ทันทีที่ฉีเซิ่งได้ยินชื่อ ‘ชุยเส้าเจ๋อ’ ในเวลานี้ ก็โต้กลับด้วยความโมโหทันที “ท่านพ่อ วันหลังอย่าพูดถึงเจ้านั่นต่อหน้าข้าอีก แม้ว่าฉีเซิ่งผู้นี้จะเป็นลูกผู้ดีมีเงินที่เอาแต่เสวยสุขเหมือนกัน แต่ข้าจะไม่ทุเรศชั่วช้าเหมือนเขาเด็ดขาด”แอบลักเล็กขโมยน้อยยังไม่เท่าไหร่ แต่ตัวเองยังใส่ร้ายอดีตคู่หมั้น ช่างไร้ยางอายสิ้นดี!ฉีเซิ่งไม่มีสหายที่ไร้ยางอายเช่นนี้!ต้องรู้ว่าการขโมยของเป็นเพียงเรื่องของคุณธรรม แต่การใส่ร้ายผู้อื่นเป็นเรื่องของนิสัยใจคอวันนี้เขาไม่ได้ชี้หน้าชุยเส้าเจ๋อต่อหน้าธารกำนัลในงานเลี้ยง ด่าทอเขาว่าชั่วช้าขี้ขลาดก็นับว่าดีแค่ไหนแล้ว!“ได้ ๆ ๆ ไม่พูดก็ไม่พูด”เสนาบดีฉีลูบเครา หัวเราะเหอะ ๆ พูดว่า “แต่ว่า เจ้าก็อย่าทำอะไรมากจนเกินไป อย่างน้อยเขาก็เป็นบุตรชายคนเดียวของจงหย่งโหว ลุงก็เป็นถึงเจิ้นกั๋วกง ในเมื่อเรื่องนี้ท่านอ๋องได้ลงมือสั่งสอนไปแล้ว เจ้าก็อย่าไปเกลือกกลั้วอยู่ในบ่อโคลนนั้นอีกเลย”“เฮ้อ ท่านพ่อวางใจเถอะ ตอนนี้ข้าก็ขี้เกียจจะสนใจเขา ต่อไปลูกยังมีเรื่องอื่นต้องทำอีก”ฉีเซิ่งกล่าวอย่างอารมณ์ดี “ข้ารับปากแล้วว่าจะมอบของขวัญวันเกิดให้กับธิดาศักดิ์สิทธิ์ ก็ต้องจัด
ประโยคนี้ของเวินจื่อเยวี่ยทำให้เวินฉางอวิ้นตกอยู่ในความเงียบงันใช่แล้ว เขาเคยสงสัยจริง ๆก่อนวันเกิดของน้องห้า พวกเขาไม่เคยตระหนักเลยว่าลำดับของวันเกิดระหว่างน้องสาวทั้งสองจะมีปัญหาอะไรจนกระทั่งอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้นั้นได้เปิดโปงต่อหน้า พวกเขาถึงพบว่า เห็นได้ชัดว่าอายุเท่ากัน แต่วันเกิดของเวินเยวี่ยกลับอยู่ก่อนเวินซื่อ เดิมทีควรจะเป็นพี่สาวถึงจะถูก แต่กลับกลายเป็นน้องสาว เวินซื่อที่ควรจะเป็นน้องสาว กลับกลายเป็นพี่สาวและรายละเอียดเช่นนี้พวกเขาไม่เคยใส่ใจมาก่อนเวินฉางอวิ้นที่รู้สึกผิดอยู่ในใจก็เข้าใจสาเหตุได้อย่างรวดเร็วเพราะแม้แต่วันเกิดของน้องห้าพวกเขายังลืมไปแล้วเสียด้วยซ้ำไป แล้วจะสังเกตเห็นได้อย่างไร?แม้ว่าต่อมาบิดาจะอธิบายให้พวกเขาฟังว่า น้องหกเปลี่ยนวันถึงแก่กรรมของมารดามาเป็นวันเกิดแต่เรื่องแบบนี้เมื่อก่อนทำไมไม่เคยบอกพวกเขาเลย?รู้สึกไม่มีอะไรจึงไม่พูดหรือ?หรือว่า...ในนี้มันมีความลับบางอย่างที่ไม่สามารถเปิดเผยให้คนอื่นรู้ได้?หลังจากกลับไปในวันนั้นเวินฉางอวิ้นก็นอนไม่หลับทั้งคืน พลิกตัวไปมาแต่สุดท้ายเขาก็ยังใช้เวลาทั้งคืนเกลี้ยกล่อมตัวเองได้สำเร็จเขาคิ
