“พี่หญิงหากไม่ใช่ท่านแล้วจะใครที่สมควรจะสั่งสอนนางให้รู้จักที่ต่ำที่สูงท่านเป็นถึงพระญาติของไทเฮา”
ฟางจิวยี่สนมอันดับสองต่อจากกู้สุ่ยเอ่อพูดขึ้นด้วยท่าทีนอบน้อม
“เจ้าเอาแต่ยุยงข้าแล้วอิงจื่อคนนั้นเล่านางทำอะไรอยู่”
จิวยี่เแค่นยิ้ม
“นางนะหรือวันๆ เอาแต่เย็บถุงหอม อยู่ในตำหนักวันก่อนนางอุตส่าห์ย้ายก้นนางไปที่ตำหนักสวรรค์ประทานไปยินดีกับสนมคนใหม่หลี่หนิงอัน เหอะนางคงหวังพึ่งบารมีสนมหลี่หารู้ไม่ว่าคนที่ควรจะฝากชีวิตไว้คือพี่หญิงกู้สุ่ยเอ่อ”
สุ่ยเอ่อยิ้มมุมปาก
“ไปที่ตำหนักสวรรค์ประทานกับข้า เราไปยินดีกับสนมหลี่ด้วยกันดีไหม”
จิวยี่หน้าถอดสี
แค่ยุยงไม่อยากไปที่นั่นเพราะเกรงว่าหากฝ่าบาทรู้ว่าพวกนางไประรานสนมคนโปรดจะต้องถูกลงทัณฑ์ หลายวันมานี้ข่าวลือหนาหูบ้างก็ว่าฝ่าบาทเอาใจนางราวกับคนรัก บ้างก็ว่าก่อนนั้นฝ่าบาท มีรักแรกพบคือ..สนมหลี่
“เอ่อ เอ่อข้าว่าข้าไม่อยากไปที่นั่น”
“เฮอะ เจ้ามันก็แค่สุนัขที่มีไว้เพื่อช่วยตรวจตราหาได้ช่วยขบกัดขโมยอย่างที่ตั้งใจ (ดีแต่เห่า) ”
สนมจิวยี่กัดฟันแน่น นางน่าจะโกรธแต่ทว่า
“แหมพี่หญิงท่านก็รู้บิดาข้าก็แค่ขุนนางต่ำต้อย หากเกิดอะไรขึ้นกระทบกับบิดาข้าขึ้นมา ข้าก็แย่ ไม่เหมือนพี่หญิงที่มีไทเฮาหนุนหลังจะคิดอ่านเรื่องไหนก็ยังมีคนคอยเกรงใจช่วยเหลือ”
สุยเอ่อยิ้มหยัน
“ข้ารับรองว่าไม่ให้เจ้าเดือดร้อนในเมื่อไปกับข้าหากเกิดอะไรขึ้นข้ารับไว้คนเดียว”
จิวยี่ซ่อนยิ้ม วังหลังแห่งนี้การเป็นที่โปรดปรานนับว่าเป็นโอกาส สนมสุยเอ่อก่อนหน้านั้นมีแต่คนคอยเอาใจนางเพราะเป็นพระญาติของไทเฮา ฝ่าบาทอย่างไรเสียก็ไม่กล้าทอดทิ้งนางไม่วันไหนก็วันหนึ่งในเจ็ดวัน จะต้องแวะเวียนที่นี่เสียให้ได้วันหนึ่ง ต่างกับจิวยี่และอิงจื่อที่แรมเดือนก็ยังไม่พบหน้าฝ่าบาทเพียงแต่นั่งเฝ้าตำหนักกลัวว่ามันจะหายกระนั้น
สนมสุยเอ่อเดินออกจากตำหนัก จิวยี่สาวเท้าตามไปติดๆ
ตำหนักฟ้าประทาน
หนิงอันนอนบนแท่นนอน เสี่ยวเอิงเคี่ยวยากลิ่นหอมไปทั่วตำหนัก เฉินหยวนฮ่องเต้นั่งลงข้างๆ แท่นนอน
“ตามหมอหลวงหรือยัง”เสี่ยวโอหันหน้าหันหลัง
