จางอี้เฉินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมา และมองไปที่แคชเชียร์เพื่อดูว่ามีคิวอาร์โค้ดโอนเงินหรือไม่ เขาถามหนิงอวิ๋นชูว่า "ร้านคุณไม่รับแสกนจ่ายเหรอ?"หนิงอวิ๋นชูพูดตามตรง "ฉันมองไม่เห็น ฉันไม่ได้ทำคิวอาร์โค้ดแสกนจ่าย เพราะฉันไม่มีบัญชีธนาคาร"เธอหยิบโทรศัพท์ออกมา และเปิดให้จ้านอี้เฉินดู ซึ่งยังคงเป็นเครื่องเก่าที่มีปุ่มตัวเลข ที่ทำได้แค่โทรออกและส่งข้อความเท่านั้นหนิงอวิ๋นชูมองไม่เห็นมันได้ ดังนั้นเธอจึงทำได้เพียงใช้โทรศัพท์รุ่นเก่า เพื่อสัมผัสแป้นตัวเลขและโทรออกได้ ดังนั้นเธอจึงไม่สามารถใช้สมาร์ทโฟนได้"ฉันติดป้ายไว้ที่ทางเข้าร้าน เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทุกคนทราบว่าร้านของเรารับเฉพาะเงินสดได้เท่านั้น หากไม่ได้พกเงินสด ก็มีพนักงานของฉันอยู่สองคน คุณสามารถสแกนคิวอาร์โค้ดของพนักงานของฉันได้ และพวกเขาจะให้เงินสดแก่ฉัน"จ้านอี้เฉินหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา เขาหยิบธนบัตรห้าร้อยบาทออกมาจากกระเป๋าสตางค์และส่งให้หนิงอวิ๋นชูเขาไม่ได้บอกหนิงอวิ๋นชูว่า ให้เงินไปห้าร้อยบาทจากนั้นเขาก็จ้องไปที่หนิงอวิ๋นชู และเห็นว่าเธอสัมผัสเงินด้วยมือข หลังจากสัมผัสสองสามครั้ง เธอก็เดินเข้าไปในแคชเชียร์ เปิดลิ้นชักออกมา
จ้านหยินตอบกลับอืม เห็นเขาถือกระถางกระบองเพชรมา จึงถามเขาว่า “นายซื้อมา?”"อืม ก่อนมาทำงาน ไปดอกไม้ผลิยามฤดูใบไม้ผลิมา""ดอกไม้ผลิยามฤดูใบไม้ผลิ? "จ้านหยินรู้สึกคุ้นหู เหมือนว่าเขาเคยได้ยินภรรยาพูดมาก่อนจ้านอี้เฉินไม่ได้ปิดบังอะไรและตอบตามตรง "นี่คือร้านดอกไม้ของคุณหนูใหญ่หนิง ชื่อร้านนี้ฟังไม่เข้าหูเท่าไหร่"จ้านหยินพูดส่งๆ "เมื่อฤดูใบไม้ผลิ ดอกไม้ก็จะบาน"จ้านอี้เฉินตอบกลับอ่อ"ไหนๆ ก็ไปมาแล้ว ไม่ซื้อมาหลายๆ กระถางหน่อย?"จ้านอี้เฉินเม้มริมฝีปากแล้วพูดว่า “ฉันไม่ได้ตั้งใจจะซื้อดอกไม้ และฉันไม่มีทางเลือกเลยต้องซื้อกระบองเพชรนี้มา”ไม่ใช่เอาต้นกระบองเพชรไปทิ่งแทงคนอื่นแล้ว ก็ะไม่ซื้ออะไรเลย?"จะดีกว่าไหมถ้าซื้อกระบองเพชรที่มีดอกมาวางไว้ข้างคอมพิวเตอร์? กระบองเพชรมีหนามยาว ระวังอย่าให้โดนทิ่มล่ะ"จ้านหยินพูดสองสามอย่างไม่ใส่ใจ หลังจากเข้าไปในอาคารสำนักงาน เขาก็ทิ้งน้องชายเอาไว้และขึ้นไปชั้นบนก่อนจ้านอี้เฉินรู้สึกว่าพี่ชายของเขาเดาได้ถึงเรื่องเขาทำ ถึงบอกกว่าซื้อกระบองเพชรที่มีดอกมาดีกว่าต้นไม่มีดอกไม่กี่นาทีต่อมาจ้านอี้เฉินนั่งลงที่โต๊ะทำงาน และมองต้นกระบองเพชรอยู่ครู่ห
