เมื่อได้ยินเช่นนี้ หนิงอวิ๋นชูก็รู้สึกประหลาดใจที่แท้เป็นคนจากจ้านซื่อกรุ๊ปพนักงานของจ้านซื่อกรุ๊ปหรือว่าเป็นคนตระกูลจ้านหนิงอวิ๋นชูไม่สามารถแยกแยะได้ในตอนนี้เธอคิดว่า ครั้งต่อไปที่ไห่ถงไปซื้อดอกไม้ที่ร้านของเธอ เธอสามารถถามได้ว่า ใครเป็นคนใช้หมายเลขโทรศัพท์นั้นโทรมาไห่ถงไม่รู้ว่า จ้านหยินเริ่มเข้าหาหนิงอวิ๋นชูแล้ว หลังจากที่จ้านหยินพาเธอมาส่งที่ร้านหนังสือ เธอก็คุยกับเซินเสี่ยวจวินอยู่พักหนึ่ง เพื่อนร่วมชั้นที่ชวนเธอมาช่วยถักไหมพรมก็มาถึงแล้ว ไห่ถงขอให้พวกเธอถักผ้าขนาดเล็กตามความต้องการของตัวเองก่อนเพื่อให้แน่ใจว่าทักษะของพวกเธอเป็นเรื่องจริง จากนั้นจึงแจกวัสดุต่างๆ มากมายจากห้องเก็บของที่ร้าน ซึ่งหยิบวัสดุออกมามากมายให้ทุกคนนำกลับไปถักไหมพรมที่บ้านหลังจากส่งเพื่อนร่วมชั้นไปสองสามคนกลับไปแล้ว ไห่ถงก็หันหลังกลับและกลับไปที่ร้าน ประจวบเหมาะซางเสี่ยวเฟยขับรถมาถึงพอดี เธอจึงหยุดลง มองดูซางเสี่ยวเฟยจอดรถไว้ที่ทางเข้าร้านหนังสือ และลงจากรถ"ถงถง"ซางเสี่ยวเฟยยิ้มพร้อมกับเดินมาหาไห่ถง "รอฉันอยู่ตรวนี้เหรอ"ไห่ถงยิ้ม "ฉันเพิ่งไปส่งเพื่อนร่วมชั้นมาน่ะ และเห็นเธอมาพอดี"ซางเสี
ไม่ว่าจะเป็นหมู่บ้านของตระกูลไห่หรือหมู่บ้านใกล้เคียง คนหนุ่มสาวต่างก็ออกมาทำงานนอกบ้าน ในขณะที่คนที่อยู่ในหมู่บ้านมีแต่คนแก่ และไม่สามารถทำการเกษตรได้ และทุ่งนาก็กลายเป็นที่รกร้าง หากมีคนต้องการเช่าที่ดิน จึงทำให้คนส่วนใหญ่ไม่ปฏิเสธไห่ถงกับเซินเสี่ยวจวินได้ยินแบบนี้ ก็มีความสุขซางเสี่ยวเฟยพูดเรื่องความคืบหน้าของโครงการลงทุนเรียบร้อยแล้ว สายตาก็จับจ้องไปที่ไห่ถง หลังจากลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอจึงพูดกับไห่ถงว่า "หลังจากพูดข่าวดีแล้ว งั้นมาพูดถึงข่าวร้ายกันบ้าง ถงถง ฉันจะให้คนไปคุยเรื่องทำสัญญาที่ดิน และช่วยสอบถามเกี่ยวกับสถานการณ์ของญาตินิสัยแย่ในบ้านเกิดของเธอในช่วงนี้ด้วย""เรื่องที่พวกเขาทำไม่ได้ทำให้ผู้คนโกรธหรอก เสี่ยวเฟยพูดมาเถอะ ไม่ว่าพวกเขาจะทำอะไรมาบ้างในช่วงนี้ ฉันก็รับได้ อยากมากก็แค่พวกเขาเอาหินพวกนั้นไปขาย""วัสดุสร้างบ้านที่เธอสั่งให้รถไปส่งหลายคันนั้น ยังคงวางเรียงไว้อย่างเรียบร้อย และไม่ได้เคลื่อนย้ายหรือถูกพวกขายไป"ไห่ถงพูดว่า "ฉันขู่ไห่จือชินเอาไว้ครั้งหนึ่ง ดูเหมือนว่าจะมีประโยชน์อยู่บ้าง"ไห่จือชินไม่ใช่หลานคนโปรดของปู่กับย่าของเขา แต่เขาเป็นหลานคนเล็กสุดท้อง
