“ลั่วจิ่วหลี เจ้ามันนางแพศยา”ข้อมือหูปิงอวี้ตวัดวูบ ทันใดนั้นก็มีกริชเล่มหนึ่งสะท้อนแสงออกมา จู่โจมเข้าหาดวงตาของลั่วจิ่วหลีด้วยความรวดเร็วและรุนแรงลั่วจิ่วหลีดวงตาเบิกกว้าง คิดในใจว่าหูปิงอวี้รู้วรยุทธ์ด้วยหรือนี่ แต่ดูจากท่าทางของนางเหมือนกับว่าวรยุทธ์ไม่ได้สูงส่ง นางยังพอรับมือได้ถอยหลังกรูดไปหลายก้าว เอียงศีรษะหลบการลอบสังหารของนาง มืออีกข้างกางนิ้วทั้งห้าเป็นกรงเล็บหมาป่าขย้ำข้อมือของหูปิงอวี้เอาไว้แล้วออกแรงกริชในมือหูปิงอวี้ตกลงบนพื้นดังแกร๊งพร้อมกับอาการเจ็บจนชาหนึบ แล้วถูกลั่วจิ่วหลีเตะกระเด็นตกลงไปในทะเลสาบเห็นได้ชัดว่า หูปิงอวี้เองก็คิดไม่ถึงว่าลั่วจิ่วหลีจะเป็นวรยุทธ์เช่นเดียวกันนางอ่อนแอบอบบางขนาดนั้นแท้ ๆ ทั้งยังขี้ขลาดหัวอ่อน นางเป็นวรยุทธ์ด้วยหรือนี่ในเวลานี้ ทั้งสองคนได้ต่อสู้กันแล้ว คนนี้จับแขน คนนั้นขับข้อมือ คนนี้ขัดขาซ้าย คนนั้นขัดขาขวา“ไปตายเสียเถอะ”หูปิงอวี้เอ่ยเสียงกร้าวพร้อมกับลากลั่วจิ่วหลีลงไปในทะเลสาบตูม!ระลอกคลื่นสาดซัดบนผิวทะเลสาบ เสียงดังโครมครามนี้ทำให้ฝูงชนเดินเข้ามาด้วยความตื่นตกใจ“คุณหนูรองตระกูลลั่วตกน้ำแล้ว”“พี่สาวข้าก็อยู่
หูปิงอวี้เริ่มจากทำตัวสั่นระริกแล้วถลาเข้าไปในอ้อมแขนของหูกุ้ยเฟย จากนั้นก็หลั่งน้ำตาด้วยท่าทีน่าสงสาร สุดท้ายก็ร้องไห้สะอึกสะอื้นแล้วเริ่มฟ้องร้อง“ใช่เพคะ เป็นเพราะคุณหนูรองตระกูลลั่วไม่รับคำขอโทษของหม่อมฉัน ไม่เพียงตบหน้าหม่อมฉัน ยังผลักหม่อมฉันลงไปในทะเลสาบอีกด้วยเพคะ”“อาหญิง ฝ่าบาท ฝ่าบาทได้โปรดมอบความเป็นธรรมให้หม่อมฉันด้วยเพคะ”นางหลุบตาก้มหน้าเล็กน้อย ราวกับกวางน้อยตกใจ น้ำตารื้นเต็มเบ้าตา ดวงตาทั้งสองข้างมองอ๋องเก้าเซียวหมิงเสวียนแวบหนึ่งราวกับไม่ได้ตั้งใจเมื่อเห็นว่าเซียวหมิงเสวียนไม่ได้เป็นห่วงลั่วจิ่วหลีมากเท่าไหร่ จึงรู้สึกสบายใจขึ้นมาเมื่อทุกคนได้ยินว่าลั่วจิ่วหลีทำร้ายหูปิงอวี้ก็มีสีหน้าประหลาดใจ ต่างพากันหันไปมองหน้าของหญิงสาวทั้งสองคนเป็นไปตามคาด ใบหน้าฝั่งนึ่งของหูปิงอวี้แม้จะเปียกน้ำ แต่ยังคงสามารถมองเห็นรอยฝ่ามือสีแดงนั่นได้“ฮัดชิ้ว ๆ”ลั่วจิ่วหลีกระชับเสื้อคลุม จามสองครั้งติดต่อกัน ขดตัว เสียงขึ้นจมูกเล็กน้อย“ข้าว่านะหูปิงอวี้ ก่อนจะโกหกช่วยเขียนร่างสักหน่อยได้หรือไม่? เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใคร เก่งมาจากไหน ถึงคู่ควรให้ข้าผลักเจ้าตกน้ำ”“อีกอย่าง หยุดทำ
