“เจ้าค่ะ อาจารย์”ในไม่ช้าเวินซื่อออกเดินทางอีกครั้งฉางเสี่ยวหานย่อมตามธิดาศักดิ์สิทธิ์ออกไปพร้อมกันโดยไม่ลังเลทั้งสองขึ้นไปบนรถม้ารถม้าคันนี้เป็นคันที่ก่อนหน้านี้เป่ยเฉินหยวนเปลี่ยนให้นางมีพื้นที่เหลือเฟือสำหรับให้พวกนางทั้งสองคนนั่งในไม่ช้ารถม้าขับมุ่งหน้าลงจากเขาระหว่างทางขณะที่ผ่านกระท่อมหลังหนึ่ง เวินซื่อหันมองอย่างลืมตัว ทว่ากลับไม่เห็นบางคนหลังนางรู้สึกตัวว่ากำลังทำสิ่งใดอยู่ ต่อมาจึงขมวดคิ้วพร้อมเก็บสายตากลับมา“เสี่ยวหาน ขับเร็วหน่อย วันนี้พวกเราต้องรีบกลับ”“ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นธิดาศักดิ์สิทธิ์นั่งให้ดีนะเจ้าคะ!”เพียงไม่นานรถม้าออกจากที่นั่นอย่างรวดเร็วจิตใจที่สับสนเล็กน้อยของเวินซื่อก็กลับมาสงบลง แล้วจากมาพร้อมกับรถม้าหลังผ่านไปหนึ่งชั่วยามครึ่ง รถม้าของพวกเวินซื่อมาถึงเมืองหลวงอย่างรวดเร็วตามคาดเวินซื่อไปถึงที่ทันทีหลังเคาะประตูใหญ่จวนจงหย่งโหวเสียงดัง ภายในมีร่างหนึ่งปรากฏ เป็นคนเฝ้าประตูของจวนจงหย่งโหว“ใครนะ? มาหาใครหรือ?”เวินซื่อเอ่ยขึ้น “มาหาชุยซื่อจื่อกับใต้เท้าจงหย่งโหว”เดิมทีควรไปหาเวินหย่าลี่ก่อน แต่น่าเสียดายที่เวินซื่อไม่อยากเห็นเวิ
“พูดจาเหลวไหล! ลูกชายข้าจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร เขา...”เวินหย่าลี่เตรียมเอ่ยปากอยากโต้แย้งแทนลูกชายอย่างลืมตัว สรุปกลับถูกเวินซื่อพูดขัดขึ้นเสียก่อน“ใช่ เขาไม่ทำ เขาก็แค่ทำเรื่องลักขโมยเล็กน้อยใส่ร้ายป้ายสีนิดหน่อย อย่างเช่นขโมยเอายาหยกหิมะของฮูหยินจงหย่งโหวไป แล้วใส่ร้ายข้า ใช่หรือไม่?”สีหน้าเวินซื่ออมยิ้ม แววตาเย้ยหยันอย่างมากทำให้ใบหน้าเวินหย่าลี่แดงเถือกทันใดแดงเพราะความโกรธ“ขโมยของอะไรกัน นั่นเป็นยาหยกหิมะของข้า ลูกชายนำสิ่งของของแม่ไปใช้เท่านั้น จะถือว่าลักขโมยได้อย่างไร?”“ใช่ ถูกต้อง แค่เอาไปให้คนอื่นใช้เท่านั้นเอง ไม่เกี่ยวข้องกับข้าเลยสักนิด เพราะฉะนั้นขอแค่ฮูหยินจงหย่งโหวท่านพอใจก็ดีแล้ว”นางจะพอใจได้อย่างไร!เวินหย่าลี่โกรธจนหน้าดำคร่ำเครียดใครจะไปรู้ ในยามที่นางรู้ว่าลูกชายปิดบังตัวเอง นำยาหยกหิมะทั้งหมดของนางไปเอาใจเวินเยวี่ย ในใจของนางเจ็บปวดมากเพียงใด!ในใจของนางกำลังหลั่งเลือดนั่นมันยาหยกหิมะขวดใหญ่สามขวดเชียวนะ ลูกชายของนางไม่เก็บไว้ให้นางแม้แต่ขวดเดียวทุกครั้งที่นึกถึงเรื่องนี้เวินหย่าลี่ปวดใจอย่างมากเดิมทีเวลาผ่านไปนานขนาดนี้ นางเกือบจะลืมไปแ