เวินจื่อเยวี่ยเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย “ทำไมพูดกับพี่สามต้องตะกุกตะกักด้วย ข้างหลังซ่อนอะไรไว้หรือ?”เวินจื่อเยวี่ยหยิบของสิ่งนั้นออกมาอย่างระมัดระวังทันทีที่เวินจื่อเยวี่ยได้เห็น สองตาก็เป็นประกาย “นี่มันเป็ดทอดกรอบจากภัตตาคารเฟิ่งเซียนมิใช่หรือ? น้องหกตั้งใจไปซื้อมาให้พี่สามอย่างนั้นหรือ?”เวินเยวี่ยฉีกยิ้มออกมา “ใช่แล้วเจ้าค่ะ พี่สามกลับมาถึงเร็ว เยวี่ยเอ๋อร์คิดว่าท่านต้องกินไม่อิ่มแน่ ก็เลยอ้อมไปที่ภัตตาคารเฟิ่งเซียน เพื่อเอาเป็ดทอดกรอบที่พี่สามชอบที่สุดมาให้เจ้าค่ะ”เวินจื่อเยวี่ยที่ตั้งใจจะไปหาเวินฉางอวิ้นก็ไม่รีบร้อนออกจากเรือนแล้ว“ดี ๆ น้องหกช่างเอาใจใส่ จำได้ด้วยว่าพี่สามชอบกินอะไร”เวินจื่อเยวี่ยยิ้มอย่างมีความสุข “รีบเข้ามานั่งสิ พี่สามก็กำลังหิวอยู่พอดี เรามากินด้วยกันเถอะเจ้าค่ะ”หลังจากที่ทั้งสองนั่งลงแล้ว เวินจื่อเยวี่ยก็แกะกระดาษเคลือบน้ำมันที่ห่อเป็ดทอดกรอบเอาไว้อย่างอดใจไม่ไหวเวินเยวี่ยรีบโบกมือ “ไม่ล่ะ ไม่ล่ะ ข้ากินในงานเลี้ยงอิ่มแล้ว ตอนนี้กินไม่ลงจริง ๆ พี่สามกินเถอะ”เวินจื่อเยวี่ยย่อมไม่มีการระวังตัวกับน้องสาวที่ตัวเองรักมากที่สุดอยู่แล้วดังนั้นเมื่อเวิ
แต่น่าเสียดายคนที่ออกมาพบเขาไม่ใช่เวินซื่อเวินเฉวียนเซิ่งเงยหน้าขึ้นมองคนที่เข้ามาหา แล้วถามด้วยเสียงเย็นชา “แล้วเวินซื่อล่ะ? ให้นางออกมาพบข้า”ม่อโฉวซือไท่กำลังหมุนลูกประคำในมือทีละเม็ด นางยืนอยู่บนขั้นบันไดที่ประตู มองลงมาที่เวินเฉวียนเซิ่ง“ผ่านไปหลายปีแล้ว เจ้ายังคงอวดดีจองหองเช่นเคย”ที่เอ่ยออกมาจากปากของม่อโฉวซือไท่ยิ่งเต็มไปด้วยคำพูดเหน็บแนมชัดเจนว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้านางจะเป็นเจิ้นกั๋วกงผู้ทรงอำนาจในราชสำนักและประชาชน แต่นางกลับดูไม่เกรงกลัวเลยสักนิดแม้กระทั่งสายตาก็เต็มไปด้วยความเหยียดหยามที่มีต่ออีกฝ่าย“วันนี้ข้าไม่อยากพูดคุยเรื่องในอดีตกับเจ้า ตอนนี้พานางออกมาเดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นเจ้าน่าจะรู้จักวิธีการของข้า”“วิธีการของเจ้า?”ม่อโฉวซือไท่กล่าวอย่างดูถูก “ที่เจ้าพูดถึงก็คือวิธีการที่ไร้ยางอายและต่ำช้าจนเหลือทนของเจ้าในตอนนั้นน่ะหรือ?”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งมืดมนลงภายในชั่วแวบเดียวเขากำแส้ม้าในมือแน่น “ม่อโฉว อย่าลืมสิว่า เจ้าสามและเจ้าสี่ก็เป็นลูกของนางด้วย หรือว่าเจ้าจะปกป้องแค่คนคนเดียว แต่ไม่สนใจความเป็นความตายของอีกสองคนกระนั้นหรือ?!”“ก็มีพ่ออย่างเจ้า
