เทียนหอมที่เห็นความสนิทสนมของทั้งสองจึงเสียใจอย่างหนัก ยามที่ภรนีย์มาที่บ้านเธอจะเป็นฝ่ายหลบหน้า เพราะไม่อยากเห็นภาพที่บาดใจ พวกเขาคงกลับมาคืนดีกันในเร็ววัน
“เดินผ่านพี่ไปไม่เห็นพี่เหรอครับน้องเทียน”
“พี่ตรัย!” เทียนหอมเหม่อลอยไม่รู้ว่าตอนนี้เธอเดินมาหยุดอยู่หน้าประตูรั้วบ้านของพิชญ์ภาชา
“เดินเหม่อลอยคิดถึงพี่อยู่เหรอครับ” ตรัยคุณส่งยิ้มให้สาวสวยตรงหน้า เขาเอ็นดูเทียนหอมรู้จักตั้งแต่หญิงสาวยังเป็นเด็ก แต่ไม่ค่อยได้พูดคุยกันเท่าไรนัก
“น้องเทียนว่างไหมครับ”
“พี่ตรัยเข้ามาในบ้านก่อนนะคะเทียนทำของหวานไว้เยอะ ฝากไปให้คุณป้าทานด้วยค่ะ”
ทั้งสองนั่งพูดคุยกันอย่างออกรส ตรัยคุณเพิ่งกลับมาจากเรียนต่อต่างประเทศ เขาคิดไว้ว่าหากกลับมาแล้วเทียนหอมยังไม่มีใครเขาว่าจะขอหญิงสาวเป็นแฟน เพราะเขาไม่สามารถลืมหญิงสาวได้เลย
“อร่อยครับ”
“ขอบคุณค่ะ”
“น้องเทียนไม่คิดจะเรียนต่อเหรอครับ”
หญิงสาวเป็นเด็กกตัญญูเขาส่งสารที่ต้องทำงานช่วยแม่ตั้งแต่เด็ก อนาคตยังไปได้ไกลกว่านี้
“คงไม่แล้วค่ะแม่อยากกลับไปอยู่บ้านแล้ว เทียนว่าอีกสัก 2 ปีจะพาแม่กลับไปอยู่บ้านค่ะ”
“แล้วเราจะไม่ได้เจอกันอีกเลย” ตรัยคุณพูดเสียงเบาเขากลัวสิ่งนี้มากที่สุด เขาไปเรียนเกือบสี่ปีก็รีบกลับมาทันทีเพื่ออยากเจอหน้าเทียนหอม
“น้องเทียนพี่บอกตามตรง ว่าพี่ชอบน้องเทียนคุณแม่พี่ท่านก็ไม่รังเกียจหากพี่จะคบกับเทียน” ตรัยคุณตัดสินใจบอกความในใจไป หากหญิงสาวตอบตกลงเขาจะไม่ให้เทียนหอมต้องทำงานหนักอีกเลย
“พี่ตรัยเทียนเคารพพี่แบบพี่ชาย”
“อย่าเพิ่งตัดสินใจตอนนี้เลยให้โอกาสพี่ได้ไหม”
ขาจับมือของเทียนหอมไว้ทั้งสองข้างพูดความในใจออกมาจนหมด จากความเอ็นดูกลายเป็นความรักแบบคนรักกัน เขาไม่คบใครแบบจริงจังเพราะอยากขอโอกาสจากเทียนหอม
“เทียนว่า...”
“งานการไม่ทำมานั่งพลอดรักกับผู้ชาย!” เสียงทรงอำนาจดังขึ้นจนทั้งสองคนต้องผละออกจากกัน เมื่อเจ้าของบ้านเดินเข้ามาแทรกตรงกลางทำให้เทียนหอมต้องถอยออกมาห่างๆ
“คุณ!”
.
พิชญ์ภาชาโมโหเขาเดินตามหาหญิงสาวทั่วบ้านแต่ก็ไม่พบ จึงเดินมาดูประตูหลังบ้านแถวห้องพักคนงาน ต้องมาเห็นภาพบาดตาเทียนหอมกำลังจับมือกับผู้ชายคนอื่นในบ้านของเขา
“คือไม่ใช่แบบนั้นนะคะ”
“ยังจะเถียงกลางวันยังทำขนาดนี้กลางคืนจะขนาดไหน”
“คุณควรให้เกียรติน้องเทียนด้วยนะครับ น้องเขาไม่ได้ทำอะไร” ตรัยคุณไม่ชอบคนตรงหน้าที่กำลังต่อว่าเทียนหอม
“น้อง? เธอมีพี่ชายตั้งแต่เมื่อไรหรือพี่น้องท้องชนกัน” พิชญ์ภาชาหันไปถามเทียนหอม เขาไม่ชอบที่หญิงสาวสนิทสนมกับผู้ชายคนอื่น และดูเหมือนว่ามันจะชอบเทียนหอมมากเสียด้วย
“คุณพีทคุณกำลังเข้าใจผิด” เทียนหอมรู้สึกเสียใจที่ถูกเขาต่อว่าต่อหน้าตรัยคุณ
“ผมตรัยคุณครับอยู่บ้านข้างๆ คุณ”
“ไม่อยากรู้จัก กลับไปได้แล้วอย่าเข้ามาในบ้านผมอีก และอย่าพาเด็กของผมใจแตก” เขาใจเย็นที่สุดแล้วไม่อย่างนั้นเขากับมันคงวางมวยกัน หน้าตามันดีไม่น้อยแถมเหมือนจะรวยแต่น้อยกว่าเขา
“พี่ตรัยกลับไปก่อนนะคะ”
“เดี๋ยวพี่โทรหานะครับ” ตรัยคุณมองหญิงสาวด้วยความเป็นห่วง ทำไมพิชญ์ภาชาต้องไม่พอใจขนาดนั้นพวกเขาไม่ได้ทำอะไรเสียหาย
“ตามฉันขึ้นไปบนห้อง อย่าช้าไม่อย่างนั้นแม่ของเธอรู้เรื่องทั้งหมดแน่”
“คนเลว” เทียนหอมเช็ดน้ำตาเขาเดินจากไปแล้ว หากเขาทำตามที่พูดจริงๆ คนที่เสียใจก็คือแม่ของเธอ หญิงสาวจึงยอมเดินตามเขาขึ้นไปบนห้อง รู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นบ้างพิชญ์ภาชาไม่ใช่คนใจเย็นขนาดนั้น
หญิงสาวเดินมาหยุดที่ปลายเตียงเห็นพิชญ์ภาชากำลังสูบบุหรี่อยู่ที่ริมระเบียง เธอก้มหน้าลงเมื่อเขาหันมามองไม่นานต้องสะดุ้งเพราะแรงกระชากของเขา
“เทียนเจ็บค่ะ”
“พูดไม่เคยจำว่าห้ามอยู่ใกล้ผู้ชายมีผัวคนเดียวมันไม่พอหรือไง”
“เทียนยังไม่มีสามีค่ะ กับพี่ตรัยเราไม่ได้ทำอะไรเสียหาย”
“หึ ปกป้องมันใช่ไหม” พิชญ์ภาชาโกรธที่เทียนหอมเข้าข้างผู้ชายคนอื่น เขาปลดกระดุมชุดแม่บ้านที่เธอสวมใส่ออกเผยให้เห็นหน้าอกอวบที่มีบราเชียร์ห่อหุ้มไว้
“อย่าทำเทียนเลยนะคะ”
“รังเกียจ? หรือได้กับมันแล้ว”
“เทียนกับพี่ตรัยเราเป็นแค่คนรู้จักกัน”
“ดีจำเอาไว้ว่าเธอเป็นของฉัน” เขาปลดตะขอบลาเชียร์และดึงออกมาจากตัวของหญิงสาว ฟันขบเม้มไปตามร่องหน้าอกและดูดเม็ดบัวแรงๆ จนเกิดเสียงดังใบหน้าของเขาแทบจะจมหายเข้าไปในหน้าอกของเทียนหอม
