ตอนที่ 6
ภายในห้องรับแขกตกอยู่ในภาวะเงียบงันอีกครั้งหลังจากบุตรสาวคนโตเดินออกไปพร้อมเงินนับแสนที่คนเป็นแม่ทนลูกตื๊อของบุตรสาวคนโตไม่ได้จึงได้ควักเงินหลายหมื่นให้บุตรสาวไปอีกครั้งจนถูกผู้เป็นสามีต่อว่าเข้าให้
“คุณกิต นี่คุณไม่คิดจะทำอะไรเลยหรือไง จะนั่งรอ นอนรอให้ธนาคารมายึดบ้าน หรือรอให้เจ้าหนี้มาฆ่ายกครัวก่อนหรือไง คุณถึงจะคิดได้ว่าควรทำยังไงต่อไปกับหนี้สินหลายสิบล้านของคุณ” คุณปภาดาเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ หลังลอบมองสีหน้าของผู้เป็นสามีแล้วช่างขัดหูขัดตาเหลือทนกับท่าทีไม่ทุกข์ร้อนเหมือนเช่นหลายวันก่อน
“ผมจะขายบ้านหลังนี้ มันคงพอให้เราเอาไปใช้หนี้ได้บ้าง แล้วผมจะขอร้องเจ้าหนี้ให้เขาให้โอกาสเราได้ผ่อนผันบ้าง ส่วนเรื่องโรงแรม เมื่อสองวันก่อนมีตัวแทนของมหาเศรษฐีจากฮ่องกงมาขอซื้อกิจการและผมก็ตัดสินใจขายโรงแรมให้เขาไปแล้ว รอเพียงฝ่ายนั้นมาตกลงทำสัญญาซื้อขายกันเท่านั้น เราก็จะมีเงินไปใช้หนี้ แต่คงไม่พอ”
คุณกิตติตอบคำถามของภรรยาด้วยเสียงราบเรียบเหมือนไม่ได้รู้สึกอะไรกับสิ่งที่กำลังตกไปอยู่ในมือของคนอื่น ทว่าในใจของท่านนั้นสุดแสนเสียดายสิ่งที่ได้ก่อสร้างมากับมือ แต่จะให้ทำอย่างไรได้เพราะหากไม่ขายก็มีแต่ล้มละลาย และอาจถูกฆ่ายกครัวจริงตามที่ภรรยาพูดก็เป็นได้ หากไม่มีเงินไปใช้หนี้
“ไม่! ฉันไม่ยอมให้คุณขายบ้านนะคุณกิต” คุณปภาดาเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว
“แต่ผมต้องการขาย เพราะเงินเราไม่พอใช้หนี้” คุณกิตติค้านด้วยน้ำเสียงอ่อนอกอ่อนใจ
“ก็แล้วทำไมคุณไม่ขายโรงแรมให้มันพอกับหนี้สินที่เรามีกันล่ะ ไม่ได้! ยังไงฉันก็ไม่ยอมให้คุณขายบ้านหลังนี้เด็ดขาด”
คนเป็นภรรยาค้านเสียงดังลั่นห้องนั่งเล่น เหล่าคนรับใช้ คนสวน ป้าช้อยต่างก็ชินชาไปเสียแล้วกับการโต้เถียงของคุณกิตติและคุณปภาดา ทว่าสำหรับปิ่นมุก...เธอตกใจกับเสียงเอะอะไม่น้อย ก่อนที่เสียงจะเงียบหายไปเมื่อเธอเดินออกมาชะโงกหน้ามองจากชั้นบน
โดยที่คุณกิตติเรียกให้คู่ชีวิตเข้าไปพูดคุยในห้องหนังสือเพราะไม่ต้องการให้ปิ่นมุกมารับรู้เรื่องหนี้สินของครอบครัว เพราะอีกไม่กี่สัปดาห์ ปิ่นมุกต้องแต่งงานกับอธิป ส่วนปฐวีและปิ่นสุดา ท่านจะมอบเงินให้คนละก้อนเพื่อให้สองพี่น้องไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศและไม่ต้องกลับมาที่นี่อีก เพราะรู้ดีว่าตนไม่มีปัญญาหาเงินแปดสิบล้านได้แน่
“คุณจะเอายังไง แต่ฉันไม่ให้คุณขายบ้านหลังนี้เด็ดขาด” เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องสมุดได้คุณปภาดาก็เปิดฉากขึ้นทันทีด้วยน้ำเสียงกราดเกรี้ยว
