“คุณชายหลี่ แม่ชีจำได้ว่ากับท่านน่าจะไม่มีความคับข้องใจหรือข้อพิพาทใด ๆ ต่อกันกระมัง? ไม่ทราบว่าวันนี้ท่านเล่นอะไรกะทันหันแบบนี้หมายความว่าอย่างไร?”หลี่เหลียงเซิงเห็นว่านางจำได้แล้ว จึงปัดฝุ่นบนเสื้อผ้า พลางหัวเราะแหะ ๆ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์อย่าได้ถือสา ข้าน้อยเพียงเลื่อมใสศรัทธาธิดาศักดิ์สิทธิ์ อยากจะพูดคุยกับธิดาศักดิ์สิทธิ์จริง ๆ แต่ก็กลัวว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์จะปฏิเสธ จึงได้ใช้วิธีการอันโง่เขลานี้”หลี่เหลียงเซิง หลานชายของใต้เท้าฉีเสนาบดีกรมคลังเป็นคุณชายสกุลฉี และเป็นญาติผู้น้องของฉีเซิ่งด้วยนางจำได้ว่าคนผู้นี้เมื่อก่อนเหมือนกับฉีเซิ่ง มักจะคลุกคลีอยู่กับชุยเส้าเจ๋อดังนั้นนางจึงพอมีภาพจำอยู่บ้างแต่ต่อมาฉีเซิ่งก็แยกตัวจากชุยเส้าเจ๋อ แต่ดูหลี่เหลียงเซิงผู้นี้สิ…สายตาของเวินซื่อกวาดไปรอบ ๆ ไม่นานก็เห็นเงาร่างตะคุ่ม ๆ หลายร่าง หนึ่งในนั้นชัดเจนเป็นพิเศษแสร้งทำเป็นยืนอยู่ตรงนั้น เหมือนไม่มีใครจำความงุ่มง่ามของเขาได้“แล้วอย่างไรต่อ?”เวินซื่อชายตามองหลี่เหลียงเซิงแวบหนึ่งอย่างเฉยชา “หลังจากฉกชิงรถม้าของแม่ชีไปแล้ว ยังวางแผนว่าจะร่วมมือกับชุยซื่อจื่อกลั่นแกล้งแม่ชีอย่างไรอีกห
ทันทีที่คำพูดนี้ของหลี่เหลียงเซิงถูกเอ่ยออกมา ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องให้เวินซื่อออกคำสั่งอีก จู๋เยวี่ยก็พุ่งพรวดออกไปทันที จับตัวกลับมาคนแล้วคนเล่าฉางเสี่ยวหานถือเชือกป่านไว้ในมือ มาคนไหนก็มัดคนนั้นจนเหมือนกับบ๊ะจ่าง ก่อนจะจับทั้งหมดโยนเข้าไปในรถม้าน่าเสียดายที่รถม้าเล็กเกินไป ไม่สามารถให้พวกเขานั่งได้ หลังจากโยนเข้าไปในรถม้าแล้ว ก็จับซ้อนตัวกันทั้งหมดจนเหมือนกับพีระมิด“โอ๊ย สวรรค์ เบา ๆ หน่อย เบา ๆ หน่อย!”“ไม่เกี่ยวกับข้า ไม่เกี่ยวกับข้าจริง ๆ นะ!”“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ยกโทษให้ข้าเถอะ ทั้งหมดเป็นฝีมือของชุยซื่อจื่อกับหลี่เหลียงเซิง ไม่เกี่ยวข้องกับพวกเราจริง ๆ!”คุณชายเหล่านั้นที่ถูกจับกลับมาต่างตะโกนร้องโอดโอยเมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลี่เหลียงเซิงก็ด่าเปิงทันที “ใครบอกว่าไม่เกี่ยวข้องกับพวกเจ้า? ไม่ใช่เพราะพวกเจ้าอยากดูอะไรสนุก ๆ ถึงได้พากันเอะอะโวยวายยุยงส่งเสริมอยู่ตรงนั้นหรือ!”“ระยำ หลี่เหลียงเซิง ไอ้สารเลว! เจ้าทรยศพวกเรา!”“โอ้โฮ ยังกล้าด่าข้าอีก! ที่ทรยศน่ะพวกเจ้าต่างหาก!”คนกลุ่มหนึ่งส่งเสียงดังขึ้นเรื่อย ๆ อยู่ตรงนั้น สีหน้าของเวินซื่อเยือกเย็นลง “เสี่ยวหาน จับพวกเขาสองคน
