ส้นสูงกระทืบกับพื้นทำให้เกิดเสียง สาวสวยถอดแว่นตาดำออก ใบหน้ารูปไข่จมูกโด่งรับใบหน้าทำให้เธอดูสวยสง่า ดวงตากลมโตน่าค้นหา หญิงสาวเดินมาทิ้งตัวลงนั่งที่ร้านอาหารสุดหรู
“รอนานไหมคะ ลงเครื่องมาก็แวะมาหาพีทก่อนเลย คิดถึงใจจะขาดเราไม่ได้ติดต่อกันมา 5 ปีเลย”
“ตั้งแต่ที่พั้นช์ไปเรียนต่อนั่นแหละ”
“ขอโทษนะที่พั้นช์ตัดสินใจผิดพลาด” ภรนีย์ตัดสินใจพลาดเองที่ทิ้งเขาไปเรียนต่อเพราะคิดว่าเขาไม่เอาไหน ไม่สนใจธุรกิจครอบครัว ทำให้เธอคิดว่าเขาไม่มีอนาคตที่ดีให้
ก่อนที่จะตัดสินใจบินกลับมาเมืองไทยเธอเห็นข่าวของพิชญ์ภาชานักธุรกิจหนุ่มไฟแรงเจ้าของธุรกิจนำเข้ารถหรูอันดันต้นๆ ของเมืองไทย เธอจึงหาทางพยายามติดต่อเขาและในที่สุดเขาก็นั่งอยู่ตรงหน้าเลย
“ตอนนั้นพั้นช์คิดอะไรอยู่ก็ไม่รู้ถึงกล้าเลิกกับพีทแล้วหนีไปเรียนที่อังกฤษ”
“คุณหนีไปพร้อมกับมัน” พิชญ์ภาชายังคงเจ็บใจไม่หาย ภรนีย์ให้เหตุผลว่าอยู่กับเขามันไม่มีอนาคต เขาไม่เอาไหนแต่ปกรณ์นั้นดีกว่าเลยเลือกที่จะไปเรียนต่อกับมันเลือกที่จะทิ้งเขา
เขาคบกับหญิงสาวตั้งแต่เรียนจบปริญญาตรีและคบกันมาเรื่อยๆ เขาผิดที่ปล่อยปละละเลยภรนีย์จนเกิดความเคยชิน ช่วงนั้นเขากำลังศึกษาการทำธุรกิจแบบจริงจัง จึงไม่มีเวลาสนใจคนรักเท่าไร
เมื่อความเหงาเข้ามาทำให้ภรนีย์เลือกที่จะทรยศหักหลังความรักของพิชญ์ภาชาไปคว้าเอาเพื่อนต่างสาขาของเขาแทน และหนีไปด้วยกันไม่ติดต่อกลับมาอีกเลย
“คุณไปไม่บอกผมสักคำ”
“ขอโทษค่ะพั้นช์คิดน้อยไป แต่ตอนนี้พั้นช์ไม่มีพันธะกับใครแล้วค่ะ”
“ทำไมคุณถึงหย่ากับเขา?” เขาไม่ได้อยากรู้แต่เพราะตอนที่ภรนีย์ติดต่อมาแล้วร้องห่มร้องไห้ เล่าปัญหาชีวิตให้เขาฟัง เขาถึงได้รู้ว่าชีวิตของหญิงสาวก็มีปัญหาไม่น้อย
“เราทำร้ายทั้งร่างกายและจิตใจพั้นช์รับไม่ได้ค่ะ พีทคะคุณมีแฟนใหม่หรือยัง”
“จะให้ผมตอบว่ายังไง?”
“ถ้าคุณยังไม่มีใครเรามาเริ่มศึกษาดูใจกันใหม่ได้ไหมคะ พั้นช์ไม่รีบหากคุณพร้อมก็บอกตอนนี้เราเป็นเพื่อนกันไปก่อน”
“…” เขาเลือกที่จะไม่ตอบทีแรกเขาคิดว่าหัวใจคงเจ็บปวดเวลาเจอหน้าคนรักเก่า แต่ไม่เลยเขาปกติดีทุกอย่างแต่กลับคิดถึงใบหน้าของใครบางคนที่รอเขาอยู่ที่บ้าน
“พั้นช์คิดถึงคุณพ่อคุณแม่ของคุณจังเลยอยากกลับไปสวัสดีท่านเสียหน่อย”
“ผมไม่ได้อยู่บ้านหลังนั้นแล้ว”
“คุณแต่งงานแล้วย้ายออกไปเหรอคะ” ภรนีย์กัดปากตัวเองเมื่อคิดว่าเขาคงแต่งงานไปแล้ว อายุไม่ใช่น้อยๆ คงไม่รอเธอถึงห้าปี
“ผมยังไม่ได้แต่งงาน”
“พาพั้นช์ไปที่บ้านคุณหน่อยได้ไหมคะ พั้นช์อยากทำความรู้จักกับคนในบ้านของคุณ”
“แล้วแต่คุณ” ทั้งสองนั่งทานข้าวด้วยกันเหมือนคู่รักทั่วไป โดยที่หญิงสาวคอยตักอาหารให้เหมือนกำลังเอาใจซึ่งพิชญ์ภาชาก็ไม่ปฏิเสธ
.
เทียนหอมนั่งทำบัวลอยเมนูของโปรดของพิชญ์ภาชาด้วยความตั้งใจ หากเขากลับมาจะได้ทานเลยหญิงสาวจงใจเติมความรักความเอาใจใส่ลงไป จนคนเป็นแม่ต้องเอ่ยปากถามลูกสาว
“เทียนยิ้มอะไรคนเดียว”
“ไม่มีจ๊ะแม่”
“เหมือนคนกำลังมีความรักเลย” ส้มสังเกตมาหลายวันช่วงนี้เทียนหอมสวยขึ้น รู้จักแต่งหน้าทำผมคงไปแอบชอบหนุ่มที่ไหนสักที่
“ใครเหรอลูก”
“ไม่มีจ๊ะแม่หนูจะไปชอบใครได้” ตอนนี้หัวใจของเธอนั้นมีเจ้าของแล้ว แถมยังเป็นเจ้านายของเธอด้วยเทียนหอมรีบทำบัวลอยเมื่อใกล้ถึงเวลาที่เขาจะกลับบ้าน
เทียนหอมจึงขึ้นไปที่ห้องนอนของเขาและทำความสะอาดอีกรอบ หญิงสาวเช็ดฝุ่นไปเรื่อยๆ จนเปิดลิ้นชักเพื่อจะเช็ดฝุ่นแต่สายตาไปปะทะกับกล่องสีดำ ซึ่งเธอไม่เคยเห็นมาก่อนจะเปิดดูเหมือนว่าไม่มีมารยาทเลยเก็บไว้
แต่ดันทำหล่นจนของที่อยู่ในกล่องนั้นกระจายเทียนหอมจึงรีบเก็บ มือบางพลิกแผ่นกระดาษสีขาวที่เคลือบพาลติดขึ้นมาตั้งใจจะเก็บเข้าที่เดิม สายดันไปเห็นรูปคู่ของพิชญ์ภาชากับผู้หญิงคนหนึ่ง
“รูปเพื่อนเขาเหรอสวยจัง”
“อุ๊ย”
เทียนหอมถึงกับอุทานออกมาเมื่ออีกรูปเป็นรูปที่พวกเขากำลังจูบกันอยู่ริมชายหาก และอีกหลายๆ รูปที่บ่งบอกสถานะได้เป็นอย่างดี เหมือนจะนานมาแล้วแต่ทำไมหัวใจของเธอเจ็บจัง
“คุณยังไม่ลืมเขาเหรอคะถึงเก็บทุกอย่างไว้” ในกล่องมีทั้งแหวนและสร้อยคอทองคำขาว และยังมีการ์ดอวยพรในเทศกาลต่างๆ เธอไม่สามารถอ่านต่อได้จึงเก็บไว้ที่เดิมและออกมาจากห้องของเขา
เทียนหอมได้ยินเสียงกำลังพูดคุยกันพิชญ์ภาชาคงกลับมาแล้ว ทำไมเขาถึงไม่ให้คนมาตามเธอทุกครั้งเวลาเขากลับบ้านเขาจะให้ส้มมาตามเธอไปดูแล แต่ครั้งนี้เขากลับไม่ทำแบบเดิม
สองขาต้องหยุดเพราะในห้องนั่งเล่นไม่ได้มีแค่เขาตามลำพัง ยังมีหญิงสาวคนหนึ่งนั่งอยู่ไม่ห่างกับเขา เธอได้ยินเสียงหัวเราะของหญิงสาวเหมือนกำลังพูดคุยเรื่องสนุกกันอยู่
“เสร็จแล้วเหรอเทียนพี่เอาน้ำไปเสิร์ฟแขกคุณพีทก่อน”
“แขกเหรอคะ?”