เมื่อได้ยินเช่นนี้ หนิงอวิ๋นชูก็รู้สึกประหลาดใจที่แท้เป็นคนจากจ้านซื่อกรุ๊ปพนักงานของจ้านซื่อกรุ๊ปหรือว่าเป็นคนตระกูลจ้านหนิงอวิ๋นชูไม่สามารถแยกแยะได้ในตอนนี้เธอคิดว่า ครั้งต่อไปที่ไห่ถงไปซื้อดอกไม้ที่ร้านของเธอ เธอสามารถถามได้ว่า ใครเป็นคนใช้หมายเลขโทรศัพท์นั้นโทรมาไห่ถงไม่รู้ว่า จ้านหยินเริ่มเข้าหาหนิงอวิ๋นชูแล้ว หลังจากที่จ้านหยินพาเธอมาส่งที่ร้านหนังสือ เธอก็คุยกับเซินเสี่ยวจวินอยู่พักหนึ่ง เพื่อนร่วมชั้นที่ชวนเธอมาช่วยถักไหมพรมก็มาถึงแล้ว ไห่ถงขอให้พวกเธอถักผ้าขนาดเล็กตามความต้องการของตัวเองก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าทักษะของพวกเธอเป็นเรื่องจริง จากนั้นจึงแจกวัสดุต่างๆ มากมายจากห้องเก็บของที่ร้าน ซึ่งหยิบวัสดุออกมามากมายให้ทุกคนนำกลับไปถักไหมพรมที่บ้านหลังจากส่งเพื่อนร่วมชั้นไปสองสามคนกลับไปแล้ว ไห่ถงก็หันหลังกลับและกลับไปที่ร้าน ประจวบเหมาะซางเสี่ยวเฟยขับรถมาถึงพอดี เธอจึงหยุดลง มองดูซางเสี่ยวเฟยจอดรถไว้ที่ทางเข้าร้านหนังสือ และลงจากรถ"ถงถง"ซางเสี่ยวเฟยยิ้มพร้อมกับเดินมาหาไห่ถง "รอฉันอยู่ตรวนี้เหรอ"ไห่ถงยิ้ม "ฉันเพิ่งไปส่งเพื่อนร่วมชั้นมาน่ะ และเห็นเธอมาพอดี"ซางเสี
ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านของตระกูลไห่หรือหมู่บ้านใกล้เคียง คนหนุ่มสาวต่างก็ออกมาทำงานนอกบ้าน ในขณะที่คนที่อยู่ในหมู่บ้านมีแต่คนแก่ และไม่สามารถทำการเกษตรได้ และทุ่งนาก็กลายเป็นที่รกร้าง หากมีคนต้องการเช่าที่ดิน จึงทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ปฏิเสธไห่ถงกับเซินเสี่ยวจวินได้ยินแบบนี้ ก็มีความสุขซางเสี่ยวเฟยพูดเรื่องความคืบหน้าของโครงการลงทุนเรียบร้อยแล้ว สายตาก็จับจ้องไปที่ไห่ถง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอจึงพูดกับไห่ถงว่า "หลังจากพูดข่าวดีแล้ว งั้นมาพูดถึงข่าวร้ายกันบ้าง ถงถง ฉันจะให้คนไปคุยเรื่องทำสัญญาที่ดิน และช่วยสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของญาตินิสัยแย่ในบ้านเกิดของเธอในช่วงนี้ด้วย""เรื่องที่พวกเขาทำไม่ได้ทำให้ผู้คนโกรธหรอก เสี่ยวเฟยพูดมาเถอะ ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรมาบ้างในช่วงนี้ ฉันก็รับได้ อยากมากก็แค่พวกเขาเอาหินพวกนั้นไปขาย""วัสดุสร้างบ้านที่เธอสั่งให้รถไปส่งหลายคันนั้น ยังคงวางเรียงไว้อย่างเรียบร้อย และไม่ได้เคลื่อนย้ายหรือถูกพวกขายไป"ไห่ถงพูดว่า "ฉันขู่ไห่จือชินเอาไว้ครั้งหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง"ไห่จือชินไม่ใช่หลานคนโปรดของปู่กับย่าของเขา แต่เขาเป็นหลานคนเล็กสุดท้อง
“ไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิธีการไหน เป็นเรื่องที่พวกเราสองพี่น้องก็ตัดสินใจแล้วว่าจะฟ้องศาล พวกเราจะไม่ยอมเสียที่ดินให้กับคนอื่น ถ้าไม่ใช่ขอพวกเรา พวกเราก็จะไม่แย่งมาแม้แต่นิดเดียว”ไห่ถงพูดอย่างแน่วแน่เธอไม่ใช่คนโหดร้าย แต่เธอสามารถโหดร้ายได้ดั่งเหล็กกล้า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับญาตินิสัยแย่ที่บ้านเกิดอาการบาดเจ็บที่เธอได้รับในวัยเด็ก ทำให้เธอต้องใช้เวลารักษาไปตลอดชีวิต"แน่นอน ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ตาม พวกเราจะทำตามกระบวนการที่ถูกต้อง และจะไม่ยอมให้พวกเขาโกง และพวกเราก็ไม่โกงพวกเขาด้วย"ซางเสี่ยวเฟยพูดว่า "ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอคนพวกนั้นไร้ยางอายเท่าพวกนี้มาก่อน ว่าแต่ถงถง พ่อเธอเป็นลูกแท้ๆ ของพวกเขาจริงหรือ?""ฉันคิดว่าเป็นลูกแท้ๆ หากไม่ใช่ลูกแท้ๆ พ่อของฉันจะหน้าตาเหมือนคนแก่นั่นไหม? พวกเขาลำเอียง... พ่อแม่บางคนก็เป็นแบบนั้น รักแต่ลูกคนโตกับคนเล็ก แต่ละเลยลูกคนกลาง""ตอนที่ฟ้องศาล ถ้าพวกเขาบอกว่าพ่อของฉันไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพวกเขา ฉันจะขอตรวจ DNA กับพวกเขา เพื่อพิสูจน์ดูว่า มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือไม่ เมื่อผลตรวจออแล้ว จะได้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย""หากพวกเขาไม่เต็มใจที่จะทำการทดสอบค
ไห่ถง “ใช่ๆ ฉันมีความสุขมาก ฉันเป็นคนที่ยืมความสุขมาใช้ และฉันก็มีความสุขมาก”เพื่อนของเธอถูก จ้านหยินซื้อตัวไปแล้ว และพูดแต่เรื่องดีดีให้เขาแทนเพราะว่าจ้านหยินดีกับเธอมาก"ฉันไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะให้ของขวัญอะไรคืนเขาดี"สีใบหน้าของไห่ถงต็มไปด้วยความเศร้าเพื่อนทั้งสองคนคิดว่า เธอกำลังแสดงความรักและทำให้พวกเธอเหม็นความรักเซินเสี่ยวจวินไม่ได้พูดอะไร ซูหนานก็ดีกับเธอมากเช่นกัน ส่วนซางเสี่ยวเฟยยังเป็นโสด และเธอก็อิจฉามากๆ"จ้านหยินไม่ได้ขาดสิ่งใดๆ เลย เขาเคยขาดภรรยา หากเธอแต่งงานกับเขา เขาก็จะไม่ขาดภรรยาอีกต่อไป ตอนนี้เขาขาดเพียงลูกชายกับหญิงสักคู่ เธอควรรีบมีลูกกับเขานะ คลอดลูกแฝดชายและหญิงก็ดีเลย"ซางเสี่ยวเฟยนึกถึงเด็กน้อยน่ารักอย่างหยางหยาง และพูดว่า "ถ้าน่ารักและฉลาดเหมือนหยางหยาง ก็คลอดหลายๆ คนก็ดี เพราะจ้านหยินก็เลี้ยงไหว""ถงถง ยังไม่มีวีแววเลยเหรอ? ถ้ามีข่าวดีก็ต้องรีบบอกฉันเลยนะ เดี๋ยวฉันจะไปเอากำไลทองไปรับขวัญหลาน"เซินเสี่ยวจวินยิ้มให้เธอ "ถ้าถงถงมีข่าวดี แน่นอนว่า คนที่ต้องบอกเป็นคนแรกต้องเป็นนายน้อยจ้าน เธออย่าไปแข่งกับนายน้อยจ้าน และระวังอย่าให้เขาอิจฉาเธอ ไม่งั้นเ
