เอี๊ยด!
เสียงเบรกรถดังขึ้นจนเกิดเสียงดัง พิชญ์ภาชาลูกชายคนเล็กของบ้านกำลังเดินเข้ามาในบ้านด้วยท่าทางที่เมามาก เรียกว่าแทบไม่มีสติหลงเชื่ออยู่เลย คืนนี้เขามีงานเลี้ยงฉลองวันคล้ายวันเกิดของเพื่อนรักอย่าง อาทิตย์ ทำให้เขาดื่มหนักกว่าทุกครั้ง
พิชญ์ภาชา เรนฟอร์ด วัย 30 ปี หนุ่มลูกครึ่งไทย-อังกฤษ มารดาเป็นคนไทยแท้ ส่วนบิดานั้นเป็นนักธุรกิจชาวอังกฤษ เขาเป็นที่พูดถึงในแวดวงไฮโซเป็นนักธุรกิจหนุ่มที่ประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อย เพราะแยกออกมาทำธุรกิจคนเดียวโดยธุรกิจอสังหาริมทรัพย์นั้นพี่ชายของเขาเป็นคนดูแล ส่วนตัวเขานั้นทำธุรกิจนำเข้ารถหรูที่เขาชื่นชอบมาตั้งแต่เด็ก เขาชอบความเป็นส่วนตัวจึงแยกบ้านออกมา
ใบหน้าได้รูปหล่อเหลา กรามคมเด่นชัด ดวงตาคมกริบน่าค้นหา จมูกโด่งเป็นสัน เขามีรูปร่างที่สูงใหญ่กำยำ ไหล่กว้าง ทำให้เขาดูมีเสน่ห์ต่อเพศตรงข้ามไม่น้อย แต่ไม่เคยมีใครได้ครอบครองหัวใจของเขาเลย ยกเว้นเธอคนหนึ่งที่เขาไม่สามารถลบออกจากหัวใจได้
“อุ้ย คุณพีทไหวไหมคะ?”
“นั่นเสียงใคร” คนเมาเดินมาเกาะประตูบ้านไว้ เขาถอดสูทตัวนอกออก เหลือไว้แค่เสื้อเชิ้ตสีขาวที่ถูกปลดกระดุมออกสามเม็ดจนเห็นแผงอกร่ำไร และขับแขนเสื้อมาถึงข้อศอก
“เทียนเองค่ะ”
“เทียนหอมเหรอ อืม พาฉันขึ้นไปที่ห้องหน่อยเมามากเดินไม่ไหว” เทียนหอมชื่อนี้ทำให้เขาไว้ใจ เพราะเห็นเด็กน้อยคนนี้มาตั้งแต่ยังเด็ก
“เดี๋ยวเทียนปิดประตูก่อนนะคะ” เธอรีบปิดประตูบ้านให้เรียบร้อย คืนนี้เธอเป็นฝ่ายรอเปิดประตูตามคำสั่งของแม่ประภา เพราะแม่ประภามักเป็นห่วงกลัวไม่ได้ปิดประตูหน้าต่าง วันนี้แม่ปวดหัวกินยาแล้วนอน หน้าที่ตรงนี้จึงตกมาอยู่ที่เธอ
“ระวังนะคะ”
“อืม”
“ใกล้ถึงห้องแล้วค่ะ”
เขาเป็นคนตัวโตส่วนเธอตัวเล็กนิดเดียว ดีที่เขาไม่ทิ้งน้ำหนักลงมาไม่อย่างนั้นคงได้ทิ้งตกบันไดไปพร้อมกัน เทียนหอมโอบเอวของเขาไว้ มืออีกข้างก็จับของพิชญ์ภาชาไว้ ตอนนี้มือข้างหนึ่งคล้องคอเธอไว้
“ถึงแล้วค่ะ”
“เดี๋ยวสิ!” เขาได้กลิ่นหอมๆ ออกมาจากตัวหญิงสาว เวลาที่อยู่ใกล้เทียนหอมเขามักได้กลิ่นหอมราวกับแป้งเด็กทุกครั้ง ซึ่งมันทำให้เขาผ่อนคลาย มือหนาของเขาคว้าข้อมือของเทียนหอมไว้และกระตุกเบาๆ ให้เธอล้มมานอนข้างเขาได้อย่างง่ายดาย
“ว้าย คะ คุณพีทปล่อยเทียนค่ะ”
“ตัวหอมจัง”
“คุณเมามากแล้วนะคะ ปล่อยเทียน” หญิงสาวเริ่มดิ้นเพราะรับรู้ถึงแรงกอดรัดจากคนตัวโต ลมหายใจที่อยู่ไม่ห่างจากตรัยคอทำให้เทียนหอมเริ่มกลัว
“อืม หอมอย่าดิ้นสิ”
“ปล่อยเทียนค่ะ” เธอได้กลิ่นแอลกอฮอล์ผสมกับกลิ่นบุหรี่จางๆ ออกมาจากลมหายใจของเขา ทำให้เทียนหอมจนจิกปลายเท้า ความรู้สึกที่มีให้เจ้านายของแม่มันยิ่งมากขึ้นทุกวัน
“ฉันไม่น่าอยู่ใกล้ขนาดนั้นเลยเหรอ หรือรังเกียจ?” มาท่าเขาถึงห้องนอน ผู้หญิงดีๆ ที่ไหนจะกล้าขึ้นมาส่งผู้ชายบนห้องนอนดึกๆ ดื่นๆ
“คุณเมาแล้วปล่อยเทียนค่ะ เทียนจะกลับ”
“แน่ใจเหรอว่าไม่ชอบฉัน”
“อื้อ...” เทียนหอมตกใจที่เขาจูบเธอ หญิงสาวพยายามผลักไสเขาแต่พิชญ์ภาชาคว้ามือของเธอไว้ ริมฝีปากของเขาจูบเธอแบบหนักหน่วง และบังคับให้เธอเปิดปากเพื่อที่เขาจะได้เข้ามาข้างในได้อย่างสะดวก
เทียนหอมเธอแอบชอบและปลื้มพิชญ์ภาชาอยู่แล้ว หลงรักเขาอยู่ข้างเดียว แม้จะรู้ว่าเป็นเหมือนหมาเห็นปลากระป๋อง แกะกินไม่ได้
“ฮึก”
“ร้องไห้ทำไมหืม ชอบฉันก็อย่าปฏิเสธตัวเองสิ” เขาถอนจูบออกมาและเช็ดน้ำตาให้หญิงสาว ก่อนจะพลิกตัวขึ้นคร่อมเทียนหอมและจูบหญิงสาวอีกครั้ง ครั้งนี้เทียนหอมไม่ปฏิเสธสัมผัสจากเขา
“พะ พอแล้วค่ะ” เธอทุบหน้าอกของเขาแรงๆ เมื่อเขาถอนจูบจึงรีบสูดอากาศเข้าปอด เขาคิดจะฆ่าเธอหรือไงแต่ก็ยังกลัวเขาอยู่ดี
“เป็นของฉันนะเทียนหอม”
“อ๊ะ...อื้อ” พิชญ์ภาชาจูบเทียนหอมอีกครั้ง เขาเริ่มติดใจรสจูบที่ไม่ประสีประสา เขาไม่เชื่อว่าสมัยนี้ยังมีคนที่ยังไม่เคยผ่านมือใครมาก่อน ด้วยความเมาทำให้อารมณ์ของเขารุนแรงมากกว่าเดิม
มือหนาสำรวจร่างกายของเธอไปเรื่อยๆ ซ่อนรูปดีเหมือนกันเขาไม่เคยรู้ว่ามีดอกไม้งามอยู่ใกล้มือของเขาแค่เอื้อม พิชญ์ภาชาล้วงมือเข้าไปขย้ำหน้าอกของเธอ เสียดายที่ยังมีเสื้อชั้นในห่อหุ้มไว้ทำให้เขาขัดใจเล็กน้อย คนที่ประสบการณ์โชกโชนแบบเขาจึงไม่ใช่ปัญหา
แคว่ก
เขาฉีกเสื้อของเธอจนขาดติดมือและโยนทิ้งไปอย่างมาไยดี ร่างหนาแอบกลืนน้ำลายลงคอเพราะเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า
“คุณพีท เราควรหยุด”