“พ่ะย่ะค่ะข้าน้อยสั่งให้คนไปตามท่านหมอแล้ว อีกประเดี๋ยวก็คงจะมาถึง”
เฉินหยวนฮ่องเต้เอื้อมมืออังที่หน้าผาก หนิงอันส่ายหน้าไปมา
“ทำไมให้ข้า ได้วัดไข้ให้เจ้า”
หนิงอัน ฝืนยิ้มสดใส
“หนิงอันไม่ได้เป็นอะไรเสียหน่อยปกติก็แค่ฮัดชิ้ว….เป็นหวัด”
เสี่ยวโอเดินถอยออกไปยืนรอด้านหน้าห้องบรรทม
“เจ้ามีไข้”
เอื้อมมือแตะที่หน้าผากอีกครั้งหนิงอันยกมือขึ้นกำมือเฉินหยวนไว้แน่นแล้วเอาไปแนบที่แก้มแทนใบหน้าออดอ้อนนั้นทำเอาเฉินหยวนใจอ่อน ลูบไล้แก้มนวลเบาๆ
“เป็นอะไรไป ให้ข้าดูว่าเจ้า ดีหรือแย่แค่ไหน”
น้ำเสียงอ่อนโยนยิ้งนัก
“หนิงอันไม่ชอบให้คนเอามือแตะหน้าผาก มันเหมือนกับจะบอกว่าข้าป่วยต้องพักแล้วนะ หนิงอันไม่อยากป่วย”
เฉินหยวนยิ้ม โน้มกายลงใช้ริมฝีปากเย็นเฉียบแตะที่หน้าผากนิ่งอยู่แบบนั้นหนิงอันใจเต้นตึกตัก
“พอแล้วเพคะ”
เฉินหยวนยิ้มดวงตาพร่างพราว
“อืมมมร้อนนิดหน่อยกินยาแล้วก็คงหาย วันนี้ข้าไม่ออกว่าราชการคอยอยู่เป็นเพื่อนเจ้าดีไหม”
หนิงอันยิ้มร่าเริงจนเห็นได้ชัด
“ดีจัง เบื่อเดินหมากกับเสี่ยวเอิงแล้ว ท่านพี่หมอไป๋ก็แวะมาเดี๋ยวๆ ก็กลับ สนมอิงจื่อก็เดินหมากไม่เก่งแพ้ข้าตลอด เพราะฉะนั้นวันนี้ฝ่าบาทจะต้องมาประลองฝีมือกับหนิงอัน จริงด้วยสนมหนิงอันฝากถุงหอมให้มอบให้กับฝ่าบาท หนิงอันลืมเสียสนิทนางเย็บด้วยมือนางเอง”
เฉินหยวนฮ่องเต้ทำเป็นไม่ได้ยินเสีย ไม่ใส่ใจอะไรทั้งนั้นนอกจากหนิงอันที่อยู่ตรงหน้าเขา นางคือรอยยิ้มของเขา
“มีเดิมพันหรือไม่”
สนใจเรื่องเดินหมากกับหนิงอันมากกว่าถุงหอมของสนมอิงจือ
“เดิมพันหรือปกติก็แค่เงินเล็กๆ น้อยๆ แต่ถ้าเล่นไพ่ได้เสียกันเยอะหน่อยหนิงอันกำลังตีสนิทกับเหล่านางกำนัลชวนพวกนางมีเล่นไพ่กัน อุ้ย…ฝ่าบาทคงไม่ใจแคบใช่ไหมเวลาว่างข้าจึงชวนพวกนาง ไม่ได้สุมหัวกันเล่นไพ่เวลางานหรอกนะ…เพคะ”ยิ้มแห้งๆ
เฉินหยวนฮ่องเต้เลิกคิ้วสูงใบหน้าอ่อนโยนผ่อนคลายไม่ได้เคร่งเครียดเหมือนยามประชุมเหล่าขุนนาง
“ข้าถามว่ามีเดิมพันไหม ถ้าเจ้าเดินหมากแพ้จะให้อะไรข้า”
หนิงอันยิ้มสดใสยิ้มที่เฉินหยวนไม่อาจละสายตาได้
