จางเหนียนเซิงพูดด้วยความตรอมตรม "พี่ไห่ถง ผมรู้ว่าพี่แต่งงานแล้ว แต่พี่กับสามีพี่แต่งงานกันด้วยสัญญา ยังไงพวกพี่ก็ต้องหย่ากันอยู่แล้ว ผมชอบพี่ พี่ไห่ถง ผมชอบพี่มาตั้งนานแล้ว""ผมรู้ว่าตอนนี้พี่ยังรับรักผมไม่ได้ ผมเองก็อยากจะบังคับตัวเองไม่ให้มาหาพี่ แต่ผมทนไม่ไหว เมื่อไหร่ที่ผมไม่มีอะไรทำก็จะคิดถึงแต่พี่ ในสมองของผมเต็มไปด้วยรอยยิ้มของพี่ พี่ไห่ถง ผมแค่อยากให้พี่รู้ว่าผมคือคนที่รักพี่"เขายื่นช่อดอกไม้ให้ไห่ถงอีกครั้ง แล้วมองไห่ถงด้วยสายตาลึกล้ำ "พี่ไห่ถง ให้โอกาสผมได้ต่อคิวได้ไหม?"พี่จวินเคยคุยกับเขา แล้วก็เตือนเขาแล้วจางเหนียนเซิงกลับไม่อาจยอมตัดใจไปแบบนี้ได้เขาชอบพี่ไห่ถงมากๆจริงๆเขาเองก็มานั่งนึกเสียใจที่ตอนที่ตกหลุมรักไห่ถง ไม่ได้สารภาพกับเธอไปตั้งแต่วินาทีแรก ถ้าเขาสารภาพออกไป ไม่แน่ว่าพี่ไห่ถงอาจจะรอจนเขาโตเป็นผู้ใหญ่ และไม่แต่งงานสายฟ้าแลบกับผู้ชายแปลกหน้าไห่ถงยื่นมือออกไปแย่งช่อดอกไม้มา แล้วเดินผ่านตัวจางเหนียนเซิงไป ก่อนจะทิ้งช่อดอกไม้ลงในถังขยะที่วางอยู่หน้าร้านเมื่อหันกลับมา ก็พูดกับจางเหนียนเซิง "เหนียนเซียง นายจะออกไปเอง หรือให้ฉันเอาไม้กวาดไล่นายออกไป?""พ
"เหนียนเซียง ตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของคนอื่น ฉันกับสามีของฉันจดทะเบียนสมรสกันแล้ว ถึงจะบอกว่าเราแต่งกันสายฟ้าแลบ แต่ตอนนี้เราสองคนก็เกิดความรู้สึกต่อกันแล้ว ฉันจะไม่หักหลังสามีของฉันแน่""ถ้านายคิดจะทำตามอำเภอใจ เข้ามาแทรกกลางระหว่างฉันกับสามี ทำให้ชีวิตคู่ของเราเกิดความเข้าใจผิด นั่นก็เท่ากับว่านายกำลังทำลายความสัมพันธ์ในอดีตระหว่างเรา แล้วนั่นก็จะทำให้ฉันโกรธเกลียดนาย และกลายเป็นศัตรูกันในที่สุด"เมื่อเห็นว่าจางเหนียนเซิงหน้าซีดไม่เห็นเส้นเลือด ไห่ถงก็ถอนหายใจ เธอไม่รู้เลยว่าตัวเองจะเผลอสร้างความสัมพันธ์อันไม่พึงประสงค์ไปโดยไม่รู้ตัวอย่างที่เธอพูด ถ้าเธอรู้ว่าจางเหนียนเซิงเกิดความรู้สึกเชิงชู้สาวกับเธอ ต่อให้ฆ่าเธอให้ตาย ก็จะไม่ทำดีกับเหนียนเซียงแน่ๆเธอกับเสี่ยวจวินเป็นเพื่อนรักกันมานานหลายปี เพราะความเป็นเพื่อนกับเสี่ยวจวิน ถึงได้รู้จักจางเหนียนเซิง จางเหนียนเซิงเรียกเธอว่าพี่สาวมาตลอด แล้วเธอก็อายุมากกว่าเขาสามปี เพราะงั้นที่ผ่านมาเธอจึงวางตัวเป็นเหมือนพี่สาวมาตลอดไม่เคยคิด..."เหนียนเซียง"สีหน้าของไห่ถงอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย เธอว่า "เหนียนเซียง นายเป็นเด็กผู้ชายที่เต็มเปี่ยมไปด