“เข้าไปคุยธุระคงไม่จำเป็น เกิดจวนจงหย่งโหวมีสิ่งใดหายไปอีก เกรงว่าคงต้องโทษว่าเป็นความผิดของข้า”คำพูดนี้เวินซื่อตอบจงหย่งโหว แต่เหน็บแนมเวินหย่าลี่ รวมถึงชุยเส้าเจ๋อที่ยืนละอายใจอยู่ข้างกันต่อมาเมื่อเวินซื่อพูดจบ หันหลังแล้วพูดต่อ “แต่เรื่องบางอย่างข้าจำเป็นต้องพูดให้จงหย่งโหวและฮูหยินของเจ้าเข้าใจชัดเจน”จงหย่งโหวเองก็คลับคล้ายคลับคลาได้ยินบางอย่าง จึงขมวดคิ้ว แล้วมองเวินหย่าลี่อย่างตักเตือนแวบหนึ่งเวินหย่าลี่รีบหุบปากทันทีเมื่อเห็นเวินซื่อไม่ยินดีที่จะก้าวเข้าไปในจวนจงหย่งโหวของพวกเขา จงหย่งโหวได้แต่ถอนหายใจ แล้วกล่าวอย่างจนใจ “ได้ ธิดาศักดิ์สิทธิ์เชิญพูดมาเถอะ”“เมื่อครู่ใต้เท้าจงหย่งโหวก็ได้ยินที่ข้าพูดแล้ว ที่ข้ามาเพื่อต้องการคืนของหมั้นหมายให้ชุยซื่อจื่อเท่านั้น ก่อนหน้านี้ไม่สามารถนำมาคืนให้ เพราะสิ่งของนั้นถูกชุยซื่อจื่อทำลายไปแต่แรกแล้ว เนื่องด้วยหลายวันมานี้มีคนไปค้นหามาให้ข้า ข้าเลยนำมาส่งคืน”“เพราะฉะนั้นขอให้ฮูหยินจงหย่งโหวอย่าเอาปัญหาทั้งหมดมาใส่ร้ายข้า ลองดูก่อนเถอะว่าลูกชายตัวดีของท่านเป็นคนเยี่ยงไรจะดีกว่า”“เจ้า!”“อย่าลนลาน ข้ายังพูดไม่จบ”เวินหย่าลี่เบ
ช่างน่าเสียดายบุพเพสันนิวาสที่ดีเช่นนี้จงหย่งโหวลอบถอนหายใจอีกครั้ง“ไม่ต้องหรอก ข้าน้อยเชื่อคำพูดของธิดาศักดิ์สิทธิ์”เด็กที่ดีขนาดนี้ น่าเสียดายที่ลูกชายของเขาไม่คู่ควรจงหย่งโหวเก็บซ่อนความรู้สึกสับสนไว้ในใจ จากนั้นเอ่ยกับชุยเส้าเจ๋อ “ยังไม่ขอขมาธิดาศักดิ์สิทธิ์อีก”การทำลายของหมั้นหมายระหว่างการหมั้นหมายเช่นนี้ ถือเป็นการดูถูกเหยียดหยามผู้อื่นมากบ่งบอกชัดเจนว่าฝ่ายที่ทำลายของหมั้นหมาย ไม่ชอบอีกฝ่ายมากเวินซื่อในตอนนั้นคงรู้สึกรันทดด้วยสาเหตุนี้อย่างมากแน่นอนจงหย่งโหวแรงเยอะ ฝ่ามือเมื่อครู่ที่ตบลงท้ายทอยชุยเส้าเจ๋อเกือบจะทำให้วิญญาณของเขาหลุดออกจากร่างสุดท้ายชุยเส้าเจ๋อต้องกัดฟันพูด “ขอ...ขออภัย ธิดาศักดิ์สิทธิ์โปรดอภัยด้วย”เวินซื่อไม่มองเขาด้วยซ้ำยิ่งทำเป็นมองไม่เห็นการขอโทษของเขา“เอาละ ใต้เท้าจงหย่งโหว สิ่งที่ข้าอยากพูดได้พูดไปหมดแล้ว นับตั้งแต่นี้ ข้าไม่อยากให้คนข้างนอกพูดถึงเรื่องการหมั้นหมายระหว่างข้ากับชุยซื่อจื่ออีก อย่ารบกวนความสงบของข้า”วันนี้เวินซื่อมาเยือนที่นี่เพื่อจบเรื่องนี้ลงอย่างสิ้นเชิงนางไม่อยากให้มีปัญหาตามมาอีกหากเป็นเหมือนเดิมอีก นางคงไม
