"พวกแกมาทำไม?"โจวหงอิงถามเธอต้องการหยุดไห่ถงและคนอื่น ๆ ไว้ที่นอกบ้าน แต่น่าเสียดายที่เธออ่อนแอเกินไป จึงไม่สามารถขวางพวกเขาได้สามีของเธอมีท่าทีแตกต่างจากเธอ และเชิญไห่ถงและพรรคพวกเข้าไปในบ้านอย่างสุภาพทันทีที่เหรินหมิงเห็นไห่ถงและพรรคพวก เขาก็จ้องมองด้วยความโกรธแค้นเมื่อพ่อของเขาเห็น เขาก็แข็งไปทั้งตัว“อีกสักจะไปขอโทษอย่างจริงใจ”เหรินฮุยกระซิบกับลูกชาย“คนเหล่านี้ไม่ง่ายเลยที่จะท้าทาย”ถ้าทุบบ้านพวกเขา ก็จะปลอดภัยและไม่เสียหายเมื่อวานเจ้าหน้าที่ของสถานีตํารวจ ไม่ได้เข้าข้างพวกเขาเลยเหรินฮุยกังวลว่าตระกูลจ้านจะมีคนหนุนหลัง เขาจึงยอมรับและเตือนลูกชายให้ขอโทษอย่างจริงใจอันที่จริงแล้ว เหรินฮุยคิดมากไปเอง เจ้าหน้าที่ของสถานีตำรวจได้ตรวจสอบภาพจากกล้องวงจรปิดแล้ว และรู้สึกว่าเหรินหมิงโหดเหี้ยมเกินไป ดังนั้นพวกเขาจึงเลือกที่จะเพิกเฉยต่อเหตุการณ์ที่ครอบครัวเหรินถูกทุบตีคุณทำลูกคนอื่นต้องเข้าโรงพยาบาล และยังไม่อยากให้พวกเขาอารมณ์เสียอีก?คนที่ไม่มีลูกอาจไม่รู้สึกโกรธและเสียใจกับพ่อแม่ ในขณะที่คนที่มีลูกจะโกรธเมื่อดูวิดีโอนั้นเหรินหมิงเม้มริมฝีปากและนิ่งเงียบเหรินหมิงไ
แม่โจวโวยวายออกมา ขยี้ตาเธอ และด่าเหรินหมิง “เหรินหมิง หยางหยางเป็นญาติแก แกกล้าจะตีหยางหยางแรงๆ จะเอาให้ตายเหรอ”“แม่ เหรินหมิงรู้ว่าตัวว่าผิด เขายังเด็กจะเข้าใจอะไรไหม?”โจวหงอิงปกป้องลูกชายและพูดกับไห่ถงว่า "ไห่ถง ที่เหรินหมิงตีหยางหยาง มันเป็นความผิดของเขาจริงๆ เมื่อวานนี้พ่อของเขายังได้ให้บทเรียนกับเขแล้ว และเขาก็รู้ว่ามันผิด อีกสักพักฉันจะพาเขาไปซื้อผลไม้ไปมาเยี่ยมหยางหยางและขอโทษเขา”“ยังไงก็ยังเป็นญาติกัน เรื่องนี้พวกเราจะไม่ถือที่พวกคุณต้องรับผิดชอบที่ทำลายข้าวของในบ้านฉันมากมายขนาดนี้ พวกคุณอย่าถามหาความรับผิดชอบผิดจากลูกชายฉันอีกเลย มันเป็นธรรมดาที่เด็กๆ จะเล่นกัน แต่ถ้าพวกเราซึ่งเป็นผู้ใหญ่เข้ามาแทรกแซงจะไม่ดี”“นอกจากนี้ เสี่ยวเป่ายังบอกว่าเป็นหยางหยางที่ตีเขา ดังนั้นเหรินหมิงซึ่งเป็นพี่ชายก็ต้องปกป้องน้องชายของเขาตามสัญชาตญาณ เช่นเดียวกับที่คุณกำลังปกป้องพี่คุณตอนนี้”ไห่ตงเยาะเย้ยและพูดว่า "โจวหงอิง หล่อนตาบอดเหรอ? ใครคือคนที่ลงมือก่อน กล้องวงจรปิดของหล่อนบันทึกภาพไว้หมดแล้ว และมันเห็นความจริงชัดเจน"โจวหงหยิงอึกอักไม่มีประโยชน์ที่จะด่าสาปสามีอีกครั้งในใจ ที่ไม่ไ