“เธอไม่อยากให้ฉันหยุดหรอกสาวน้อย” เขาใช้มือปลดตะขอชุดชั้นในได้อย่างง่ายดาย ซาลาเปาขาวอวบสองลูกที่อยู่ตรงหน้าทำให้เขาลอบกลืนน้ำลาย แต่ต้องผิดหวังเมื่อหญิงสาวใช้มือปิดไว้
“ฮึก อย่านะ”
พิชญ์ภาชาไม่สนใจเสียงร้องห้ามของเทียนหอมในเมื่อไม่อยากให้เขาเห็นท่อนบนนั้นเขาดูท่อนล่างก็ได้ เขาจับเรียวของเธอแยกออกกว้างและซุกใบหน้าตรงระหว่าง
“ว้าย อย่านะ”
“ฉันไม่ไหวแล้ว” ลิ้นอุ่นร้อนของเขายังคงหยอกล้อกลีบดอกไม้งาม เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเริ่มคล้อยตามจึงจัดการสิ่งกรีดขว้างออกจากตัวของเธอ
“อ๊า ฉันชอบนมของเธอ”
“คุณพีทเราควรหยุด”
เทียนหอมพยายามห้ามปรามเขาสิ่งที่ทั้งสองทำมันไม่ถูกต้อง แต่ไม่อาจทัดทานแรงของเขาได้ ปากหนาดูดเลียเม็ดบัวจนแข็งเป็นไต อีกทั้งสองข้างสลับกันขย้ำหน้าอกของเธอจนเกิดเป็นรอยนิ้ว
มือหนาเคล้นคลึงดอกไม้คู่งาม เขาพอใจที่ได้ยินเสียงครางหวานๆ จากปากของเทียนหอม เขาใช้ประสบการณ์ที่มีหลอกล้อให้เธอคล้อยตาม เมื่อเห็นว่าเทียนหอมยินยอมเขาจึงดันท่อนเอ็นเข้าไป
“ฮึก...จะ...เจ็บ”
“เด็กดีอย่าดิ้น”
เขากดท่อนเอ็นแช่ไว้แบบนั้นเพราะรู้ร่องที่บีบรัดตัวตนของเขาแน่น จึงดันท่อนเอ็นเข้าไปจนสุดเขาได้ยินเสียงกรีดร้องจึงจูบปลอบใจเทียนปลอม เพื่อให้หญิงสาวผ่อนคลาย
“คนใจร้าย”
“เธอเป็นของฉันแล้วนะ”
ริมฝีปากของเขาขบเม้มปากของเธอเบาๆ ทำให้เธอรู้สึกถึงความตื่นเต้นและความหลงใหลที่แผ่ซ่านไปทั่วร่างกาย ขณะที่ลิ้นของเขาลากไล้ไปมาอย่างเร่าร้อน
เขากระแทกเข้าไปอย่างรุนแรงจนเตียงสั่นสะเทือน เสียงเนื้อกระทบดังก้องในห้อง ร่างกายของเธอสั่นสะท้านไปตามแรงของเขา ความรู้สึกแผ่ซ่านไปทั่งร่างกาย เธอครางออกมาด้วยความสุขสมที่ท่วมท้น
“อ๊ะ”
“เทียนหอม ซี๊ด” เขาครางเสียงกระเส่า เทียนหอมนอนหงายเบนเตียง ขณะที่เขานอนคร่อมอยู่ด้านบน เขากระแทกเข้าไปอย่างลึกสุดทำให้เธอครางเสียงเบา และจิบเล็บที่แผ่นหลังของเขาอย่างลืมตัว
ความเสียวซ่านแผ่ซ่านไปทั่งร่างกาย จังหวะการเคลื่อนไหวของเขาเร็วขึ้นเรื่อยๆ เสียงหอบหายใจของเทียนหอมร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อความรู้สึกในร่างกายพุ่งทะยานไปถึงจุดสูงสุด
เขาปลดปล่อยความสุขที่เก็บกดไว้ทั้งหมดในหนึ่งวินาทีที่แสนยาวนาน ร่างกายของเขากระตุกเป็นจังหวะตามการปลดปล่อย
เทียนหอมกอดเขาไว้แน่น รู้สึกถึงความอบอุ่นที่แผ่ซ่านมากร่างกายของเขามายังเธอ แต่ไม่นานเพราะสติของเธอกลับมา ด้วยความไร้เดียงสาทำให้เธอเผลอไผลไปตามอารมณ์
“ปล่อยค่ะ”
“หืม ยังมีแรงอีกเหรอนั้นต้องต่อสักยก”
“อย่าค่ะคุณพีท อ๊ะ” เธอไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธความต้องการจากเขา พายุสวาทได้เริ่มตรัยอีกครั้ง ทั้งสองมีความสุขอย่างท่วมท้นจนลืมการป้องกันโดยเฉพาะพิชญ์ภาชา ที่เขานั้นลืมสนิท
แสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านผ้าม่านเข้ามา เสียงร้องของนกแว่วมาแต่ไหล พิชญ์ภาชาเปิดเปลือกตาขึ้นมาเมื่อรับรู้ว่าสิ่งที่อยู่ข้างกายเขากำลังขยับตัว เขาจึงยิ่งกอดหญิงสาวไว้แน่น และก้มลงไปกระซิบข้างใบหูของเทียนหอม
“ร้องไห้ทำไม”
“ปล่อยค่ะเทียนจะกลับลงไปข้างล่าง”
“เสียใจเหรอที่เป็นของฉันแล้ว” เขาหัวเสียนิดหน่อยที่ตื่นขึ้นมาคนตัวเล็กนอนร้องไห้ เหมือนว่าเขาบังคับขืนใจเสียอย่างนั้น
“…”
“ฉันขอโทษ อายุเท่าไรแล้ว” เขาไม่แน่ใจว่าเทียนหอมอายุครบสิบแปดแล้วหรือยัง ตอนที่เขาเจอหญิงสาวตัวเล็กนิดเดียว ตอนนี้ไม่อะไรๆ ผ่านไปหลายปีก็ไม่เล็กแล้วเด็กหญิงตากลมโต ตอนนี้โตเป็นสาวจนเขาแทบคลั่ง
“21 แล้วค่ะ”
เทียนหอม หรือมีชื่อจริงว่าภณิตา วราธร ปีนี้หญิงสาวอายุครบยี่สิบเอ็ดปีพอดี เธอมีใบหน้ารูปไข่ดวงตากลมโต จมูกโด่งรับกับใบหน้า ปากนิดจมูกหน่อยใครมองต้องหลงใหลในความน่ารัก
“ค่อยยังชั่ว” แต่อายุห่างจากเขาเกือบรอบ รู้สึกผิดมากที่เมื่อคืนไม่ยับยั้งช่างใจ
“ฉันสัญญาจะดูแลเทียนให้ดีอย่าร้องเลยนะ” เขาไม่มีทางเลือก ในเมื่อทุกอย่างขึ้นแล้วเขาต้องรับผิดชอบชีวิตของเทียนหอม แต่ถ้าจะให้แต่งงานด้วยเขาคงทำแบบนั้นไม่ได้เพราะเขานั้นไม่ได้รักเทียนหอม
เทียนหอมกลับหลงเชื่อเพราะเธอมีความรู้สึกดีๆ และหลงรักพิชญ์ภาชาอยู่แล้ว อีกทั้งยังสับสนกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นและกลัวว่าคนอื่นจะรับรู้เรื่องนี้
“แต่เรื่องของเราให้เป็นความลับได้ไหม”
“หมายความว่ายังไงคะ?”