“ผมต้องขาย เพราะเงินมันไม่พอ ธุรกิจโรงแรมของเราขายได้ไม่ กี่สิบล้าน แล้วผมก็เอาเงินจากตรงนั้นไปจ่ายดอกเบี้ยให้ธนาคารบางส่วนและจ่ายหนี้ที่กาสิโน เพราะฉะนั้นผมจำเป็นต้องขาย แล้วผมจะมอบเงินก้อนใหญ่ให้เจ้าปัดกับยัยเปรมไปใช้ชีวิตอยู่ต่างประเทศ แล้วไม่ต้องกลับมาอีกยัยปิ่นผมจะให้แกแต่งงานกับอธิป ส่วนคุณกับผม เราจะไปหาบ้านเช่าอยู่กันตามลำพัง” คุณกิตติบอกเสียงเรียบๆ ด้วยหวังว่าคู่ชีวิตจะอยู่ร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน เมื่อส่งลูกทั้งสามไปอยู่ในที่ปลอดภัย
“ฉันไม่ยอมไปอยู่ห้องเช่ากับคุณแน่คุณกิต เพราะถ้าคุณจะส่งตาปัดยัยเปรมไปอยู่ต่างประเทศจริง ฉันก็จะไปอยู่ด้วย แล้วก็เชิญคุณกับ ยัยปิ่นหาเงินใช้หนี้กันเองเถอะ แล้วคุณก็รีบๆ ขายไปซะเลยไอ้คฤหาสน์หลังนี้น่ะ ฉันกับตาปัด ยัยเปรมจะได้รีบไปอยู่ต่างประเทศเสียที” คุณปภาดารีบเสนอเพราะไม่อยากอยู่ให้อับอายผู้คน
“คุณภา” คนเป็นสามีครางออกมาแทบไม่เชื่อหู ก่อนเฝ้ามองคู่ชีวิตด้วยสายตาตัดพ้อ
“อย่ามามองฉันแบบนี้คุณกิต เพราะฉันไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับหนี้สินของคุณเลยสักนิด แต่เป็นคุณเองต่างหากที่บอกว่าจะเดินทางไปติดต่องานต่างประเทศอยู่บ่อยครั้ง แต่ที่แท้คุณก็เอาเงินไปถลุงเล่นที่กาสิโนจนหมดตัว เพราะฉะนั้นฉันจะหย่ากับคุณ! แล้วก็เชิญคุณหาทางแก้ไขปัญหานี้เองเถอะ”
น้ำเสียงของผู้เป็นภรรยาพูดออกมาแต่ละคำช่างบาดลึกทำร้ายใจคนฟังยิ่งนัก คุณกิตติเลยได้แต่เฝ้ามองภรรยาด้วยความเสียใจ ทว่าคุณปภาดาไม่ได้มีท่าทีสะทกสะท้านกับสายตาตัดพ้อต่อว่าของสามีแต่กลับเร่งเร้าเอาคำตอบเรื่องหย่าแทน
นาทีถัดมาคุณกิตติจึงพยักหน้ายอมตกลงโดยไม่โต้แย้งแม้แต่คำเดียว แล้วก็ได้แต่มองตามคู่ชีวิตเดินออกไปจากห้องนั่งเล่นด้วยความปวดร้าวใจ แม้ว่าไม่ได้ตั้งใจครองคู่เป็นสามีภรรยากับปภาดามาแต่แรกก็ตามที แต่เป็นเพราะความผิดพลาดในอดีต ทำให้ต้องรับผิดชอบและแต่งงานกับปภาดาแทนตวงรัตน์ หญิงสาวอันที่เป็นรักและกำลังจะสร้างครอบครัวด้วยกันแต่ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน
เสียงถอนใจหนักหน่วงถูกผ่อนออกมาครั้งแล้วครั้งเล่า ใจหนึ่งก็ภาวนาให้ภรรยาหวนกลับเข้ามาในห้องนั่งเล่นและบอกว่าจะอยู่เคียงข้าง เพื่อร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วยกัน แต่ทุกอย่างก็เป็นเพียงแค่ความหวังลมๆ แล้งๆของคุณกิตติเท่านั้น เมื่อภรรยาไม่ได้หวนกลับคืนมาแต่อย่างใด ขณะที่คุณปภาดาก็เรียกหาสาวใช้ให้มาช่วยจัดกระเป๋าและติดต่อลูกทั้งสองคนทว่าคนเป็นแม่กลับติดต่อไม่ได้แม้แต่คนเดียว
ตอนที่ 7สองวันถัดมา...หลังจากปฐวีเดินทางมาถึงเชียงใหม่ตั้งแต่วันก่อน ชายหนุ่มได้ออกตามหาฮุ่ยจื่อที่บริษัทของเธอโดยหวังจะงอนง้อขอคืนดีกับหญิงสาว ทว่าทุกคนในบริษัทตอบแค่ว่าไม่อยู่และยังถามเซ้าซี้อีกว่าเขาเป็นใคร ปฐวีก็น้ำท่วมปากพอควร เพราะระหว่างที่คบหาฮุ่ยจื่อ เขาและเธอคบหากันแบบลับๆ และ ฮุ่ยจื่อก็ไม่อยากให้พี่ชายรู้เรื่องที่เธอแอบมีแฟน นั่นเพราะหญิงสาวมีว่าที่คู่หมั้นอยู่ที่ฮ่องกง ปฐวีจึงต้องออกมาจากบริษัทของฮุ่ยจื่อ หญิงสาวที่ตนหลอกให้รักหลอกให้หลงแล้วเฉียดหัวทิ้งหลังจากออกจากบริษัทมาได้ ปฐวีก็เร่งเดินทางไปมาตามหาฮุ่ยจื่อที่แมนชั่น ซึ่งเป็นสถานที่หาความสุขของเขาและเธอ ก็ได้ความว่า ฮุ่ยจื่อ ไม่ได้มาที่นานมากแล้ว ปฐวีจึงเดินทางกลับโรงแรมที่พักด้วยความหงุดหงิด เพราะไม่รู้จะติดตามหาหญิงสาวได้ที่ไหนอีก มือถือที่ใช้ติดต่อกันก็ติดต่อไม่ได้ กระทั่งเช้าวันรุ่งขึ้นปฐวีจึงได้นัดให้
