โจวหงหลินยอมรับตัวเองว่า ในตอนแรกเขานิสัยแย่มาก อยากจะค่อยๆ บีบให้ไห่หลิงตัดขาดจากสังคม ไม่มีแหล่งรายได้ และกลายเป็นผู้หญิงที่ไม่น่าสนใจ ตอนที่อายุสามสิบหากเปรียบเทียบกับเหล่าแม่บ้านหลายคนที่ประสบกับสถานการณ์เช่นนี้เหมือนกัน ไห่หลิงเป็นคนที่เข้มแข็งมาก เธอตัดความสัมพันธ์กับโจวหงหลินอยากไม่เหลือเยื่อใยเธอไม่ได้คิดถึงลูกของเธอเลยเธอคิดว่าหากการแต่งงานล้มเหลว การหย่าร้างอาจส่งผลเสียต่อเด็ก ๆ ได้ แต่หากไม่หย่า คู่สามีภรรยาก็จะทะเลาะกันทุกวัน และครอบครัวจะไม่มีวันสงบสุข ซึ่งนั่นก็ส่งผลเสียต่อเด็ก ๆ ได้เช่นกันหย่าแล้วจะดีกว่า เธอดูแลลูกไปอยู่คนเดียวดีกว่า หากเธอสามารถสอนเขาได้อย่างดี เธอก็สามารถทำให้ลูกชายเป็นคนพึ่งพาตัวเองได้และมั่นใจในตัวเองได้เช่นกันป้าเหลียงหยิบเกี๋ยวทอดหนึ่งจานมา วางไว้ตรงหน้าโจวหงหลินโจวหงหลินหยุดความคิดของตัวเอง และคิดว่า ตอนนี้เขาใช้ชีวิตที่มีความสุขและหวานชื่นกับเจียนี แม้ว่าจะมีความขัดแย้งในครอบครัว แต่นั่นเป็นช่วงปรับตัวของเขากับเย่เจียนี เมื่อปรับตัวได้ดีแล้ว เขาก็จะใช้ชีวิตได้ดีกว่าไห่หลิงดังนั้น เขาจึงรับทานอาหารเช้าด้วยความสบายใจเขายังป้อนเกี๊ย
ก่อนหน้านี้ ไห่ถงได้อาศัยอยู่ในบ้านของเขา และแทบจะรับหน้าที่ดูแลงานบ้านทั้งหมด"เจีย เจียนี ฉัน ฉันแต่มากินข้าวเช้า"โจวหงหลินหยิบตะเกียบที่หล่นขึ้นมา แล้วโยนลงถังขยะใต้โต๊ะแล้วยืนขึ้น อธิบายให้เย่เจียนีว่า เขามาที่นี่เพื่อทานอาหารเช้าแค่นั้นเย่เจียนีมองหยางหยางหยางหยางก็มองเธอเช่นกัน ใบหน้าเล็กๆ ดูคล้ายกับไห่หลิงมาก และดวงตาสีดำกลมเป็นประกาย เป็นเด็กที่น่ารักมากเย่เจียนีถอนสายตาจากหยางหยางอย่างรวดเร็วโจวหงหลินอธิบายอย่างรวดเร็วว่า "เมื่อกี้ไห่หลิงยุ่งมาก ส่วนหยางหยางก็ไม่มีใครดูแลเขา ตอนที่ฉันกินข้าวเช้า ก็พาเขามานั่งลงข้างๆ ฉัน แบบนี้จะสามารถดูแลเขาได้ ไม่ว่าจะอย่างไร หยางหยางก็เป็นลูกชายของฉัน"เขารู้ว่าเย่เจียนไม่ชอบที่ครอบครัวของพวกเขา ที่พูดถึงหยางหยาง และยิ่งไม่ชอบที่เห็นเขาไปเยี่ยมหยางหยางอีกด้วยเย่เจียนีสูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง เพื่อระงับความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ เธอไม่ชอบเลยที่สามีและญาติสามีมาเยี่ยมหยางหยางอยู่เสมอ เมื่อพูดถึงหยางหยาง พ่อแม่สามีมักจะพูดว่าหยางหยางเป็นหลานชายอันล้ำค่าของตระกูลโจว และเป็นความหวังเดียวก่อนหย่า โจวหงหลินไม่ได้ปฏิบัติต่อห