“คือฉันยังไม่พร้อม ถ้าฉันพร้อมเราแต่งงานกันนะ” เขาเห็นใบหน้าของเธอไม่สู้ดีเลยปลอบประโลมไปแบบนั้น แต่คำพูดของเขานั้นเธอจำฝังใจ และรอคอยอย่างมีความหวังว่าเขาจะขอเธอแต่งงาน
.
เวลาผ่านไปจากวันกลายเป็นเดือนที่ทั้งสองแอบมีความสัมพันธ์ลับๆ โดยที่ไม่มีใครทราบ บ้านหลังนี้ไม่ค่อยมีคนเดินพลุกพล่าน
“กาแฟมาแล้วค่ะ”
“เดี๋ยวสิ ใจร้ายจังไม่ถามฉันหน่อยเหรอว่าเหนื่อยไหม” เอากาแฟมาเสิร์ฟให้เขาแล้วก็จะจากไป ทำเหมือนว่ากลัวเขาทั้งๆ ที่ความสัมพันธ์ของเราทั้งสองก็ไม่ธรรมดามีอะไรกันก็ออกจะบ่อยแต่ยังเขินอายเขาอยู่เสมอ
“อุ๊ย คุณพีทเดี๋ยวคนมาเห็นค่ะ”
“ในห้องนี่ไม่มีใครกล้าเข้ามาหรอก” พิชญ์ภาชาเดินไปกดล็อกประตูและคว้าตัวเทียนหอมให้ลงมานั่งบนตักของเขา กลิ่นหอมจากตัวของหญิงสาวทำให้เขาผ่อนคลายลง ใบหน้าของเขาซุกที่ซอกคอของเธอ
“คิดถึงจังเลย”
“เราเพิ่ง...อ๊ะ”
“พูดให้จบสิ” คนตัวโตนึกสนุกอย่างแกล้งเทียนหอม
“เราเพิ่งนอนด้วยกันเมื่อ 3 วันก่อน อื้อ”
“วันอื่นก็คือวันอื่น วันนี้ไม่นับ” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเขาปรากฏบนใบหน้า มือหนาเริ่มบีบเคล้นหน้าอกของเธอสร้างความเสียวซ่านให้เทียนหอมไม่น้อย
“ฉันขอนะ”
เขากระซิบเบาๆ และยกเทียนหอมวางนอนราบบนโชฟาเขารีบตามลงมาทาบทับ ปากหนาพรมจูบตามใบหน้าของเธอ ไฟปรารถนาลุกโซนจนห้องทำงานของเขาร้อนระอุด้วยไฟราคะ
เทียนหอมไม่ปฏิเสธสัมผัสของเขาเธอรักเขา ยอมเขาทุกอย่างเพื่ออยากเอาใจเขาถึงแม้เวลาจะผ่านมาหนึ่งเดือนแล้ว แต่ความสัมพันธ์ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าไปมากกว่านี้นอกจากเรื่องบนเตียง
ลมหายใจของเธอเริ่มกลับมาเป็นปกติหลังจากที่เพิ่งผ่านศึกสวาทมา เนื้อตัวของเธอเปลือยเปล่าบนจ้องใบหน้าของพิชญ์ภาชาเขากำลังแต่งตัวอย่างใจเย็น
“เดี๋ยวฉันใส่ให้”
“อื้อ ไม่ต้องค่ะ”
“อย่าดื้อ” พิชญ์ภาชาหยิบกางเกงชั้นในขึ้นมาใส่ให้หญิงสาวตามด้วยชุดชั้นใน สายตาของเขายังจับจ้องหน้าอกกลมโตที่เขาชอบฟัดเหวี่ยงกับมันเป็นประจำ
“คราวหลังคุณพีท ป้องกันได้ไหมคะ?”
เขาลืมเรื่องนี้ไปสนิททุกครั้งที่มีอะไรกันเขาไม่เคยป้องกันเลยสักครั้ง หากเทียนหอมท้องขึ้นมาจริงๆ เขาคงไม่สามารถรับผิดชอบได้
ใบหน้าของเขาเคร่งขรึมลงจนเทียนหอมสังเกตได้ เธอกินยาคุมกำเนิดทุกวันแต่กลัวว่าสักวันจะพลาดขึ้นมา แล้วเรื่องวุ่นวายจะตามมา
“เทียนกลัวท้องค่ะ แต่เทียนกินยาคุมตลอด”
“ถ้าท้องฉันเลี้ยงได้” เขาไม่อยากให้หญิงสาวไม่สบายใจเลยพูดออกไปแบบนั้น ความจริงเขากลัวว่าเทียนหอมจะท้องหากเป็นแบบนั้นเขารับผิดชอบได้แค่ลูกเท่านั้น อีกไม่นานคนที่เขารอคอยก็จะกลับมาถึงเวลาค่อยพูดกับหญิงสาวอีกครั้งถึงความสัมพันธ์ที่เป็นไปไม่ได้ของเรา ด้วยฐานะที่แตกต่างกัน
.
“เทียนแม่ตามหาหนูตั้งนาน”
“พอดีเทียนไปทำความสะอาดห้องรับแขกมาค่ะ”
“เหนื่อยไหมลูกกลับไปเรียนดีกว่าไหม” ประภาอยากให้ลูกสาวเรียนสูงๆ จะได้ไม่ต้องมาทำงานเป็นแม่บ้านแบบตัวเอง แต่ลูกสาวดื้อมากไม่ยอมเรียนต่อและมาช่วยแม่ทำงาน
“ไม่เหนื่อยเลยค่ะแม่”
“ถ้าเหนื่อยก็กลับบ้านเรานะลูก”
“แม่อยากกลับบ้านแล้วเหรอคะ?”
