ตั้งแต่คืนนั้นพิชญ์ภาชาไม่ยอมกลับมานอนบ้านทำให้เทียนหอมเข้าใจว่าเขาคงมีความสุขอยู่กับภรนีย์ พอเขาคิดถึงเธอก็กลับมาหาพอเบื่อก็ไปอยู่กับอีกคนทำให้เทียนหอมเริ่มคิดหาทางหนีไปจากเขา การอยู่ของเธอทำให้เป็นของตายอยากจะเรียกหาเมื่อไรก็เจอ
“หนูเทียนมาหาฉันหน่อยจ๊ะ”
“สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง”
“ทำไมเดี๋ยวนี้สวยขึ้นจัง”
อมรามองเด็กสาวตรงหน้าแต่ดวงตาเหมือนเศร้าไปนิด แต่ผิวพรรณเปล่งปลั่งดูมีน้ำมีนวลขึ้นเรียกว่าสวยขึ้นมากจนอมราเริ่มแปลกใจ
“ขอบคุณค่ะ”
“มีแฟนหรือยัง”
 
ภรนีย์เริ่มแผนการจัดการเรื่องงานแต่งงานกับพิชญ์ภาชาในเมื่อเขาไม่คิดจะสนใจ เธอจึงหาทางเข้าหาแม่ของเขาแทนเพราะรู้ว่าท่านเอ็นดูเธอแค่ไหน โดยอ้างว่าตอนนี้ใครๆ ก็เข้าใจว่าเธอกับพิชญ์ภาชากำลังแต่งงานกัน ทำให้คนรอบข้างเริ่มถามถึงสถานะที่ชัดเจน “พั้นช์ลำบากใจจังเลยค่ะ” “ไม่ต้องห่วงนะแม่จะคุยกับตาพีท” “เรามาแล้วนั้นเข้าไปดูแหวนก่อนไหมคะ?” ภรนีย์แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เรื่องที่พาอมราเดินเข้ามาในร้านเพชร และจัดแจงเลือกแหวนเพชรเม็ดโตๆ อย่างมีความสุขโดยไม่คิดถามอีกฝ่ายว่าอยากจะแต่งงานกับเธอหรือไม่ “สวยไหมคะคุณแม่” “สวยจ๊ะเหมาะกับหนูพั้นช์มาก” อมราเห็นดีเห็นงามไปด้วย พิชญ์ภาชาอายุขึ้นเลขสามแล้วสมควรที่จะมีครอบครัวคนเป็นแม่อยากอุ้มหลานลูกของพิชญ์ภาชาเต็มทน “วงนี้เหมาะมากเลยค่ะสวยมากค่ะคุณผู้หญิง” พนักงานรีบเชียร์ให้ซื้อวงนี้ เพราะจะได้ค่าคอมมิชชั่นไปด้วย “แต่พั้นช์ว่าราคามันแพงไปนะคะ” “สำหรับหนูพั้นช์แม่จ่ายให้เองจ๊ะถือว่าเป็นแหวนหมั้นไปเลย แหวนแต่งงานค่อยซื้อใหม่” “จะดีเหรอคะ” ภรนีย์รีบตอบตกลงอย่างไว
เสียงพูดคุยกันเสียงดังดังเข้ามาในบ้านจนเจ้าของบ้านต้องรีบวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เทียนหอมยืนมองเด็กทั้งสองคนที่กำลังยืนเถียงกันแย่งของเล่นกันไปมา จนคนเป็นแม่ส่ายหน้า “อันนี้ของพี่นะ” “อันนี้ของพี่เหมือนกัน!” ไม่มีใครยอมใครคนนั้นก็จะเป็น คนนี้ก็จะเป็นพี่สรุปไม่มีใครอยากเป็นน้อง “หม่ามี้นี่ของพี่” น้องพาร์ทที่แย่งของกลับมาคืนมาไม่ได้จึงหันมาฟ้องเทียนหอม พร้อมกับน้ำตาไหลเพราะถูกแย่งของเล่นไป “พี่พอร์ชหม่ามี้บอกว่ายังไง ของเล่นหม่ามี้ซื้อให้คนละชิ้นยังมาแย่งกัน รู้ไหมว่าหม่ามี้ต้องทำงานหนักแค่ไหนกว่าจะได้เงินมา” น้องพอร์ชที่ได้ยินแบบนั้นจึงคืนของเล่นให้น้องไป พร้อมกับวิ่งเข้ามากอดเทียนหอม ซึ่งเทียนหอมนั่งลงให้ลูกชายกอด “พี่ขอโทษค่าบ ต่อไปพี่จะช่วยหม่ามี้หาเงินจะได้มาซื้อของเล่น” “น่ารักที่สุดเลย” ลูกชายทั้งสองคนของเทียนหอมมีใบหน้าที่คล้ายกับพ่อของพวกเขามาก มีแต่ดวงตากับริมฝีปากที่ได้แม่มา ตลอดสามปีที่เลี้ยงดูลูกๆ มาอย่างเหน็ดเหนื่อยมันทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น “ขึ้นไปอาบน้ำกันได้แล้วหม่ามี้ทำของ