“บัดนี้อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาถึงพอดี เจิ้นจั๋วกงมีกิจอันใดก็ไปปรึกษากับท่านอ๋องดีกว่า หากถามข้า ข้าก็มีเพียงประโยคนั้น”หากต้องการเข้ามาในอารามสุ่ยเยว่ ก็ต้องปฏิบัติตามกฎหากไม่มีพระบัญชาของฝ่าบาท สกุลเวินของพวกเขาก็อย่าได้คิดจะก้าวเข้ามาในอารามสุ่ยเยว่แม้เพียงครึ่งก้าวเวินเฉวียนเซิ่งกำแส้ม้าแน่นด้วยความโกรธทันทีอยากจะฟาดเป่ยเฉินหยวนที่ขัดหูขัดตาอยู่ข้าง ๆ ให้กระเด็นเหลือเกิน“ไม่จำเป็นแล้ว ในเมื่อเจ้ายืนกรานว่าต้องปฏิบัติตามกฎ เช่นนั้นข้าก็จะไปทูลขอฝ่าบาทเดี๋ยวนี้”เวินเฉวียนเซิ่งเอ่ยอย่างเย็นชา “ข้าอยากดูสิว่า คนเลือดเย็นที่กล้าวางยาพิษพี่ชายแท้ ๆ ทั้งสองของตัวเอง มีอะไรคู่ควรกับตำแหน่งธิดาศักดิ์สิทธิ์ที่ฝ่าบาททรงพระราชทานยศให้ด้วยพระองค์เอง!”ว่าแล้วเวินเฉวียนเซิ่งก็กำลังจะหันหลังจากไปในขณะนี้ กองทัพธงดำหลายนายเพียง “แวบ” เดียวก็เข้ามาขวางอยู่หน้ารถม้าของจวนเจิ้นกั๋วจงแล้ว“เป่ยเฉินหยวน นี่ท่านหมายความว่าอย่างไร?!”เวินเฉวียนเซิ่งหันหน้าไปจ้องมองอย่างโกรธเกรี้ยว“ไม่มีความหมายอะไร”ชายรูปงามบุ้ยปาก พลางโบกมือกล่าวว่า “ข้าแค่คิดว่าเจิ้นกั๋วกงอายุอานามขนาดนี้แล้ว การเ
น่าเสียดายที่ต่อให้เวินเฉวียนเซิ่งจะมีลางสังหรณ์ไม่ดีสักแค่ไหน ก็ไม่มีเวลาที่จะเสียใจอีกแล้วเพราะหลังจากที่เวินซื่อขึ้นนั่งรถม้าของสกุลเวิน รถม้าก็ถูกกองทัพธงดำของเป่ยเฉินหยวนเข้าควบคุมทันทีตั้งแต่สารถีไปจนถึงองครักษ์ล้วนเป็นกองทัพธงดำทั้งสิ้นทำท่าราวกับจะไม่ยอมให้คนของสกุลเวินเข้าใกล้ได้แม้แต่นิดเดียวเวินเฉวียนเซิ่งที่เห็นฉากนี้ก็หน้าบึ้งทันที“นี่คือรถม้าของจวนเจิ้นกั๋วกงของข้านะ!”“ตอนนี้นี่คือรถม้าที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์กำลังนั่งแล้ว”เป่ยเฉินหยวนสีหน้าเจ้าเล่ห์ “แน่นอน ท่านสามารถเลือกที่จะขับไล่ธิดาศักดิ์สิทธิ์ลงจากรถม้าก็ได้ แต่หลังจากนั้นธิดาศักดิ์สิทธิ์จะยินดีไปจวนเจิ้นกั๋วกงของท่านอีกหรือไม่ ก็ไม่แน่ใจแล้ว”เวินเฉวียนเซิ่งหรี่ตาทั้งสองจ้องมองเขา เผยความอันตรายออกมาทางสายตาเป่ยเฉินหยวนบุ้ยปากอย่างไม่เกรงกลัว ปล่อยให้เขามองจนพอใจขณะนี้ เสียงอันหงุดหงิดใจของเวินซื่อก็ดังออกมาจากบนรถ...“ยังต้องรออีกนานแค่ไหนถึงจะไปได้? อย่ามัวชักช้าเสียเวลา”เป่ยเฉินหยวนยิ้มเล็กน้อย “ต้องถามท่านแล้วล่ะ ท่านเจิ้นกั๋วกง จะไปหรือว่าไม่ไป?”เวินเฉวียนเซิ่งทำเสียงฮึดฮัด “ไป”……สองชั่
เมื่อเขากล่าวจบ แล้วจัดแจงเสื้อผ้า จากนั้นก้าวขาอย่างมั่นคงเข้าไปในจวนเจิ้นกั๋วกง เพื่อไปตามธิดาศักดิ์สิทธิ์ของเขาเวินเฉวียนเซิ่งที่ไม่เข้าใจคำพูดของเป่ยเฉินหยวนขมวดคิ้วในใจยังคงระแวง “เจ้าเป่ยเฉินหยวนจำต้องตามเวินซื่อมาให้ได้ตกลงต้องการทำสิ่งใด?”ในไม่ช้า เวินเฉวียนเซิ่งได้รู้คำตอบอย่างรวดเร็วเวินซื่อกับเป่ยเฉินหยวนเข้ามาในจวนเจิ้นกั๋วกง เมื่อนั่งลงจึงเอ่ยถาม “ใต้เท้าเจิ้นกั๋วกง ตอนนี้ข้ากับอ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาถึงแล้ว บังอาจถามสักคำคนสกุลเวินอยู่ในจวนทั้งหมดหรือไม่?”