"ถงถงไม่ต้องกดดันตัวเองไปเลยนะ พวกเราแค่ป้องกันไว้ก่อน นอกจากนี้คนในแววดวงหลายคนก็พาบอดี้การ์ดออกไปข้างนอกด้วย ตระกูลไหนบ้างที่ไม่มีบอดี้การ์ดเยอะ?"ไห่ถงรู้สึกผิดมากและพูดว่า "ฉันแค่กลัวว่า ถ้าตระกูลหนิงตอบโต้ฉัน จะเล่งเป้าไปที่พี่กับหยางหยาง"แต่เธอไม่เสียใจที่ช่วยหนิงอวิ๋นชูหนิงซีฉีทำเกินไป"ไม่ต้องกังวล มีฉันอยู่ด้วย นอกจากนี้ ร้านของพี่คุณเช่าต่อมาจากตงหมิง ซึ่งในฐานะเจ้าของร้าน ตงหมิงมีความรับผิดชอบสูงมาก และจะไม่ปล่อยให้ผู้เช่ามีปัญหาแน่ และร้านค้าบนถนนสายครึ่งหนึ่งของเขาไม่เคยมีปัญหามาก่อนเลย"เพราะเมื่อก่อนลู่ตงหมิงเป็นอันธพาลข้างถนนแม้ว่าหลงผิด แล้วสำนึกตัวได้ แต่เขาก็ยังคงรู้จักคนมากมายข้างถนน และไม่มีใครกล้าเข้ามาในอาณาเขตของเขาและก่อปัญหาได้อย่างง่ายดายลู่ตงหมิงชอบหยางหยางมาก ถ้าใครกล้าแตะต้องหยางหยาง นั่นไม่ใช่การดึงหนวดเสือเหรอ?"คิดว่านอกจากแม่และลูกสาวหนิงแล้ว ก็แค่ญาตินิสัยแย่จากบ้านเกิดของคุณ ฉันจะบอกซูหนานและขอให้เขาส่งคนไปคอยจับตาดูสองครอบครัวนั้น หากมีเรื่องวุ่นวายใดๆ ก็ให้แจ้งให้พวกเราทราบทันที และจะได้เตรียมตัวไว้ล่วงหน้า"หลังจากพูดจบ จ้านหยินก็ถามภ
ซูหนานยิ้ม "จ้านหยิน นายไม่ใช่จ้านหยินที่ฉันรู้จักอีกต่อไปแล้ว เรื่องแบบนี้นายก็บอกประธานโมด้วย""ระหว่างทางกลับบ้าน ถงถงโดนคนมาขวางรถ"ซูหนานเริ่มสนใจจึ “ใครมันไม่มีตา ไม่กลัวรถพี่สะใภ้จะชนตายเหรอ? แอดมินโรงพยาบาลแล้วมั้ง”ช่วงเวลาหนึ่ง จ้านหยินไม่รู้ว่าจะร้องไห้หรือดีใจ"ตอนนี้ฉันสั่งคนไปช่วยนายตรวจสอบแล้วกัน""ไม่ต้อง รู้ตัวว่าเป็นใคร"“ใครเหรอ?” ซูหนานถามด้วยความอยากรู้ เผยให้เห็นนิสัยที่สอดรู้สอดเห็นและทักษะการคิดที่ล้ำเลิศ “คนที่คลั่งไคล้นาย?”จ้านหยิน: “คนที่คลั่งไคล้” เขาพูดออกไปตรงๆ “เป็นคุณหนูหนิง ลูกสาวคนที่สองของตระกูลหนิง”ซูหนานรู้ทันทีว่าเป็นตระกูลหนิงไหน เขาพูด "คุณหนูสองหนิงกับพี่สะใภ้ขัดแย้งกนใหญ่โตเลยสิ เพิ่งผ่านไปไม่กี่วันตั้งแต่ วันที่ประธานหนิงได้เข้ามาขอโทษนายเป็นการส่วนตัว และลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนของเขา ก็ทำให้นายกับภรรยาขุ่นเคืองอีกครั้ง""จับตัวได้ยัง?""แจ้งตำรวจแล้ว พร้อมมีหลักฐาน ดังนั้นต้องถูกจับกุมก่อนเป็นอันดับแรก ซูหนาน ฉันบอกนายก็เพื่อขอความช่วยเหลือ ส่งคนไปสักสองสามคน เพื่อติดตามทุกความเคลื่อนไหวของประธานหนิงและภรรยาอย่างลับๆ รวมถึงญาตินิสัยแ
