“ป้าเหลียงคะ พี่ฉันและหยางหยางกว่าจะหลับตาลงได้ไม่ง่ายเลย ดังนั้นอย่าเพิ่งปลุกพวกเขาเลยค่ะ รอพวกเขาตื่นก่อนแล้วค่อยทำโจ๊กเสิร์ฟค่ะ”ป้าเหลียงพยักหน้า "รับทราบค่ะ"สามคนทานอาหารร่วมกัน ไห่ถงชงกาแฟสำเร็จรูปหนึ่งแก้วดื่ม เพื่อทำให้ตัวเองรู้สึกกระปรี้กระเปร่าหลังจากที่ป้าเหลียงกินอิ่มแล้ว ก็ออกจากร้านอาหาร จ้านหยินคว้าช่วงเวลานี้เอื้อมมือไปคว้ามือข้างหนึ่งของไห่ถง"ถงถง"จ้านหยินพูดอย่างอบอุ่น "คุณอยู่บ้านและพักผ่อนนะ ฉันจะไปได้"ไห่ถงจับมือเขาและปลอบโยน "ฉันไม่เป็นไรค่ะ ดื่มกาแฟแก้วหนึ่งก็อิ่มแล้ว นอกจากนี้ไปหาตระกูลเหรินนั่น อาจมีปากมีเสียงกันได้ และคุณก็ทะเลาะกับคนไม่เก่งเท่าฉัน หรืแม้กระทั่งพี่ๆ น้องๆ ของคุณก็เถียงไม่ทันโจวหงอิงค่ะ”พวกเขาล้วนเป็นสุภาพบุรุษ ดังนั้นการมีปากมีเสียงกับคนอื่นจึงส่งผลไม่ดีต่อภาพพจน์“ฉันเป็นน้าของหยางหยาง และหยางหยางถูกพวกเขารังแกแบบนั้น ฉันต้องไปทวงคืนความยุตธรรมให้เขา เมื่อวานหยางหยางเป็นลมและฉันสนใจหยางหยางเท่านั้น ฉันไม่มีเวลาไปจัดการกับครอบครัวเริ่น ตอนนี้ หยางหยางดีขึ้นเล็กน้อยแล้ว ฉันก็มีกะจิตกะใจที่จะไปคิดบัญชีกับพวกเขาแล้ว”จ้านหยินมองเธอ
ตอนที่ไห่ถงรู้สึกไม่สบายใจนั่นเอง ซางเสี่ยวเฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่สงบมากและถามไห่ถง "ไห่ถง คุณแม่ของฉันจะกลับบ้านมาในตอนเที่ยงนี้ ฉันขอไปรับหยางหยางมาเล่นที่บ้านได้ไหม?"ซางเสี่ยวเฟยจำหน้าคุณน้าของตัวเองไม่ได้ แม้ว่าเธอจะดูรูปถ่ายแล้วก็ไม่สามารถแยกแยะได้ จากคำพูดของไห่ถงเด็กๆ จะน่ารักมากเมื่อตอนยังเล็กอยู่ถ้าหยางหยางเหมือนคุณน้า แม้ว่าจะมีความคล้ายคลึงกันเพียงเล็กน้อย เธอก็จะไม่ปล่อยออกผ่าน เธอต้องการพาหยางหยางไปให้คุณแม่ของเธอดูซางเสี่ยวเฟยจำได้ว่าเธอต้องการสนิทกับไห่ถงอย่างแปลกประหาก ตอนที่เจอเธอครั้งแรกตอนที่เห็นหยางหยางก็ตกหลุมรักทันทีหากหยางหยางเป็นลูกหลานของคุณน้า นี่อาจอธิบายได้ว่าทำไมเธอถึงตกหลุมรักหยางหยางตั้งแต่แรกเห็นเธอไม่เคยเห็นเด็กน้อยตัวใหญ่เท่าหยางหยางมาก่อน แต่มีเพียงหยางหยางเท่านั้นที่ทำให้เธอชอบทันที เพื่อแค่มองแวบเดียวเท่านั้น เธอหวังว่าเธอจะสามารถแย่งหยางหยางมาเป็นหลานชายของเธอได้ และซื้อของเล่นให้เขาโดยไม่ต้องเกรงใจ และหวังว่าจะสามารถเปิดโรงงานผลิตของเล่นให้หยางหยางล่นโดยเฉพาะและจะทำแบบนั้นเช่นเดียวกับไห่ถงด้วยในฐานะชางเสี่ยวเฟยคืออะไรกัน รอบตัวไม่เคย
