Share

บทที่ 457

Author: จิ้งซิง
หลังจากนั้นไม่นาน ในตรอกแห่งนั้นก็มีคนนอนร้องโอดโอยน่าเวทนาอยู่เป็นกอง แต่ละคนใบหน้าถูกตีจนฟกช้ำดำเขียว เลือดกำเดาไหลออกมา

โดยเฉพาะบนใบหน้าของชุยเส้าเจ๋อ ที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากจู๋เยวี่ย แต่ละหมัดเข้าเนื้อ ๆ ไม่มีแบบสุกเอาเผากินเลย

สุดท้ายชุยเส้าเจ๋อก็เปลี่ยนจากด่าทอเป็นร่ำไห้ขอความเมตตา

เวินซื่อยืนอยู่ที่ทางเข้าตรอก เห็นว่าทุบตีไปพอสมควรแล้ว จึงเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า “พอแล้ว”

สองคำนี้ ช่วยชีวิตชุยเส้าเจ๋อและพวกของเขาไว้ได้

หมัดนั้นหนักมากจนพวกเขาไม่สงสัยเลยว่าตัวเองอาจจะถูกฆ่าจริง ๆ

เวินซื่อกวาดสายตามองพวกเขาอย่างเฉยชาอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปเตะหลี่เหลียงเซิงที่อยู่บนพื้นทีหนึ่ง “จะไปหรือไม่ไป? อย่าบอกนะว่าท่านตั้งใจจะถูกทุบตีอีกสักยก?”

หลี่เหลียงเซิงที่เดิมทีนอนฟุบอยู่บนพื้นไม่มีเรี่ยวแรงขยับตัวได้ฟื้นคืนชีพภายในชั่วเวลาประเดี๋ยวเดียว กุมใบหน้าครึ่งหนึ่งที่ถูกต่อยจนบวมปูดของตัวเองไว้ แล้วรีบพูดในสภาพน้ำหูน้ำตาไหล “ไป ๆ ๆ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”

เขาวิ่งออกไปข้างนอกทันทีภายในชั่วเวลาแวบเดียว

ใครจะรู้ว่าทันทีที่ก้าวออกจากปากตรอก ก็ถูกเตะปะทะหน้าอย่างฉับพลัน ถีบเข้าตรง ๆ ที่ยอ
Continue to read this book for free
Scan code to download App
Locked Chapter

Related chapters

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 458

    เป่ยเฉินหยวน “ไม่ต้องแล้ว ขอบคุณสำหรับความหวังดีของคุณชายฉี แม่ชีลงจากเขาครั้งนี้ยังมีธุระอื่นอีก เกรงกว่าจะไม่สามารถไปเป็นแขกที่จวนเสนาบดีได้ ขออภัยด้วย”ฉีเซิ่งไม่สามารถเชื้อเชิญได้สำเร็จ แม้ว่าจะผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังเอ่ยด้วยความยินดีปรีดา “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ยังมีธุระก็รีบไปทำเลยเถอะ แค่บอกข้าว่าอีกประเดี๋ยวจะไปหาท่านได้ที่ไหนก็พอ”เวินซื่อเห็นเขามีท่าทีดึงดันที่จะมอบของขวัญชิ้นนี้ให้ได้ จึงทำได้เพียงพูดอย่างไม่มีทางเลี่ยง “ตอนนี้แม่ชีจะไปที่จวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน ถ้าคุณชายฉีไม่ถือสา ก็ไปที่จวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนแล้วกัน”จวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน?ฉีเซิ่งรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีพูดตามตรง เขาค่อนข้างหวาดกลัวอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนท่านนั้นจริง ๆถึงอย่างไรบารมีอันเด็ดเดี่ยวและเฉียบขาดจากร่างกายของอีกฝ่าย ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถต้านทานได้จริง ๆแต่เพื่อมอบของขวัญชิ้นนี้ที่เขาตั้งอกตั้งใจเตรียมไว้ให้กับมือของเวินซื่อ ฉีเซิ่งก็ทำได้เพียงดึงดันพยักหน้าตอบว่า “ตกลง ถ้าอย่างนั้น...ก็ไปที่จวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนแล้วกัน”หลังจากนั้นไม่นาน เวินซื

