หยางหยางอาจจะยังไม่เข้าใจว่านี่คือธุรกิจ แต่เขารู้ว่าแม่ของเขา จะให้เพียงน้าเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้น และคนอื่นไม่มีข้อยกเว้นโจวหงหลินสำลักแ ละพูดทันที "หยางหยาง ฉันเป็นพ่อของแกนะ แกจะเอาคนแซ่ลู่มาเปรียบเทียบกับพ่อของแกได้อย่างไร นั่นมันคนนอก และคนแซ่ลู่ไม่ใช่คนดี เขาน่ากลัวมาก"หยางหยางพยักหน้าเห็นด้วย และพูดน่ารักๆ ออกมา "ลุงลู่เป็นคนน่ากลัวมาก แต่ลุงลู่ไม่ใช่คนเลว"เมื่อนึกถึงครั้งสุดท้ายที่เกลี้ยกล่อมลูกชาย เมื่อใดก็ตามที่ลู่ตงหมิงมาหาไห่หลิง เขาจะปล่อยให้ลูกชายสร้างปัญหา โจวหงหลินวกกลับมาที่หัวข้ออาหารเช้าอีกครั้ง และไม่ต้องการคุยกับลูกชายต่อไป เด็กน้อยดื้อรั้นมากเจ้าตัวน้อยพูดว่า ลุงลู่เป็นคนน่ากลัวมาก แต่ลุงลู่ไม่ใช่คนเลว ไม่ว่าเขาจะพยายามเปลี่ยนแปลงเรื่องต่างๆ ในฐานะพ่ออย่างไร เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนหยางหยางให้คล้อยตามได้"โอเค ฉันจะจ่ายเงินให้คุณ จ่ายแล้ว ไห่หลิง ฉันสังเกตเห็นว่าหลังจากหย่า คุณก็มีเงินใช้ไม่ขาดมือเลยนะ""ขี้เหนียว ทำไมต้องเถียงกับฉันทุกเรื่อง พูดได้ยังไงว่าพวกเราเคยเป็นสามีภรรยากัน"ขณะที่โจวหงหลินกำลังบ่นพรางไป ก็วางลูกชายลงแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา เข
โจวหงหลินยอมรับตัวเองว่า ในตอนแรกเขานิสัยแย่มาก อยากจะค่อยๆ บีบให้ไห่หลิงตัดขาดจากสังคม ไม่มีแหล่งรายได้ และกลายเป็นผู้หญิงที่ไม่น่าสนใจ ตอนที่อายุสามสิบหากเปรียบเทียบกับเหล่าแม่บ้านหลายคนที่ประสบกับสถานการณ์เช่นนี้เหมือนกัน ไห่หลิงเป็นคนที่เข้มแข็งมาก เธอตัดความสัมพันธ์กับโจวหงหลินอยากไม่เหลือเยื่อใยเธอไม่ได้คิดถึงลูกของเธอเลยเธอคิดว่าหากการแต่งงานล้มเหลว การหย่าร้างอาจส่งผลเสียต่อเด็ก ๆ ได้ แต่หากไม่หย่า คู่สามีภรรยาก็จะทะเลาะกันทุกวัน และครอบครัวจะไม่มีวันสงบสุข ซึ่งนั่นก็ส่งผลเสียต่อเด็ก ๆ ได้เช่นกันหย่าแล้วจะดีกว่า เธอดูแลลูกไปอยู่คนเดียวดีกว่า หากเธอสามารถสอนเขาได้อย่างดี เธอก็สามารถทำให้ลูกชายเป็นคนพึ่งพาตัวเองได้และมั่นใจในตัวเองได้เช่นกันป้าเหลียงหยิบเกี๋ยวทอดหนึ่งจานมา วางไว้ตรงหน้าโจวหงหลินโจวหงหลินหยุดความคิดของตัวเอง และคิดว่า ตอนนี้เขาใช้ชีวิตที่มีความสุขและหวานชื่นกับเจียนี แม้ว่าจะมีความขัดแย้งในครอบครัว แต่นั่นเป็นช่วงปรับตัวของเขากับเย่เจียนี เมื่อปรับตัวได้ดีแล้ว เขาก็จะใช้ชีวิตได้ดีกว่าไห่หลิงดังนั้น เขาจึงรับทานอาหารเช้าด้วยความสบายใจเขายังป้อนเกี๊ย