“อืม ครอบครัวของพวกเขาเป็นครอบครัวใหญ่น่ะ เสี่ยวเฟยขอบใจนะ”ซางเสี่ยวเฟยได้ยินว่าสามีของไห่ถงได้พาพรรคพวกไปช่วยเหลือด้วยก็รู้สึกโล่งใจและพูดว่า "ไห่ถง สามีของเธอใช่ที่แต่งงานแบบสายฟ้าแลบหรือเปล่า? เขาใช้ได้เลยนะ เมื่อมีเรื่องอะไรเกิดขึ้นกับพวกเธอ ก็มีเขาอย่างน้อยที่เต็มใจที่จะช่วยเหลือ"ไม่เหมือนกับสามีของไห่หลิงที่รู้จักกันมาสิบสองปีทำอะไรได้บ้าง?เมื่อเทียบกับสามีของไห่ถงที่แต่งงานแบบสายฟ้าแลบ“ตามนั้นแล้วกัน คราวนี้ฉันออกหน้าแล้ว แต่คราวหน้าถ้าเจอกับปัญหาอะไรมาต้องบอกฉัน ไม่งั้นจะไม่ถือว่าฉันเป็นเพื่อนเธอแล้ว ช่วยส่งที่อยู่พี่เธอมาให้ฉันด้วย ฉันจะไปบ้านพี่เธอ เพื่อดูหยางหยางหน่อย”ไห่ถงไม่ได้ปฏิเสธคำขอของเธอหลังจากวางสายแล้ว ไห่ถงก็ส่งที่อยู่ของพี่เธอไปให้ซางเสี่ยวเฟยจ้านหยินเงี่ยหูฟังบทสนทนาระหว่างไห่ถงกับซางเสี่ยวเฟยเมื่อจ้านหยินรู้ว่าซางเสี่ยวเฟยต้องการนำคนมาด้วย เขาก็กำพวงมาลัยไว้แน่นหากซางเสี่ยวเฟยมา ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยเขาไม่ต้องการที่จะเปิดเผยแบบนั้น กลัวว่าไห่ถงยังไม่ได้เตรียมใจและเป็นเรื่องยากที่จะยอมรับ นอกจากนี้จะทำให้ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับภรรยาสั่นคล
อาจเป็นไปได้ว่า ซางเสี่ยวเฟยไม่สามารถจินตนาการได้ว่าน้าของเธอหน้าตาเป็นอย่างไรเมื่อเธอโตขึ้นไห่ถงคิดว่าหลังจากกลับจากครอบครัวเหรินแล้ว เธอจะเริ่มวาดภาพคุณน้าซางตอนโต และมันจะคล้ายกับพี่เธอมากไหม?“ถ้าพูดแบบนี้ งั้นแม่ของคุณเป็นน้าของคุณหนูซางเหรอ?”จ้านหยินคิดออกเพียงสองคำ: น้ำเน่า!น้ำเน่าเกินไปแล้ว!เรื่องน้ำเน่าเช่นนี้เกิดขึ้นกับภรรยาของเขายิ่งกว่านั้นชางเสี่ยวเฟยสารภาพรักกับเขาอย่างเปิดเผ ยและไล่ตามจีบเขา แถมไห่ถงยังช่วยชางเสี่ยวเฟยจีบเขาอีกด้วยหากไม่ใช่เพราะเขาสวมแหวนและโชว์ซางเสี่ยวเฟยเห็น ซางเสี่ยวเฟยก็คงคอยรบกวนเขาอยู่ทุกวัน ซึ่งมันทำให้เขารำคาญมากตอนแรกวางแผนที่จะสั่งสอนบทเรียนหนักๆ กับชางเสี่ยวเฟย แต่ใครจะรู้ว่าชางเสี่ยวเฟยและไห่ถงเป็นเพื่อนกัน ดังนั้นเขาไม่สามารถทำอะไรได้เลยคนที่คปฏิบัติต่อไห่ถงด้วยใจจริง เขาต้องตอบแทนอย่างดีเป็นพิเศษพวกขยะตระกูลไห่เพิ่งหายหน้าหายตาไปและไม่มีปัญหากับไห่ถงอีก เพราะจากเขาและชางเสี่ยวเฟยลงมือจัดการตระกูลไห่ไม่รู้ว่าคนที่อยู่เบื้องหลังไห่ถงคือเขา เพราะคิดว่าเป็น ซางเสี่ยวเฟย ดังนั้นพวกเขากลัวตัวตนของซางเสี่ยวเฟย และทำให้พวกเขาส
