ประสานมือนอบน้อม สายตาที่มองไปยังหนิงอันอ่อนโยนจนเฉินหยวนสัมผัสได้
ขยับกายตั้งใจจะจับชีพจร เฉินหยวนในฮ่องเต้ขึ้นไปนั่งบนแท่นนอน ดึงตัวหนิงอันให้พิงอกกว้าง ให้หมอไป๋ได้ตรวจดูอาการป่วย
“สนมสุ่ยเอ่อ สนมจิวยี่ สนมอิงจื่อ เสด็จจจจ”เสี่ยวโอขานดังๆ
เฉินหยวนฮ่องเต้ กระชับอ้อมกอดแนบแน่นจนหนิงอันรู้สึกอึดอัด
“สุยเอ่อถวายพระพรฝ่าบาท จิวยี่ถวายพระพรฝ่าบาท อิงจื่อถวายพระพรฝ่าบาท”ย่อกายลงพร้อมกัน อิงจื่อยังมาพร้อมกับใบหน้าเศร้าสร้อย จิวยี่ที่มองภาพเฉินหยวนฮ่องเต้กอดประคองหนิงอันด้วยสายตาริษยา ไม่ต่างจากสุ่ยเอ่อแต่ทว่าสุ่ยเอ่อนางเจ็บแค้นในใจไม่น้อยด้วยนางไม่เคยเจียมตัวถูกเลี้ยงดูมาว่าสูงส่งเกินใคร
“ออกไปรอด้านนอก ท่านหมอกำลังตรวจดูอาการป่วยของสนมหนิงอัน”
น้ำเสียงเรียบเฉยทว่าเฉียบขาดของเฉินหยวนฮ่องเต้ที่คนฟังรู้สึกได้
“ฝ่าบาทสุยเอ่อแวะมายินดีกับสนมหนิงอัน”
“นางป่วยเจ้ามายินดีเรื่องอะไรกัน”
เสียงเข้มมีแววตำหนิ สุ่ยเอ่อหน้าเสีย
“เอ่อ พี่หญิงไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอกเพคะ พี่หญิงคงไม่รู้ว่าน้องหญิงหนิงอันกำลังป่วยคงแค่แวะมายินดีที่ได้เข้าวัง”
จิวยี่รีบแก้ตัวแทน และอยากมีตัวตนขึ้นมาในตอนนั้น หากจะเห็นว่าสายตาของเฉินหยวนมองจิวยี่และสนมทั้งสองราวกับอากาศธาตุ
“พวกเจ้าพร้อมใจกันมาขนาดนี้ ทำให้สนมหนิงอันไม่ได้พักผ่อน”
สุ่ยเอ่อยิ้มมุมปาก
สุ่ยเอ่อกับฝ่าบาทเป็นศัตรูกันหรือไร ฝ่าบาทจึงทำเหมือนว่าสุ่ยเอ่อมารบกวนหนิงอัน สุ่ยเอ่อเองก็มิได้อยากจะอ่อนข้อให้ใคร
หมอไป๋จับชีพจรที่เต้นตึกตัก ตีรวนของหนิงอัน เหงื่อผุดเต็มใบหน้าเพราะเฉินหยวนกอดไว้ต่อหน้าคนหมู่มากเสียแน่น
“ฝ่าบาท อิงจื่อแวะมาประจำในทุกวันเพื่อเป็นเพื่อนคุยกับน้องหญิงหนิงอัน พอได้เวลาที่ฝ่าบาทจะมาอิงจื่อจึงกลับ วันนี้ก็เช่นกัน …น้องหญิงฝ่าบาทอยู่นี่แล้ว เจ้าคงไม่เหงาแล้ว ข้ากลับตำหนักก่อนไว้พรุ่งนี้เจ้าเหงาๆ จึงจะมาเป็นเพื่อนคุยกับเจ้าเช่นเดิม”
น้ำเสียงเศร้าสร้อยอ่อนหวานเหมือนเช่นทุกครั้ง อิงจื่อย่อกายจากไปง่ายดาย
สนมอีกสองคนก็ย่อกายเดินออกจากห้อง เฉินหยวนคลายอ้อมกอดออกเหลือเพียงการกอดแบบหลวมๆ เอ่ยปากถามหมอไป๋
“อาการป่วยของนางเป็นอย่างไรบ้าง”หมอไป๋ยิ้มบางๆ
“ทูลฝ่าบาทพระสนมต้องไอเย็น ตำหนักสวรรค์ประทานลมผ่านเข้าออกปลอดโปร่งดี ข้าน้อยจึงเห็นว่าควรจะจัดห้องบรรทมให้มิดชิดอบอุ่นกว่าที่อื่น เพราะพระสนมเวลาที่หลับไปแล้วมักจะถีบผ้าห่มออกเสมอ”