โจวหงหลินมองเย่เจียนี แล้วพูดติดตลกว่า "เจียนี วันนี้พระอาทิตย์ขึ้นจากทิศตะวันตกเหรอ?""ฉันรีบไปที่ร้านอาหารเช้าของไห่หลิงแต่เช้า เพื่อกินข้าวเช้าและอยู่เล่นกับหยางหยางสักพัก เมื่อฉันเห็นคุณ กลัวว่าคุณจะเถียงกับฉันและทำให้ฉันอับอายต่อหน้าไห่หลิง ฉันไม่คิดว่าคุณจะให้ฉันพาหยางหยางมาค้างที่บ้านได้""เมื่อคุณเห็นนิสัยไม่ดีของเสี่ยวเป่า ฉันคิดว่าคุณคงจะเกลียดเด็กๆ มาก"ตั้งแต่ที่เหรินเสี่ยวทำเครื่องสำอางของเย่เจียนีพังไปเมื่อครั้งที่แล้ว เย่เจียนีก็เกลียดเขามาก แต่นั่นเป็นลูกของโจวหงอิง หากโจวหงอิงกับโจวหงหลินยังไม่สามารถตัดความสัมพันธ์ในฐานะพี่น้องได้ พวกเขาก็ยังคงมาเยี่ยมเยียนกันอยู่ดีหัวใจของเย่เจียนีเต็มไปด้วยความเกลียดชัง เมื่อเหรินเสี่ยวมาถึง เธอจึงล็อกประตูห้องนอนของเธอกับโจวหงหลิน เพื่อไม่ให้เริ่นเสี่ยวเป่าเข้าไปเหรินเสี่ยวเป่าจะทำให้บ้านรกไปหมด และพ่อแม่สามีก็คงจะไม่สนใจ และปล่อยให้เด็กซนเล่นอย่างมีความสุขเย่เจียนีรู้ว่าลูกๆ ทั้งสามของโจวหงอิงล้วนได้รับการเลี้ยงดูจากพ่อแม่สามี ซึ่งปฏิบัติต่อหลานทั้งสามคนดีกว่าหยางหยาง ที่เป็นหลานชายสำหรับเรื่องรักหลานอย่างลำเอียงของผู้สู
"มันทำให้เกิดความสุขของครอบครัวเรา และฉันก็ไม่ใช่คนใจดำด้วย ยังไงซะ คุณก็เป็นพ่อของหยางหยาง และคุณต้องจ่ายค่าเลี้ยงดูเขาทุกเดือน ดังนั้นคุณต้องรักษาความสัมพันธ์พ่อลูกไว้ ไม่อย่างนั้น คุณให้เงินเลี้ยงดูเขา แต่เขาก็จะไม่สนิทกับคุณเลย ซึ่งนั่นจะเสียเปรียบมาก""พวกเราก็พยายามกันมานานแล้ว แต่ท้องของฉันก็ยังว่างเปล่าอยู่ การพาหยางหยางมาค้างที่นี่สักพัก ฉันอาจจะท้องก็ได้ มีคนจำนวนมากในชนบทที่แต่งงานกันมาหลายปีและยังไม่มีลูก หลังจากที่รับเลี้ยงเด็กแล้ว พวกเขาก็สามารถตั้งครรภ์ได้ภายในปีหรือสองปี"เมื่อได้ยินเช่นนี้ โจวหงหลินก็ดีใจมากและชมเชยเย่เจียนี จากนั้นพูดต่อว่า "เจียนี ฉันไม่ได้มองคุณผิดไปเลย คุณเป็นทั้งภรรยาและแม่ที่ดี ซึ่งเข้าใจเรื่องทุกอย่างอย่างกระจ่าง""ผู้หญิงคนไหนบ้าง ที่ไม่อยากมีชีวิตที่ดีเมื่อแต่งงานใหม่ๆ นั่นไม่ใช่เพราะว่าครอบครัวคุณรังแกฉันมากเกินไป จนฉันกลายเป็นคนใจดำ โดยเฉพาะพี่สาวของคุณที่ร้ายกาจมาก""เธอทำให้ชีวิตแต่งงานของคุณกับไห่หลิงพังทลาย และต้องการทำลายพวกเราทั้งคู่ด้วย หงหลิน ฉันไม่ได้พยายามสร้างความขัดแย้งเลยนะ สิ่งที่ฉันกำลังพูดคือเป็นเรื่อง ลองคิดดูนะ พี่สาวขอ
เย่เจียนีไม่ได้พูดต่อในหัวข้อสนทนานี้อย่างมีเล่ห์เหลี่ยมไม่สนใจว่า โจวหงอิงจะนิสัยแย่ขนาดไหน แต่เธอก็ยังคงเป็นพี่ของโจวหงหลินอยู่ดีโจวหงหลินไม่สามารถตัดสัมพันธ์กับพี่สาวของเขาได้อย่างไรก็ตาม เธอยังแสดงออกมาที่จะปล่อยให้โจวหงหลินพาเธอเข้าใกล้ชิดกับหยางหยาง เพื่อให้ไห่หลิงลดระดับการระมัดระวังลง หลังจากผ่านไปสักพัก เมื่อทั้งคู่พาหยางหยางออกไปเล่น ไห่หลิงก็ไม่คัดค้านดังนั้น เธอจึงสามารถทำภารกิจที่หญิงสาวนิรนามมอบหมายให้เธอสำเร็จได้อย่าโทษเธอที่ใจร้ายไส้ระกํา เพราะชีวิตของครอบครัวเธอถูกคนอื่นจับตามอง เธอแค่ช่วยพาหยางหยางไปยังสถานที่ที่มีคนพลุกพล่าน เพื่อทำให้อีกฝ่ายมีโอกาสลงมือ ตราบใดที่หยางหยางเป็นเด็กดีและเชื่อฟัง เชื่อว่าเขาจะไม่เป็นไรอยากจะโทษ ก็โทษไห่ถงแล้วกันเพราะไห่ถงไปเหยียบหางใครเข้า และทำให้พวกเขาลงโทษหยางหยางสำหรับเรื่องนั้นแทนนอกจากนี้ หญิงสาวคนนั้นยังบอกเธอด้วยว่า แค่ใช้หยางหยางเพื่อล่อลวงไห่ถง เพราะอีกฝ่ายต้องจัดการกับไห่ถง......