“อ๊ะ...เทียนไม่ใช่ของคุณ”
“เดี๋ยวก็รู้ว่าเป็นหรือไม่เป็น”
“อย่าทำ ไม่เอา” เทียนหอมส่ายหน้าเมื่อเขาดึงแพนตี้ออกจากสะโพกของเธอ เขาจับเรียวขาอ้าออกกว้างแล้วแทรกใบหน้าเข้าไป
ลิ้นอุ่นชิ้นสัมผัสกับกลีบกุหลาบสีสวยที่มีน้ำไหลเยิ้มออกมา มือหนาขยี้เม็ดเสียวจนแดงเถือก เขาชอบเขาหลงใหลในตัวของเทียนหอม แม้จะผ่านเรื่องแบบนี้มาโชกโชนแต่เขาไม่เคยทำแบบนี้ให้ใครมาก่อนแม้กระทั่งคนรักเก่า
“อื้อ คุณพีทอย่าทำ” เทียนหอมร้องด้วยความเจ็บเมื่อเขาดันนิ้วเขามาในรูร่อง และขยับนิ้วเข้าออกเมื่อเห็นว่าเธอเริ่มทรมานเขายิ่งอยากแกล้ง
“ตกลงเธอเป็นของใครเทียนหอม”
“อย่า...หยุดนะคะ” หญิงสาวขัดใจเล็กน้อยเมื่อเขาหยุดขยับนิ้วจนเธอต้องกัดปากตัวเองไว้ เพราะตอนนี้ร่างกายของเธอกำลังต้องการเขา
“ตอบฉันมา”
“เป็นของคุณค่ะ”
“ดี จำให้ขึ้นใจว่าเธอเป็นผู้หญิงของฉัน”
พิชญ์ภาชาลุกขึ้นมายืนปลายเตียงเขาจัดการเสื้อผ้าออกจากตัวจนไม่เหลืออะไรปิดกาย มือหนาเปิดลิ้นชักและหยิบเครื่องป้องกันมาฉีกแล้วสวมใส่ ในเมื่อกลัวจะท้องเขาก็จะป้องกันให้
“ไม่อยากท้องไม่ใช่เหรอฉันก็ป้องกันให้แล้วไง”
“อ๊ะ...อื้อเจ็บ” ไม่ว่าเขาจะเข้ามาบ่อยแค่ไหนแต่ความใหญ่โตของเขาทำให้เธอเจ็บแสบ จนอยากให้เขาหยุดแต่พิชญ์ภาชาไม่เคยปรานีเธอเรื่องบนเตียงเลยสักครั้ง เขาเอาแต่ใจและตักตวงความสุขจากเธอจนไม่มีแรงลงจากเตียง
พิชญ์ภาชาครางเสียงกระเส่ายามที่รูร่องบีบรัดตัวตนของเขาแน่น เขาไม่ชอบยามที่มีสิ่งกรีดขวางเมื่อเทียนหอมเผลอเขาจึงแอบถอดเครื่องป้องกันออก
เนื้อแนบเนื้อแบบนี้ถึงจะฟิน เขาตักตวงความสุขจากร่างกายของเธอจนเมื่อพอใจแล้วจึงปล่อยให้เทียนหอมกลับลงไปด้านล่างเพราะหายเข้ามาในห้องของเขานานหลายชั่วโมงเดี๋ยวคนในบ้านสงสัย
“ฉันจะทำยังไงกับเธอดีนะเทียนหอม”
.
เย็นวันศุกร์สัปดาห์บ้านของพิชญ์ภาชาก็ได้ต้อนรับแขกอีกครั้ง ซึ่งเป็นคุณหญิงอมราและคุณโทมัสพ่อแม่ของเจ้าของบ้าน ที่กลับมาจากต่างประเทศและแวะมาเยี่ยมลูกชายคนเล็ก
“ตาพีทพาสาวที่ไหนมา”
“สวัสดีค่ะคุณพ่อคุณแม่จำได้พั้นช์ได้ไหมคะ ภรนีย์” หญิงสาวเมื่อรู้ว่าพ่อแม่ของเขาจะมาทานข้าวที่บ้าน เธอจึงขอมาด้วยเพราะคิดถึงพวกท่าน ครั้งหนึ่งเธอเคยสนิทกับแม่ของพิชญ์ภาชา
“หนูพั้นช์กลับมาเมื่อไรจ๊ะ”
“สักพักแล้วค่ะ”
“แล้วทำไมถึงมาด้วยกันได้” อมราแปลกใจเพราะลูกชายบอกว่าเลิกรากับคนรักไปนาน แต่ไม่ได้บอกเหตุผลว่าเพราะอะไร
“พั้นช์กำลังตามจีบพีทอยู่ค่ะ”
“เราไปนั่งทานข้าวแล้วพูดคุยกันดีกว่าจ๊ะ”
ลูกชายก็ยังโสดแถมอายุก็มากขึ้นทุกวัน หากทั้งสองกลับมาคบกันอมราก็ไม่ห้าม ภรนีย์ก็เป็นลูกชายคนใหญ่คนโต เด็กคนนี้สวยน่ารักช่วงเวลาที่เลิกกับพิชญ์ภาชาไปก็ลูกชายก็ไม่ยอมมีคนใหม่คงจะรอภรนีย์กลับมา
คุณอมราและคุณโทมัสเห็นด้วยกับการที่ภรนีย์กลับมา และสนับสนุนให้ทั้งสองแต่งงานกันโดยเร็ว เพราะพวกเขาอยากอุ้มหลาน ถึงแม้ว่าจะมีหลานจากลูกชายคนโตแล้วถึงสองคนก็ตามแต่พีเทอร์ ก็มีแต่ลูกสาว อยากได้หลานชายเพื่อไว้สืบสกุลบ้าง
.
“สรุปจะกลับมาคบกันเหรอลูก”
“คุณแม่คิดว่าไงครับ”
“แม่ชอบหนูพั้นช์นะอยากให้ลูกแต่งงานไวๆ” อมราพยายามจับคู่ให้ลูกชายตลอด แต่พิชญ์ภาชาก็หัวแข็งตั้งแต่ยังเด็ก จนเลิกวุ่นวายกับชีวิตของพิชญ์ภาชาไป
“น้ำค่ะคุณผู้หญิง” เทียนหอมได้ยินทุกอย่างพยายามไม่ให้แก้วน้ำร่วงจากมือ
“หนูเทียนเหรอโตเป็นสาวแล้วสวยเสียด้วย”
“ขอบคุณค่ะ”
อมราเริ่มไม่ใจลูกชายตัวเองแล้วเทียนหอมกับประภาเคยอยู่ทำงานในบ้านของอมรามาก่อน ก่อนที่จะให้มาช่วยดูแลบ้านของพิชญ์ภาชา
พิชญ์ภาชาไม่ใช่คนเจ้าชู้แต่มีสาวสวยอยู่ร่วมชายคาคงมีสักวันที่ลูกชายจะคว้าเอามาไว้แก้เหงา เหมือนเทียนหอมจะพยายามหลบสายของพิชญ์ภาชาอยู่ตลอดเวลา
“หนูเทียนสวยไหมลูก”
“ครับ” เขาไม่ตอบเพราะรู้อยู่แล้วว่าเทียนหอมนั้นสวยแค่ไหน ยิ่งเวลาไม่ช่วยอะไรยิ่งสวยจนเขาไม่สามารถทิ้งไปไหนได้
“ถ้าว่าที่ลูกสะใภ้ของแม่ไม่มีอะไรเลยแม่จะรังเกียจไหมครับ”
“ถามแม่แบบนี้ว่าที่สะใภ้เล็กคงไม่ใช่หนูพั้นช์ใช่ไหม”
“ผมแค่ถามดูครับกลัวคุณแม่รังเกียจ”
“แม่จะรังเกียจคนที่ลูกรักทำไม”
หากเป็นแบบนั้นจริงๆ เสียดายภรนีย์ไม่น้อยแต่ตอนนี้ไม่เห็นลูกชายจะควงใคร อาจจะแค่อยากลองใจคนเป็นแม่
.