“ปกติแล้ว ถ้าหนิงอันแพ้เสี่ยวเอิงจะต้อง….ยอมลงให้เสี่ยวเอิงวันหนึ่ง”
“ยอมลง…ให้นาง หมายความว่าอย่างไร เจ้าเป็นพระสนมเป็นคุณหนูบ้านหลี่”
“ไม่ไม่ ไม่เสี่ยวเอิงกับหนิงอันเราเติบโตมาด้วยกันรวมทั้งท่านพี่หมอไป๋ด้วย เรื่องเล็กน้อยเสี่ยวเอิงนางก็ไม่ได้ใช้เอ๊ยหนิงอันหมายถึงไม่ได้บงการ จะใช้คำไหนดีนางไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่าที่ตกลงกัน”
เฉินหยวนฮ่องเต้พยักหน้าขึ้นลง
“เจ้าเป็นสนมของข้า คนที่ทำอะไรแบบนี้ได้มีแค่เสี่ยวเอิงคนเดียวเท่านั้นจำไว้ถือว่านางเป็นดั่งพี่น้องกับเจ้า นางกำนัลในวังหลวงล้วนต่ำกว่าเจ้าแม้เจ้าจะดีกับพวกนางนั่งร่วมวงเล่นไพ่กับพวกนางได้ แต่อยากให้รู้ว่าเจ้าสูงส่งกว่าพวกนาง”
“เพคะหนิงอันจะจำใส่ใจฝ่าบาทไม่ต้องกังวล”
“เอาหล่ะคราวนี้ข้ากำลังคิดว่า หากข้าชนะเดิมพันเจ้าข้าจะ ขอให้เจ้ายอมลงให้ข้าเหมือนที่เคยเดิมพันกับเสี่ยวเอิงดีไหม”
พูดไปยิ้มไป หนิงอันยิ้มสดใสเช่นกัน
“เพคะ หากชนะฝ่าบาทก็ต้องยอมลงให้หนิงอันเช่นกัน”
ชักหวั่นๆ ว่าหนิงอันจะชนะเขาได้เสียกระมั่ง
“ท่านหมอไป๋มาแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
เสี่ยวโอเดินเข้ามาก้มหน้า
“เชิญท่านหมอเข้ามา”
ไป๋เยว่เทียนเดินเข้ามาพร้อมกับหลวมยา
“ถวายพระพรฝ่าบาท พระสนมหนิงอัน”
ประสานมือนอบน้อม สายตาที่มองไปยังหนิงอันอ่อนโยนจนเฉินหยวนสัมผัสได้ขยับกายตั้งใจจะจับชีพจร เฉินหยวนในฮ่องเต้ขึ้นไปนั่งบนแท่นนอน ดึงตัวหนิงอันให้พิงอกกว้าง ให้หมอไป๋ได้ตรวจดูอาการป่วย“สนมสุ่ยเอ่อ สนมจิวยี่ สนมอิงจื่อ เสด็จจจจ”เสี่ยวโอขานดังๆเฉินหยวนฮ่องเต้ กระชับอ้อมกอดแนบแน่นจนหนิงอันรู้สึกอึดอัด“สุยเอ่อถวายพระพรฝ่าบาท จิวยี่ถวายพระพรฝ่าบาท อิงจื่อถวายพระพรฝ่าบาท”ย่อกายลงพร้อมกัน อิงจื่อยังมาพร้อมกับใบหน้าเศร้าสร้อย จิวยี่ที่มองภาพเฉินหยวนฮ่องเต้กอดประคองหนิงอันด้วยสายตาริษยา ไม่ต่างจากสุ่ยเอ่อแต่ทว่าสุ่ยเอ่อนางเจ็บแค้นในใจไม่น้อยด้วยนางไม่เคยเจียมตัวถูกเลี้ยงดูมาว่าสูงส่งเกินใคร“ออกไปรอด้านนอก