อิงจื่อยิ้มเศร้าๆ
“สวยแล้วอย่างไรสวยแล้วรอคนมาเชยชม หวังเพียงเจ้าส่งให้ถึงมือฝ่าบาทแทนข้าจะได้ไหมน้องหญิง เจ้ามีโอกาสดีกว่าข้า ฝ่าบาทแวะเวียนวันละสองสามครั้ง ไม่เหมือนข้าที่รอฝ่าบาทมาแรมเดือนก็ไม่เคยได้พบหน้า ข้าแม้จะเป็นสนมที่ขอยัดเยียดตัวเองเข้ามาในวังหลวง แต่ในใจข้าก็มีฝ่าบาทเพียงคนเดียวรอคอยฝ่าบาทเพียงคนเดียว”
หนิงอันกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ สงสารอิงจื่อจับใจ
อิงจื่อจากไปแล้วเสี่ยวเองเดินมายืนตรงหน้าหนิงอัน
“พระสนม ถุงหอมนั่นเอามันไปซ่อนไว้เสีย”
หนิงอันเคี้ยวขนมในมือแล้วเลิกคิ้วสูง
“ทำไมกัน”
“พระสนม ข้ากับพระสนมและท่านหมอไป๋เยว่เทียนเราเติบโตมาด้วยกันหากท่านหมอหวังดีกับคุณหนูที่สุด เสี่ยวเอิงก็หวังดีกับคุณหนูเท่าๆ กับท่านหมอ เช่นนั้นถุงหอมนั่นมอบให้เสี่ยวเอิงนำมันไปซ่อนไม่อย่างนั้นก็เอาไปคืนพระสนมหวังเสีย บอกกับนางว่าเรื่องที่นางไหว้วานพระสนมไม่อาจตัดใจทำให้นางได้”
“ไม่ได้นะนางน่าสงสาร แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี พวกเจ้าสองคนหวังดีแล้วเกี่ยวอะไรกับถุงหอมเล่า”
“พระสนมฝ่าบาทโปรดปรานถือว่าเป็นโชคและเป็นโชคใหญ่ไม่มีใครแบ่งปันโชคใหญ่ของตัวเองให้คนอื่นหรอกเจ้าค่ะ ถึงพระสนมหวังจะน่าสงสารแต่ พระสนมในวังหลวงแห่งนี้ไม่มีใครใจดีกับใครหรอกเจ้าค่ะ พระสนมตัวคนเดียวอย่าหวังว่าจะไว้ใจคนอื่นได้”หนิงอันยิ้มตาหยี
“ไม่ได้ตัวคนเดียวมีเจ้าอย่างไรเล่าเสี่ยวเอิง อ๋อแล้วก็ฝ่าบาทด้วยแค่นี้…ข้าก็ดีใจแล้ว”ยิ้มสดใส
“แค่ไหนกัน แค่สองคนหรือ ลืมข้าไป๋เยว่เทียนได้อย่างไรกัน”
ร่างสูงที่สวมแว่นตาขาเดียวคล้องสายสร้อยทองคำรับกับใบหน้าขาวสะอาดท่าทีองอาจแต่สูงไปหน่อย เดินเข้ามาพร้อมกับหลวมยาในมือ
“ว้า สิ่งที่ไม่อยากเจอที่สุดกำลังมาแล้ว”
หนิงอันบ่นงึมงำ เสี่ยวเอิงหัวเราะเบาๆ ไป๋เยว่เทียนอมยิ้ม
“ท่านหมอรีบมาพระสนมคิดถึงแย่แล้วเจ้าค่ะ”
เสี่ยวเอิงพูดยกจานขนมหลบไปให้ไป๋เยว่เทียนได้ตรวจร่างกายหนิงอัน หลวมยาถูกวางลงข้างๆ คนมาใหม่ขยับแว่นตาใสมองลอดแว่นตาดวงตาอบอุ่นห่วงใย