“เทียนหอมฉันอยากดื่มน้ำ”
“หมดเวลาทำงานของเทียนแล้วค่ะ” ตาที่บวมช้ำหลังจากผ่านการร้องไห้ เธอพยายามประคองสติเพื่อทำงานตัวเองให้เสร็จ
“ใจร้ายจัง ใจร้ายกับผัวได้ลงคอ”
“อย่าพูดแบบนี้อีกนะคะเดี๋ยวคนได้ยิน” ตอนนี้พ่อแม่ของเขาก็ยังอยู่ในบ้าน หากเข้ามาได้ยินเธอกับแม่จะลำบาก ยิ่งคิดเรื่องนี้น้ำตาจะไหลออกมาอีกรอบ
เทียนหอมต้องอยู่ในบ้านและเห็นทุกอย่างที่ทำให้เธอเจ็บปวด เมื่อได้ยินพ่อแม่ของพิชญ์ภาชากดดันให้เขาแต่งงานกับภรนีย์ เธอรู้สถานะตัวเองดีและพยายามคิดหาทางออกให้ตัวเอง เธอเริ่มเข้าใจว่าสถานะของเธอไม่มีความหมายใดๆ ต่อพิชญ์ภาชา
“รินน้ำให้ฉันหน่อย”
“ไม่ค่ะ”
พิชญ์ภาชาไม่พอใจเมื่อเทียนหอมเริ่มแข็งข้อกับเขา เขาจะเดินตามหญิงสาวไปแต่ถูกพ่อเรียนไว้ก่อน เลยจำใจต้องนั่งคุยกับพ่อ
“จะจริงจังกับใครเราต้องชัดเจนนะ”
“คุณพ่อหมายถึงอะไรครับ”
“ไม่ได้รักหนูพั้นช์ก็บอกอย่าให้ความหวัง” โทมัสเคยอาบน้ำร้อนมาก่อน เขาเห็นแววตาของพิชญ์ภาชาเหมือนกำลังมีใครบางคนทำให้ตกหลุมรัก แต่เจ้าลูกชายดันไม่รู้ใจตัวเอง
“ผม...”
“ผู้หญิงเขาต้องการความชัดเจน มัวแต่ช้าระวังของมีค่าจะหลุดมือไป”
พิชญ์ภาชาไม่เข้าใจว่าพ่อของเขากำลังพูดถึงใคร เรื่องของเทียนหอมเขายังไม่แน่ใจมีเวลาตัดสินใจอีกนาน หากวันไหนเขาเบื่อหญิงสาว เขาจะให้เงินสักก้อนไปตั้งตัวจะได้ไม่ต้องไปลำบากที่ไหน
.
อ้วก
เสียงอาเจียนดังออกมาจากห้องน้ำส่วนตัวในห้องนอนของเทียนหอม หญิงสาวเกาะขอบอ่างไว้แน่นช่วงนี้เธอไม่ค่อยสบายและทานอาหารได้น้อยลง ไวต่อกลิ่นยามที่ได้กลิ่นอาหารเธอมักอยากอาเจียน
“เทียนป่วยเหรอ”
“เทียนปวดหัวด้วยจ้ะ”
“วันนี้นอนพักนะเดี๋ยวแม่ไปแจ้งเจ้านายให้” ประภาสังเกตว่าช่วงนี้เทียนหอมดูซูบผอมลงเล็กน้อย ใบหน้าหมองคล้ำเหมือนคนนอนไม่ค่อยหลับ
“มีอะไรเล่าให้แม่ฟังได้นะ”
“เทียนไม่ได้เป็นอะไรจ๊ะ นอนพักคงจะดีขึ้น” เทียนหอมล้างหน้าล้างตาให้สดชื่นแล้วทิ้งตัวลงนอน เธออยากถามเขาว่าเรื่องเขาจะทำอย่างไรต่อ แต่ช่วงนี้พิชญ์ภาชาทำตัวห่างเหินกับเธออีกครั้ง
ทางด้านพิชญ์ภาชากำลังประชุมด้วยความตึงเครียดเมื่อรถหรูล็อตล่าสุดมีปัญหา เขาถูกสำนักข่าวจับตามองและหลายๆ หน่วยงานจ้องจะเล่นงานเพราะเขาถูกหาว่านำรถหรูเข้ามาจำหน่ายแบบหลบเลี่ยงภาษี จนเขาต้องหาข้อสรุปกับปัญหา
ทำให้เขาต้องกลับไปนอนเพ้นต์เฮาส์ใกล้บริษัทและไม่มีเวลาโทรหาเทียนหอม เขาพยายามคิดทบทวนความรู้สึกตัวเอง จึงอยากลองห่างกับเทียนหอม
“คุณภรนีย์ขอเข้าพบค่ะ”
“ครับ”
“คุณแจมผมส่งข้อมูลไปในเมลรบกวนคุณเป็นธุระให้ผมหน่อยนะครับ” เขาปิดอีเมลแล้วเงยหน้ามองคนที่เข้ามาใหม่ ภรนีย์โทรหาเขาตั้งแต่เช้าแต่เขายังไม่ว่างรับสาย
“ไปทานข้าวเที่ยงกันนะคะ”
“อืม” ทั้งสองคนเดินออกมาพร้อมกันทำให้พนักงานเริ่มจับกลุ่มนินทา และคิดว่าภรนีย์คงเป็นตัวจริงไม่นานคงจะได้รับข่าวดี
.