แต่ต้องทวงความยุติธรรมให้กับหยางหยาง ที่อยู่ตรงหน้าก่อนเรื่องตามหาคนควรจะเลื่อนออกไปสักพักก่อน เนื่องจากเขาจะไปที่เมือง A เพื่อเข้าร่วมงานแต่งงานขอเย่จวินโป๋และมู่ชิงเร็วๆ นี้อีกยังไงซะ ถ้าเลื่อนได้สักระยะหนึ่งก็แค่จะล่าช้าอีกนิดเขาต้องการสารภาพกับไห่ตงก่อนที่คุณนายซางจะเห็นเขาก่อนหวังว่า......ท่าทีของไห่ถงจะไม่ควรรุนแรงเกินไปเขาไม่มีความรู้สึกอะไรกับเธอในตอนแรก และปกปิดตัวตนของเขาเพื่อทดสอบนิสัยของเธอ ซึ่งเขาคิดว่ามันเป็นเรื่องปกติด้วยฐานะของเขา ใครจะรู้ได้ยังไงว่าผู้หญิงที่เข้ามาหาเขานั้นทำเพื่อเงินหรือเพื่อตัวเขา?ตอนนี้ นิสัยของไห่ถงรวมถึงวิธีการรับมือกับสิ่งต่าง ๆ ความมั่นใจ การไม่ยอมแพ้และการพึ่งพาตนเองนั้นน่าดึงดูดใจสำหรับเขามาก และเขาก็ถูกเธอดึงดูดอย่างไม่รู้ตัวหลังจากซางเสี่ยวเฟยวางสายจากไห่ถงแล้ว ก็สั่งรีบคนรับใช้ทันทีว่า "ป้าเฟิง ช่วยเตรียมอาหารบำรุงมาให้หน่อยนะคะ อาหารที่เหมาะกับเด็กน้อยกินค่ะ และฉันอยากจะเอาไปให้คน"ป้าเฟิงถามว่า “คุณหนูคะ หนูน้อยคนนั้นอายุเท่าไหร่?”"สองขวบกว่าค่ะ"“เด็กน้อยอายุ 2 ขวบนิดๆ ไม่จำเป็นต้องทานอาหารบำรุงค่ะ หากไม่เจ็บป่วย”ป้
คุณนายซางงุนงงเมื่อได้ยินสิ่งนี้ "จ้านหยินมีเจ้าของแล้ว?"“เขาแต่งงานแล้วและปฏิบัติต่อภรรยาเป็นอย่างดี เอาใจใส่และปกป้องเธอ พี่ชายเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าภรรยาของเขาคือใคร”คุณนายซาง "....ถ้าเข้ามีเจ้าของแล้ว ลูกก็ตัดใจนะ เขาไม่ได้เป็นของลูก แต่มันเป็นความปรารถนาของลูกเองมาโดยตลอด"คุณนายซางชื่นชมจ้านหยินมาก และเธอก็รู้ว่าจ้านหยินไม่ชอบลูกสาวเธอลูกสาวอยากลองดูหากหลังชนกำแพงแล้วก็จะยอมแพ้"คุณแม่ หนูมีข่าวดี"ซางเสี่ยวเฟยไม่ต้องการพูดถึงจ้านหยินกับแม่อีก แค่พูดถึงหนึ่งครั้งก็ทำให้ใจเธอปวดร้าวหนึ่งครั้งชายที่รักมาหลายปี จู่ๆ ก็รู้ว่าเขาก็แต่งงานแล้ว และเธอก็เกือบจะกลายเป็นเมียน้อย และที่เธอปล่อยมือ แล้วบอกว่าไม่เจ็บก็โกหกตอนนี้เธอพยายามอย่างดีที่สุดที่จะไม่พูดถึงจ้านหยิน เพื่อหลีกเลี่ยงความรู้สึกเจ็บปวด“เรื่องอะไร? แม่จะถึงบ้านแล้ว รอแม่ถึงบ้านก่อนค่อยคุยกัน?”“หนูคิดว่าสิ่งที่แม่มีความสุขที่ได้ยินตอนนี้ เพราะนี่คือเบาะแสใหม่เกี่ยวกับน้า”แน่นอนว่าสีหน้าของคุณนายซางตึงเครียดขึ้น และถามอย่างประหลาดใจ "เสี่ยวเฟย ลูกเจอเบาะแส? ตอนนี้น้าอยู่ที่ไหน?"“ไห่ถงเพื่อนของหนู ซึ่งเคยข