ร้านดอกไม้ผลิยามฤดูใบไม้ผลิเปิดร้านเร็วกว่าร้านอื่น ๆ เมื่อถึงเวลาร้านเปิด หนิงอวิ๋นชูก็ได้เปิดประตูร้านเธอมาที่นี่โดยรถประจำทาง
หนิงอวิ๋นชูยิ้มตอบ "ฉันขายกระถางดอกไม้ ปุ๋ยสำหรับดอกไม้ ดินบำรุงดอกไม้ และอื่นๆ อีก ฉันมีสินค้าเหล่านี้ทั้งหมดอยู่ในสต๊อกของร้าน ไม่ทราบว่าคุณต้องการแบบไหนคะ?"จ้านอี้เฉินเม้มริมฝีปาก ผู้หญิงตรงหน้าเขามักจะพูดพร้อมกับรอยยิ้ม ทำให้ผู้คนรู้สึกเบาสบาย แต่กลับปากคอเราะร้ายมาก"ฉันขอดูก่อน"ขณะที่จ้านอี้เฉินพูด เขาก็เดินผ่านหนิงอวิ๋นชูและเดินเข้าไปในร้าน จากนั้นเดินรอบ ๆ ร้านขายดอกไม้ของเธอเดินวนรอบหน้าหนึ่งรอบแล้ว เขาก็หันศีรษะกลับมา และพบว่าหนิงอวิ๋นชูเดินตามเขาอยู่ห่างๆเธอแกล้งทำเป็นตาบอด แต่กลับเดินตามคนอื่นได้ นี่ไม่ใช่โดนจับได้แล้วเหรอ?"คุณคะ?"หนิงอวิ๋นชูไม่ได้ยินเสียงฝีเท้าอันแผ่วเบาของจ้านอี้เฉินอีก เธอหันหน้าไปในทิศทางหนึ่งและตะโกนเรียกหาจ้านอี้เฉินเมื่อดูท่าทางการแสดงออกของเธอ จ้านอี้เฉินก็ไม่แน่ใจนักว่า เธอตาบอดจริงหรือหลอกกันแน่?จ้านอี้เฉินตัดสินใจทดสอบหนิงอวิ๋นชูหลังจากเดินดูรอบๆ ร้าน ในที่สุดเขาเลือกกระถางกระบองเพชร เขาหยิบกระบองเพชรขึ้นมาอย่างเบามือ แล้ววางไว้บนเคาน์เตอร์คิดเงิน พร้อมกับพูดกับหนิงหยุนชูว่า “ฉันต้องกระถางนี้ ราคาเท่าไร?”หนิงอวิ๋นชูได้ยินเสีย
จางอี้เฉินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และมองไปที่แคชเชียร์เพื่อดูว่ามีคิวอาร์โค้ดโอนเงินหรือไม่ เขาถามหนิงอวิ๋นชูว่า "ร้านคุณไม่รับแสกนจ่ายเหรอ?"หนิงอวิ๋นชูพูดตามตรง "ฉันมองไม่เห็น ฉันไม่ได้ทำคิวอาร์โค้ดแสกนจ่าย เพราะฉันไม่มีบัญชีธนาคาร"เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา และเปิดให้จ้านอี้เฉินดู ซึ่งยังคงเป็นเครื่องเก่าที่มีปุ่มตัวเลข ที่ทำได้แค่โทรออกและส่งข้อความเท่านั้นหนิงอวิ๋นชูมองไม่เห็นมันได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงใช้โทรศัพท์รุ่นเก่า เพื่อสัมผัสแป้นตัวเลขและโทรออกได้ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถใช้สมาร์ทโฟนได้"ฉันติดป้ายไว้ที่ทางเข้าร้าน เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทุกคนทราบว่าร้านของเรารับเฉพาะเงินสดได้เท่านั้น หากไม่ได้พกเงินสด ก็มีพนักงานของฉันอยู่สองคน คุณสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดของพนักงานของฉันได้ และพวกเขาจะให้เงินสดแก่ฉัน"จ้านอี้เฉินหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา เขาหยิบธนบัตรห้าร้อยบาทออกมาจากกระเป๋าสตางค์และส่งให้หนิงอวิ๋นชูเขาไม่ได้บอกหนิงอวิ๋นชูว่า ให้เงินไปห้าร้อยบาทจากนั้นเขาก็จ้องไปที่หนิงอวิ๋นชู และเห็นว่าเธอสัมผัสเงินด้วยมือข หลังจากสัมผัสสองสามครั้ง เธอก็เดินเข้าไปในแคชเชียร์ เปิดลิ้นชักออกมา
