แชร์

บทที่ 7

“ตือ-ตื่นแล้วเหรอ?!”

เมื่อทุกคนเห็นตาเฒ่าฉาวที่ตื่นขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทุกคนก็ตกใจอีกครั้ง

โดยเฉพาะหลังจากที่พวกเขาเห็นว่าเครื่องมือการแพทย์ที่บ่งชี้ทั้งหมดกลับมาเป็นปกติ พวกเขาถึงกับพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว

ไม่มีใครคาดคิดได้ว่าโรคประหลาดที่แม้แต่ทีมผู้เชี่ยวชาญทั้งหมดของพวกเขาก็ไม่สามารถรักษาให้หายได้ จะถูกชายหนุ่มคนหนึ่งรักษาให้หาย

มันช่างแปลกประหลาดมากจริงๆ!

"เยี่ยมมาก! ในที่สุดคุณปู่ก็ปลอดภัยแล้ว!"

เมื่อฉาวอานอานเห็นว่าสีหน้าของตาเฒ่าฉาวกลับมาเป็นปกติ ฉาวอานอานก็ดีใจจนร้องไห้

และในที่สุด ฉาวซวนเฟยก็โล่งใจสักที

“คุณลู่คะ ฉันไม่รู้จะขอบคุณคุณยังไงให้พอกับความมีน้ำใจมากๆครั้งนี้ของคุณได้ จากนี้ไป คุณจะเป็นแขกที่สูงส่งของตระกูลฉาวของเรา!” เธอโค้งคำนับอย่างสุดซึ้ง

“ไม่ต้องเกรงใจหรอกคุณฉาว มันเป็นแค่ความพยายามเล็กๆน้อยๆเท่านั้น” ลู่เฉินยิ้มเบาๆ

เดิมทีก็ไอ้แค่คำพูดถ่อมตัวทั่วๆไป แต่พอศาสตราจารย์จางได้ฟังแล้ว เขารู้สึกว่ามันแสบหูมาก

โรคที่พวกเขาใช้ความพยายามอย่างเต็มที่ก็ไม่สามารถรักษาได้ แต่อีกฝ่ายกลับบอกว่าเป็นความพยายามเพียงเล็กน้อย?

นี่มันตบหน้าพวกเขาชัดๆเลย? !

“เฮ้ คุณอะไรนั่น ตะขาบนี้เป็นเรื่องอะไรกัน? ทำไมในร่างกายคุณปู่ฉันถึงมีสิ่งนี้ได้ล่ะ?” ฉาวอานอานถามอย่างกะทันหัน

“นี่ไม่ใช่ตะขาบธรรมดา แต่เป็นแมลงพิษร้าย”

ขณะที่ลู่เฉินพูด จู่ๆเขาก็มองไปที่ตาเฒ่าฉาวแล้วถามว่า "ตาเฒ่าฉาว ท่านเคยไปที่ต่างจังหวัดและเขาได้กินอะไรที่ไม่ควรกินด้วยใช่ไหม?"

“ใช่ ผมได้ไปเข้าร่วมงานเลี้ยงในเมืองหลวงของจังหวัดเมื่อสองสามวันก่อนและได้ดื่มไวน์ด้วย” ตาเฒ่าฉาวพยักหน้า

“ถ้าผมเห็นไม่ผิด คุณคงถูกวางยาด้วยแมลงพิษร้ายนี้แน่ๆ” คำพูดของลู่เฉินนั้นทำให้คนอื่นประหลาดใจ

“แมลงพิษร้าย?” ตาเฒ่าฉาวตกตะลึงเล็กน้อย

คนอื่นก็ต่างมองหน้ากันด้วยความตกใจเช่นกัน

เพราะสิ่งนี้ฟังดูค่อนข้างลึกลับ

“ไร้สาระ! แมลงพิษร้ายอะไร? ทั้งหมดนี้เป็นเรื่องหลอกลวง! ผมว่าตาเฒ่าฉาวต้องกินไข่ตะขาบไปโดยไม่ได้ตั้งใจแน่ๆ!” ศาสตราจารย์จางขัดจังหวะ

“ศาสตราจารย์จางครับ ขอถามหน่อยว่าไข่ตะขาบธรรมดาจะสามารถอยู่รอดในร่างกายมนุษย์ได้หรอครับ? ถ้าคุณไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร แต่โปรดอย่าโอ้อวดความโง่เขลาของคุณออกมา!” ลู่เฉินกล่าวอย่างสงบ

"แก......"