“ได้เวลาตรวจร่างกายแล้วพ่ะย่ะค่ะพระสนม เข้าวังมาตั้งแต่เมื่อวานเยว่เทียนไม่ได้มาตรวจอาการป่วย เพราะเห็นว่าพระสนมจะต้องพบหน้าฝ่าบาทเสียก่อนวันนี้ได้โอกาสจึงรีบมา”
“รีบมาหรือ นี่ใกล้จะค่ำแล้วนะ”
“ทันเวลาอาหารเย็นพอดี กินข้าวแล้วก็กินยา”
“เฮ้อข้าเบื่อกินยา เมื่อไรจะได้เลิกกินเสียที”
“จนกว่า…จะดีขึ้นขอรับ ตอนนี้ก็ต้องดูแลกันไปก่อนรอจนกว่าจะมียารักษา ท่านพ่อของพระสนมขอประทานอนุญาตให้เย่วเทียนเข้ามาในวังหลวงในตำแหน่งผู้ช่วยหมอหลวงเผื่อว่าจะได้ดูแลพระสนมได้ใกล้ชิด”
“ข้าก็แค่เป็นหวัดบ่อยๆ ก็เท่านั้น อย่างอื่นไม่มีอะไรน่าห่วงเสียหน่อย”หนิงอันงอแง
“นั่นก็ไม่ควรประมาทท่านพ่อกับท่านแม่ของพระสนมห่วงพระสนมมากจริงๆ ฉะนั้นอย่าดื้อให้ตรวจร่างกายแล้วก็ ….วันนี้ตั้งใจมาตรวจว่าพร้อมจะตั้งครรภ์ได้ทันทีเลยไหม”
“หะ ต้องตรวจอะไรแบบนั้นด้วยหรือ ข้าจะต้องตั้งครรภ์แล้วหรือ บรื้อน่ากลัวจังนี่พวกท่านจะให้ข้าตั้งครรภ์เลยหรือไรข้าเพิ่งเข้าวังนะ”
ไป๋เยว่เทียนยิ้ม เสี่ยวเอิงกลั้นขำ
“หืม ตรวจคร่าวๆ พ่ะย่ะค่ะ แค่สอบถามเรื่องทั่วไปแล้วก็ดูสีหน้า ซึ่งตอนนี้ก็แช่มชื่นดีก็คงจะพร้อมอย่างไม่ต้องสงสัย”
“แต่ข้ายังไม่อยากตั้งครรภ์นี่”
พูดอ้อมแอ้มแก้มแดงแปร๊ด ไป๋เยว่เทียนส่ายหน้าไปมา
“ใครๆ ที่เขาถวายตัวก็อยากจะตั้งครรภ์กับฝ่าบาท แต่เท่าที่รู้ว่าฝ่าบาทเองต่างหากที่ไม่เปิดโอกาสให้กับเหล่าสนม หากว่าพระสนมคนดื้อคนนี้มีโอกาสก็ควรจะรีบคว้าไว้”หนิงอันนิ่งฟัง
“ด้วยความหวังดีเจ้าค่ะ”
เสี่ยวเอิงแทรกขึ้นดังๆ ไป๋เยว่เทียนยิ้ม พยักหน้าขึ้นลงสนับสนุนคำพูดของเสี่ยวเอิง
หนิงอันทำหน้าเง้า
“ว่าแต่ถ้าจะตั้งครรภ์จะต้องทำอย่างไร”
ไป๋เยว่เทียนกับเสี่ยวเอิงหัวเราะเสียงดังลั่นตำหนักสวรรค์ประทาน
“พี่หญิงหากไม่ใช่ท่านแล้วจะใครที่สมควรจะสั่งสอนนางให้รู้จักที่ต่ำที่สูงท่านเป็นถึงพระญาติของไทเฮา”ฟางจิวยี่สนมอันดับสองต่อจากกู้สุ่ยเอ่อพูดขึ้นด้วยท่าทีนอบน้อม“เจ้าเอาแต่ยุยงข้าแล้วอิงจื่อคนนั้นเล่านางทำอะไรอยู่”จิวยี่เแค่นยิ้ม“นางนะหรือวันๆ เอาแต่เย็บถุงหอม อยู่ในตำหนักวันก่อนนางอุตส่าห์ย้ายก้นนางไปที่ตำหนักสวรรค์ประทานไปยินดีกับสนมคนใหม่หลี่หนิงอัน