พิชญ์ภาชากลับเข้ามาในบ้านตอนดึกเขาอยากเจอหน้าเทียนหอม แต่กลับเจอแม่ของหญิงสาวที่รอเปิดประตูให้เขาปกติหน้าที่ตรงนี้จะเป็นเทียนหอม
“ลูกสาวป้าไปไหนครับ”
“เทียนไม่สบายค่ะวันนี้ลางาน”
แค่คำว่าไม่สบายทำให้พิชญ์ภาชาเป็นห่วง เขาไม่รู้เลยว่าเทียนหอมไม่สบาย หญิงสาวไม่เคยโทรไปบอกเขาและไม่เรียนร้องจนเขาเริ่มกลัวใจตัวเองขึ้นมา
“เป็นอะไรครับ”
“ท้องเสียค่ะ เห็นบ่นปวดหัวด้วย”
“ครับ” พิชญ์ภาชาเลือกที่จะไม่ถามต่อเพราะกลัวว่าแม่ของเทียนหอมจะจับได้ พิชญ์ภาชามานั่งดื่มเหล้าเงียบที่เค้าน์เตอร์บาร์ สักพักหูของเขากลับได้ยินเสียงเหมือนกำลังมีคนรื้อค้นข้าวของในห้องครัว
เขาแอบเดินย่องเข้ามาเตรียมจะเข้าชาร์ต แต่ต้องหยุดเพราะเห็นเทียนหอมกำลังวุ่นวายอยู่หน้าเตา
เธอหิวรอบดึกเพราะมื้อเย็นทานข้าวลงไปได้นิดเดียวก็อาเจียนออกมา จึงออกมาอุ่นข้าวต้มที่แม่ทำไว้ให้ตอนเย็นคงคิดว่าพิชญ์ภาชาคงไม่ได้กลับมานอนพักที่บ้าน คิดถึงตรงนี้ความอ่อนแอก็เข้ามาทันที
“อุ๊ย คุณพีทมาตั้งแต่ตอนไหนคะ”
“ป้าบอกว่าเธอไม่สบาย”
“ค่ะ” เทียนหอมเลือกที่จะตัดบทไม่อยากอยู่ใกล้เขาอีกต่อไป เขาโกหกบอกจะแต่งงานกับเธอแต่พอคนรักเก่ากลับมาก็ทิ้งเธอ เธอเจ็บแล้วไม่รู้จักจำ
“มานั่งกินดีๆ” ช่วงนี้เทียนหอมดูผอมลงเขาไม่ค่อยได้รังแกเธอเท่าไร ทำไมถึงป่วยไปได้พิชญ์ภาชาดึงร่างบางให้มานั่งบนตักเขา
“ปล่อยค่ะเทียนจะกินข้าว”
“นั่งนิ่งฉันจะป้อน”
เทียนหอมได้กลิ่นแอลกอฮอล์มาจากลมหายใจของเขาจึงหยุดดิ้น กลัวว่าเขาจะทำอะไรมากกว่านี้วันนี้เธอไม่มีแรงจะต่อกลอนกับเขา
พิชญ์ภาชาป้อนข้าวต้มให้เทียนหอมกินจนเกือบหมดชาม แต่เขาไม่ยอมปล่อยให้เทียนหอมกลับห้องพัก พิชญ์ภาชาอุ้มเธอขึ้นมายังห้องนอนของเขาแทนแล้ววางเธอลงบนเตียงอย่างทะนุถนอม
“พรุ่งนี้ตี4 ฉันจะปลุกคืนนี้นอนห้องฉัน พรุ่งนี้ถ้าไม่หายฉันให้ลางานเพิ่ม”
“ขอบคุณค่ะ”
“ฉันขอโทษที่ช่วงนี้ไม่มีเวลาให้เธอเลย” พิชญ์ภาชาเอ่ยเรื่องนี้ขึ้นมา เขายังจัดการกับความรู้สึกของตัวเองไม่ได้ แถมยังมีปัญหาเรื่องงานที่ถาโถมเข้ามาพร้อมกัน
“เพราะคุณจะแต่งงานกับคุณพั้นช์ใช่ไหมคะ?”
“เทียนหอมฉัน...”
“ถ้าคุณไม่คิดจะรับผิดชอบคุณก็ไม่ควรให้ความหวังเทียน ฮึก เทียนมีความรู้สึกเจ็บเป็นเหมือนกัน” เสียงสะอื้นของเทียนหอมทำให้พิชญ์ภาชานั่งมองหญิงสาว เขาควรกอดเธอไว้แน่นและพูดอะไรสักอย่างก่อนที่เรื่องจะบานปลายไปกันใหญ่
“เทียนฉันขอโทษ”
“เทียนเกลียดคุณคนเห็นแก่ตัว!” ไม่รู้อะไรทำให้เธอใจกล้าลุกขึ้นมาตบหน้าเขาอย่างแรง แม่เคยเตือนเธอเรื่องฐานะตอนนี้เธอเข้าใจมันแล้ว
“เทียนหอมอย่าไป”
“ปล่อยเทียนคนใจร้ายเทียนเกลียด เกลียด”
“เธอรักฉันต่างหาก” เขาได้ยินคำว่าเกลียดออกจากปากของเทียนหอม เหมือนคนเอามีดมากรีดที่หัวใจจนมันเกิดเป็นแผล เขาไม่ได้รักแต่ไม่สามารถปล่อยเทียนหอมไปไหนได้
“ปล่อยเทียนจะกลับห้อง”
“เธอนอนในห้องฉันนี่แหละ ฉันจะออกไปนอนที่อื่น”
เขาออกไปแล้วสักพักเทียนหอมได้ยินเสียงรถของเขาวิ่งออกไป หญิงสาวเอาใบหน้าซบกับหมอนแล้วร้องไห้จนตัวสั่น เสียงสะอื้นดังออกมาอย่างน่าสงสารหากคืนนั้นไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอกับเขาคงไม่มาถึงขั้นนี้
“คนใจร้ายมาให้ความหวังเทียนทำไม”
หญิงสาวร้องไห้จนเหนื่อยและผล็อยหลับไป จนเข้าสู่ห้วงความฝัน คืนนั้นเองมีเด็กสองคนยืนเรียกเธออยู่หน้าบ้าน พร้อมกับร้องไห้งอแงจะขอมาอยู่ด้วยสัญญาว่าจะเป็นเด็กดี พอเธอรับปากเด็กทั้งสองจึงวิ่งเข้ามาเกาะขาเธอแน่นพวกเขาหน้าตาน่ารัก แถมหน้าคล้ายกับผู้ชายใจร้ายคนนั้นอีก จนเธอสะดุ้งตื่นเมื่อนาฬิกาปลุกตอนตีสี่
พิชญ์ภาชานั่งทำงานเขาดูเวลาอีกทีเกือบเที่ยงคืนแล้ว เขาทำงานหนักเพื่อไม่ให้ตัวเองฟุ้งซ่านคิดมากเรื่องของเทียนหอม เขาเริ่มเย็นชากับเทียนหอม เพื่อหลีกเลี่ยงความสับสนในใจของเขาเอง เขาแสร้งทำเป็นว่าความสัมพันธ์กับเทียนหอมไม่สำคัญ แต่ในขณะเดียวกัน เขาก็ไม่สามารถลบความรู้สึกผิดได้ “ว่าไง” “คืนนี้มาเจอกันหน่อยไหมเพื่อนไอ้ทอยก็อยู่ด้วย” “ฉันจะไป” พิชญ์ภาชากอดวางสายตั้งแต่งานวันคล้ายวันเกิดของเพื่อนเขาก็ไม่เจอหน้าอาทิตย์กับทินกรอีกเลย ออกไปปลดปล่อยบางทีอาจทำให้เขาเลิกคิดถึงเทียนหอม พิชญ์ภาชาเดินเข้ามาในผับหรูที่มีนักท่องราตรีมาเที่ยวกันจนแออัด เขาเดินขึ้นไปยังบนสุดของผับซึ่งหน้าห้องเขียน VVIP ซึ่งเอาไว้รองรับแขกที่กระเป๋าหนักและชอบความเป็นส่วนตัวเท่านั้น “ช่วงนี้นายหหายหน้าหายตาไปเลย กลับมาคืนดีกลับพั้นช์แล้วเหรอ” อาทิตย์อยากรู้เพราะได้ยินข่าวมาแบบนั้นแถมพ่อแม่ของพิชญ์ภาชายังเห็นดีเห็นชอบอีก ไม่จำตอนที่โดนทิ้งสภาพเหมือนหมา “เอ้า ฉันไม่เห็นรู้เรื่องเลย” ทินกรวางแก้วลงอยากรู้เรื่องของพิชญ์ภาชา “ใครบ้างจะลืม”