เวินซื่อที่นั่งอยู่ในรถม้าหน้าตาบึ้งตึงฉางเสี่ยวหานที่อยู่นอกรถม้าทนไม่ไหวแล้วแต่ไม่มีทางเลือก รถม้าและรถในเมืองหลวงไม่สามารถวิ่งด้วยความเร็วสูง พวกนางสลัดชุยเส้าเจ๋อที่อยู่ด้านหลังไม่พ้นไม่เพียงสลัดไม่พ้น ตอนนี้ใกล้จะออกจากเมืองหลวงแล้วชุยเส้าเจ๋อขี่ม้าอ้อมมาด้านหน้า ขวางทางอยู่หน้ารถม้าของพวกเวินซื่อ แล้วบังคับให้รถม้าหยุด“หยุด!”รถม้าหยุดกะทันหันเวินซื่อที่นั่งอยู่ในรถม้าเกือบจะไปโขกกับมุมเสาภายในรถม้า“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ คนผู้นี้ขวางอยู่ตรงหน้าพวกเราแล้ว ทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”ฉางเสี่ยวหานหันไปถามเวินซื่อเวินซื่อสีหน้าบึ้งตึง ลุกขึ้นแล้วออกมาจากตัวรถม้าในเมื่อต้องคุยกับนางให้ได้ อย่างนั้นวันนี้นางจะคุยกับเขาให้รู้เรื่องเมื่อเห็นเวินซื่อลงจากรถม้า ดวงตาชุยเส้าเจ๋อลุกวาว เขาเองก็กระโดดลงจากหลังม้า “เวินซื่อ เจ้าอย่าโกรธเลย ข้าเพียงแต่...”“เพียะ!”ชุยเส้าเจ๋อเพิ่งเดินมาตรงหน้าเวินซื่อ ยังพูดไม่ทันจบประโยค เวินซื่อต้อนรับด้วยฝ่ามือที่ฟาดลงไปบนใบหน้าเขาอย่างไม่เกรงใจ“ชุยซื่อจื่อ ข้าไม่ใช่มารดาของเจ้า และไม่ใช่บิดาของเจ้า ข้าไม่ตามใจเจ้าและยอมเจ้าไปเสียทุกอย่างหรอกนะ
ชุยเส้าเจ๋ออยากแกล้งโง่แต่สุดท้ายกลับถูกบังคับให้ยอมรับความจริงทุกครั้งไป“เวินซื่อ เจ้า...”“เพียะ!”ชุยเส้าเจ๋อเพิ่งเอ่ยปาก เวินซื่อที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาก็ฟาดฝ่ามือลงบนใบหน้าเขาอีกครั้ง“ชื่อเสียงเรียงนามของธิดาศักดิ์สิทธิ์อย่างข้าให้เจ้าเรียกได้ตามใจชอบงั้นหรือ?”เวินซื่อกล่าวเสียงเย็น “พูดใหม่”ชุยเส้าเจ๋อกัดฟันอีกครั้ง หลังจากรับรู้ถึงความเจ็บปวดวูบวาบร้อนผ่าวบนใบหน้า เขาเม้มริมฝีปากแน่น จากนั้นรีบกลับคำ “...ธิดาศักดิ์สิทธิ์ ตอนนี้ข้ามีเพียงคำถามเดียวที่อยากจะถาม ท่านบอกความจริงกับข้าได้หรือไม่?”“ถ้าไม่พูด ก็ไสหัวไปซะ เจ้าเลือกเอง”เวินซื่อยิ้มจางๆ สีหน้าไม่มีความอบอุ่นสักนิดชุยเส้าเจ๋อจนปัญญา เงยหน้ามองเวินซื่อแวบหนึ่ง แล้วเอ่ยเชื่องช้า “ท่าน....เกลียดข้ามากหรือ?”เวินซื่อ “...?”เวินซื่อรู้สึกหมดคำพูดมากนางนึกว่าที่ชุยเส้าเจ๋อไล่ตามผ่านถนนมาหลายเส้น แล้วขวางนางเอาไว้ต้องการถามเรื่องใด สรุปคือถามเรื่องนี้หรือ?เพราะรู้สึกหมดคำพูดอย่างที่สุด เวินซื่อไม่อยากจะตอบเลยนางหันหลังจากไป เดินขึ้นไปบนรถม้า“ช้าก่อน เวิน...ธิดาศักดิ์สิทธิ์ ท่านยังไม่ได้ตอบคำถามของข้า!”