เวินเฉวียนเซิ่งขมวดคิ้วเล็กน้อยกลับท่าทีการถามของเวินซื่อ แต่เนื่องด้วยเป่ยเฉินหยวนอยู่ข้างกาย สุดท้ายเขาไม่ได้ว่าอะไร“นอกจากบุตรชายคนโตฉางอวิ้นและบุตรชายคนรอง คนอื่นล้วนอยู่ในจวน”เวินฉางอวิ้นและเวินจื่อเฉินล้วนไปขอลาหยุดพวกเขาคนหนึ่งเป็นขุนนางในราชสำนัก อีกคนยังเล่าเรียนอยู่ในสำนักศึกษาเมื่อคืนเวินจื่อเยวี่ยถูกพิษจนหมดสติกะทันหัน ในครอบครัวน้องชายล้มลงสองคน ในฐานะพี่ใหญ่และพี่รองเวินฉางอวิ้นกับเวินจี่อเฉิงย่อมต้องกลับมาดูแลที่บ้านดังนั้นทั้งสองคนจึงไปขอลาหยุดตั้งแต่เช้า“เพื่อหลีกเลี่ยงการเข้าใจผิด
อยากคลี่คลายเรื่องนี้นั้นง่ายมาก เวินซื่อแทบไม่ต้องคิดก็รู้ว่าพิษที่ทำให้เวินจื่อเยวี่ยกระอักเลือดหมดสติใครเป็นคนลงมือในงานเลี้ยงเมื่อคืน เวินจื่อเยวี่ยดูเหมือนยังดี ๆ อยู่ เพราะฉะนั้นพิษที่ว่าเขาอาจจะโดนตอนกลับมาแล้วก็ได้ตั้งแต่เมื่อคืนจนถึงตอนนี้ ภายในเวลาอันสั้น คนที่ลงมือวางยาพิษไม่น่าจะสามารถลบร่องรอยทั้งหมดออกไปได้ดังนั้นตอนนี้วิธีที่ง่ายที่สุดคือตรวจค้นทันที“เป็นไปไม่ได้!”เมื่อได้ยินคำขอของเวินซื่อ เวินเฉวียนเซิ่งปฏิเสธอย่างไม่ลังเล“จวนเจิ้นกั๋วกงของข้าใช่ว่าใครที่ไหนอยากตรวจค้นก็สามารถค้นได้ ต่อให้อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนอย่างท่านก็ไม่มีอำนาจนั้น!”เป่ยเฉินหยวนแค่นหัวเราะ เขาเตรียมเอ่ยปาก แต่เวินซื่อที่อยู่ข้างกันดึงชายเสื้อเขากะทันหันเป่ยเฉินหยวนนิ่งไปครู่หนึ่ง แต่ไม่ได้ว่าอะไรส่วนคนที่กล่าวแทนเขาคือเวินซื่อเวินซื่อยิ้ม “อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนย่อมไม่มีอำนาจนั้น แต่ขอใต้เท้าเจิ้นกั๋วกงโปรดมองสถานะตอนนี้ของท่านให้ชัดเจน ไม่ใช่ข้ากับท่านอ๋องที่ต้องการมาจวนเจิ้นกั๋วกงให้ได้ แต่ท่านเป็นคนขอร้องให้พวกเรามา”“น้องห้า เหตุใดจึงปฏิบัติต่อท่านพ่อเช่นนี้...”เวินฉางอวิ
ถึงขั้นเอาอีกฝ่ายมาข่มขู่เวินจื่อเยวี่ย ทำให้เวินจื่อเยวี่ยต้องเลือกระหว่างนางและหลินเนี่ยนฉือแล้วนางสารเลวที่ยังไม่เดินผ่านประตูเข้ามาจะเอาอะไรมาเทียบกับนาง!เวินเยวี่ยโกรธจัดจนขบเขี้ยวเคี้ยวฟัน ในเสี้ยววินาทีที่ก้มศีรษะลง สายตาอาบยาพิษช่างน่าสะพรึงกลัว“ยุแยงตะแคงรั่ว?”เวินซื่อแค่รู้สึกว่าคำพูดของเวินจื่อเยวี่ยน่าขบขันมาก “มีเพียงคนที่มีหัวใจเท่านั้นถึงจะรู้สึกว่าใคร ๆ ก็เป็นเช่นนี้”นางเหลือบมองเวินเยวี่ยแวบหนึ่งอย่างเฉยชา ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่แยแส “ท่านคิดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้จะใช้พวกท่านไปก่อกวนความสงบของนางหรือ? ฝันไปเถอะ พวกท่านยังไม่คู่ควร”“เหอะ พูดเสียน่าฟัง ถ้าไม่ใช่เพราะจดหมายที่เจ้าเขียนไปฟ้อง หลินเนี่ยนฉืออยู่ที่อู๋โจวอยู่ดี ๆ จะเข้ามาที่เมืองหลวงทำไม? แล้วยังต้องการถอนหมั้นกับข้าอีก?!”