พิชญ์ภาชานั่งมองรูปของเด็กผู้ชายทั้งสองคน เขาเชื่อว่าสองคนนี้ต้องเป็นลูกชายของเขาแน่ อยากรู้จักชื่อจังเทียนหอมจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรแล้วบอกลูกว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องราวของเขา เขาใจร้อนและอยากเห็นหน้าเด็กมาก เขาเอารูปตัวเองตอนเด็กมาเทียบก็ได้เห็นว่า นี่มันตัวเองชัดๆ เขานั่งมองรูปอยู่แบบนั้นจึงเกือบเช้า “พ่อจะไปหาพวกหนู” พิชญ์ภาชาร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก จากเหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อนทำให้กระดูกขาหัก คราวแรกเขาไม่ยอมทำกายภาพบำบัดเพราะเกิดจากการตรอมใจ พอนานวันเข้าเขาจึงลุกขึ้นมาสู้ใหม่ “ให้ฉันขอบรถให้ไหมนายคนไม่ไหว” เวเดนอาสาจากกรุงเทพไปจันทบุรีนั้นใช้เวลาขับนานหลายชั่วโมงเหมือนกัน “นายไปทำงานเถอะฉันไหว” “แต่มัน...” “ขอบใจมากนะเพื่อนที่อยู่เคียงข้างฉันมาตลอด” นอกจากอาทิตย์ ทินกร ก็มีเวเดนที่เป็นเพื่อนทั้งเลขาคนสนิทของเขาที่คอยให้กำลังใจแบบซ้ำเติมกันมาตลอด “ขาของนาย” “มันหลายปีแล้วฉันหายแล้วแผลที่กายไม่เจ็บเท่าแผลที่ใจ” “น้องเทียนหอมคงเจ็บมากกว่านายหลายร้อยเท่า!” อาทิตย์เข้ามาได้ยินประโยคนั้
พิชญ์ภาชามาที่บ้านของเทียนหอมซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กที่อยู่ในสวนผลไม้ บริเวณด้านข้างปลูกผักมากมายร้ายล้อมไปด้วยต้นไม้เขาสังเกตว่ามีเพื่อนบ้านอยู่หลายหลัง ในสวนของเทียนหอมมีผลไม้อยู่หลายชนิด แต่น่าจะยังไม่เก็บเกี่ยวเพราะไม่ใช่ช่วงเก็บผลไม้ “อันนี่ของพี่นะ พี่แบ่งให้” “พี่กินด้วย” น้องพี่น้องแบ่งขนมกันเพราะหากทะเลาะกันแย่งขนมแม่จะไม่ให้กินอีก ช่วงนี้เลยรักกันเพราะไม่อยากเห็นแม่เหนื่อย เด็กๆ นั่งกินขนมกินรถของเล่นกันหน้าบ้านยายออกไปตลอดแล้ว ส่วนแม่นั้นซักผ้าอยู่หลังบ้านพวกเขาจึงมาวิ่งเล่นอยู่หน้าบ้าน พิชญ์ภาชาหัวใจเต้นรัวเมื่อเห็นใบหน้าของลูกแฝดทั้งสองคนที่นั่งกินขนมกันอยู่ ซึ่งมีใบหน้าคล้ายเขามากเขามั่นใจว่าเด็กๆ คือลูกของเขาใบหน้าออกฝรั่งขนาดนั้นเขาเดินเข้าไปใกล้จนเด็กแฝดเงยหน้าขึ้นมามอง “สวัสดีครับเด็กๆ” “ปะป๊า! / ปะป๊าจริงๆ ด้วย” สองแฝดวิ่งไปหาเขาเพราะจำรูปพ่อได้ว่าตาแบบนี้ พวกเขาไม่มีทางจำผิดทั้งสองวิ่งไปกอดพิชญ์ภาชา เขารีบนั่งลงและอ้ากอดแขนเด็กๆ ไว้พวกเขารู้ว่าเขาคือพ่อพิชญ์ภาชาน้ำตาไหลพรากเป็นอ้อมกอดที่เขาโหยหามาตล