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 459

    เมื่อหลินจื่อฟูได้ยินว่าเป็นสมุนไพร ดวงตาทั้งสองก็เป็นประกายทันทียังจำได้ว่าหลังจากที่ท่านอ๋องของพวกเขาช่วยเหลือธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ ก็ได้รับของขวัญทั้งหมดสองชิ้นทุกครั้งล้วนเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่าและหายากมากหลินจื่อฟูเฝ้ารอคอยอยู่ภายในใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หลังจากที่เขาเปิดกล่องไม้ดัง “แกร๊ก” ก็เผยให้เห็นเห็ดหลินจือดอกใหญ่เท่าอ่างล้างหน้าที่อยู่ข้างในหลินจื่อฟูตกใจจนแทบจะหุบปากไม่ลง“โอ้สวรรค์!”เขากำลังฝันอยู่หรือเปล่านี่?”เห็ดหลินจือดอกใหญ่ขนาดนี้!นี่ต้องเป็นเห็ดหลินจืออายุร้อยปีแน่นอน!และดูเหมือนเห็ดหลินจืออายุร้อยปีที่เพิ่งขุดขึ้นมาใหม่ ๆ ด้วย!“ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ” ที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ประทานให้ชิ้นนี้จะเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้อย่างไร?!มันค่อนข้างใหญ่มากทีเดียว ไม่เล็ก ๆ น้อย ๆ เลยสักนิดจริงไหม!“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ ท่านใจดีเกินไปแล้วกระมัง! เห็ดหลินจือชั้นดีเช่นนี้ท่านตัดใจประทานให้ข้าน้อยได้จริงหรือ?!”หลินจื่อฟูมองดูเห็ดหลินจือดอกใหญ่นั้น ราวกับไม่ค่อยอยากจะเชื่อสายตา“มันถูกเตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับท่านอยู่แล้วหมอหลิน ทักษะฝังเข็มของท่านนั้นล้ำค่ายิ่งกว่าเห็ดหลินจ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 460

    เป่ยเฉินหยวนหยิบดอกไม้ในกล่องไม้ขึ้นมาดูอย่างถี่ถ้วนนั่นคือดอกไม้สีม่วงสวยสดงดงาม กลิ่นพฤกษาหอมหวาน เข้มข้นเป็นพิเศษ ใครได้กลิ่นก็ยากจะลืมเลือน“ดอกไม้นี้...เป็นดอกไม้ทั่วไปหรือ?”เป่ยเฉินหยวนสังเกตเห็นอะไรบางอย่างก่อนใครเวินซื่อแย้มยิ้ม “น่าจะไม่ทั่วไปกระมัง”เป่ยเฉินหยวนเงยหน้าเผชิญกับรอยยิ้มของนาง หลังจากมองดูอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เกิดลางสังหรณ์ที่อธิบายไม่ได้“เป็นสมุนไพรหรือ?”เวินซื่อพยักหน้า“เป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อข้าหรือ?”เวินซื่อพยักหน้าอีกครั้งดอกไม้ สมุนไพร ก็ยังเป็นประโยชน์ต่อเขา...ในใจเป่ยเฉินหยวนสะดุ้งเฮือกทันทีคำตอบนั้นเขาไม่ค่อยกล้าที่จะพูดออกไปหลินจื่อฟูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ในที่สุดก็เข้าใจ เบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนกตกใจเช่นกัน จ้องมองดอกไม้ดอกนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนจะมองไปที่เวินซื่ออีกครั้ง“ดะ ดอก ๆ...ดอกไม้นี้ท่านอย่าบอกข้านะว่า มันคือหญ้าฝรั่นที่พวกเราตามหามาโดยตลอด?”เวินซื่อย่อมไม่บอกเขาด้วยความมั่นใจเช่นนี้เป็นแน่นางแค่ยักไหล่ แสร้งทำเป็นว่าตัวเองก็ไม่แน่ใจพลางพูดว่า “อาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้...”“ช้าก่อน! เรื่องนี้จะไม่แน่ใจไ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 461

    เมื่อเห็นเวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว เวินซื่อเองก็ลุกขึ้นขอลาเป่ยเฉินหยวนรีบลุกตาม “ข้าไปส่งท่าน”เวินซื่อนึกว่าส่งที่เขาพูดหมายถึงส่งถึงหน้าประตูเท่านั้น แต่พอนางออกไปถึงด้านนอก พบว่ารถม้าคันเล็กของตนเองหายไป กลายเป็นรถม้าคันใหญ่หรูหราแทน“เมื่อครู่ได้ยินพวกบ่าวบอกว่าล้อรถม้าของท่านเสียแล้ว”“หา? ล้อรถม้าเสียแล้วหรือ?”เวินซื่อสงสัย ทำไมนางจำได้ว่าตอนมาดูเหมือนจะไม่มีปัญหาใดเลย?เป่ยเฉินหยวนกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ใช่ สั่งให้คนไปซ่อมแล้วแต่ซ่อมไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงเปลี่ยนเป็นคันนี้ให้ท่านโดยพลการ”“เอาเถอะ”เวินซื่อเองก็ไม่ได้คลางแคลงใจคิดเพียงว่าก่อนหน้านี้หลี่เหลียงเซิงแย่งรถม้าไป แล้วอาจไปชนกับสิ่งใดเข้าจึงเสียหายหลังขึ้นไปนั่งบนรถม้าคันนั้น เวินซื่อโบกมือให้เป่ยเฉินหยวน “ท่านอ๋องไม่ต้องไปส่งหรอก รีบกลับไปเถอะ พวกเราควรกลับแล้ว”“ได้ พรุ่งนี้จะไปเยี่ยมท่าน”เพราะตกลงกับเวินซื่อเรื่องสอนวรยุทธ์นางตั้งแต่แรก ดังนั้นช่วงเวลานี้เขาจึงสามารถไปหาเวินซื่อได้ทุกวันเวินซื่อพยักหน้าฉางเสี่ยวหานที่นั่งอยู่ด้านหน้าหวดแส้ในมือออกไป ต่อมาขับรถม้าจากไปอย่างเชื่องช้าขับไปได้ไม่นาน ร