“พี่รบกวนเทียนได้ไหมพี่ปวดหนักมาเลยฝากไปเสิร์ฟน้ำและของว่างแทนพี่ที” ส้มจับถาดยัดใส่มือของเทียนหอมแล้ววิ่งเข้าห้องน้ำ
หญิงสาวก้มลงมองขนมหวานที่เธอลงมือทำอย่างสุดฝีมือ และมองไปที่ทั้งสองคนเขาสนิทกันมากจนเธอกลัวว่าสิ่งที่คิดกำลังจะเป็นจริง
“ขออนุญาตค่ะ”
“เด็กในบ้านคุณสวยนะคะ” พั้นช์ไม่ค่อยชอบใจที่ในบ้านเขามีหญิงสาวหน้าตาน่ารักอยู่ด้วย เธอมองหน้าไม่ชัดเพราะหญิงสาวเอาแต่ก้มหน้า
“ลูกสาวแม่บ้านของผม” พิชญ์ภาชาตอบอย่างไม่ใส่ใจและเปลี่ยนเรื่องคุย ทำเหมือนว่าเทียนหอมไม่อยู่ในสายตาของเขา
“ปกติคุณไม่ชอบทานของหวานหนิค่ะ”
“อืม ฝากคุณจัดการมันด้วยแล้วกัน”
“ไม่เอาค่ะพั้นช์กลัวอ้วนเอาไปเก็บเลยนะ”
“ค่ะ” เทียนหอมรับเก็บของหวานกลับ น้ำตาจะไหลออกจนได้ จนต้องรีบวิ่งเข้าห้องน้ำเธอตกใจแทบทำแก้วน้ำหล่นตอนที่เห็นใบหน้าของผู้หญิงคนนั้นแบบใกล้ๆ หญิงสาวคือคนในรูปที่เธอเพิ่งเห็น
เทียนหอมขังตัวเองอยู่ในห้องน้ำนานเกือบชั่วโมง พอเอาเข้าจริงๆ เธอกลับทำใจไม่ได้เลยหากเขาจะกลับไปคบกัน หรือไม่ก็เป็นเธอที่เป็นมือที่สาม
และการกลับมาของภรนีย์ ทำให้เทียนหอมรู้สึกถูกคุกคามทางใจ กลัว และไม่มั่นคงอีกแล้วแม้พยายามคิดปลอบใจตัวเองแค่ไหนก็ตาม เขาไม่เคยพาใครเข้ามาในบ้านหลังนี้ยกเว้นผู้หญิงคนนั้น
ภรนีย์รอกินอาหารค่ำพร้อมกับพิชญ์ภาชาแต่ต้องอารมณ์หงุดหงิดเมื่อเขาเอาแต่ถามหาเด็กในบ้านแทนที่จะสนใจเธอมากกว่า สายตาของเธอมองไม่ผิดว่าเด็กนั่นต้องหลงรักพิชญ์ภาชา
“ลูกสาวของป้าไปไหนครับ”
“เทียนไม่ค่อยสบายค่ะป้าเลยให้ไปพัก”
พิชญ์ภาชาพยักหน้าตอบและไม่ถามอะไรต่อ เขาเห็นใบหน้าไม่สู้ดีของเทียนหอมตั้งแต่เจอหน้าภรนีย์แล้ว เขาอยากเข้าไปกอดแทบแย่แต่ต้องรักษามารยาทไว้
“ดูเหมือนเด็กที่ชื่อเทียนจะสำคัญกับคุณนะคะ”
“ผมให้ความสำคัญทุกคนในบ้าน”
“พั้นช์อยากย้ายมาอยู่กับคุณจังเลยค่ะอยากเป็นคนสำคัญบ้าง”
“เรารีบทานข้าวดีกว่าเดี๋ยวคุณกลับบ้านดึก” เรื่องที่ทั้งสองจะกลับมาคบกันพิชญ์ภาชายังไม่ได้ตัดสินใจและยังไม่ให้คำตอบเพราะเขายังสงสารเทียนหอม เขายังไม่เบื่อและตอนนี้กำลังสับสนไม่น้อยกับการกลับมาของคนรักเก่า
.
เทียนหอมนั่งจัดหนังสือด้วยความเหม่อลอย เหตุการณ์ที่ผ่านมาพิชญ์ภาชาไม่ยอมอธิบายว่าเขากับผู้หญิงคนนั้นเป็นอะไรกัน
“คนใจร้าย”
แต่ยิ่งซ้ำร้ายพิชญ์ภาชาไม่ได้สนใจเทียนหอมอีกเลย เขาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเขากับเทียนหอม ทำให้เทียนหอมต้องหลบหน้าหลบตาเขาตลอด
“ว่าฉันเหรอ”
“คุณพีท คุณกลับมาตอนไหนคะ?”
“กลับมาตอนที่ได้ยินคนกำลังด่าฉันอยู่” เขาคิดถึงร่างบางจึงอยากกลับมาหา เทียนหอมเล่นหลบหน้าหลบตาเขาจนเขานอนไม่หลับเพราะไม่มีร่างเล็กให้นอนกอด
“ถ้าคุณจะใช้ห้องทำงานตามสบายเลยค่ะ”
“โกรธกันเหรอเรื่องพั้นช์” เขาทนสายตาที่แสนเย็นชาจากหญิงสาวไม่ได้ เขาไม่ชอบที่เทียนหอมทำเป็นไม่สนใจเขา
“เทียนไม่มีสิทธิ์โกรธคุณค่ะ”
“เขาคือคนรักเก่าฉันเองเพิ่งกลับมาจากต่างประเทศ”
“บอกเทียนทำไมคะ?”