เหอะนางคงหวังพึ่งบารมีสนมหลี่หารู้ไม่ว่าคนที่ควรจะฝากชีวิตไว้คือพี่หญิงกู้สุ่ยเอ่อ”สุ่ยเอ่อยิ้มมุมปาก“ไปที่ตำหนักสวรรค์ประทานกับข้า เราไปยินดีกับสนมหลี่ด้วยกันดีไหม”จิวยี่หน้าถอดสีแค่ยุยงไม่อยากไปที่นั่นเพราะเกรงว่าหากฝ่าบาทรู้ว่าพวกนางไประรานสนมคนโปรดจะต้องถูกลงทัณฑ์ หลายวันมานี้ข่าวลือหนาหูบ้างก็ว่าฝ่าบาทเอาใจนางราวกับคนรัก บ้างก็ว่าก่อนนั้นฝ่าบาท มีรักแรกพบคือ..สนมหลี่“เอ่อ เอ่อข้าว่าข้าไม่อยากไปที่นั่น”“เฮอะ เจ้ามันก็แค่สุนัขที่มีไว้เพื่อช่วยตรวจตราหาได้ช่วยขบกัดขโมยอย่างที่ตั้งใจ (ดีแต่เห่า) ”สนมจิวยี่กัดฟันแน่น นางน่าจะโกรธแต่ทว่า“แหมพี่หญิงท่านก็รู้บิดาข้าก็แค่ขุนนางต่ำต้อย หากเกิดอะไรขึ้นกระทบกับบิดาข้าขึ้นมา ข้าก็แย่
ประสานมือนอบน้อม สายตาที่มองไปยังหนิงอันอ่อนโยนจนเฉินหยวนสัมผัสได้ขยับกายตั้งใจจะจับชีพจร เฉินหยวนในฮ่องเต้ขึ้นไปนั่งบนแท่นนอน ดึงตัวหนิงอันให้พิงอกกว้าง ให้หมอไป๋ได้ตรวจดูอาการป่วย“สนมสุ่ยเอ่อ สนมจิวยี่ สนมอิงจื่อ เสด็จจจจ”เสี่ยวโอขานดังๆเฉินหยวนฮ่องเต้ กระชับอ้อมกอดแนบแน่นจนหนิงอันรู้สึกอึดอัด“สุยเอ่อถวายพระพรฝ่าบาท จิวยี่ถวายพระพรฝ่าบาท อิงจื่อถวายพระพรฝ่าบาท”ย่อกายลงพร้อมกัน อิงจื่อยังมาพร้อมกับใบหน้าเศร้าสร้อย จิวยี่ที่มองภาพเฉินหยวนฮ่องเต้กอดประคองหนิงอันด้วยสายตาริษยา ไม่ต่างจากสุ่ยเอ่อแต่ทว่าสุ่ยเอ่อนางเจ็บแค้นในใจไม่น้อยด้วยนางไม่เคยเจียมตัวถูกเลี้ยงดูมาว่าสูงส่งเกินใคร“ออกไปรอด้านนอก ท่านหมอกำลังตรวจดูอาการป่วยของสนมหนิงอัน”น้ำเสียงเรียบเฉยทว่าเฉียบขาดของเฉินหยวนฮ่องเต้ที่คนฟังรู้สึกได้“ฝ่าบาทสุยเอ่อแวะมายินดีกับสนมหนิงอัน”“นางป่วยเจ้ามายินดีเรื่องอะไรกัน”เสียงเข้มมีแววตำหนิ สุ่ยเอ่อหน้าเสีย“เอ่อ พี่หญิงไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอกเพคะ พี่หญิงคงไม่รู้ว่าน้องหญิงหนิงอันกำลังป่วยคงแค่แวะมายินดีที่ได้เข้าวัง”จิวยี่รีบแก้ตัวแทน และอยากมีตัวตนขึ้นมาในตอนนั้น หากจะเห็นว่