เพราะเริ่มแรกพวกเขาไม่ได้รู้สึกอะไรต่อกัน เป็นการแต่งงานสายฟ้าแลบกับคนแปลกหน้า เพราะแบบนั้นชีวิตแต่งงานของพวกเขาจึงต้องดำเนินไปอย่างระมัดระวังที่สุด ถึงจะสามารถอยู่ด้วยกันจนแก่เฒ่าได้ไห่ถงขับรถออกไปทันทีจางเหนียนเซิงก็อยากจะขับรถตามไปอยู่ แต่เห็นว่าในร้านของไห่ถงไม่มีคนอื่นอยู่ เขาจึงยอมแพ้ที่จะตามไป และอยู่ช่วยไห่ถงดูแลร้านไห่ถงเจอเข้ากับซางเสี่ยวเฟยที่ถนนหัวมุมทางเข้าหน้าประตูโรงเรียนรถทั้งสองคันเกือบชนเข้าด้วยกันอยู่แล้วทั้งสองฝ่ายต่างรีบเหยียบเบรกทันทีถึงหยุดไม่ให้รถทั้งสองคนประสานงากันได้ซางเสี่ยวเฟยกดเลื่อนหน้าต่างรถลง เดิมทีอยากจะด่าสักชุดนึง แต่เมื่อเห็นชัดเจนว่าเป็นรถของไห่ถง เธอจึงตะโกนว่า "ไห่ถง เธอจะไปที่ไหน?"ไห่ถงเองก็ไม่คาดคิดว่าอีกฝ่ายจะเป็นซางเสี่ยวเฟย เธอเห็นเบาะด้านข้างคนขับของซางเสี่ยวเฟยมีหญิงงามวัยกลางคนนั่งอยู่ จึงเดาว่าเป็นคุณนายซาง เธอจึงผงกศีรษะให้สองแม่ลูก แล้วว่า "เสี่ยวเฟย ฉันมีเรื่องด่วนต้องไปจัดการน่ะ""เสี่ยวจวินเป็นหวัดไข้ขึ้น ไปที่โรงพยาบาลแล้ว ในร้านของฉันไม่มีคนอยู่ รบกวนเธอช่วยฉันดูร้านหน่อยนะ""ไห่ถง ฉัน...โอเค เธอไปจัดการเรื่องของเธ
ใครจะคิดว่าจ้านหยินที่หน้าดำขรึม เมินเขาราวกับไม่อยู่ในสายตา แล้วเดินผ่านหน้าเขาไปราวกับลมพัด เขาได้ยินเพียงเสียงเย็นชาของจ้านหยินที่สั่งเลขาจ้าวว่า "ไปแจ้งบอร์ดบริหารทุกคน ประชุม!"ซูหนานคิด "แผ่นดินจะถล่มหรือยังไง?""ครับ"เลขาจ้าวปฏิกิริยาตอบรับเร็วกว่าซูหนาน ประเด็นคือใบหน้าดำทะมึนของเพื่อนรักทำเอาซูหนานช็อคไปจ้านหยินมุ่งหน้าเข้าห้องทำงานท่านประธาน แต่เข้าไปได้ไม่ถึงสองนาที ก็ฟึดฟัดออกมาจากข้างใน แล้วเดินจ้ำๆเข้าห้องประชุมไปครั้งนี้ซูหนานเดินตามเขาไปด้วยในห้องประชุมยังไม่มีใครแม้แต่คนเดียวเดิมทีวันนี้ไม่มีประชุมแต่จ้านหยินกลับสั่งให้เลขาจ้าวแจ้งบอร์ดบริหารทุกคนให้มาประชุมนี่มันรวดเร็วยิ่งกว่าการยิงดอกไม้ไฟ!เมื่อจ้านหยินเข้าไปในห้องประชุมแล้วก็นั่งลงบนที่นั่งของเขา แล้วรอการมาถึงคณะบอร์ดบริหารด้วยออร่าเย็นยะเยือกซูหนานชะงักเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปข้างๆเขา ลากเก้าอี้ออกมาแล้วนั่งลง"จ้านหยิน เกิดอะไรขึ้น? เช้าตรู่แบบนี้ ใครทำนายโมโหมาล่ะ?"เขาชะโงกตัวเข้ามาใกล้ขึ้นอีก แล้วถามตะล่อม "ทะเลาะกับพี่สะใภ้มาหรอ?"ครั้งก่อนตอนที่จ้านหยินทะเลาะกับไห่ถง จ้านหยินก็มีสีหน