ถ้าไห่ถงและพี่สาวเป็นหลานสาวของเธอจริงๆ....เมื่อคิดถึงตรงนี้คุณนายซางรู้สึกเจ็บปวดอย่างยิ่ง ที่หลานสาวทั้งสองของเธอต้องทนทุกข์ทรมาน“แม่ใกล้ถึงกลับบ้านแล้ว รอแม่ก่อนนะ แม่จะไปเยี่ยมหยางหยางด้วย”นี่เป็นเบาะแสที่น่าจะมีหวังที่สุด เธอต้องไปดูเด็กคนนั้นว่าเหมือนน้องสาวไหมอย่างเป็นการส่วนตัว......ครอบครัวเริ่น“พ่อแม่ไม่ต้องพูดแล้ว ฉันจะไม่เรียกร้องค่าทำขวัญจากไห่ถงแล้ว โอเคไหม?”โจวหงอิงยังคอยกันไม่ให้พ่อแม่ย้ายออกจากบ้านของพวกเขาเมื่อวานนี้ หลังจากที่พ่อแม่ของเธอกลับมาก็เริ่มเก็บข้าวของ แต่ด้วยเห็นใจเธอที่หลั่งน้ำตาออกมา พวกเขาจึงพักค้างคืนอย่างไม่เต็มใจหลังจากผ่านไปคืนหนึ่ง เธอคิดว่าพ่อแม่ใจเย็นลงแล้วคิดไม่ถึงว่าตอนนี้ยังพูดว่าจะย้ายออกอยู่สาเหตุหลักมาจากพ่อโกรธมากเหรินฮุยยังชักชวนอีกว่า "พ่อแม่ หงหยิงพูดถูก แม้ว่าพวกคุณจะย้ายกลับไปก็ไม่มีใครดูแล แล้วพวกเราจะมั่นใจได้อย่างไร? ในฐานะครอบครัวที่อาศัยอยู่ที่นี่ด้วยกัน พวกก็มีสนุกสนานได้ครับ "“พ่อ เหรินหมิงรู้ว่าเขาผิด อีกสักพักหงหยิงกับฉันจะพาเขาไปขอโทษหยางหยาง เมื่อวานฉันก็สอนบทเรียนเหรินหมิงแล้ว”พ่อโจวนั่งสูบบุหรี
"พวกแกมาทำไม?"โจวหงอิงถามเธอต้องการหยุดไห่ถงและคนอื่น ๆ ไว้ที่นอกบ้าน แต่น่าเสียดายที่เธออ่อนแอเกินไป จึงไม่สามารถขวางพวกเขาได้สามีของเธอมีท่าทีแตกต่างจากเธอ และเชิญไห่ถงและพรรคพวกเข้าไปในบ้านอย่างสุภาพทันทีที่เหรินหมิงเห็นไห่ถงและพรรคพวก เขาก็จ้องมองด้วยความโกรธแค้นเมื่อพ่อของเขาเห็น เขาก็แข็งไปทั้งตัว“อีกสักจะไปขอโทษอย่างจริงใจ”เหรินฮุยกระซิบกับลูกชาย“คนเหล่านี้ไม่ง่ายเลยที่จะท้าทาย”ถ้าทุบบ้านพวกเขา ก็จะปลอดภัยและไม่เสียหายเมื่อวานเจ้าหน้าที่ของสถานีตํารวจ ไม่ได้เข้าข้างพวกเขาเลยเหรินฮุยกังวลว่าตระกูลจ้านจะมีคนหนุนหลัง เขาจึงยอมรับและเตือนลูกชายให้ขอโทษอย่างจริงใจอันที่จริงแล้ว เหรินฮุยคิดมากไปเอง เจ้าหน้าที่ของสถานีตำรวจได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว และรู้สึกว่าเหรินหมิงโหดเหี้ยมเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะเพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่ครอบครัวเหรินถูกทุบตีคุณทำลูกคนอื่นต้องเข้าโรงพยาบาล และยังไม่อยากให้พวกเขาอารมณ์เสียอีก?คนที่ไม่มีลูกอาจไม่รู้สึกโกรธและเสียใจกับพ่อแม่ ในขณะที่คนที่มีลูกจะโกรธเมื่อดูวิดีโอนั้นเหรินหมิงเม้มริมฝีปากและนิ่งเงียบเหรินหมิงไ