ตอนที่ 8“คุณจินนี่ ทำเหมือนไม่ค่อยชอบผู้ชายเลยนะครับ ตกลงเป็น ลาเต้ร้อนนะครับ” หนุ่มคารมดีเอ่ยเย้า ก่อนหันไปเรียกเด็กในร้านพร้อมจัดการสั่งกาแฟให้หญิงสาว“ฉันขอโทษค่ะ คือ...ฉันไม่ค่อยมีเพื่อนเป็นผู้ชายนะคะ” หญิงสาวพูดขึ้นเมื่อถูกแววตากรุ้มกริ่มของเขา กลับมาจ้องมองเธอ“ถ้างั้น...ผมขอสมัครเป็นเพื่อนชายของคุณได้ไหมครับ” ปฐวีเผยยิ้มมีเสน่ห์หลังพูดจบ พานทำให้หัวใจของสาวสวยวัยยี่สิบห้าไหววูบและรู้สึกเก้อเขินอย่างบอกไม่ถูก“ได้ไหมครับ คุณจินนี่” ปฐวีทำหน้าสลด พลางเลื่อนมือไปวางทาบบนมือสวย เจ้าของมือสวยรู้สึกเหมือนมีกระแสไฟแรงสูงวิ่งผ่านเธออย่างรวดเร็ว หัวใจก็พากันเต้นไม่เป็นจังหวะยามที่มือใหญ่คลึงเล่นบนมือของเธอ“ได้ไหมครับ” เจ้าของฝ่ามือใหญ่ย้ำถามเสียงนุ่มและไม่คิดจะหยุดมือที่ทั้งคลึงและลูบไล้มือสวย“เอ่อ...ก็ได้ค่ะ ฉันยินดีค่ะ” หญิงสาวเอ่ยตอบเสียงไม่มั่นคงนัก ก่อนเงยหน้ามองใบหน้าหล่อเหลาของเพื่อนใหม่พลางยิ้มหวานต
ตอนที่ 9 เกาะเหอฮวาเกาะส่วนตัวของ ถังเฟ่ยหลง นักธุรกิจหนุ่มลูกเสี้ยวไทย-ฮ่องกง วัยสามสิบห้าปี ที่ได้ซื้อเกาะแห่งนี้ไว้เมื่อสิบกว่าปีก่อนจากเจ้าของเกาะคนเก่าที่ประกาศขายเกาะในจังหวัดตราด ถังเฟ่ยหลงจึงได้ตัดสินใจซื้อพร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเกาะเป็นชื่อของดอกไม้ที่มารดาโปรดปรานมากที่สุดคือดอกบัว เกาะเหอฮวาหรือเกาะดอกบัว จึงเป็นสถานที่พักผ่อนส่วนตัวของถังเฟ่ยหลงนับตั้งแต่บิดามารดาและน้องสาวคนโตเสียชีวิต“ตอนนี้ไอ้ปฐวี มันมุดหัวอยู่ที่ไหน” เอ่ยถามเสียงเข้ม ก่อนยกแก้วน้ำเปล่าขึ้นดื่มหลังทานอาหารเช้าเสร็จสิ้น“นายปฐวีอยู่ที่เชียงใหม่ครับคุณถัง เห็นว่าไปหาเพื่อน” กู่ฉินเอ่ยตอบตามที่ได้รับรายงานจากลูกน้องที่ให้ติดตาม แต่ลูกน้องคนดังกล่าวกลับพลาดโอกาสที่จะได้เห็นปฐวีพูดคุยอยู่กับฮุ่ยหลัน เพราะเลี่ยงไปเข้าห้องน้ำเสียก่อนและกว่าจะเดินออกมา ฮุ่ยหลันก็ขอตัวกลับบ้านพักไปแล้ว“หาเพื่อน” เจ้านายหนุ่มทวนคำ คิ้วเข้มพาดโค้ง
ตอนที่ 10ช่วงค่ำของวัน ปฐวีได้เดินทางมายังห้องพักของฮุ่ยหลัน โดยที่สาวสวยสั่งให้ชายหนุ่มคอยระวังตัวเวลามาหาตน ปฐวีแม้สงสัยแต่ก็ยอมทำตามความต้องการของหญิงสาว ที่บอกเหตุผลเพียงว่าไม่อยากให้คนของพี่ชายรู้ว่าเธอนัดผู้ชายมาหาที่ห้องพัก และทันทีที่ส่งสัญญาณเจ้าของห้องก็เปิดประตูออกมาต้อนรับด้วยสีหน้ากระดายอาย“คืนนี้คุณจินนี่สวยมากเลยนะครับ” หนุ่มคารมเอ่ยชมเปราะ เมื่อเข้ามาอยู่ในห้องและนั่งพักบนโฟซาบุผ้าลายหลุยส์อย่างประณีตและสวยงาม“คุณปัดปากหวานกับผู้หญิงทุกคนเลยหรือเปล่าคะ” ฮุ่ยหลันเอ่ยถามขณะนำแก้วน้ำเย็นๆ วางบนโต๊ะใกล้แขกหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา“ไม่...