ไห่ถงไม่รู้ว่า ขณะที่เธออาบน้ำสามีของเธอได้จัดเตรียมทุกอย่างไว้เรียบร้อยแล้วหลังจากที่เธอเดินออกมาจากห้องน้ำ เห็นจ้านหยินกำลังนั่งอยู่บนเตียง เธอเดินไปกอดคอจ้านหยิน กดเขาลงบนเตียงขณะที่เธอจับเขาไว้"ที่รัก ฉันเมื่อย"จ้านหยินเตือนภรรยาอย่างอบอุ่นไห่ถงยิ้มและจูบใบหน้าเขาเบาๆ จากนั้นพลิกตัวไปบนเตียง เตะเขาเบาๆ ด้วยเท้า “ไปอาบน้ำเลย บนตัวมีแต่กลิ่นบุหรี่”"ฉันไม่ได้สูบบุหรี่""คนอื่นสูบก็ทำให้เสื้อผ้ามีกลิ่นเหมือนบุหรี่ใช่ไหม"จ้านหยินดมเสื้อผ้าของเขา แต่ไม่ได้กลิ่นบุหรี่เลย แต่ภรรยาบอกว่าถ้าตัวเขามีกลิ่นบุหรี่ เขาจึงทำได้แค่ไปห้องน้ำ และเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เท่านั้นเมื่อออกมาจากห้องน้ำ ไห่ถงก็หลับไปแล้วจ้านยินมองใบหน้าอันสงบสุขของเธอ และบางครั้งก็รู้สึกอิจฉาเธอไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น เธอก็สามารถกิน ดื่ม และนอนได้ตามปกติ โดยที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ แถมยังหลับฝันดีอีกคนแบบนี้ เป็นคนไม่คิดมากและใจกว้าง ไม่ค่อยจะยึดติดกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งนานเกินไป และไม่เอากลับมาคิดเล็กคิดน้อยพูดง่ายก็คือ มองโลกในแง่ดี แม้ฟ้าถล่มก็ยังใช้เอามาเป็นผ้าห่มได้จ้านหยินก้มลงจูบใบหน้าของไห่ถง แล้วพูดว่า
เป็นคู่สามีภรรยากันมานานแค่ไหนแล้วหลังจากนั้นไม่นาน ไห่ถงออกจากห้องไป และเห็นคุณยายจ้านยังแกล้งทำเป็นรื้อค้นกล่อง ค้นตู้เพื่อหาแว่นสายตายาวที่ไม่เคยมีอยู่จริง ไห่ถงพูดว่า “คุณยาย ถ้าหาไม่เจอก็ช่างมันเถอะค่ะ ฉันจะพาคุณยายไปซื้อแว่นสายตายาวอันใหม่ทีหลัง”"ก็ได้ ฉันไม่หามันแล้ว ฉันอายุเยอะขนาดนี้ ความจงความจำฉันก็ไม่ค่อยดี มันถูกวางไว้ตรงนี้อย่างแน่นอน แต่ตอนนี้ฉันหาไม่เจอ หรือว่ามันมีขาเดินหนีไป"ไห่ถงยิ้ม"บางทีมันอาจมีปีก และกลายเป็นผีเสื้อแล้วบินหนีไป"คุณยายจ้านพูดน้ำเสียงเสียดาย "ฉันไม่เห็น มันตอนกลายเป็นผีเสื้อแล้วบินหนีไป"ไห่ถงรู้สึกขบขันกับท่าทางผู้สูงอายุของเธอ และไม่สามารถหยุดหัวเราะได้"คุณยาย เมื่อคืนกลับมาตอนไหน?""ยายกลับมาก่อนที่พวกหลานจะกลับมา เมื่อคืนนอนตั้งแต่หัวค่ำ เลยไม่รู้ว่า พวกหลานกลับมาตอนไหน"ไห่ถงไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อหลังจากทั้งสามคนทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว คุณยายจ้านบอกว่า จะออกไปคุยเล่นกับคนอื่นๆ ในชุมชน เธอจึงออกไปจากบ้าน และจ้านหยินก็พาไห่ถงไปส่งที่ร้านไห่ถงโทรศัพท์หาพี่สาวระหว่างทาง"พี่ วันนี้ธุรกิจเป็นไงบ้าง?""ดีมาก ฉันยุ