“ไม่ว่าพวกเขาจะใช้วิธีการไหน เป็นเรื่องที่พวกเราสองพี่น้องก็ตัดสินใจแล้วว่าจะฟ้องศาล พวกเราจะไม่ยอมเสียที่ดินให้กับคนอื่น ถ้าไม่ใช่ขอพวกเรา พวกเราก็จะไม่แย่งมาแม้แต่นิดเดียว”ไห่ถงพูดอย่างแน่วแน่เธอไม่ใช่คนโหดร้าย แต่เธอสามารถโหดร้ายได้ดั่งเหล็กกล้า เมื่อต้องเผชิญหน้ากับญาตินิสัยแย่ที่บ้านเกิดอาการบาดเจ็บที่เธอได้รับในวัยเด็ก ทำให้เธอต้องใช้เวลารักษาไปตลอดชีวิต"แน่นอน ไม่ว่าเขาจะพูดอะไรก็ตาม พวกเราจะทำตามกระบวนการที่ถูกต้อง และจะไม่ยอมให้พวกเขาโกง และพวกเราก็ไม่โกงพวกเขาด้วย"ซางเสี่ยวเฟยพูดว่า "ตั้งแต่เกิดมายังไม่เคยเจอคนพวกนั้นไร้ยางอายเท่าพวกนี้มาก่อน ว่าแต่ถงถง พ่อเธอเป็นลูกแท้ๆ ของพวกเขาจริงหรือ?""ฉันคิดว่าเป็นลูกแท้ๆ หากไม่ใช่ลูกแท้ๆ พ่อของฉันจะหน้าตาเหมือนคนแก่นั่นไหม? พวกเขาลำเอียง... พ่อแม่บางคนก็เป็นแบบนั้น รักแต่ลูกคนโตกับคนเล็ก แต่ละเลยลูกคนกลาง""ตอนที่ฟ้องศาล ถ้าพวกเขาบอกว่าพ่อของฉันไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของพวกเขา ฉันจะขอตรวจ DNA กับพวกเขา เพื่อพิสูจน์ดูว่า มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดหรือไม่ เมื่อผลตรวจออแล้ว จะได้รู้ดำรู้แดงกันไปเลย""หากพวกเขาไม่เต็มใจที่จะทำการทดสอบค
อากาศในเดือนตุลาคมของเมืองกวนเฉิงยังร้อนจัด มีเพียงตอนเช้าและตอนเย็นเท่านั้นที่สามารถทําให้ผู้คนรู้สึกถึงความเย็นของปลายฤดูใบไม้ร่วงได้หลังจากไห่ถงตื่นขึ้นมาในตอนเช้าและทําอาหารเช้าให้ครอบครัวพี่สาวทั้งสามคนแล้ว เธอก็หยิบทะเบียนบ้านและจากไปอย่างเงียบ ๆ"จากนี้ไปเราจะใช้ระบบAAกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นค่าครองชีพหรือค่าผ่อนรถและผ่อนบ้าน ทุกอย่างก็ต้องAAกัน! น้องสาวคุณมาอยู่ที่บ้านเรา ก็ต้องบอกให้เธอช่วยจ่ายค่าใช้จ่ายครึ่งหนึ่งด้วยแค่ให้เงินมา 10,000 บาทละเดือนเอาไปใช้อะไรได้? มันจะไปต่างอะไรกับมากินฟรีอยู่ฟรีล่ะ?"นี่คือสิ่งที่ไห่ถงได้ยินพี่เขยของเธอพูด ตอนที่พี่สาวและพี่เขยทะเลาะกันเมื่อคืนนี้เธอต้องย้ายออกจากบ้านของพี่แต่มีทางเดียวเท่านั้นที่จะทำให้พี่วางใจก็คือแต่งงานเธออยากจะรีบแต่งงานไปให้เร็ว แต่ว่าแม้แต่แฟนก็ยังไม่มี เธอจึงตัดสินใจรับคำขอของคุณยายจ้าน หญิงชราที่เธอได้ช่วยเหลือไว้โดยไม่ได้ตั้งใจ เธอจะแต่งงานกับหลานชายคนโตของคุณยายจ้านซึ่งชื่อจ้านหยินที่การแต่งงานเป็นเรื่องยากยี่สิบนาทีต่อไป ไห่ถงก็ลงจากรถหน้าประตูสํานักงานเขต"ไห่ถง"ทันทีที่ลงจากรถ ไห่ถงก็ได้ยินเสียงตะโก