หลังจากนั้นไม่นาน ในตรอกแห่งนั้นก็มีคนนอนร้องโอดโอยน่าเวทนาอยู่เป็นกอง แต่ละคนใบหน้าถูกตีจนฟกช้ำดำเขียว เลือดกำเดาไหลออกมาโดยเฉพาะบนใบหน้าของชุยเส้าเจ๋อ ที่ได้รับการดูแลเป็นพิเศษจากจู๋เยวี่ย แต่ละหมัดเข้าเนื้อ ๆ ไม่มีแบบสุกเอาเผากินเลยสุดท้ายชุยเส้าเจ๋อก็เปลี่ยนจากด่าทอเป็นร่ำไห้ขอความเมตตาเวินซื่อยืนอยู่ที่ทางเข้าตรอก เห็นว่าทุบตีไปพอสมควรแล้ว จึงเอ่ยขึ้นอย่างเชื่องช้า “พอแล้ว”สองคำนี้ ช่วยชีวิตชุยเส้าเจ๋อและพวกของเขาไว้ได้หมัดนั้นหนักมากจนพวกเขาไม่สงสัยเลยว่าตัวเองอาจจะถูกฆ่าจริง ๆเวินซื่อกวาดสายตามองพวกเขาอย่างเฉยชาอีกครั้ง ก่อนจะเดินเข้าไปเตะหลี่เหลียงเซิงที่อยู่บนพื้นทีหนึ่ง “จะไปหรือไม่ไป? อย่าบอกนะว่าท่านตั้งใจจะถูกทุบตีอีกสักยก?”หลี่เหลียงเซิงที่เดิมทีนอนฟุบอยู่บนพื้นไม่มีเรี่ยวแรงขยับตัวได้ฟื้นคืนชีพภายในชั่วเวลาประเดี๋ยวเดียว กุมใบหน้าครึ่งหนึ่งที่ถูกต่อยจนบวมปูดของตัวเองไว้ แล้วรีบพูดในสภาพน้ำหูน้ำตาไหล “ไป ๆ ๆ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”เขาวิ่งออกไปข้างนอกทันทีภายในชั่วเวลาแวบเดียวใครจะรู้ว่าทันทีที่ก้าวออกจากปากตรอก ก็ถูกเตะปะทะหน้าอย่างฉับพลัน ถีบเข้าตรง ๆ ที่ยอ
เป่ยเฉินหยวน “ไม่ต้องแล้ว ขอบคุณสำหรับความหวังดีของคุณชายฉี แม่ชีลงจากเขาครั้งนี้ยังมีธุระอื่นอีก เกรงกว่าจะไม่สามารถไปเป็นแขกที่จวนเสนาบดีได้ ขออภัยด้วย”ฉีเซิ่งไม่สามารถเชื้อเชิญได้สำเร็จ แม้ว่าจะผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ยังเอ่ยด้วยความยินดีปรีดา “ถ้าอย่างนั้นก็ไม่เป็นไร หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ยังมีธุระก็รีบไปทำเลยเถอะ แค่บอกข้าว่าอีกประเดี๋ยวจะไปหาท่านได้ที่ไหนก็พอ”เวินซื่อเห็นเขามีท่าทีดึงดันที่จะมอบของขวัญชิ้นนี้ให้ได้ จึงทำได้เพียงพูดอย่างไม่มีทางเลี่ยง “ตอนนี้แม่ชีจะไปที่จวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน ถ้าคุณชายฉีไม่ถือสา ก็ไปที่จวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนแล้วกัน”จวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทน?ฉีเซิ่งรู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันทีพูดตามตรง เขาค่อนข้างหวาดกลัวอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนท่านนั้นจริง ๆถึงอย่างไรบารมีอันเด็ดเดี่ยวและเฉียบขาดจากร่างกายของอีกฝ่าย ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปสามารถต้านทานได้จริง ๆแต่เพื่อมอบของขวัญชิ้นนี้ที่เขาตั้งอกตั้งใจเตรียมไว้ให้กับมือของเวินซื่อ ฉีเซิ่งก็ทำได้เพียงดึงดันพยักหน้าตอบว่า “ตกลง ถ้าอย่างนั้น...ก็ไปที่จวนอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนแล้วกัน”หลังจากนั้นไม่นาน เวินซื