หยางหยางเป็นเด็กเชื่อฟังมาก ถึงอย่างไร เขาก็ยังเป็นเด็กที่อายุอ่นอกว่าสามขวบ และซุกซนเช่นกันวันนั้นเขาพาหยางหยางไปที่สวนสาธารณะเล็กๆ ใกล้ๆ เพื่อเล่น เจ้าตัวน้อยเป็นซุกซนและวิ่งเล่นไปมา หากไม่ได้จับตามอง เขาก็จะวิ่งหนีไปไกล ซึ่งนั่นทำให้เขาตกใจมาก เพราะคิดว่าลูกชายของเขาหายไปโจวหงหลินรู้สึกกลัวหลังจากพาลูกชายออกไปเล่นก่อนหน้านั้น และไม่อยากพาลูกชายออกไปเล่นอีกครั้งแม้ว่าครั้งแรก จะเป็นข้ออ้างที่ต้องพาลูกชายไปเล่นที่สวนสาธารณะหยางหยางที่เข้าใจเรื่องราวได้ จึงถามว่า "พ่อต้องไปทำงานไหม?"โจวหงหลินโกหก "อืม พ่อต้องไปทำงานและหาเงิน"เขายังหางานไม่ได้เมื่อเห็นว่าไห่หลิงทำธุรกิจขนาดเล็ก และดูมีแววไปได้ดี จิตใจของโจวหงหลินก็กระชุ่มกระชวยขึ้น คิดว่าหลังจากที่เขากับเย่เจียนีแต่งงานกัน พวกเขาก็จะเปิดร้านร่วมกัน และเป็นนายของตัวเองไม่ต้องค่อยระมัดระวังคนอื่นจะคิดอย่างไร มีอิสระเป็นของตัวเองนั่นถ้าเขาเปิดร้าน จ้านหยินจะยังคงหมายหัวเขาต่อไปหรือไม่?สิ่งที่โจวหงหลินกลัวมากที่สุดก็คือ จ้านหยินจะไม่ปล่อยเขาไป ซึ่งนั่นจะทำให้เขาจะไม่สามารถทำอะไรได้เลยถ้าเป็นเช่นนั้นจริงๆ เขาก็จะขับรถรั
หยางหยางอาจจะยังไม่เข้าใจว่านี่คือธุรกิจ แต่เขารู้ว่าแม่ของเขา จะให้เพียงน้าเท่านั้นที่เป็นข้อยกเว้น และคนอื่นไม่มีข้อยกเว้นโจวหงหลินสำลักแ ละพูดทันที "หยางหยาง ฉันเป็นพ่อของแกนะ แกจะเอาคนแซ่ลู่มาเปรียบเทียบกับพ่อของแกได้อย่างไร นั่นมันคนนอก และคนแซ่ลู่ไม่ใช่คนดี เขาน่ากลัวมาก"หยางหยางพยักหน้าเห็นด้วย และพูดน่ารักๆ ออกมา "ลุงลู่เป็นคนน่ากลัวมาก แต่ลุงลู่ไม่ใช่คนเลว"เมื่อนึกถึงครั้งสุดท้ายที่เกลี้ยกล่อมลูกชาย เมื่อใดก็ตามที่ลู่ตงหมิงมาหาไห่หลิง เขาจะปล่อยให้ลูกชายสร้างปัญหา โจวหงหลินวกกลับมาที่หัวข้ออาหารเช้าอีกครั้ง และไม่ต้องการคุยกับลูกชายต่อไป เด็กน้อยดื้อรั้นมากเจ้าตัวน้อยพูดว่า ลุงลู่เป็นคนน่ากลัวมาก แต่ลุงลู่ไม่ใช่คนเลว ไม่ว่าเขาจะพยายามเปลี่ยนแปลงเรื่องต่างๆ ในฐานะพ่ออย่างไร เขาก็ไม่สามารถเปลี่ยนหยางหยางให้คล้อยตามได้"โอเค ฉันจะจ่ายเงินให้คุณ จ่ายแล้ว ไห่หลิง ฉันสังเกตเห็นว่าหลังจากหย่า คุณก็มีเงินใช้ไม่ขาดมือเลยนะ""ขี้เหนียว ทำไมต้องเถียงกับฉันทุกเรื่อง พูดได้ยังไงว่าพวกเราเคยเป็นสามีภรรยากัน"ขณะที่โจวหงหลินกำลังบ่นพรางไป ก็วางลูกชายลงแล้วหยิบกระเป๋าสตางค์ออกมา เข