เมื่อถูกพ่อของเธอจ้อง เธอก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ แต่ขยิบตาให้น้องชายของเธออย่างสิ้นหวังโจวหงหลินได้รับสายตาขอความช่วยเหลือจากพี่สาว จึงกระแอมในลำคอ และพูดกับไห่ถงว่า"ไห่ถง แค่ให้พี่ฉันพาเหรินหมิงไปขอโทษก็พอแล้ว ฉันก็เป็นพ่อของหยางหยาง และเป็นหนึ่งในผู้ปกครองของเขา และฉันคิดว่าฉันก็มีอำนาจตัดสินใจด้วย”ไห่ถงโต้กลับ “คุณยังจำได้เหรอว่าคุณเป็นพ่อของหยางหยาง? พ่อของคนอื่น เมื่อรู้ว่าลูกชายของตัวเองถูกรังแก ก็คว้าไม้หน้าไปไปหาอีกฝ่ายเพื่อล้างแค้น”“คุณคนเป็นพ่อยังสงบสติอารมณ์ได้ขนาดนี้ คุณสนิทกับหลานชายมากกว่าลูกชายของคุณใช่ไหม?”หลังจากพูดจบ ไห่ถงพูดกับเหรินฮุยว่า "หยางหยางได้รับการรักษาแล้วจากโรงพยาบาลและได้รับการตรวจร่างกายทั้งหมด ซึ่งมีค่าใช้จ่ายหลายหมื่นบาท ฉันได้นำใบเสร็จชำระเงินของโรงพยาบาลมาด้วยเพื่อป้องกันไม่ให้พวกคุณบอกว่าฉันชุบมือเปิบ "“วันนี้ที่ฉันมา เรื่องแรกต้องการให้พวกคุณพาลูกไปขอโทษและสัญญาว่าจะไม่เข้าใกล้หยางหยางอีกในอนาคต เรื่องที่สอง เรื่องค่าทำขวัญจิตใจของหยางหยางได้รับความบอบช้ำ และฉันไม่รู้จะต้องใช้เงินเท่าไหร่เพื่อรักษาบาดแผลทางใจของเขาในอนาคต”“นั่นเป็นเงินที่ยั
เห็นไห่ถงก็โอนเงินให้ลูกสะใภ้ของเขาทันที และพ่อโจวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอกเงินนั้นมอบให้กับลูกสะใภ้ เพื่อใช้เป็นประโยชน์ของหลานชาย ไม่ใช่เพื่อคนนอกหากมอบมันให้กับลูกชายเขา มันก็คงจะไปอยู่ในกระเป๋าของลูกสาวเขาแทนหลังจากออกจากบ้านครอบครัวเริ่นแล้ว จ้านเยี่ยนก็ยืนกรานที่จะนั่งรถของพี่ใหญ่หลังจากขึ้นมาในรถแล้ว เขาพูดกับไห่ถง "พี่สะใภ้ เมื่อวานพวกคุณมีเรื่องกันทำไมไม่โทรหาผม? จากพี่น้องทั้งหมดเก้าคน ทำไมผมถึงถูกทิ้งไว้คนเดียว"ไห่ถงหันหน้าไปมองหน้าน้องสามีคนสุดท้องแล้วพูดว่า "เธอยังเป็นเด็ก พวกเราต้องปกป้อเด็กน่ะสิ"".....อันที่จริง ผมก็เป็นเด็กและเหรินหมิงก็เป็นเด็กด้วย ถ้าพวกเราสองคนทะเลาะกัน ก็เป็นเรื่องของเด็กสองคนที่ทะเลาะกัน"“พวกเราไม่จำเป็นต้องเข้าไปแทรกแซง แค่ปล่อยให้พ่อของเขาลงโทษเขาเอง เธอไม่ได้ยินสิ่งที่ยัยคนไร้สาระคนนั้นพูดออกมาเหรอ เธอยังอยากให้พวกเราจ่ายค่าทำขวัญเขา เแต่เพราะถูกพ่อของเขาตีเอง โจวหงอิงจึงไม่สามารถเรียกร้องค่าชดเชยจากพวกเราได้""คุณยายบอกว่า เอาผมแค่มาเพิ่มจำนวนคน"จ้านเยี่ยนเม้มปาก: "ผมเป็นแค่ตัวเสริมจริงๆ"จ้านหยินถามด้วยน้ำเสียงทุ้มต่ำ: "นายต้อ