ลั่วจิ่วหลีแค่นเสียงเฮอะ“แน่จริงก็เจ้าอย่าตัดบทข้าพูดความจริงสิ เป็นเพราะร้อนตัวใช่หรือไม่”ลั่วจิ่วหลีพูดจาตรงไปตรงมา ไม่ไว้หน้าเลยสักนิด ไม่เพียงไม่ไว้หน้า ยังตั้งใจจะตอบโต้คนเหล่านี้หนัก ๆ อีกด้วยเดิมทีฮ่องเต้อยากจะถามให้ชัดเจน ตอนนี้ ไม่ต้องถามเลยด้วยซ้ำ เขาก็เข้าใจว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้นแล้ว“อ๋องเก้า”“เสด็จพี่”เซียวหมิงเสวียนก้าวไปข้างหน้า ใบหน้าเคร่งขรึมเป็นอย่างยิ่ง“ส่งคุณหนูรองตระกูลลั่วออกนอกวังหลวง”“พ่ะย่ะค่ะ”เซียวหมิงเสวียนมองลั่วจิ่วหลีแวบหนึ่งด้วยความโมโหลั่วจิ่วหลีถือโอกาสหันหน้าไปมองหูปิงอวี้ ผู้หญิงคนนี้ช่างมารยาเสียจริง ๆ ผ่านมานานขนาดนี้แล้วยังขดตัวอยู่ในอ้อมแขนหูกุ้ยเฟย ริมฝีปากสั่นระริก กระอักกระไอพลางร้องไห้ ท่าทางน่าเวทนาจนถึงที่สุด“ฝ่าบาท หม่อมฉันยังพูดไม่จบเพคะ เป็นหูปิง...”“ลั่วจิ่วหลี เจ้าหุบปาก รีบตามข้าออกจากวังหลวงเดี๋ยวนี้”เซียวหมิงเสวียนพยายามควบคุมโทสะของตนเองเอาไว้อย่างสุดความสามารถแล้วในวังหลวง อันตรายรอบด้าน อุปนิสัยตรงไปตรงมาของนางไม่สามารถพลิกสถานการณ์ได้เลย ยิ่งไม่สามารถสั่นคลอนหูกุ้ยเฟยได้เลยแม้แต่น้อย รังแต่จะทำให้หูกุ้ยเ
แม้แต่หูปิงอวี้ที่แสร้งทำตัวน่าสงสารมาตลอด ยังเดินตามออกมาโดยมีนางกำนัลประคองเอาไว้เช่นกันฮ่องเต้พยายามสงบสติอารมณ์ มองไปรอบ ๆ สายตาไปหยุดที่ลั่วจิ่วหลี“ลั่วจิ่วหลี เจ้าตามเราไปที่ตำหนักกานเฉวียน”ในระหว่างที่พูดก็สาวเท้าเดินออกไปอย่างรวดเร็วทุกคนตื่นตะลึง ฝ่าบาทให้ลั่วจิ่วหลีไปที่ตำหนักกานเฉวียนทำไม แต่ในเวลานี้ ใครเลยจะกล้าถาม สาวเท้าเดินตามฝ่าบาทไปโดยไม่รู้ตัวลั่วจิ่วหลียังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น แขนก็ถูกคนจับเอาไว้“ท่านปล่อย...”เมื่อนางหันหน้ากลับไปมองก็เผชิญหน้ากับสีหน้าเย็นยะเยือกของเซียวหมิงเสวียนผู้ที่หันกลับมาในเวลาเดียวกันยังมีหูปิงอวี้ที่มีนางกำนัลประคองเอาไว้อีกคนเมื่อหูปิงอวี้เห็นเซียวหมิงเสวียนจับแขนของลั่วจิ่วหลี ร่างกายก็แข็งทื่อไปทันทีเขาแตะตัวนาง เขาไม่เคยแตะต้องสตรีใดมาก่อนเห็นอยู่ชัด ๆ ว่า เมื่อครู่นี้ตอนที่อยู่ในศาลา สายตาเขาที่มองลั่วจิ่วหลียังเต็มไปด้วยเพลิงโทสะ เหตุใดเพียงชั่วพริบตา เขากลับจับแขนนางแพศยานั่นนี่เป็นไปได้อย่างไร?เป็นไปได้อย่างไร!เขาเป็นของนาง บนโลกใบนี้ผู้หญิงที่คู่ควรกับเขามีเพียงนางเท่านั้น!หูปิงอวี้โกรธจนกำมือทั้งส