ท่านหมอกำลังตรวจดูอาการป่วยของสนมหนิงอัน”น้ำเสียงเรียบเฉยทว่าเฉียบขาดของเฉินหยวนฮ่องเต้ที่คนฟังรู้สึกได้“ฝ่าบาทสุยเอ่อแวะมายินดีกับสนมหนิงอัน”“นางป่วยเจ้ามายินดีเรื่องอะไรกัน”เสียงเข้มมีแววตำหนิ สุ่ยเอ่อหน้าเสีย“เอ่อ พี่หญิงไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอกเพคะ พี่หญิงคงไม่รู้ว่าน้องหญิงหนิงอันกำลังป่วยคงแค่แวะมายินดีที่ได้เข้าวัง”จิวยี่รีบแก้ตัวแทน และอยากมีตัวตนขึ้นมาในตอนนั้น หากจะเห็นว่
“พระสนมหนิงอันรับราชโองการรรรรร”ขันทีข้างกายอัญเชิญราชโองการจากเฉินหยวนฮ่องเต้ยังตำหนักที่ใหญที่สุด ตำหนักที่ดีที่สุด งดงามที่สุด สงบร่มเย็นที่สุดนามว่าตำหนักสวรรค์ประทานหนิงอันวิ่งออกมาจากตำหนักที่กว้างใหญ่ ด้วยใบหน้าสดใสรอยยิ้มกว้างประทับบนใบหน้าเสี่ยวเอิงรีบตรงเข้าพยุงกระซิบเบาๆ“คุกเข่ารับราชโองการเจ้าค่ะพระสนม”หนิงอันยิ้มตาหยีทรุดกายลงเงอะงะคุกเข่ารับราชโองการขันทีข้างกายเสี่ยวโอคลี่ราชโองการออกช้าๆ“ ฮะแฮ่ม เนื่องด้วย สนมหนิงอัน เข้าวังในครั้งแรกฝ่าบาทจึงได้ประทานของกำนัลเป็นทองห้าหมื่นตำลึงทอง กำไลหยกประจำตำแหน่งเฟย และสิ่งของมีค่าควรเมืองตามรายการดังต่อไปนี้”ขันทีน้อยเสี่ยวโออ่านรายการสิ่งของที่เฉินหยวนฮ่องเต้ทรงมอบให้กับหนิงอันไปเนิ่นนานไม่จบเสียที หนิงอันปิดปากหาวถึงสองครั้งร่างบางอ้อนแอ้นที่ในตอนแรกก็นั่งคุกเข่าด้วยรอยยิ้มตั้งใจฟังรายนามของกำนัลบัดนี้กับเอนไปมา ด้วยเป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้วรายนามสิ่งของที่มอบเป็นของกำนัลยังไม่หมดลงสักที เสี่ยวโอเรียกให้ขันทีอีกคนมาช่วยอ่าน ด้วยขันทีเสี่ยวโอเองก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน“เสี่ยวเอิง ข้าไม่หว่ายยยยแล้ว”เอนกายลงพิงไหล่ของเสี่ย
“ไม่ต้อง ข้ายังไม่อยากตาย ไม่อาจเอื้อมดื่มชาของเจ้า ชงชาเป็นหน้าที่ของนางกำนัล เจ้า แค่มานั่งดื่มชากับข้าก็พอแล้ว”“ตะตะแต่ท่านแม่บอกว่า ข้าเข้าวังจะต้องปรนนิบัติฝ่าบาท เรื่องชงชาเรื่องเล็กน้อย หนิงอันไม่เกี่ยง”ยิ้มแก้มใสเสี่ยวเอิงก้มหน้าเดินเลี่ยงไปรับอุปกรณ์สำหรับชงชาที่นางกำนัลนำมาชงชาถวายฝ่าบาทและหนิงอัน“ข้ามีนางกำนัลชงชามากมาย