ไห่ถงรู้สึกหดหู่เมื่อย้อนกลับไปตอนที่เธอยังเป็นนักเรียนมัธยม เธอต้องเรียนหนักเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยที่ดีในทางกลับกัน พี่น้องของจ้านหยินสามารถเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้อย่างง่ายดาย และสอบเทียบข้ามชั้นเรียนได้หลายปีกอีกด้วย"พี่สะใภ้ อย่าเพิ่งทำหน้าหดหู่เหมือนกำลังสงสัยชีวิตที่ผ่านมาทั้งชีวิตสิครับ คนที่ควรจะรู้สึกหดหู่มากที่สุดต้องเป็นผมต่างหาก"ไห่ถงคิดแล้วก็ยอมรับ ตอนนี้จ้านเยี่ยนน่าสงสารที่สุด "จ้านเยี่ยน เธอนี่ช่างน่าสงสารริงๆ อย่าท้อแท้ไปเลยนะ ฉันเชื่อว่าเธอก็สามารถเข้ามหาวิทยาลัยดีๆ ได้เหมือนกัน สู้ๆ นะ!"“ผมจะต้องเข้าเรียนในมหาวิทยาลัยที่พี่ชายเคยเรียนมาก่อน ถ้าทำไม่ได้ ผมจะต้องเรียน... ซ้ำชั้น”ตอนแรกเขาอยากจะบอกว่าถ้าสอบเข้าไม่ได้ เขาจะตบตัวเองสองครั้ง แต่หลังจากครุ่นคิดแล้ว เขาก็รู้สึกว่าเป็นการดีกว่าที่จะพูดเรื่องทำร้ายตัวเองให้น้อยลงและเปลี่ยนแปลงคำพูดของเขาจ้านหยินหันหน้าไปมองน้องชาย แล้วขับรถต่อไปอย่างตั้งใจ "ถ้าเข้ามหาวิทยาลัยไม่ได้ ก็อย่าเรียกตัวเองว่าน้องชายของฉัน"จ้านเยี่ยน: "......""จ้านหยิน อย่ากดดันจ้านเยี่ยนมากเกินไปสิ""เด็กคนนี้ชอบเล่นวิดีโอเกมและไม่มีความ
คุณยายจ้านปฏิเสธว่าตัวเธอสนุกกับสถานการณ์นี้ไห่ถงนอนไม่หลับทั้งคืนและดื่มกาแฟหนึ่งแก้วไปในตอนเช้า แต่ตอนนี้ก็รู้สึกง่วงนอนเธอพูด: "ฉันจะโทรหาพี่ว่าหยางหยางเป็นยังไงบ้าง?"เมื่อเธอต่อสายโทรศัพท์ เธอก็รู้ว่าซางเสี่ยวเฟยและแม่ของเธอไปเยี่ยมหยางหยางพร้อมของขวัญ แต่ไห่ถงรู้จุดประสงค์หลักของพวกเขา"พี่สาว คุณนายซางพูดอะไรหรือเปล่า?"ไห่ถงยังไม่ได้คุยเรื่องนี้กับพี่สาวของเธอเลย"เธอไม่ได้พูดอะไรมาก แค่รู้สึกเสียใจกับความโชคร้ายของหยางหยาง เสี่ยวเฟยด่าครอบครอบครัวเริ่นเเกือบครึงชั่วโมง"เพื่อนและครอบครัวสามีของน้องสาวเธอให้การสนับสนุนมากกว่าสามีของเธอและครอบครัวของเขาเอง และนั่นทำให้ไห่หลิงยิ่งรู้สึกเสียใจเธอเสียใจที่หน้ามืดตามัวไปแต่งงานกับโจวหงหลิน ไอ้คนสารเลวคนอย่างโจวหงหลินและเป็นพ่อแบบนี้ จะมีความกล้าที่จะต่อสู้เพื่อสิทธิ์การเลี้ยงดูหยางหยาง?เมื่อคดีหย่าร้างขึ้นศาล เธอจะแสดงรูปถ่ายให้ผู้พิพากษาเห็นว่าหยางหยางถูกทารุณกรรม โดยมั่นใจว่าผู้พิพากษาจะมอบสิทธิ์การเลี้ยงดูให้เธอเพื่อประโยชน์ของหยางหยาง"คุณนายซางดูเหมือน...จะไม่สบาย ใบหน้าของเธอซีดจนน่ากลัว และพวกเขาก็อยู่ได้ไม่นา