ถึงตอนนี้เวินจื่อเยวี่ยยังคงเชื่อว่าเวินซื่อไปพูดอะไรกับหลินเนี่ยนฉือ ถึงทำให้หลินเนี่ยนฉือทำเช่นนั้น“ท่านคิดว่าข้อมูลในใต้หล้านี้มีสิ่งใดที่สามารถปิดบังได้อย่างนั้นหรือ? จวนเจิ้นกั๋วกงของพวกท่านได้ทำเรื่องที่น่าอับอายขายขี้หน้า ไร้ยางอายมาไม่น้อย แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงตั้งน
อูฐผอมซูบยังตัวใหญ่กว่าม้าการจะทำลายจวนเจิ้นกั๋วกงอันใหญ่โตแห่งนี้โดยอาศัยแมลงเพียงไม่กี่ตัว มันเป็นไปไม่ได้เลยแน่นอน มันก็ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้อย่างสิ้นเชิงเพียงแต่ราคาที่ต้องจ่ายนั้นสูงเกินไปอย่างเช่นการหมั้นหมายระหว่างจวนเจิ้นกั๋วกงและสกุลหลินเมื่อจวนเจิ้นกั๋วกงถูกกล่าวหาว่าสมคบคิดกับชาวต่างเผ่า เวินเฉวียนเซิ่งจะต้องพยายามอย่างเต็มที่เพื่อชำระล้างให้หลุดพ้นจากข้อกล่าวหานี้และวิธีการที่ดีที่สุดก็ต้องเป็นการดึงผู้คนให้เข้ามาพัวพันมากขึ้นสกุลหลินที่ยังมีการหมั้นหมายกับจวนเจิ้นกั๋วกงเป็นกลุ่มแรกที่รับศึกหนัก โดยเฉพาะความสัมพันธ์ระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินซื่อ และจะกลายเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เวินเฉวียนเซิ่งดึงสกุลหลินให้ลงมาพัวพันด้วยดังนั้นก่อนจะยุติการหมั้นหมายระหว่างหลินเนี่ยนฉือและเวินจื่อเยวี่ย เวินซื่อยังไม่สามารถทำอะไรบุ่มบ่ามได้ทว่า ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถแตะต้องจวนเจิ้นกั๋วกงได้ แต่การมีเวินเยวี่ยเพียงคนเดียวก็ไม่ใช่เรื่องที่เสียหาย“หมั้น...หมั้นหมาย?”ในขณะนี้ เสียงที่สับสนของเวินเยวี่ยก็ดังขึ้นจากทางด้านหลังของ เวินจื่อเยวี่ย“พี่สาม ท่านหมั้นกับใครตั้
“ท่าน…!”เวินเยวี่ยลมแทบจับเมื่อได้ยินที่เวินซื่อพูดนางข่มไฟโทสะเอาไว้ “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่ใช่คนของกองทัพธงดำเสียหน่อย ให้ท่านมาทำการค้นหา ไม่น่าจะเหมาะสมกระมัง?”เวินเยวี่ยฝืนยิ้ม “ท้ายที่สุดแล้วบุญคุณความแค้นระหว่างพี่หญิงห้ากับเยวี่ยเอ๋อร์นั้นเป็นที่ประจักษ์ชัดแจ้งกันทั่วทุกคน ถ้าเกิด…”ประโยคสุดท้ายนี้ไม่ได้พูดออกมาทั้งหมด แต่ก็สามารถเข้าใจทุกอย่างที่ควรเข้าใจถ้าเกิดเวินซื่อเข้าไปวางกลอุบายบางอย่างเพื่อใส่ร้ายนางแล้วจะทำเช่นไร?เวินซื่อหันหน้าไปเผชิญหน้ากับเวินเยวี่ย รอยยิ้มเล็ก ๆ เผยออกมาบนใบหน้าอันบริสุทธิ์ผุดผ่องและงดงามของนาง “ข้าไม่ต่ำช้าไร้ยางอายเหมือนเจ้า”ใบหน้าของเวินเยวี่ยสลดลงเพราะดำด่าของนางทันทีแต่วินาทีต่อมาก็ได้ยินเวินซื่อพูดว่า “แต่ว่านี่มันก็เป็นปัญหาจริง ๆ ในเมื่อคุณหนูหกสกุลเวินเป็นกังวลเช่นนี้ เช่นนั้นข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ก็ขอยืนค้นหาอยู่ที่ประตูแล้วกัน”ยืนค้นหาอยู่ที่ประตูหรือ?