พิชญ์ภาชาแอบดักซุ่มดูเทียนหอมตั้งแต่เช้าวันนี้เขาเปลี่ยนรถคันใหม่ที่เพิ่งเช่ามาเพราะรถของเขามันเด่นสะดุดตากลัวจะมีคนสงสัย เมื่อเห็นว่าป้าประภาออกไปตลาดแล้วเขาจึงแอบย่องเข้ามาในบ้านของเทียนหอม “ไข่เจียวมะเขือเทศของโปรดใครน๊า” “ของพาร์ทเองฮะ” “แกงจืดของใครน๊า” เทียนหอมสอนให้ลูกกินข้าวเองตั้งแต่เด็ก เจ้าแฝดจึงนั่งกินอย่างเป็นระเบียบ เขาแอบมองสามแม่ลูกนั่งกินข้าวแค่ได้เห็นไกลๆ ชีวิตกลับมีความสุข ถ้าได้กอดได้เลี้ยงดูลูกๆ เขาจะมีความสุขขนาดไหนที่ผ่านมาเขาโลเลสมควรที่เทียนหอมจะไม่รอและลงโทษเขาอย่างสาหัส ปึก “เด็กๆ รอหม่ามี้ตรงนี้ห้ามออกไปไหน” เทียนหอมได้ยินเสียงของตกพื้นจึงเดินออกมาดูหน้าบ้าน แต่ไม่ทันจะได้เดินกลับเข้าบ้านมีอ้อมแขนของใครบางคน คว้าเธอไปกอดไว้แน่น เธอจำกลิ่นน้ำหอมของพิชญ์ภาชาได้ “คุณพีทปล่อยเทียน!” “คิดถึงจังเลยขอกอดหน่อยได้ไหม โอ๊ย เทียนพี่เจ็บ” เขาแทนตัวเองว่าพี่เมื่อเพื่อนบอกว่าต้องทำตัวให้สนิทกับเทียนหอมให้มาก เขาจึงซ้อมพูดกับตัวเองหน้ากระจกว่าจะพูดอะไรกับเธอบ้างพอเจอหน้ากันจริงๆ เขากลับพูดไม่อ
“หม่ามี้ปะป๊าจะมาไหมฮะ” “พาร์ทคิดถึงปะป๊าเป่าเค้กพร้อมกัน” วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดอายุครบสามขวบเต็มของเจ้าแฝด เมื่อวานเธอไม่ได้พ่อของลูกคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องบอกแต่เห็นเจ้าแฝดชะเง้อมองทางตลอดจึงอ่อนใจ เหมือนที่เขาเคยบอกทุกอย่างคิดแทนลูกไม่ได้ “ปะป๊าจะมาจ๊ะ” “แย่ๆ” “วันนี้อยู่กับยายก่อนนะครับหม่ามี้จะออกไปซื้อของ” “พวกเราไปด้วยนะฮะเรียกปะป๊าไปด้วย” เจ้าแฝดตื่นเต้นไม่น้อยอยากออกไปเดินเล่นกับพ่อของพวกเขา เทียนหอมเห็นท่าทางดีใจของลูกจึงทำหน้าไม่ถูกแต่ปั้นยิ้มให้ลูกทั้งสอง เพื่อความสุขของลูกเธอต้องทำได้อยู่แล้ว “รอหม่ามี้ก่อนนะจ๊ะ” เทียนหอมออกมาโทรหาพิชญ์ภาชาแต่สายแรกเขาไม่รับสาย เธอจึงโทรไปใหม่แต่ไม่มีคนรับสาย คนบ้าพอมีเรื่องสำคัญกับไม่ยอมรับสาย . “ไม่รับสายละ” เวเดนมองโทรศัพท์เครื่องหรูที่หน้าจอเพิ่งดับไป “ไม่เพิ่งวางสายจากคุณแม่ไป” แม่เขาจะมาช่วยพูดกับเทียนหอมให้แต่เขาไม่ต้องการ อยากทำอะไรด้วยตัวเองอยากให้เมียยอมรับเขาขี้เกียจคุยจึงตัดสายไป