เทียนหอมกับประภาจากบ้านเกิดมาตั้งแต่พ่อเสียตอนที่เธออายุห้าขวบ แม่พาเธอเข้ามาหางานทำที่กรุงเทพโชคดีที่เจอเจ้านายเจ้าดีอย่างคุณหญิงอมราแม่ของพิชญ์ภาชารับเข้าทำงาน และยังให้ประภาเลี้ยงลูกได้ท่านยังใจดีมีเมตตาส่งเธอเรียนหนังสือ
“เทียนลูกแม่แก่แล้ว อยากกลับไปหาพ่อแล้วหนูมีคนรักหรือยัง”
“ยะ ยังค่ะ”
“ดีแล้วรักคนที่ฐานะเท่าเราอย่าใฝ่สูงเพราะเรามันคนละชั้น คนในเมืองไว้ใจไม่ได้”
เทียนหอมได้ยินแม่พูดแบบนั้นถึงกับอยากร้องไห้ เพราะลึกๆ ยังคงมีความหวังว่าพิชญ์ภาชาจะขอเธอแต่งงานตามที่เขารับปากไว้ เขาบอกว่ายังไม่พร้อมแต่ตอนนี้หน้าที่การงานของเขานั้นก้าวหน้าไปไกลอย่างมาก มีอะไรที่ยังไม่พร้อมนอกจากเขาไม่รักเทียนหอม
เทียนหอมนั่งเหม่อลอยคิดทบทวนคำพูดของแม่ และเธอพยายามหลบหน้าพิชญ์ภาชาอยู่หลายครั้ง จนตอนนี้สามวันแล้วที่ทั้งสองไม่ได้พูดคุยกันเธอคิดถึงเขา แต่ต้องหักห้ามใจ
Pitpacha : ขึ้นมาหาฉันบนห้องไม่อย่างนั้นฉันจะลงไปที่ห้องเธอเอง
เธออ่านข้อความของเขาต้องรีบออกมาจากห้อง และเดินลัดเลาะไปตามทางที่มืดๆ เพราะกลัวว่าจะมีคนเห็นว่าเธอแอบเข้ามาที่ตึกใหญ่ตอนเกือบสี่ทุ่ม
เทียนหอมเดินมาหยุดที่หน้าห้องของพิชญ์ภาชาแต่ยังไม่กล้าเคาะประตู เธอยืนอยู่ตรงนั้นสักพักจนประตูห้องถูกเปิดออกด้วยมือของเจ้าของห้อง
“ทำไมไม่รีบเข้ามา”
“เทียนเพิ่งมาถึงค่ะ”
“ใช้เวลาเกือบ 10 นาทีเลยเหรอ เป็นเด็กเลี้ยงแกะฉันไม่ชอบเลยนะเทียนหอม” เขาขัดใจเพราะรู้ว่าหญิงสาวพยายามหลบหน้าเขามาตลอดสามวัน ซึ่งเขาเองก็ติดงานทำให้ไม่มีเวลาตามง้อคนขี้งอน
“อย่าหลบหน้าเงยหน้าขึ้น ไหนงอนอะไรบอกฉันมาจะได้ง้อถูก”
“ไม่ค่ะ ไม่ได้งอน”
“ได้ ไม่พูดนั้นก็ครางบนเตียง” พิชญ์ภาชาอุ้มหญิงสาวในท่าเจ้าสาวและวางลงบนเตียงกว้างของเขา ในเมื่อให้โอกาสแล้วไม่พูดก็ไม่ต้องพูดอีก เขาไม่ชอบคนงี่เง่าไม่มีเหตุผลแต่ทำไมเขาต้องตามใจเทียนหอมด้วย
“ปล่อยค่ะ”
“พูดมาว่าโกรธอะไรฉันจะได้ง้อถูก”
“เราอย่าทำแบบนี้อีกเลยค่ะ”
“หมายความว่าไง!” เขาไม่ถูกใจสิ่งนี้หากเป็นผู้หญิงคนอื่นเขาไม่สนใจด้วยซ้ำ
พิชญ์ภาชาเงยหน้าออกมาจากซอกคอของเทียนหอม จ้องใบหน้าอย่างเอาเรื่อง เขากับเธอเข้ากันได้ดีแล้วเขาผิดพลาดตรงไหนถึงมาตัดความสัมพันธ์กันแบบนี้
“เทียนกลัวค่ะ กลัวว่าคุณจะทิ้งเทียนไปวันนั้นเทียนคงทำใจไม่ได้”
“ก็เลยอยากจบทุกอย่าง?”
“ฐานะเรามันคนต่างกันค่ะ ปล่อยเทียนไปเถอะนะคะ” น้ำตาแห่งความน้อยใจโชควาสนาหลั่งไหลออกมา จบกันตั้งแต่ตอนนี้เธออาจจะทำใจได้เร็วขึ้น
“ไม่ปล่อย! เป็นเมียฉันมันน่ารังเกียจหรือไงหรือเพราะเจอคนที่อายุรุ่นราวคราวเดียวกัน ถึงอยากเลิกกับฉัน!” ต้องใช่แน่เทียนหอมเปลี่ยนไปเขาไม่ยอมปล่อยเธอไปง่ายๆ หรอก
“เทียนไม่ใช่เมียคุณ”
“เดี๋ยวคืนนี้ฉันจะทำให้ดูว่าเป็นหรือเปล่า”
ใบหน้าของหน้าก้มต่ำลงไปเรื่อยๆ จนถึงใจกลางความเป็นสาว จัดการกระชากกางเกงชั้นในออกจนมันขาดเป็นชิ้นติดมือเขา ถึงแม้เทียนหอมจะต่อต้านในช่วงแรกๆ เขาเชื่อว่ายังไงเธอคิดถึงสัมผัสของเขาจึงไม่ปฏิเสธเขา
ไฟสวาทลุกโชนอีกครั้งเทียนหอมปฏิเสธไม่ได้เลย กว่าเขาจะปล่อยให้เธอพักก็เข้าสู่วันใหม่ หญิงสาวจะกลับลงไปข้างล่างเพราะกลัวจะมีคนเห็นว่าเธอแอบขึ้นมาหาเขากลางดึก
พิชญ์ภาชาด้วยเสียที่ตื่นขึ้นมาแล้วไม่เจอใบหน้าสวยๆ ให้เขาได้มองไม่รู้ว่าคนตัวเล็กแอบหนีออกไปจากห้องเขาตั้งแต่ตอนไหน เขาพ่นลมหายใจออกมาแรงๆ
“มาแล้วเหรอเธอทำฉันโมโห”
“ขอโทษค่ะ ส้มเองค่ะ”
“เทียนหอมไปไหน!” พิชญ์ภาชาผิดหวังที่คนเข้ามาในห้องแต่งตัวของเขาไม่ใช่คนที่เขาคิดถึง ใบหน้าของเขามึนตึงเหมือนโกรธใครมา
“น้องเทียนไม่ว่างค่ะเลยให้ส้มขึ้นมา”
“ออกไป ถ้าไม่ใช่เทียนหอมห้ามใครเข้ามาทำความสะอาดห้องนี้”
เขาโกรธจนไม่อยู่ทานข้าวเช้า ก่อนจะออกไปเขามองใบหน้าของเทียนหอม และขึ้นรถขับออกไปอย่างรวดเร็วหล่อขนาดนี้รวยขนาดนี้เทียนหอมยังคิดจะทิ้งเขา
เทียนหอมแม้จะน้อยใจเขาแต่หากเขาเอ่ยปากเรียกเธอก็ยอมตกเป็นเบี้ยล่างของเขาทุกที ยอมมีอะไรกับเขาอีกเรื่อย ๆ ราวกับว่า ดีดนิ้วหลิ่วตา ก็จับเทียนหอมเข้าห้อง ไม่ว่าจะเป็นเวลาไหน
หากเวลาที่เธอมาทำความสะอาดห้อง ล้างห้องน้ำ เอาเสื้อผ้าของพิชญ์ภาชามาเก็บ เขาก็จับเธอกินได้ทุกเมื่อ เธอก็ยอม และความหวังเริ่มก่อตัวขึ้นในใจของเธอ พิชญ์ภาชาปากหวานมากในตอนที่อยากมีอะไรกับเธอ เขาจะอ้อนสุดฤทธิ์ จนเธอยอมเชื่อฟังเขาและรอวันที่เขาขอเธอแต่งงาน