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 462

    “หมั้นหมายกันแล้วอย่างไรเล่า? แต่เดิมจวนเจิ้นกั๋วกงก็ไม่ได้มีเจ้าเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว ต่อให้หมั้นหมายกัน ทว่าขอเพียงซื่อจื่ออย่างข้าไม่อยากแต่งกับเจ้า เช่นนั้นก็ไม่มีใครบังคับข้าได้!”หลังจากนั้น เวินซื่อจากไปอย่างไร้เรี่ยวแรงยามนี้เมื่อนึกขึ้น ตอนนางไปสอบถามชุยเส้าเจ๋อ ดูเหมือนตอนนั้นพวกฉีเซิ่งจะเห็นเหตุการณ์นั้นด้วย มิน่าตอนหลังที่นางไปขอร้องอาจารย์ม่อโฉวที่ภูเขาหนาน พวกฉีเซิ่งถึงได้นึกว่านางทำเพื่อชุยเส้าเจ๋อเวินซื่ออดถอนหายใจไม่ได้ตอนนั้นยังเด็กไม่รู้เดียงสา ไม่รู้จักความรัก ตอนนี้แม้จะยังไม่เข้าใจ แต่ก็เข้าใจอะไรได้มากกว่าเดิมดังนั้นในวันพิธีปักปิ่นแม้ชุยเส้าเจ๋อจะถอนหมั้นต่อหน้าผู้คน เวินซื่อเองก็เห็นด้วยต่อหน้าทุกคนเช่นกันดังนั้นต่อให้ไม่มีปิ่นหยกอันนี้ พวกเขาทั้งสองก็ยอมรับกลายๆ ในเรื่องการถอนหมั้นทว่านี่เป็นสิ่งของหมั้นหมาย แตกต่างจากสิ่งทั่วไปเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใดนำเรื่องนี้ไปแอบอ้างในภายหน้า จึงเก็บกลับมาเสียดีกว่า ขาดกันอย่างสิ้นเชิงดีที่สุดเมื่อนึกได้ดังนั้น เวินซื่อมองดูท้องฟ้าภายนอกน่าเสียดายวันนี้มืดค่ำเกินไป อีกสองวันค่อยมาก็แล้วกันเพราะไม่ว

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 463

    “คุณหนูคิดจะทำเช่นไรขอรับ? จะให้บ่าวไปซื้อที่ดินเพิ่มหรือไม่?”พ่อบ้านหลานยืนอยู่ข้างกันเพราะเขาเองก็ได้ยินข่าวนี้เช่นกัน ดังนั้นจึงรีบตามหลินจื่อฟูมาอารามสุ่ยเยว่พร้อมกัน เพื่อดูว่าเวินซื่อจะทำอย่างไรต่อไปเวินซื่อส่ายหน้า “ไม่ ไม่ต้องไปซื้อแล้ว พวกเขาอยากซื้อก็ปล่อยให้พวกเขาซื้อเถอะ เรื่องนี้พวกเราสู้พวกเขาไม่ได้หรอก”เมื่อได้ยินดังนั้น พ่อบ้านหลานรู้สึกดีใจไม่น้อยคุณหนูของเขาฉลาดจริงๆแต่หลินจื่อฟูกลับไม่เข้าใจ “หืม? ทำไม? หากปล่อยให้พวกเขาซื้อไปจนหมด แล้วพวกท่านจะทำอย่างไร?”เรื่องนี้พ่อบ้านหลานช่วยอธิบายแทนเวินซื่อ เขายิ้มพร้อมเอ่ยขึ้น “อำนาจที่อยู่เบื้องหลังที่นาที่ดินละแวกเหมืองหลวงล้วนไม่ธรรมดา ความซับซ้อนวุ่นวายในนั้นเปรียบได้กับอำนาจที่สลับซับซ้อนในราชสำนัก เบื้องหลังของที่ดินแต่ละแห่งอาจเป็นขุนนางในราชสำนักท่านหนึ่ง อีกทั้งมีความเป็นไปได้ว่าเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ส่วนผู้ที่เหล่าขุนนางบุ๋นสนิทชิดเชื้อมากที่สุด คงหนีไม่พ้นเจิ้นกั๋วกงท่านนั้นที่ไม่มีใครเทียบได้”เมื่อหลินจื่อฟูได้ยิน พลันเข้าใจทันทีบิดาท่านนั้นของธิดาศักดิ์สิทธิ์ถือเป็นผู้นำขุนนางฝ่ายบุ๋นขุนนางฝ่ายบุ๋