“ก็บอกไว้ว่าฉันกับเขาไม่ได้เป็นอะไรกัน”
ปกติเขาไม่ต้องมานั่งอธิบายให้ใครฟัง แต่เทียนหอมกลายเป็นข้อยกเว้น เขาไม่ชอบที่หน้าสวยๆ นั้นเศร้าหมอง พิชญ์ภาชาเองก็เริ่มสับสนกับความรู้สึกของตัวเองไม่น้อย
“วันหยุดนี้ฉันพาไปดูหนัง”
“คุณว่าอะไรนะคะ”
“อายุยังน้อยอยู่เลยหูตึงแล้ว” เพราะเขาไม่เคยพาเทียนหอมออกไปไหน ทั้งสองแอบนัดเจอกันแค่ในห้องนอนและห้องทำงานของเขาเท่านั้น
“เดี๋ยวจะรู้ค่ะ”
“เดินออกมารอหน้าบ้านเดี๋ยวฉันรอรับโอเคไหม”
“ก็ได้ค่ะเทียนทำความสะอาดต่อนะคะ”
“ไม่ต้องทำแล้วขึ้นไปบนห้องแล้วแก้ผ้ารอฉัน!” เขาคิดถึงเธอแทบจะขาดใจ เวลาไปทำงานต้องพาลไปเรื่อยเพราะคิดถึงแต่ใบหน้าของเทียนหอม
“ไม่นานนะคะเดี๋ยวแม่สงสัย”
“สนใจแต่คนอื่นไม่สนใจผัวตัวเองเลย”
“คะ คุณพีทอย่าพูดแบบนี้อีกนะคะ”
เทียนหอมขึ้นไปรอเขาที่ห้อง ไฟสวาทแห่งความคิดถึงโหยหาลุกโชน เวลาผ่านไปเกือบหนึ่งชั่วโมงพิชญ์ภาชาจึงยอมปล่อยเทียนหอมลงมาข้างล่าง ส่วนเขานั้นเตรียมตัวไปทำงานต่อเพราะตอนบ่ายมีนัดคุยงานกับภรนีย์ที่ขอร้องให้เขาช่วยเรื่องธุรกิจ
.
เทียนหอมนั่นหลับในโรงหนังเป็นครั้งแรกที่เธอได้มาดูหนัง แต่เมื่อคืนโดนเขาเอาเปรียบรังแกเธอทั้งคืนเลยทำให้ง่วงและอ่อนเพลีย
พิชญ์ภาชาเหมาโรงหนังเพื่อที่จะได้มีความเป็นส่วนตัวเขาไม่ชอบความวุ่นวาย เขานั่งมองใบหน้าของเทียนหอมที่กำลังหลับใหล หัวใจของเขาเต้นแรงขึ้นมายามที่คิดถึงเรื่องราวที่ผ่านมา ตอนนี้สองเดือนแล้วที่เขามีเทียนหอมอยู่ข้างกาย เขาอยากรักเธอตลอดโดยไม่รู้สึกเบื่อเลยสักนิด
“อื้อ อ๊ะ คุณพีททำอะไรคะ”
“ปลุกเด็กน้อยขี้เซา”
“แล้วใครที่รังแกเทียนจนถึงเช้าล่ะ”
เทียนหอมปรับเบาะให้ตั้งตรง ยังไม่ทันจะได้พูดต่อปากหนาของเขาก้มลงมาจูบปากของเธออย่างร้อนแรง จนเธอต้องเป็นฝ่ายห้ามเขาก่อน
“พอแล้วค่ะ”
“ช่วงนี้ได้กินยาคุมบ้างหรือเปล่า”
“กินตลอดค่ะ”
“อืม อย่าพลาดนะ” เขายังไม่พร้อมที่จะมีลูกในเวลานี้จะเรียกว่าเห็นแก่ตัวก็ได้ที่ให้เทียนหอมป้องกันอยู่ฝ่ายเดียว เธอสะอาดผุดผ่องจนเขาไม่อยากใส่เครื่องป้องกัน
“ถ้าพลาดคุณพีทจะทำยังไงคะ”
“ไปทำแท้ง!”
เทียนหอมใบหน้าซีดเผือดเมื่อได้ยินคำตอบที่ออกมาจากคนที่เธอรักหากเธอพลาดขึ้นมาจริงๆ เขาคงจะทำแบบที่ปากพูด
“ตกใจอะไร”
“ถ้าเทียนท้องขึ้นมาคุณจะไม่รับผิดชอบเหรอคะ”
“ซีเรียสอะไรตอนนี้ยังไม่ท้องหนิ”
“เทียนแค่ลองถามดูค่ะ” เทียนหอมรู้สึกใจคอไม่ดีแล้วที่เขารับปากว่าจะรับผิดชอบหมายความว่าอย่างไร จนล่วงเวลามาสองเดือนเขาก็ยังไม่พูดเรื่องรับผิดชอบกับเธอเลยสักครั้ง
“ครับพั้นช์ ผมจะรีบไปตอนนี้เลย” เขาวางสายจากภรนีย์แล้วหันมามองคนข้างกาย ที่กำลังมีคำถามกับเขาตอนนี้เขายังไม่อยากพูดอะไร
“รอคนของพี่มารับนะ พี่มีงานด่วน”
“ด่วนถึงขนาดต้องรีบไปเลยเหรอคะ เรื่องคุณพั้นช์”
“อย่างี่เง่าและตั้งคำถามกับฉัน ไม่พอใจก็กลับเอง”
พิชญ์ภาชาหัวเสียเมื่อเทียนหอมเริ่มพูดจาไม่รู้เรื่อง เมื่อเห็นคนอวดเก่งเดินหนีเอาออกจากโรงหนัง พิชญ์ภาชาจึงไม่ได้โทรบอกลูกน้องให้มารับเทียนหอม เก่งนักก็หาทางกลับบ้านเองเลย
.
พิชญ์ภาชายืนกดกริ๋งหน้าคอนโดของภรนีย์ หญิงสาวโทรหาเขาแล้วบอกว่ามีคนมาก่อกวนหญิงสาวหน้าคอนโด
“พั้นช์”
“พีทคะ พั้นช์กลัวมากเลย” หญิงสาวโผล่เข้ากอดพิชญ์ภาชาไว้แล้วยิ้มดีใจที่เขาเลือกมาหาเธอ ทุกอย่างเป็นแค่แผนที่เธอคิดไว้
“เราไปขอดูกล้องวงจรปิดดีไหม”
“ไม่เอาค่ะคอนโดนี้น่าจะไม่ปลอดภัยพั้นช์ขอไปอยู่กับคุณได้ไหมคะ” หญิงสาวพูดตรงๆ เพราะกลัวว่าพิชญ์ภาชาจะเปลี่ยนใจไปจากเธอ
“คงไม่ได้”
“ทำไมคะในเมื่อคุณยังไม่มีใคร”
“ชายหญิงจะไปอยู่บ้านเดียวกันได้ยังไง คุณจะเสียหายเอานะ” พิชญ์ภาชาพยายามหาทางเลี่ยงเขาไม่อยากให้คนเข้าใจผิดถึงความสัมพันธ์ของเขากับภรนีย์
“แต่พั้นช์กลัว”
“คุณไปอยู่ที่เพ้นต์เฮาส์ผมก่อนก็ได้”
“จะดีเหรอคะ”
“ครับคุณหาที่อยู่ใหม่ได้ค่อยย้ายออกไป”
ภรนีย์ยิ้มอย่างคนชนะเขายอมยื่นมือเข้ามาช่วยนั้นหมายความว่าเขายังมีใจให้เธอ อีกไม่นานเธอต้องได้เข้าไปอยู่ในบ้านของเขาในฐานะภรรยาของพิชญ์ภาชาเธอต้องรีบหาทางเข้าหาพ่อแม่ของเขา พวกท่านจะได้เอ็นดูเธอเหมือนแต่ก่อนแล้วเอ่ยปากขอเธอไปเป็นลูกสะใภ้
.