“พระสนมหนิงอันรับราชโองการรรรรร”ขันทีข้างกายอัญเชิญราชโองการจากเฉินหยวนฮ่องเต้ยังตำหนักที่ใหญที่สุด ตำหนักที่ดีที่สุด งดงามที่สุด สงบร่มเย็นที่สุดนามว่าตำหนักสวรรค์ประทานหนิงอันวิ่งออกมาจากตำหนักที่กว้างใหญ่ ด้วยใบหน้าสดใสรอยยิ้มกว้างประทับบนใบหน้าเสี่ยวเอิงรีบตรงเข้าพยุงกระซิบเบาๆ“คุกเข่ารับราชโองการเจ้าค่ะพระสนม”หนิงอันยิ้มตาหยีทรุดกายลงเงอะงะคุกเข่ารับราชโองการขันทีข้างกายเสี่ยวโอคลี่ราชโองการออกช้าๆ“ ฮะแฮ่ม เนื่องด้วย สนมหนิงอัน เข้าวังในครั้งแรกฝ่าบาทจึงได้ประทานของกำนัลเป็นทองห้าหมื่นตำลึงทอง กำไลหยกประจำตำแหน่งเฟย และสิ่งของมีค่าควรเมืองตามรายการดังต่อไปนี้”ขันทีน้อยเสี่ยวโออ่านรายการสิ่งของที่เฉินหยวนฮ่องเต้ทรงมอบให้กับหนิงอันไปเนิ่นนานไม่จบเสียที หนิงอันปิดปากหาวถึงสองครั้งร่างบางอ้อนแอ้นที่ในตอนแรกก็นั่งคุกเข่าด้วยรอยยิ้มตั้งใจฟังรายนามของกำนัลบัดนี้กับเอนไปมา ด้วยเป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้วรายนามสิ่งของที่มอบเป็นของกำนัลยังไม่หมดลงสักที เสี่ยวโอเรียกให้ขันทีอีกคนมาช่วยอ่าน ด้วยขันทีเสี่ยวโอเองก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน“เสี่ยวเอิง ข้าไม่หว่ายยยยแล้ว”เอนกายลงพิงไหล่ของเสี่ย
“ไม่ต้อง ข้ายังไม่อยากตาย ไม่อาจเอื้อมดื่มชาของเจ้า ชงชาเป็นหน้าที่ของนางกำนัล เจ้า แค่มานั่งดื่มชากับข้าก็พอแล้ว”“ตะตะแต่ท่านแม่บอกว่า ข้าเข้าวังจะต้องปรนนิบัติฝ่าบาท เรื่องชงชาเรื่องเล็กน้อย หนิงอันไม่เกี่ยง”ยิ้มแก้มใสเสี่ยวเอิงก้มหน้าเดินเลี่ยงไปรับอุปกรณ์สำหรับชงชาที่นางกำนัลนำมาชงชาถวายฝ่าบาทและหนิงอัน“ข้ามีนางกำนัลชงชามากมาย หากต้องการเพียงคนชงชาจะให้เจ้าเข้าวังทำไม” เฉินหยวนฮ่องเต้มองสบตากลมที่ก้มหน้าหลบตาคมที่ทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะเอื้อมมือคว้ามือบางให้เข้าไปในศาลานั่งลงก่อนจะตบที่ว่างข้างๆ ให้หนิงอันนั่งลงเสียนางกำนังยกชามาวางตรงหน้าทั้งสอง กลิ่นชาหอมหวน“อึกๆๆ อ่าาาาา สดชื่นที่สุด”หนิงอันยกชากระดกลงคอรวดเดียว เฉินหยวนฮ่องเต้ส่ายหน้าไปมา“ต้องดื่มแบบนี้”เอื้อมมือยกถ้วยชาขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปาก ยกมือขึ้นปัดเหนือจอกชาสูดดมกลิ่นหอมของชา เป่าไล่ลมร้อนแล้วจิบชาช้าๆหนิงอันยื่นจอกชาให้กับนางกำนัลรินชาใส่จอกตั้งใจทำตามแบบที่เฉินหยวนฮ่องเต้ทำ แต่ก็เงอะงะน่ากลัวจะทำชาหกใส่ตัวเฉินหยวนฮ่องเต้ลุกขึ้นคุกเข่าอ้อมมาด้านหลังโอบแขนสองข้างรอบร่างบางแนบชิด หนิงอันหันมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลา
ประสานมือนอบน้อม สายตาที่มองไปยังหนิงอันอ่อนโยนจนเฉินหยวนสัมผัสได้ขยับกายตั้งใจจะจับชีพจร เฉินหยวนในฮ่องเต้ขึ้นไปนั่งบนแท่นนอน ดึงตัวหนิงอันให้พิงอกกว้าง ให้หมอไป๋ได้ตรวจดูอาการป่วย“สนมสุ่ยเอ่อ สนมจิวยี่ สนมอิงจื่อ เสด็จจจจ”เสี่ยวโอขานดังๆเฉินหยวนฮ่องเต้ กระชับอ้อมกอดแนบแน่นจนหนิงอันรู้สึกอึดอัด“สุยเอ่อถวายพระพรฝ่าบาท จิวยี่ถวายพระพรฝ่าบาท อิงจื่อถวายพระพรฝ่าบาท”ย่อกายลงพร้อมกัน อิงจื่อยังมาพร้อมกับใบหน้าเศร้าสร้อย จิวยี่ที่มองภาพเฉินหยวนฮ่องเต้กอดประคองหนิงอันด้วยสายตาริษยา ไม่ต่างจากสุ่ยเอ่อแต่ทว่าสุ่ยเอ่อนางเจ็บแค้นในใจไม่น้อยด้วยนางไม่เคยเจียมตัวถูกเลี้ยงดูมาว่าสูงส่งเกินใคร“ออกไปรอด้านนอก ท่านหมอกำลังตรวจดูอาการป่วยของสนมหนิงอัน”น้ำเสียงเรียบเฉยทว่าเฉียบขาดของเฉินหยวนฮ่องเต้ที่คนฟังรู้สึกได้“ฝ่าบาทสุยเอ่อแวะมายินดีกับสนมหนิงอัน”“นางป่วยเจ้ามายินดีเรื่องอะไรกัน”เสียงเข้มมีแววตำหนิ สุ่ยเอ่อหน้าเสีย“เอ่อ พี่หญิงไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอกเพคะ พี่หญิงคงไม่รู้ว่าน้องหญิงหนิงอันกำลังป่วยคงแค่แวะมายินดีที่ได้เข้าวัง”จิวยี่รีบแก้ตัวแทน และอยากมีตัวตนขึ้นมาในตอนนั้น หากจะเห็นว่
“พี่หญิงหากไม่ใช่ท่านแล้วจะใครที่สมควรจะสั่งสอนนางให้รู้จักที่ต่ำที่สูงท่านเป็นถึงพระญาติของไทเฮา”ฟางจิวยี่สนมอันดับสองต่อจากกู้สุ่ยเอ่อพูดขึ้นด้วยท่าทีนอบน้อม“เจ้าเอาแต่ยุยงข้าแล้วอิงจื่อคนนั้นเล่านางทำอะไรอยู่”จิวยี่เแค่นยิ้ม“นางนะหรือวันๆ เอาแต่เย็บถุงหอม อยู่ในตำหนักวันก่อนนางอุตส่าห์ย้ายก้นนางไปที่ตำหนักสวรรค์ประทานไปยินดีกับสนมคนใหม่หลี่หนิงอัน เหอะนางคงหวังพึ่งบารมีสนมหลี่หารู้ไม่ว่าคนที่ควรจะฝากชีวิตไว้คือพี่หญิงกู้สุ่ยเอ่อ”สุ่ยเอ่อยิ้มมุมปาก“ไปที่ตำหนักสวรรค์ประทานกับข้า เราไปยินดีกับสนมหลี่ด้วยกันดีไหม”จิวยี่หน้าถอดสีแค่ยุยงไม่อยากไปที่นั่นเพราะเกรงว่าหากฝ่าบาทรู้ว่าพวกนางไประรานสนมคนโปรดจะต้องถูกลงทัณฑ์ หลายวันมานี้ข่าวลือหนาหูบ้างก็ว่าฝ่าบาทเอาใจนางราวกับคนรัก บ้างก็ว่าก่อนนั้นฝ่าบาท มีรักแรกพบคือ..