หากต้องการเพียงคนชงชาจะให้เจ้าเข้าวังทำไม” เฉินหยวนฮ่องเต้มองสบตากลมที่ก้มหน้าหลบตาคมที่ทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะเอื้อมมือคว้ามือบางให้เข้าไปในศาลานั่งลงก่อนจะตบที่ว่างข้างๆ ให้หนิงอันนั่งลงเสียนางกำนังยกชามาวางตรงหน้าทั้งสอง กลิ่นชาหอมหวน“อึกๆๆ อ่าาาาา สดชื่นที่สุด”หนิงอันยกชากระดกลงคอรวดเดียว เฉินหยวนฮ่องเต้ส่ายหน้าไปมา“ต้องดื่มแบบนี้”เอื้อมมือยกถ้วยชาขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปาก ยกมือขึ้นปัดเหนือจอกชาสูดดมกลิ่นหอมของชา เป่าไล่ลมร้อนแล้วจิบชาช้าๆหนิงอันยื่นจอกชาให้กับนางกำนัลรินชาใส่จอกตั้งใจทำตามแบบที่เฉินหยวนฮ่องเต้ทำ แต่ก็เงอะงะน่ากลัวจะทำชาหกใส่ตัวเฉินหยวนฮ่องเต้ลุกขึ้นคุกเข่าอ้อมมาด้านหลังโอบแขนสองข้างรอบร่างบางแนบชิด หนิงอันหันมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลา
อิงจื่อยิ้มเศร้าๆ“สวยแล้วอย่างไรสวยแล้วรอคนมาเชยชม หวังเพียงเจ้าส่งให้ถึงมือฝ่าบาทแทนข้าจะได้ไหมน้องหญิง เจ้ามีโอกาสดีกว่าข้า ฝ่าบาทแวะเวียนวันละสองสามครั้ง ไม่เหมือนข้าที่รอฝ่าบาทมาแรมเดือนก็ไม่เคยได้พบหน้า ข้าแม้จะเป็นสนมที่ขอยัดเยียดตัวเองเข้ามาในวังหลวง แต่ในใจข้าก็มีฝ่าบาทเพียงคนเดียวรอคอยฝ่าบาทเพียงคนเดียว”หนิงอันกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ สงสารอิงจื่อจับใจอิงจื่อจากไปแล้วเสี่ยวเองเดินมายืนตรงหน้าหนิงอัน“พระสนม ถุงหอมนั่นเอามันไปซ่อนไว้เสีย”หนิงอันเคี้ยวขนมในมือแล้วเลิกคิ้วสูง“ทำไมกัน”“พระสนม ข้ากับพระสนมและท่านหมอไป๋เยว่เทียนเราเติบโตมาด้วยกันหากท่านหมอหวังดีกับคุณหนูที่สุด เสี่ยวเอิงก็หวังดีกับคุณหนูเท่าๆ กับท่านหมอ เช่นนั้นถุงหอมนั่นมอบให้เสี่ยวเอิงนำมันไปซ่อนไม่อย่างนั้นก็เอาไปคืนพระสนมหวังเสีย บอกกับนางว่าเรื่องที่นางไหว้วานพระสนมไม่อาจตัดใจทำให้นางได้”“ไม่ได้นะนางน่าสงสาร แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี พวกเจ้าสองคนหวังดีแล้วเกี่ยวอะไรกับถุงหอมเล่า”“พระสนมฝ่าบาทโปรดปรานถือว่าเป็นโชคและเป็นโชคใหญ่ไม่มีใครแบ่งปันโชคใหญ่ของตัวเองให้คนอื่นหรอกเจ้าค่ะ ถึงพระสนมหวังจะน่าสงสารแต่ พระ