เฉินหยานฮ่องเต้พยักหน้าขึ้นลง
“เสี่ยวโอรับบัญชาข้า ให้คนมาสร้างเตาพิงด้านในเพื่อยามที่อากาศหนาว”หนิงอันยิ้มสดใส
“ดีจังต่อไปไม่ต้องห่มผ้าแล้ว”
“ไม่ได้นะขอรับพระสนม ยามอยู่ที่บ้านหลี่ก็ไม่ห่มผ้าเช่นนั้นจะต้องกินยาบ่อยๆ และยังต้องป่วยไข้ อีกอย่างพระสนมกินยายากหากป่วยไข้ก็ต้องกินยาไปตลอด ต่อไปข้าน้อยจะกำชับเสี่ยวเอิงให้คอยห่มผ้าให้พระสนม”
“ไม่ต้องต่อไปข้าจะดูแลนางเอง ท่านหมอวางใจเถิดข้าจะมานอนที่นี่จนกว่านางจะยอมห่มผ้าเสียที”ไป๋เยว่เทียนยิ้ม
ทุกอย่างเหมือนจะดูราบรื่นดี แต่นั่นเท่ากับดาบสองคม ฝ่าบาทยิ่งโปรดปรานยิ่งเท่ากับผูกเชือกเตรียมไว้สำหรับแขนคอตัวเองวังหลวงแห่งนี้มีสิ่งใดแน่นอนก้าวพลาดเท่ากับจบชีวิต
หนิงอันยังคงยิ้มสว่างสดใสเช่นเดิม
“เราเข้าไม่ถึงตัวนางด้วยซ้ำฝ่าบาทดูแลนาง ..ราวกับกลัวว่าพวกเราจะขย้ำนาง”
“แล้วเราจะต้องทำอย่างไร พี่หญิงยอมไม่ได้นะเจ้าค่ะฝ่าบาทเปลี่ยนไปเพียงนั้นข้าเดิมก็ไม่ได้คิดอะไรอยู่แล้ว แต่ท่านนะสิเมื่อวานก่อนข้าเห็นเหล่านางกำนัลต่างนินทาว่าท่านกำลังจะเป็นช่วงขาลง”
“ใครพูดข้าจะตัดลิ้นมันเสีย”จิวยี่ลอบยิ้ม
“ใครบ้างจะไม่พูดหลายวันมานี้ทุกคนล้วนพูดถึงสนมหลี่ แล้วยังพาดพิงถึงพี่หญิงทั้งนั้นท่านทำใจเย็นหน่อยรอให้นางอับโชค ฝ่าบาทเบื่อนางแล้วเราจึงค่อยทำคะแนนดีไหม” สุ่ยเอ่อเม้มริมฝีปาก
“ฝ่าบาทไม่ยอมให้พวกเราตั้งครรภ์ แล้วจะยอมให้นางตั้งครรภ์หรือไม่นั่นไม่มีใครรู้ใต้เท้าหลี่บิดาของสนมหลี่เป็นขุนนางตงฉินฝ่าบาทเองยังใม่กล้าว่ากล่าวด้วยทำดีไม่มีที่ติ เจ้ากลัวไหมว่านางจะตั้งครรภ์”จิวยี่หน้าเสีย
“เช่นนั้นนางก็รุดหน้าไปกว่าพวกเรานะสิ หาทางเล่นงานนางดีไหม”
“เจ้านั่นแหละที่ควรจะหาทางจัดการนาง แล้วข้าจะคอยแก้ต่างให้เจ้าเอง”
จิวยี่ยิ้มแห้งๆ เพียงสติปัญหาของจิวยี่จะทำอะไรได้ สนมอิงจื่อก็อีกคนวันๆ ไม่ทุกข์ร้อนสิ่งใด จิวยี่ถอนหายใจยาว
“คงต้องหาช่องทางใช่ไหม”
“ใช่ ข้าเองก็รอโอกาสที่จะกำจัดนางเช่นกัน”
ตำหนักพระพันปี
“เฉินหยวนฮ่องเต้โปรดปรานสนมหลี่เกินกว่าสนมคนไหน ข้าพูดเรื่องนี้กับเฉินหยวนฮ่องเต้ทว่ากลับเฉยชา หึไม่เห็นหัวข้าอย่างนั้นหรือให้ข้าเป็นไทเฮาแต่ไม่เชื่อฟังข้า สนมสุ่ยเอ่อก็ไร้ความสามารถทุกวันนี้ฝ่าบาทไม่เคยเรียกหานาง ข้าเห็นจะต้องลงแรงด้วยตัวเองตระกูลกู้ของเราเป็นฮองเฮาและไทเฮามาช้านาน จะมายอมง่ายดายให้กับสนมไร้ชื่อเช่นนั้นหรือ”