ไม่เลยครับ ผมไม่ชอบชมใครพร่ำเพื่อ แต่วันนี้คุณสวยมาก สวยมากจริงๆ นะครับ” หนุ่มหล่อออกตัว พลางขยับเข้าไปใกล้เจ้าของห้องพัก ฮุ่ยหลันมีสีหน้าเก้อเขินปนตกใจ ก่อนจะก้มหน้าต่ำเมื่อแขกหนุ่มยื่นมือมากุมมือของเธอและยกขึ้นจุมพิต โดยที่สายตาของปฐวีจดจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยไม่วางตา“เอ่อ...ปล่อยมือฉันเถอะค่ะคุณปัด เราจะได้ออกไปเที่ยวด้วยกัน” ฮุ่ยหลันเอ่ยขอร้องเสียงแผ่วพลิ้ว รู้สึกหัวใจเต้นแ
ตอนที่ 11แผนการต่างๆ ของปฐวีหรืออีกชื่อคือ ‘ปกรณ์’ เริ่มดำเนินอย่างเชื่องช้า พร้อมรอยยิ้มประดับบนใบหน้าหล่อเหลายามก้มมองเหยื่อสาว ส่วนฮุ่ยหลัน...เธอค่อยๆ เปิดเปลือกตาขึ้นมองชายหนุ่มหลังจากต้องผวาเฮือกเมื่อถูกฝ่ามือของชายหนุ่มรุกรานร่างกายที่มันเป็นของเธอแต่เพียงผู้เดียว ทว่าเวลานี้กับถูกชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาบุกสำรวจอย่างจาบจ้วงทว่ามันไม่ได้เจ็บปวดเลยแม้แต่น้อย มีแต่ความหวามไหว ความซาบซ่าน ความอยากรู้ ความอยากเห็น เธอไม่เคยรู้เลยว่าเพียงแค่มือของเขาจะทำให้เธอร้อนผ่าวทั่วร่างได้มากขนาดนี้ ทว่าเมื่อถูกฝ่ามือร้อนของเขาลูบไล้นานๆ เข้า เธอก็รู้สึกคล้ายคนจะจมน้ำ เพราะอากาศที่ใช้หายใจมันหดหายไปเสียดื้อๆ สองมือของเธอเข้ายึดบ่ากว้างเอาไว้ ขณะที่ปฐวีกำลังส่งมอบความสุขแสนหฤหรรษ์ให้กับหญิงสาวอ่อนประสบการณ์อย่างชายชำนาญเชิง‘ฮุ่ยจื่อและฮุ่ยหลันมีส่วนคล้ายคลึงกันมากที่ไม่รู้จักความต้องการของตัวเอง’ รอยยิ้มอย่างผู้ชนะระบายเต็มใบหน้าหล่อเหลาทันทีเมื่อหวนนึกถึงหญิงสาวทั้งสอง“คุณ...ปัดคะ ฉัน....
ตอนที่ 12สองสัปดาห์ถัดมา...ในช่วงค่ำของวัน หลังจากเสร็จสิ้นพิธีหมั้นในช่วงเช้าไป สำหรับการแต่งงานของ ปิ่นมุก อิทธิเชษฐ์ และนักธุรกิจหนุ่มลูกชายเพื่อนรักของบิดา เจ้าบ่าวเจ้าสาวคู่ใหม่ก็ออกมาต้อนรับแขกเหรื่อหน้างานที่ถูกจัดขึ้นกลางห้องบอลรูมของโรงแรมชื่อดัง “น้องปิ่นเหนื่อยไหมครับ” อธิป เจ้าบ่าวแสนดีและไม่เคยคิดขัดคำสั่งของบิดามารดาเอ่ยถามเจ้าสาวแสนสวยด้วยน้ำเสียงอ่อนนุ่ม พลางยิ้มให้กับเจ้าสาวคนสวย เขายอมรับว่าตกหลุมรักว่าที่เจ้าสาวตัวเองนับตั้งแต่ผู้เป็นบิดาเข้าไปเจรจาทาบทามหญิงสาว แม้ก่อนหน้านั้นจะรู้จักเจ้าสาวมาบ้างแต่ก็แค่ผิวเผินจนเขาไม่คิดว่าจะหลงรักหญิงสาว“นิดหน่อยคะพี่อธิป แล้วพี่อธิปล่ะคะ เหนื่อยไหมคะ” เจ้าสาวคนสวยยิ้มเอียงอายแล้วย้อนถาม พลางยื่นมือซับเหงื่อให้เจ้าบ่าว อธิปยิ้มอย่างปลาบปลื้ม“ไม่หรอกจ้ะ พี่ไม่เหนื่อยเลย พี่ดีใจมากต่างหากที่ได้แต่งงานกับ น้องปิ่น ทั้งที่เราไม่ค่อยได้พบกัน” อธิปว่าพลาง
