั่งอยู่โต๊ะตรงข้าม “เกิดเรื่องแล้ว ฉันต้องไปก่อนนะ”เธอต้องรีบไปที่ธนาคารให้เร็วที่สุด เพื่อตรวจสอบให้ชัดเจนว่าเงินก้อนนี้มายังไงกันแน่แต่ในขณะที่เธอกำลังจะไป ฟู่จิ้นหานก็คว้าเธอเอาไว้ปฏิกิริยาในแต่ละการเคลื่อนไหวของเธอเมื่อกี้ ล้วนอยู่ในสายตาของฟู่จิ้นหาน ในเวลานี้รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นมาในดวงตาของเขาลากซูหรานกลับมานั่งใหม่อีกครั้ง ฟู่จิ้นหานค่อยเปิดปากพูดออกมา “เรื่องอะไรถึงได้รีบร้อนขนาดนั้น? วันนี้ไม่ใช่วันครบรอบการเสียชีวิตของแม่พวกเราหรอกเหรอ? กินข้าวเช้าก่อน แล้วเดี๋ยวเราค่อยไปหาซื้อดอกไม้สวย ๆ ไปไหว้แม่กัน”ซูหราน “......”แม่ของเราเหรอ?แม่ของเธอเกี่ยวอะไรกับเขากัน? ทำไมถึงกลายเป็นแม่ของเราไปได้?แต่ในเวลานี้
“ก็คุณเป็นคนพูด แล้วให้ผมเป็นคนเขียนเองนี่ ส่วนลายนิ้วมือคุณก็เป็นคนประทับเอง นี่คุณสงสัยว่าผมเป็นคนปลอมสัญญาขึ้นมาเองอยู่งั้นเหรอ?”ขณะที่ฟู่จิ้นหานพูด ดวงตาของเขาก็ดูเศร้าสร้อย “ผมเคยบอกแล้ว ว่ารอให้คุณสร่างเมาก่อน แล้วค่อยคุยเรื่องสัญญากัน แต่คิดไม่ถึงว่าคุณยังจะมาสงสัยในตัวผมอีก ช่างเถอะ ในเมื่อคุณไม่ยอมรับ เช่นนั้นสัญญานี้คุณฉีกทิ้งไปเลยก็ได้ ถึงไม่มีสัญญานี้ ผมก็จะช่วยคุณอยู่ดี......”ฟู่จิ้นหานดึงสัญญากลับมาจากมือของซูหรานใบหน้าหล่อเหลาเต็มไปด้วยความรู้สึกเสียใจราวกับว่าซูหรานทำผิดต่อเขาจริง ๆขณะที่ซูหรานเฝ้าดูอยู่นั้น ในใจก็เกิดความรู้สึกตำหนิตัวเองขึ้นมา ไม่นานเธอก็รู้สึกเหมือนกับว่าตัวเองเพิ่งจะทำบาปที่ใหญ่มาก ๆ ลงไปเขาแค่อยากจะช่วยเธอ แต่ตัวเธอเองกลับมาสงสัยในตัวเขา......นอกจากนี้ เงินสองพันห้าร้อยล้านที่ต้องเตรียมตามคำขอของซูอิน เธอก็ยังขาดแคลนอยู่จริง ๆ บางทีเรื่องนี้อาจเป็นไปตามที่เขาพูดจริง ๆ ก็ได้ แล้วตัวเองก็คงเป็นคนยืนกรานที่จะทำสัญญานี้ขึ้นมาจริง ๆ พอเห็นว่าฟู่จิ้นหานกำลังจะฉีกสัญญา ซูหรานก็รีบหยุดเขาทันที “เดี๋ยวก่อน......”แววตาของฟู่จิ้นหานส่องประ