จ้านหยินตอบกลับอืม เห็นเขาถือกระถางกระบองเพชรมา จึงถามเขาว่า “นายซื้อมา?”"อืม ก่อนมาทำงาน ไปดอกไม้ผลิยามฤดูใบไม้ผลิมา""ดอกไม้ผลิยามฤดูใบไม้ผลิ? "จ้านหยินรู้สึกคุ้นหู เหมือนว่าเขาเคยได้ยินภรรยาพูดมาก่อนจ้านอี้เฉินไม่ได้ปิดบังอะไรและตอบตามตรง "นี่คือร้านดอกไม้ของคุณหนูใหญ่หนิง ชื่อร้านนี้ฟังไม่เข้าหูเท่าไหร่"จ้านหยินพูดส่งๆ "เมื่อฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้ก็จะบาน"จ้านอี้เฉินตอบกลับอ่อ"ไหนๆ ก็ไปมาแล้ว ไม่ซื้อมาหลายๆ กระถางหน่อย?"จ้านอี้เฉินเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะซื้อดอกไม้ และฉันไม่มีทางเลือกเลยต้องซื้อกระบองเพชรนี้มา”ไม่ใช่เอาต้นกระบองเพชรไปทิ่งแทงคนอื่นแล้ว ก็ะไม่ซื้ออะไรเลย?"จะดีกว่าไหมถ้าซื้อกระบองเพชรที่มีดอกมาวางไว้ข้างคอมพิวเตอร์? กระบองเพชรมีหนามยาว ระวังอย่าให้โดนทิ่มล่ะ"จ้านหยินพูดสองสามอย่างไม่ใส่ใจ หลังจากเข้าไปในอาคารสำนักงาน เขาก็ทิ้งน้องชายเอาไว้และขึ้นไปชั้นบนก่อนจ้านอี้เฉินรู้สึกว่าพี่ชายของเขาเดาได้ถึงเรื่องเขาทำ ถึงบอกกว่าซื้อกระบองเพชรที่มีดอกมาดีกว่าต้นไม่มีดอกไม่กี่นาทีต่อมาจ้านอี้เฉินนั่งลงที่โต๊ะทำงาน และมองต้นกระบองเพชรอยู่ครู่ห
"ฉันคิดว่าคุณนายลู่ถ่ายรูปคุณหนูหยูและแสดงให้พี่สาวดูโดยตั้งใจ เพื่อทดสอบว่าเธอมีความรู้สึกกับตงหมิงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผลก็คือเธอไม่มีความคิดนั้นอย่างแน่นอน เธอไม่เคยคิดอะไรกับตงหมิงเลย ตอนนี้เธอหมกมุ่นอยู่กับร้านอาหารเช้าและต้องการเพียงแค่ประกอบอาชีพและหาเงิน"จ้านหยินก็มองไห่หลิงออกเช่นกัน"ถ้าเธอมีความคิดอะไรกับตงหมิง คุณนายลู่คงจะไม่ยอมให้เธอเปิดร้านที่นั่นต่อไป"ไห่ถงเห็นด้วยกับสิ่งที่สามีของเธอพูดคุณนายลู่กำลังทดสอบพี่สาวของเธอ พี่สาวของเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ไม่เป็นไร เธอจะได้ไม่ได้รับผลกระทบ"ที่รัก คุณคิดว่าฉันควรบอกเรื่องพวกนี้กับพี่สาวของฉันไหม?""คุณนายลู่คงทำอะไรไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าเธอเพียงสงสัยเช่นเดียวกับเรา แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับพี่สาวของคุณ ฉันแค่ต้องคุยกับตงหมิงและบอกเขาว่าอย่าไปทานอาหารเช้าที่บ้านพี่สาวของเราในอนาคต"จ้านหยินบ่นให้เพื่อนๆ ฟังว่าครอบครัวของเขาไม่ได้เตรียมอาหารเช้าไว้ ลู่ตงหมิงต้องรีบไปร้านกินได้ไม่อั้นแต่เช้าเพื่อทานอาหารเช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ใช่ไหม"ตกลง"หลังจากจ้านหยินกินและดื่มจนอิ่มแล้ว ไห่ถงก็ยิ้มและถา