ไห่ถงช็อคแล้วเธอจะทำอะไรได้บ้าง คลอดลูกลิงให้จ้านหยิน โอ้ ถ้าให้กำเนิด ลูก ก็จะกลายเป็นเศรษฐีนีเซินเสี่ยวจวินก็ช็อค พวกเศรษฐีเป็นแบบนี้เองให้กำเนิดลูกก็ได้รับเงินรางวัลมากมาย แค่เงินรางวัลคุณยายจ้าน และยังไม่รวมเงินรางวัลจากคนอื่นอีก"ถงถง เธอคลอดลูกมาหลายๆ คนก็จะกลายเป็นเศรษฐีนีแล้ว"เซินเสี่ยวจวินพูดพร้อมยิ้มซางเสี่ยวเฟยจับมือของเซินเสี่ยวจวิน จากนั้นลูบกำไลหยกที่คุณนายซูมอบให้เธอซ้ำแล้วซ้ำอีก จากนั้นพูดว่า "เสี่ยวจวิน เธอไม่ต้องอิจฉาถงถงหรอก แม่สามีเธอยังให้ของมรดกตกทอดในตระกูลมากับเธอมา ฉันคิดว่า ตอนแรกฉันคิดว่า มองผิดไป แต่หลังจากสังเกตดูมานาน และได้สัมผัสมัน ฉันแน่ใจว่าสิ่งนี้เป็นของมรดกตกทอดในตระกูลของประธานซู"เซินเสี่ยวจวิน “.....”"นี่เป็นของมรดกตกทอดในตระกูลของซูหนานเธอรู้ได้อย่างไร?"เซินเสี่ยวจวินคิดไม่ถึงว่า คุณนายซูจะให้เครื่องประดับตกทอดในตระกูล ในการเจอกันครั้งแรกแค่ครั้งแรกเธอก็ผ่านแล้ว?"คุณแม่พาฉันไป พูดคุยคุณนายของตระกูลซูมาหลายคนแล้ว ซึ่งทุกครั้งก็เห็นคุณนายซูสวมกำไลหยกวงนี้ และสะใภ้ใหญ่ของตระกูลซูก็มีกำไลวงนี้ด้วย กำไลที่สะใภ้ใหญ่ของตระกูลซูสวมใส่
ไม่คิดว่านายน้อยจ้านกับคุณจ้านจะเป็นคนเดียวกัน"ถงถง เรื่องนั่นมันเป็นอดีตไปแล้ว ตอนที่จ้านหยินเรียกฉันว่าพี่ ฉันไม่เหลือภาพเดิมของเขาอีกต่อไป มีหลายอย่างที่เขาทำเพื่อเธอได้ และเขาไม่เคยทำอะไรให้ฉันเลย เขาไม่เคยอยากคุยกับฉันด้วยซ้ำ"ซางเสี่ยวเฟยปล่อยวางความรู้สึกที่เธอมีต่อจ้านหยิน ไม่ใช่เพราะไห่ถงเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะเธอเห็นความแตกต่างอย่างชัดเจนของการมีความรู้สึกและไม่มีความรู้สึก"พูดถึงเรื่องนั้นแล้ว เรื่องราวของเพื่อนรักฉันค่อนข้างจะคล้ายกับของเธอ เพียงแต่ว่า เธอรับบทเป็นจ้านหยิน เธอปกปิดตัวตนและตกหลุมรักแฟนหนุ่มของเธอ แต่สุดท้ายเขากลับทอดทิ้งเธอ และไปกอดขาของคนอื่นที่ใหญ่กว่า พร้อมบอกว่าสามารถต่อสู้ได้ อย่างน้อยสามสิบปี"ไห่ถง: "… เธอควรจะรู้สึกขอบคุณ ที่ได้เห็นโฉมหน้าที่แท้จริงของอีกฝ่ายก่อนจะแต่งงาน""ฉันก็แนะนำเธอไปแบบนั้น"ซางเสี่ยวเฟยหยิบกุญแจรถขึ้นมา แล้วพูดว่า "ถงถง ฉันไปก่อนนะ คุณมีเวลาร่างสัญญาไหม ถ้าไม่มีเวลา ฉันจะขอให้เลขาของพี่ชายฉันช่วยร่างให้ เพราะฉันใจร้อนกับเรื่องพวกนี้มาก ข้อเสนอครั้งที่แล้วฉันใช้เวลาไปทั้งคืนเลย""ฉันทำเอง"ไห่ถงอาสารับหน้าที่นี้ และไ