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 464

    อาจารย์ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองหลวงมานานขนาดนี้ ยังไม่มีใครพบฐานะที่แท้จริงของท่าน เห็นได้ชัดว่าท่านไม่อยากให้ใครรู้ดังนั้นนางจะเปิดเผยฐานะของอาจารย์ไม่ได้แต่หลินจื่อฟูกลับยืนยันว่าเมื่อครู่เขาไม่ได้ตาฝาด“ต้องเป็นตัวอักษรปีศาจแน่นอน! เมื่อครู่ข้ามองเห็นแล้ว!”ห่อเข็มประเภทนี้ เมื่อก่อนเขาเคยเห็นบนตัวคนคนหนึ่งเท่านั้นนั่นก็คือห่อเข็มของหมอปีศาจ!เมื่อเผชิญกับสายตาขึงขังของหลินจื่อฟู เวินซื่อได้แต่เสแสร้งแกล้งทำ “ไม่มีจริงๆ ท่านตาฝาดไปเอง หากไม่เชื่อเดี๋ยวข้าเอาให้ท่านดู”นางเบี่ยงตัวเล็กน้อยบดบังการมองเห็นของหลินจื่อฟู แล้วยื่นมือไปที่กล่องยา จากนั้นรีบนำห่อเข็มของตัวเองออกมาจากมิติ สลับกับห่อเข็มที่มีตัวอักษรคำว่าปีศาจจากนั้นแกล้งทำท่าเหมือนเอาออกมาจากกล่องยา ให้หลินจื่อฟูดู “ท่านดูสิ ภายในกล่องยาของข้า มีเข็มเพียงสองห่อเท่านั้น ไม่มีตัวอักษรใช่หรือไม่?”อมิตตาพุทธ คนออกบวชไม่โป้ปด สรุปตอนนี้นางโกหกอีกแล้ว บาปกรรม บาปกรรมหลินจื่อฟูก้มหน้ามองดูเข็มเงินทั้งสองห่อพบว่าไม่มีตัวอักษรจริงหลินจื่อฟูตะลึงทันที “หรือว่าข้าจะตาฝาดไปจริงๆ?”แต่ทั้งที่เมื่อครู่เขามองเห็นตัวอักษรคำ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 465

    “เจ้าค่ะ อาจารย์”ในไม่ช้าเวินซื่อออกเดินทางอีกครั้งฉางเสี่ยวหานย่อมตามธิดาศักดิ์สิทธิ์ออกไปพร้อมกันโดยไม่ลังเลทั้งสองขึ้นไปบนรถม้ารถม้าคันนี้เป็นคันที่ก่อนหน้านี้เป่ยเฉินหยวนเปลี่ยนให้นางมีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับให้พวกนางทั้งสองคนนั่งในไม่ช้ารถม้าขับมุ่งหน้าลงจากเขาระหว่างทางขณะที่ผ่านกระท่อมหลังหนึ่ง เวินซื่อหันมองอย่างลืมตัว ทว่ากลับไม่เห็นบางคนหลังนางรู้สึกตัวว่ากำลังทำสิ่งใดอยู่ ต่อมาจึงขมวดคิ้วพร้อมเก็บสายตากลับมา“เสี่ยวหาน ขับเร็วหน่อย วันนี้พวกเราต้องรีบกลับ”“ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นธิดาศักดิ์สิทธิ์นั่งให้ดีนะเจ้าคะ!”เพียงไม่นานรถม้าออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็วจิตใจที่สับสนเล็กน้อยของเวินซื่อก็กลับมาสงบลง แล้วจากมาพร้อมกับรถม้าหลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามครึ่ง รถม้าของพวกเวินซื่อมาถึงเมืองหลวงอย่างรวดเร็วตามคาดเวินซื่อไปถึงที่ทันทีหลังเคาะประตูใหญ่จวนจงหย่งโหวเสียงดัง ภายในมีร่างหนึ่งปรากฏ เป็นคนเฝ้าประตูของจวนจงหย่งโหว“ใครนะ? มาหาใครหรือ?”เวินซื่อเอ่ยขึ้น “มาหาชุยซื่อจื่อกับใต้เท้าจงหย่งโหว”เดิมทีควรไปหาเวินหย่าลี่ก่อน แต่น่าเสียดายที่เวินซื่อไม่อยากเห็นเวิ