ไห่ถงรู้สึกโชคดีอีกครั้ง เธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่แม้จะแสดงอาการงอแงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว แต่เขาก็ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี เขาไม่เคยใช้ความรุนแรงในครอบครัวกับเธอ และเขาไม่ต้องกังวลว่าเขาจะนอกใจด้วยกุญแจสำคัญอยู่ที่การเลี้ยงดูของเขา บ้านสามีที่่ใจกว้างและมีเมตตาอย่างแม่สามีตระกูลจ้าน เป็นสิ่งที่หาได้ยากในตระกูลที่ร่ำรวยเมื่อคิดย้อนกลับไปเมื่อคุณยายจ้านบอกกับเธอว่าเธอช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้และจะไม่แนะนำหลานชายที่ไม่ดีให้เธอรู้จักที่จริงแล้ว หลานชายทุกคนในครอบครัวของหญิงชราอย่างเธอนั้นนั้นดีมากจ้านหยินเป็นหลานชายคนโต และหญิงชราก็เลือกที่จะจับคู่เธอกับหลานชายที่ดีที่สุด"คุณนายลู่ได้ช่วยประธานลู่หาภรรยาที่เหมาะสมแล้ว เธอคือคุณหนูหยูหยินหยิน ทั้งสาว สวย และดูเฉลียวฉลาดและมีความสามารถ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนที่อยู่ในแวดวงชั้นสูงมายาวนาน ความมั่นใจและรัศมีแห่งความสง่างามที่แผ่ออกมาจากทุกการเคลื่อนไหว ท่าทางของเธอบ่งบอกว่าเธอมาจากภูมิหลังที่ร่ำรวยหรือสูงศักดิ์ นั่นสามารถทำให้คุณนายลู่ชอบเธอได้โดยไม่ต้องลำบากอะไร""ฉันรู้"จ้านหยินพูดขณะกิน "เป็นเพราะคุณนายลู่เลือกภรรยาที่เหมาะสมกับตงหมิง
"ไม่ต้องพูดถึงว่าเราทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ต้องทำ แม้ว่าในอนาคตเราจะเกษียณ เราก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเราจะตื่นขึ้นทุกวันและพบกันเมื่อเราลืมตาขึ้น"มีคนตื่นก่อนเสมอ และมีคนตื่นทีหลังเสมอจ้านหยินรู้ว่าเขาสร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผล"ป้าเหลียงบอกว่าคุณยังไม่ได้กินข้าว คุณหิวไหม ออกไปกินข้าวกันเถอะ ฉันจะอยู่กับคุณ"ไห่ถงรู้ว่าการยืดเวลาการสนทนาออกไปอาจทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างพวกเขามากขึ้นหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง เพราะอาจทำให้ทั้งคู่โกรธกันได้"อืม"จ้านหยินพยักหน้าแล้วปล่อยภรรยาที่รักของเขาจากอ้อมแขนไห่ถงดึงเขาออกมาป้าเหลียงเตรียมอาหารเช้าของจ้านหยินไว้บนโต๊ะอาหารแล้วนายน้อยชอบทำตัวจุกจิกจู้จี้ แต่ต่อหน้านายหญิง เขามักจะต้องก้มหัวและประนีประนอมอยู่เสมอป้าเหลียงไม่กังวลเลยว่าอาหารเช้าที่เธอทำจะเสียเปล่า"ทำไมคุณไม่พาหยางหยางมาล่ะ?"จ้านหยินทานอาหารเช้ากับภรรยา และอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้น เขาเลิกทำหน้าเย็นชาและถามถึงเจ้าตัวน้อย"พี่สาวของฉันบอกว่าวันนี้เธอจะปิดร้านเร็วและปล่อยให้หยางหยางเล่นในร้าน เธอจะพาหยางหยางกลับบ้านเร็วๆ นี้ จ้าน...ที่รัก พาหยางหยางมาอยู่ที่นี่กันเถ