พิชญ์ภาชากลับมาจากคอนโดของภรนีย์เกือบสามทุ่ม เขาโทรหาเทียนหอมแต่หญิงสาวไม่ยอมรับสายเขา จะลงไปตามที่ห้องพักด้านล่างก็ดูไม่ดี เขาไม่รู้เลยว่าหญิงสาวกลับมาถึงอย่างปลอดภัยดีหรือไม่
“เอ้า คุณพีทยังไม่นอนเหรอครับ”
“ทำไมยังไม่ปิดไฟ”
“อ๋อ ผมรอหนูเทียนกับส้มเข้าบ้านครับ” ชาญชัยตอบเจ้านายไป ตอนเย็นเกิดเรื่องขึ้นจนเทียนหอมได้รับบาดเจ็บ แล้วพากันไปแจ้งความ
“3 ทุ่มแล้วทำไมถึงยังไม่เข้าบ้าน”
“เห็นว่าหนูเทียนโดนโจรกระชากกระเป๋า โดนตบจนหน้าแดงเธอ เลยไปแจ้งความครับ”
พิชญ์ภาชาตกใจกลับสิ่งที่ลูกน้องบอก หรือว่าจะเป็นตอนที่ดูหนังเสร็จหากแบบนั้นความผิดของเขาอย่างชัดเจน พิชญ์ภาชาไล่ให้ลูกน้องไปนอนส่วนเขาจะรอทั้งสองคนเอง
สองสาวเดินเข้ามาบ้านทางประตูหลังบ้าน คนงานของบ้านนี้จะไม่ใช้ประตูใหญ่เพราะเกรงใจเจ้านาย เทียนหอมมีใบหน้าที่เศร้าหมองเพราะยังตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
“ดีนะที่พี่ตรัยมาช่วยไว้ไม่อย่างนั้นแย่แน่เลย”
“เทียนไม่เป็นอะไรแล้วค่ะพี่ส้ม พี่ส้มไปพักผ่อนดีกว่าเทียนจะโทรไปขอบคุณพี่ตรัยเขาเหมือนกันค่ะ”
“พี่ตรัยเขาเหมือนจะชอบเทียนเลยนะ หล่อ รวย พี่เชียร์คนนี้”
สองสาวพูดกันอย่างสนุก แต่คนที่ได้ยินถึงกลับไม่ชอบใจ พิชญ์ภาชาขอเวลาให้สองสาวแยกจากกันจะไปเค้นถามกับเทียนหอมว่าไอ้ผู้ชายที่พูดถึงมันเป็นใคร
“อุ๊ยยย คุณพีทเดี๋ยวคนเห็น”
“เป็นอะไรมากไหม” พิชญ์ภาชาไม่สนใจเขาจับเทียนหอมหมุนซ้ายหมุนขวาเพื่อดูว่าหญิงสาวบาดเจ็บตรงไหน เขาสำรวจใบหน้าโล่งใจเพราะไม่มีร่องรอยอะไร
“ไม่ค่ะ”
“เทียนขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะคะ”
“ฉันขอโทษที่ปล่อยให้เกิดเรื่องแบบนี้” หากเขาให้ลูกน้องมาส่งเทียนหอม คงไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น
“ไม่ใช่ความผิดของคุณพีทเลยค่ะ”
“แล้วไอ้ตรัยที่พูดถึงมันเป็นใคร!” เขาไม่ชอบเวลาที่หญิงสาวพูดถึงผู้ชายคนอื่น ยังอยู่กับเขาแต่คิดจะจับผู้ชายคนอื่นแล้ว
“พี่ตรัย พี่ข้างบ้านไงคะ?”
“อยู่กับฉันมันไม่มีความสุขหรือไงถึงคิดจะจับผู้ชายคนอื่น” เขาไม่รู้ว่าผู้ชายมันเป็นใครเพราะเขาไม่มีปฏิสัมพันธ์กับเพื่อนบ้าน ใครจะเป็นจะตายไม่เกี่ยวกับเขา
“คุณพีทพูดอะไรน่าเกลียด”
“อย่ามาไร้เดียงสาหน่อยเลย จะไปมันรับของเหลือจากฉันได้หรือเปล่า”
เพียะ
เทียนหอมตบหน้าด้วยความโมโห ไม่เคยมีใครดูถูกเธอเท่านี้มาก่อน เขาเป็นผู้ชายคนแรกที่เธอรักและต้องเสียใจอยู่แบบนี้ช้ำๆ น้ำไหลไหลอาบแก้มจนหญิงสาวต้องปาดน้ำตาทิ้ง
“เธอกล้าตบฉันเหรอ”
“...”
“โธ่โว้ยยย” พิชญ์ภาชามองร่างบางที่วิ่งเข้าห้องพักตัวเองไป คืนนั้นเขาจึงนั่งดื่มเหล้าจนเมามายปากเพ้อหาแต่เทียนหอม เขาปากไวหญิงสาวจะโกรธก็ถูกแล้ว
.
ภรนีย์ยังคงตามตื๊อพิชญ์ภาชาเหมือนเดิมวันนี้หญิงสาวมานั่งเฝ้าชายหนุ่มถึงที่บ้าน พยายามพูดคุยเรื่องอดีตที่ผ่านมาและเธอเองก็ยังรักเขาอยู่
“พั้นช์ยังรักพีทเหมือนเดิม เรากลับมาเป็นแฟนกันได้ไหม”
“คุณจะไม่เสียใจทีหลังเหรอ”
“พั้นช์ไม่เสียใจค่ะอยากขอโทษคุณบ่อยๆ คุณรักยังพั้นช์อยู่ใช่ไหมคะ ไม่อย่างนั้นจะให้พั้นช์ไปอยู่ที่เพ้นต์เฮาส์คุณทำไม” หญิงสาวเห็นเทียนหอมจึงรีบพูดเรื่องนี้ หวังจะให้คนตัวเล็กได้ยิน
ภรนีย์ดึงเขามากอดและพร่ำเพ้อบอกรักพิชญ์ภาชาแต่สายตายังคงจ้องมองร่างเล็กที่เดินออกห่างไป ด้วยความสะใจคิดจะมาแย่งของเธอ แค่คนรับใช้จะเอาอะไรมาเทียบเท่าเธอพิชญ์ภาชาคงไม่ตาต่ำขนาดนั้น
“ผมขอเวลาหน่อยแล้วกัน”
“พั้นช์จะรอนะคะ หวังว่าพั้นช์จะไม่เสียใจ”
“ครับ” เขาไม่อยากพูดต่อจึงจบบทสนทนาแค่นั้น ตอนที่กอดภรนีย์ทำไมเขาต้องคิดถึงใบหน้าของเทียนหอมทุกครั้ง เรื่องเมื่อคืนต้องหาทางตามง้อและขอโทษหญิงสาว
เทียนหอมที่เห็นความสนิทสนมของทั้งสองจึงเสียใจอย่างหนัก ยามที่ภรนีย์มาที่บ้านเธอจะเป็นฝ่ายหลบหน้า เพราะไม่อยากเห็นภาพที่บาดใจ พวกเขาคงกลับมาคืนดีกันในเร็ววัน “เดินผ่านพี่ไปไม่เห็นพี่เหรอครับน้องเทียน” “พี่ตรัย!” เทียนหอมเหม่อลอยไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูรั้วบ้านของพิชญ์ภาชา “เดินเหม่อลอยคิดถึงพี่อยู่เหรอครับ” ตรัยคุณส่งยิ้มให้สาวสวยตรงหน้า เขาเอ็นดูเทียนหอมรู้จักตั้งแต่หญิงสาวยังเป็นเด็ก แต่ไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไรนัก “น้องเทียนว่างไหมครับ” “พี่ตรัยเข้ามาในบ้านก่อนนะคะเทียนทำของหวานไว้เยอะ ฝากไปให้คุณป้าทานด้วยค่ะ” ทั้งสองนั่งพูดคุยกันอย่างออกรส ตรัยคุณเพิ่งกลับมาจากเรียนต่อต่างประเทศ เขาคิดไว้ว่าหากกลับมาแล้วเทียนหอมยังไม่มีใครเขาว่าจะขอหญิงสาวเป็นแฟน เพราะเขาไม่สามารถลืมหญิงสาวได้เลย “อร่อยครับ” “ขอบคุณค่ะ” “น้องเทียนไม่คิดจะเรียนต่อเหรอครับ” หญิงสาวเป็นเด็กกตัญญูเขาส่งสารที่ต้องทำงานช่วยแม่ตั้งแต่เด็ก อนาคตยังไปได้ไกลกว่านี้ “คงไม่แล้วค่ะแม่อยากกลับ
พิชญ์ภาชานั่งทำงานเขาดูเวลาอีกทีเกือบเที่ยงคืนแล้ว เขาทำงานหนักเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านคิดมากเรื่องของเทียนหอม เขาเริ่มเย็นชากับเทียนหอม เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนในใจของเขาเอง เขาแสร้งทำเป็นว่าความสัมพันธ์กับเทียนหอมไม่สำคัญ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่สามารถลบความรู้สึกผิดได้ “ว่าไง” “คืนนี้มาเจอกันหน่อยไหมเพื่อนไอ้ทอยก็อยู่ด้วย” “ฉันจะไป” พิชญ์ภาชากอดวางสายตั้งแต่งานวันคล้ายวันเกิดของเพื่อนเขาก็ไม่เจอหน้าอาทิตย์กับทินกรอีกเลย ออกไปปลดปล่อยบางทีอาจทำให้เขาเลิกคิดถึงเทียนหอม พิชญ์ภาชาเดินเข้ามาในผับหรูที่มีนักท่องราตรีมาเที่ยวกันจนแออัด เขาเดินขึ้นไปยังบนสุดของผับซึ่งหน้าห้องเขียน VVIP ซึ่งเอาไว้รองรับแขกที่กระเป๋าหนักและชอบความเป็นส่วนตัวเท่านั้น “ช่วงนี้นายหหายหน้าหายตาไปเลย กลับมาคืนดีกลับพั้นช์แล้วเหรอ” อาทิตย์อยากรู้เพราะได้ยินข่าวมาแบบนั้นแถมพ่อแม่ของพิชญ์ภาชายังเห็นดีเห็นชอบอีก ไม่จำตอนที่โดนทิ้งสภาพเหมือนหมา “เอ้า ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ทินกรวางแก้วลงอยากรู้เรื่องของพิชญ์ภาชา “ใครบ้างจะลืม”
เทียนหอมนอนร้องไห้เมื่อรู้ว่าพิชญ์ภาชาขับรถออกไปพร้อมกับภรนีย์หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จ ตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้วเขาก็ยังไม่กลับ เทียนหอมคิดทบทวนว่าต่อจากนี้จะทำอย่างไรต่อไป แกร็ก “อื้อ” “ร้องไห้ทำไมเด็กดี” พิชญ์ภาชาเข้ามากอดร่างบางไว้ แล้วเช็ดน้ำตาออกจากหางตาของหญิงสาว “คุณพีทเข้ามาทำไมคะ?” เทียนหอมกลัวว่าจะมีคนมาเห็นว่าพิชญ์ภาชาเข้ามาที่ห้องนอนของเธอ ซึ่งไม่เหมาะเพราะที่นี่เป็นห้องพักคนงานในบ้านของเขา “ฉันขอโทษที่ทำให้ร้องไห้ พั้นช์เขาต้องการความช่วยเหลือให้ฉันเป็นที่ปรึกษาให้” “คุณจะกลับไปคบกับเขาเหรอคะ” เ
ตั้งแต่คืนนั้นพิชญ์ภาชาไม่ยอมกลับมานอนบ้านทำให้เทียนหอมเข้าใจว่าเขาคงมีความสุขอยู่กับภรนีย์ พอเขาคิดถึงเธอก็กลับมาหาพอเบื่อก็ไปอยู่กับอีกคนทำให้เทียนหอมเริ่มคิดหาทางหนีไปจากเขา การอยู่ของเธอทำให้เป็นของตายอยากจะเรียกหาเมื่อไรก็เจอ “หนูเทียนมาหาฉันหน่อยจ๊ะ” “สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง” “ทำไมเดี๋ยวนี้สวยขึ้นจัง” อมรามองเด็กสาวตรงหน้าแต่ดวงตาเหมือนเศร้าไปนิด แต่ผิวพรรณเปล่งปลั่งดูมีน้ำมีนวลขึ้นเรียกว่าสวยขึ้นมากจนอมราเริ่มแปลกใจ “ขอบคุณค่ะ” “มีแฟนหรือยัง” 
ภรนีย์เริ่มแผนการจัดการเรื่องงานแต่งงานกับพิชญ์ภาชาในเมื่อเขาไม่คิดจะสนใจ เธอจึงหาทางเข้าหาแม่ของเขาแทนเพราะรู้ว่าท่านเอ็นดูเธอแค่ไหน โดยอ้างว่าตอนนี้ใครๆ ก็เข้าใจว่าเธอกับพิชญ์ภาชากำลังแต่งงานกัน ทำให้คนรอบข้างเริ่มถามถึงสถานะที่ชัดเจน “พั้นช์ลำบากใจจังเลยค่ะ” “ไม่ต้องห่วงนะแม่จะคุยกับตาพีท” “เรามาแล้วนั้นเข้าไปดูแหวนก่อนไหมคะ?” ภรนีย์แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เรื่องที่พาอมราเดินเข้ามาในร้านเพชร และจัดแจงเลือกแหวนเพชรเม็ดโตๆ อย่างมีความสุขโดยไม่คิดถามอีกฝ่ายว่าอยากจะแต่งงานกับเธอหรือไม่ “สวยไหมคะคุณแม่” “สวยจ๊ะเหมาะกับหนูพั้นช์มาก” อมราเห็นดีเห็นงามไปด้วย พิชญ์ภาชาอายุขึ้นเลขสามแล้วสมควรที่จะมีครอบครัวคนเป็นแม่อยากอุ้มหลานลูกของพิชญ์ภาชาเต็มทน “วงนี้เหมาะมากเลยค่ะสวยมากค่ะคุณผู้หญิง” พนักงานรีบเชียร์ให้ซื้อวงนี้ เพราะจะได้ค่าคอมมิชชั่นไปด้วย “แต่พั้นช์ว่าราคามันแพงไปนะคะ” “สำหรับหนูพั้นช์แม่จ่ายให้เองจ๊ะถือว่าเป็นแหวนหมั้นไปเลย แหวนแต่งงานค่อยซื้อใหม่” “จะดีเหรอคะ” ภรนีย์รีบตอบตกลงอย่างไว