“อย่าว่าแต่นางเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์เลย แม้แต่ฝ่าบาทเสด็จมา ก็ยังต้องเคารพผู้อาวุโส หากนางกล้าลงไม้ลงมือกับข้า ท่านลองดูสิว่าคนเหล่านั้นจะรุมประณามนางจนจมดินหรือไม่!”“ปึง!”จงหย่งโหวกระแทกหนังสือในมือลงบนโต๊ะโดยตรง“เลิกวางตัวเป็นผู้อาวุโสแล้วไปข่มผู้อื่นเสียที ถึงแม้ว่าเวินซื่อนางจะไม่กล้า แต่เจ้าลองดูคนข้างกายคนอื่นๆ สิว่า พวกเขากล้าหรือไม่?”“ไม่ต้องพูดถึงท่านอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน ม่อโฉวซือไท่แห่งอารามสุ่ยเยว่นั่น แม้กระทั่งพี่ใหญ่ของเจ้ายังกล้าตี แล้วจะไม่กล้าตีเจ้าหรือ?”เวินหย่าลี่ได้ยินดังนั้น ก็พูดไม่ออกไปชั่วขณะ ก่อนจะพึมพำว่า “ซือไท่คนหนึ่งแล้วอย่างไร ตอนนั้นพี่ชายของข้าไม่ตอบโต้ก็เพราะไม่อยากทำร้ายผู้หญิงเท่านั้น ไม่เช่นนั้นนางคงถูกพี่ชายข้าจัดการไปนานแล้ว ยังคิดจะมาจัดการข้าอีก? หึ”จงหย่วนโหวยกมือขึ้นปิดตำราหมากรุก แล้วโยนลงบนโต๊ะ กล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ในเมื่อเจ้ามีความคิดเป็นของตัวเองเช่นนี้ แล้วจะฟังคำพูดของข้าไปทำไม? ไปหาพี่ใหญ่ของเจ้าสิ”เวินหย่าลี่หันกลับไปมอง ก็รู้ว่าเขาโกรธจริงๆ แล้ว จึงรีบยอมแพ้แล้วกล่าวว่า “ได้ๆๆ ข้าไม่พูดแล้วก็ได้ พอใจหรือยัง? ข้าฟังท่า
“พี่สี่ เมล็ดพันธุ์สมุนไพรและต้นกล้าที่ซื้อมาถึงหมดแล้ว คนงานและแปลงสมุนไพรก็เตรียมพร้อมแล้วนะ พวกเรารออะไรอยู่ล่ะ? หรือว่าเราจะเริ่มปลูกตอนนี้เลยดี?”ภายในลานบ้านของเวินอวี้จือ เวินเยวี่ยถือสมุดบัญชีแล้วพลิกดูสองสามครั้งอย่างหงุดหงิด จากนั้นก็เอ่ยถามเวินอวี้จือตรงๆ ก่อนจะหมดความอดทน“นาง...พี่หญิงห้าคนนั้นนำหน้าพวกเราไปก้าวหนึ่งแล้ว ปลูกไปเกือบเดือนหนึ่งแล้ว ถ้าพวกเรายังรอต่อไป ถึงตอนนั้นก็จะตามไม่ทันแล้ว”“น้องหกอย่าใจร้อน”เวินอวี้จือก็กำลังพลิกดูอะไรบางอย่างเช่นกัน แต่สิ่งที่อยู่ในมือเขาไม่ใช่สมุดบัญชีเมื่อดูเนื้อหาข้างในอย่างละเอียด จะเห็นได้ชัดว่าเป็นสมุดบันทึกการเพาะปลูกสมุนไพรเล่มหนึ่งหากเวินซื่ออยู่ที่นี่ในตอนนี้ จะต้องพบว่า ลายมือในสมุดบันทึกเล่มนี้คุ้นตาเป็นพิเศษ“สมุดบันทึกการปลูกสมุนไพรที่ท่านพ่อให้มาเล่มนี้ละเอียดมาก เพียงแค่ปลูกสมุนไพรตามวิธีการข้างบนนี้ ก็จะทำให้สมุนไพรของเราเติบโตทันเวลาได้อย่างแน่นอน”เวินเยวี่ยได้ยินดังนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังสมุดบันทึกในมือของเขา “จริงหรือ? เก่งขนาดนี้เชียวหรือ นี่เป็นสมุดบันทึกที่ใครเขียนกัน? หรือไม่ก็ให้ท่านพ่อไปสืบด