ส้นสูงกระทืบกับพื้นทำให้เกิดเสียง สาวสวยถอดแว่นตาดำออก ใบหน้ารูปไข่จมูกโด่งรับใบหน้าทำให้เธอดูสวยสง่า ดวงตากลมโตน่าค้นหา หญิงสาวเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่ร้านอาหารสุดหรู “รอนานไหมคะ ลงเครื่องมาก็แวะมาหาพีทก่อนเลย คิดถึงใจจะขาดเราไม่ได้ติดต่อกันมา 5 ปีเลย” “ตั้งแต่ที่พั้นช์ไปเรียนต่อนั่นแหละ” “ขอโทษนะที่พั้นช์ตัดสินใจผิดพลาด” ภรนีย์ตัดสินใจพลาดเองที่ทิ้งเขาไปเรียนต่อเพราะคิดว่าเขาไม่เอาไหน ไม่สนใจธุรกิจครอบครัว ทำให้เธอคิดว่าเขาไม่มีอนาคตที่ดีให้ ก่อนที่จะตัดสินใจบินกลับมาเมืองไทยเธอเห็นข่าวของพิชญ์ภาชานักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเจ้าของธุรกิจนำเข้ารถหรูอันดันต้นๆ ของเมืองไทย เธอจึงหาทางพยายามติดต่อเขาและในที่สุดเขาก็นั่งอยู่ตรงหน้าเลย “ตอนนั้นพั้นช์คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ถึงกล้าเลิกกับพีทแล้วหนีไปเรียนที่อังกฤษ” “คุณหนีไปพร้อมกับมัน” พิชญ์ภาชายังคงเจ็บใจไม่หาย ภรนีย์ให้เหตุผลว่าอยู่กับเขามันไม่มีอนาคต เขาไม่เอาไหนแต่ปกรณ์นั้นดีกว่าเลยเลือกที่จะไปเรียนต่อกับมันเลือกที่จะทิ้งเขา เขาคบกับหญิงสาวตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีและคบกัน
เทียนหอมที่เห็นความสนิทสนมของทั้งสองจึงเสียใจอย่างหนัก ยามที่ภรนีย์มาที่บ้านเธอจะเป็นฝ่ายหลบหน้า เพราะไม่อยากเห็นภาพที่บาดใจ พวกเขาคงกลับมาคืนดีกันในเร็ววัน “เดินผ่านพี่ไปไม่เห็นพี่เหรอครับน้องเทียน” “พี่ตรัย!” เทียนหอมเหม่อลอยไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูรั้วบ้านของพิชญ์ภาชา “เดินเหม่อลอยคิดถึงพี่อยู่เหรอครับ” ตรัยคุณส่งยิ้มให้สาวสวยตรงหน้า เขาเอ็นดูเทียนหอมรู้จักตั้งแต่หญิงสาวยังเป็นเด็ก แต่ไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไรนัก “น้องเทียนว่างไหมครับ” “พี่ตรัยเข้ามาในบ้านก่อนนะคะเทียนทำของหวานไว้เยอะ ฝากไปให้คุณป้าทานด้วยค่ะ” ทั้งสองนั่งพูดคุยกันอย่างออกรส ตรัยคุณเพิ่งกลับมาจากเรียนต่อต่างประเทศ เขาคิดไว้ว่าหากกลับมาแล้วเทียนหอมยังไม่มีใครเขาว่าจะขอหญิงสาวเป็นแฟน เพราะเขาไม่สามารถลืมหญิงสาวได้เลย “อร่อยครับ” “ขอบคุณค่ะ” “น้องเทียนไม่คิดจะเรียนต่อเหรอครับ” หญิงสาวเป็นเด็กกตัญญูเขาส่งสารที่ต้องทำงานช่วยแม่ตั้งแต่เด็ก อนาคตยังไปได้ไกลกว่านี้ “คงไม่แล้วค่ะแม่อยากกลับ
พิชญ์ภาชานั่งทำงานเขาดูเวลาอีกทีเกือบเที่ยงคืนแล้ว เขาทำงานหนักเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านคิดมากเรื่องของเทียนหอม เขาเริ่มเย็นชากับเทียนหอม เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนในใจของเขาเอง เขาแสร้งทำเป็นว่าความสัมพันธ์กับเทียนหอมไม่สำคัญ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่สามารถลบความรู้สึกผิดได้ “ว่าไง” “คืนนี้มาเจอกันหน่อยไหมเพื่อนไอ้ทอยก็อยู่ด้วย” “ฉันจะไป” พิชญ์ภาชากอดวางสายตั้งแต่งานวันคล้ายวันเกิดของเพื่อนเขาก็ไม่เจอหน้าอาทิตย์กับทินกรอีกเลย ออกไปปลดปล่อยบางทีอาจทำให้เขาเลิกคิดถึงเทียนหอม พิชญ์ภาชาเดินเข้ามาในผับหรูที่มีนักท่องราตรีมาเที่ยวกันจนแออัด เขาเดินขึ้นไปยังบนสุดของผับซึ่งหน้าห้องเขียน VVIP ซึ่งเอาไว้รองรับแขกที่กระเป๋าหนักและชอบความเป็นส่วนตัวเท่านั้น “ช่วงนี้นายหหายหน้าหายตาไปเลย กลับมาคืนดีกลับพั้นช์แล้วเหรอ” อาทิตย์อยากรู้เพราะได้ยินข่าวมาแบบนั้นแถมพ่อแม่ของพิชญ์ภาชายังเห็นดีเห็นชอบอีก ไม่จำตอนที่โดนทิ้งสภาพเหมือนหมา “เอ้า ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ทินกรวางแก้วลงอยากรู้เรื่องของพิชญ์ภาชา “ใครบ้างจะลืม”
เทียนหอมนอนร้องไห้เมื่อรู้ว่าพิชญ์ภาชาขับรถออกไปพร้อมกับภรนีย์หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จ ตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้วเขาก็ยังไม่กลับ เทียนหอมคิดทบทวนว่าต่อจากนี้จะทำอย่างไรต่อไป แกร็ก “อื้อ” “ร้องไห้ทำไมเด็กดี” พิชญ์ภาชาเข้ามากอดร่างบางไว้ แล้วเช็ดน้ำตาออกจากหางตาของหญิงสาว “คุณพีทเข้ามาทำไมคะ?” เทียนหอมกลัวว่าจะมีคนมาเห็นว่าพิชญ์ภาชาเข้ามาที่ห้องนอนของเธอ ซึ่งไม่เหมาะเพราะที่นี่เป็นห้องพักคนงานในบ้านของเขา “ฉันขอโทษที่ทำให้ร้องไห้ พั้นช์เขาต้องการความช่วยเหลือให้ฉันเป็นที่ปรึกษาให้” “คุณจะกลับไปคบกับเขาเหรอคะ” เ
ตั้งแต่คืนนั้นพิชญ์ภาชาไม่ยอมกลับมานอนบ้านทำให้เทียนหอมเข้าใจว่าเขาคงมีความสุขอยู่กับภรนีย์ พอเขาคิดถึงเธอก็กลับมาหาพอเบื่อก็ไปอยู่กับอีกคนทำให้เทียนหอมเริ่มคิดหาทางหนีไปจากเขา การอยู่ของเธอทำให้เป็นของตายอยากจะเรียกหาเมื่อไรก็เจอ “หนูเทียนมาหาฉันหน่อยจ๊ะ” “สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง” “ทำไมเดี๋ยวนี้สวยขึ้นจัง” อมรามองเด็กสาวตรงหน้าแต่ดวงตาเหมือนเศร้าไปนิด แต่ผิวพรรณเปล่งปลั่งดูมีน้ำมีนวลขึ้นเรียกว่าสวยขึ้นมากจนอมราเริ่มแปลกใจ “ขอบคุณค่ะ” “มีแฟนหรือยัง”