"เมื่อไหร่คุณยายจะกลับมา? ฉันคิดถึงเธอมาก"ไห่ถงคิดถึงวันที่คุณยายจ้านเคยอยู่ที่นี่มากป้าเหลียงพูด: "เมื่อฉันรู้ตัวว่าต้องเตือนนายหญิง มันก็สายเกินไปเสียแล้ว คุณผลักประตูเปิดและเดินเข้าไปแล้ว"ไห่ถงถอนหายใจอีกครั้งและพูดว่า "ฉันจะไปล้างมือ"เธอล้างมือสองครั้งด้วยสบู่และกลับไปที่ห้องที่เธอเคยอยู่ เธอหยิบชุดเสื้อผ้าที่สะอาดจากตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนชุด แล้วกลับไปที่ห้องนอนใหญ่"ที่รัก ฉันล้างมือและฆ่าเชื้อสองครั้ง ฉันยังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีขนแมวติดตัวของฉัน"ไห่ถงเดินไปข้างหลังจ้านหยิน และขณะที่เธอพูด เธอก็เอื้อมมือไปโอบรอบเอวของเขา"ที่รัก ฉันขอโทษ ฉันลืมไปจริงๆ ว่าฉันกำลังอุ้มแมวอยู่เมื่อกี้ จริงๆ แล้วพวกมันน่ารักมาก คุณให้ฉันเลี้ยงพวกมัน และพวกมันก็มีค่าสำหรับฉันทั้งหมด คุณพูดว่า ถ้าฉันให้หญ้าคุณหนึ่งกำมือ คุณจะถือว่ามันเป็นสมบัติ ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะให้อะไรกับฉัน ฉันก็จะรักมันมาก"จ้านหยินไม่หันหลังกลับและปล่อยให้เธอโอบเอวของเขาเขากล่าว: "ฉันตื่นมาแล้วไม่เห็นคุณ ฉันถามป้าเหลียงแล้วเธอก็บอกว่าคุณออกไปแต่เช้า ฉันรู้สึกเหมือนถูกคุณทิ้งเอาไว้ข้างหลัง เมื่อคุ
ไห่ถงก้มตัวลงและอุ้มแมวขึ้นมา"นายหญิง คุณไปง้อนายน้อยก่อนเถอะ นายน้อยเพิ่งตื่นและยังไม่ได้กินข้าว"ป้าเหลียงรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเมื่อจู่ๆ นายน้อยของเธอกลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยถ้าเธอไม่มาทำงาน เธอคงไม่รู้ว่านายน้อยจะมีด้านที่คิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ไห่ถงลูบแมวแล้วถามป้าเหลียง: "ป้าเหลียง คุณต้องบอกฉันว่าทำไมเขาถึงโกรธ ฉันถึงจะง้อได้ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย"ป้าเหลียงกระซิบ: "ฉันเดาว่านายน้อยคงโกรธที่คุณออกไปข้างนอกแต่เช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ นายน้อยพักผ่อนที่บ้านและหวังว่านายหญิงจะอยู่กับเขา"ไห่ถง: "... ฉันแค่ไปช่วยงานพี่สาวของฉัน แม้ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่โรงงานหลายแห่งไม่มีวันหยุดและยังต้องทำงาน ดังนั้นร้านอาหารเช้าของน้องสาวฉันจึงยังคงยุ่งมาก ฉันออกไปเร็วแต่ก็กลับมาเร็วเช่นกัน ฉันยังกลับมาก่อน 10 โมง"เธอไม่เคยคิดว่าจ้านหยินจะกลายเป็นคนใจแคบเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ป้าเหลียงก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน"ฉันจะเข้าไปง้อเขา"ไห่ถงซึ่งรู้ดีว่าสามีของเธอเป็นคนแบบไหน เดินเข้าไปในห้องอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับแมวของเธอในอ้อมแขนหลังจากที่เธอผลักประตูเปิดและเข้าไป ป้าเหลียงก็จำ