เสียงพูดคุยกันเสียงดังดังเข้ามาในบ้านจนเจ้าของบ้านต้องรีบวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เทียนหอมยืนมองเด็กทั้งสองคนที่กำลังยืนเถียงกันแย่งของเล่นกันไปมา จนคนเป็นแม่ส่ายหน้า “อันนี้ของพี่นะ” “อันนี้ของพี่เหมือนกัน!” ไม่มีใครยอมใครคนนั้นก็จะเป็น คนนี้ก็จะเป็นพี่สรุปไม่มีใครอยากเป็นน้อง “หม่ามี้นี่ของพี่” น้องพาร์ทที่แย่งของกลับมาคืนมาไม่ได้จึงหันมาฟ้องเทียนหอม พร้อมกับน้ำตาไหลเพราะถูกแย่งของเล่นไป “พี่พอร์ชหม่ามี้บอกว่ายังไง ของเล่นหม่ามี้ซื้อให้คนละชิ้นยังมาแย่งกัน รู้ไหมว่าหม่ามี้ต้องทำงานหนักแค่ไหนกว่าจะได้เงินมา” น้องพอร์ชที่ได้ยินแบบนั้นจึงคืนของเล่นให้น้องไป พร้อมกับวิ่งเข้ามากอดเทียนหอม ซึ่งเทียนหอมนั่งลงให้ลูกชายกอด “พี่ขอโทษค่าบ ต่อไปพี่จะช่วยหม่ามี้หาเงินจะได้มาซื้อของเล่น” “น่ารักที่สุดเลย” ลูกชายทั้งสองคนของเทียนหอมมีใบหน้าที่คล้ายกับพ่อของพวกเขามาก มีแต่ดวงตากับริมฝีปากที่ได้แม่มา ตลอดสามปีที่เลี้ยงดูลูกๆ มาอย่างเหน็ดเหนื่อยมันทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น “ขึ้นไปอาบน้ำกันได้แล้วหม่ามี้ทำของ
พิชญ์ภาชานั่งมองรูปของเด็กผู้ชายทั้งสองคน เขาเชื่อว่าสองคนนี้ต้องเป็นลูกชายของเขาแน่ อยากรู้จักชื่อจังเทียนหอมจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรแล้วบอกลูกว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องราวของเขา เขาใจร้อนและอยากเห็นหน้าเด็กมาก เขาเอารูปตัวเองตอนเด็กมาเทียบก็ได้เห็นว่า นี่มันตัวเองชัดๆ เขานั่งมองรูปอยู่แบบนั้นจึงเกือบเช้า “พ่อจะไปหาพวกหนู” พิชญ์ภาชาร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก จากเหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อนทำให้กระดูกขาหัก คราวแรกเขาไม่ยอมทำกายภาพบำบัดเพราะเกิดจากการตรอมใจ พอนานวันเข้าเขาจึงลุกขึ้นมาสู้ใหม่ “ให้ฉันขอบรถให้ไหมนายคนไม่ไหว” เวเดนอาสาจากกรุงเทพไปจันทบุรีนั้นใช้เวลาขับนานหลายชั่วโมงเหมือนกัน “นายไปทำงานเถอะฉันไหว” “แต่มัน...” “ขอบใจมากนะเพื่อนที่อยู่เคียงข้างฉันมาตลอด” นอกจากอาทิตย์ ทินกร ก็มีเวเดนที่เป็นเพื่อนทั้งเลขาคนสนิทของเขาที่คอยให้กำลังใจแบบซ้ำเติมกันมาตลอด “ขาของนาย” “มันหลายปีแล้วฉันหายแล้วแผลที่กายไม่เจ็บเท่าแผลที่ใจ” “น้องเทียนหอมคงเจ็บมากกว่านายหลายร้อยเท่า!” อาทิตย์เข้ามาได้ยินประโยคนั้
พิชญ์ภาชามาที่บ้านของเทียนหอมซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กที่อยู่ในสวนผลไม้ บริเวณด้านข้างปลูกผักมากมายร้ายล้อมไปด้วยต้นไม้เขาสังเกตว่ามีเพื่อนบ้านอยู่หลายหลัง ในสวนของเทียนหอมมีผลไม้อยู่หลายชนิด แต่น่าจะยังไม่เก็บเกี่ยวเพราะไม่ใช่ช่วงเก็บผลไม้ “อันนี่ของพี่นะ พี่แบ่งให้” “พี่กินด้วย” น้องพี่น้องแบ่งขนมกันเพราะหากทะเลาะกันแย่งขนมแม่จะไม่ให้กินอีก ช่วงนี้เลยรักกันเพราะไม่อยากเห็นแม่เหนื่อย เด็กๆ นั่งกินขนมกินรถของเล่นกันหน้าบ้านยายออกไปตลอดแล้ว ส่วนแม่นั้นซักผ้าอยู่หลังบ้านพวกเขาจึงมาวิ่งเล่นอยู่หน้าบ้าน พิชญ์ภาชาหัวใจเต้นรัวเมื่อเห็นใบหน้าของลูกแฝดทั้งสองคนที่นั่งกินขนมกันอยู่ ซึ่งมีใบหน้าคล้ายเขามากเขามั่นใจว่าเด็กๆ คือลูกของเขาใบหน้าออกฝรั่งขนาดนั้นเขาเดินเข้าไปใกล้จนเด็กแฝดเงยหน้าขึ้นมามอง “สวัสดีครับเด็กๆ” “ปะป๊า! / ปะป๊าจริงๆ ด้วย” สองแฝดวิ่งไปหาเขาเพราะจำรูปพ่อได้ว่าตาแบบนี้ พวกเขาไม่มีทางจำผิดทั้งสองวิ่งไปกอดพิชญ์ภาชา เขารีบนั่งลงและอ้ากอดแขนเด็กๆ ไว้พวกเขารู้ว่าเขาคือพ่อพิชญ์ภาชาน้ำตาไหลพรากเป็นอ้อมกอดที่เขาโหยหามาตล
เด็กชายภาคิน เรนฟอร์ด วัยสองขวบกำลังวิ่งเล่นพี่เลี้ยงแทบวิ่งตามจับไม่ทัน เทียนหอมนั่งรอพิชญ์ภาชากลับบ้านเขาไปรอรับลูกๆ หลังจากเรียนเสร็จ “น้องพร้อมอย่าวิ่งลูกเดี๋ยวล้ม” เด็กน้อยฟังเสียที่ไหนยิ่งห้ามยิ่งต้องทำ เทียนหอมลูบท้องตัวเองเมื่อลูกในท้องถีบท้องของเธออย่างแรง เหมือนอยากเล่นกับพี่เขา “เดี๋ยวคลอดค่อยวิ่งเล่นนะครับ” เธอได้ลูกชายอีกแล้วพิชญ์ภาชาได้ลูกชายถึงสี่คน และท้องนี้คือท้องสุดท้าย เราทั้งสองคนตกลงกันว่าหากท้องที่สามไม่ได้ลูกสาวจะปิดอู่แบบถาวรและได้ลูกชายจริงๆ ตอนนี้เด็กน้อยใกล้ออกมาลืมตาดูโลกแล้ว “อยากเย่นกะน้อน” “ไม่ได้ครับน้องยังไม่ออกมาจากหม่ามี้เลย” “เย่นๆ” น้องพร้อมลูบหน้าท้องแม่และชักมือกลับเพราะน้องดิ้นกลับทำให้เขาตกใจ เทียนหอหัวเราะออกมาที่ตั้งชื่อว่าน้องพร้อม เพราะเธอมีเขาตอนที่พร้อมทุกอย่างแล้ว เราสองคนเลยตกลงกันว่าจะให้ชื่อน้องพร้อม “หม่ามี้กลับมาแล้วฮะ” “พาร์ทคิดถึงหม่ามี้คิดถึงน้องพร้อม” เด็กทั้งสองวิ่งมากอดกอดแน่น พิชญ์ภาชาถือกระเป๋าเดินตามหลังมาการเป็นคุณพ่อลูกสี่ไม่ใช่เรื่