นางกำนัลข้างกายย่อกายลงช้าๆ
“มีวิธีตั้งมากมายกำจัดสนมเล็กๆ ปลายแถวเช่นสนมหลี่หากแต่จะใช้วิธีไหนที่ฝ่าบาทไม่อาจคาดเดาหรือสาวมาถึงตัวได้”
“เช่นนั้นจึงต้องเป็นเจ้า”
“ไทเฮาวางใจหม่อมฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้แนบเนียนที่สุด”
ตำหนักกุ้ยฮวา
“พระสนม พระสนมสบายดีหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”
“พระสนมหนิงอันรับราชโองการรรรรร”ขันทีข้างกายอัญเชิญราชโองการจากเฉินหยวนฮ่องเต้ยังตำหนักที่ใหญที่สุด ตำหนักที่ดีที่สุด งดงามที่สุด สงบร่มเย็นที่สุดนามว่าตำหนักสวรรค์ประทานหนิงอันวิ่งออกมาจากตำหนักที่กว้างใหญ่ ด้วยใบหน้าสดใสรอยยิ้มกว้างประทับบนใบหน้าเสี่ยวเอิงรีบตรงเข้าพยุงกระซิบเบาๆ“คุกเข่ารับราชโองการเจ้าค่ะพระสนม”หนิงอันยิ้มตาหยีทรุดกายลงเงอะงะคุกเข่ารับราชโองการขันทีข้างกายเสี่ยวโอคลี่ราชโองการออกช้าๆ“ ฮะแฮ่ม เนื่องด้วย สนมหนิงอัน เข้าวังในครั้งแรกฝ่าบาทจึงได้ประทานของกำนัลเป็นทองห้าหมื่นตำลึงทอง กำไลหยกประจำตำแหน่งเฟย และสิ่งของมีค่าควรเมืองตามรายการดังต่อไปนี้”ขันทีน้อยเสี่ยวโออ่านรายการสิ่งของที่เฉินหยวนฮ่องเต้ทรงมอบให้กับหนิงอันไปเนิ่นนานไม่จบเสียที หนิงอันปิดปากหาวถึงสองครั้งร่างบางอ้อนแอ้นที่ในตอนแรกก็นั่งคุกเข่าด้วยรอยยิ้มตั้งใจฟังรายนามของกำนัลบัดนี้กับเอนไปมา ด้วยเป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้วรายนามสิ่งของที่มอบเป็นของกำนัลยังไม่หมดลงสักที เสี่ยวโอเรียกให้ขันทีอีกคนมาช่วยอ่าน ด้วยขันทีเสี่ยวโอเองก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน“เสี่ยวเอิง ข้าไม่หว่ายยยยแล้ว”เอนกายลงพิงไหล่ของเสี่ย
“ไม่ต้อง ข้ายังไม่อยากตาย ไม่อาจเอื้อมดื่มชาของเจ้า ชงชาเป็นหน้าที่ของนางกำนัล เจ้า แค่มานั่งดื่มชากับข้าก็พอแล้ว”“ตะตะแต่ท่านแม่บอกว่า ข้าเข้าวังจะต้องปรนนิบัติฝ่าบาท เรื่องชงชาเรื่องเล็กน้อย หนิงอันไม่เกี่ยง”ยิ้มแก้มใสเสี่ยวเอิงก้มหน้าเดินเลี่ยงไปรับอุปกรณ์สำหรับชงชาที่นางกำนัลนำมาชงชาถวายฝ่าบาทและหนิงอัน“ข้ามีนางกำนัลชงชามากมาย หากต้องการเพียงคนชงชาจะให้เจ้าเข้าวังทำไม” เฉินหยวนฮ่องเต้มองสบตากลมที่ก้มหน้าหลบตาคมที่ทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะเอื้อมมือคว้ามือบางให้เข้าไปในศาลานั่งลงก่อนจะตบที่ว่างข้างๆ ให้หนิงอันนั่งลงเสียนางกำนังยกชามาวางตรงหน้าทั้งสอง กลิ่นชาหอมหวน“อึกๆๆ อ่าาาาา สดชื่นที่สุด”หนิงอันยกชากระดกลงคอรวดเดียว เฉินหยวนฮ่องเต้ส่ายหน้าไปมา“ต้องดื่มแบบนี้”เอื้อมมือยกถ้วยชาขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปาก ยกมือขึ้นปัดเหนือจอกชาสูดดมกลิ่นหอมของชา เป่าไล่ลมร้อนแล้วจิบชาช้าๆหนิงอันยื่นจอกชาให้กับนางกำนัลรินชาใส่จอกตั้งใจทำตามแบบที่เฉินหยวนฮ่องเต้ทำ แต่ก็เงอะงะน่ากลัวจะทำชาหกใส่ตัวเฉินหยวนฮ่องเต้ลุกขึ้นคุกเข่าอ้อมมาด้านหลังโอบแขนสองข้างรอบร่างบางแนบชิด หนิงอันหันมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลา
อิงจื่อยิ้มเศร้าๆ“สวยแล้วอย่างไรสวยแล้วรอคนมาเชยชม หวังเพียงเจ้าส่งให้ถึงมือฝ่าบาทแทนข้าจะได้ไหมน้องหญิง เจ้ามีโอกาสดีกว่าข้า ฝ่าบาทแวะเวียนวันละสองสามครั้ง ไม่เหมือนข้าที่รอฝ่าบาทมาแรมเดือนก็ไม่เคยได้พบหน้า ข้าแม้จะเป็นสนมที่ขอยัดเยียดตัวเองเข้ามาในวังหลวง แต่ในใจข้าก็มีฝ่าบาทเพียงคนเดียวรอคอยฝ่าบาทเพียงคนเดียว”หนิงอันกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ สงสารอิงจื่อจับใจอิงจื่อจากไปแล้วเสี่ยวเองเดินมายืนตรงหน้าหนิงอัน“พระสนม ถุงหอมนั่นเอามันไปซ่อนไว้เสีย”หนิงอันเคี้ยวขนมในมือแล้วเลิกคิ้วสูง“ทำไมกัน”“พระสนม ข้ากับพระสนมและท่านหมอไป๋เยว่เทียนเราเติบโตมาด้วยกันหากท่านหมอหวังดีกับคุณหนูที่สุด เสี่ยวเอิงก็หวังดีกับคุณหนูเท่าๆ กับท่านหมอ เช่นนั้นถุงหอมนั่นมอบให้เสี่ยวเอิงนำมันไปซ่อนไม่อย่างนั้นก็เอาไปคืนพระสนมหวังเสีย บอกกับนางว่าเรื่องที่นางไหว้วานพระสนมไม่อาจตัดใจทำให้นางได้”“ไม่ได้นะนางน่าสงสาร แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี พวกเจ้าสองคนหวังดีแล้วเกี่ยวอะไรกับถุงหอมเล่า”“พระสนมฝ่าบาทโปรดปรานถือว่าเป็นโชคและเป็นโชคใหญ่ไม่มีใครแบ่งปันโชคใหญ่ของตัวเองให้คนอื่นหรอกเจ้าค่ะ ถึงพระสนมหวังจะน่าสงสารแต่ พระ
“พี่หญิงหากไม่ใช่ท่านแล้วจะใครที่สมควรจะสั่งสอนนางให้รู้จักที่ต่ำที่สูงท่านเป็นถึงพระญาติของไทเฮา”ฟางจิวยี่สนมอันดับสองต่อจากกู้สุ่ยเอ่อพูดขึ้นด้วยท่าทีนอบน้อม“เจ้าเอาแต่ยุยงข้าแล้วอิงจื่อคนนั้นเล่านางทำอะไรอยู่”จิวยี่เแค่นยิ้ม“นางนะหรือวันๆ เอาแต่เย็บถุงหอม อยู่ในตำหนักวันก่อนนางอุตส่าห์ย้ายก้นนางไปที่ตำหนักสวรรค์ประทานไปยินดีกับสนมคนใหม่หลี่หนิงอัน