ขณะที่ยุ่งอยู่ตรงนี้ จ้านหยินก็ตื่นขึ้นตามปกติ ก่อนที่เขาจะลืมตา เขาหันข้างและเหยียดแขนยาวของเขาออกไปเพื่อกอดภรรยาที่รักของเขา แต่สุดท้ายก็คว้าลมนั่นคือตอนที่เขาลืมตาขึ้นแน่ล่ะ ไห่ถงไม่อยู่ในห้องอีกต่อไปเมื่อมองดูท้องฟ้าภายนอก พระอาทิตย์กำลังขึ้นสูงจ้านหยินหันกลับมาและหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะข้างเตียงเพื่อดูเวลา"ตอนนี้เก้าโมงแล้ว!"จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นนั่งแม้กระทั่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาก็ไม่เคยเข้าตื่นสายขนาดนี้มาก่อนบางทีอาจเป็นเพราะว่าเขากลับบ้านดึกเมื่อคืนก่อนเขารีบอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าลำลอง โดยตั้งใจเลือกชุดที่ไห่ถงซื้อมาให้เขาเมื่อเขาเปิดประตู เขาก็เห็นป้าเหลียงกำลังนั่งอยู่บนโซฟา อุ้มแมวตัวหนึ่งไว้และดูทีวี เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด เธอจึงหันไปมองเขา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้ม “นายน้อย คุณตื่นแล้ว คุณอยากกินอาหารเช้าไหม?”"ตอนนี้เก้าโมงกว่าแล้ว"จ้านหยินบ่นพึมพำขณะเดินออกไป“ถึงจะเก้าโมงกว่าแล้ว ก็ยังควรกินอะไรนะ นายหญิงได้สั่งเราไว้ก่อนที่เธอจะออกไป ให้เตือนนายน้อยว่าควรกินอาหารเช้าเมื่อเขาตื่นนอน”"นายหญิงของคุณอยู่ที่ไหน? เธอตื่นและออกไปข้างนอกตั้ง
หยูหยินหยินก็ไม่ได้โกรธเช่นกันเธอและลู่ตงหมิงรู้จักกันมาเป็นเวลานานแล้ว แต่พวกเขาแทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่ได้รู้จักกันดีนักเขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเธอ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ"คุณหนูหยู นี่อาหารเช้าของคุณ"หลังจากไห่หลิงทำอาหารเช้าให้หยูหยินหยินแล้ว เธอก็เอามาวางไว้ตรงหน้าเธอ ด้วยรอยยิ้ม เธอกล่าวกับหยูหยินหยินว่า "คุณหนูหยู ทานให้อร่อยนะคะ"หยูหยินหยินตอบด้วยรอยยิ้มไห่หลิงกลับไปที่นั่งและนั่งลง"พี่ คุณเจอเธอเมื่อไหร่?"ไห่ถงกระซิบกับพี่สาวของเธอ"คุณนายลู่แวะมาวันก่อนและเข้ามานั่งคุยกับฉัน ขณะที่คุยกับฉัน เธอบอกฉันว่าเธอต้องการจับคู่คุณหนูหยูกับประธานลู่ และแสดงรูปถ่ายของคุณหนูหยูให้ฉันดู ฉันก็เลยจำเธอได้"ไห่หลิงตอบน้องสาวของเธอด้วยเสียงต่ำและกระซิบ: "เห็นไหม พวกเขาเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณหนูหยูก็ให้ความรู้สึกสบายใจมากเช่นกัน โดยไม่มีความรู้สึกห่างเหินแบบทายาทเศรษฐี"ไห่ถงมองน้องสาวอย่างละเอียด จากนั้นก้มหัวลงเพื่อกินบะหมี่และกระซิบว่า "เข้ากันได้ดีทีเดียว"ป้าเคยพูดว่าคุณนายลู่เข้ากับคนยากมากจ้านหยินก็พูดเช่นกันเนื่องจากคุณนายลู่ม