สายตาของนางมองไปที่อันปี่เค่อที่อยู่ฝั่งตรงข้าม “เหมือนใต้เท้าอันคนนี้ก็มีปัญหาเช่นกัน”บัวหิมะเป็นของอันปี่เค่อ และยังเจาะจงถวายให้ฝ่าบาท ถ้าหากไม่มีนาง เกรงว่าเวลานี้บัวหิมะไปตกอยู่ในมือของฝ่าบาทแล้ว และแมลงน้อยสีดำก็น่าจะลอบทำร้ายสำเร็จแล้ว“เขาคิดจะลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท?!”เวินซื่อหน้าถอดสี คิดไม่ถึงว่าอันปี่เค่อแต่ใจกล้าถึงเพียงนี้หรือว่าอีกฝ่ายสมคบคิดกับคนร้ายต่างเผ่า?ไม่เช่นนั้นเหตุใดจึงมีร้ายต่างเผ่ามากมายเช่นนี้ปรากฏตัวในเมืองหลวง? หรือแม้แต่แฝงตัวเข้ามาในวังหลวง!ดวงตาเวินซื่อฉายแววอันตรายที่คลุมเครือนางกำลังคิด ถ้าหากอันปี่เค่อมีปัญหาจริงๆ เช่นนั้นจวนเจิ้นกั๋วกงที่ร่วมมือกับอันปี่เค่อในวันนี้ล่ะ?พวกเขารู้หรือไม่รู้?หรือบางทีพวกเขาอาจจะมีส่วนร่วมในเรื่องนี้?“อย่าเพิ่งไปคิดมากเกินไป”เสียงของเป่ยเฉินหยวนดังขึ้นอีกครั้ง“ตอนนี้บัวหิมะอยู่ในมือของท่านแล้ว ต่อให้ก้าวออกไปบอกว่าพวกเขามีปัญหา พวกเขาก็ไม่มีทางยอมรับ และยังอาจจะย้อนมาเล่นงานท่านด้วย”เมื่อได้ยินเวินซื่อก็พยักหน้าอย่างอื่นไม่พูดถึง แค่มีโอกาส เวินเยวี่ยไม่มีทางละเว้นนางแน่นอน ดังนั้นเป็นไปได้ว่าอาจโ
“มีแมลง”คำพูดของเป่ยเฉินหยวนทำให้สายตาเวินซื่อจริงจังขึ้นมาทันทีนางมองไปที่บัวหิมะในกล่องไม้อีกครั้งมองเห็นแมลงสีดำตัวเล็กๆ ที่ซ่อนอยู่ตัวอยู่ในเกสรบัวหิมะอย่างที่คิดทันที มันโดนเป่ยเฉินหยวนใช้ถ้วยชาครอบ บินไม่ออกและหนีไม่ได้“แมลงนี่อีกแล้ว”เวินซื่อพึมพำเบาๆเป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้ว มองไปทางนาง “ก่อนหน้านี้ท่านเคยเจอตัวที่เหมือนกันหรือ?”เวินซื่อพยักหน้า “มันอยู่ตรงที่นั่งของข้า ตอนที่มาถึงมันเกาะอยู่บนเก้าอี้หนึ่งตัว แต่ข้าสั่งให้คนเอาไปทิ้งแล้ว”แม้แต่เก้าอี้ก็ถูกเปลี่ยนพร้อมกับแมลงนั่นสายตาเป่ยเฉินหยวนเย็นลงทันทีครั้งที่หนึ่งเป็นเรื่องบังเอิญ แต่เขาไม่เชื่อว่าครั้งที่สองจะเป็นเรื่องบังเอิญอีกงานเลี้ยงท้องพระโรงนี้เป็นสถานที่อย่างไร ปกติแม้ไม่มีคนมาก็ต้องทำความสะอาดทุกวัน เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีแมลงมากมายเช่นนี้แต่วันนี้กลับมีแมลงปรากฏตัวแล้วตัวเล่าอย่างต่อเนื่องเป่ยเฉินหยวนกับเวินซื่อนึกถึงเรื่องนี้พร้อมกัน พวกเขาสบตากัน เวินซื่อเย็นวูบในใจ “มีคนร้ายต่างเผ่าแฝงตัวเข้ามา?” “ไม่ว่าจะเป็นใคร วันนี้ข้าก็จะกำจัดให้หมด”เป่ยเฉินหยวนกล่าวอย่างดุร้ายเวินซื่อหันไปมองท้