เหอะนางคงหวังพึ่งบารมีสนมหลี่หารู้ไม่ว่าคนที่ควรจะฝากชีวิตไว้คือพี่หญิงกู้สุ่ยเอ่อ”สุ่ยเอ่อยิ้มมุมปาก“ไปที่ตำหนักสวรรค์ประทานกับข้า เราไปยินดีกับสนมหลี่ด้วยกันดีไหม”จิวยี่หน้าถอดสีแค่ยุยงไม่อยากไปที่นั่นเพราะเกรงว่าหากฝ่าบาทรู้ว่าพวกนางไประรานสนมคนโปรดจะต้องถูกลงทัณฑ์ หลายวันมานี้ข่าวลือหนาหูบ้างก็ว่าฝ่าบาทเอาใจนางราวกับคนรัก บ้างก็ว่าก่อนนั้นฝ่าบาท มีรักแรกพบคือ..สนมหลี่“เอ่อ เอ่อข้าว่าข้าไม่อยากไปที่นั่น”“เฮอะ เจ้ามันก็แค่สุนัขที่มีไว้เพื่อช่วยตรวจตราหาได้ช่วยขบกัดขโมยอย่างที่ตั้งใจ (ดีแต่เห่า) ”สนมจิวยี่กัดฟันแน่น นางน่าจะโกรธแต่ทว่า“แหมพี่หญิงท่านก็รู้บิดาข้าก็แค่ขุนนางต่ำต้อย หากเกิดอะไรขึ้นกระทบกับบิดาข้าขึ้นมา ข้าก็แย่
ประสานมือนอบน้อม สายตาที่มองไปยังหนิงอันอ่อนโยนจนเฉินหยวนสัมผัสได้ขยับกายตั้งใจจะจับชีพจร เฉินหยวนในฮ่องเต้ขึ้นไปนั่งบนแท่นนอน ดึงตัวหนิงอันให้พิงอกกว้าง ให้หมอไป๋ได้ตรวจดูอาการป่วย“สนมสุ่ยเอ่อ สนมจิวยี่ สนมอิงจื่อ เสด็จจจจ”เสี่ยวโอขานดังๆเฉินหยวนฮ่องเต้ กระชับอ้อมกอดแนบแน่นจนหนิงอันรู้สึกอึดอัด“สุยเอ่อถวายพระพรฝ่าบาท จิวยี่ถวายพระพรฝ่าบาท อิงจื่อถวายพระพรฝ่าบาท”ย่อกายลงพร้อมกัน อิงจื่อยังมาพร้อมกับใบหน้าเศร้าสร้อย จิวยี่ที่มองภาพเฉินหยวนฮ่องเต้กอดประคองหนิงอันด้วยสายตาริษยา ไม่ต่างจากสุ่ยเอ่อแต่ทว่าสุ่ยเอ่อนางเจ็บแค้นในใจไม่น้อยด้วยนางไม่เคยเจียมตัวถูกเลี้ยงดูมาว่าสูงส่งเกินใคร“ออกไปรอด้านนอก ท่านหมอกำลังตรวจดูอาการป่วยของสนมหนิงอัน”น้ำเสียงเรียบเฉยทว่าเฉียบขาดของเฉินหยวนฮ่องเต้ที่คนฟังรู้สึกได้“ฝ่าบาทสุยเอ่อแวะมายินดีกับสนมหนิงอัน”“นางป่วยเจ้ามายินดีเรื่องอะไรกัน”เสียงเข้มมีแววตำหนิ สุ่ยเอ่อหน้าเสีย“เอ่อ พี่หญิงไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอกเพคะ พี่หญิงคงไม่รู้ว่าน้องหญิงหนิงอันกำลังป่วยคงแค่แวะมายินดีที่ได้เข้าวัง”จิวยี่รีบแก้ตัวแทน และอยากมีตัวตนขึ้นมาในตอนนั้น หากจะเห็นว่