"หากตัดสินใจแล้ว ฉันก็จะไม่เปลี่ยนใจค่ะ"ไห่ถงคิดไตร่ตรองอยู่สองสามวันก่อนตัดสินใจ และตอนนี้เธอตัดสินใจดีแล้ว ดังนั้นเธอจึงไม่คืนคำเมื่อจ้านหยินได้ยินเธอพูดแบบนั้น เขาจึงไม่ได้พูดอะไรออกไปเพื่อให้เธอเปลี่ยนใจ แต่หยิบเอกสารของตัวเองออกมา แล้วมอบแก่เจ้าหน้าที่ไห่ถงก็หยิบเอกสารของตัวเองออกมาเช่นกันพวกเขาจดทะเบียนสมรสเสร็จอย่างรวดเร็ว ทั้งกระบวนการใช้เวลาเพียงไม่ถึง 10 นาทีเมื่อไห่ถงรับทะเบียนสมรสมาจากเจ้าหน้าที่ จ้านหยินล้วงกุญแจที่เตรียมไว้ก่อนหน้านี้ออกจากกระเป๋ากางเกงแล้วส่งให้ไห่ถงพร้อมกับพูดว่า "บ้านที่ผมซื้อไว้อยู่ที่หมิงหยวนฮวา การ์เด้น ได้ยินคุณยายบอกว่าคุณเปิดร้านขายหนังสืออยู่ที่ประตูหน้าโรงเรียนมัธยมกวนเฉิง บ้านของผมไม่ไกลจากร้านขายหนังสือของคุณ ถ้านั่งรถเมล์ก็ใช้เวลาเพียงสิบกว่านาทีเท่านั้น""คุณมีใบขับขี่รถยนต์ไหมครับ? ถ้ามีใบขับขี่ผมสามารถจ่ายเงินดาวน์รถยนต์ให้ได้ครับ แต่คุณต้องผ่อนชำระงวดรถยนต์ทุกเดือน เมื่อมีรถยนต์แล้วคุณก็จะสะดวกในการเดินทางไปทำงานแล้วก็กลับบ้าน"“งานของผมยุ่งมาก ผมออกจากบ้านเช้าตรู่กว่าจะกลับถึงบ้านก็ดึก บางครั้งก็ต้องเดินทางไปทำงานต่างจังหวัด
"คุณยายคะ หนูไม่เป็นไรแน่นอนค่ะ"ไห่ถงตอบกลับแบบปัดๆถึงแม้ว่าคุณยายจ้านจะดูแลเธอดี แต่ทว่าจ้านหยินเป็นหลานแท้ๆ เธอเป็นเพียงแค่หลานสะใภ้ หากเราทั้งคู่มีปัญหาขัดแย้งกันจริงๆ ครอบครัวจ้านจะเข้าข้างเธอหรือไม่?ไม่ใช่ว่าไห่ถงไม่เชื่อแต่อาจเหมือนกับพ่อแม่สามีของพี่สาวเธอก่อนแต่งงานพ่อแม่สามีดูแลพี่สาวดีมาก ดีมากจนทำให้ลูกสาวแท้ๆ ของพวกเขาอิจฉาริษยาหลังจากแต่งงานพวกเขากลับกลายเป็นคนละคน ทุกครั้งที่พี่สาวกับสามีมีปัญหาขัดแข้งกัน แม่สามีจะตั้งใจกล่าวหาว่าเป็นเพราะพี่สาวทำหน้าที่ภรรยาได้ไม่ดีสุดท้ายแล้วลูกชายยังไงก็คือลูกในไส้ของพวกเขา แต่ลูกสะใภ้ก็ยังเป็นคนนอกวันยันค่ำ"หลานทำงานไปก่อนนะ ยายไม่รบกวนล่ะ เดี๋ยวตอนเย็นยายจะเรียกอาหยินมารับหลานมาบ้านมากินข้าวเย็นด้วยกัน""คุณยายคะ หนูปิดร้านดึก น่าจะไม่สะดวกไปทานข้าวเย็นด้วยค่ะ แต่ถ้าเลื่อนเป็นวันหยุดสุดสัปดาห์นี้แทนได้ไหมคะ?"เพราะว่าโรงเรียนจะหยุดสุดสัปดาห์ ร้านหนังสือของพวกเขาต้องพึ่งพาโรงเรียนในการทำรายได้ เมื่อโรงเรียนหยุด ธุรกิจของพวกเขาก็จะซบเซา แล้วบางครั้งอาจจะไม่เปิดร้านเลย เธอจึงมีเวลาว่าง"ได้จ้ะ"คุณยายจ้านพูดอย่างเห็น