ทุกคนที่ได้ยินคำพูดนี้ต่างหันไปมองทางไทเฮาบางทีตัวไทเฮาเองยังอาจไม่รู้สึกว่าชัดเจนมากนักผู้คนที่ไม่กล้ามองตรงๆ ก่อนหน้านี้ คราวนี้ลองแอบมองอย่างละเอียด สีหน้าของไทเฮาดูดีกว่าก่อนหน้านี้มากจริงๆ!สมกับเป็นเห็ดหลินจือสีม่วงอายุร้อยปี!แน่นอนว่ามีคนสงสัยคำพูดของไทเฮาเช่นกัน คิดว่าเป็นแค่การพูดให้เป็นพิธีเท่านั้นมีสมุนไพรที่มีสรรพคุณน่าอัศจรรย์เช่นนี้ที่ไหนกัน?ต่อให้มี มันจะมาจากมือของเวินซื่อได้อย่างไร?นางออกมาจากจวนเจิ้นกั๋วกงแล้ว ได้ยินมาว่านอกจากสินเจ้าสาวของแม่นาง ก็ไม่ได้เอาอะไรไปด้วยเลยคนเหล่านี้ย่อมเป็นขุนนางรุ่นใหม่ที่ไม่รู้ว่าภูมิหลังของสกุลหลานในอดีตแข็งแกร่งเพียงใดพวกเขาไม่เข้าใจถึงความสำคัญของสกุลหลานในอดีต และไม่รู้ถึงความสำคัญของลูกสาวเพียงคนเดียวของสกุลหลานเช่นกันแม้เวินซื่อไม่ได้เลือกเห็ดหลินจือสีม่วงอายุร้อยปีมาจากสินเจ้าสาวของมารดานาง แต่หยกแขวนชิ้นนั้นเป็นของที่มารดานางให้นาง แล้วจะไม่นับว่าเป็นของที่มารดานางเหลือไว้ได้อย่างไร?และแม้ว่าปกติไทเฮาจะพูดเป็นพิธีจนชินแล้ว แต่ตอนนี้พูดออกมาจากใจจริงๆผู้หญิงที่อายุมากขึ้นคนไหนบ้างไม่อยากให้ตัวเองกลับมาเป็
เผชิญหน้ากับท่าทีที่เปลี่ยนไปกะทันหันของฮ่องเต้น้อย ชั่วขณะเวินเยวี่ยไม่รู้ว่าควรจะไปต่อหรือไม่นางฟันเบาๆ หันไปมองทางเวินเวินเฉวียนเซิ่ง“ท่านพ่อ…”“ไป”เวินเฉวียนเซิ่งเปิดปากกล่าวเสียงเบา “ทำตามแผนก่อนหน้านี้ หากมีอะไรพ่อจะเตือนเจ้าเอง”เพียงแต่ตอนที่เวินเฉวียนเซิ่งพูดก็ดูไม่แน่ใจนัก“ลูกเข้าใจแล้วเจ้าค่ะ”เวินเยวี่ย “ฝ่าบาทโปรดรอสักครู่ หม่อมฉันจะวินิจฉัยยาแทนพระองค์เดี๋ยวนี้เพคะ”นางเดินเข้าไปอย่างช้าๆ ไปคุกเข่าลงที่ข้างกายอันปี่เค่อ “ใต้เท้าอัน รบกวนท่านยื่นบัวหิมะให้ข้าดูหน่อยเถิด”อันปี่เค่อยื่นบัวหิมะในมือให้เวินเยวี่ยด้วยสีหน้าที่อยากจะร้องไห้หลังจากเห็นบัวหิมะที่อยู่ในกล่องไม้เป็นของจริง แม้แต่ในแววตาของเวินเยวี่ยก็อดฉายประกายแห่งความโลภไม่ได้คิดไม่ถึงว่าสกุลอันมีของดีเช่นนี้อยู่จริงๆ ด้วยใช่แล้ว นางจำได้ว่าในสูตรยายาถอนพิษของพวกคนที่ควบคุมจินซือถูก็มีบัวหิมะถ้าหากสามารถได้บัวหิมะนี้มา ไม่แน่อาจสามารถนำมาใช้หลอกพวกจินซือถู ให้พวกเขาทำงานให้นางแต่โดยดีต่อไปช่วงนี้เวินเยวี่ยรู้สึกได้รางๆ พวกจินซือถูเริ่มไม่เชื่อฟังแล้วคาดว่าเป็นเพราะนางไม่สามารถเอายาถอนพิษอ
“เจ้าเคยเห็นมาก่อนหรือ?”สายตาของฮ่องเต้น้อยหยุดอยู่ที่เวินเยวี่ยแม้ว่าอีกฝ่ายจะสวมผ้าคลุมหน้า แต่ดวงตาของเขายังไม่มืดบอด มองนางไม่ออกแต่จะมองเวินเฉวียนเซิ่งที่นั่งอยู่ข้างกายนางไม่ออกได้หรือ?“เพคะฝ่าบาท มารดาของหม่อมฉันเชี่ยวชาญด้านโอสถ และเคยทิ้งตำราแพทย์และสมุนไพรไว้ให้หม่อมฉัน ในนั้นมีบัวหิมะตากแห้งเก็บรักษาไว้ต้นหนึ่ง เพียงแต่น่าเสียดายที่ต่อมาหม่อมฉันล้มป่วย จำเป็นต้องใช้บัวหิมะต้นนั้นไป แต่หม่อมฉันก็ยังพอมีความทรงจำในเรื่องนี้อยู่บ้างเพคะ”“อย่างนั้นหรือ?”