“พี่หญิงหากไม่ใช่ท่านแล้วจะใครที่สมควรจะสั่งสอนนางให้รู้จักที่ต่ำที่สูงท่านเป็นถึงพระญาติของไทเฮา”ฟางจิวยี่สนมอันดับสองต่อจากกู้สุ่ยเอ่อพูดขึ้นด้วยท่าทีนอบน้อม“เจ้าเอาแต่ยุยงข้าแล้วอิงจื่อคนนั้นเล่านางทำอะไรอยู่”จิวยี่เแค่นยิ้ม“นางนะหรือวันๆ เอาแต่เย็บถุงหอม อยู่ในตำหนักวันก่อนนางอุตส่าห์ย้ายก้นนางไปที่ตำหนักสวรรค์ประทานไปยินดีกับสนมคนใหม่หลี่หนิงอัน เหอะนางคงหวังพึ่งบารมีสนมหลี่หารู้ไม่ว่าคนที่ควรจะฝากชีวิตไว้คือพี่หญิงกู้สุ่ยเอ่อ”สุ่ยเอ่อยิ้มมุมปาก“ไปที่ตำหนักสวรรค์ประทานกับข้า เราไปยินดีกับสนมหลี่ด้วยกันดีไหม”จิวยี่หน้าถอดสีแค่ยุยงไม่อยากไปที่นั่นเพราะเกรงว่าหากฝ่าบาทรู้ว่าพวกนางไประรานสนมคนโปรดจะต้องถูกลงทัณฑ์ หลายวันมานี้ข่าวลือหนาหูบ้างก็ว่าฝ่าบาทเอาใจนางราวกับคนรัก บ้างก็ว่าก่อนนั้นฝ่าบาท มีรักแรกพบคือ..สนมหลี่“เอ่อ เอ่อข้าว่าข้าไม่อยากไปที่นั่น”“เฮอะ เจ้ามันก็แค่สุนัขที่มีไว้เพื่อช่วยตรวจตราหาได้ช่วยขบกัดขโมยอย่างที่ตั้งใจ (ดีแต่เห่า) ”สนมจิวยี่กัดฟันแน่น นางน่าจะโกรธแต่ทว่า“แหมพี่หญิงท่านก็รู้บิดาข้าก็แค่ขุนนางต่ำต้อย หากเกิดอะไรขึ้นกระทบกับบิดาข้าขึ้นมา ข้าก็แย่
อิงจื่อยิ้มเศร้าๆ“สวยแล้วอย่างไรสวยแล้วรอคนมาเชยชม หวังเพียงเจ้าส่งให้ถึงมือฝ่าบาทแทนข้าจะได้ไหมน้องหญิง เจ้ามีโอกาสดีกว่าข้า ฝ่าบาทแวะเวียนวันละสองสามครั้ง ไม่เหมือนข้าที่รอฝ่าบาทมาแรมเดือนก็ไม่เคยได้พบหน้า ข้าแม้จะเป็นสนมที่ขอยัดเยียดตัวเองเข้ามาในวังหลวง แต่ในใจข้าก็มีฝ่าบาทเพียงคนเดียวรอคอยฝ่าบาทเพียงคนเดียว”หนิงอันกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ สงสารอิงจื่อจับใจอิงจื่อจากไปแล้วเสี่ยวเองเดินมายืนตรงหน้าหนิงอัน“พระสนม ถุงหอมนั่นเอามันไปซ่อนไว้เสีย”หนิงอันเคี้ยวขนมในมือแล้วเลิกคิ้วสูง“ทำไมกัน”“พระสนม ข้ากับพระสนมและท่านหมอไป๋เยว่เทียนเราเติบโตมาด้วยกันหากท่านหมอหวังดีกับคุณหนูที่สุด เสี่ยวเอิงก็หวังดีกับคุณหนูเท่าๆ กับท่านหมอ เช่นนั้นถุงหอมนั่นมอบให้เสี่ยวเอิงนำมันไปซ่อนไม่อย่างนั้นก็เอาไปคืนพระสนมหวังเสีย บอกกับนางว่าเรื่องที่นางไหว้วานพระสนมไม่อาจตัดใจทำให้นางได้”“ไม่ได้นะนางน่าสงสาร แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี พวกเจ้าสองคนหวังดีแล้วเกี่ยวอะไรกับถุงหอมเล่า”“พระสนมฝ่าบาทโปรดปรานถือว่าเป็นโชคและเป็นโชคใหญ่ไม่มีใครแบ่งปันโชคใหญ่ของตัวเองให้คนอื่นหรอกเจ้าค่ะ ถึงพระสนมหวังจะน่าสงสารแต่ พระ