จ้านหยินเงียบ"ใช้จังหวะตอนที่พวกเขายังไม่า นายเล่าให้ฉันฟัง อย่าเก็บเอาไว้ในใจ เก็บเอาไว้ก็มีแต่ทำร้ายสุขภาพนาย แถมยังทำร้ายคนในบริษัทอีก"จ้านหยินโกรธเมื่อไหร่ นั่นคือโศกนาฏกรรมของคนหมู่มาก!ซูหนานพยายามมากที่จะช่วยคนทั้งบริษัทให้มีความเป็นอยู่อย่างมีความสุข"ตอนที่ฉันเอาเสื้อคลุมไปให้ไห่ถง ก็เห็นเธอกับจางเหนียนเซิงอยู่ด้วยกัน"“......”ซูหนานอ้าปากค้างไปชั่วขณะ นานพักใหญ่กว่าจะขยับลิ้นได้ แล้วว่า "เข้าใจผิด นายเข้าใจผิดแน่ๆ จ้านหยิน บางครั้งสิ่งที่นายเห็นก็ใช่ว่าจะเป็นเรื่องจริง นายอย่าเก็บไปเป็นอารมณ์เหมือนกับครั้งที่แล้ว ต้องให้โอกาสพี่สะใภ้ได้อธิบายสิ""จางเหนียนเซิงสารภาพรักกับเธอ"ซูหนาน "...จางเหนียนเซิงเป็นไอดอลฉันจริงๆ ใจกล้าคับฟ้า กล้าหาญไม่กลัวใคร สมแล้วกับที่เป็นทายาทที่ประธานจางเลี้ยงดูมา"จ้านหยินกลึงตาใส่เขาซูหนานลูบจมูกแก้เขิน แล้วพูดหัวเราะ "จ้านหยิน ให้ฉันเรียกเลขาจ้าวออกไปซื้อผักกาดมาสักสองคันรถแล้วหมักผักกาดดองให้นายเอาไหม รับรองได้ฉุนสมใจ!"จ้านหยินหน้าตึงทันที"ฉันถามนายนะ นายได้เห็นกับตาหรือเปล่าว่าพี่สะใภ้รับรักจางเหนียนเซิง? พวกเขาคุยอะไรกัน?"จ
ตอนนี้เอง บรรดาบอร์ดบริหารก็ทยอยกันเข้ามาเมื่อเห็นนายใหญ่ทั้งสองท่านกำลังรออยู่ในห้องประชุม คณะบอร์ดบริหารแต่ละคนก็หน้าซีดกันเป็นแถว สัมผัสได้ว่าการเรียกประชุมกระทันหันแบบนี้ ย่อมไม่ใช่เรื่องดี!จ้านหยินยังคงมีสีหน้าเย็นชาไม่เปลี่ยนบางคนเห็นจ้านอี้เฉิน ก็หวังอยากจะหลบหาความปลอดภัยจากเขา อย่างน้อยก็น่าจะบอกพวกเขาให้รู้สักหน่อยว่าจู่ๆมาเรียกประชุมกระทันหันแบบนี้อยากคุยเรื่องอะไร?ถึงแม้ว่าจ้านอี้เฉินจะดูนิ่งสงบมาก แต่ความจริงแล้วเขาก็กำลังมองซูหนานอยู่ถึงเขากับพี่ใหญ่จะเป็นคนมาจากครอบครัวเดียวกันก็จริงอยู่ แต่คนที่สนิทกับพี่ใหญ่ที่สุดคือซูหนานนี่นาซูหนานลุกขึ้น"ฉันจะไปห้องน้ำหน่อย"เขาว่าแต่กลับส่งสายตาให้จ้านอี้เฉินจ้านอี้เฉินตามน้ำในทันที อาศัยตอนที่คนยังมากันไม่ครบ ลุกขึ้นเดินตามซูหนานจ้านหยินรู้อยู่แล้ว แต่ไม่ได้ห้ามเขาเพียงแค่มองเหล่าบอร์ดบริหารที่เข้ามาแล้ว ซูหนานบอกว่าเมื่อไหร่ที่เขาโมโห ก็จะทรมานคนพวกนี้จนแทบกระอักเลือด เขาอยากจะเห็นนัก ว่าคนพวกนี้จะกระอักออกมาท่าไหน?ทุกชีวิต "..."ท่านประธาน มองพวกเราทำไมกันนะ?ถ้าพวกเราทำอะไรผิด ก็ได้โปรดตัดสินโทษให้มัน