"ฉันคิดว่าคุณนายลู่ถ่ายรูปคุณหนูหยูและแสดงให้พี่สาวดูโดยตั้งใจ เพื่อทดสอบว่าเธอมีความรู้สึกกับตงหมิงหรือไม่ อย่างไรก็ตาม ผลก็คือเธอไม่มีความคิดนั้นอย่างแน่นอน เธอไม่เคยคิดอะไรกับตงหมิงเลย ตอนนี้เธอหมกมุ่นอยู่กับร้านอาหารเช้าและต้องการเพียงแค่ประกอบอาชีพและหาเงิน"จ้านหยินก็มองไห่หลิงออกเช่นกัน"ถ้าเธอมีความคิดอะไรกับตงหมิง คุณนายลู่คงจะไม่ยอมให้เธอเปิดร้านที่นั่นต่อไป"ไห่ถงเห็นด้วยกับสิ่งที่สามีของเธอพูดคุณนายลู่กำลังทดสอบพี่สาวของเธอ พี่สาวของเธอไม่รู้เรื่องอะไรเลย แต่ไม่เป็นไร เธอจะได้ไม่ได้รับผลกระทบ"ที่รัก คุณคิดว่าฉันควรบอกเรื่องพวกนี้กับพี่สาวของฉันไหม?""คุณนายลู่คงทำอะไรไม่ได้ แสดงให้เห็นว่าเธอเพียงสงสัยเช่นเดียวกับเรา แต่ไม่สามารถพิสูจน์ได้ คุณไม่จำเป็นต้องพูดอะไรกับพี่สาวของคุณ ฉันแค่ต้องคุยกับตงหมิงและบอกเขาว่าอย่าไปทานอาหารเช้าที่บ้านพี่สาวของเราในอนาคต"จ้านหยินบ่นให้เพื่อนๆ ฟังว่าครอบครัวของเขาไม่ได้เตรียมอาหารเช้าไว้ ลู่ตงหมิงต้องรีบไปร้านกินได้ไม่อั้นแต่เช้าเพื่อทานอาหารเช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ใช่ไหม"ตกลง"หลังจากจ้านหยินกินและดื่มจนอิ่มแล้ว ไห่ถงก็ยิ้มและถา
ไห่ถงรู้สึกโชคดีอีกครั้ง เธอได้แต่งงานกับผู้ชายที่แม้จะแสดงอาการงอแงเล็กน้อยเป็นครั้งคราว แต่เขาก็ปฏิบัติต่อเธอเป็นอย่างดี เขาไม่เคยใช้ความรุนแรงในครอบครัวกับเธอ และเขาไม่ต้องกังวลว่าเขาจะนอกใจด้วยกุญแจสำคัญอยู่ที่การเลี้ยงดูของเขา บ้านสามีที่่ใจกว้างและมีเมตตาอย่างแม่สามีตระกูลจ้าน เป็นสิ่งที่หาได้ยากในตระกูลที่ร่ำรวยเมื่อคิดย้อนกลับไปเมื่อคุณยายจ้านบอกกับเธอว่าเธอช่วยชีวิตอีกฝ่ายไว้และจะไม่แนะนำหลานชายที่ไม่ดีให้เธอรู้จักที่จริงแล้ว หลานชายทุกคนในครอบครัวของหญิงชราอย่างเธอนั้นนั้นดีมากจ้านหยินเป็นหลานชายคนโต และหญิงชราก็เลือกที่จะจับคู่เธอกับหลานชายที่ดีที่สุด"คุณนายลู่ได้ช่วยประธานลู่หาภรรยาที่เหมาะสมแล้ว เธอคือคุณหนูหยูหยินหยิน ทั้งสาว สวย และดูเฉลียวฉลาดและมีความสามารถ เห็นได้ชัดว่าเธอเป็นคนที่อยู่ในแวดวงชั้นสูงมายาวนาน ความมั่นใจและรัศมีแห่งความสง่างามที่แผ่ออกมาจากทุกการเคลื่อนไหว ท่าทางของเธอบ่งบอกว่าเธอมาจากภูมิหลังที่ร่ำรวยหรือสูงศักดิ์ นั่นสามารถทำให้คุณนายลู่ชอบเธอได้โดยไม่ต้องลำบากอะไร""ฉันรู้"จ้านหยินพูดขณะกิน "เป็นเพราะคุณนายลู่เลือกภรรยาที่เหมาะสมกับตงหมิง
"ไม่ต้องพูดถึงว่าเราทุกคนต่างก็มีสิ่งที่ต้องทำ แม้ว่าในอนาคตเราจะเกษียณ เราก็ไม่สามารถรับประกันได้ว่าเราจะตื่นขึ้นทุกวันและพบกันเมื่อเราลืมตาขึ้น"มีคนตื่นก่อนเสมอ และมีคนตื่นทีหลังเสมอจ้านหยินรู้ว่าเขาสร้างปัญหาโดยไม่มีเหตุผล"ป้าเหลียงบอกว่าคุณยังไม่ได้กินข้าว คุณหิวไหม ออกไปกินข้าวกันเถอะ ฉันจะอยู่กับคุณ"ไห่ถงรู้ว่าการยืดเวลาการสนทนาออกไปอาจทำให้เกิดความตึงเครียดระหว่างพวกเขามากขึ้นหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้ง เพราะอาจทำให้ทั้งคู่โกรธกันได้"อืม"จ้านหยินพยักหน้าแล้วปล่อยภรรยาที่รักของเขาจากอ้อมแขนไห่ถงดึงเขาออกมาป้าเหลียงเตรียมอาหารเช้าของจ้านหยินไว้บนโต๊ะอาหารแล้วนายน้อยชอบทำตัวจุกจิกจู้จี้ แต่ต่อหน้านายหญิง เขามักจะต้องก้มหัวและประนีประนอมอยู่เสมอป้าเหลียงไม่กังวลเลยว่าอาหารเช้าที่เธอทำจะเสียเปล่า"ทำไมคุณไม่พาหยางหยางมาล่ะ?"