เทียนหอมนอนร้องไห้เมื่อรู้ว่าพิชญ์ภาชาขับรถออกไปพร้อมกับภรนีย์หลังจากที่ทานข้าวกันเสร็จ ตอนนี้จะเที่ยงคืนแล้วเขาก็ยังไม่กลับ เทียนหอมคิดทบทวนว่าต่อจากนี้จะทำอย่างไรต่อไป แกร็ก “อื้อ” “ร้องไห้ทำไมเด็กดี” พิชญ์ภาชาเข้ามากอดร่างบางไว้ แล้วเช็ดน้ำตาออกจากหางตาของหญิงสาว “คุณพีทเข้ามาทำไมคะ?” เทียนหอมกลัวว่าจะมีคนมาเห็นว่าพิชญ์ภาชาเข้ามาที่ห้องนอนของเธอ ซึ่งไม่เหมาะเพราะที่นี่เป็นห้องพักคนงานในบ้านของเขา “ฉันขอโทษที่ทำให้ร้องไห้ พั้นช์เขาต้องการความช่วยเหลือให้ฉันเป็นที่ปรึกษาให้” “คุณจะกลับไปคบกับเขาเหรอคะ” เ
ตั้งแต่คืนนั้นพิชญ์ภาชาไม่ยอมกลับมานอนบ้านทำให้เทียนหอมเข้าใจว่าเขาคงมีความสุขอยู่กับภรนีย์ พอเขาคิดถึงเธอก็กลับมาหาพอเบื่อก็ไปอยู่กับอีกคนทำให้เทียนหอมเริ่มคิดหาทางหนีไปจากเขา การอยู่ของเธอทำให้เป็นของตายอยากจะเรียกหาเมื่อไรก็เจอ “หนูเทียนมาหาฉันหน่อยจ๊ะ” “สวัสดีค่ะคุณผู้หญิง” “ทำไมเดี๋ยวนี้สวยขึ้นจัง” อมรามองเด็กสาวตรงหน้าแต่ดวงตาเหมือนเศร้าไปนิด แต่ผิวพรรณเปล่งปลั่งดูมีน้ำมีนวลขึ้นเรียกว่าสวยขึ้นมากจนอมราเริ่มแปลกใจ “ขอบคุณค่ะ” “มีแฟนหรือยัง” 
ภรนีย์เริ่มแผนการจัดการเรื่องงานแต่งงานกับพิชญ์ภาชาในเมื่อเขาไม่คิดจะสนใจ เธอจึงหาทางเข้าหาแม่ของเขาแทนเพราะรู้ว่าท่านเอ็นดูเธอแค่ไหน โดยอ้างว่าตอนนี้ใครๆ ก็เข้าใจว่าเธอกับพิชญ์ภาชากำลังแต่งงานกัน ทำให้คนรอบข้างเริ่มถามถึงสถานะที่ชัดเจน “พั้นช์ลำบากใจจังเลยค่ะ” “ไม่ต้องห่วงนะแม่จะคุยกับตาพีท” “เรามาแล้วนั้นเข้าไปดูแหวนก่อนไหมคะ?” ภรนีย์แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้เรื่องที่พาอมราเดินเข้ามาในร้านเพชร และจัดแจงเลือกแหวนเพชรเม็ดโตๆ อย่างมีความสุขโดยไม่คิดถามอีกฝ่ายว่าอยากจะแต่งงานกับเธอหรือไม่ “สวยไหมคะคุณแม่” “สวยจ๊ะเหมาะกับหนูพั้นช์มาก” อมราเห็นดีเห็นงามไปด้วย พิชญ์ภาชาอายุขึ้นเลขสามแล้วสมควรที่จะมีครอบครัวคนเป็นแม่อยากอุ้มหลานลูกของพิชญ์ภาชาเต็มทน “วงนี้เหมาะมากเลยค่ะสวยมากค่ะคุณผู้หญิง” พนักงานรีบเชียร์ให้ซื้อวงนี้ เพราะจะได้ค่าคอมมิชชั่นไปด้วย “แต่พั้นช์ว่าราคามันแพงไปนะคะ” “สำหรับหนูพั้นช์แม่จ่ายให้เองจ๊ะถือว่าเป็นแหวนหมั้นไปเลย แหวนแต่งงานค่อยซื้อใหม่” “จะดีเหรอคะ” ภรนีย์รีบตอบตกลงอย่างไว
เสียงพูดคุยกันเสียงดังดังเข้ามาในบ้านจนเจ้าของบ้านต้องรีบวิ่งไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น เทียนหอมยืนมองเด็กทั้งสองคนที่กำลังยืนเถียงกันแย่งของเล่นกันไปมา จนคนเป็นแม่ส่ายหน้า “อันนี้ของพี่นะ” “อันนี้ของพี่เหมือนกัน!” ไม่มีใครยอมใครคนนั้นก็จะเป็น คนนี้ก็จะเป็นพี่สรุปไม่มีใครอยากเป็นน้อง “หม่ามี้นี่ของพี่” น้องพาร์ทที่แย่งของกลับมาคืนมาไม่ได้จึงหันมาฟ้องเทียนหอม พร้อมกับน้ำตาไหลเพราะถูกแย่งของเล่นไป “พี่พอร์ชหม่ามี้บอกว่ายังไง ของเล่นหม่ามี้ซื้อให้คนละชิ้นยังมาแย่งกัน รู้ไหมว่าหม่ามี้ต้องทำงานหนักแค่ไหนกว่าจะได้เงินมา” น้องพอร์ชที่ได้ยินแบบนั้นจึงคืนของเล่นให้น้องไป พร้อมกับวิ่งเข้ามากอดเทียนหอม ซึ่งเทียนหอมนั่งลงให้ลูกชายกอด “พี่ขอโทษค่าบ ต่อไปพี่จะช่วยหม่ามี้หาเงินจะได้มาซื้อของเล่น” “น่ารักที่สุดเลย” ลูกชายทั้งสองคนของเทียนหอมมีใบหน้าที่คล้ายกับพ่อของพวกเขามาก มีแต่ดวงตากับริมฝีปากที่ได้แม่มา ตลอดสามปีที่เลี้ยงดูลูกๆ มาอย่างเหน็ดเหนื่อยมันทำให้เธอเข้มแข็งขึ้น “ขึ้นไปอาบน้ำกันได้แล้วหม่ามี้ทำของ