ศาสตราจารย์จางที่กำลังจะตอกกลับ แต่ก็โดนฉาวซวนเฟยขึงตาใส่ เขาเลยกลัวจนไม่กล้าพูดอะไรสักคำ

"ขอบคุณคุณลู่ที่ตักเตือน ฉันจะตรวจสอบเรื่องนี้อย่างจริงจัง"ฉาวซวนเฟยพูดอย่างจริงจัง

เธอเคยได้ยินเกี่ยวกับแมลงพิษร้ายมาก่อน แต่เธอไม่เคยเห็นมัน และเธอไม่เคยคาดคิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับคุณปู่ของเธอ

ไม่ว่าใครก็ตามที่กล้าทำถึงขนาดนี้ เธอก็จะให้เขาคนนั้นได้ชดใช้!

“พิษของตาเฒ่าฉาวถูกกำจัดออกไปแล้ว แต่พิษที่เหลืออยู่นั้นยังไม่ได้ถูกกำจัดออก ได้รับยาตามใบสั่งยานี้แล้วดื่มมันเป็นเวลาสามถึงห้าวันแล้วจะดีขึ้นเอง” ลู่เฉินยื่นใบสั่งยาให้

"ขอบคุณคุณลู่มากๆค่ะ" ฉาวซวนเฟยรีบรับไป

“เอาล่ะ ถ้าไม่มีเรื่องอื่นแล้ว ผมขอตัวก่อนนะครับ”

“ฉันไปส่งคุณเอง” ฉาวซวนเฟยยื่นมือของเธอออกเพื่อนำทาง

“พี่ แมลงขวดนี้จะจัดการยังไงละคะ?” จู่ๆฉาวอานอานก็ถาม

“ก่อนหน้านี้ศาสตราจารย์จางพูดว่าเขาจะกินแมลงขวดนี้ ถ้าอย่างนั้น ก็ตอบสนองความต้องการเขาสะสิ! พวกคุณเฝ้าดูที่นี่ หากเขากินไม่หมด ห้ามให้ออกไปไหนเด็ดขาด!” ฉาวซวนเฟยกล่าวอย่างเย็นชา

"ห๊ะ?"

ทันทีที่คำพูดนี้พูดออกไป ใบหน้าของศาสตราจารย์จางก็ซีดลง

...

ขณะนี้ ณ วอร์ดห้องหนึ่งของโรงพยาบาล

“แม่! ลู่เฉินกล้ามาต่อยผม ครั้งนี้แม่ต้องแก้แค้นแทนผมนะ!”

หลี่ห้าวที่นอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย เขางอแงไม่หยุด

มีผ้าพันแผลที่หนาหลายชั้นพันรอบบนหัวของเขา เหลือเพียงตา ปาก และจมูกของเขาที่สามารถมองเห็นได้เท่านั้น

“ไม่ต้องกังวลนะลูก แม่ต้องแก้แค้นแทนลูกแน่ๆ!” จางชุ่ยฮัวสงสารเขามาก

“ป้าครับ ลู่เฉินมีความกล้ามากจนกล้าลงไม้ลงมือกับพวกคุณจริงๆเหรอ?”