Latest chapter

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 566

    หลินเนี่ยนฉือที่นั่งมองทั้งสองคนอยู่ในเรือนเล็กๆ ตั้งแต่เมื่อครู่ มุมปากกระตุกเล็กน้อย“พอแล้วอาซื่อ อย่างไรเสียเขาก็เป็นท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน เจ้าช่างใจกล้าเกินไปแล้ว”ถึงกับกล้าตำหนิท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้มีอำนาจสูงสุดในราชสำนักรองจากฮ่องเต้ แถมยังขึ้นชื่อว่าเป็นเทพสงครามต่อหน้าเช่นนี้ จนเขาแทบเงยหน้าไม่ขึ้นหลินเนี่ยนฉือกลัวว่าเวินซื่อจะยั่วโมโหอีกฝ่ายเข้าจริงๆ นางจึงรีบยื่นมือออกไป ดึงตัวคนกลับมาแต่ไม่รู้ว่าเป็นความเข้าใจผิดของนางหรือไม่ ในขณะที่นางจับมือเล็กๆ ของอาซื่อไว้ สายตาของท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนที่อยู่ตรงข้ามกลับดูน่ากลัวขึ้นมาเล็กน้อย ทั้งยังทิ่มแทงอีกทำเอาหลินเนี่ยนฉือไม่กล้าพูดอะไรต่ออีก“ไม่เป็นไรๆ ท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้น”เวินซื่อยังไม่ทันสังเกตเห็นสีหน้าที่เปลี่ยนไปของหลินเนี่ยนฉือ ก็ยกมือขึ้นตบไหล่ของอีกฝ่ายเบาๆเป่ยเฉินหยวนเอ่ยขึ้นในตอนนี้ “อู๋โยวพูดถูก ข้าไม่ใช่คนใจแคบจริงๆ ยิ่งไปกว่านั้น อู๋โยวก็ยังเป็นสหายของข้า สหายของนาง ย่อมเป็นสหายของข้าเช่นกัน”มุมปากของหลินเนี่ยนฉือกระตุกอีกครั้งหากไม่ใช่เพราะได้ยินสรรพนาม

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 565

    เป่ยเฉินหยวนยังไม่รู้ถึงความคิดของลูกน้องที่ทั้งดีใจและกลัดกลุ้มใจแทนเขาไปในเวลาเดียวกันแต่อย่างไรก็ตามระหว่างการเดินทางไปยังภูเขาหนาน อารมณ์ของเขาค่อนข้างดีเลยทีเดียวแม้กระทั่งตอนที่ได้รับข่าวซึ่งส่งมาจากลู่โจว ใครบางคนได้หลบหนีไปแล้ว อารมณ์ของเขาก็ได้รับผลกระทบเพียงเล็กน้อยเท่านั้นจากนั้นพอได้เห็นเวินซื่อ ความขุ่นเคืองเพียงเล็กน้อยนั้นก็พลันหายไปอย่างไร้ร่องรอย“อู๋โยว”น้ำเสียงของเป่ยเฉินหยวนก็พลันดังขึ้นที่หน้าประตูเรือนเล็กเมื่อเวินซื่อที่กำลังดูแลจัดการแปลงสมุนไพรทั้งสองแปลงในลานบ้านได้ยินเข้า ก็หันขวับกลับไปทันที ทันทีที่เห็นเป่ยเฉินหยวน เวินซื่อก็พลันดีใจขึ้นมา“ท่านจัดการธุระเสร็จเร็วเพียงนี้เชียว?”ก่อนหน้านี้ เมื่อรู้ว่าเป่ยเฉินหยวนต้องออกจากเมืองหลวงไปเพราะสืบพบบางอย่าง นางคิดว่าเขาคงต้องใช้เวลาหลายวันกว่าจะกลับมาได้ ไม่คิดว่าเพิ่งจะผ่านไปเพียงสี่ห้าวันเท่านั้น เขาก็กลับมาแล้วพอเห็นรอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของนาง เป่ยเฉินหยวนก็อดไม่ได้ที่จะยกยิ้มมุมปาก “ใช่ จัดการเสร็จไปชั่วคราวแล้ว”หลังจากที่หัวหน้าสายลับต่างเผ่าผู้นั้นหนีไปแล้ว เขาก็นำคนไป “เยี่ยมเยียน” ท