พิชญ์ภาชานั่งมองรูปของเด็กผู้ชายทั้งสองคน เขาเชื่อว่าสองคนนี้ต้องเป็นลูกชายของเขาแน่ อยากรู้จักชื่อจังเทียนหอมจะตั้งชื่อลูกว่าอะไรแล้วบอกลูกว่าอย่างไรเกี่ยวกับเรื่องราวของเขา เขาใจร้อนและอยากเห็นหน้าเด็กมาก เขาเอารูปตัวเองตอนเด็กมาเทียบก็ได้เห็นว่า นี่มันตัวเองชัดๆ เขานั่งมองรูปอยู่แบบนั้นจึงเกือบเช้า “พ่อจะไปหาพวกหนู” พิชญ์ภาชาร่างกายไม่ค่อยแข็งแรงมากนัก จากเหตุการณ์เมื่อสี่ปีก่อนทำให้กระดูกขาหัก คราวแรกเขาไม่ยอมทำกายภาพบำบัดเพราะเกิดจากการตรอมใจ พอนานวันเข้าเขาจึงลุกขึ้นมาสู้ใหม่ “ให้ฉันขอบรถให้ไหมนายคนไม่ไหว” เวเดนอาสาจากกรุงเทพไปจันทบุรีนั้นใช้เวลาขับนานหลายชั่วโมงเหมือนกัน “นายไปทำงานเถอะฉันไหว” “แต่มัน...” “ขอบใจมากนะเพื่อนที่อยู่เคียงข้างฉันมาตลอด” นอกจากอาทิตย์ ทินกร ก็มีเวเดนที่เป็นเพื่อนทั้งเลขาคนสนิทของเขาที่คอยให้กำลังใจแบบซ้ำเติมกันมาตลอด “ขาของนาย” “มันหลายปีแล้วฉันหายแล้วแผลที่กายไม่เจ็บเท่าแผลที่ใจ” “น้องเทียนหอมคงเจ็บมากกว่านายหลายร้อยเท่า!” อาทิตย์เข้ามาได้ยินประโยคนั้
พิชญ์ภาชามาที่บ้านของเทียนหอมซึ่งเป็นบ้านหลังเล็กที่อยู่ในสวนผลไม้ บริเวณด้านข้างปลูกผักมากมายร้ายล้อมไปด้วยต้นไม้เขาสังเกตว่ามีเพื่อนบ้านอยู่หลายหลัง ในสวนของเทียนหอมมีผลไม้อยู่หลายชนิด แต่น่าจะยังไม่เก็บเกี่ยวเพราะไม่ใช่ช่วงเก็บผลไม้ “อันนี่ของพี่นะ พี่แบ่งให้” “พี่กินด้วย” น้องพี่น้องแบ่งขนมกันเพราะหากทะเลาะกันแย่งขนมแม่จะไม่ให้กินอีก ช่วงนี้เลยรักกันเพราะไม่อยากเห็นแม่เหนื่อย เด็กๆ นั่งกินขนมกินรถของเล่นกันหน้าบ้านยายออกไปตลอดแล้ว ส่วนแม่นั้นซักผ้าอยู่หลังบ้านพวกเขาจึงมาวิ่งเล่นอยู่หน้าบ้าน พิชญ์ภาชาหัวใจเต้นรัวเมื่อเห็นใบหน้าของลูกแฝดทั้งสองคนที่นั่งกินขนมกันอยู่ ซึ่งมีใบหน้าคล้ายเขามากเขามั่นใจว่าเด็กๆ คือลูกของเขาใบหน้าออกฝรั่งขนาดนั้นเขาเดินเข้าไปใกล้จนเด็กแฝดเงยหน้าขึ้นมามอง “สวัสดีครับเด็กๆ” “ปะป๊า! / ปะป๊าจริงๆ ด้วย” สองแฝดวิ่งไปหาเขาเพราะจำรูปพ่อได้ว่าตาแบบนี้ พวกเขาไม่มีทางจำผิดทั้งสองวิ่งไปกอดพิชญ์ภาชา เขารีบนั่งลงและอ้ากอดแขนเด็กๆ ไว้พวกเขารู้ว่าเขาคือพ่อพิชญ์ภาชาน้ำตาไหลพรากเป็นอ้อมกอดที่เขาโหยหามาตล
พิชญ์ภาชาแอบดักซุ่มดูเทียนหอมตั้งแต่เช้าวันนี้เขาเปลี่ยนรถคันใหม่ที่เพิ่งเช่ามาเพราะรถของเขามันเด่นสะดุดตากลัวจะมีคนสงสัย เมื่อเห็นว่าป้าประภาออกไปตลาดแล้วเขาจึงแอบย่องเข้ามาในบ้านของเทียนหอม “ไข่เจียวมะเขือเทศของโปรดใครน๊า” “ของพาร์ทเองฮะ” “แกงจืดของใครน๊า” เทียนหอมสอนให้ลูกกินข้าวเองตั้งแต่เด็ก เจ้าแฝดจึงนั่งกินอย่างเป็นระเบียบ เขาแอบมองสามแม่ลูกนั่งกินข้าวแค่ได้เห็นไกลๆ ชีวิตกลับมีความสุข ถ้าได้กอดได้เลี้ยงดูลูกๆ เขาจะมีความสุขขนาดไหนที่ผ่านมาเขาโลเลสมควรที่เทียนหอมจะไม่รอและลงโทษเขาอย่างสาหัส ปึก “เด็กๆ รอหม่ามี้ตรงนี้ห้ามออกไปไหน” เทียนหอมได้ยินเสียงของตกพื้นจึงเดินออกมาดูหน้าบ้าน แต่ไม่ทันจะได้เดินกลับเข้าบ้านมีอ้อมแขนของใครบางคน คว้าเธอไปกอดไว้แน่น เธอจำกลิ่นน้ำหอมของพิชญ์ภาชาได้ “คุณพีทปล่อยเทียน!” “คิดถึงจังเลยขอกอดหน่อยได้ไหม โอ๊ย เทียนพี่เจ็บ” เขาแทนตัวเองว่าพี่เมื่อเพื่อนบอกว่าต้องทำตัวให้สนิทกับเทียนหอมให้มาก เขาจึงซ้อมพูดกับตัวเองหน้ากระจกว่าจะพูดอะไรกับเธอบ้างพอเจอหน้ากันจริงๆ เขากลับพูดไม่อ
เด็กชายภาคิน เรนฟอร์ด วัยสองขวบกำลังวิ่งเล่นพี่เลี้ยงแทบวิ่งตามจับไม่ทัน เทียนหอมนั่งรอพิชญ์ภาชากลับบ้านเขาไปรอรับลูกๆ หลังจากเรียนเสร็จ “น้องพร้อมอย่าวิ่งลูกเดี๋ยวล้ม” เด็กน้อยฟังเสียที่ไหนยิ่งห้ามยิ่งต้องทำ เทียนหอมลูบท้องตัวเองเมื่อลูกในท้องถีบท้องของเธออย่างแรง เหมือนอยากเล่นกับพี่เขา “เดี๋ยวคลอดค่อยวิ่งเล่นนะครับ” เธอได้ลูกชายอีกแล้วพิชญ์ภาชาได้ลูกชายถึงสี่คน และท้องนี้คือท้องสุดท้าย เราทั้งสองคนตกลงกันว่าหากท้องที่สามไม่ได้ลูกสาวจะปิดอู่แบบถาวรและได้ลูกชายจริงๆ ตอนนี้เด็กน้อยใกล้ออกมาลืมตาดูโลกแล้ว “อยากเย่นกะน้อน” “ไม่ได้ครับน้องยังไม่ออกมาจากหม่ามี้เลย” “เย่นๆ” น้องพร้อมลูบหน้าท้องแม่และชักมือกลับเพราะน้องดิ้นกลับทำให้เขาตกใจ เทียนหอหัวเราะออกมาที่ตั้งชื่อว่าน้องพร้อม เพราะเธอมีเขาตอนที่พร้อมทุกอย่างแล้ว เราสองคนเลยตกลงกันว่าจะให้ชื่อน้องพร้อม “หม่ามี้กลับมาแล้วฮะ” “พาร์ทคิดถึงหม่ามี้คิดถึงน้องพร้อม” เด็กทั้งสองวิ่งมากอดกอดแน่น พิชญ์ภาชาถือกระเป๋าเดินตามหลังมาการเป็นคุณพ่อลูกสี่ไม่ใช่เรื่