จ้านหยินทานอาหารเช้ากับภรรยา และอารมณ์ของเขาก็ดีขึ้น เขาเลิกทำหน้าเย็นชาและถามถึงเจ้าตัวน้อย"พี่สาวของฉันบอกว่าวันนี้เธอจะปิดร้านเร็วและปล่อยให้หยางหยางเล่นในร้าน เธอจะพาหยางหยางกลับบ้านเร็วๆ นี้ จ้าน...ที่รัก พาหยางหยางมาอยู่ที่นี่กันเถ
"เมื่อไหร่คุณยายจะกลับมา? ฉันคิดถึงเธอมาก"ไห่ถงคิดถึงวันที่คุณยายจ้านเคยอยู่ที่นี่มากป้าเหลียงพูด: "เมื่อฉันรู้ตัวว่าต้องเตือนนายหญิง มันก็สายเกินไปเสียแล้ว คุณผลักประตูเปิดและเดินเข้าไปแล้ว"ไห่ถงถอนหายใจอีกครั้งและพูดว่า "ฉันจะไปล้างมือ"เธอล้างมือสองครั้งด้วยสบู่และกลับไปที่ห้องที่เธอเคยอยู่ เธอหยิบชุดเสื้อผ้าที่สะอาดจากตู้เสื้อผ้า เปลี่ยนชุด แล้วกลับไปที่ห้องนอนใหญ่"ที่รัก ฉันล้างมือและฆ่าเชื้อสองครั้ง ฉันยังเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีขนแมวติดตัวของฉัน"ไห่ถงเดินไปข้างหลังจ้านหยิน และขณะที่เธอพูด เธอก็เอื้อมมือไปโอบรอบเอวของเขา"ที่รัก ฉันขอโทษ ฉันลืมไปจริงๆ ว่าฉันกำลังอุ้มแมวอยู่เมื่อกี้ จริงๆ แล้วพวกมันน่ารักมาก คุณให้ฉันเลี้ยงพวกมัน และพวกมันก็มีค่าสำหรับฉันทั้งหมด คุณพูดว่า ถ้าฉันให้หญ้าคุณหนึ่งกำมือ คุณจะถือว่ามันเป็นสมบัติ ในทำนองเดียวกัน ไม่ว่าคุณจะให้อะไรกับฉัน ฉันก็จะรักมันมาก"จ้านหยินไม่หันหลังกลับและปล่อยให้เธอโอบเอวของเขาเขากล่าว: "ฉันตื่นมาแล้วไม่เห็นคุณ ฉันถามป้าเหลียงแล้วเธอก็บอกว่าคุณออกไปแต่เช้า ฉันรู้สึกเหมือนถูกคุณทิ้งเอาไว้ข้างหลัง เมื่อคุ
ไห่ถงก้มตัวลงและอุ้มแมวขึ้นมา"นายหญิง คุณไปง้อนายน้อยก่อนเถอะ นายน้อยเพิ่งตื่นและยังไม่ได้กินข้าว"ป้าเหลียงรู้สึกไร้เรี่ยวแรงเมื่อจู่ๆ นายน้อยของเธอกลายเป็นคนคิดเล็กคิดน้อยถ้าเธอไม่มาทำงาน เธอคงไม่รู้ว่านายน้อยจะมีด้านที่คิดเล็กคิดน้อยเช่นนี้ไห่ถงลูบแมวแล้วถามป้าเหลียง: "ป้าเหลียง คุณต้องบอกฉันว่าทำไมเขาถึงโกรธ ฉันถึงจะง้อได้ ฉันยังไม่ได้ทำอะไรเลย"ป้าเหลียงกระซิบ: "ฉันเดาว่านายน้อยคงโกรธที่คุณออกไปข้างนอกแต่เช้าในวันหยุดสุดสัปดาห์ นายน้อยพักผ่อนที่บ้านและหวังว่านายหญิงจะอยู่กับเขา"ไห่ถง: "... ฉันแค่ไปช่วยงานพี่สาวของฉัน แม้ว่าจะเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์ แต่โรงงานหลายแห่งไม่มีวันหยุดและยังต้องทำงาน