ประสานมือนอบน้อม สายตาที่มองไปยังหนิงอันอ่อนโยนจนเฉินหยวนสัมผัสได้ขยับกายตั้งใจจะจับชีพจร เฉินหยวนในฮ่องเต้ขึ้นไปนั่งบนแท่นนอน ดึงตัวหนิงอันให้พิงอกกว้าง ให้หมอไป๋ได้ตรวจดูอาการป่วย“สนมสุ่ยเอ่อ สนมจิวยี่ สนมอิงจื่อ เสด็จจจจ”เสี่ยวโอขานดังๆเฉินหยวนฮ่องเต้ กระชับอ้อมกอดแนบแน่นจนหนิงอันรู้สึกอึดอัด“สุยเอ่อถวายพระพรฝ่าบาท จิวยี่ถวายพระพรฝ่าบาท อิงจื่อถวายพระพรฝ่าบาท”ย่อกายลงพร้อมกัน อิงจื่อยังมาพร้อมกับใบหน้าเศร้าสร้อย จิวยี่ที่มองภาพเฉินหยวนฮ่องเต้กอดประคองหนิงอันด้วยสายตาริษยา ไม่ต่างจากสุ่ยเอ่อแต่ทว่าสุ่ยเอ่อนางเจ็บแค้นในใจไม่น้อยด้วยนางไม่เคยเจียมตัวถูกเลี้ยงดูมาว่าสูงส่งเกินใคร“ออกไปรอด้านนอก ท่านหมอกำลังตรวจดูอาการป่วยของสนมหนิงอัน”น้ำเสียงเรียบเฉยทว่าเฉียบขาดของเฉินหยวนฮ่องเต้ที่คนฟังรู้สึกได้“ฝ่าบาทสุยเอ่อแวะมายินดีกับสนมหนิงอัน”“นางป่วยเจ้ามายินดีเรื่องอะไรกัน”เสียงเข้มมีแววตำหนิ สุ่ยเอ่อหน้าเสีย“เอ่อ พี่หญิงไม่ได้หมายความอย่างนั้นหรอกเพคะ พี่หญิงคงไม่รู้ว่าน้องหญิงหนิงอันกำลังป่วยคงแค่แวะมายินดีที่ได้เข้าวัง”จิวยี่รีบแก้ตัวแทน และอยากมีตัวตนขึ้นมาในตอนนั้น หากจะเห็นว่
“พี่หญิงหากไม่ใช่ท่านแล้วจะใครที่สมควรจะสั่งสอนนางให้รู้จักที่ต่ำที่สูงท่านเป็นถึงพระญาติของไทเฮา”ฟางจิวยี่สนมอันดับสองต่อจากกู้สุ่ยเอ่อพูดขึ้นด้วยท่าทีนอบน้อม“เจ้าเอาแต่ยุยงข้าแล้วอิงจื่อคนนั้นเล่านางทำอะไรอยู่”จิวยี่เแค่นยิ้ม“นางนะหรือวันๆ เอาแต่เย็บถุงหอม อยู่ในตำหนักวันก่อนนางอุตส่าห์ย้ายก้นนางไปที่ตำหนักสวรรค์ประทานไปยินดีกับสนมคนใหม่หลี่หนิงอัน เหอะนางคงหวังพึ่งบารมีสนมหลี่หารู้ไม่ว่าคนที่ควรจะฝากชีวิตไว้คือพี่หญิงกู้สุ่ยเอ่อ”สุ่ยเอ่อยิ้มมุมปาก“ไปที่ตำหนักสวรรค์ประทานกับข้า เราไปยินดีกับสนมหลี่ด้วยกันดีไหม”จิวยี่หน้าถอดสีแค่ยุยงไม่อยากไปที่นั่นเพราะเกรงว่าหากฝ่าบาทรู้ว่าพวกนางไประรานสนมคนโปรดจะต้องถูกลงทัณฑ์ หลายวันมานี้ข่าวลือหนาหูบ้างก็ว่าฝ่าบาทเอาใจนางราวกับคนรัก บ้างก็ว่าก่อนนั้นฝ่าบาท มีรักแรกพบคือ..