แค่เพราะว่านางเป็นบุตรสาวของอี้กั๋วกงเท่านั้นหรือ? หรือเพราะมีอ๋องเก้าคอยสนับสนุน?ส่วนเหตุผลอื่น ๆ ลั่วจิ่วหลีไม่ได้ถามอย่างละเอียด เซียวหมิงเสวียนเองก็ไม่ได้เล่าอย่างละเอียดเช่นกันเมื่อก้าวเข้าประตูตำหนักกานเฉวียนก็ได้ยินร้องไห้สะอึกสะอื้นแว่วดังมาจากในตำหนักลั่วจิ่วหลีจิตใจเขม็งเกลียว หันหน้ากลับไปมองเซียวหมิงเสวียนเซียวหมิงเสวียนสีหน้าเย็นชา ไร้ซึ่งอารมณ์ใด ๆ ชายเสื้อคลุมผ้าไหมสีดำขลับของเขาปลิวไสวลั่วจิ่วหลีนึกทึ่ง เป็นคนหน้าตาดุร้ายเย็นชาแบบนี้ หูปิงอวี้คิดไม่ตกขนาดไหนกันถึงได้ชอบเขา นี่จะต่างอะไรกับการใช้ชีวิตอยู่กับก้อนน้ำแข็งงั้นหรือ?“มองข้าทำไม? ยังไม่รีบเข้าไปอีก?”ลั่วจิ่วหลีร้องเชอะทีหนึ่ง“ท่านอ๋อง ข้ามามือเปล่า ไม่มีกล่องยา เข้าไปรอให้ถูกฝ่าบาทบั่นคอหรืออย่างไร?”เซียวหมิงเสวียนก้าวลงจากขั้นบันได“เข้าไปก่อนแล้วค่อยว่ากัน เจ้าช่วยเหลือทุกวิถีทางเท่าที่สามารถทำได้”ลั่วจิ่วหลีเดินตามไปติด ๆ ใจอยากถามเขาเหลือเกินว่า เขาบอกฮ่องเต้เรื่องที่นางรู้วิชาแพทย์ใช่หรือไม่แต่ยังไม่ทันได้ถามออกไปก็เห็นบางสิ่งเล็ก ๆ สีขาวพุ่งออกมาจากประตูลั่วจิ่วหลียังไม่ทันมองอย่า
ภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ที่ประดับประดาด้วยผ้าแพรแดง บุรุษรูปงามในชุดเกราะสีเงินยืนตรงอย่างสง่างามประดุจต้นสนอยู่เบื้องหน้านาง“จิ่วหลี เสด็จพ่อทรงตกลงพระราชทานสมรสให้พวกเราแล้ว รอข้ากลับมาจากสนามรบ จะจัดขบวนรับเจ้าสาวสิบลี้มารับเจ้าเป็นภรรยา”สตรีที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขา ดวงตาคู่งามดุจสายน้ำใสแฝงความสะเทิ้นอาย“พระชายา พระชายาเพคะ”เสียงใครบางคนดังแว่วข้างหู ลั่วจิ่วหลีอยากตื่นขึ้นมา ทว่าความเจ็บปวดราวถูกลงทัณฑ์แผ่ซ่านไปทั่วร่าง ทำให้นางไม่อาจลืมตาได้เลยทันใดนั้น ภาพหนึ่งแวบผ่านเข้ามา ชายหนุ่มในชุดเกราะเงินขี่ม้าศึกตัวใหญ่กลับมาจากการทำศึกพร้อมชัยชนะ แต่ในอ้อมแขนของเขากลับมีสตรีงามแปลกหน้าผู้หนึ่งเทียนแดง อักษรมงคล และเกี้ยวเจ้าสาวสองคันถูกยกเข้าจวนอ๋องเจาโดยคันหนึ่งอยู่หน้า อีกคันตามหลัง จู่ ๆ ภาพก็เปลี่ยนเป็นเบื้องหน้ากรอบหน้าต่างไม้แกะสลักบานหนึ่งชายหนุ่มสวมอาภรณ์หลวมหลุดลุ่ย บนแผ่นหลังเต็มไปด้วยรอยข่วน ใต้ร่างของเขา สตรีนางหนึ่งมีเพียงผ้าผืนบางคลุมร่างกายเพียงสามจุด แทบไม่อาจปกปิดเรือนร่าง“ชายโฉดหญิงชั่ว ข้าจะฆ่าพวกเจ้า!”สตรีผู้หนึ่งแบกท้องที่ตั้งครรภ์ มือกำกระบี่ยาวไว้มั่