ภรนีย์เริ่มแผนการจัดการเรื่องงานแต่งงานกับพิชญ์ภาชาในเมื่อเขาไม่คิดจะสนใจ เธอจึงหาทางเข้าหาแม่ของเขาแทนเพราะรู้ว่าท่านเอ็นดูเธอแค่ไหน โดยอ้างว่าตอนนี้ใครๆ ก็เข้าใจว่าเธอกับพิชญ์ภาชากำลังแต่งงานกัน ทำให้คนรอบข้างเริ่มถามถึงสถานะที่ชัดเจน “พั้นช์ลำบากใจจังเลยค่ะ” “ไม่ต้องห่วงนะแม่จะคุยกับตาพีท” “เรามาแล้วนั้นเข้าไปดูแหวนก่อนไหมคะ?” ภรนีย์แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เรื่องที่พาอมราเดินเข้ามาในร้านเพชร และจัดแจงเลือกแหวนเพชรเม็ดโตๆ อย่างมีความสุขโดยไม่คิดถามอีกฝ่ายว่าอยากจะแต่งงานกับเธอหรือไม่ “สวยไหมคะคุณแม่” “สวยจ๊ะเหมาะกับหนูพั้นช์มาก” อมราเห็นดีเห็นงามไปด้วย พิชญ์ภาชาอายุขึ้นเลขสามแล้วสมควรที่จะมีครอบครัวคนเป็นแม่อยากอุ้มหลานลูกของพิชญ์ภาชาเต็มทน “วงนี้เหมาะมากเลยค่ะสวยมากค่ะคุณผู้หญิง” พนักงานรีบเชียร์ให้ซื้อวงนี้ เพราะจะได้ค่าคอมมิชชั่นไปด้วย “แต่พั้นช์ว่าราคามันแพงไปนะคะ” “สำหรับหนูพั้นช์แม่จ่ายให้เองจ๊ะถือว่าเป็นแหวนหมั้นไปเลย แหวนแต่งงานค่อยซื้อใหม่” “จะดีเหรอคะ” ภรนีย์รีบตอบตกลงอย่างไว
เสียงพูดคุยกันเสียงดังดังเข้ามาในบ้านจนเจ้าของบ้านต้องรีบวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เทียนหอมยืนมองเด็กทั้งสองคนที่กำลังยืนเถียงกันแย่งของเล่นกันไปมา จนคนเป็นแม่ส่ายหน้า “อันนี้ของพี่นะ” “อันนี้ของพี่เหมือนกัน!” ไม่มีใครยอมใครคนนั้นก็จะเป็น คนนี้ก็จะเป็นพี่สรุปไม่มีใครอยากเป็นน้อง “หม่ามี้นี่ของพี่” น้องพาร์ทที่แย่งของกลับมาคืนมาไม่ได้จึงหันมาฟ้องเทียนหอม พร้อมกับน้ำตาไหลเพราะถูกแย่งของเล่นไป “พี่พอร์ชหม่ามี้บอกว่ายังไง ของเล่นหม่ามี้ซื้อให้คนละชิ้นยังมาแย่งกัน รู้ไหมว่าหม่ามี้ต้องทำงานหนักแค่ไหนกว่าจะได้เงินมา” น้องพอร์ชที่ได้ยินแบบนั้นจึงคืนของเล่นให้น้องไป พร้อมกับวิ่งเข้ามากอดเทียนหอม ซึ่งเทียนหอมนั่งลงให้ลูกชายกอด “พี่ขอโทษค่าบ ต่อไปพี่จะช่วยหม่ามี้หาเงินจะได้มาซื้อของเล่น” “น่ารักที่สุดเลย” ลูกชายทั้งสองคนของเทียนหอมมีใบหน้าที่คล้ายกับพ่อของพวกเขามาก มีแต่ดวงตากับริมฝีปากที่ได้แม่มา ตลอดสามปีที่เลี้ยงดูลูกๆ มาอย่างเหน็ดเหนื่อยมันทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น “ขึ้นไปอาบน้ำกันได้แล้วหม่ามี้ทำของ
พิชญ์ภาชานั่งมองรูปของเด็กผู้ชายทั้งสองคน เขาเชื่อว่าสองคนนี้ต้องเป็นลูกชายของเขาแน่ อยากรู้จักชื่อจังเทียนหอมจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรแล้วบอกลูกว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องราวของเขา เขาใจร้อนและอยากเห็นหน้าเด็กมาก เขาเอารูปตัวเองตอนเด็กมาเทียบก็ได้เห็นว่า นี่มันตัวเองชัดๆ เขานั่งมองรูปอยู่แบบนั้นจึงเกือบเช้า “พ่อจะไปหาพวกหนู” พิชญ์ภาชาร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก จากเหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อนทำให้กระดูกขาหัก คราวแรกเขาไม่ยอมทำกายภาพบำบัดเพราะเกิดจากการตรอมใจ พอนานวันเข้าเขาจึงลุกขึ้นมาสู้ใหม่ “ให้ฉันขอบรถให้ไหมนายคนไม่ไหว” เวเดนอาสาจากกรุงเทพไปจันทบุรีนั้นใช้เวลาขับนานหลายชั่วโมงเหมือนกัน “นายไปทำงานเถอะฉันไหว” “แต่มัน...” “ขอบใจมากนะเพื่อนที่อยู่เคียงข้างฉันมาตลอด” นอกจากอาทิตย์ ทินกร ก็มีเวเดนที่เป็นเพื่อนทั้งเลขาคนสนิทของเขาที่คอยให้กำลังใจแบบซ้ำเติมกันมาตลอด “ขาของนาย” “มันหลายปีแล้วฉันหายแล้วแผลที่กายไม่เจ็บเท่าแผลที่ใจ” “น้องเทียนหอมคงเจ็บมากกว่านายหลายร้อยเท่า!” อาทิตย์เข้ามาได้ยินประโยคนั้
เด็กชายภาคิน เรนฟอร์ด วัยสองขวบกำลังวิ่งเล่นพี่เลี้ยงแทบวิ่งตามจับไม่ทัน เทียนหอมนั่งรอพิชญ์ภาชากลับบ้านเขาไปรอรับลูกๆ หลังจากเรียนเสร็จ “น้องพร้อมอย่าวิ่งลูกเดี๋ยวล้ม” เด็กน้อยฟังเสียที่ไหนยิ่งห้ามยิ่งต้องทำ เทียนหอมลูบท้องตัวเองเมื่อลูกในท้องถีบท้องของเธออย่างแรง เหมือนอยากเล่นกับพี่เขา “เดี๋ยวคลอดค่อยวิ่งเล่นนะครับ” เธอได้ลูกชายอีกแล้วพิชญ์ภาชาได้ลูกชายถึงสี่คน และท้องนี้คือท้องสุดท้าย เราทั้งสองคนตกลงกันว่าหากท้องที่สามไม่ได้ลูกสาวจะปิดอู่แบบถาวรและได้ลูกชายจริงๆ ตอนนี้เด็กน้อยใกล้ออกมาลืมตาดูโลกแล้ว “อยากเย่นกะน้อน” “ไม่ได้ครับน้องยังไม่ออกมาจากหม่ามี้เลย” “เย่นๆ” น้องพร้อมลูบหน้าท้องแม่และชักมือกลับเพราะน้องดิ้นกลับทำให้เขาตกใจ เทียนหอหัวเราะออกมาที่ตั้งชื่อว่าน้องพร้อม เพราะเธอมีเขาตอนที่พร้อมทุกอย่างแล้ว เราสองคนเลยตกลงกันว่าจะให้ชื่อน้องพร้อม “หม่ามี้กลับมาแล้วฮะ” “พาร์ทคิดถึงหม่ามี้คิดถึงน้องพร้อม” เด็กทั้งสองวิ่งมากอดกอดแน่น พิชญ์ภาชาถือกระเป๋าเดินตามหลังมาการเป็นคุณพ่อลูกสี่ไม่ใช่เรื่