ตอนที่ 13“อย่าเชียวนะยัยเปรม แกก็รู้แล้วนี่ว่าพี่ชายแกหาเงินมาจ่ายดอกเบี้ยได้แล้ว แล้วอีกหน่อยก็คงหมดแล้วละ เพราะฉะนั้นลูกเปรมห้ามหนีแม่ไปไหนเด็ดขาดนะคะ ลูกรัก” ความกรุ่นโกรธจางหายไปทันทีเมื่อบุตรสาวอ้างจะหนีไปอยู่ต่างประเทศคุณปภาดาเลยรีบโอ๋“ก็ได้ค่ะคุณแม่ เปรมรักคุณแม่ที่สุดเลยค่ะ ว่าแต่เมื่อไหร่เราจะได้กลับบ้านกันสักทีล่ะคะคุณแม่ เปรมอยากออกไปเที่ยวมากกว่า เอ่อ...แล้วเปรมขอเงินเพิ่มด้วยนะคะคุณแม่” บุตรสาวคนโตอ้อนพลางแบมือรอเงิน“อะไรกันยัยเปรม แม่เพิ่งจะให้ไปเองนะ” คนเป็นแม่ว่าพลางทำหน้าอ่อนอกอ่อนใจ“คุณแม่ขา เปรมรู้นะคะว่าพี่ปัดเอาเงินให้คุณแม่ตั้งหลายแสนคุณแม่ก็แบ่งให้เปรมบ้างสิคะ นะคะคุณแม่ขา แบ่งให้เปรมบ้าง อีกอย่างเดี๋ยวพี่ปัดก็เอาเงินมาให้คุณแม่อีกแหละค่ะ นะคะคุณแม่ขา” เพราะรู้วิธีประจบประแจงทำให้ปิ่นสุดาออดอ้อนคุณปภาดาแม้จะอ่อนอกอ่อนใจกับนิสัยของบุตรสาว ทว่าตัวท่านก็ไม่เคยตำหนิและให้เงินตามที่บุตรสาวขอไปในที่สุด จากนั้นสองแม่ลูกก็เดินกลับเข้าไปในงานที่แสนจ
ตอนที 14ราวครึ่งชั่วโมงถัดมา ปิ่นมุกก็ได้แต่เหลียวมองผู้คนในรถด้วยความหวาดกลัว หลังจากคนพวกนี้พาเธอย้ายจากรถตู้สีดำเป็นรถคันหรู อีกทั้งยังหวั่นวิตกไปหมดหลังจากเธอถามอะไรไป กลุ่มคนแปลกหน้าไม่มีใครตอบเธอแม้แต่คนเดียว หญิงสาวเลยได้แต่มองสำรวจลักษณะของชายฉกรรจ์ในรถคนอย่างพินิจ เพราะด้วยลักษณะท่าทางการพูดคุยของคนพวกเหล่านี้ ดูยังไงก็ไม่ใช่คนไทย‘แล้วคนพวกนี้เป็นใคร? มาจากไหนกันแน่?’“คุณ! ได้โปรดปล่อยฉันไปเถอะนะ ฉันไม่รู้ว่าพวกคุณเป็นใคร แล้วฉันไปทำอะไรให้ ถึงถูกจับตัวมาแบบนี้ แต่ฉันมั่นใจว่าฉันไม่เคยสร้างความเดือดร้อนให้ใคร ได้โปรดเถอะนะ ปล่อยฉันไปเถอะ” เจ้าสาวคนสวยวิงวอนด้วยเสียงสั่นเครือ แม้เธอจะพออุ่นใจได้บ้างว่าคนพวกนี้ไม่ได้ลงมือทำร้ายเธอตอนนี้ ทว่าต่อจากนี้เธอไม่อยากคิดเลยด้วยซ้ำว่าต้องพบเจอกับอะไรบ้าง แล้วถนนหนทางที่ออกนอกเมืองเรื่อยๆ ก็ยิ่งทำให้เธอหวาดกลัว“นั่งเงียบๆไปเถอะ ถ้าคุณยังห่วงชีวิตตัวเองและชีวิตคนในครอบครัวของคุณอยู่” จินเหลียงเอ่ยเตือนเสียงเรียบ พลาง
ตอนที่ 61“ปิ่นมุก! ปิ่นมุก!” ถังเฟ่ยหลงตะโกนเรียกหาเชลยสาวดังลั่นแข่งกับสายฝน หลังจากวิ่งมาถึงกรงเสือแล้วก็ให้รู้ว่าคงเป็นเธอแน่ๆ ที่หาผ้ามาคลุมกรงเสือเอาไว้ ร่างสูงวิ่งวนรอบกรงเสือด้วยใจร้อนรนอย่างที่เจ้าตัวก็ไม่ทันจะสังเกตตัวเองเช่นกัน หัวใจของพยัคฆ์หนุ่มสั่นวูบเมื่อตามหาหญิงสาวจากหนึ่งนาทีเป็นสอง สาม สี่ ห้า หก...และเรื่อยๆ จนสิบนาทีผ่านไปก็ยังหาหญิงสาวไม่พบ ก่อนจะเดินไปยังทางเดินที่เคยพาหญิงสาวไปปีนหน้าผา เขาสอดส่ายสายตาฝ่าความมืดมองหาร่างเล็กตามซอกหิน เสียงฟ้าแลบ ฟ้าผ่าเป็นแสงสว่างพอให้มองเห็นได้บ้าง“ปิ่นมุก! เธอมาทำบ้าอะไรอยู่ที่นี่” เจ้าของเสียงถลาเข้าไปหาคนที่นั่งชันเข่า มุดอยู่ในซอกหิน มือใหญ่ยื่นไปเขย่าตัวหญิงสาวแล้วก็ให้ตกใจเพราะเธอสั่นไปทั้งตัว“คุณ! คุณช่วยฉันด้วยนะ ฉันกลัว” ปิ่นมุกโผเข้ากอดคนตรงหน้าอย่างรวดเร็วตอนนี้เธอลืมไปหมดแล้วว่าเขาทำอะไรไว้กับเธอบ้าง ถังเฟ่ยหลงผงะไปไม่กล้ายกมือโอบกอดเธอเลยด้วยซ้ำ หากแต่สองแขนเล็กกลับกอดรัดแนบแน่นอย่างต้องการที่พึ่งพิง