เมื่อหลินจื่อฟูได้ยินว่าเป็นสมุนไพร ดวงตาทั้งสองก็เป็นประกายทันทียังจำได้ว่าหลังจากที่ท่านอ๋องของพวกเขาช่วยเหลือธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ ก็ได้รับของขวัญทั้งหมดสองชิ้นทุกครั้งล้วนเป็นสมุนไพรที่ล้ำค่าและหายากมากหลินจื่อฟูเฝ้ารอคอยอยู่ภายในใจอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้หลังจากที่เขาเปิดกล่องไม้ดัง “แกร๊ก” ก็เผยให้เห็นเห็ดหลินจือดอกใหญ่เท่าอ่างล้างหน้าที่อยู่ข้างในหลินจื่อฟูตกใจจนแทบจะหุบปากไม่ลง“โอ้สวรรค์!”เขากำลังฝันอยู่หรือเปล่านี่?”เห็ดหลินจือดอกใหญ่ขนาดนี้!นี่ต้องเป็นเห็ดหลินจืออายุร้อยปีแน่นอน!และดูเหมือนเห็ดหลินจืออายุร้อยปีที่เพิ่งขุดขึ้นมาใหม่ ๆ ด้วย!“ของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ” ที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ประทานให้ชิ้นนี้จะเล็ก ๆ น้อย ๆ ได้อย่างไร?!มันค่อนข้างใหญ่มากทีเดียว ไม่เล็ก ๆ น้อย ๆ เลยสักนิดจริงไหม!“ธิดาศักดิ์สิทธิ์ ท่านใจดีเกินไปแล้วกระมัง! เห็ดหลินจือชั้นดีเช่นนี้ท่านตัดใจประทานให้ข้าน้อยได้จริงหรือ?!”หลินจื่อฟูมองดูเห็ดหลินจือดอกใหญ่นั้น ราวกับไม่ค่อยอยากจะเชื่อสายตา“มันถูกเตรียมไว้เป็นพิเศษสำหรับท่านอยู่แล้วหมอหลิน ทักษะฝังเข็มของท่านนั้นล้ำค่ายิ่งกว่าเห็ดหลินจ
เป่ยเฉินหยวนหยิบดอกไม้ในกล่องไม้ขึ้นมาดูอย่างถี่ถ้วนนั่นคือดอกไม้สีม่วงสวยสดงดงาม กลิ่นพฤกษาหอมหวาน เข้มข้นเป็นพิเศษ ใครได้กลิ่นก็ยากจะลืมเลือน“ดอกไม้นี้...เป็นดอกไม้ทั่วไปหรือ?”เป่ยเฉินหยวนสังเกตเห็นอะไรบางอย่างก่อนใครเวินซื่อแย้มยิ้ม “น่าจะไม่ทั่วไปกระมัง”เป่ยเฉินหยวนเงยหน้าเผชิญกับรอยยิ้มของนาง หลังจากมองดูอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เกิดลางสังหรณ์ที่อธิบายไม่ได้“เป็นสมุนไพรหรือ?”เวินซื่อพยักหน้า“เป็นสมุนไพรที่มีประโยชน์ต่อข้าหรือ?”เวินซื่อพยักหน้าอีกครั้งดอกไม้ สมุนไพร ก็ยังเป็นประโยชน์ต่อเขา...ในใจเป่ยเฉินหยวนสะดุ้งเฮือกทันทีคำตอบนั้นเขาไม่ค่อยกล้าที่จะพูดออกไปหลินจื่อฟูที่ยืนอยู่ข้าง ๆ ในที่สุดก็เข้าใจ เบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนกตกใจเช่นกัน จ้องมองดอกไม้ดอกนั้นอย่างไม่เชื่อสายตา ก่อนจะมองไปที่เวินซื่ออีกครั้ง“ดะ ดอก ๆ...ดอกไม้นี้ท่านอย่าบอกข้านะว่า มันคือหญ้าฝรั่นที่พวกเราตามหามาโดยตลอด?”เวินซื่อย่อมไม่บอกเขาด้วยความมั่นใจเช่นนี้เป็นแน่นางแค่ยักไหล่ แสร้งทำเป็นว่าตัวเองก็ไม่แน่ใจพลางพูดว่า “อาจจะใช่ หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้...”“ช้าก่อน! เรื่องนี้จะไม่แน่ใจไ