เธอจอดรถลงหน้าจ้านซื่อกรุ๊ป แล้วจึงโทรหาจ้านหยินีกครั้งตลอดทางมานี้เธอโทรหาจ้านหยินไม่ต่ำกว่ายี่สิบสายแต่นายขี้หึงตัวเท่าบ้านนั่นไม่ยอมรับสายเธอร้อนใจจะตายอยู่แล้ว!โชคดีที่ ครั้งนี้จ้านหยินก็ยอมรับสายเธอในที่สุด"จ้านหยิน ฉันอยู่หน้าบริษัทคุณแล้ว คุณขอลางานกับหัวหน้าสักครึ่งชั่วโมงได้ไหม? ออกมาหน่อย ฉันมีเรื่องอยากคุยกับคุณ"จ้านหยินดีดตัวลุกขึ้นยืน เดินไปที่หน้าต่างห้องประชุม ดึงม่านออกแล้วมองลงไปข้างล่างชั้นที่เขาอยู่สูงมาก ระยะทางจึงทิ้งห่างออกไกลเกินไป ต่อให้เขาสายตาดีขนาดไหนก็ไม่อาจมองเห็นได้อย่างชัดเจนว่ารถที่จอดหน้าบริษัทคันนั้นเป็นของไห่ถงหรือไม่"จ้านหยิน คุณฟังอยู่หรือเปล่า? ตอบหน่อยสิ"ไห่ถงพูดอย่างร้อนใจ "คุณออกมาหน่อย ถ้าคุณไม่ออกมา ฉันจะรออยู่หน้าบริษัทจนกว่าคุณจะเลิกงาน"จ้านหยินกดเสียงต่ำ "คุณรอเดี๋ยว ผมกำลังออกไปเดี๋ยวนี้"ปิดม่านลง เขาหันกลับมามุ่งหน้าออกไปนอกห้องประชุม เมื่อวางสายเสร็จ ก็ออกคำสั่งเสียงขรึม "ซูหนาน นายคุมการประชุมหน่อย"ซูหนานแทบอยากจะระเบิดหัวเราะออกมาเขาทายถูกจริงๆด้วยแต่กลับไม่แสดงสีหน้าใดๆ แล้วรับคำว่า "ได้"จ้านหยินทิ้งคณะบอ
“คุณนี่งี่เง่ามาก ไม่ได้ฉันได้อธิบายสักนิด สิ่งที่คุณเห็นอาจไม่ใช่เรื่องจริงก็ได้”เธอปล่อยเขาไป และหยิกแขนเขาสองทีด้วยความโกรธเขาทำให้เธอตกใจมากคิดว่าพวกเขาก่อสงครามเย็นกันอีกรอบจ้านหยินทนต่อความเจ็บปวดจากที่เธอกหยิกเขาสองทีอย่างเงียบ ๆ ซึ่งเจ็บมาก แต่เขาก็ไม่สนใจเท่าไหร่ขอเพียงแค่ธอใส่ใจเขาก็พอแล้ว“จางเหนียนเซิงสารภาพรักกับฉัน แต่โดนฉันปฏิเสธไปแล้ว เพราะตอนนี้ฉันเป็นภรรยาของคุณ และในชีวิตที่เหลืออยู่นี้ ถ้าคุณไม่ทิ้งฉันฉัน ฉันก็จะไม่ทิ้งคุณเช่นกันค่ะ”"จริงใช่ไหม?"จ้านหยินคิดถึงที่เขาปกปิดตัวตนไว้ตอนที่เธอรู้ว่าโดนเขาหลอกมานาน เธอก็จะไม่ทิ้งเขา?"คุณยังไม่เชื่อฉันเหรอคะ?"จ้านหยินถอนหายใจออกมาเบา ๆ กอดเธอไว้ในอ้อมแขน “ ไห่ถงตอนที่เห็นคุณกับจางเหนียนเซิงอยู่ด้วยกัน ฉันโกรธมาก และปฏิกิริยาตอบสนองสัญชาตญาณของฉันคือต้องการจากไป ฉันรู้เต็มอกด้วยว่า มันไม่ใช่ความผิดของคุณ จางเหนียนเซิงต่างหากที่มาค่อยรบกวนคุณ”"เป็นความจริงที่.....ฉันหึงน่ะ"“ฉันหึงจนหน้ามืดตามัว คิดถึงความรักอันลึกซึ้งของจางเหนียนเซิงที่มีต่อคุณ และคุณยังสนิทกับเขามานานกว่าสิบปีอีก มันก็ทำให้ฉันหงุดหงิ