สี่ปีก่อน หลังจากที่พิชญ์ภาชาไม่ยอมหมั้นหมายเขาขับรถออกไปจากบ้านทันที ทำให้ภรนีย์เสียหน้ามากแม่ของเขาบอกจะจัดการให้ หญิงสาวจึงยอมกลับมาสงบสติอารมณ์ที่บ้าน พอหลังจากนั้นข่าวการหมั้นหมายไม่ถูกพูดถึงแต่กลับพูดถึงข่าวอุบัติเหตุของนักธุรกิจชื่อดังที่ประสบอุบัติเหตุ ภรนีย์พยายามเข้ามาดูแลแต่เขาเอาแต่ไล่เพ้อหาแต่เทียนหอมจนเธอเจ็บใจ ที่แพ้เด็กเมื่อวานซืนพอไปทวงคำสัญญาจากแม่เขากลับถูกต่อว่าจนเธอเจ็บแค้น วันเวลาผ่านไปปีกว่าพิชญ์ภาชากลับมาเดินได้ปกติภรนีย์จึงตามขอโอกาสเขาอีกครั้ง เธอไม่ท้อถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่ารักเทียนหอมคนเดียวก็ตาม “มันหนีไปแล้วคุณยังไม่ลืมมันอีกเหรอ” “ออกไปจากบ้านผม” “คุณมันตาต่ำ” ภรนีย์พูดมาอย่างเสียหน้าที่ถูกเขาผลักไสไล่ส่ง “แล้วแต่คุณจะคิด” “พั้นช์ขอค้างกับคุณนะคะพีท” เธอคิดถึงเขาเหลือเกินในหัวใจเธอไม่เคยลืมเขาเลย หญิงสาวเข้ามาสวมกอดเขาไว้แน่น “ปล่อยคุณกลับไปหาคนของคุณซะ!” ภรนีย์ได้ไปจดทะเบียนกับฝรั่งคนหนึ่งที่อังกฤษ ซึ่งไม่ใช่เพื่อนเก่าของเขา หญิงสาวหอบเงินหนีสามีมา
เทียนหอมไปรับลูกที่บ้านป้าลำไย ก่อนจะพาลูกออกไปนอนที่อื่น เพราะเธอหาคำตอบให้แม่ไม่ได้ ยังไม่มีข้อแก้ตัว อีกทั้งแม่รู้แล้วว่าพ่อของสองแฝดเป็นใคร “เราจะไปไหนฮะ” “ไม่กลับไปหาคุณยายเหรอฮะ” พอร์ชถามด้วยความอยากรู้เพราะแม่พาไปที่ไม่คุ้นเคย “วันนี้หม่ามี้พาไปพักผ่อนพรุ่งนี้ค่อยกลับบ้าน” เทียนหอมพาลูกแฝดเข้ามาพักในโรงแรมติดชายทะเล เป็นห้องขนาดใหญ่เธอจึงยอมจ่ายแม้ว่าจะต้องทำงานหลายวันกว่าจะได้เงินมา แต่ตอนนี้เธออ่อนแอยังไม่พร้อมตอบคำถามใคร “สวัสดีค่ะฉันเป็นพี่เลี้ยงค่ะ” “เทียนฝากลูกสัก 2 ชั่วโมงนะคะจะรีบกลับมา” ออกมาแต่ตัวไม่มีเสื้อผ้าหรือของเล่นลูก จึงออกไปซื้อของเลยฝากเด็กแฝดไว้กับพี่เลี้ยงที่จ้างมา “หม่ามี้” “หม่ามี้จะรีบกลับนะคะอยู่กับพี่เขาห้ามดื้อนะ” “อยากเจอปะป๊าฮะ” พอร์ชเอ่ยขึ้นทำให้เทียนหอมหนักใจ “เดี๋ยวหม่ามี้ไปตามปะป๊ามาให้” นี้คือคำโกหกเธอไม่อยากโกหกลูกเลย แต่ความจำเป็นทำให้ต้องทำ “พี่สาวโทรตามปะป๊าให้หน่อยฮะ” พาร์ทหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเขาจำได้ว่าคือสิ่งที่พ่อให้ไว้ ไม