สายตาของฮ่องเต้น้อยกวาดมองเวินเยวี่ยและเวินเฉวียนเซิ่งสองพ่อลูกคู่นี้เวินเฉวียนเซิ่งลุกขึ้นก้าวไปข้างหน้าพลางกล่าวว่า “ฝ่าบาท สิ่งที่นางพูดนั้นเป็นความจริงพ่ะย่ะค่ะ หากฝ่าบาทต้องการวินิจฉัยว่าบัวหิมะต้นนี้ของใต้เท้าอันเป็นของจริงหรือปลอม ให้ลูกสาวของกระหม่อมเป็นธุระแทนพระองค์ก็ได้พ่ะย่ะค่ะ”“ไม่ต้อง ๆ ในเมื่อบัวหิมะนี้ใต้เท้าอันเจาะจงนำถวาย เราย่อมเชื่อมั่นในสายตาของใต้เท้าอันอยู่แล้ว”เมื่อได้ยินคำพูดนี้ อันปี่เค่อก็เผยสีหน้าน้ำตาคลอเบ้าบ่งบอกว่า “นึกไม่ถึงเลยว่าฝ่าบาทจะไว้วางใจกระหม่อมเช่นนี้”แต่วินาทีต่อมาก็ได้
เมื่อวานนี้อาจารย์เพิ่งบอกให้นางระวังหนอนกู่ ที่แสดงอำนาจต่อนางตลอดมาหากนางดื่มน้ำทิพย์แล้ว ดวงตาเห็นได้ชัดเจนขึ้นกว่าเมื่อก่อน ก็ไม่แน่ว่าจะสามารถสังเกตเห็นหนอนตัวนี้ได้จริง ๆนางกำนัลตกตะลึงไปชั่วขณะ ก้มศีรษะลงมองไปที่ตั่งตัวนั้น มองดูอย่างถี่ถ้วนสักพักถึงจะสังเกตเห็นว่ามีหนอนสีดำตัวเล็ก ๆ อยู่จริงนางกำนัลรีบคุกเข่าลงขออภัยโทษ “บ่าวละเลยหน้าที่ ธิดาศักดิ์สิทธิ์โปรดลงโทษ”การทำความสะอาดในงานเลี้ยงของวังนั้นเข้มงวดมาก อย่าว่าแต่หนอนตัวเดียว แม้แต่ฝุ่นสักเม็ดก็ไม่อนุญาตให้ปรากฏขึ้นแต่ตอนนี้บนที่นั่งของธิดาศักดิ์สิทธิ์ได้มีหนอนตัวหนึ่งปรากฏขึ้น หากเจอเจ้านายที่มีอารมณ์ร้าย ศีรษะของพวกนางคงต้องหลุดจากบ่าดังนั้นทันทีที่นางกำนัลผู้นั้นคุกเข่าลง ก็เริ่มตัวสั่นงันงก หวาดกลัวเป็นอย่างยิ่ง“จัดการเก็บกวาดที่นี่ให้สะอาด แล้วประเดี๋ยวเจ้ามาอยู่ข้างตัวข้า”“เจ้าค่ะ”ในเมื่อเป็นการแสดงอำนาจ เช่นนั้นนางก็มารับคำท้าเวินซื่อมองนางกำนัลแวบหนึ่ง หลังจากให้นางเก็บกวาดสถานที่แล้ว กลับไม่ได้ปล่อยนางไปต่อมานางก็นั่งลงในตำแหน่งเดิม เอื้อมมือไปใต้โต๊ะ แล้วปล่อยแมงมุมสีดำตัวหนึ่งออกมาแมงมุมต
ดังนั้นเวินซื่อจึงไม่ได้นำบัวหิมะออกมาจากมิติในทันทีพรุ่งนี้ลองเข้าไปดูสถานการณ์ในวังก่อน หากสามารถได้บัวหิมะมาโดยตรงก็จะดีที่สุด ไม่ต้องชี้แจงด้วยแต่หากเอามาไม่ได้ก็ไม่เป็นไรถึงเวลานั้นนางค่อยจัดการกับบัวหิมะในมิติก่อน แล้วจึงนำไปมอบให้อาจารย์ก็ยังไม่สายเกินไป“อาจารย์ไม่ต้องกังวล พรุ่งนี้ศิษย์จะไม่ลืมเรื่องนี้เจ้าค่ะ”เวินซื่อรับปากม่อโฉวซือไท่ไว้แล้วม่อโฉวซือไท่พยักหน้าเล็กน้อย แล้วกำชับอีกว่า “หากสถานการณ์ไม่เอื้ออำนวย ก็อย่าฝืน ปล่อยดอกนี้ไป วันหลังยังสามารถหาร่องรอยของบัวหิมะดอกอื่นได้เสมอ”เวินซื่อพยักหน้าให้ม่อโฉวซือไท่วางใจ“ใช่แล้วอาจารย์ ศพที่ข้ามอบให้ท่านก่อนหน้านี้เป็นอย่างไรบ้าง พบอะไรในนั้นหรือไม่เจ้าคะ?”เวินซื่อนึกขึ้นได้ว่าหลังคืนส่งท้ายปีเก่า องครักษ์ของจวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนส่งศพของนักฆ่ามาให้อย่างรวดเร็วใบหน้าของนักฆ่าถูกทำให้เสียโฉมแล้วเช่นกันเห็นได้ชัดว่าคนที่อยู่เบื้องหลังคนเหล่านี้ก็มีความระมัดระวังเช่นกันเมื่อได้ยินคำพูดของนางสีหน้าของม่อโฉวซือไท่ก็เคร่งขรึมขึ้นมาทันที “ว่าแต่ว่าเรื่องนี้ เจ้าบอกอาจารย์มาก่อนว่า ศพนี้เจ้าได้มาจากไหน?”เว