เช้านี้บรรยากาศสดใสเป็นพิเศษ ทุกคนในบ้านต่างดีใจที่กำลังมีนายหญิงเป็นตัวเป็นตน พิชญ์ภาชาฝากลูกไว้กับแม่ยายพาเทียนหอมมุ่งหน้าไปยังที่ว่าการอำเภอ "พี่พีทแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้?" เธอหันมาถามเขาอีกครั้งราวกับต้องการให้เขายืนยัน พิชญ์ภาชาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือเธอแน่น "แน่ใจสิถ้าเทียนต่อไปเราจะเป็นของการและกันตลอดไป" เทียนหน้าแดงขึ้นมาทันที "พูดอะไรแบบนั้นกัน..." เขาพูดต่อหน้าเจ้าหน้าที่ เธออายจนตัวม้วน เขายิ้มกว้างอย่างเอ็นดู ก่อนจะเลื่อนมือไปบีบมือเธอเบาๆ "พี่อยากให้เทียนเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ใช่แค่ในเอกสารนะแต่เป็นทั้งหัวใจของพี่ด้วย" เธอก้มหน้าหลบสายตาเขา แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เขากุมมือเธอไว้ตลอดราวกับกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ เจ้าหน้าที่รับเอกสารไปตรวจสอบก่อนจะเงยหน้ามองพวกเขาพร้อมรอยยิ้ม "พร้อมจะเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการแล้วใช่ไหมคะ?" เจ้าหน้าที่ถามอีกครั้ง เธอลังเลนิดหน่อย แต่พอหันไปเห็นแววตาแน่วแน่ของเขา เธอก็ยิ้มออกมาแล้วพยักหน้า "ค่ะ พร้อมค่ะ" เ
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านเราจ้า” อมราเดินมารับเทียนหอมแล้วสวมกอดหญิงสาว ภายในใจรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก “หม่ามี้คิดถึง” น้องพอร์ชวิ่งมาหาแม่ที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายวันชูแขนขึ้นทั้งสองข้าง เพื่อให้แม่อุ้มเทียนหอมแทบจะอุ้มลูกไม่ไหวเพราะตัวเริ่มหนัก “ปะป๊าอุ้มดีกว่า” พิชญ์ภาชาอุ้มน้องพอร์ชขึ้นมาด้วยแขนอีกข้าง อีกข้างนั้นมีน้องพาร์ชอยู่ “หนูดื้อกับคุณยายคุณปู่คุณย่าไหมครับ” “ไม่ฮะมีของเล่นเยอะมาก แต่พอร์ชไม่กล้าเล่นกลัวหม่ามี้หาตังค์ม่ายไหว” อมราและโทมัสถึงกับพูดไม่ออกเด็กอายุแค่นี้แต่กับฉลาด รู้จักช่วยแม่ประหยัดที่ผ่านมาอมรามัวทำอะไรอยู่ถึงไม่เอะใจอะไรเลย “หนูเทียนเข้าบ้านกันดีกว่าจ้ะ” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิง” “เรียกแม่ดีกว่าอย่าเรียกแบบนั้นเลย” “ค่ะคุณแม่” มีเกรงๆ บ้างเพราะเธอถูกปฏิบัติเหมือนเป็นของเจ้าของบ้านอีกคน “แม่ให้เด็กเอาของขึ้นไปเก็บบนห้องแล้วเลี้ยงลูกคนเดียวเหนื่อยไหมลูก แม่ขอโทษนะที่ไม่รู้อะไรเลย” หากรู้ความสัมพันธ์ของทั้งสองเหตุการณ์แบบนั้นจะไม่เกิดขึ้น “ไม่ลำบากเท่าไรค่ะ”
“ปะป๊ากลับมาอยู่กับพวกเรานะฮะ หม่ามี้ทำงานหนักพาร์ทไม่อยากให้หม่ามี้เหนื่อย” พิชญ์ภาชาได้ฟังแบบนั้นเขาแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เพราะเขารู้ที่ผ่านมาเทียนหอมลำบากแค่ไหน ต่อจากนี้เขาจะดูแลลูกกับเทียนหอมให้ดีที่สุด “ร้องทำไมฮะ” พาร์ทไม่เข้าใจว่าพ่อร้องไห้ด้วยเหตุอะไร “ปะป๊าดีใจที่เราได้มาเจอกันอีกครั้ง” นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญสวรรค์คงเมตตาเขาแล้ว เอาชนะใจลูกเรื่องยาก แต่เอาชนะใจแม่ของลูกนั้นยากยิ่งกว่าเขาไม่อยากดูแลแค่ลูก “หม่ามี้ให้ปะป๊าอยู่กับพวกนะฮะ” เทียนหอมพูดไม่บอกไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกพูดแบบนั้น ลูกถามหาเขาตลอดเธอโกหกลูกจนติดนิสัย เทียนหอมเข้ามาลูบศีรษะลูกเบาๆ “คืนนี้ปะป๊าจะอยู่กับพวกเราครับ” “อยู่ตลอดไปเลยได้ไหมฮะ” พาร์ทสบตาแม่อย่างเว้าวอน เทียนหอมมองสบตากับพิชญ์ภาชา ดวงตาของเขาแดงก่ำพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล สักพักเขาลุกออกไปที่นอกระเบียงห้อง “ปะป๊าร้องไห้เลย” “น้องพาร์ทคือ…” “พาร์ทอยากมีปะป๊าอยากขี่คอปะป๊าเหมือนเพื่อนๆ อยากให้ปะป๊ามารับหน้าโรงเรียน ฮือ” ความเหนื่อยล้าและป่วยทำให
“หนูเทียนใจแข็งจริงๆ แม่อยากเจอหน้าหลานๆ ใจจะขาดอยากกอดอยากหอม” อมราได้แต่ดูรูปภาพที่ลูกชายส่งมาให้ดู หลานของตระกูลนี้หน้าตาพิมพ์เดียวกันมาเหมือนกันมาก “ผมทำกับเขาไว้เยอะ” “ให้แม่ไปช่วยคุยให้ไหม” “คุณอยู่เฉยๆ ดีกว่าหนูเทียนเขาเจ็บปวดมาสี่ปี ลูกชายไปง้อไม่กี่เดือนจะให้ใจอ่อนเลยก็ไม่ใช่” โทมัสเข้าใจที่เทียนหอมโกรธลูกชาย ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบผู้ชายไม่ไม่ชัดเจนตั้งแต่แรก จะตั้งกำแพงไว้สูงก็ไม่แปลก “ผมรับเคลียร์งานแล้วจะกลับไปครับ” เขาท้อหลายรอบแต่ไม่เคยถอย อย่างไรแล้วเขาต้องพาลูกเมียกลับบ้านด้วยกันให้ได้ “แล้วลูกได้ยินข่าวที่บ้านของภรนีย์ไหมที่แท้ผู้ดีจอมปลอม” ดีนะที่ไม่ได้ภรนีย์มาเป็นลูกสะใภ้ไม่อย่างนั้นสมบัติคงไม่เหลือ “ตอนนั้นคุณเป็นตัวตั้งตัวตีเลยไม่ใช่เหรอถึงได้พรากลูกพรากเมียเขา” “คุณโทมัส! คนเราก็มีพลาดกันบ้าง” “ผมขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนนะครับ” เขาเดินมานั่งที่สวนดอกไม้หลังบ้าน ที่เทียนหอมชอบออกมานั่งเป็นประจำ หากวันนั้นเขากลับมาเร็วกว่านี้ลูกๆ ของเขาคงได้วิ่งเล่นกันเทียนหอมคงจะ