เมื่อเห็นเวลาผ่านไปพอสมควรแล้ว เวินซื่อเองก็ลุกขึ้นขอลาเป่ยเฉินหยวนรีบลุกตาม “ข้าไปส่งท่าน”เวินซื่อนึกว่าส่งที่เขาพูดหมายถึงส่งถึงหน้าประตูเท่านั้น แต่พอนางออกไปถึงด้านนอก พบว่ารถม้าคันเล็กของตนเองหายไป กลายเป็นรถม้าคันใหญ่หรูหราแทน“เมื่อครู่ได้ยินพวกบ่าวบอกว่าล้อรถม้าของท่านเสียแล้ว”“หา? ล้อรถม้าเสียแล้วหรือ?”เวินซื่อสงสัย ทำไมนางจำได้ว่าตอนมาดูเหมือนจะไม่มีปัญหาใดเลย?เป่ยเฉินหยวนกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉย “ใช่ สั่งให้คนไปซ่อมแล้วแต่ซ่อมไม่ได้ ดังนั้นข้าจึงเปลี่ยนเป็นคันนี้ให้ท่านโดยพลการ”“เอาเถอะ”เวินซื่อเองก็ไม่ได้คลางแคลงใจคิดเพียงว่าก่อนหน้านี้หลี่เหลียงเซิงแย่งรถม้าไป แล้วอาจไปชนกับสิ่งใดเข้าจึงเสียหายหลังขึ้นไปนั่งบนรถม้าคันนั้น เวินซื่อโบกมือให้เป่ยเฉินหยวน “ท่านอ๋องไม่ต้องไปส่งหรอก รีบกลับไปเถอะ พวกเราควรกลับแล้ว”“ได้ พรุ่งนี้จะไปเยี่ยมท่าน”เพราะตกลงกับเวินซื่อเรื่องสอนวรยุทธ์นางตั้งแต่แรก ดังนั้นช่วงเวลานี้เขาจึงสามารถไปหาเวินซื่อได้ทุกวันเวินซื่อพยักหน้าฉางเสี่ยวหานที่นั่งอยู่ด้านหน้าหวดแส้ในมือออกไป ต่อมาขับรถม้าจากไปอย่างเชื่องช้าขับไปได้ไม่นาน ร
“หมั้นหมายกันแล้วอย่างไรเล่า? แต่เดิมจวนเจิ้นกั๋วกงก็ไม่ได้มีเจ้าเป็นบุตรสาวเพียงคนเดียว ต่อให้หมั้นหมายกัน ทว่าขอเพียงซื่อจื่ออย่างข้าไม่อยากแต่งกับเจ้า เช่นนั้นก็ไม่มีใครบังคับข้าได้!”หลังจากนั้น เวินซื่อจากไปอย่างไร้เรี่ยวแรงยามนี้เมื่อนึกขึ้น ตอนนางไปสอบถามชุยเส้าเจ๋อ ดูเหมือนตอนนั้นพวกฉีเซิ่งจะเห็นเหตุการณ์นั้นด้วย มิน่าตอนหลังที่นางไปขอร้องอาจารย์ม่อโฉวที่ภูเขาหนาน พวกฉีเซิ่งถึงได้นึกว่านางทำเพื่อชุยเส้าเจ๋อเวินซื่ออดถอนหายใจไม่ได้ตอนนั้นยังเด็กไม่รู้เดียงสา ไม่รู้จักความรัก ตอนนี้แม้จะยังไม่เข้าใจ แต่ก็เข้าใจอะไรได้มากกว่าเดิมดังนั้นในวันพิธีปักปิ่นแม้ชุยเส้าเจ๋อจะถอนหมั้นต่อหน้าผู้คน เวินซื่อเองก็เห็นด้วยต่อหน้าทุกคนเช่นกันดังนั้นต่อให้ไม่มีปิ่นหยกอันนี้ พวกเขาทั้งสองก็ยอมรับกลายๆ ในเรื่องการถอนหมั้นทว่านี่เป็นสิ่งของหมั้นหมาย แตกต่างจากสิ่งทั่วไปเพื่อป้องกันไม่ให้ผู้ใดนำเรื่องนี้ไปแอบอ้างในภายหน้า จึงเก็บกลับมาเสียดีกว่า ขาดกันอย่างสิ้นเชิงดีที่สุดเมื่อนึกได้ดังนั้น เวินซื่อมองดูท้องฟ้าภายนอกน่าเสียดายวันนี้มืดค่ำเกินไป อีกสองวันค่อยมาก็แล้วกันเพราะไม่ว