สนมหลี่“เอ่อ เอ่อข้าว่าข้าไม่อยากไปที่นั่น”“เฮอะ เจ้ามันก็แค่สุนัขที่มีไว้เพื่อช่วยตรวจตราหาได้ช่วยขบกัดขโมยอย่างที่ตั้งใจ (ดีแต่เห่า) ”สนมจิวยี่กัดฟันแน่น นางน่าจะโกรธแต่ทว่า“แหมพี่หญิงท่านก็รู้บิดาข้าก็แค่ขุนนางต่ำต้อย หากเกิดอะไรขึ้นกระทบกับบิดาข้าขึ้นมา ข้าก็แย่
อิงจื่อยิ้มเศร้าๆ“สวยแล้วอย่างไรสวยแล้วรอคนมาเชยชม หวังเพียงเจ้าส่งให้ถึงมือฝ่าบาทแทนข้าจะได้ไหมน้องหญิง เจ้ามีโอกาสดีกว่าข้า ฝ่าบาทแวะเวียนวันละสองสามครั้ง ไม่เหมือนข้าที่รอฝ่าบาทมาแรมเดือนก็ไม่เคยได้พบหน้า ข้าแม้จะเป็นสนมที่ขอยัดเยียดตัวเองเข้ามาในวังหลวง แต่ในใจข้าก็มีฝ่าบาทเพียงคนเดียวรอคอยฝ่าบาทเพียงคนเดียว”หนิงอันกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ สงสารอิงจื่อจับใจอิงจื่อจากไปแล้วเสี่ยวเองเดินมายืนตรงหน้าหนิงอัน“พระสนม ถุงหอมนั่นเอามันไปซ่อนไว้เสีย”หนิงอันเคี้ยวขนมในมือแล้วเลิกคิ้วสูง“ทำไมกัน”“พระสนม ข้ากับพระสนมและท่านหมอไป๋เยว่เทียนเราเติบโตมาด้วยกันหากท่านหมอหวังดีกับคุณหนูที่สุด เสี่ยวเอิงก็หวังดีกับคุณหนูเท่าๆ กับท่านหมอ เช่นนั้นถุงหอมนั่นมอบให้เสี่ยวเอิงนำมันไปซ่อนไม่อย่างนั้นก็เอาไปคืนพระสนมหวังเสีย บอกกับนางว่าเรื่องที่นางไหว้วานพระสนมไม่อาจตัดใจทำให้นางได้”“ไม่ได้นะนางน่าสงสาร แต่ข้าก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี พวกเจ้าสองคนหวังดีแล้วเกี่ยวอะไรกับถุงหอมเล่า”“พระสนมฝ่าบาทโปรดปรานถือว่าเป็นโชคและเป็นโชคใหญ่ไม่มีใครแบ่งปันโชคใหญ่ของตัวเองให้คนอื่นหรอกเจ้าค่ะ ถึงพระสนมหวังจะน่าสงสารแต่ พระ
“ไม่ต้อง ข้ายังไม่อยากตาย ไม่อาจเอื้อมดื่มชาของเจ้า ชงชาเป็นหน้าที่ของนางกำนัล เจ้า แค่มานั่งดื่มชากับข้าก็พอแล้ว”“ตะตะแต่ท่านแม่บอกว่า ข้าเข้าวังจะต้องปรนนิบัติฝ่าบาท เรื่องชงชาเรื่องเล็กน้อย