ก่อนหน้านี้ ไห่ถงได้อาศัยอยู่ในบ้านของเขา และแทบจะรับหน้าที่ดูแลงานบ้านทั้งหมด"เจีย เจียนี ฉัน ฉันแต่มากินข้าวเช้า"โจวหงหลินหยิบตะเกียบที่หล่นขึ้นมา แล้วโยนลงถังขยะใต้โต๊ะแล้วยืนขึ้น อธิบายให้เย่เจียนีว่า เขามาที่นี่เพื่อทานอาหารเช้าแค่นั้นเย่เจียนีมองหยางหยางหยางหยางก็มองเธอเช่นกัน ใบหน้าเล็กๆ ดูคล้ายกับไห่หลิงมาก และดวงตาสีดำกลมเป็นประกาย เป็นเด็กที่น่ารักมากเย่เจียนีถอนสายตาจากหยางหยางอย่างรวดเร็วโจวหงหลินอธิบายอย่างรวดเร็วว่า "เมื่อกี้ไห่หลิงยุ่งมาก ส่วนหยางหยางก็ไม่มีใครดูแลเขา ตอนที่ฉันกินข้าวเช้า ก็พาเขามานั่งลงข้างๆ ฉัน แบบนี้จะสามารถดูแลเขาได้ ไม่ว่าจะอย่างไร หยางหยางก็เป็นลูกชายของฉัน"เขารู้ว่าเย่เจียนไม่ชอบที่ครอบครัวของพวกเขา ที่พูดถึงหยางหยาง และยิ่งไม่ชอบที่เห็นเขาไปเยี่ยมหยางหยางอีกด้วยเย่เจียนีสูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง เพื่อระงับความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ เธอไม่ชอบเลยที่สามีและญาติสามีมาเยี่ยมหยางหยางอยู่เสมอ เมื่อพูดถึงหยางหยาง พ่อแม่สามีมักจะพูดว่าหยางหยางเป็นหลานชายอันล้ำค่าของตระกูลโจว และเป็นความหวังเดียวก่อนหย่า โจวหงหลินไม่ได้ปฏิบัติต่อห
โจวหงหลินมองเย่เจียนี แล้วพูดติดตลกว่า "เจียนี วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตกเหรอ?""ฉันรีบไปที่ร้านอาหารเช้าของไห่หลิงแต่เช้า เพื่อกินข้าวเช้าและอยู่เล่นกับหยางหยางสักพัก เมื่อฉันเห็นคุณ กลัวว่าคุณจะเถียงกับฉันและทำให้ฉันอับอายต่อหน้าไห่หลิง ฉันไม่คิดว่าคุณจะให้ฉันพาหยางหยางมาค้างที่บ้านได้""เมื่อคุณเห็นนิสัยไม่ดีของเสี่ยวเป่า ฉันคิดว่าคุณคงจะเกลียดเด็กๆ มาก"ตั้งแต่ที่เหรินเสี่ยวทำเครื่องสำอางของเย่เจียนีพังไปเมื่อครั้งที่แล้ว เย่เจียนีก็เกลียดเขามาก แต่นั่นเป็นลูกของโจวหงอิง หากโจวหงอิงกับโจวหงหลินยังไม่สามารถตัดความสัมพันธ์ในฐานะพี่น้องได้ พวกเขาก็ยังคงมาเยี่ยมเยียนกันอยู่ดีหัวใจของเย่เจียนีเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เมื่อเหรินเสี่ยวมาถึง เธอจึงล็อกประตูห้องนอนของเธอกับโจวหงหลิน เพื่อไม่ให้เริ่นเสี่ยวเป่าเข้าไปเหรินเสี่ยวเป่าจะทำให้บ้านรกไปหมด และพ่อแม่สามีก็คงจะไม่สนใจ และปล่อยให้เด็กซนเล่นอย่างมีความสุขเย่เจียนีรู้ว่าลูกๆ ทั้งสามของโจวหงอิงล้วนได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่สามี ซึ่งปฏิบัติต่อหลานทั้งสามคนดีกว่าหยางหยาง ที่เป็นหลานชายสำหรับเรื่องรักหลานอย่างลำเอียงของผู้สู