เช้านี้บรรยากาศสดใสเป็นพิเศษ ทุกคนในบ้านต่างดีใจที่กำลังมีนายหญิงเป็นตัวเป็นตน พิชญ์ภาชาฝากลูกไว้กับแม่ยายพาเทียนหอมมุ่งหน้าไปยังที่ว่าการอำเภอ "พี่พีทแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้?" เธอหันมาถามเขาอีกครั้งราวกับต้องการให้เขายืนยัน พิชญ์ภาชาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือเธอแน่น "แน่ใจสิถ้าเทียนต่อไปเราจะเป็นของการและกันตลอดไป" เทียนหน้าแดงขึ้นมาทันที "พูดอะไรแบบนั้นกัน..." เขาพูดต่อหน้าเจ้าหน้าที่ เธออายจนตัวม้วน เขายิ้มกว้างอย่างเอ็นดู ก่อนจะเลื่อนมือไปบีบมือเธอเบาๆ "พี่อยากให้เทียนเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ใช่แค่ในเอกสารนะแต่เป็นทั้งหัวใจของพี่ด้วย" เธอก้มหน้าหลบสายตาเขา แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เขากุมมือเธอไว้ตลอดราวกับกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ เจ้าหน้าที่รับเอกสารไปตรวจสอบก่อนจะเงยหน้ามองพวกเขาพร้อมรอยยิ้ม "พร้อมจะเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการแล้วใช่ไหมคะ?" เจ้าหน้าที่ถามอีกครั้ง เธอลังเลนิดหน่อย แต่พอหันไปเห็นแววตาแน่วแน่ของเขา เธอก็ยิ้มออกมาแล้วพยักหน้า "ค่ะ พร้อมค่ะ" เ
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านเราจ้า” อมราเดินมารับเทียนหอมแล้วสวมกอดหญิงสาว ภายในใจรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก “หม่ามี้คิดถึง” น้องพอร์ชวิ่งมาหาแม่ที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายวันชูแขนขึ้นทั้งสองข้าง เพื่อให้แม่อุ้มเทียนหอมแทบจะอุ้มลูกไม่ไหวเพราะตัวเริ่มหนัก “ปะป๊าอุ้มดีกว่า” พิชญ์ภาชาอุ้มน้องพอร์ชขึ้นมาด้วยแขนอีกข้าง อีกข้างนั้นมีน้องพาร์ชอยู่ “หนูดื้อกับคุณยายคุณปู่คุณย่าไหมครับ” “ไม่ฮะมีของเล่นเยอะมาก แต่พอร์ชไม่กล้าเล่นกลัวหม่ามี้หาตังค์ม่ายไหว” อมราและโทมัสถึงกับพูดไม่ออกเด็กอายุแค่นี้แต่กับฉลาด รู้จักช่วยแม่ประหยัดที่ผ่านมาอมรามัวทำอะไรอยู่ถึงไม่เอะใจอะไรเลย “หนูเทียนเข้าบ้านกันดีกว่าจ้ะ” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิง” “เรียกแม่ดีกว่าอย่าเรียกแบบนั้นเลย” “ค่ะคุณแม่” มีเกรงๆ บ้างเพราะเธอถูกปฏิบัติเหมือนเป็นของเจ้าของบ้านอีกคน “แม่ให้เด็กเอาของขึ้นไปเก็บบนห้องแล้วเลี้ยงลูกคนเดียวเหนื่อยไหมลูก แม่ขอโทษนะที่ไม่รู้อะไรเลย” หากรู้ความสัมพันธ์ของทั้งสองเหตุการณ์แบบนั้นจะไม่เกิดขึ้น “ไม่ลำบากเท่าไรค่ะ”
“ปะป๊ากลับมาอยู่กับพวกเรานะฮะ หม่ามี้ทำงานหนักพาร์ทไม่อยากให้หม่ามี้เหนื่อย” พิชญ์ภาชาได้ฟังแบบนั้นเขาแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เพราะเขารู้ที่ผ่านมาเทียนหอมลำบากแค่ไหน ต่อจากนี้เขาจะดูแลลูกกับเทียนหอมให้ดีที่สุด “ร้องทำไมฮะ” พาร์ทไม่เข้าใจว่าพ่อร้องไห้ด้วยเหตุอะไร “ปะป๊าดีใจที่เราได้มาเจอกันอีกครั้ง” นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญสวรรค์คงเมตตาเขาแล้ว เอาชนะใจลูกเรื่องยาก แต่เอาชนะใจแม่ของลูกนั้นยากยิ่งกว่าเขาไม่อยากดูแลแค่ลูก “หม่ามี้ให้ปะป๊าอยู่กับพวกนะฮะ” เทียนหอมพูดไม่บอกไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกพูดแบบนั้น ลูกถามหาเขาตลอดเธอโกหกลูกจนติดนิสัย เทียนหอมเข้ามาลูบศีรษะลูกเบาๆ “คืนนี้ปะป๊าจะอยู่กับพวกเราครับ” “อยู่ตลอดไปเลยได้ไหมฮะ” พาร์ทสบตาแม่อย่างเว้าวอน เทียนหอมมองสบตากับพิชญ์ภาชา ดวงตาของเขาแดงก่ำพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล สักพักเขาลุกออกไปที่นอกระเบียงห้อง “ปะป๊าร้องไห้เลย” “น้องพาร์ทคือ…” “พาร์ทอยากมีปะป๊าอยากขี่คอปะป๊าเหมือนเพื่อนๆ อยากให้ปะป๊ามารับหน้าโรงเรียน ฮือ” ความเหนื่อยล้าและป่วยทำให
“หนูเทียนใจแข็งจริงๆ แม่อยากเจอหน้าหลานๆ ใจจะขาดอยากกอดอยากหอม” อมราได้แต่ดูรูปภาพที่ลูกชายส่งมาให้ดู หลานของตระกูลนี้หน้าตาพิมพ์เดียวกันมาเหมือนกันมาก “ผมทำกับเขาไว้เยอะ” “ให้แม่ไปช่วยคุยให้ไหม” “คุณอยู่เฉยๆ ดีกว่าหนูเทียนเขาเจ็บปวดมาสี่ปี ลูกชายไปง้อไม่กี่เดือนจะให้ใจอ่อนเลยก็ไม่ใช่” โทมัสเข้าใจที่เทียนหอมโกรธลูกชาย ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบผู้ชายไม่ไม่ชัดเจนตั้งแต่แรก จะตั้งกำแพงไว้สูงก็ไม่แปลก “ผมรับเคลียร์งานแล้วจะกลับไปครับ” เขาท้อหลายรอบแต่ไม่เคยถอย อย่างไรแล้วเขาต้องพาลูกเมียกลับบ้านด้วยกันให้ได้ “แล้วลูกได้ยินข่าวที่บ้านของภรนีย์ไหมที่แท้ผู้ดีจอมปลอม” ดีนะที่ไม่ได้ภรนีย์มาเป็นลูกสะใภ้ไม่อย่างนั้นสมบัติคงไม่เหลือ “ตอนนั้นคุณเป็นตัวตั้งตัวตีเลยไม่ใช่เหรอถึงได้พรากลูกพรากเมียเขา” “คุณโทมัส! คนเราก็มีพลาดกันบ้าง” “ผมขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนนะครับ” เขาเดินมานั่งที่สวนดอกไม้หลังบ้าน ที่เทียนหอมชอบออกมานั่งเป็นประจำ หากวันนั้นเขากลับมาเร็วกว่านี้ลูกๆ ของเขาคงได้วิ่งเล่นกันเทียนหอมคงจะ