แล้วจะค้นหาอย่างไร?ขณะที่เวินเยวี่ยและคนอื่น ๆ กำลังงุนงง เวินซื่อก็พลิกฝ่ามือ ก่อนจะหยิบขวดหยกขวดหนึ่งออกมาจากกลางฝ่ามือของนางฉางเสี่ยวหานก้าวเข้าไปรับขวดหยกจากมือของเว
“เหลวไหลสิ้นดี!”แววอันตรายฉายผ่านดวงตาอันคมกริบของเวินเฉวียนเซิ่งในทันใดเขาจ้องไปที่รถม้าที่เวินซื่อนั่งอยู่ สายตามองทะลุช่องว่างของม่านหน้าต่าง พลางชี้ตรงไปที่เวินซื่อ “เวินซื่อ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้ากำลังทำอะไรอยู่? เจ้ากำลังใส่ร้ายขุนนางในราชสำนักซึ่งเป็นความผิดร้ายแรง!”“หากเจ้าไม่สามารถแสดงหลักฐานใด ๆ ได้ ต่อให้เจ้าจะเคยเป็นลูกสาวของข้า ข้าก็จะไม่ปล่อยเจ้าไปง่าย ๆ เด็ดขาด!”“เจิ้นกั๋วกงไม่จำเป็นต้องใจร้อนขู่ขวัญเช่นนี้”ว่าแล้วเวินซื่อก็ยกมือขึ้นเปิดม่านรถแล้ว เดินออกมาจากด้านในอย่างช้า ๆเสี่ยวหานก้าวไปข้างหน้าอย่างมีไหวพริบ ทำตามสาวใช้เหล่านั้น เอื้อมมือออกไปช่วยประคองธิดาศักดิ์สิทธิ์ของนางลงจากรถม้าช้า ๆหลังจากลงสู่พื้นและยืนได้อย่างมั่นคงแล้ว เวินซื่อก็เงยหน้าขึ้นมองเวินเฉวียนเซิ่งผ่านกองทัพธงดำ นางยิ้มเล็กน้อย “ถ้าธิดาศักดิ์สิทธิ์ไม่มีหลักฐาน วันนี้จะกล้านำกองกำลังไปปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของท่านได้อย่างไร”การทำงานตามคำสั่งส่วนตัวของอ๋องผู้สำเร็จราชการเป็นเรื่องหนึ่ง แต่การทำงานตามพระราชโองการของฝ่าบาทก็เป็นอีกเรื่องหนึ่งเวินซื่อยกมือขึ้น รับพระราชโองการจากมือของกองทัพ
ให้อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนมาหนุนหลังนางแล้วอย่างไรต่อ เขาไม่เชื่อว่า อ๋องผู้สำเร็จราชการแทนผู้สง่างามจะบังคับเขาให้ถอนหมั้นได้อย่างนั้นหรือ!เมื่อเวินเฉวียนเซิ่งได้ยินเวินจื่อเยวี่ยพูด ก็มองเขาแวบหนึ่งอย่างเย็นชา “เจ้าควรคิดหาวิธีช่วยพี่ใหญ่ของเจ้าก่อนดีกว่า ถ้าครั้งนี้พี่ใหญ่ของเจ้าตาย ก็อย่าได้คิดเรื่องหมั้นหมายเลย ข้าเวินเฉวียนเซิ่ง ไม่มีลูกชายที่ใจไม้ไส้ระกำอย่างเจ้า”ใบหน้าของเวินจื่อเยวี่ยขรึมลงทันทีเขารู้ว่าลูกชายคนโปรดของบิดาไม่ใช่เขา แต่เป็นพี่ใหญ่ที่บิดาเลี้ยงดูอย่างสุดชีวิตจิตใจแต่เขานึกไม่ถึงว่ามาถึงขั้นนี้แล้ว บิดาจะยังโหดร้ายถึงเพียงนี้ เอาการหมั้นหมายของเขามาข่มขู่เขาเวินจื่อเยวี่ยไม่ได้พูดอะไรอีกแต่ในขณะนี้ พ่อบ้านนั้นพูดด้วยสีหน้าขมขื่น “ท่านกั๋วกง คุณชายสาม ครั้งนี้ผู้ที่นำกองทัพธงดำมาไม่ใช่ท่านอ๋องขอรับ”เมื่อได้ยินคำพูดนี้เวินเฉวียนเซิ่งก็หันกลับไปหาพ่อบ้าน “ไม่ใช่เป่ยเฉินหยวนหรอกหรือ? แล้วใครล่ะ?”นอกจากฮ่องเต้น้อยและเป่ยเฉินหยวนเองแล้ว ยังมีใครอีกที่สามารถระดมกองทัพธงดำ ถึงขั้นกล้าปิดล้อมจวนเจิ้นกั๋วกงของเขาได้?ขณะที่เวินเฉวียนเซิ่งกำลังครุ่นคิดในหัวว