หนิงอันไม่เกี่ยง”ยิ้มแก้มใสเสี่ยวเอิงก้มหน้าเดินเลี่ยงไปรับอุปกรณ์สำหรับชงชาที่นางกำนัลนำมาชงชาถวายฝ่าบาทและหนิงอัน“ข้ามีนางกำนัลชงชามากมาย หากต้องการเพียงคนชงชาจะให้เจ้าเข้าวังทำไม” เฉินหยวนฮ่องเต้มองสบตากลมที่ก้มหน้าหลบตาคมที่ทำเอาใจเต้นไม่เป็นจังหวะเอื้อมมือคว้ามือบางให้เข้าไปในศาลานั่งลงก่อนจะตบที่ว่างข้างๆ ให้หนิงอันนั่งลงเสียนางกำนังยกชามาวางตรงหน้าทั้งสอง กลิ่นชาหอมหวน“อึกๆๆ อ่าาาาา สดชื่นที่สุด”หนิงอันยกชากระดกลงคอรวดเดียว เฉินหยวนฮ่องเต้ส่ายหน้าไปมา“ต้องดื่มแบบนี้”เอื้อมมือยกถ้วยชาขึ้นมาจ่อที่ริมฝีปาก ยกมือขึ้นปัดเหนือจอกชาสูดดมกลิ่นหอมของชา เป่าไล่ลมร้อนแล้วจิบชาช้าๆหนิงอันยื่นจอกชาให้กับนางกำนัลรินชาใส่จอกตั้งใจทำตามแบบที่เฉินหยวนฮ่องเต้ทำ แต่ก็เงอะงะน่ากลัวจะทำชาหกใส่ตัวเฉินหยวนฮ่องเต้ลุกขึ้นคุกเข่าอ้อมมาด้านหลังโอบแขนสองข้างรอบร่างบางแนบชิด หนิงอันหันมองเสี้ยวหน้าหล่อเหลา
“พระสนมหนิงอันรับราชโองการรรรรร”ขันทีข้างกายอัญเชิญราชโองการจากเฉินหยวนฮ่องเต้ยังตำหนักที่ใหญที่สุด ตำหนักที่ดีที่สุด งดงามที่สุด สงบร่มเย็นที่สุดนามว่าตำหนักสวรรค์ประทานหนิงอันวิ่งออกมาจากตำหนักที่กว้างใหญ่ ด้วยใบหน้าสดใสรอยยิ้มกว้างประทับบนใบหน้าเสี่ยวเอิงรีบตรงเข้าพยุงกระซิบเบาๆ“คุกเข่ารับราชโองการเจ้าค่ะพระสนม”หนิงอันยิ้มตาหยีทรุดกายลงเงอะงะคุกเข่ารับราชโองการขันทีข้างกายเสี่ยวโอคลี่ราชโองการออกช้าๆ“ ฮะแฮ่ม เนื่องด้วย สนมหนิงอัน เข้าวังในครั้งแรกฝ่าบาทจึงได้ประทานของกำนัลเป็นทองห้าหมื่นตำลึงทอง กำไลหยกประจำตำแหน่งเฟย และสิ่งของมีค่าควรเมืองตามรายการดังต่อไปนี้”ขันทีน้อยเสี่ยวโออ่านรายการสิ่งของที่เฉินหยวนฮ่องเต้ทรงมอบให้กับหนิงอันไปเนิ่นนานไม่จบเสียที หนิงอันปิดปากหาวถึงสองครั้งร่างบางอ้อนแอ้นที่ในตอนแรกก็นั่งคุกเข่าด้วยรอยยิ้มตั้งใจฟังรายนามของกำนัลบัดนี้กับเอนไปมา ด้วยเป็นเวลาครึ่งชั่วยามแล้วรายนามสิ่งของที่มอบเป็นของกำนัลยังไม่หมดลงสักที เสี่ยวโอเรียกให้ขันทีอีกคนมาช่วยอ่าน ด้วยขันทีเสี่ยวโอเองก็ไม่ไหวแล้วเช่นกัน“เสี่ยวเอิง ข้าไม่หว่ายยยยแล้ว”เอนกายลงพิงไหล่ของเสี่ย