จ้านหยินอุ้มไห่ถงกลับมาที่บ้านของพวกเขาทันทีที่ประตูเปิด สุนัขที่เลี้ยงไว้ก็รีบวิ่งเข้ามา"หลีกไป!"จ้านหยินตะโกนออกมาเบาๆ และเจ้าตัวน้อยก็นอนอยู่บนพื้นอย่างเชื่อฟัง ไม่กล้าเข้าใกล้อีกมันรู้ว่าเจ้านายผู้ชายไม่ชอบมันโชคดีที่ไม่ถูกทำร้าย และอาหารและน้ำก็ไม่ขาดแคลน"ตื๊ด ๆ ๆ ๆ..."มือถือของจ้านหยินดังขึ้นเขายังคงอุ้มไห่ถงอยู่และไม่สามารถปล่อยมือเพื่อรับสายได้อีกฝ่ายวางสายไปอย่างรวดเร็วคงเป็นซูหนานที่ทำตามคำสั่งของเขาให้โทรหาทุก ๆ 10 นาที ทำให้เขามีข้ออ้างที่จะออกไปแต่ตอนนี้ไม่จำเป็นแล้วคุณนายซางและลูกสาวของเธอออกจากบ้านของไห่หลิงไปแล้วเขาอุ้มไห่ถงกลับไปที่ห้องของเธอ วางเธอลง ห่มผ้าให้เธอ แล้วหยิบโทรศัพท์ออกมาโทรหาซูหนาน แล้วพูดเบาๆ: “ซูหนาน ไม่ต้องโทรแล้ว”ไม่ต้องโทรแล้วเหรอ ฉันแค่คิดนายว่าจะใช้ 'ไม้กันหน้า'ซะอีก"ริมฝีปากของจ้านหยินกระตุก“กินข้าวหรือยัง? อยากไปหาอะไรกินด้วยกันไหม?”"ไม่จำเป็น คุณจะไม่ชวนคุณเซินไปทานอาหารเย็นเหรอ?"ซูหนานตอบว่า “จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเธอไม่ตอบรับคำเชิญของฉันล่ะ? นั่นคงจะน่าอายเป็นบ้า พวกเราได้แลกเปลี่ยนไลน์กันแล้ว แต่เธอยังไม่ติดต่
จ้านหยินตอบอย่างดื้อรั้นว่า "ไม่!""ไม่จริงเหรอ?""ไม่!"ไห่ถงยืดหลังตรง พร้อมกับสีหน้าผิดหวัง “ฉันคิดว่าถ้าคุณจะทนไม่ได้ ฉันจะได้ให้ป้าเหลียงไปอยู่บ้านพี่สาวเป็นเพื่อนกับเธอ แล้วฉันจะกลับมาอยู่กับคุณ ในเมื่อคุณไม่ต้องการ ฉันก็จะไปอยู่กับพี่”“อากาศเริ่มหนาวขึ้น ให้ความรู้หมือนหน้าหนาว การที่นอนคนเดียวก็ไม่อุ่น เฮ้อ”จ้านหยิน "..."เธอกำลังบอกเป็นนัยกับเขาหรือเปล่าว่าสิ่งเดียวที่เขาต้องพูดคือเขาทนไม่ได้ที่เธอไม่อยู่ แล้วเธอก็จะนำหมอนและผ้าห่มมาผูกขาดเตียงของเขาหรือเปล่า?ไห่ถงยังคงแสดงสีหน้าผิดหวัง โดยลูบไล้ใบหน้าของจ้านหยินเบา ๆ เลื่อนมือของเธอลงไปที่คอของเขา และในที่สุดก็วางมือไปที่หน้าอก และกอดเขาอีกครั้ง เมื่อจ้านหยินจ้องมองลงไปและมองเธออย่างตั้งใจ เธอก็ดึงมืออันอวดดีของเธอออก“ฉันหิวแล้ว ออกไปกินข้าวข้างนอกกันเถอะค่ะ มาดูกันว่าสามีจะทำอาหารให้ฉันทานจะอร่อยแค่ไหน”หลังจากหยอกล้อเสร็จ ไห่ถงก็จากไปเธอเดินผ่านจ้านหยินทันใดนั้นจ้านหยินก็หันกลับมาและกอดเอวของเธอจากด้านหลัง“แกล้งฉันแล้วจะหนีไปเหรอ?”เสียงของเขาแหบแห้ง และแขนของเขาที่โอบรอบเอวของเธอก็แข็งแกร่งเป็นพิเศษ แม้