“เสี่ยวหาน ให้ข้าดูหน้าเจ้าหน่อยสิ”หลังจากขับไล่เวินเฉวียนเซิ่งและเวินจื่อเยวี่ยออกไปแล้ว เวินซื่อก็ดึงฉางเสี่ยวหานเข้ามา“ไม่เป็นไร ไม่เป็นไรเจ้าค่ะ ตบไม่โดนหน้า ข้าหลบได้นิดหน่อย แค่ตบโดนหัวเท่านั้น”ถึงกระนั้น การตบของเวินจื่อเยวี่ยก็หนักหน่วงมาก จนศีรษะของฉางเสี่ยวหานถึงกับสั่นคลอนในตอนนั้น ใช้เวลาสักพักกว่าจะตอบสนองได้“เจ้าไม่ต้องกังวล การตบครั้งนี้ข้าจะต้องเอาคืนเขาอย่างแรงแน่นอน”สีหน้าของเวินซื่อเคร่งขรึมลง น้ำเสียงไม่พอใจเป็นอย่างยิ่งฉางเสี่ยวหานลุกขึ้นกล่าวว่า “ไม่ ๆ ๆ ไม่ต้องหรอกธิดาศักดิ์สิทธิ์ เมื่อครู่ท่านช่วยตบคืนแทนเสี่ยวหานแล้ว ไม่จำเป็นต้องทำอะไรอีกเจ้าค่ะ”ฉางเสี่ยวหานรู้จักคนในเมืองหลวงน้อยมาก แต่หลังจากติดตามเวินซื่อมาเป็นเวลานาน ก็ได้เรียนรู้เรื่องต่าง ๆ มากขึ้นเมื่อได้ยินคำพูดที่ธิดาศักดิ์สิทธิ์พูดกับสองพ่อลูกคู่นั้นเมื่อครู่ ก็ย่อมสามารถคาดเดาตัวตนของพวกเขาได้อย่างง่ายดายคนหนึ่งคืออดีตบิดาของธิดาศักดิ์สิทธิ์ อีกคนคืออดีตพี่ชายของธิดาศักดิ์สิทธิ์ความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขานั้นย่ำแย่มากพออยู่แล้ว หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ต้องทะเลาะกับพี่ชายหนักขึ้นด้วยเรื่
เขาขบริมฝีปากล่างแน่น กัดปากของตัวเองแตกเหมือนไม่รู้สึกตัว ปล่อยให้เลือดไหลลงจากมุมปากช้า ๆ“หลินเนี่ยนฉือล่ะ?”เวินจื่อเยวี่ยเอ่ยปากถามขึ้นทันใด“ข้าอยากพบนาง”“นางไม่อยากพบท่าน”เวินซื่อเอ่ยขึ้นอย่างราบเรียบ“ข้าบอกว่าข้าอยากพบนาง!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดลั่นอย่างฉุนเฉียวขึ้นมาทันใด พลางปัดมือของจางเสี่ยวหานออกมือของจางเสี่ยวหานถูกตีเจ็บ ตกใจสะดุ้งโหยง เมื่อนางรู้ตัวก็เอื้อมมือออกไปอีกครั้ง คว้าเพียงหนังสือถอนหมั้นฉบับนั้นไว้ส่วนจี้หยกก็ร่วงลงสู่พื้นดัง “ตุ้บ” ตามมาด้วยเสียงแตกหักดังขึ้น จี้หยกแยกออกเป็นสองส่วนทันทีเวินจื่อเยวี่ยที่ยังอยู่ในอาการฉุนเฉียวเมื่อได้ยินเสียงนี้อย่างกะทันหัน ก็ก้มหน้าลงมอง เกิดความสับสนขึ้นโดยพลันเขารีบเก็บจี้หยกขึ้นมา เมื่อมองดูรอยแตกหักนั้น ก็ไม่อาจยับยั้งไฟโทสะที่อัดอั้นอยู่เต็มอกไว้ได้ เพียงชั่วครู่ก็ระเบิดอารมณ์ใส่ฉางเสี่ยวหาน...“ใครให้เจ้าทำของของข้าพัง! เจ้าอยากตายหรือไง?!”“อะไรนะ? ไม่ใช่ข้า เป็นท่านต่างหากที่ปัดมือของข้าเอง...”“สาวใช้ต่ำต้อยอย่างเจ้ายังกล้าเถียงอีก!”เวินจื่อเยวี่ยลุกพรวดขึ้น สีหน้ามีรอยพยายาท ยกมือขึ้นตบหน้าฉางเส