ประภาโทรหาเทียนหอมตั้งแต่เช้าอย่างร้อนใจ บอกให้ลูกกลับมาเคลียร์ปัญหา พาหลานกลับบ้านอย่าทำตัวเป็นคนไม่มีเหตุผล ต้องหันหน้ากลับเผชิญกับมัน “เป็นถึงแม่คนแล้วคิดให้มันเยอะๆ กลับมาคุยกัน” “จ้ะ เทียนจะกลับ” เทียนหอมสูดหายใจเข้าลึกกว่าแม่จะผิดหวังกลัวไปหมดทุกอย่าง จนเกิดอาการแพนิคขึ้นมา ก๊อก ก๊อก ก๊อก “พี่มารับกลับบ้านครับ” ประภาติดต่อมาหาเขาบอกให้รับเทียนหอมกลับบ้าน กลับมาคุยกันพิชญ์จึงกล่าวขอโทษที่ไม่ได้รับผิดชอบเทียนหอมตั้งแต่ตอนนั้น เขาแย่มากปล่อยลูกเมียมาลำบาก “คุณรู้ได้ยังไง?” “ยังไงเทียนต้องกลับบ้านอยู่แล้วพี่ถือของให้เทียนจับลูกนะ” เขาอาสาถือของทั้งหมดเดินตามเทียนหอมกลับลูกเป็นภาพที่อบรมมาก เขาไม่รู้จะมีวันนั้นไหมที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เทียนหอมเข้ามาในบ้านเห็นแม่นั่งรออยู่แล้วส่วนเด็กๆ ที่ไม่รู้เรื่องพูดคุยกันเสียงดังไม่รู้ว่าผู้ใหญ่เป็นอะไรตามประสาเด็ก “หลานยายไปเที่ยวไหนมาเอ่ย” “ทะเลฮะ ไปกับหม่ามี้ปะป๊าพอร์ชสนุกมาก” “พาร์ทอบทะเลฮะ” “ไปเล่นรถกันในห้องก่อนนะยายจะคุยกับหม่
เทียนหอมไปรับลูกที่บ้านป้าลำไย ก่อนจะพาลูกออกไปนอนที่อื่น เพราะเธอหาคำตอบให้แม่ไม่ได้ ยังไม่มีข้อแก้ตัว อีกทั้งแม่รู้แล้วว่าพ่อของสองแฝดเป็นใคร “เราจะไปไหนฮะ” “ไม่กลับไปหาคุณยายเหรอฮะ” พอร์ชถามด้วยความอยากรู้เพราะแม่พาไปที่ไม่คุ้นเคย “วันนี้หม่ามี้พาไปพักผ่อนพรุ่งนี้ค่อยกลับบ้าน” เทียนหอมพาลูกแฝดเข้ามาพักในโรงแรมติดชายทะเล เป็นห้องขนาดใหญ่เธอจึงยอมจ่ายแม้ว่าจะต้องทำงานหลายวันกว่าจะได้เงินมา แต่ตอนนี้เธออ่อนแอยังไม่พร้อมตอบคำถามใคร “สวัสดีค่ะฉันเป็นพี่เลี้ยงค่ะ” “เทียนฝากลูกสัก 2 ชั่วโมงนะคะจะรีบกลับมา” ออกมาแต่ตัวไม่มีเสื้อผ้าหรือของเล่นลูก จึงออกไปซื้อของเลยฝากเด็กแฝดไว้กับพี่เลี้ยงที่จ้างมา “หม่ามี้” “หม่ามี้จะรีบกลับนะคะอยู่กับพี่เขาห้ามดื้อนะ” “อยากเจอปะป๊าฮะ” พอร์ชเอ่ยขึ้นทำให้เทียนหอมหนักใจ “เดี๋ยวหม่ามี้ไปตามปะป๊ามาให้” นี้คือคำโกหกเธอไม่อยากโกหกลูกเลย แต่ความจำเป็นทำให้ต้องทำ “พี่สาวโทรตามปะป๊าให้หน่อยฮะ” พาร์ทหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเขาจำได้ว่าคือสิ่งที่พ่อให้ไว้ ไม
สี่ปีก่อน หลังจากที่พิชญ์ภาชาไม่ยอมหมั้นหมายเขาขับรถออกไปจากบ้านทันที ทำให้ภรนีย์เสียหน้ามากแม่ของเขาบอกจะจัดการให้ หญิงสาวจึงยอมกลับมาสงบสติอารมณ์ที่บ้าน พอหลังจากนั้นข่าวการหมั้นหมายไม่ถูกพูดถึงแต่กลับพูดถึงข่าวอุบัติเหตุของนักธุรกิจชื่อดังที่ประสบอุบัติเหตุ ภรนีย์พยายามเข้ามาดูแลแต่เขาเอาแต่ไล่เพ้อหาแต่เทียนหอมจนเธอเจ็บใจ ที่แพ้เด็กเมื่อวานซืนพอไปทวงคำสัญญาจากแม่เขากลับถูกต่อว่าจนเธอเจ็บแค้น วันเวลาผ่านไปปีกว่าพิชญ์ภาชากลับมาเดินได้ปกติภรนีย์จึงตามขอโอกาสเขาอีกครั้ง เธอไม่ท้อถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่ารักเทียนหอมคนเดียวก็ตาม “มันหนีไปแล้วคุณยังไม่ลืมมันอีกเหรอ” “ออกไปจากบ้านผม” “คุณมันตาต่ำ” ภรนีย์พูดมาอย่างเสียหน้าที่ถูกเขาผลักไสไล่ส่ง “แล้วแต่คุณจะคิด” “พั้นช์ขอค้างกับคุณนะคะพีท” เธอคิดถึงเขาเหลือเกินในหัวใจเธอไม่เคยลืมเขาเลย หญิงสาวเข้ามาสวมกอดเขาไว้แน่น “ปล่อยคุณกลับไปหาคนของคุณซะ!” ภรนีย์ได้ไปจดทะเบียนกับฝรั่งคนหนึ่งที่อังกฤษ ซึ่งไม่ใช่เพื่อนเก่าของเขา หญิงสาวหอบเงินหนีสามีมา
“หม่ามี้ปะป๊าจะมาไหมฮะ” “พาร์ทคิดถึงปะป๊าเป่าเค้กพร้อมกัน” วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดอายุครบสามขวบเต็มของเจ้าแฝด เมื่อวานเธอไม่ได้พ่อของลูกคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องบอกแต่เห็นเจ้าแฝดชะเง้อมองทางตลอดจึงอ่อนใจ เหมือนที่เขาเคยบอกทุกอย่างคิดแทนลูกไม่ได้ “ปะป๊าจะมาจ๊ะ” “แย่ๆ” “วันนี้อยู่กับยายก่อนนะครับหม่ามี้จะออกไปซื้อของ” “พวกเราไปด้วยนะฮะเรียกปะป๊าไปด้วย” เจ้าแฝดตื่นเต้นไม่น้อยอยากออกไปเดินเล่นกับพ่อของพวกเขา เทียนหอมเห็นท่าทางดีใจของลูกจึงทำหน้าไม่ถูกแต่ปั้นยิ้มให้ลูกทั้งสอง เพื่อความสุขของลูกเธอต้องทำได้อยู่แล้ว “รอหม่ามี้ก่อนนะจ๊ะ” เทียนหอมออกมาโทรหาพิชญ์ภาชาแต่สายแรกเขาไม่รับสาย เธอจึงโทรไปใหม่แต่ไม่มีคนรับสาย คนบ้าพอมีเรื่องสำคัญกับไม่ยอมรับสาย . “ไม่รับสายละ” เวเดนมองโทรศัพท์เครื่องหรูที่หน้าจอเพิ่งดับไป “ไม่เพิ่งวางสายจากคุณแม่ไป” แม่เขาจะมาช่วยพูดกับเทียนหอมให้แต่เขาไม่ต้องการ อยากทำอะไรด้วยตัวเองอยากให้เมียยอมรับเขาขี้เกียจคุยจึงตัดสายไป