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 564

    หรือว่ายังคิดจะขายนางอีกครั้ง?อันหลันซินกำหมัดแน่น ในแววตาฉายประกายอันตรายแวบผ่าน ก้นบึ้งของดวงตาเต็มไปด้วยความเกลียดชังช่างเถอะอย่างไรเสียนางก็ได้อาศัยคนผู้นี้หนีออกมาแล้วไม่ว่าอันปี่เค่อเขาจะยังต้องการใช้นางเป็นหมากอีกหรือไม่ นางก็จะกลับเมืองหลวงให้ได้เมื่อคิดได้ดังนี้ อันหลันซินก็ใช้มืออีกข้างที่ยังดีอยู่หยิบกริชที่ตกบนพื้นขึ้นมา จากนั้นก็เดินออกจากตรอกไปทีละก้าว เงาร่างอันผอมบางก็หายลับไปในความมืดมิดยามค่ำคืนอย่างรวดเร็ว......เมืองหลวงจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนเป่ยเฉินหยวนที่กำลังนอนพักผ่อนอยู่บนเตียง หลังจากที่หลับไปได้ไม่ถึงหนึ่งชั่วยาม ก็ลืมตาขึ้นฉับพลันเวลาผ่านไปสามสี่วันแล้ว แต่สีแดงฉานในดวงตาคู่นั้นยังคงไม่จางหายไปยิ่งไปกว่านั้น ในช่วงสองสามวันนี้ นับวันเขาก็ยิ่งไม่อาจข่มตาหลับลงได้เป็นเวลานานนานที่สุดคือสองชั่วยาม สั้นที่สุดคือครึ่งชั่วยาม ก่อนที่จะตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหันเหมือนเช่นในตอนนี้ไม่ใช่ว่าเป่ยเฉินหยวนไม่อยากนอนหลับ แต่เป็นเพราะทุกครั้งที่เขาหลับตา ในความฝันก็จะปรากฏภาพอันน่าสยดสยองของจวนเป่ยเฉินอ๋องที่เลือดไหลนองเป็นแม่น้ำนับตั้งแต่ที่ได

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 563

    อันหลันซินที่ได้ยินคำพูดนี้ รูม่านตาก็หดลงในทันทีนางถอยหลังไปยังปากตรอกด้านหลังทีละก้าว พลางเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ “เจ้า...เจ้าหมายความว่าอย่างไร? เจ้าไม่ได้บอกหรอกหรือว่า ท่านพ่อของข้าเป็นคนที่จ่ายเงินสองพันตำลึงเพื่อว่าจ้างพวกเจ้าให้คุ้มครองข้ากลับเมืองหลวง?!”“ใช่แล้ว ถูกต้อง ใต้เท้าอันจ่ายเงินจ้างพวกเราจริง แต่ใต้เท้าอันยังได้สั่งการไว้อีกประโยคหนึ่งด้วย”คนชุดดำนั่นมองการกระทำของอันหลันซินออก ก้าวเท้าเดินตรงเข้าไปหานาง“ประโยคอะไร?”อันหลันซินจ้องเขาตาเขม็ง“ใต้เท้าอันกล่าวว่า บุตรสาวของเขารู้เรื่องราวต่างๆ มากเกินไปแล้ว ดังนั้น ทางที่ดีคุณหนูอันควรจะปิดปากเงียบไปตลอดกาล”พอสิ้นคำพูดนี้ อันหลันซินก็แทบจะหันหลังวิ่งหนีไปทันที ไม่ลังเลแม้แต่น้อยแต่นางเพิ่งจะวิ่งออกไปได้เพียงไม่กี่ก้าว ด้านนอกตรอกก็พลันปรากฏคนหลายคนขึ้นมาสวมชุดแบบเดียวกับคนชุดดำผู้นั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นพวกเดียวกันตกอยู่ในสถานการณ์หนีเสือปะจระเข้ อันหลันซินที่ไม่มีทางหนีออกจากตรอกนี้ไปได้อย่างแน่นอนจึงจำต้องหยุดฝีเท้าลง“เอาละ นี่ก็จวนจะได้เวลาแล้ว หากชักช้าไปกว่านี้ เกรงว่าคนของจวนหนิงหย่วนโหวจะต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 562

    “อ๊า!”ในยามวิกาล ไม่ว่าใครก็ตามที่จู่ๆ ได้มาเห็นภาพเช่นนี้ ย่อมตกใจจนขวัญหนีดีฝ่ออันหลันซินก็เป็นเช่นนั้น ตกใจเสียจนกรีดร้องออกมา ทั้งคนหงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น ศีรษะยังกระแทกเข้ากับโต๊ะอีกด้วยเสียงดังโครมครามทำให้คนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเข้ามาทันที“ปัง!”“เกิดอะไรขึ้น?!”สาวใช้และองครักษ์หลายคนพังประตูเข้ามา เมื่อเห็นอันหลันซินล้มลงไปกองอยู่กับพื้น พวกเขาก็รีบกวาดตามองไปรอบๆ ทันที แต่น่าเสียดายที่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ“ผะ...ผี! มีผีอยู่บนหลังคา!”อันหลันซินในเวลานี้ยังคงคิดว่านั่นเป็นผีจริงๆ ตกใจเสียจนไม่กล้ามองอีก ได้แต่ยกมือขึ้นชี้ไปยังหลังคาอย่างสั่นเทาแต่เมื่อเหล่าสาวใช้และองครักษ์เงยหน้ามองขึ้นไป กลับไม่เห็นสิ่งใดเลยเหล่าองครักษ์ถึงกับออกไปข้างนอก แล้วปีนขึ้นไปตรวจดูบนหลังคาโดยตรงแต่กลับไม่พบอะไรเลยเหล่าสาวใช้และองครักษ์ที่คอยจับตาดูอันหลันซินต่างพากันคิดไปว่า นี่คงเป็นกลอุบายอะไรสักอย่างที่อันหลันซินคิดขึ้นมาเพื่อหลอกตาการเฝ้าระวังของพวกเขา ดังนั้น แต่ละคนจึงแสดงสีหน้าเย็นชา“คุณหนูอัน ทางที่ดีท่านควรจะสงบเสงี่ยมหน่อย อย่าเล่นลูกไม้อะไรอีก มิฉะนั้นพวกเราจะทำต