“อ๊า!”ในยามวิกาล ไม่ว่าใครก็ตามที่จู่ๆ ได้มาเห็นภาพเช่นนี้ ย่อมตกใจจนขวัญหนีดีฝ่ออันหลันซินก็เป็นเช่นนั้น ตกใจเสียจนกรีดร้องออกมา ทั้งคนหงายหลังล้มลงไปกองกับพื้น ศีรษะยังกระแทกเข้ากับโต๊ะอีกด้วยเสียงดังโครมครามทำให้คนที่เฝ้าอยู่ด้านนอกเข้ามาทันที“ปัง!”“เกิดอะไรขึ้น?!”สาวใช้และองครักษ์หลายคนพังประตูเข้ามา เมื่อเห็นอันหลันซินล้มลงไปกองอยู่กับพื้น พวกเขาก็รีบกวาดตามองไปรอบๆ ทันที แต่น่าเสียดายที่กลับไม่พบสิ่งผิดปกติใดๆ“ผะ...ผี! มีผีอยู่บนหลังคา!”อันหลันซินในเวลานี้ยังคงคิดว่านั่นเป็นผีจริงๆ ตกใจเสียจนไม่กล้ามองอีก ได้แต่ยกมือขึ้นชี้ไปยังหลังคาอย่างสั่นเทาแต่เมื่อเหล่าสาวใช้และองครักษ์เงยหน้ามองขึ้นไป กลับไม่เห็นสิ่งใดเลยเหล่าองครักษ์ถึงกับออกไปข้างนอก แล้วปีนขึ้นไปตรวจดูบนหลังคาโดยตรงแต่กลับไม่พบอะไรเลยเหล่าสาวใช้และองครักษ์ที่คอยจับตาดูอันหลันซินต่างพากันคิดไปว่า นี่คงเป็นกลอุบายอะไรสักอย่างที่อันหลันซินคิดขึ้นมาเพื่อหลอกตาการเฝ้าระวังของพวกเขา ดังนั้น แต่ละคนจึงแสดงสีหน้าเย็นชา“คุณหนูอัน ทางที่ดีท่านควรจะสงบเสงี่ยมหน่อย อย่าเล่นลูกไม้อะไรอีก มิฉะนั้นพวกเราจะทำต
“รอข้า อาซื่อ ข้าจะกลับไปหาเจ้าอย่างแน่นอน”“พวกสารเลวสมควรตายพวกนั้น อย่าหวังว่าจะมาขวางข้าได้!”ก่อนหน้านี้ อันหลันซินพอนึกถึงหลินเนี่ยนฉือทีไร ก็แทบอยากจะถลกหนังนาง ดื่มเลือดนางเสียให้รู้แล้วรู้รอดตอนนี้ นางก็มีคนที่เกลียดชังในระดับเดียวกันเพิ่มขึ้นมาอีกคนแล้วนั่นก็คือเป่ยเฉินหยวน!บุรุษสารเลวสมควรตายผู้นั้น!กล้ามาหลอกลวงนาง แถมยังกล้าโยนนางมาทิ้งที่ลู่โจวอีกกระทั่งสั่งให้หนิงหย่วนโหวผู้นั้นส่งคนมาคอยจับตาดูนางตลอดเวลาอีก!หากไม่ใช่เพราะการจัดการเหล่านี้ของเขา ป่านนี้นางกลับไปหาอาซื่อได้ตั้งนานแล้วแต่เป็นเพราะเขา อันหลันซินหนีไปได้ครั้งหนึ่งก็ถูกจับกลับมาครั้งหนึ่ง หนีไปสิบครั้งก็ถูกจับกลับมาสิบครั้ง!ทุกครั้งยังไม่ทันหนีพ้นเขตลู่โจว ก็ถูกหนิงหย่วนโหวผู้นั้นส่งคนมาตามจับตัวกลับไปอีก!ไม่ว่าจะเป็นไอ้สารเลวที่ชอบยุ่งไม่เข้าเรื่องคนนี้ หรือไอ้บุรุษชั่วช้าที่กล้าหลอกลวงนางก็ตาม ล้วนสมควรตาย สมควรตาย สมควรตาย!แต่แน่นอนว่าคนที่นางเกลียดที่สุดก็ยังคงเป็นหลินเนี่ยนฉือกล้าฉวยโอกาสตอนที่นางไม่อยู่ข้างกายอาซื่อ กลับเมืองหลวงไปอย่างกะทันหัน!ตอนนี้ อันหลันซินพอนึกขึ้นได้ว่า
นางย่อมรู้อยู่แล้วว่าตัวเองไม่เหมาะกับการเข้าวัง แต่สกุลหลินต้องการโอกาสเช่นนี้อีกทั้ง…หลินเนี่ยนฉือมองเวินซื่อที่นั่งอยู่ข้างเตียง นางเม้มปากเบาๆผู้หญิงแปดในสิบทั่วหล้าล้วนอยากเป็นฮองเฮาอย่างไรก็ตามนั่นเป็นถึงมารดาแห่งแผ่นดินแต่อยากเป็นฮองเฮาก็ต้องเสียสละหลายสิ่งหลายอย่าง ซึ่งอย่างแรกก็คืออิสระและเดิมทีนางก็เป็นที่ใฝ่หาความอิสระแต่ถ้าหากสามารถใช้อิสระของตัวเองแลกกับโอกาสที่ตระกูลจะได้กลับคืนสู่เมืองหลวง และสิทธิ์ในการปกป้องคนที่อยากปกป้อง เช่นนั้นนางก็ยินดีทิ้งอิสระของตัวเองดังนั้นแม้หลินเนี่ยนฉือจะบ่นต่อหน้าเวินซื่อมากมาย แต่กลับไม่เคยพูดว่าไม่อยากเป็นฮองเฮานางรู้ดี อาซื่อต้องยืนข้างนางแน่นอนแต่นางไม่อยากให้อาซื่อเป็นห่วงนางทำได้ก็แค่อิสรภาพเล็กน้อย ไม่มีอะไรที่เสียสละไม่ได้หลินเนี่ยนฉือคิดเช่นนี้ และยิ่งหนักแน่นในความคิดของตัวเองเวินซื่อหันกลับไปมองตาของนาง แม้หลินเนี่ยนฉือไม่อยากให้นางเป็นห่วง แต่นางจะไม่ห่วงเพื่อนที่ดีที่สุดของตัวเองได้อย่างไร?ก็เพราะรู้จักนางดี ดังนั้นจึงยิ่งเป็นห่วงแต่สิ่งที่เวินซื่อไม่รู้คือ ยังเร็วเกินไปที่จะกังวลเรื่องพวกนี้ เพ
เวินซื่อมองสีหน้าพ่อบ้านหลานแวบหนึ่ง หลังจากนั้นถอนหายใจเบาๆหลังจากเยี่ยมชมหอหนังสือ สถานที่สุดท้ายที่พ่อบ้านหลานพานางมาคือโถงบรรพชนของสกุลหลานทันทีที่เข้าไปข้างใน พ่อบ้านหลานก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป เขาทิ้งตัวคุกเข่าลงพื้น ก็โขกศีรษะ ‘ปังๆๆ’ แรงๆ“นายท่าน ฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่า…บ่าวกลับมาแล้ว!”“บ่าวพาคุณหนูกลับมาแล้ว!”คุณหนูน้อย ลูกสาวของคุณหนู สายเลือดของสกุลหลานนางจะสืบทอดสกุลหลาน กลายเป็นผู้นำตระกูลรุ่นต่อไปของสกุลหลาน! พ่อบ้านหลานบอกคนสกุลหลานอย่างสะอึกสะอื้นในใจ บอกทุกอย่างที่เกี่ยวข้องกับเวินซื่อสุดท้ายพ่อบ้านหลานกล่าวในใจ ‘นายท่าน ฮูหยิน ฮูหยินผู้เฒ่า มีคุณหนูน้อยอยู่ พวกท่านสามารถตายตาหลับแล้ว’เดิมทีเวินซื่อเดินเข้าไปอยากจุดธูป แต่เมื่อมองไปที่โต๊ะ ทุกอย่างชื้นจนขึ้นราหมดแล้วจุดธูปไม่ได้แล้วเวินซื่อหมุนกายไปคุกเข่าลงบนฟุกที่อยู่หน้าโต๊ะป้ายวิญญาณ หลังจากโขกศีรษะเหมือนพ่อบ้านหลาน นางค่อยๆ ลุกขึ้น มองดูป้ายวิญญาณเหล่านั้น พูดเพียงประโยคเดียว…“หวังว่าท่านบรรพชนทั้งหลายจะคุ้มครองหลานสาว สามารถเปลี่ยนแซ่อย่างราบรื่น รอหลังจากเปลี่ยนแซ่เวินเป็นแซ่หลาน สกุลหลานก็มีลูกส
ทั้งสองคนหนึ่งหมุนกายก็วิ่ง ส่วนอีกคนชักดาบไล่ตามขณะที่กำลังจะตามทันอยู่แล้ว จู่ๆ ก็มีสุนัขดุหลายตัวกระโจนใส่เป่ยเฉินหยวนวินาทีต่อมา เสียง “ฉึก” ดังขึ้นหลายครั้ง…หัวสุนัขหลายตัวหล่นลงพื้นหลังจากจัดการสุนัขดุพวกนั้นแล้ว ตอนที่เป่ยเฉินหยวนเงยหน้าอีกครั้ง กู่อี้ซานก็ได้หนีหายไปอย่างไร้ร่องรอยแล้วส่วนลูกน้องที่เหลือสามคนของเขา สองคนโดนฆ่า อีกคนโดนธนูยิงท้อง ล้มอยู่บนพื้น อยู่ห่างจากความตายไม่ไกลก็หลังจากกองทัพธงดำจัดการสุนัขดุพวกนั้นหมดแล้ว เกาเย่าเข้าไปจับตัวคนต่างแคว้นที่เหลือเพียงหนึ่งเดียวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม แล้วยื่นมือไปถอดหน้ากากของอีกฝ่าย“ท่านอ๋อง เป็นผู้หญิงต่างแคว้น”แม้ใบหน้าของอีกฝ่ายถูกทำลายนานแล้ว แต่เมื่อลองสังเกตรายละเอียดต่างๆ ก็สามารถระบุเพศของอีกฝ่ายได้สีหน้าเป่ยเฉินหยวนเย็นชากว่าเขาเสียอีก เสียงก็เย็นราวกับน้ำค้างแข็ง ออกคำสั่งอย่างความไร้ปรานี “พากลับไป ทรมานจนกว่าจะพูด”“ขอรับ!”