ประภาโทรหาเทียนหอมตั้งแต่เช้าอย่างร้อนใจ บอกให้ลูกกลับมาเคลียร์ปัญหา พาหลานกลับบ้านอย่าทำตัวเป็นคนไม่มีเหตุผล ต้องหันหน้ากลับเผชิญกับมัน “เป็นถึงแม่คนแล้วคิดให้มันเยอะๆ กลับมาคุยกัน” “จ้ะ เทียนจะกลับ” เทียนหอมสูดหายใจเข้าลึกกว่าแม่จะผิดหวังกลัวไปหมดทุกอย่าง จนเกิดอาการแพนิคขึ้นมา ก๊อก ก๊อก ก๊อก “พี่มารับกลับบ้านครับ” ประภาติดต่อมาหาเขาบอกให้รับเทียนหอมกลับบ้าน กลับมาคุยกันพิชญ์จึงกล่าวขอโทษที่ไม่ได้รับผิดชอบเทียนหอมตั้งแต่ตอนนั้น เขาแย่มากปล่อยลูกเมียมาลำบาก “คุณรู้ได้ยังไง?” “ยังไงเทียนต้องกลับบ้านอยู่แล้วพี่ถือของให้เทียนจับลูกนะ” เขาอาสาถือของทั้งหมดเดินตามเทียนหอมกลับลูกเป็นภาพที่อบรมมาก เขาไม่รู้จะมีวันนั้นไหมที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เทียนหอมเข้ามาในบ้านเห็นแม่นั่งรออยู่แล้วส่วนเด็กๆ ที่ไม่รู้เรื่องพูดคุยกันเสียงดังไม่รู้ว่าผู้ใหญ่เป็นอะไรตามประสาเด็ก “หลานยายไปเที่ยวไหนมาเอ่ย” “ทะเลฮะ ไปกับหม่ามี้ปะป๊าพอร์ชสนุกมาก” “พาร์ทอบทะเลฮะ” “ไปเล่นรถกันในห้องก่อนนะยายจะคุยกับหม่
เทียนหอมไปรับลูกที่บ้านป้าลำไย ก่อนจะพาลูกออกไปนอนที่อื่น เพราะเธอหาคำตอบให้แม่ไม่ได้ ยังไม่มีข้อแก้ตัว อีกทั้งแม่รู้แล้วว่าพ่อของสองแฝดเป็นใคร “เราจะไปไหนฮะ” “ไม่กลับไปหาคุณยายเหรอฮะ” พอร์ชถามด้วยความอยากรู้เพราะแม่พาไปที่ไม่คุ้นเคย “วันนี้หม่ามี้พาไปพักผ่อนพรุ่งนี้ค่อยกลับบ้าน” เทียนหอมพาลูกแฝดเข้ามาพักในโรงแรมติดชายทะเล เป็นห้องขนาดใหญ่เธอจึงยอมจ่ายแม้ว่าจะต้องทำงานหลายวันกว่าจะได้เงินมา แต่ตอนนี้เธออ่อนแอยังไม่พร้อมตอบคำถามใคร “สวัสดีค่ะฉันเป็นพี่เลี้ยงค่ะ” “เทียนฝากลูกสัก 2 ชั่วโมงนะคะจะรีบกลับมา” ออกมาแต่ตัวไม่มีเสื้อผ้าหรือของเล่นลูก จึงออกไปซื้อของเลยฝากเด็กแฝดไว้กับพี่เลี้ยงที่จ้างมา “หม่ามี้” “หม่ามี้จะรีบกลับนะคะอยู่กับพี่เขาห้ามดื้อนะ” “อยากเจอปะป๊าฮะ” พอร์ชเอ่ยขึ้นทำให้เทียนหอมหนักใจ “เดี๋ยวหม่ามี้ไปตามปะป๊ามาให้” นี้คือคำโกหกเธอไม่อยากโกหกลูกเลย แต่ความจำเป็นทำให้ต้องทำ “พี่สาวโทรตามปะป๊าให้หน่อยฮะ” พาร์ทหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเขาจำได้ว่าคือสิ่งที่พ่อให้ไว้ ไม
สี่ปีก่อน หลังจากที่พิชญ์ภาชาไม่ยอมหมั้นหมายเขาขับรถออกไปจากบ้านทันที ทำให้ภรนีย์เสียหน้ามากแม่ของเขาบอกจะจัดการให้ หญิงสาวจึงยอมกลับมาสงบสติอารมณ์ที่บ้าน พอหลังจากนั้นข่าวการหมั้นหมายไม่ถูกพูดถึงแต่กลับพูดถึงข่าวอุบัติเหตุของนักธุรกิจชื่อดังที่ประสบอุบัติเหตุ ภรนีย์พยายามเข้ามาดูแลแต่เขาเอาแต่ไล่เพ้อหาแต่เทียนหอมจนเธอเจ็บใจ ที่แพ้เด็กเมื่อวานซืนพอไปทวงคำสัญญาจากแม่เขากลับถูกต่อว่าจนเธอเจ็บแค้น วันเวลาผ่านไปปีกว่าพิชญ์ภาชากลับมาเดินได้ปกติภรนีย์จึงตามขอโอกาสเขาอีกครั้ง เธอไม่ท้อถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่ารักเทียนหอมคนเดียวก็ตาม “มันหนีไปแล้วคุณยังไม่ลืมมันอีกเหรอ” “ออกไปจากบ้านผม” “คุณมันตาต่ำ” ภรนีย์พูดมาอย่างเสียหน้าที่ถูกเขาผลักไสไล่ส่ง “แล้วแต่คุณจะคิด” “พั้นช์ขอค้างกับคุณนะคะพีท” เธอคิดถึงเขาเหลือเกินในหัวใจเธอไม่เคยลืมเขาเลย หญิงสาวเข้ามาสวมกอดเขาไว้แน่น “ปล่อยคุณกลับไปหาคนของคุณซะ!” ภรนีย์ได้ไปจดทะเบียนกับฝรั่งคนหนึ่งที่อังกฤษ ซึ่งไม่ใช่เพื่อนเก่าของเขา หญิงสาวหอบเงินหนีสามีมา
“หม่ามี้ปะป๊าจะมาไหมฮะ” “พาร์ทคิดถึงปะป๊าเป่าเค้กพร้อมกัน” วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดอายุครบสามขวบเต็มของเจ้าแฝด เมื่อวานเธอไม่ได้พ่อของลูกคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องบอกแต่เห็นเจ้าแฝดชะเง้อมองทางตลอดจึงอ่อนใจ เหมือนที่เขาเคยบอกทุกอย่างคิดแทนลูกไม่ได้ “ปะป๊าจะมาจ๊ะ” “แย่ๆ” “วันนี้อยู่กับยายก่อนนะครับหม่ามี้จะออกไปซื้อของ” “พวกเราไปด้วยนะฮะเรียกปะป๊าไปด้วย” เจ้าแฝดตื่นเต้นไม่น้อยอยากออกไปเดินเล่นกับพ่อของพวกเขา เทียนหอมเห็นท่าทางดีใจของลูกจึงทำหน้าไม่ถูกแต่ปั้นยิ้มให้ลูกทั้งสอง เพื่อความสุขของลูกเธอต้องทำได้อยู่แล้ว “รอหม่ามี้ก่อนนะจ๊ะ” เทียนหอมออกมาโทรหาพิชญ์ภาชาแต่สายแรกเขาไม่รับสาย เธอจึงโทรไปใหม่แต่ไม่มีคนรับสาย คนบ้าพอมีเรื่องสำคัญกับไม่ยอมรับสาย . “ไม่รับสายละ” เวเดนมองโทรศัพท์เครื่องหรูที่หน้าจอเพิ่งดับไป “ไม่เพิ่งวางสายจากคุณแม่ไป” แม่เขาจะมาช่วยพูดกับเทียนหอมให้แต่เขาไม่ต้องการ อยากทำอะไรด้วยตัวเองอยากให้เมียยอมรับเขาขี้เกียจคุยจึงตัดสายไป