เด็กชายภาคิน เรนฟอร์ด วัยสองขวบกำลังวิ่งเล่นพี่เลี้ยงแทบวิ่งตามจับไม่ทัน เทียนหอมนั่งรอพิชญ์ภาชากลับบ้านเขาไปรอรับลูกๆ หลังจากเรียนเสร็จ “น้องพร้อมอย่าวิ่งลูกเดี๋ยวล้ม” เด็กน้อยฟังเสียที่ไหนยิ่งห้ามยิ่งต้องทำ เทียนหอมลูบท้องตัวเองเมื่อลูกในท้องถีบท้องของเธออย่างแรง เหมือนอยากเล่นกับพี่เขา “เดี๋ยวคลอดค่อยวิ่งเล่นนะครับ” เธอได้ลูกชายอีกแล้วพิชญ์ภาชาได้ลูกชายถึงสี่คน และท้องนี้คือท้องสุดท้าย เราทั้งสองคนตกลงกันว่าหากท้องที่สามไม่ได้ลูกสาวจะปิดอู่แบบถาวรและได้ลูกชายจริงๆ ตอนนี้เด็กน้อยใกล้ออกมาลืมตาดูโลกแล้ว “อยากเย่นกะน้อน” “ไม่ได้ครับน้องยังไม่ออกมาจากหม่ามี้เลย” “เย่นๆ” น้องพร้อมลูบหน้าท้องแม่และชักมือกลับเพราะน้องดิ้นกลับทำให้เขาตกใจ เทียนหอหัวเราะออกมาที่ตั้งชื่อว่าน้องพร้อม เพราะเธอมีเขาตอนที่พร้อมทุกอย่างแล้ว เราสองคนเลยตกลงกันว่าจะให้ชื่อน้องพร้อม “หม่ามี้กลับมาแล้วฮะ” “พาร์ทคิดถึงหม่ามี้คิดถึงน้องพร้อม” เด็กทั้งสองวิ่งมากอดกอดแน่น พิชญ์ภาชาถือกระเป๋าเดินตามหลังมาการเป็นคุณพ่อลูกสี่ไม่ใช่เรื่
เช้านี้บรรยากาศสดใสเป็นพิเศษ ทุกคนในบ้านต่างดีใจที่กำลังมีนายหญิงเป็นตัวเป็นตน พิชญ์ภาชาฝากลูกไว้กับแม่ยายพาเทียนหอมมุ่งหน้าไปยังที่ว่าการอำเภอ "พี่พีทแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้?" เธอหันมาถามเขาอีกครั้งราวกับต้องการให้เขายืนยัน พิชญ์ภาชาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือเธอแน่น "แน่ใจสิถ้าเทียนต่อไปเราจะเป็นของการและกันตลอดไป" เทียนหน้าแดงขึ้นมาทันที "พูดอะไรแบบนั้นกัน..." เขาพูดต่อหน้าเจ้าหน้าที่ เธออายจนตัวม้วน เขายิ้มกว้างอย่างเอ็นดู ก่อนจะเลื่อนมือไปบีบมือเธอเบาๆ "พี่อยากให้เทียนเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ใช่แค่ในเอกสารนะแต่เป็นทั้งหัวใจของพี่ด้วย" เธอก้มหน้าหลบสายตาเขา แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เขากุมมือเธอไว้ตลอดราวกับกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ เจ้าหน้าที่รับเอกสารไปตรวจสอบก่อนจะเงยหน้ามองพวกเขาพร้อมรอยยิ้ม "พร้อมจะเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการแล้วใช่ไหมคะ?" เจ้าหน้าที่ถามอีกครั้ง เธอลังเลนิดหน่อย แต่พอหันไปเห็นแววตาแน่วแน่ของเขา เธอก็ยิ้มออกมาแล้วพยักหน้า "ค่ะ พร้อมค่ะ" เ
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านเราจ้า” อมราเดินมารับเทียนหอมแล้วสวมกอดหญิงสาว ภายในใจรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก “หม่ามี้คิดถึง” น้องพอร์ชวิ่งมาหาแม่ที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายวันชูแขนขึ้นทั้งสองข้าง เพื่อให้แม่อุ้มเทียนหอมแทบจะอุ้มลูกไม่ไหวเพราะตัวเริ่มหนัก “ปะป๊าอุ้มดีกว่า” พิชญ์ภาชาอุ้มน้องพอร์ชขึ้นมาด้วยแขนอีกข้าง อีกข้างนั้นมีน้องพาร์ชอยู่ “หนูดื้อกับคุณยายคุณปู่คุณย่าไหมครับ” “ไม่ฮะมีของเล่นเยอะมาก แต่พอร์ชไม่กล้าเล่นกลัวหม่ามี้หาตังค์ม่ายไหว” อมราและโทมัสถึงกับพูดไม่ออกเด็กอายุแค่นี้แต่กับฉลาด รู้จักช่วยแม่ประหยัดที่ผ่านมาอมรามัวทำอะไรอยู่ถึงไม่เอะใจอะไรเลย “หนูเทียนเข้าบ้านกันดีกว่าจ้ะ” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิง” “เรียกแม่ดีกว่าอย่าเรียกแบบนั้นเลย” “ค่ะคุณแม่” มีเกรงๆ บ้างเพราะเธอถูกปฏิบัติเหมือนเป็นของเจ้าของบ้านอีกคน “แม่ให้เด็กเอาของขึ้นไปเก็บบนห้องแล้วเลี้ยงลูกคนเดียวเหนื่อยไหมลูก แม่ขอโทษนะที่ไม่รู้อะไรเลย” หากรู้ความสัมพันธ์ของทั้งสองเหตุการณ์แบบนั้นจะไม่เกิดขึ้น “ไม่ลำบากเท่าไรค่ะ”
“ปะป๊ากลับมาอยู่กับพวกเรานะฮะ หม่ามี้ทำงานหนักพาร์ทไม่อยากให้หม่ามี้เหนื่อย” พิชญ์ภาชาได้ฟังแบบนั้นเขาแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เพราะเขารู้ที่ผ่านมาเทียนหอมลำบากแค่ไหน ต่อจากนี้เขาจะดูแลลูกกับเทียนหอมให้ดีที่สุด “ร้องทำไมฮะ” พาร์ทไม่เข้าใจว่าพ่อร้องไห้ด้วยเหตุอะไร “ปะป๊าดีใจที่เราได้มาเจอกันอีกครั้ง” นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญสวรรค์คงเมตตาเขาแล้ว เอาชนะใจลูกเรื่องยาก แต่เอาชนะใจแม่ของลูกนั้นยากยิ่งกว่าเขาไม่อยากดูแลแค่ลูก “หม่ามี้ให้ปะป๊าอยู่กับพวกนะฮะ” เทียนหอมพูดไม่บอกไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกพูดแบบนั้น ลูกถามหาเขาตลอดเธอโกหกลูกจนติดนิสัย เทียนหอมเข้ามาลูบศีรษะลูกเบาๆ “คืนนี้ปะป๊าจะอยู่กับพวกเราครับ” “อยู่ตลอดไปเลยได้ไหมฮะ” พาร์ทสบตาแม่อย่างเว้าวอน เทียนหอมมองสบตากับพิชญ์ภาชา ดวงตาของเขาแดงก่ำพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล สักพักเขาลุกออกไปที่นอกระเบียงห้อง “ปะป๊าร้องไห้เลย” “น้องพาร์ทคือ…” “พาร์ทอยากมีปะป๊าอยากขี่คอปะป๊าเหมือนเพื่อนๆ อยากให้ปะป๊ามารับหน้าโรงเรียน ฮือ” ความเหนื่อยล้าและป่วยทำให
“หนูเทียนใจแข็งจริงๆ แม่อยากเจอหน้าหลานๆ ใจจะขาดอยากกอดอยากหอม” อมราได้แต่ดูรูปภาพที่ลูกชายส่งมาให้ดู หลานของตระกูลนี้หน้าตาพิมพ์เดียวกันมาเหมือนกันมาก “ผมทำกับเขาไว้เยอะ” “ให้แม่ไปช่วยคุยให้ไหม” “คุณอยู่เฉยๆ ดีกว่าหนูเทียนเขาเจ็บปวดมาสี่ปี ลูกชายไปง้อไม่กี่เดือนจะให้ใจอ่อนเลยก็ไม่ใช่” โทมัสเข้าใจที่เทียนหอมโกรธลูกชาย ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบผู้ชายไม่ไม่ชัดเจนตั้งแต่แรก จะตั้งกำแพงไว้สูงก็ไม่แปลก “ผมรับเคลียร์งานแล้วจะกลับไปครับ” เขาท้อหลายรอบแต่ไม่เคยถอย