หนีไปได้หนึ่งคนไม่เป็นไร อย่างไรเสียสายลับจากต่างแดนในเมืองหลวงถูกเขาฆ่าจนเหลือแค่ไม่กี่คนแล้วต่อให้กู่อี้ซานหนีไปได้ ก็ไม่สามารถทำให้เกิดคลื่นลูกใหญ่ใดๆเขาแค่กำลังคิดว
สีหน้าที่อยู่ใต้หน้ากากของกู่อี้ซานไม่มีการเปลี่ยนแปลงใดๆ และตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่สงบ “ไม่รู้ว่าที่อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนพูดหมายความว่าอย่างไร สายลับเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนอะไร พวกเราไม่เคยมี”ไม่ต้องให้เป่ยเฉินหยวนพูด วินาทีต่อมาก็มีลูกธนูแหวกอากาศพุ่งเข้ามาอีกครั้ง“ฟิ้ว!”ครั้งนี้กู่อวี้ซานที่เตรียมตัวไว้ก่อนแล้ว หลบลูกธนูพ้นโดยตรง วินาทีต่อมา ลูกน้องที่อยู่ข้างหลังเขาก็กรีดร้อง“อ๊า!”กู่อี้ซานหันกลับไปมอง ลูกน้องโดนยิงตายอีกหนึ่งคนสีหน้ากู่อี้ซานดูน่าเกลียดมาก“ขอแนะนำว่าคิดให้ดีก่อนค่อยตอบ ไม่เช่นนั้นตอบผิดหนึ่งครั้ง ลูกน้องของเจ้าก็จะน้อยลงหนึ่งคน”เกาเย่ากวาดมองคนที่เหลือแวบหนึ่ง ยิ้มอย่างเย้ยหยัน “รอทุกคนตายหมดแล้ว เจ้าก็ต้องไปพบกับพวกเขาแล้ว”“ต่ำช้าไร้ยางอาย!”กู่อี้ซานกัดฟันกล่าวด่าทอแต่ปรากฏว่า…“ฉึก!”“อ๊า!”ตายอีกคนม่านตาของกู่อี้ซานที่ด่าหนึ่งคนก็ตายหนึ่งคนหดฉับพลัน เกาเย่าถอนหายใจ “บอกแล้วไม่ใช่หรือ คิดให้ดีก่อนค่อยตอบ”กู่อี้ซานกำหมัดแน่นทันทีตอนนี้ข้างหลังเขาเหลือแค่ลูกน้องสามคนแล้วทั้งสามก้าวถอยหลังด้วยความกลัว ขณะเดียวกันก็มองไปทางหัวหน้าข
ทันทีที่เวินซื่อไป เวินเฉวียนเซิ่งก็รีบเชิญหมอหลวงหลี่และหมอหลวงอีกหลายท่านมาขอพวกเขาช่วยยื้อชีวิตเวินฉางอวิ้นให้ผ่านสองชั่วยามนี้ด้วยทุกวิถีทางโชคดีที่หมอหลวงหลี่และคนอื่นก็ไม่ได้มีแค่ชื่อด้วยความร่วมมือของพวกเขา เวินฉางอวิ้นที่เดิมทีขาข้างหนึ่งได้ก้าวเข้าสู่ประตูนรกแล้ว ก็โดนพวกเขายื้อชีวิตได้เกินสองชั่วยามจนได้และโชคดีที่ครั้งนี้เวินซื่อไม่ได้หลอกเวินเฉวียนเซิ่งหลังจากนั้นสองชั่วยาม ยาถูกส่งมาได้อย่างทันเวลาพอดีหมอหลวงหลี่เปิดกล่อง หลังจากเห็นบัวหิมะที่อยู่ในนั้นก็หันไปพยักหน้าให้เวินเฉวียนเซิ่งแต่เวินเฉวียนเซิ่งยังไม่วางใจ “ลองตรวจบัวหิมะนี่ก่อน”เห็นได้ชัดว่าเขากลัวเวินซื่อทำอะไรกับบัวหิมะนี่ผลลัพธ์ยังคงเป็นเช่นเดิม…“ไม่มีปัญหา สามารถใช้ได้”หมอหลวงคนอื่นพากันโล่งอก “เช่นนั้นก็ดี รีบเอาบัวหิมะนี่ไปทำยาเถอะ เสียเวลาไม่ได้แล้ว!”เพื่อให้บัวหิมะที่หามาด้วยความยากลำบากนี้มีประสิทธิภาพสูงสุด หมอหลวงทั้งหลายแทบจะต้มยาด้วยตัวเองหลังจากนั้นก็นำยาไปป้อนให้เวินฉางอวิ้นอย่างระมัดระวัง“ใต้เท้าเจิ้งกั๋วกง ตอนนี้มียาที่ใส่บัวหิมะนี้ เพียงพอที่จะยืดเวลาให้คุณชายใหญ่อีกสั