ลั่วจิ่วหลีเกาะคอพญาอินทรีแน่น ร่างของนางเกือบจะร่วงลงไป นางต้องรีบหาทางจัดการ ไม่เช่นนั้นหากไม่ถูกพญาอินทรีตะปบตายก็คงต้องตกลงไปตายเป็นแน่“ยาสลบ ยาสลบชนิดรุนแรง”ลั่วจิ่วหลีพยายามหาทางรอดแม้ความหวังริบหรี่ นางกดแหวนโบราณลงบนบาดแผลที่มีเลือดซึมออกมาบนไหล่ นิ้วมือพลันร้อนวาบ ชั่วเวลาไม่ถึงห้าวินาที ยาสลบก็ปรากฏขึ้นกลางฝ่ามือของนางนางยิ้มออกมาด้วยความดีใจก่อนจะฉีดยาสลบเข้าไปในร่างของพญาอินทรีอย่างแรง เมื่อความเร็วของพญาอินทรีเริ่มลดลง ลั่วจิ่วหลีก็ตัดสินใจฉับพลัน กลั้นใจหลับตากระโดดลงจากหลังพญาอินทรีลงสู่แอ่งน้ำใต้ผาน้ำตกตูม!แอ่งน้ำนุ่มนวลกว่าที่คิด ลั่วจิ่วหลีลืมตาขึ้นอย่างรวดเร็ว แผงอกกว้างสะท้อนเข้าสู่คลองจักษุนางเงยหน้าขึ้นมองสวรรค์ นี่นางเห็นอะไรเป็นบุรุษผู้หนึ่ง บุรุษที่ร่างท่อนบนเปลือยเปล่ากำลังอุ้มนางไว้ในอ้อมแขนชั่วขณะนั้น บุรุษผู้นั้นพลันลืมตาขึ้นมา เผยให้เห็นดวงตาลึกล้ำ คิ้วเรียวยาว ริมฝีปากบางสีชมพูระเรื่อเม้มเข้าหากันน้อย ๆ โครงหน้าที่ประหนึ่งแกะสลักจากหยก แม้จะใช้คำว่างามล้ำก็ยังไม่พอจะบรรยายรูปโฉมที่งามเหนือสามัญของเขาลั่วจิ่วหลีถือว่าผ่านโลกมาไม่น้อย ดา
เนื่องจากการตัดสินใจครั้งนี้ของนาง ทำให้คนที่มาตามหาคลาดกับนางพอดีราตรีนี้ลั่วจิ่วหลีนอนหลับไม่สนิท ในความฝัน บางครั้งนางเห็นภาพตอนที่ตนเองอยู่ในสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าในชาติก่อน บางครั้งเป็นภาพเจ้าของร่างเดิมกอดร่างไร้ลมหายใจของทารกจ้องมองนางด้วยความอาฆาตระคนโศกเศร้าขอให้ช่วยล้างแค้น บางครั้งเป็นดวงตาลึกล้ำของชายผู้นั้นที่จ้องนางพลางถามคาดคั้นว่านางเป็นคนฆ่าพญาอินทรีหิมะใช่หรือไม่“ข้าไม่ได้ฆ่ามัน!”ลั่วจิ่วหลีสะดุ้งลืมตาตื่นภายนอกถ้ำเวลานี้ดวงตะวันทอประกายสว่างไสวนางนวดคลึงหว่างคิ้วที่ปวดตุบ พอได้สติกลับคืนมาก็นึกถึงบุรุษที่ใต้ผาน้ำตกขึ้นมา เกรงว่าคงกำลังรักษาแผลอยู่ นางทำแบบนั้นไป ไม่รู้ว่าเขาจะเป็นอย่างไรบ้าง?“ไม่คิดแล้ว เขาไม่รู้อยู่ดีว่าข้าเป็นใคร ทางใครทางมันแล้วกัน ต่อไปคงไม่มีโอกาสได้เจอกันอีก”ลั่วจิ่วหลีลุกขึ้นยืน เสื้อคลุมยาวเกินไป นางจึงใช้มีดผ่าตัดกรีดออกส่วนหนึ่งแล้วมัดไว้ที่เอว จากนั้นก็เดินก้าวยาว ๆ ลงจากภูเขาเดินไปได้สักพัก นางค่อยเข้าใจว่าเหตุใดเซียวจูมั่วถึงโยนเจ้าของร่างเดิมไปไว้ที่เรือนรับรองหลังนั้นให้ตายเถอะ อยู่ห่างจากเมืองหลวงชะมัด จนกระทั่งแสงอาทิ