อย่างไรแล้วเขาต้องพาลูกเมียกลับบ้านด้วยกันให้ได้ “แล้วลูกได้ยินข่าวที่บ้านของภรนีย์ไหมที่แท้ผู้ดีจอมปลอม” ดีนะที่ไม่ได้ภรนีย์มาเป็นลูกสะใภ้ไม่อย่างนั้นสมบัติคงไม่เหลือ “ตอนนั้นคุณเป็นตัวตั้งตัวตีเลยไม่ใช่เหรอถึงได้พรากลูกพรากเมียเขา” “คุณโทมัส! คนเราก็มีพลาดกันบ้าง” “ผมขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนนะครับ” เขาเดินมานั่งที่สวนดอกไม้หลังบ้าน ที่เทียนหอมชอบออกมานั่งเป็นประจำ หากวันนั้นเขากลับมาเร็วกว่านี้ลูกๆ ของเขาคงได้วิ่งเล่นกันเทียนหอมคงจะ
ประภาโทรหาเทียนหอมตั้งแต่เช้าอย่างร้อนใจ บอกให้ลูกกลับมาเคลียร์ปัญหา พาหลานกลับบ้านอย่าทำตัวเป็นคนไม่มีเหตุผล ต้องหันหน้ากลับเผชิญกับมัน “เป็นถึงแม่คนแล้วคิดให้มันเยอะๆ กลับมาคุยกัน” “จ้ะ เทียนจะกลับ” เทียนหอมสูดหายใจเข้าลึกกว่าแม่จะผิดหวังกลัวไปหมดทุกอย่าง จนเกิดอาการแพนิคขึ้นมา ก๊อก ก๊อก ก๊อก “พี่มารับกลับบ้านครับ” ประภาติดต่อมาหาเขาบอกให้รับเทียนหอมกลับบ้าน กลับมาคุยกันพิชญ์จึงกล่าวขอโทษที่ไม่ได้รับผิดชอบเทียนหอมตั้งแต่ตอนนั้น เขาแย่มากปล่อยลูกเมียมาลำบาก “คุณรู้ได้ยังไง?” “ยังไงเทียนต้องกลับบ้านอยู่แล้วพี่ถือของให้เทียนจับลูกนะ” เขาอาสาถือของทั้งหมดเดินตามเทียนหอมกลับลูกเป็นภาพที่อบรมมาก เขาไม่รู้จะมีวันนั้นไหมที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เทียนหอมเข้ามาในบ้านเห็นแม่นั่งรออยู่แล้วส่วนเด็กๆ ที่ไม่รู้เรื่องพูดคุยกันเสียงดังไม่รู้ว่าผู้ใหญ่เป็นอะไรตามประสาเด็ก “หลานยายไปเที่ยวไหนมาเอ่ย” “ทะเลฮะ ไปกับหม่ามี้ปะป๊าพอร์ชสนุกมาก” “พาร์ทอบทะเลฮะ” “ไปเล่นรถกันในห้องก่อนนะยายจะคุยกับหม่
เทียนหอมไปรับลูกที่บ้านป้าลำไย ก่อนจะพาลูกออกไปนอนที่อื่น เพราะเธอหาคำตอบให้แม่ไม่ได้ ยังไม่มีข้อแก้ตัว อีกทั้งแม่รู้แล้วว่าพ่อของสองแฝดเป็นใคร “เราจะไปไหนฮะ” “ไม่กลับไปหาคุณยายเหรอฮะ” พอร์ชถามด้วยความอยากรู้เพราะแม่พาไปที่ไม่คุ้นเคย “วันนี้หม่ามี้พาไปพักผ่อนพรุ่งนี้ค่อยกลับบ้าน” เทียนหอมพาลูกแฝดเข้ามาพักในโรงแรมติดชายทะเล เป็นห้องขนาดใหญ่เธอจึงยอมจ่ายแม้ว่าจะต้องทำงานหลายวันกว่าจะได้เงินมา แต่ตอนนี้เธออ่อนแอยังไม่พร้อมตอบคำถามใคร “สวัสดีค่ะฉันเป็นพี่เลี้ยงค่ะ” “เทียนฝากลูกสัก 2 ชั่วโมงนะคะจะรีบกลับมา” ออกมาแต่ตัวไม่มีเสื้อผ้าหรือของเล่นลูก จึงออกไปซื้อของเลยฝากเด็กแฝดไว้กับพี่เลี้ยงที่จ้างมา “หม่ามี้” “หม่ามี้จะรีบกลับนะคะอยู่กับพี่เขาห้ามดื้อนะ” “อยากเจอปะป๊าฮะ” พอร์ชเอ่ยขึ้นทำให้เทียนหอมหนักใจ “เดี๋ยวหม่ามี้ไปตามปะป๊ามาให้” นี้คือคำโกหกเธอไม่อยากโกหกลูกเลย แต่ความจำเป็นทำให้ต้องทำ “พี่สาวโทรตามปะป๊าให้หน่อยฮะ” พาร์ทหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเขาจำได้ว่าคือสิ่งที่พ่อให้ไว้ ไม