ไม่ว่าจะอย่างไร เขาก็ตัดสินใจไม่ได้สักทีดังนั้นจึงยิ่งรู้สึกผิดต่อเวินเยวี่ย ก็เลยตามใจนางจนถึงทุกวันนี้เวินเฉวียนเซิ่งกล่าวด้วยสีหน้าที่ไร้อารมณ์ “เจ้ามองออกทุกอย่าง ดังนั้นเจ้าจึงเอายาในมือของเจ้ามาขู่ข้าครั้งแล้วครั้งเล่า เจ้าคิดว่าข้าไม่สามารถหายาอย่างอื่นได้แล้วจริงๆ หรือ?”“ใต้เท้าเจิ้นกั๋วกงเป็นคนกว้างขวาง ย่อมสามารถหายาอย่างอื่นนอกจากที่ข้ามี แต่ท่านยังมีเวลาหรือไม่?”แทบจะทันทีที่สิ้นเสียงของเวินซื่อ เสียงรายงานที่ตื่นตระหนกของพ่อบ้านดังมาจากข้างหลังเวินเฉวียนเซิ่ง…“แย่แล้ว แย่แล้ว! ท่านกั๋วกง คุณชายใหญ่อาเจียนเลือดอีกแล้ว!”“ท่านกั๋วกง ท่านรีบไปดูหน่อยเถอะ เกรงว่าคุณชายใหญ่น่าจะทนได้อีกไม่นานแล้ว!”ยันต์เร่งชีวิต กำลังเร่งชีวิตของเวินฉางอวิ้น ขณะเดียวกันก็เร่งชีวิตของเวินเฉวียนเซิ่งด้วย เขาเวลานี้ราวกับเข้าใจความรู้สึกของเจ้าสามที่ตัดสินใจก่อนหน้านี้ทันทีสำหรับเวินซื่อที่อยู่ตรงหน้า เขารู้สึกถึงแรงกดดันอย่างรุนแรงนางเป็นแค่เด็กผู้หญิงตัวเล็กๆและยังเคยเป็นลูกสาวของเขาแต่ตอนนี้กลับเทียบได้กับพวกจิ้งจอกเฒ่าในราชสำนักไม่สิ บางทีอาจต้องพูดว่านางเทียบได้กับเขา
สีหน้าเวินเฉวียนเซิ่งไร้อารมณ์แทบจะทันทีที่หลังจากเวินซื่อกล่าวคำพูดประโยคนั้น อากาศระหว่างทั้งสองหยุดนิ่งโดยตรงเวินซื่อไม่ได้พูดอะไรอีกเวินเฉวียนเซิ่งก็ไม่ได้พูดเขาเอาแต่จ้องเวินซื่อด้วยสายตาเย็นชาผ่านไปครู่หนึ่งเวินเฉวียนเซิ่งจึงจะกล่าวอย่างใจเย็น “เจิ้นกั๋วกงให้กำเนิดเจ้า เลี้ยงเจ้า ต่อให้ข้ากับพวกพี่ชายของเจ้าทำผิดไปบ้าง แต่บุญคุณให้กำเนิดยิ่งใหญ่กว่าดิน บุญคุณเลี้ยงดูยิ่งใหญ่กว่าฟ้า เจ้าจะเปลี่ยนแซ่ เจ้าไม่รู้สึกผิดต่อข้า ไม่รู้สึกผิดต่อพวกพี่ๆ ของเจ้า และบรรพชนของสกุลเวินหรือ?”เวินเฉวียนเซิ่งอ้าปากก็บุญคุณให้กำเนิดและเลี้ยงดู หวังใช้บุญคุณกดดันนางแต่เวินซื่อกลับตอบเขาอย่างสงบ “ผู้ที่มีบุญคุณให้กำเนิดของข้าคือท่านแม่ หลานจื่อจวินอดีตคุณหนูใหญ่ของสกุลหลาน ดังนั้นต่อให้ข้าออกมาจากสกุลเวิน เหตุใดถึงไม่สามารถเปลี่ยนเป็นแซ่หลาน?”“อย่าลืมเสียล่ะ ก่อนหน้านี้ท่านเจิ้นกั๋วกงยังตั้งใจว่าจะไม่ให้ข้าแซ่ ‘เวิน’ อีกเลย”เวินซื่อมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างจะยิ้มไม่ยิ้ม “ทำไม ลืมคำพูดที่ตัวเองเคยพูดเร็วเช่นนี้เลย?”เวินเฉวียนเซิ่งหัวเราะเบาๆ และแสดงสีหน้าที่เสแสร้งจอมปลอมทันที “ตอนน