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 561

    “รอข้า อาซื่อ ข้าจะกลับไปหาเจ้าอย่างแน่นอน”“พวกสารเลวสมควรตายพวกนั้น อย่าหวังว่าจะมาขวางข้าได้!”ก่อนหน้านี้ อันหลันซินพอนึกถึงหลินเนี่ยนฉือทีไร ก็แทบอยากจะถลกหนังนาง ดื่มเลือดนางเสียให้รู้แล้วรู้รอดตอนนี้ นางก็มีคนที่เกลียดชังในระดับเดียวกันเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้วนั่นก็คือเป่ยเฉินหยวน!บุรุษสารเลวสมควรตายผู้นั้น!กล้ามาหลอกลวงนาง แถมยังกล้าโยนนางมาทิ้งที่ลู่โจวอีกกระทั่งสั่งให้หนิงหย่วนโหวผู้นั้นส่งคนมาคอยจับตาดูนางตลอดเวลาอีก!หากไม่ใช่เพราะการจัดการเหล่านี้ของเขา ป่านนี้นางกลับไปหาอาซื่อได้ตั้งนานแล้วแต่เป็นเพราะเขา อันหลันซินหนีไปได้ครั้งหนึ่งก็ถูกจับกลับมาครั้งหนึ่ง หนีไปสิบครั้งก็ถูกจับกลับมาสิบครั้ง!ทุกครั้งยังไม่ทันหนีพ้นเขตลู่โจว ก็ถูกหนิงหย่วนโหวผู้นั้นส่งคนมาตามจับตัวกลับไปอีก!ไม่ว่าจะเป็นไอ้สารเลวที่ชอบยุ่งไม่เข้าเรื่องคนนี้ หรือไอ้บุรุษชั่วช้าที่กล้าหลอกลวงนางก็ตาม ล้วนสมควรตาย สมควรตาย สมควรตาย!แต่แน่นอนว่าคนที่นางเกลียดที่สุดก็ยังคงเป็นหลินเนี่ยนฉือกล้าฉวยโอกาสตอนที่นางไม่อยู่ข้างกายอาซื่อ กลับเมืองหลวงไปอย่างกะทันหัน!ตอนนี้ อันหลันซินพอนึกขึ้นได้ว่า

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 560

    นางย่อมรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่เหมาะกับการเข้าวัง แต่สกุลหลินต้องการโอกาสเช่นนี้อีกทั้ง…หลินเนี่ยนฉือมองเวินซื่อที่นั่งอยู่ข้างเตียง นางเม้มปากเบาๆผู้หญิงแปดในสิบทั่วหล้าล้วนอยากเป็นฮองเฮาอย่างไรก็ตามนั่นเป็นถึงมารดาแห่งแผ่นดินแต่อยากเป็นฮองเฮาก็ต้องเสียสละหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งอย่างแรกก็คืออิสระและเดิมทีนางก็เป็นที่ใฝ่หาความอิสระแต่ถ้าหากสามารถใช้อิสระของตัวเองแลกกับโอกาสที่ตระกูลจะได้กลับคืนสู่เมืองหลวง และสิทธิ์ในการปกป้องคนที่อยากปกป้อง เช่นนั้นนางก็ยินดีทิ้งอิสระของตัวเองดังนั้นแม้หลินเนี่ยนฉือจะบ่นต่อหน้าเวินซื่อมากมาย แต่กลับไม่เคยพูดว่าไม่อยากเป็นฮองเฮานางรู้ดี อาซื่อต้องยืนข้างนางแน่นอนแต่นางไม่อยากให้อาซื่อเป็นห่วงนางทำได้ก็แค่อิสรภาพเล็กน้อย ไม่มีอะไรที่เสียสละไม่ได้หลินเนี่ยนฉือคิดเช่นนี้ และยิ่งหนักแน่นในความคิดของตัวเองเวินซื่อหันกลับไปมองตาของนาง แม้หลินเนี่ยนฉือไม่อยากให้นางเป็นห่วง แต่นางจะไม่ห่วงเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเองได้อย่างไร?ก็เพราะรู้จักนางดี ดังนั้นจึงยิ่งเป็นห่วงแต่สิ่งที่เวินซื่อไม่รู้คือ ยังเร็วเกินไปที่จะกังวลเรื่องพวกนี้ เพ