อากาศในเดือนตุลาคมของเมืองกวนเฉิงยังร้อนจัด มีเพียงตอนเช้าและตอนเย็นเท่านั้นที่สามารถทําให้ผู้คนรู้สึกถึงความเย็นของปลายฤดูใบไม้ร่วงได้หลังจากไห่ถงตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและทําอาหารเช้าให้ครอบครัวพี่สาวทั้งสามคนแล้ว เธอก็หยิบทะเบียนบ้านและจากไปอย่างเงียบ ๆ"จากนี้ไปเราจะใช้ระบบAAกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพหรือค่าผ่อนรถและผ่อนบ้าน ทุกอย่างก็ต้องAAกัน! น้องสาวคุณมาอยู่ที่บ้านเรา ก็ต้องบอกให้เธอช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่งด้วยแค่ให้เงินมา 10,000 บาทละเดือนเอาไปใช้อะไรได้? มันจะไปต่างอะไรกับมากินฟรีอยู่ฟรีล่ะ?"นี่คือสิ่งที่ไห่ถงได้ยินพี่เขยของเธอพูด ตอนที่พี่สาวและพี่เขยทะเลาะกันเมื่อคืนนี้เธอต้องย้ายออกจากบ้านของพี่แต่มีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้พี่วางใจก็คือแต่งงานเธออยากจะรีบแต่งงานไปให้เร็ว แต่ว่าแม้แต่แฟนก็ยังไม่มี เธอจึงตัดสินใจรับคำขอของคุณยายจ้าน หญิงชราที่เธอได้ช่วยเหลือไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ เธอจะแต่งงานกับหลานชายคนโตของคุณยายจ้านซึ่งชื่อจ้านหยินที่การแต่งงานเป็นเรื่องยากยี่สิบนาทีต่อไป ไห่ถงก็ลงจากรถหน้าประตูสํานักงานเขต"ไห่ถง"ทันทีที่ลงจากรถ ไห่ถงก็ได้ยินเสียงตะโก
"หากตัดสินใจแล้ว ฉันก็จะไม่เปลี่ยนใจค่ะ"ไห่ถงคิดไตร่ตรองอยู่สองสามวันก่อนตัดสินใจ และตอนนี้เธอตัดสินใจดีแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่คืนคำเมื่อจ้านหยินได้ยินเธอพูดแบบนั้น เขาจึงไม่ได้พูดอะไรออกไปเพื่อให้เธอเปลี่ยนใจ แต่หยิบเอกสารของตัวเองออกมา แล้วมอบแก่เจ้าหน้าที่ไห่ถงก็หยิบเอกสารของตัวเองออกมาเช่นกันพวกเขาจดทะเบียนสมรสเสร็จอย่างรวดเร็ว ทั้งกระบวนการใช้เวลาเพียงไม่ถึง 10 นาทีเมื่อไห่ถงรับทะเบียนสมรสมาจากเจ้าหน้าที่ จ้านหยินล้วงกุญแจที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้ไห่ถงพร้อมกับพูดว่า "บ้านที่ผมซื้อไว้อยู่ที่หมิงหยวนฮวา การ์เด้น ได้ยินคุณยายบอกว่าคุณเปิดร้านขายหนังสืออยู่ที่ประตูหน้าโรงเรียนมัธยมกวนเฉิง บ้านของผมไม่ไกลจากร้านขายหนังสือของคุณ ถ้านั่งรถเมล์ก็ใช้เวลาเพียงสิบกว่านาทีเท่านั้น""คุณมีใบขับขี่รถยนต์ไหมครับ? ถ้ามีใบขับขี่ผมสามารถจ่ายเงินดาวน์รถยนต์ให้ได้ครับ แต่คุณต้องผ่อนชำระงวดรถยนต์ทุกเดือน เมื่อมีรถยนต์แล้วคุณก็จะสะดวกในการเดินทางไปทำงานแล้วก็กลับบ้าน"“งานของผมยุ่งมาก ผมออกจากบ้านเช้าตรู่กว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึก บางครั้งก็ต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด
"คุณยายคะ หนูไม่เป็นไรแน่นอนค่ะ"ไห่ถงตอบกลับแบบปัดๆถึงแม้ว่าคุณยายจ้านจะดูแลเธอดี แต่ทว่าจ้านหยินเป็นหลานแท้ๆ เธอเป็นเพียงแค่หลานสะใภ้ หากเราทั้งคู่มีปัญหาขัดแย้งกันจริงๆ ครอบครัวจ้านจะเข้าข้างเธอหรือไม่?ไม่ใช่ว่าไห่ถงไม่เชื่อแต่อาจเหมือนกับพ่อแม่สามีของพี่สาวเธอก่อนแต่งงานพ่อแม่สามีดูแลพี่สาวดีมาก ดีมากจนทำให้ลูกสาวแท้ๆ ของพวกเขาอิจฉาริษยาหลังจากแต่งงานพวกเขากลับกลายเป็นคนละคน ทุกครั้งที่พี่สาวกับสามีมีปัญหาขัดแข้งกัน แม่สามีจะตั้งใจกล่าวหาว่าเป็นเพราะพี่สาวทำหน้าที่ภรรยาได้ไม่ดีสุดท้ายแล้วลูกชายยังไงก็คือลูกในไส้ของพวกเขา แต่ลูกสะใภ้ก็ยังเป็นคนนอกวันยันค่ำ"หลานทำงานไปก่อนนะ ยายไม่รบกวนล่ะ เดี๋ยวตอนเย็นยายจะเรียกอาหยินมารับหลานมาบ้านมากินข้าวเย็นด้วยกัน""คุณยายคะ หนูปิดร้านดึก น่าจะไม่สะดวกไปทานข้าวเย็นด้วยค่ะ แต่ถ้าเลื่อนเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์นี้แทนได้ไหมคะ?"เพราะว่าโรงเรียนจะหยุดสุดสัปดาห์ ร้านหนังสือของพวกเขาต้องพึ่งพาโรงเรียนในการทำรายได้ เมื่อโรงเรียนหยุด ธุรกิจของพวกเขาก็จะซบเซา แล้วบางครั้งอาจจะไม่เปิดร้านเลย เธอจึงมีเวลาว่าง"ได้จ้ะ"คุณยายจ้านพูดอย่างเห็น
"พี่คะ แบบนั้นไม่ได้นะ นั้นเป็นทรัพทย์สินของเขาก่อนแต่งงาน ฉันไม่ได้ออกเงินช่วยซื้อสักบาท แล้วจะให้เขาเพิ่มในใบครอบครองทรัพย์สินร่วมกันอีกได้อย่างไร เรื่องนี้เราจะไม่พูดกันอีกนะคะ"เมื่อได้รับใบทะเบียนสมรสมา จ้านหยินก็มอบกุญแจบ้านให้ ทำให้เธอสามารถย้ายเข้าบ้านนั้นได้ทันที ปัญหาเรื่องบ้านก็ได้รับการแก้ไขเรียบร้อย แค่นี้ก็ดีมากแล้วเธอจะไม่ขอให้จ้านหยินเพิ่มชื่อเธอในใบครอบครองทรัพย์สินร่วมกัน ถ้าเขาต้องการเพิ่มชื่อของเธอในใบครอบครองทรัพย์สินเอง เธอก็จะไม่ปฏิเสธในฐานะสามีภรรยาที่ตัดสินใจว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตไห่หลิงแค่พูดแบบไปนั้น เพราะรู้ว่าน้องสาวพึ่งพาตนเองก่อนและไม่โลภมาก เธอจึงหยุดกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้หลังจากที่ถูกพี่สาวสอบถามทุกเรื่องแล้ว ไห่ถงจึงสามารถย้ายออกจากบ้านพี่สาวได้สำเร็จพี่สาวต้องการไปส่งเธอที่หมิงหยวนฮวา การ์เด้น แต่ทันใดนั้นหลานชายโจวหยางตื่นขึ้นพอดี เจ้าตัวเล็กตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้และมองหาแม่ของเขา"พี่คะ พี่ไปดูแลหยางหยางก่อน สัมภาระของฉันไม่เยอะ ฉันไปคนเดียวได้"ไห่หลิงต้องป้อนข้าวลูกชาย เมื่อป้อนข้าวเสร็จแล้วก็ต้องเตรียมอาหารกลางวันต่อ เพราะสามีตอนเที่ยง