สนมหลี่“เอ่อ เอ่อข้าว่าข้าไม่อยากไปที่นั่น”“เฮอะ เจ้ามันก็แค่สุนัขที่มีไว้เพื่อช่วยตรวจตราหาได้ช่วยขบกัดขโมยอย่างที่ตั้งใจ (ดีแต่เห่า) ”สนมจิวยี่กัดฟันแน่น นางน่าจะโกรธแต่ทว่า“แหมพี่หญิงท่านก็รู้บิดาข้าก็แค่ขุนนางต่ำต้อย หากเกิดอะไรขึ้นกระทบกับบิดาข้าขึ้นมา ข้าก็แย่
อิงจื่อยิ้มเศร้าๆ“สวยแล้วอย่างไรสวยแล้วรอคนมาเชยชม หวังเพียงเจ้าส่งให้ถึงมือฝ่าบาทแทนข้าจะได้ไหมน้องหญิง เจ้ามีโอกาสดีกว่าข้า ฝ่าบาทแวะเวียนวันละสองสามครั้ง ไม่เหมือนข้าที่รอฝ่าบาทมาแรมเดือนก็ไม่เคยได้พบหน้า ข้าแม้จะเป็นสนมที่ขอยัดเยียดตัวเองเข้ามาในวังหลวง แต่ในใจข้าก็มีฝ่าบาทเพียงคนเดียวรอคอยฝ่าบาทเพียงคนเดียว”หนิงอันกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ สงสารอิงจื่อจับใจอิงจื่อจากไปแล้วเสี่ยวเองเดินมายืนตรงหน้าหนิงอัน“พระสนม ถุงหอมนั่นเอามันไปซ่อนไว้เสีย”หนิงอันเคี้ยวขนมในมือแล้วเลิกคิ้วสูง“ทำไมกัน”“พระสนม ข้ากับพระสนมและท่านหมอไป๋เยว่เทียนเราเติบโตมาด้วยกันหากท่านหมอหวังดีกับคุณหนูที่สุด เสี่ยวเอิงก็หวังดีกับคุณหนูเท่าๆ กับท่านหมอ เช่นนั้นถุงหอมนั่นมอบให้เสี่ยวเอิงนำมันไปซ่อนไม่อย่างนั้นก็เอาไปคืนพระสนมหวังเสีย บอกกับนางว่าเรื่องที่นางไหว้วานพระสนมไม่อาจตัดใจทำให้นางได้”“ไม่ได้นะนางน่าสงสาร แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี พวกเจ้าสองคนหวังดีแล้วเกี่ยวอะไรกับถุงหอมเล่า”“พระสนมฝ่าบาทโปรดปรานถือว่าเป็นโชคและเป็นโชคใหญ่ไม่มีใครแบ่งปันโชคใหญ่ของตัวเองให้คนอื่นหรอกเจ้าค่ะ ถึงพระสนมหวังจะน่าสงสารแต่ พระ
“ไม่ต้อง ข้ายังไม่อยากตาย ไม่อาจเอื้อมดื่มชาของเจ้า ชงชาเป็นหน้าที่ของนางกำนัล เจ้า แค่มานั่งดื่มชากับข้าก็พอแล้ว”“ตะตะแต่ท่านแม่บอกว่า ข้าเข้าวังจะต้องปรนนิบัติฝ่าบาท เรื่องชงชาเรื่องเล็กน้อย หนิงอันไม่เกี่ยง”ยิ้มแก้มใสเสี่ยวเอิงก้มหน้าเดินเลี่ยงไปรับอุปกรณ์สำหรับชงชาที่นางกำนัลนำมาชงชาถวายฝ่าบาทและหนิงอัน“ข้ามีนางกำนัลชงชามากมาย