“ไม่ต้อง ข้ายังไม่อยากตาย ไม่อาจเอื้อมดื่มชาของเจ้า ชงชาเป็นหน้าที่ของนางกำนัล เจ้า แค่มานั่งดื่มชากับข้าก็พอแล้ว”“ตะตะแต่ท่านแม่บอกว่า ข้าเข้าวังจะต้องปรนนิบัติฝ่าบาท เรื่องชงชาเรื่องเล็กน้อย หนิงอันไม่เกี่ยง”ยิ้มแก้มใสเสี่ยวเอิงก้มหน้าเดินเลี่ยงไปรับอุปกรณ์สำหรับชงชาที่นางกำนัลนำมาชงชาถวายฝ่าบาทและหนิงอัน“ข้ามีนางกำนัลชงชามากมาย หากต้องการเพียงคนชงชาจะให้เจ้าเข้าวังทำไม” เฉินหยวนฮ่องเต้มองสบตากลมที่ก้มหน้าหลบตาคมที่ทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะเอื้อมมือคว้ามือบางให้เข้าไปในศาลานั่งลงก่อนจะตบที่ว่างข้างๆ ให้หนิงอันนั่งลงเสียนางกำนังยกชามาวางตรงหน้าทั้งสอง กลิ่นชาหอมหวน“อึกๆๆ อ่าาาาา สดชื่นที่สุด”หนิงอันยกชากระดกลงคอรวดเดียว เฉินหยวนฮ่องเต้ส่ายหน้าไปมา“ต้องดื่มแบบนี้”เอื้อมมือยกถ้วยชาขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปาก ยกมือขึ้นปัดเหนือจอกชาสูดดมกลิ่นหอมของชา เป่าไล่ลมร้อนแล้วจิบชาช้าๆหนิงอันยื่นจอกชาให้กับนางกำนัลรินชาใส่จอกตั้งใจทำตามแบบที่เฉินหยวนฮ่องเต้ทำ แต่ก็เงอะงะน่ากลัวจะทำชาหกใส่ตัวเฉินหยวนฮ่องเต้ลุกขึ้นคุกเข่าอ้อมมาด้านหลังโอบแขนสองข้างรอบร่างบางแนบชิด หนิงอันหันมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลา
“พระสนมหนิงอันรับราชโองการรรรรร”ขันทีข้างกายอัญเชิญราชโองการจากเฉินหยวนฮ่องเต้ยังตำหนักที่ใหญที่สุด ตำหนักที่ดีที่สุด งดงามที่สุด สงบร่มเย็นที่สุดนามว่าตำหนักสวรรค์ประทานหนิงอันวิ่งออกมาจากตำหนักที่กว้างใหญ่ ด้วยใบหน้าสดใสรอยยิ้มกว้างประทับบนใบหน้าเสี่ยวเอิงรีบตรงเข้าพยุงกระซิบเบาๆ“คุกเข่ารับราชโองการเจ้าค่ะพระสนม”หนิงอันยิ้มตาหยีทรุดกายลงเงอะงะคุกเข่ารับราชโองการขันทีข้างกายเสี่ยวโอคลี่ราชโองการออกช้าๆ“ ฮะแฮ่ม เนื่องด้วย สนมหนิงอัน เข้าวังในครั้งแรกฝ่าบาทจึงได้ประทานของกำนัลเป็นทองห้าหมื่นตำลึงทอง กำไลหยกประจำตำแหน่งเฟย และสิ่งของมีค่าควรเมืองตามรายการดังต่อไปนี้”ขันทีน้อยเสี่ยวโออ่านรายการสิ่งของที่เฉินหยวนฮ่องเต้ทรงมอบให้กับหนิงอันไปเนิ่นนานไม่จบเสียที หนิงอันปิดปากหาวถึงสองครั้งร่างบางอ้อนแอ้นที่ในตอนแรกก็นั่งคุกเข่าด้วยรอยยิ้มตั้งใจฟังรายนามของกำนัลบัดนี้กับเอนไปมา ด้วยเป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้วรายนามสิ่งของที่มอบเป็นของกำนัลยังไม่หมดลงสักที เสี่ยวโอเรียกให้ขันทีอีกคนมาช่วยอ่าน ด้วยขันทีเสี่ยวโอเองก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน“เสี่ยวเอิง ข้าไม่หว่ายยยยแล้ว”เอนกายลงพิงไหล่ของเสี่ย