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 559

    เวินซื่อมองสีหน้าพ่อบ้านหลานแวบหนึ่ง หลังจากนั้นถอนหายใจเบาๆหลังจากเยี่ยมชมหอหนังสือ สถานที่สุดท้ายที่พ่อบ้านหลานพานางมาคือโถงบรรพชนของสกุลหลานทันทีที่เข้าไปข้างใน พ่อบ้านหลานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาทิ้งตัวคุกเข่าลงพื้น ก็โขกศีรษะ ‘ปังๆๆ’ แรงๆ“นายท่าน ฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่า…บ่าวกลับมาแล้ว!”“บ่าวพาคุณหนูกลับมาแล้ว!”คุณหนูน้อย ลูกสาวของคุณหนู สายเลือดของสกุลหลานนางจะสืบทอดสกุลหลาน กลายเป็นผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปของสกุลหลาน! พ่อบ้านหลานบอกคนสกุลหลานอย่างสะอึกสะอื้นในใจ บอกทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเวินซื่อสุดท้ายพ่อบ้านหลานกล่าวในใจ ‘นายท่าน ฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่า มีคุณหนูน้อยอยู่ พวกท่านสามารถตายตาหลับแล้ว’เดิมทีเวินซื่อเดินเข้าไปอยากจุดธูป แต่เมื่อมองไปที่โต๊ะ ทุกอย่างชื้นจนขึ้นราหมดแล้วจุดธูปไม่ได้แล้วเวินซื่อหมุนกายไปคุกเข่าลงบนฟุกที่อยู่หน้าโต๊ะป้ายวิญญาณ หลังจากโขกศีรษะเหมือนพ่อบ้านหลาน นางค่อยๆ ลุกขึ้น มองดูป้ายวิญญาณเหล่านั้น พูดเพียงประโยคเดียว…“หวังว่าท่านบรรพชนทั้งหลายจะคุ้มครองหลานสาว สามารถเปลี่ยนแซ่อย่างราบรื่น รอหลังจากเปลี่ยนแซ่เวินเป็นแซ่หลาน สกุลหลานก็มีลูกส

  • หลังบวชชี บรรดาท่านพี่ก็อ้อนวอนให้ข้าสึก   บทที่ 558

    ทั้งสองคนหนึ่งหมุนกายก็วิ่ง ส่วนอีกคนชักดาบไล่ตามขณะที่กำลังจะตามทันอยู่แล้ว จู่ๆ ก็มีสุนัขดุหลายตัวกระโจนใส่เป่ยเฉินหยวนวินาทีต่อมา เสียง “ฉึก” ดังขึ้นหลายครั้ง…หัวสุนัขหลายตัวหล่นลงพื้นหลังจากจัดการสุนัขดุพวกนั้นแล้ว ตอนที่เป่ยเฉินหยวนเงยหน้าอีกครั้ง กู่อี้ซานก็ได้หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วส่วนลูกน้องที่เหลือสามคนของเขา สองคนโดนฆ่า อีกคนโดนธนูยิงท้อง ล้มอยู่บนพื้น อยู่ห่างจากความตายไม่ไกลก็หลังจากกองทัพธงดำจัดการสุนัขดุพวกนั้นหมดแล้ว เกาเย่าเข้าไปจับตัวคนต่างแคว้นที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วยื่นมือไปถอดหน้ากากของอีกฝ่าย“ท่านอ๋อง เป็นผู้หญิงต่างแคว้น”แม้ใบหน้าของอีกฝ่ายถูกทำลายนานแล้ว แต่เมื่อลองสังเกตรายละเอียดต่างๆ ก็สามารถระบุเพศของอีกฝ่ายได้สีหน้าเป่ยเฉินหยวนเย็นชากว่าเขาเสียอีก เสียงก็เย็นราวกับน้ำค้างแข็ง ออกคำสั่งอย่างความไร้ปรานี “พากลับไป ทรมานจนกว่าจะพูด”“ขอรับ!”หนีไปได้หนึ่งคนไม่เป็นไร อย่างไรเสียสายลับจากต่างแดนในเมืองหลวงถูกเขาฆ่าจนเหลือแค่ไม่กี่คนแล้วต่อให้กู่อี้ซานหนีไปได้ ก็ไม่สามารถทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ใดๆเขาแค่กำลังคิดว

Explore and read good novels for free
Free access to a vast number of good novels on GoodNovel app. Download the books you like and read anywhere & anytime.
Read books for free on the app
SCAN CODE TO READ ON APP
DMCA.com Protection Status