หากต้องการเพียงคนชงชาจะให้เจ้าเข้าวังทำไม” เฉินหยวนฮ่องเต้มองสบตากลมที่ก้มหน้าหลบตาคมที่ทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะเอื้อมมือคว้ามือบางให้เข้าไปในศาลานั่งลงก่อนจะตบที่ว่างข้างๆ ให้หนิงอันนั่งลงเสียนางกำนังยกชามาวางตรงหน้าทั้งสอง กลิ่นชาหอมหวน“อึกๆๆ อ่าาาาา สดชื่นที่สุด”หนิงอันยกชากระดกลงคอรวดเดียว เฉินหยวนฮ่องเต้ส่ายหน้าไปมา“ต้องดื่มแบบนี้”เอื้อมมือยกถ้วยชาขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปาก ยกมือขึ้นปัดเหนือจอกชาสูดดมกลิ่นหอมของชา เป่าไล่ลมร้อนแล้วจิบชาช้าๆหนิงอันยื่นจอกชาให้กับนางกำนัลรินชาใส่จอกตั้งใจทำตามแบบที่เฉินหยวนฮ่องเต้ทำ แต่ก็เงอะงะน่ากลัวจะทำชาหกใส่ตัวเฉินหยวนฮ่องเต้ลุกขึ้นคุกเข่าอ้อมมาด้านหลังโอบแขนสองข้างรอบร่างบางแนบชิด หนิงอันหันมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลา
“พระสนมหนิงอันรับราชโองการรรรรร”ขันทีข้างกายอัญเชิญราชโองการจากเฉินหยวนฮ่องเต้ยังตำหนักที่ใหญที่สุด ตำหนักที่ดีที่สุด งดงามที่สุด สงบร่มเย็นที่สุดนามว่าตำหนักสวรรค์ประทานหนิงอันวิ่งออกมาจากตำหนักที่กว้างใหญ่ ด้วยใบหน้าสดใสรอยยิ้มกว้างประทับบนใบหน้าเสี่ยวเอิงรีบตรงเข้าพยุงกระซิบเบาๆ“คุกเข่ารับราชโองการเจ้าค่ะพระสนม”หนิงอันยิ้มตาหยีทรุดกายลงเงอะงะคุกเข่ารับราชโองการขันทีข้างกายเสี่ยวโอคลี่ราชโองการออกช้าๆ“ ฮะแฮ่ม เนื่องด้วย สนมหนิงอัน เข้าวังในครั้งแรกฝ่าบาทจึงได้ประทานของกำนัลเป็นทองห้าหมื่นตำลึงทอง กำไลหยกประจำตำแหน่งเฟย และสิ่งของมีค่าควรเมืองตามรายการดังต่อไปนี้”ขันทีน้อยเสี่ยวโออ่านรายการสิ่งของที่เฉินหยวนฮ่องเต้ทรงมอบให้กับหนิงอันไปเนิ่นนานไม่จบเสียที หนิงอันปิดปากหาวถึงสองครั้งร่างบางอ้อนแอ้นที่ในตอนแรกก็นั่งคุกเข่าด้วยรอยยิ้มตั้งใจฟังรายนามของกำนัลบัดนี้กับเอนไปมา ด้วยเป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้วรายนามสิ่งของที่มอบเป็นของกำนัลยังไม่หมดลงสักที เสี่ยวโอเรียกให้ขันทีอีกคนมาช่วยอ่าน ด้วยขันทีเสี่ยวโอเองก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน“เสี่ยวเอิง ข้าไม่หว่ายยยยแล้ว”เอนกายลงพิงไหล่ของเสี่ย