ในเวลานี้ จู่ๆชายหนุ่มที่รูปหล่อในชุดสูทที่อยู่ข้างๆก็เอ่ยปาก

คนนี้คือหยางเหว่ย เป็นนายน้อยคนที่สองของตระกูลหยาง

เขายังเป็นคนที่ตามจีบหลี่ชิงเหยา เป็นชายหนุ่มที่ภักดีที่สุดอีกด้วย

“หยางเหว่ย เราไม่ได้เห็นกับตา วันนี้เขาเหมือนเป็นบ้าไปแล้ว เขาต่อยตีลูกฉันอย่างบ้าคลั่ง และไม่มีใครสามารถหยุดเขาได้เลย” จางชุ่ยฮัวดูขุ่นเคืองมาก

“โอ้? คนคนนี้เย่อหยิ่งขนาดนี้เชียวเหรอ?”

หยางเหว่ยพูดด้วยความร้ายกาจว่า "คุณป้า พอดีผมรู้จักเพื่อนบางคนของสังคมอิทธิพลมืด ต้องการให้ผมช่วยระบายความโกรธนี้ให้ไหมครับ"

“ถ้าเป็นเช่นนั้นจะดีมากเลย!” จางชุ่ยฮัวดูมีความสุข

“พี่เหว่ย! พี่ต้องให้คนมาซ้อมมันให้แรงๆเลยนะ ถ้าทำให้เขาพิการได้จะดีที่สุดเลย!” หลี่ห้าวพูดด้วยความเย่อหยิ่ง

“ไม่มีปัญหา ผมรับรองว่าตั้งแต่นี้ไปเขาจะได้นอนบนเตียงเท่านั้น!” หยางเหว่ยยิ้มอย่างชั่วร้าย

เขาไม่พอใจกับลู่เฉินมานานแล้ว คนที่ยากจนและไร้อำนาจอย่างเขา จะมีสิทธิ์อะไรที่แต่งงานกับประธานสาวสวยกันล่ะ?

ครั้งนี้เขาคว้าโอกาสไว้ได้ เขาจะต้องถีบมันลงให้ได้!

“หลี่ห้าว อาการบาดเจ็บของคุณเป็นยังไงบ้าง?”

ในขณะนี้ หลี่ชิงเหยาที่สวมชุดเดรสยาวสีดำเดินเข้าไปในวอร์ดอย่างกะทันหัน

รูปร่างที่เซ็กซี่และใบหน้าที่สวยงามของเธอทำให้ดวงตาของหยางเหว่ยเป็นประกาย

“พี่! ในที่สุดพี่ก็มาแล้ว ดูสิ ผมถูกต่อยถึงขนาดนี้เลยนะ!”

หลี่ห้าวลุกขึ้นนั่งทันทีและชี้ไปที่ใบหน้าที่คลุมด้วยผ้าพันแผลของเขา

“ฉันรู้ทุกอย่างแล้ว ลู่เฉินก็ขอโทษกับฉันทางโทรศัพท์แล้วด้วย เรื่องนี้ก็ช่างมันเถอะ” หลี่ชิงเหยากล่าวด้วยความปลอบใจ

"ช่างมันเถอะหรอ?"

ทันใดนั้นเสียงของหลี่ห้าวก็ดังขึ้น "พี่! พี่ไม่ได้ล้อผมเล่นใช่ไหม? ผมถูกต่อยจนเป็นแบบนี้ แค่คำขอโทษคำเดียวก็ช่างมันแล้วหรอ? พี่มองผมเป็นอะไร!"

"งั้นคุณต้องการอะไร?"

“ผมต้องการให้มันคุกเข่าลงตรงหน้าผมแล้วยอมรับความผิดของตัวมันเอง!”

“เขาเป็นพี่เขยของคุณนะ อย่าทำให้มันเป็นเรื่องใหญ่เลย”

“พี่เขยอะไรเนี่ย! อย่าคิดว่าผมไม่รู้นะ พวกพี่หย่ากันแล้ว!”

“ไม่ว่ายังไงก็ต้องไว้หน้ากันบ้าง อีกอย่าง เรื่องนี้คุณไม่ได้ผิดงั้นหรอ?”