เช้านี้บรรยากาศสดใสเป็นพิเศษ ทุกคนในบ้านต่างดีใจที่กำลังมีนายหญิงเป็นตัวเป็นตน พิชญ์ภาชาฝากลูกไว้กับแม่ยายพาเทียนหอมมุ่งหน้าไปยังที่ว่าการอำเภอ "พี่พีทแน่ใจนะว่าจะทำแบบนี้?" เธอหันมาถามเขาอีกครั้งราวกับต้องการให้เขายืนยัน พิชญ์ภาชาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอื้อมมือมากุมมือเธอแน่น "แน่ใจสิถ้าเทียนต่อไปเราจะเป็นของการและกันตลอดไป" เทียนหน้าแดงขึ้นมาทันที "พูดอะไรแบบนั้นกัน..." เขาพูดต่อหน้าเจ้าหน้าที่ เธออายจนตัวม้วน เขายิ้มกว้างอย่างเอ็นดู ก่อนจะเลื่อนมือไปบีบมือเธอเบาๆ "พี่อยากให้เทียนเป็นภรรยาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย และไม่ใช่แค่ในเอกสารนะแต่เป็นทั้งหัวใจของพี่ด้วย" เธอก้มหน้าหลบสายตาเขา แต่หัวใจกลับเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ เขากุมมือเธอไว้ตลอดราวกับกลัวว่าเธอจะเปลี่ยนใจ เจ้าหน้าที่รับเอกสารไปตรวจสอบก่อนจะเงยหน้ามองพวกเขาพร้อมรอยยิ้ม "พร้อมจะเป็นสามีภรรยากันอย่างเป็นทางการแล้วใช่ไหมคะ?" เจ้าหน้าที่ถามอีกครั้ง เธอลังเลนิดหน่อย แต่พอหันไปเห็นแววตาแน่วแน่ของเขา เธอก็ยิ้มออกมาแล้วพยักหน้า "ค่ะ พร้อมค่ะ" เ
“ยินดีต้อนรับกลับบ้านเราจ้า” อมราเดินมารับเทียนหอมแล้วสวมกอดหญิงสาว ภายในใจรู้สึกผิดเป็นอย่างมาก “หม่ามี้คิดถึง” น้องพอร์ชวิ่งมาหาแม่ที่ไม่ได้เจอหน้ากันหลายวันชูแขนขึ้นทั้งสองข้าง เพื่อให้แม่อุ้มเทียนหอมแทบจะอุ้มลูกไม่ไหวเพราะตัวเริ่มหนัก “ปะป๊าอุ้มดีกว่า” พิชญ์ภาชาอุ้มน้องพอร์ชขึ้นมาด้วยแขนอีกข้าง อีกข้างนั้นมีน้องพาร์ชอยู่ “หนูดื้อกับคุณยายคุณปู่คุณย่าไหมครับ” “ไม่ฮะมีของเล่นเยอะมาก แต่พอร์ชไม่กล้าเล่นกลัวหม่ามี้หาตังค์ม่ายไหว” อมราและโทมัสถึงกับพูดไม่ออกเด็กอายุแค่นี้แต่กับฉลาด รู้จักช่วยแม่ประหยัดที่ผ่านมาอมรามัวทำอะไรอยู่ถึงไม่เอะใจอะไรเลย “หนูเทียนเข้าบ้านกันดีกว่าจ้ะ” “ขอบคุณค่ะคุณผู้หญิง” “เรียกแม่ดีกว่าอย่าเรียกแบบนั้นเลย” “ค่ะคุณแม่” มีเกรงๆ บ้างเพราะเธอถูกปฏิบัติเหมือนเป็นของเจ้าของบ้านอีกคน “แม่ให้เด็กเอาของขึ้นไปเก็บบนห้องแล้วเลี้ยงลูกคนเดียวเหนื่อยไหมลูก แม่ขอโทษนะที่ไม่รู้อะไรเลย” หากรู้ความสัมพันธ์ของทั้งสองเหตุการณ์แบบนั้นจะไม่เกิดขึ้น “ไม่ลำบากเท่าไรค่ะ”
“ปะป๊ากลับมาอยู่กับพวกเรานะฮะ หม่ามี้ทำงานหนักพาร์ทไม่อยากให้หม่ามี้เหนื่อย” พิชญ์ภาชาได้ฟังแบบนั้นเขาแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เพราะเขารู้ที่ผ่านมาเทียนหอมลำบากแค่ไหน ต่อจากนี้เขาจะดูแลลูกกับเทียนหอมให้ดีที่สุด “ร้องทำไมฮะ” พาร์ทไม่เข้าใจว่าพ่อร้องไห้ด้วยเหตุอะไร “ปะป๊าดีใจที่เราได้มาเจอกันอีกครั้ง” นี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญสวรรค์คงเมตตาเขาแล้ว เอาชนะใจลูกเรื่องยาก แต่เอาชนะใจแม่ของลูกนั้นยากยิ่งกว่าเขาไม่อยากดูแลแค่ลูก “หม่ามี้ให้ปะป๊าอยู่กับพวกนะฮะ” เทียนหอมพูดไม่บอกไม่ใช่ครั้งแรกที่ลูกพูดแบบนั้น ลูกถามหาเขาตลอดเธอโกหกลูกจนติดนิสัย เทียนหอมเข้ามาลูบศีรษะลูกเบาๆ “คืนนี้ปะป๊าจะอยู่กับพวกเราครับ” “อยู่ตลอดไปเลยได้ไหมฮะ” พาร์ทสบตาแม่อย่างเว้าวอน เทียนหอมมองสบตากับพิชญ์ภาชา ดวงตาของเขาแดงก่ำพยายามกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหล สักพักเขาลุกออกไปที่นอกระเบียงห้อง “ปะป๊าร้องไห้เลย” “น้องพาร์ทคือ…” “พาร์ทอยากมีปะป๊าอยากขี่คอปะป๊าเหมือนเพื่อนๆ อยากให้ปะป๊ามารับหน้าโรงเรียน ฮือ” ความเหนื่อยล้าและป่วยทำให
“หนูเทียนใจแข็งจริงๆ แม่อยากเจอหน้าหลานๆ ใจจะขาดอยากกอดอยากหอม” อมราได้แต่ดูรูปภาพที่ลูกชายส่งมาให้ดู หลานของตระกูลนี้หน้าตาพิมพ์เดียวกันมาเหมือนกันมาก “ผมทำกับเขาไว้เยอะ” “ให้แม่ไปช่วยคุยให้ไหม” “คุณอยู่เฉยๆ ดีกว่าหนูเทียนเขาเจ็บปวดมาสี่ปี ลูกชายไปง้อไม่กี่เดือนจะให้ใจอ่อนเลยก็ไม่ใช่” โทมัสเข้าใจที่เทียนหอมโกรธลูกชาย ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบผู้ชายไม่ไม่ชัดเจนตั้งแต่แรก จะตั้งกำแพงไว้สูงก็ไม่แปลก “ผมรับเคลียร์งานแล้วจะกลับไปครับ” เขาท้อหลายรอบแต่ไม่เคยถอย อย่างไรแล้วเขาต้องพาลูกเมียกลับบ้านด้วยกันให้ได้ “แล้วลูกได้ยินข่าวที่บ้านของภรนีย์ไหมที่แท้ผู้ดีจอมปลอม” ดีนะที่ไม่ได้ภรนีย์มาเป็นลูกสะใภ้ไม่อย่างนั้นสมบัติคงไม่เหลือ “ตอนนั้นคุณเป็นตัวตั้งตัวตีเลยไม่ใช่เหรอถึงได้พรากลูกพรากเมียเขา” “คุณโทมัส! คนเราก็มีพลาดกันบ้าง” “ผมขอตัวออกไปสูดอากาศข้างนอกก่อนนะครับ” เขาเดินมานั่งที่สวนดอกไม้หลังบ้าน ที่เทียนหอมชอบออกมานั่งเป็นประจำ หากวันนั้นเขากลับมาเร็วกว่านี้ลูกๆ ของเขาคงได้วิ่งเล่นกันเทียนหอมคงจะ