โจวหงหลินยอมรับตัวเองว่า ในตอนแรกเขานิสัยแย่มาก อยากจะค่อยๆ บีบให้ไห่หลิงตัดขาดจากสังคม ไม่มีแหล่งรายได้ และกลายเป็นผู้หญิงที่ไม่น่าสนใจ ตอนที่อายุสามสิบหากเปรียบเทียบกับเหล่าแม่บ้านหลายคนที่ประสบกับสถานการณ์เช่นนี้เหมือนกัน ไห่หลิงเป็นคนที่เข้มแข็งมาก เธอตัดความสัมพันธ์กับโจวหงหลินอยากไม่เหลือเยื่อใยเธอไม่ได้คิดถึงลูกของเธอเลยเธอคิดว่าหากการแต่งงานล้มเหลว การหย่าร้างอาจส่งผลเสียต่อเด็ก ๆ ได้ แต่หากไม่หย่า คู่สามีภรรยาก็จะทะเลาะกันทุกวัน และครอบครัวจะไม่มีวันสงบสุข ซึ่งนั่นก็ส่งผลเสียต่อเด็ก ๆ ได้เช่นกันหย่าแล้วจะดีกว่า เธอดูแลลูกไปอยู่คนเดียวดีกว่า หากเธอสามารถสอนเขาได้อย่างดี เธอก็สามารถทำให้ลูกชายเป็นคนพึ่งพาตัวเองได้และมั่นใจในตัวเองได้เช่นกันป้าเหลียงหยิบเกี๋ยวทอดหนึ่งจานมา วางไว้ตรงหน้าโจวหงหลินโจวหงหลินหยุดความคิดของตัวเอง และคิดว่า ตอนนี้เขาใช้ชีวิตที่มีความสุขและหวานชื่นกับเจียนี แม้ว่าจะมีความขัดแย้งในครอบครัว แต่นั่นเป็นช่วงปรับตัวของเขากับเย่เจียนี เมื่อปรับตัวได้ดีแล้ว เขาก็จะใช้ชีวิตได้ดีกว่าไห่หลิงดังนั้น เขาจึงรับทานอาหารเช้าด้วยความสบายใจเขายังป้อนเกี๊ย
ก่อนหน้านี้ ไห่ถงได้อาศัยอยู่ในบ้านของเขา และแทบจะรับหน้าที่ดูแลงานบ้านทั้งหมด"เจีย เจียนี ฉัน ฉันแต่มากินข้าวเช้า"โจวหงหลินหยิบตะเกียบที่หล่นขึ้นมา แล้วโยนลงถังขยะใต้โต๊ะแล้วยืนขึ้น อธิบายให้เย่เจียนีว่า เขามาที่นี่เพื่อทานอาหารเช้าแค่นั้นเย่เจียนีมองหยางหยางหยางหยางก็มองเธอเช่นกัน ใบหน้าเล็กๆ ดูคล้ายกับไห่หลิงมาก และดวงตาสีดำกลมเป็นประกาย เป็นเด็กที่น่ารักมากเย่เจียนีถอนสายตาจากหยางหยางอย่างรวดเร็วโจวหงหลินอธิบายอย่างรวดเร็วว่า "เมื่อกี้ไห่หลิงยุ่งมาก ส่วนหยางหยางก็ไม่มีใครดูแลเขา ตอนที่ฉันกินข้าวเช้า ก็พาเขามานั่งลงข้างๆ ฉัน แบบนี้จะสามารถดูแลเขาได้ ไม่ว่าจะอย่างไร หยางหยางก็เป็นลูกชายของฉัน"เขารู้ว่าเย่เจียนไม่ชอบที่ครอบครัวของพวกเขา ที่พูดถึงหยางหยาง และยิ่งไม่ชอบที่เห็นเขาไปเยี่ยมหยางหยางอีกด้วยเย่เจียนีสูดหายใจเข้าลึกๆ สองสามครั้ง เพื่อระงับความโกรธที่พลุ่งพล่านอยู่ในใจ เธอไม่ชอบเลยที่สามีและญาติสามีมาเยี่ยมหยางหยางอยู่เสมอ เมื่อพูดถึงหยางหยาง พ่อแม่สามีมักจะพูดว่าหยางหยางเป็นหลานชายอันล้ำค่าของตระกูลโจว และเป็นความหวังเดียวก่อนหย่า โจวหงหลินไม่ได้ปฏิบัติต่อห