“พี่! ทำไมพี่ถึงพูดแทนคนนอกแบบนี้ล่ะ? ผมจะทำอะไรผิดได้? ผมแค่โยนจี้หยกของมันลงบนพื้นก็เท่านั้น มันผิดตรงไหนหรอ!” หลี่ห้าวไม่พอใจมาก

“เดี๋ยวนะ! คุณพูดว่าอะไรนะ? จี้หยก?” หลี่ชิงเหยาขมวดคิ้ว

“ก็จี้หยกที่เมื่อก่อนพี่ใส่ติดตัวไว้ตลอดเวลานั่นแหละ เขาบอกว่ามันเป็นของที่สืบทอดของครอบครัวเขา ผมมองว่ามันก็เป็นแค่ขยะ!” หลี่ห้าวเบ้ปากอย่างเหยียดหยาม

“เจ้านี่...คุณโยนจี้หยกนั้นลงบนพื้นงั้นเหรอ?” หลี่ชิงเหยาถามอย่างลองใจ

“ใช่! ไอ้นั่นมันไม่รู้จักเจียมตัว ผมชอบจี้หยกนั้น แต่มันกลับไม่ยอมให้ผม ผมเลยโยนมันลงบนพื้นแล้วมันก็แตกเป็นชิ้นๆ!” หลี่ห้าวพูดอย่างมีเหตุผล

“คุณ...คุณก็สมควรแล้วจริงๆที่ถูกต่อย!”

หลังจากได้รับคำตอบแล้ว หลี่ชิงเหยาก็โกรธมาก

ในที่สุดเธอก็เข้าใจแล้วว่าทำไมลู่เฉินถึงต่อยเขา

ปรากฎว่าเป็นเพราะน้องชายของเธอเองที่แย่งจี้หยกไม่สำเร็จ แล้วเขายังโยนจี้หยกแตกเป็นชิ้นๆอีกด้วย

คนอื่นคงไม่รู้ แต่เธอรู้ดีว่าจี้หยกนั้นมีความหมายต่อลู่เฉินแค่ไหน

มันไม่เพียงแต่เป็นของที่สืบทอดของครอบครัวเขาเท่านั้น แต่ยังเป็นของชิ้นเดียวที่แม่ของเขาทิ้งไว้ให้ มันเป็นทั้งความคิดถึงและการฝากฝัง

ตอนที่พวกเขาหย่าร้างกัน ลู่เฉินสามารถไม่เอาของอะไรเลยก็ได้ แต่เขาไม่สามารถทิ้งจี้หยกนั้นได้

นี่ก็แสดงให้เห็นถึงความสำคัญของจี้หยกนั้นสำหรับเขาแล้ว

“พี่ มันเป็นแค่จี้หยกเท่านั้นไม่ใช่เหรอ? พี่ดุผมทำไมเนี่ย?” หลี่ห้าวรู้สึกน้อยใจเล็กน้อย

“ใช่! จี้หยกจะสำคัญกว่าชีวิตของน้องชายลูกหรือ?” จางชุ่ยฮัวรู้สึกไม่พอใจมาก

“เรื่องนี้ฉันจะคิดบัญชีกับคุณในภายหลัง!”

หลี่ชิงเหยาขี้เกียจที่จะอธิบาย หลังจากพูดประโยคนี้ไป เธอก็รีบจากไป

น้องเธอเป็นคนเย้อหยิ่งและไร้เหตุผล บวกกับแม่ของเธอที่บิดเบือนความจริงและใส่ร้ายเขาด้วย

นอกจากนี้ เมื่อกี้เธอยังได้พูดคำที่ทำให้เขาเจ็บใจไปด้วย

มาคิดดูแล้ว เธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกเสียใจ

ก็จริงแหละ ถ้าลู่เฉินไม่ได้โกรธจนถึงขีดสุดแล้ว

ด้วยนิสัยของลู่เฉิน เขาคงจะไม่ลงไม้ลงมือกับคนอื่นง่ายๆแบบนี้?

เป็นเธอเอง ที่โทษเขาไปด้วยความเข้าใจผิด...

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status