ประภาโทรหาเทียนหอมตั้งแต่เช้าอย่างร้อนใจ บอกให้ลูกกลับมาเคลียร์ปัญหา พาหลานกลับบ้านอย่าทำตัวเป็นคนไม่มีเหตุผล ต้องหันหน้ากลับเผชิญกับมัน “เป็นถึงแม่คนแล้วคิดให้มันเยอะๆ กลับมาคุยกัน” “จ้ะ เทียนจะกลับ” เทียนหอมสูดหายใจเข้าลึกกว่าแม่จะผิดหวังกลัวไปหมดทุกอย่าง จนเกิดอาการแพนิคขึ้นมา ก๊อก ก๊อก ก๊อก “พี่มารับกลับบ้านครับ” ประภาติดต่อมาหาเขาบอกให้รับเทียนหอมกลับบ้าน กลับมาคุยกันพิชญ์จึงกล่าวขอโทษที่ไม่ได้รับผิดชอบเทียนหอมตั้งแต่ตอนนั้น เขาแย่มากปล่อยลูกเมียมาลำบาก “คุณรู้ได้ยังไง?” “ยังไงเทียนต้องกลับบ้านอยู่แล้วพี่ถือของให้เทียนจับลูกนะ” เขาอาสาถือของทั้งหมดเดินตามเทียนหอมกลับลูกเป็นภาพที่อบรมมาก เขาไม่รู้จะมีวันนั้นไหมที่ได้อยู่พร้อมหน้าพร้อมตากัน เทียนหอมเข้ามาในบ้านเห็นแม่นั่งรออยู่แล้วส่วนเด็กๆ ที่ไม่รู้เรื่องพูดคุยกันเสียงดังไม่รู้ว่าผู้ใหญ่เป็นอะไรตามประสาเด็ก “หลานยายไปเที่ยวไหนมาเอ่ย” “ทะเลฮะ ไปกับหม่ามี้ปะป๊าพอร์ชสนุกมาก” “พาร์ทอบทะเลฮะ” “ไปเล่นรถกันในห้องก่อนนะยายจะคุยกับหม่
เทียนหอมไปรับลูกที่บ้านป้าลำไย ก่อนจะพาลูกออกไปนอนที่อื่น เพราะเธอหาคำตอบให้แม่ไม่ได้ ยังไม่มีข้อแก้ตัว อีกทั้งแม่รู้แล้วว่าพ่อของสองแฝดเป็นใคร “เราจะไปไหนฮะ” “ไม่กลับไปหาคุณยายเหรอฮะ” พอร์ชถามด้วยความอยากรู้เพราะแม่พาไปที่ไม่คุ้นเคย “วันนี้หม่ามี้พาไปพักผ่อนพรุ่งนี้ค่อยกลับบ้าน” เทียนหอมพาลูกแฝดเข้ามาพักในโรงแรมติดชายทะเล เป็นห้องขนาดใหญ่เธอจึงยอมจ่ายแม้ว่าจะต้องทำงานหลายวันกว่าจะได้เงินมา แต่ตอนนี้เธออ่อนแอยังไม่พร้อมตอบคำถามใคร “สวัสดีค่ะฉันเป็นพี่เลี้ยงค่ะ” “เทียนฝากลูกสัก 2 ชั่วโมงนะคะจะรีบกลับมา” ออกมาแต่ตัวไม่มีเสื้อผ้าหรือของเล่นลูก จึงออกไปซื้อของเลยฝากเด็กแฝดไว้กับพี่เลี้ยงที่จ้างมา “หม่ามี้” “หม่ามี้จะรีบกลับนะคะอยู่กับพี่เขาห้ามดื้อนะ” “อยากเจอปะป๊าฮะ” พอร์ชเอ่ยขึ้นทำให้เทียนหอมหนักใจ “เดี๋ยวหม่ามี้ไปตามปะป๊ามาให้” นี้คือคำโกหกเธอไม่อยากโกหกลูกเลย แต่ความจำเป็นทำให้ต้องทำ “พี่สาวโทรตามปะป๊าให้หน่อยฮะ” พาร์ทหยิบนามบัตรออกมาจากกระเป๋าเขาจำได้ว่าคือสิ่งที่พ่อให้ไว้ ไม
สี่ปีก่อน หลังจากที่พิชญ์ภาชาไม่ยอมหมั้นหมายเขาขับรถออกไปจากบ้านทันที ทำให้ภรนีย์เสียหน้ามากแม่ของเขาบอกจะจัดการให้ หญิงสาวจึงยอมกลับมาสงบสติอารมณ์ที่บ้าน พอหลังจากนั้นข่าวการหมั้นหมายไม่ถูกพูดถึงแต่กลับพูดถึงข่าวอุบัติเหตุของนักธุรกิจชื่อดังที่ประสบอุบัติเหตุ ภรนีย์พยายามเข้ามาดูแลแต่เขาเอาแต่ไล่เพ้อหาแต่เทียนหอมจนเธอเจ็บใจ ที่แพ้เด็กเมื่อวานซืนพอไปทวงคำสัญญาจากแม่เขากลับถูกต่อว่าจนเธอเจ็บแค้น วันเวลาผ่านไปปีกว่าพิชญ์ภาชากลับมาเดินได้ปกติภรนีย์จึงตามขอโอกาสเขาอีกครั้ง เธอไม่ท้อถึงแม้ว่าเขาจะบอกว่ารักเทียนหอมคนเดียวก็ตาม “มันหนีไปแล้วคุณยังไม่ลืมมันอีกเหรอ” “ออกไปจากบ้านผม” “คุณมันตาต่ำ” ภรนีย์พูดมาอย่างเสียหน้าที่ถูกเขาผลักไสไล่ส่ง “แล้วแต่คุณจะคิด” “พั้นช์ขอค้างกับคุณนะคะพีท” เธอคิดถึงเขาเหลือเกินในหัวใจเธอไม่เคยลืมเขาเลย หญิงสาวเข้ามาสวมกอดเขาไว้แน่น “ปล่อยคุณกลับไปหาคนของคุณซะ!” ภรนีย์ได้ไปจดทะเบียนกับฝรั่งคนหนึ่งที่อังกฤษ ซึ่งไม่ใช่เพื่อนเก่าของเขา หญิงสาวหอบเงินหนีสามีมา
“หม่ามี้ปะป๊าจะมาไหมฮะ” “พาร์ทคิดถึงปะป๊าเป่าเค้กพร้อมกัน” วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดอายุครบสามขวบเต็มของเจ้าแฝด เมื่อวานเธอไม่ได้พ่อของลูกคิดว่าไม่มีความจำเป็นที่ต้องบอกแต่เห็นเจ้าแฝดชะเง้อมองทางตลอดจึงอ่อนใจ เหมือนที่เขาเคยบอกทุกอย่างคิดแทนลูกไม่ได้ “ปะป๊าจะมาจ๊ะ” “แย่ๆ” “วันนี้อยู่กับยายก่อนนะครับหม่ามี้จะออกไปซื้อของ” “พวกเราไปด้วยนะฮะเรียกปะป๊าไปด้วย” เจ้าแฝดตื่นเต้นไม่น้อยอยากออกไปเดินเล่นกับพ่อของพวกเขา เทียนหอมเห็นท่าทางดีใจของลูกจึงทำหน้าไม่ถูกแต่ปั้นยิ้มให้ลูกทั้งสอง เพื่อความสุขของลูกเธอต้องทำได้อยู่แล้ว “รอหม่ามี้ก่อนนะจ๊ะ” เทียนหอมออกมาโทรหาพิชญ์ภาชาแต่สายแรกเขาไม่รับสาย เธอจึงโทรไปใหม่แต่ไม่มีคนรับสาย คนบ้าพอมีเรื่องสำคัญกับไม่ยอมรับสาย . “ไม่รับสายละ” เวเดนมองโทรศัพท์เครื่องหรูที่หน้าจอเพิ่งดับไป “ไม่เพิ่งวางสายจากคุณแม่ไป” แม่เขาจะมาช่วยพูดกับเทียนหอมให้แต่เขาไม่ต้องการ อยากทำอะไรด้วยตัวเองอยากให้เมียยอมรับเขาขี้เกียจคุยจึงตัดสายไป