ตอนที่ 60“แต่พายุกำลังมานะครับคุณถัง ออกไปตอนนี้ไม่ทันแน่” จินเหลียงพูดขึ้นด้วยเสียงร้อนรนเพราะเป็นห่วงเจ้านายหนุ่ม แม้ตนจะนึกห่วงคนบนเกาะโน้นก็ตามที แต่จะให้คุณถังออกเรือตอนนี้มันก็เสี่ยงเกินไป“ใช่ครับคุณถัง อย่าเอาเรือออกตอนนี้เลยครับ มันเสี่ยงเกินไป” กู่ฉินเตือนอีกคน พลางทำหน้ายุ่งยากใจเพราะรู้จักนิสัยเจ้านายหนุ่มดี“ฉันต้องไปถึงก่อนพายุมาแน่” ถังเฟ่ยหลงตอบก่อนวิ่งตรงไปยังเรือ สองหนุ่มพากันส่ายหน้ากับนิสัยเอาแต่ใจและดื้อรั้นของเจ้านายหนุ่ม สองหนุ่มคิดเหมือนกันว่าถ้าห่วงเสือจริงคงไม่รีบร้อนขนานนี้หรอก จากนั้นจึงได้วิ่งตามไปติดๆ เมื่อมาถึงเรือจินเหลียงอาสาจะขับเรือให้แต่ถังเฟ่ยหลงปฏิเสธพร้อมสั่งให้อยู่ดูแลทางนี้แทน“คุณถังให้ผมขับเรือให้เถอะครับ” จินเหลียงอาสาอีกครั้งเพราะไปสองคนดีกว่าไปคนเดียวแน่“ไม่ต้อง! แกสองคนรีบกลับไปได้แล้ว แล้วก็ดูแลทางนี้ให้ดี จนกว่าฉันจะกลับ แล้วห้ามใครไปรบกวนฉันที่นั่นเด็ดขาด แล้วอย่าลืมไปดูเหยียนซ่านด้วย” ถังเฟ่ยหลงสั่งเสียงเข้มก่อนจะขับเ
ตอนที่ 59 “คุณถังครับ แล้วที่เกาะฝั่งโน้นล่ะครับ น่าเป็นห่วงนะครับ หากพายุเข้าจริงๆ” กู่ฉินยืนรายงานสภาพดินฟ้าอากาศแปรปรวนภายนอกให้เจ้านายหนุ่มรับฟัง โดยมีจินเหลียงยืนรอคำสั่งอยู่ไม่ห่าง เพราะเป็นห่วง สาวน้อยบนเกาะแทบขาดใจ สาบานได้หากคุณถังไม่คิดจะไปดูดำดีจริงๆ เขาจะไปเอง แม้จะต้องถูกลงโทษแต่ตนก็ยอม “ถ้าหล่อนดูแลตัวเองไม่ได้ ก็ให้ถูกพายุพัดลงทะเลไปซะก็ดี” ถังเฟ่ยหลงตอบเสียงเรียบ ทั้งที่มันไม่ใช่สิ่งที่เขาคิดในตอนนี้เลยสักนิด เมื่อใจของเขากำลังห่วงแสนห่วงคนบนเกาะ แต่เพราะปิ่นมุกคือน้องสาวไอ้ปฐวี เขาจึงไม่อยากสนใจ จะเป็นตายร้ายดียังไงทำไมเขาต้องสน! “แล้วเจ้าวายุกับเจ้าสายลมล่ะครับคุณถัง” วูบหนึ่งกู่ฉินยอมรับว่าได้เห็นแววตาห่วงใยจากเจ้านายหนุ่มส่งไปถึงคนบนเกาะฝั่งโน้น แต่ก็ทำนิ่ง ไม่อยากพูดให้เจ้านายหนุ่มออกอาการเก้อเข
ตอนที่ 58ขณะที่คนปลายสายก็ออกอาการบ่นคู่ขาคนสวยไม่ได้ ที่หนีไปต่างจังหวัดโดยไม่บอกไม่กล่าวตนแม้แต่คำเดียว ไอรินจึงไถ่โทษด้วยการชวนให้ปฐวีมาเที่ยวเกาะกูด ที่อยู่ไม่ห่างจากเกาะส่วนตัวของคุณถังมากนักและเธอจะหาโอกาสไปพบเพื่อให้ชายหนุ่มช่วยกำจัดผู้หญิงที่เข้ามาเสนอตัวให้คุณถังถึงบ้าน ส่วนสาวสวยที่ถูกคิดกำจัดกำลังเข้าไปนัวเนียเจ้าของเกาะเหอฮวาหลังจากเธอดื่มเข้าไปถึงหลายแก้วจนเริ่มมึน เนื้อตัวของปิ่นสุดา แดงก่ำเพราะฤทธิ์น้ำเมาและฤทธิ์ยาบางอย่างเข้าไปกระตุ้น ถังเฟ่ยหลงวางแก้วในมือลงบนโต๊ะใกล้ตัว เมื่อถูกปิ่นสุดาโถมเข้ามาหาเขา“ใจเย็นก่อนสิครับ คุณเปรม” ถังเฟ่ยหลงกล่าวเตือนเสียงเย็นแต่เวลานี้ปิ่นสุดา ไม่เวลามานั่งจับผิดน้ำเสียงของเขาเพราะร่างกายกำลังถูกครอบงำด้วยฤทธิ์ยากระตุ้น ทำให้เธอต้องการการปลดปล่อยและต้องเป็นคุณถังคนคนเดียวเท่านั้นที่จะช่วยเธอได้“คุณถังขา ไปที่เตียงกันนะคะ เปรมต้องการคุณ” เสียงหวานสั่นพร่า ชวนพร้อมโถมตัวเข้ากอดรัดปล้ำจูบคนที่เข้าประคองตัวเธออยู่ปิ่นสุดาหลงมัวเมาจนเป็นฝ่ายปล้ำจูบออกจะหงุดหงิ
ตอนที่ 57“เปรมยินดีให้คุณถังทำความรู้จักกับเปรมนะคะ รู้จักแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น เปรมเต็มใจ” ขาดคำเจ้าของคำพูดก็ขยับตัวเข้าไปนั่งบนตักแข็งแกร่ง ปิ่นสุดาผิวหน้าร้อนผ่าวและก่อนยิ้มได้ความพอใจเมื่อสะโพกสัมผัสกับบางอย่าง หัวใจของสาวสวยสั่นอย่างหวามไหวเมื่อร่างกายของว่าที่สามีมีปฏิกิริยาตอบรับร่างกายของเธออย่างรวดเร็ว แบบนี้เขาไม่มีทางรอดพ้นไปจากเธอแน่ๆ คืนนี้เขาต้องเป็นของเธอ! ทว่าสิ่งที่ปิ่นสุดาเข้าใจมันผิดถนัด! เพราะเวลานี้ถังเฟ่ยหลงกำลังนึกภาพที่มีปิ่นมุกอยู่บนตัวเขาต่างหาก“คุณถังขา...จูบเปรมสิคะ” เธอยื่นหน้าเข้าไปชิดใบหน้าหล่อเหลา ถังเฟ่ยหลงขยับปากยิ้มเล็กน้อย หวนคิดถึงแฝดน้อง ที่รายนั้นไม่กล้าทำขนาดนี้หรอก หากไม่ถูกเขาข่มขู่ แต่แฝดพี่กล้าซะยิ่งกว่ากล้าทว่าเขาไม่ชอบเลยสักนิด“นะคะคุณถัง” เมื่อยังไม่ได้ในสิ่งที่ต้องการ ปิ่นสุดาก็สอดฝ่ามือเข้าไปสัมผัสเนื้อแท้ของผิวกระด้าง ขยับใบหน้าเข้าแนบสนิทกับใบหน้าหล่อเหลา ในขณะที่ถังเฟ่ยหลงได้แต่นั่งเอนแผ่นหลังพิงพนักเก้าอี้นวมตัวใหญ่ วางมือไว้บนพนักพักมือโดยไม่คิดจะใช้มั
ตอนที่ 56“แม่บ้านของคุณถังฝีมือดีจังเลยนะคะ ไอรินคงอ้วนขึ้นแน่ๆ เลยค่ะ แบบนี้ไอรินคงต้องโทษคุณถังนะคะ ที่เชิญไอรินมาพักผ่อนที่บ้านของคุณ” ไอรินจีบปากจีบพูดแทรกพลางหันไปส่งยิ้มเยาะเย้ยปิ่นสุดา สองสาวส่งสายตาฟาดฟัดกัน“หล่อนจะอ้วนจะผอม มันมาเกี่ยวอะไรกับคุณถังของฉันยะ” ปิ่นสุดาที่ติดนิสัยเอาแต่ใจมาตั้งแต่เด็กพูดขัดขึ้น“อย่าแส่” สิ้นคำของไอริน สองสาวก็เอาแต่ส่งสายตาฟาดฟันอย่างไม่มีใครยอมใคร ส่วนเจ้าของบ้านก็รวบช้อนแล้วยกแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนวางลงจนได้ยินเสียงกระแทกกับพื้นโต๊ะทานอาหาร เขาหงุดหงิดมากแต่ก็ยอมทนเพื่อให้ทุกอย่างเป็นไปตามแผน จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงของตน สองสาวรีบผละลุกตามและเข้าประกบซ้ายขวาอย่างรวดเร็ว“คุณถังจะไปไหนเหรอคะ” ขาดคำปิ่นสุดาก็ยื่นมือไปปัดมือคนบางคนออกห่าง พลางถลึงตาใส่คู่อริ“ผมอยากพักผ่อน แล้วคุณสองคนล่ะ มีใครอยากพักผ่อนแล้วบ้าง” ถังเฟ่ยหลงเอ่ยถามหญิงสาวข้างกายด้วยเสียงทุ้มลึก เขาหมายตาไว้แล้ว หนึ่งคนสำหรับค่ำ