"พี่คะ แบบนั้นไม่ได้นะ นั้นเป็นทรัพทย์สินของเขาก่อนแต่งงาน ฉันไม่ได้ออกเงินช่วยซื้อสักบาท แล้วจะให้เขาเพิ่มในใบครอบครองทรัพย์สินร่วมกันอีกได้อย่างไร เรื่องนี้เราจะไม่พูดกันอีกนะคะ"เมื่อได้รับใบทะเบียนสมรสมา จ้านหยินก็มอบกุญแจบ้านให้ ทำให้เธอสามารถย้ายเข้าบ้านนั้นได้ทันที ปัญหาเรื่องบ้านก็ได้รับการแก้ไขเรียบร้อย แค่นี้ก็ดีมากแล้วเธอจะไม่ขอให้จ้านหยินเพิ่มชื่อเธอในใบครอบครองทรัพย์สินร่วมกัน ถ้าเขาต้องการเพิ่มชื่อของเธอในใบครอบครองทรัพย์สินเอง เธอก็จะไม่ปฏิเสธในฐานะสามีภรรยาที่ตัดสินใจว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดชีวิตไห่หลิงแค่พูดแบบไปนั้น เพราะรู้ว่าน้องสาวพึ่งพาตนเองก่อนและไม่โลภมาก เธอจึงหยุดกังวลเกี่ยวกับปัญหานี้หลังจากที่ถูกพี่สาวสอบถามทุกเรื่องแล้ว ไห่ถงจึงสามารถย้ายออกจากบ้านพี่สาวได้สำเร็จพี่สาวต้องการไปส่งเธอที่หมิงหยวนฮวา การ์เด้น แต่ทันใดนั้นหลานชายโจวหยางตื่นขึ้นพอดี เจ้าตัวเล็กตื่นขึ้นมาก็ร้องไห้และมองหาแม่ของเขา"พี่คะ พี่ไปดูแลหยางหยางก่อน สัมภาระของฉันไม่เยอะ ฉันไปคนเดียวได้"ไห่หลิงต้องป้อนข้าวลูกชาย เมื่อป้อนข้าวเสร็จแล้วก็ต้องเตรียมอาหารกลางวันต่อ เพราะสามีตอนเที่ยง
จ้านหยินพูดอย่างเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น "ประชุมต่อไป"คนที่สนิทกับเขามากที่สุดคือลูกพี่ลูกน้องคนโตของเขา และเป็นนายน้อยคนที่สองของตระกูลจ้าน ชื่อ จ้านอี้เฉินจ้านอี้เฉินเข้ามา กระซิบถามว่า "พี่ใหญ่ ผมได้ยินที่คุณยายพูดกับพี่แล้ว พี่แต่งงานกับคนที่ชื่อถงอะไรสักอย่างจริงๆ เหรอ"จ้านหยินมองเขาตาขวางจ้านอี้เฉินลูบจมูกและนั่งตัวตรง โดยไม่กล้าถามต่ออีกแต่ก็ได้แสดงความเห็นอกเห็นใจถึงพี่ชายคนโตอย่างมากแม้ว่าลูกชายหลานชายของตระกูลจ้านไม่จำเป็นต้องแต่งงานเพื่อยกระดับฐานะของตน แต่พี่ชายคนโตและพี่สะใภ้ไม่ได้มาจากครอบครัวที่ฐานะเหมาะสมกัน เพียงเพราะคุณยายชอบผู้หญิงที่ชื่อไห่ถง จึงต้องการให้พี่ชายคนโตแต่งงาน พี่ชายคนโตน่าสงสารจริง ๆจ้านอี้เฉินยังคงส่งความเห็นอกเห็นใจแก่พี่ชายคนโตอีกครั้งโชคดีที่เขาไม่ใช่หลายชายคนโต มิฉะนั้นคนที่แต่งงานกับผู้มีพระคุณช่วยชีวิตของคุณยายก็เป็นเขาแล้วไห่ถงไม่รู้เรื่องเหล่านี้ เธอต้องถามให้ชัดเจนว่าบ้านใหม่ของเธออยู่ที่ชั้นไหน และเธอลากกระเป๋าเดินทางและหาบ้านใหม่จนเจอหลังจากเปิดประตูเข้าไปในบ้าน เธอพบว่าบ้านค่อนข้างใหญ่ ใหญ่กว่าบ้านพี่สาวของเธอและตกแต่งอ