ดังนั้นร้านอาหารเช้าของน้องสาวฉันจึงยังคงยุ่งมาก ฉันออกไปเร็วแต่ก็กลับมาเร็วเช่นกัน ฉันยังกลับมาก่อน 10 โมง"เธอไม่เคยคิดว่าจ้านหยินจะกลายเป็นคนใจแคบเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ป้าเหลียงก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเหมือนกัน"ฉันจะเข้าไปง้อเขา"ไห่ถงซึ่งรู้ดีว่าสามีของเธอเป็นคนแบบไหน เดินเข้าไปในห้องอย่างช่วยไม่ได้พร้อมกับแมวของเธอในอ้อมแขนหลังจากที่เธอผลักประตูเปิดและเข้าไป ป้าเหลียงก็จำ
ขณะที่ยุ่งอยู่ตรงนี้ จ้านหยินก็ตื่นขึ้นตามปกติ ก่อนที่เขาจะลืมตา เขาหันข้างและเหยียดแขนยาวของเขาออกไปเพื่อกอดภรรยาที่รักของเขา แต่สุดท้ายก็คว้าลมนั่นคือตอนที่เขาลืมตาขึ้นแน่ล่ะ ไห่ถงไม่อยู่ในห้องอีกต่อไปเมื่อมองดูท้องฟ้าภายนอก พระอาทิตย์กำลังขึ้นสูงจ้านหยินหันกลับมาและหยิบโทรศัพท์จากโต๊ะข้างเตียงเพื่อดูเวลา"ตอนนี้เก้าโมงแล้ว!"จู่ๆ เขาก็ลุกขึ้นนั่งแม้กระทั่งในวันหยุดสุดสัปดาห์ เขาก็ไม่เคยเข้าตื่นสายขนาดนี้มาก่อนบางทีอาจเป็นเพราะว่าเขากลับบ้านดึกเมื่อคืนก่อนเขารีบอาบน้ำและเปลี่ยนเป็นเสื้อผ้าลำลอง โดยตั้งใจเลือกชุดที่ไห่ถงซื้อมาให้เขาเมื่อเขาเปิดประตู เขาก็เห็นป้าเหลียงกำลังนั่งอยู่บนโซฟา อุ้มแมวตัวหนึ่งไว้และดูทีวี เมื่อได้ยินเสียงประตูเปิด เธอจึงหันไปมองเขา จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนพร้อมรอยยิ้ม “นายน้อย คุณตื่นแล้ว คุณอยากกินอาหารเช้าไหม?”"ตอนนี้เก้าโมงกว่าแล้ว"จ้านหยินบ่นพึมพำขณะเดินออกไป“ถึงจะเก้าโมงกว่าแล้ว ก็ยังควรกินอะไรนะ นายหญิงได้สั่งเราไว้ก่อนที่เธอจะออกไป ให้เตือนนายน้อยว่าควรกินอาหารเช้าเมื่อเขาตื่นนอน”"นายหญิงของคุณอยู่ที่ไหน? เธอตื่นและออกไปข้างนอกตั้ง
หยูหยินหยินก็ไม่ได้โกรธเช่นกันเธอและลู่ตงหมิงรู้จักกันมาเป็นเวลานานแล้ว แต่พวกเขาแทบจะไม่ได้พูดคุยกันเลย ดังนั้นจึงอาจกล่าวได้ว่าพวกเขาไม่ได้รู้จักกันดีนักเขาไม่รู้เกี่ยวกับอดีตของเธอ ก็ถือเป็นเรื่องปกติ"คุณหนูหยู นี่อาหารเช้าของคุณ"หลังจากไห่หลิงทำอาหารเช้าให้หยูหยินหยินแล้ว เธอก็เอามาวางไว้ตรงหน้าเธอ ด้วยรอยยิ้ม เธอกล่าวกับหยูหยินหยินว่า "คุณหนูหยู ทานให้อร่อยนะคะ"หยูหยินหยินตอบด้วยรอยยิ้มไห่หลิงกลับไปที่นั่งและนั่งลง"พี่ คุณเจอเธอเมื่อไหร่?"ไห่ถงกระซิบกับพี่สาวของเธอ"คุณนายลู่แวะมาวันก่อนและเข้ามานั่งคุยกับฉัน ขณะที่คุยกับฉัน เธอบอกฉันว่าเธอต้องการจับคู่คุณหนูหยูกับประธานลู่ และแสดงรูปถ่ายของคุณหนูหยูให้ฉันดู ฉันก็เลยจำเธอได้"ไห่หลิงตอบน้องสาวของเธอด้วยเสียงต่ำและกระซิบ: "เห็นไหม พวกเขาเข้ากันได้อย่างสมบูรณ์แบบ คุณหนูหยูก็ให้ความรู้สึกสบายใจมากเช่นกัน โดยไม่มีความรู้สึกห่างเหินแบบทายาทเศรษฐี"ไห่ถงมองน้องสาวอย่างละเอียด จากนั้นก้มหัวลงเพื่อกินบะหมี่และกระซิบว่า "เข้ากันได้ดีทีเดียว"ป้าเคยพูดว่าคุณนายลู่เข้ากับคนยากมากจ้านหยินก็พูดเช่นกันเนื่องจากคุณนายลู่ม