“งานเลี้ยงในวัง?”“ใช่แล้วธิดาศักดิ์สิทธิ์ ฝ่าบาททรงรับสั่งมาเป็นพิเศษว่า พรุ่งนี้ท่านต้องเข้าร่วมงานเลี้ยง เพื่อร่วมเฉลิมฉลองกับพสกนิกรทั้งหลาย”เสี่ยวเต๋อจื่อกล่าวกับเวินซื่อด้วยรอยยิ้มเบิกบาน“ตกลง ขอบคุณกงกง อุตส่าห์วิ่งมาที่นี่ด้วยตัวเอง”เวินซื่อมองข้างหลังแวบหนึ่ง “เสี่ยวหาน”ฉางเสี่ยวหานหยิบห่อสัมภาระที่บรรจุเงินอยู่จากห้องของเวินซื่อเข้ามา แล้วยื่นให้ด้วยความเคารพ “นี่คือน้ำใจเล็ก ๆ น้อย ๆ ของธิดาศักดิ์สิทธิ์ของเรา เชิญกงกงดื่มชา หวังว่ากงกงจะไม่ปฏิเสธ"เสี่ยวเต๋อจื่อรับมาด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใสทันที “อุ๊ย เช่นนั้นบ่าวก็ขอขอบคุณธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่ประทานรางวัลให้”หลังจากเต๋อกงกงกลับไปแล้ว เวินซื่อหันหน้ามาก็เห็นคนคนหนึ่ง“อาจารย์?”ม่อโฉวซือไท่ก้าวไปหานาง เห็นไรผมยุ่ง ๆ ที่ข้างหูของนาง ก็ยกมือขึ้นช่วยนางลูบให้เรียบ“พรุ่งนี้เจ้าไปกับจู๋เยวี่ยเท่านั้น ระวังตัวด้วย นำยาจำนวนหนึ่งที่ข้าเตรียมไว้ให้เจ้าตามปกติไปด้วย หากมีอะไรเกิดขึ้นก็อาจจะได้ใช้มัน”เวินซื่อเลิกคิ้วขึ้น “ฟังจากคำพูดของอาจารย์ ทำไมรู้สึกว่าเหมือนจะต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นในงานเลี้ยงของวันพรุ่งนี้แน่นอนเจ
เป่ยเฉินหยวนรีบบอกเรื่องนี้กับเวินซื่อเขาไม่ได้พูดเรื่องอันปี่เค่อและอันหลันซินเลย แค่พูดถึงคนจากต่างเผ่าเท่านั้น เพื่อให้เวินซื่อระวังตัว“พูดเช่นนี้ ก่อนหน้านี้จินซือถูก็เคยพาคนจากต่างเผ่าอีกคนหนึ่งมาหาข้าด้วย”เวินซื่อแตะใต้คางด้วยมือข้างหนึ่ง นึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมา“ใครหรือ?”เป่ยเฉินหยวนมองไปที่นางทันที“ชายมีเคราคนหนึ่ง นามว่าเก๋อเอ่อร์ เขาเป็นคนบอกข้าเกี่ยวกับเรื่องที่แม่ของเวินเยวี่ยทำกับแม่ของข้า เพียงแต่ไม่ได้ให้หลักฐานใด ๆ”เรื่องนี้เวินซื่อไม่ได้ปิดบังอะไรจากเขา“ท่านคิดอย่างไรกับคนผู้นั้น?”เป่ยเฉินหยวนครุ่นคิดสักครู่พลางเอ่ยถามนางเวินซื่อกล่าวว่า “สิ่งที่เขาพูดกับข้าน่าจะเป็นความจริง เพียงแต่อย่างอื่นข้าก็ไม่รู้แล้ว”คนผู้นั้นถูกแม่ของเวินเยวี่ยใช้พิษควบคุมเช่นเดียวกับจินซือถูเรื่องนี้นางได้ตรวจสอบด้วยตัวเองแล้ว ไม่มีข้อสงสัยใด ๆเวลานี้อีกฝ่ายต้องการถอนพิษ จำเป็นต้องพึ่งพานาง ถ้าอย่างนั้นก็มีความเป็นไปได้สูงว่าสิ่งที่พูดกับนางจะไม่เป็นความเท็จยิ่งไปกว่านั้นสิ่งที่ไป๋ชูโหรวทำกับแม่ของนางก็สมควรแล้วจริง ๆเวินซื่อยังบอกเป่ยเฉินหยวนเกี่ยวกับพิษในร่างกายข