ตอนที่ 55“นายปฐวีย้ายมาอยู่คอนโดแล้วครับ และตอนนี้คนในครอบครัวอิทธิเชษฐ์ก็เริ่มออกงานสังคมบ้างแล้ว แต่ที่บ้านของคุณถังเกิดสงครามบ่อยมากครับ เพราะคุณไอรินและคุณปิ่นสุดาหาเรื่องกันได้ทุกครั้งที่เจอหน้ากัน แล้วก็ถามหาแต่คุณถัง เอ่อ...ผมว่า คุณถังน่าจะเรียกใช้พวกเธอบ้างนะครับ” จินเหลียงรายงาน ตามด้วยคำแนะนำก่อนจะนึกเสียวสันหลังวาบๆ เพราะตอนนี้ดูท่าคุณถังจะไม่สนใจสาวๆ คนไหนนอกจากคุณปิ่นมุก“คืนนี้แหละ” คำตอบจากเจ้านายหนุ่มทำให้จินเหลียงเหลียวมองราวกับไม่เชื่อที่ได้ยิน ก่อนจะหันไปทำหน้าที่ขับเรือต่อไปเมื่อคุณถังหันไปให้ความสนใจกับทัศนียภาพของท้องทะเลแทนทั้งที่ก็ผ่านออกบ่อย ตามองภาพผืนน้ำและสิ่งรอบตัวทว่าหัวใจของเขากลับกระหวัดนึกถึงแต่ใบหน้าของปิ่นมุก ที่เขาพยายามสลัดมันออกไปและไม่มีวันกลับไปหาเธอ เพราะจากนี้ไปจะมีแต่การเอาคืนครอบครัวอิทธิเชษฐ์เท่านั้นทางด้านเจ้าของใบหน้าสวยที่ทำให้ใครบางคนหวนนึกถึงกำลังเดินลงจากบ้านพักด้วยความเหงาหงอยยามต้องอยู
ตอนที่ 54“ฉันกลับแน่ เธอไม่ต้องห่วงฉันหรอกปิ่นมุก” น้ำเสียงกระเส่าดังชิดซอกหูนุ่ม ก่อนตวัดลิ้นอุ่นชิมรสนุ่มนิ่มของใบหูเล็ก ถังเฟ่ยหลงรู้วิธีทำให้ปิ่นมุกระทวยมากๆ ยิ่งขึ้นและก็เป็นจริงดังคาดเพราะร่างกายของเธอสั่นเทิ้มสองมือเล็กยึดที่ท่อนแขนใหญ่แน่น บางเวลาเธอก็กดจิกเพื่อระบายความซาบซ่านที่เกิดกับร่างกาย ชุดที่เธอสวมถูกถอดออกอย่างเบามือจนตอนนี้แม้แต่เจ้าตัวก็ไม่รู้ ก่อนที่ถังเฟ่ยหลงจะหันมาจัดการเสื้อผ้าบนร่างกายตนก่อนนำพาความร้อนผ่าวกลางร่างเข้าแนบสนิทกายสาว“อย่านะ” ขานเรียกหวังให้ดังเพื่อหยุดยั้งเขาแต่เสียงกลับแผ่วพลิ้วจนฟังแทบไม่ได้ยิน ทว่าถังเฟ่ยหลงกลับได้ยินชัดทุกถ้อยคำ“อย่าห้ามฉัน เพราะเธอเกิดมาสนองฉัน” ถังเฟ่ยหลงกระซิบเสียงพร่า เคลื่อนใบหน้ามาเสมอกรอบหน้าสวยพลางจดจ้องเธอนิ่งนาน“แต่ฉันเหนื่อย” เธอค้านเสียงเสียงอ้อมแอ้ม ผิวหน้าแดงระเรื่ออย่างน่ามองมากในสายตาของถังเฟ่ยหลง“เธอไม่เหนื่อยหรอกปิ่นมุก เพราะฉันเป็นคนออกแรงมากกว่า” ขาดคำเพลิงสวาทแสนหวามไหวก็เริ่ม
ตอนที่ 53 ช่วงเย็นของวัน ถังเฟ่ยหลงพาปิ่นมุกกลับมาบ้านพักโดยให้ปิ่นมุกขี่หลังเดินกลับมาจนใกล้ถึงบ้านพัก แม้ว่าปิ่นมุกจะเพียรปฏิเสธมาตลอดทาง ทว่าสุดท้ายเธอก็จำใจเกาะอยู่บนหลังของเขา เพราะถูกขู่จะปล้ำหากเธอยังเรื่องมาก“ปล่อยฉันลงได้แล้ว” เสียงหวานเอ่ยบอกดังอ้อมแอ้ม เมื่อมาถึงหน้าบ้านพักแล้วมีลูกน้องของเขานั่งเล่นอยู่กับเจ้าวายุและสายลม ส่วนจินเหลียงก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจคนที่เดินกลับมาแต่คอยเงี่ยหูฟังตลอดเวลา ใจก็อดจะครุ่นคิดไม่ได้ว่าทั้งเจ้านายและเชลยสาวตกลงเป็นยังไงกันแน่ แล้วไหนยังมีสาวสวยอีกสองคนที่รออยู่บนเกาะเหอฮวานั่นอีก“อายลูกน้องฉันหรือไง” ถังเฟ่ยหลงเอียงหน้ามาถาม ทำให้ทั้งสองใบหน้าชิดกัน ลมหายใจร้อนผ่าวเป่ารดผิวแก้ม ปิ่นมุกจึงถอนหน้าห่าง ผิวแก้มก็เริ่มแดงระเรื่อ“ปิ่นมุก!” เขาย้ำเสียงเข้มเพราะไม่ชื่นชอบนักกับการที่หญิงสาวเอาแต่นิ่งเฉย“ก็มันถึงบ้านแล้ว”