เวินจื่อเยวี่ยมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างไม่อยากจะเชื่อ “ท่านพ่อ พูดเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร?”เวินจื่อเยวี่ยเงียบไปครู่หนึ่ง “เจ้าน่าจะเข้าใจ เจ้าสาม”“ข้าไม่เข้าใจ!”เวินจื่อเยวี่ยตวาดออกมาทันใด พลางจ้องมองไปที่บิดาของเขาอย่างไม่ละสายตาเวินเฉวียนเซิ่งถอนหายใจอีกครั้ง “แค่การหมั้นหมายเท่านั้น พ่อรู้ว่าเจ้าไม่เต็มใจยอมรับ แต่พี่ใหญ่ของเจ้ามีเวลาเหลือไม่มากแล้ว ถ้ายังไม่เอายากลับไปอีก เขาจะต้องตายในไม่ช้า”“เจ้าสาม เจ้าจะทนเห็นพี่ใหญ่ของเจ้าตายไปได้จริงหรือ?”เวินจื่อเยวี่ยที่ได้ยินคำพูดประโยคนี้ของเขาได้ถามด้วยเสียงอันสั่นเครือเล็กน้อย “ก็เลยต้องเสียสละการหมั้นของข้าเพื่อช่วยพี่ใหญ่อย่างนั้นหรือ? ทั้ง ๆ ที่เรายังมีวิธีอื่นอีก แต่ท่านก็ยังยืนกรานที่จะขอร้องเวินซื่อ?!”“ยังมีวิธีอื่นอีกหรือ?”สีหน้าของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลง น้ำเสียงแย่มาก “ไม่ว่าจะเป็นบัวหิมะก็ดี เห็ดหลินจือสีม่วงอายุหนึ่งร้อยปีก็ดี หรือหญ้าฝรั่นที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำก็ดี เจ้าคิดว่ามีสิ่งไหนหาง่ายบ้าง?!”“หากพี่ใหญ่ของเจ้ายังยืดเวลาได้อีกครึ่งค่อนเดือน พ่อก็จะไม่รีบร้อนเช่นนี้! แต่นี่พี่ใหญ่ของเจ้าอาจตายได้
นางมองเวินเฉวียนเซิ่งอย่างเย็นชา “ท่านไม่มีคุณสมบัตินี้ตั้งนานแล้ว”“เวินซื่อ! จงระวังท่าทีในการพูดจาของเจ้าด้วย แม้ว่าตอนนี้เจ้าจะเป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์แล้ว แต่ความสัมพันธ์พ่อลูกของเจ้ากับพ่อจะไม่มีทางเปลี่ยนแปลง อย่าลืมว่ายังมีเลือดของสกุลเวินไหลเวียนอยู่ในตัวเจ้า”“ใครบอกว่าเปลี่ยนแปลงไม่ได้?”เวินซื่อยิ้มเยาะ “ความสัมพันธ์นี้จะเปลี่ยนไปในไม่ช้า แต่ตอนนี้ขอวกกลับเข้าประเด็นก่อน ท่านเจิ้นจั๋วกง ท่านยังไม่ได้บอกตัวเลือกของท่านเลย ท่านวางแผนที่จะเลือกใครกันแน่?”ล้มเหลวในการเล่นกับอารมณ์ ล้มเหลวในการข่มขู่กลับมาสู่เงื่อนไขข้อแรกสุดอีกครั้ง สายตาของเวินเฉวียนเซิ่งเย็นชาลงระดับหนึ่งในทันใดเวินซื่อดูเหมือนจะมองไม่เห็นเลย เร่งรัดเขาด้วยอารมณ์ที่ดีมาก“ข้ามีเวลาไม่มากนัก ท่านเจิ้นจั๋วกงรีบตัดสินใจโดยเร็วที่สุดเถอะ มิฉะนั้นก็จะไม่มีการเจรจาใด ๆ อีกแล้ว”นางหันไปมองเวินเฉวียนเซิ่งด้วยรอยยิ้มตาหยี “‘พี่ใหญ่แสนดี’ ของข้าก็น่าจะมีเวลาไม่เพียงพอใช่ไหม?”“ถุย!”เวินจื่อเยวี่ยถ่มน้ำลายใส่นางอย่างรุนแรง “พี่ใหญ่ไม่มีน้องสาวที่ชั่วร้ายอย่างเจ้า!”“ถูกต้อง ข้าชั่วร้าย แต่ก็เทียบไม่ได้กับเว