เขาไม่มีอะไรจะคุยกับไห่ถงมากนักและด้วยไห่ถงที่อยู่ที่นี่ ลู่ตงหมิงและไห่หลิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากนักลูกค้าก็เริ่มทยอยเข้ามาเพื่อกินเกี๊ยวนึ่ง ผู้ช่วยร้านเป็นคนจัดการรับออเดอร์ พนักงานจะเสิร์ฟอาหารเช้าให้พวกเขาแทนไห่หลิงซึ่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยเองเธอสามารถนั่งลงในที่เดิมและกินบะหมี่ต่อไปได้"พี่ลู่"คำว่าพี่ลู่นั้น ทำให้ลู่ตงหมิงหมดความอยากอาหารทันทีพี่น้องไห่มองไปที่หญิงสาวสวยที่เปิดประตูกระจกและเดินเข้ามา ไห่ถงไม่เคยรู้จักหยูหยินหยิน แต่ไห่หลิงเคยเห็นภาพของหยูหยินหยิน เมื่อมองไปหยูหยินหยินที่เข้ามา เธอคิดว่าหยูหยินหยินสวยกว่าในรูปเข้ากันได้ดีกับลู่ตงหมิง"คุณหนูหยู คุณอยากทานอาหารเช้าไหม?"ไห่หลิงวางตะเกียบลงและยืนขึ้นอีกครั้งเพื่อต้อนรับแขกสายตาของหยูหยินหยินละสายตาจากลู่ตงหมิงและจ้องมองไปที่ไห่หลิง เธอเคยเห็นไห่หลิงหลายครั้งจากไกลๆ แต่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหน้าอีกฝ่ายกับตาตัวเอง เมื่อมองดูไห่หลิงอย่างดีๆแล้ว หยูหยินหยินรู้สึกว่าไห่หลิงเป็นหญิงสาวที่สวยมาก“ฉันได้ยินมาว่าอาหารเช้าที่นี่อร่อยมาก ฉันจะทานเหมือนกับพี่ลู่ ขอบคุณ”หยูหยินหยินเดินไปที่โต๊ะของลู่ตงหมิง วางกระเ
"ตกลง"น้องของเธออยากกินบะหมี่เครื่องในหมู ไห่หลิงยังต้มบะหมี่เครื่องในหมูสองชามด้วย เธอไม่ชอบผักชี ดังนั้นจึงมีแต่ชามน้องของเธอเท่านั้นที่ใส่ผักชีในชามของเธอ"บะหมี่เสร็จแล้ว"ไห่หลิงเรียกน้อฃให้มาเอาบะหมี่ที่ปรุงแล้วไห่ถงหยุดงาน ล้างมือ แล้วเดินไปหยิบชามบะหมี่ของเธอสองพี่น้องนั่งลงที่โต๊ะ ไห่ถงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างเป็นนิสัยและเตรียมกินบะหมี่ไปพร้อมกับอ่านข่าวไปด้วย"เวลากิน อย่ามัวแต่ดูโทรศัพท์ข เก็บโทรศัพท์ของเธอลงไป"ไห่หลิงไม่ยอมให้เธอกินในขณะที่เล่นโทรศัพท์ของเธอแบบนี้"ฉันแค่จะดูมันเฉยๆ"ไห่ถงพูด แต่ก็เก็บโทรศัพท์ของเธอกลับเข้าไปในกระเป๋าอย่างเชื่อฟัง"ต่อไปนี้ กินข้าวอยู่ห้ามเล่นโทรศัพท์ไปด้วย""เข้าใจแล้ว"ต่อหน้าพี่สาวของเธอ ไห่ถงไม่กล้าที่จะดื้อรั้น นอกจากนี้ การใช้โทรศัพท์ขณะกินอาหารก็เป็นนิสัยที่ไม่ดีจริงๆ“พี่ คืนนี้พี่จะไม่ไปงานเลี้ยงกับฉันจริงๆ เหรอ”"ไม่ไป""พี่ ฉันคิดว่าคุณควรออกไปเปิดโลกบ้าง"ไห่หลิงค่อยๆ กินบะหมี่ที่เพิ่งปรุงเสร็จและร้อนมาก"ฉันไม่จำเป็นต้องไปดูโลกแล้ว ฉันยังไปไม่ถึงระดับนั้น เธอแตกต่าง เธอเป็นนายหญิงคนโตของตระกูลจ้าน เธอต้