สี่ปีก่อน หลังจากที่พิชญ์ภาชาไม่ยอมหมั้นหมายเขาขับรถออกไปจากบ้านทันที ทำให้ภรนีย์เสียหน้ามากแม่ของเขาบอกจะจัดการให้ หญิงสาวจึงยอมกลับมาสงบสติอารมณ์ที่บ้าน พอหลังจากนั้นข่าวการหมั้นหมายไม่ถูกพูดถึงแต่กลับพูดถึงข่าวอุบัติเหตุของนักธุรกิจชื่อดังที่ประสบอุบัติเหตุ ภรนีย์พยายามเข้ามาดูแลแต่เขาเอาแต่ไล่เพ้อหาแต่เทียนหอมจนเธอเจ็บใจ ที่แพ้เด็กเมื่อวานซืนพอไปทวงคำสัญญาจากแม่เขากลับถูกต่อว่าจนเธอเจ็บแค้น วันเวลาผ่านไปปีกว่าพิชญ์ภาชากลับมาเดินได้ปกติภรนีย์จึงตามขอโอกาสเขาอีกครั้ง เธอไม่ท้อถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่ารักเทียนหอมคนเดียวก็ตาม “มันหนีไปแล้วคุณยังไม่ลืมมันอีกเหรอ” “ออกไปจากบ้านผม” “คุณมันตาต่ำ” ภรนีย์พูดมาอย่างเสียหน้าที่ถูกเขาผลักไสไล่ส่ง “แล้วแต่คุณจะคิด” “พั้นช์ขอค้างกับคุณนะคะพีท” เธอคิดถึงเขาเหลือเกินในหัวใจเธอไม่เคยลืมเขาเลย หญิงสาวเข้ามาสวมกอดเขาไว้แน่น “ปล่อยคุณกลับไปหาคนของคุณซะ!” ภรนีย์ได้ไปจดทะเบียนกับฝรั่งคนหนึ่งที่อังกฤษ ซึ่งไม่ใช่เพื่อนเก่าของเขา หญิงสาวหอบเงินหนีสามีมา
“หม่ามี้ปะป๊าจะมาไหมฮะ” “พาร์ทคิดถึงปะป๊าเป่าเค้กพร้อมกัน” วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดอายุครบสามขวบเต็มของเจ้าแฝด เมื่อวานเธอไม่ได้พ่อของลูกคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องบอกแต่เห็นเจ้าแฝดชะเง้อมองทางตลอดจึงอ่อนใจ เหมือนที่เขาเคยบอกทุกอย่างคิดแทนลูกไม่ได้ “ปะป๊าจะมาจ๊ะ” “แย่ๆ” “วันนี้อยู่กับยายก่อนนะครับหม่ามี้จะออกไปซื้อของ” “พวกเราไปด้วยนะฮะเรียกปะป๊าไปด้วย” เจ้าแฝดตื่นเต้นไม่น้อยอยากออกไปเดินเล่นกับพ่อของพวกเขา เทียนหอมเห็นท่าทางดีใจของลูกจึงทำหน้าไม่ถูกแต่ปั้นยิ้มให้ลูกทั้งสอง เพื่อความสุขของลูกเธอต้องทำได้อยู่แล้ว “รอหม่ามี้ก่อนนะจ๊ะ” เทียนหอมออกมาโทรหาพิชญ์ภาชาแต่สายแรกเขาไม่รับสาย เธอจึงโทรไปใหม่แต่ไม่มีคนรับสาย คนบ้าพอมีเรื่องสำคัญกับไม่ยอมรับสาย . “ไม่รับสายละ” เวเดนมองโทรศัพท์เครื่องหรูที่หน้าจอเพิ่งดับไป “ไม่เพิ่งวางสายจากคุณแม่ไป” แม่เขาจะมาช่วยพูดกับเทียนหอมให้แต่เขาไม่ต้องการ อยากทำอะไรด้วยตัวเองอยากให้เมียยอมรับเขาขี้เกียจคุยจึงตัดสายไป