เขาไม่มีอะไรจะคุยกับไห่ถงมากนักและด้วยไห่ถงที่อยู่ที่นี่ ลู่ตงหมิงและไห่หลิงก็ไม่ได้พูดอะไรมากนักลูกค้าก็เริ่มทยอยเข้ามาเพื่อกินเกี๊ยวนึ่ง ผู้ช่วยร้านเป็นคนจัดการรับออเดอร์ พนักงานจะเสิร์ฟอาหารเช้าให้พวกเขาแทนไห่หลิงซึ่งเป็นเถ้าแก่เนี้ยเองเธอสามารถนั่งลงในที่เดิมและกินบะหมี่ต่อไปได้"พี่ลู่"คำว่าพี่ลู่นั้น ทำให้ลู่ตงหมิงหมดความอยากอาหารทันทีพี่น้องไห่มองไปที่หญิงสาวสวยที่เปิดประตูกระจกและเดินเข้ามา ไห่ถงไม่เคยรู้จักหยูหยินหยิน แต่ไห่หลิงเคยเห็นภาพของหยูหยินหยิน เมื่อมองไปหยูหยินหยินที่เข้ามา เธอคิดว่าหยูหยินหยินสวยกว่าในรูปเข้ากันได้ดีกับลู่ตงหมิง"คุณหนูหยู คุณอยากทานอาหารเช้าไหม?"ไห่หลิงวางตะเกียบลงและยืนขึ้นอีกครั้งเพื่อต้อนรับแขกสายตาของหยูหยินหยินละสายตาจากลู่ตงหมิงและจ้องมองไปที่ไห่หลิง เธอเคยเห็นไห่หลิงหลายครั้งจากไกลๆ แต่เป็นครั้งแรกที่เธอได้เห็นหน้าอีกฝ่ายกับตาตัวเอง เมื่อมองดูไห่หลิงอย่างดีๆแล้ว หยูหยินหยินรู้สึกว่าไห่หลิงเป็นหญิงสาวที่สวยมาก“ฉันได้ยินมาว่าอาหารเช้าที่นี่อร่อยมาก ฉันจะทานเหมือนกับพี่ลู่ ขอบคุณ”หยูหยินหยินเดินไปที่โต๊ะของลู่ตงหมิง วางกระเ
"ตกลง"น้องของเธออยากกินบะหมี่เครื่องในหมู ไห่หลิงยังต้มบะหมี่เครื่องในหมูสองชามด้วย เธอไม่ชอบผักชี ดังนั้นจึงมีแต่ชามน้องของเธอเท่านั้นที่ใส่ผักชีในชามของเธอ"บะหมี่เสร็จแล้ว"ไห่หลิงเรียกน้อฃให้มาเอาบะหมี่ที่ปรุงแล้วไห่ถงหยุดงาน ล้างมือ แล้วเดินไปหยิบชามบะหมี่ของเธอสองพี่น้องนั่งลงที่โต๊ะ ไห่ถงหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาอย่างเป็นนิสัยและเตรียมกินบะหมี่ไปพร้อมกับอ่านข่าวไปด้วย"เวลากิน อย่ามัวแต่ดูโทรศัพท์ข เก็บโทรศัพท์ของเธอลงไป"ไห่หลิงไม่ยอมให้เธอกินในขณะที่เล่นโทรศัพท์ของเธอแบบนี้"ฉันแค่จะดูมันเฉยๆ"ไห่ถงพูด แต่ก็เก็บโทรศัพท์ของเธอกลับเข้าไปในกระเป๋าอย่างเชื่อฟัง"ต่อไปนี้ กินข้าวอยู่ห้ามเล่นโทรศัพท์ไปด้วย""เข้าใจแล้ว"ต่อหน้าพี่สาวของเธอ ไห่ถงไม่กล้าที่จะดื้อรั้น นอกจากนี้ การใช้โทรศัพท์ขณะกินอาหารก็เป็นนิสัยที่ไม่ดีจริงๆ“พี่ คืนนี้พี่จะไม่ไปงานเลี้ยงกับฉันจริงๆ เหรอ”"ไม่ไป""พี่ ฉันคิดว่าคุณควรออกไปเปิดโลกบ้าง"ไห่หลิงค่อยๆ กินบะหมี่ที่เพิ่งปรุงเสร็จและร้อนมาก"ฉันไม่จำเป็นต้องไปดูโลกแล้ว ฉันยังไปไม่ถึงระดับนั้น เธอแตกต่าง เธอเป็นนายหญิงคนโตของตระกูลจ้าน เธอต้