พัณณ์ชิตาราวน์คนไข้จนครบทุกคนแล้วก็กำลังคิดหาทางกลับคอนโดของตนเองโดยไม่ให้คนของนิโคไลที่เตร็ดเตร่อยู่หน้าประตูโรงพยาบาลรู้ แต่คิดยังไงก็คิดไม่ออกจนกระทั่งได้ยินพยาบาลที่วอร์ดคุยกันว่าเที่ยงนี้รถพยาบาลจะออกไปให้บริการประชาชนที่ห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง
“พี่ภัทรคะ จะเป็นไรไหมคะถ้าพั้นช์จะขอติดรถไปที่ห้างด้วยค่ะ”
“ได้สิคะ วันนี้หมอพั้นช์ไม่เอารถมาเหรอคะ”
“ค่ะ เมื่อเช้าติดรถเพื่อนมาน่ะคะ”
“หมอให้แผนกรับส่งเอารถคันอื่นไปส่งที่คอนโดได้นะคะ ไม่ต้องนั่งรถพยาบาลไปก็ได้” จิตาภัทรบอกคุณหมอคนสวยเพราะปกติแล้วที่โรงพยาบาลก็จะมีรถไว้คอยรับส่งบุคลากรต่างหากอยู่แล้ว
“ไม่เป็นไรค่ะ พั้นช์ว่าจะไปเดินเล่นที่ห้างอยู่พอดี”
“งั้นไปรอที่รถเลยนะคะ ตอนนี้เขากำลังเตรียมของกันอยู่เดี๋ยวพี่โทรบอกให้เขารอนะคะ”
“ขอบคุณค่ะพี่ภัทร” พัณณ์ชิตายังคงสวมแมสก์และชุดกาวน์อีกทั้งยังหยิบแว่นกรองแสงที่มักเอาใช้เวลาต้องนั่งหน้าคอมนานๆ ออกมาสวม
หญิงสาวเดินผ่านคนของนิโคไลที่ประตูทางออกแล้วเดินขึ้นรถพยาบาลไปโดยที่ไม่มีใครผิดสังเกต
พอมาถึงห้างสรรพสินค้าพัณณ์ชิตาก็เดินเลือกซื้อของอย่างสบายใจ แม้จะรู้ว่าคงหลบเขาได้ไม่ตลอดแต่อย่างน้อยวันนี้เธอก็ไม่ต้องอยู่ในการควบคุมของเขา
หลังจากได้ของใช้ที่จำเป็นครบแล้วพัณณ์ชิตาก็ออกมาเรียกแท็กซี่เพื่อไปยังบ้านของบิดามารดาซึ่งปกติแล้วเธอก็จะไปที่นั่นทุกบ่ายวันเสาร์
“สวัสดีค่ะพ่อ” คุณหมอสาวทักทายบิดาซึ่งเป็นอดีตนายตำรวจใหญ่ที่กำลังยืนรดน้ำต้นไม้อยู่บริเวณหน้าบ้าน
“อ้าว ทำไมวันนี้นั่งแท็กซี่มาล่ะลูก รถเราไปไหนหรือรถมีปัญหา”
“พั้นช์จอดไว้ที่คอนโดค่ะ พอดีเมื่อเช้าติดรถเพื่อนไปที่โรงพยาบาลค่ะ”
“คืนนี้ค้างกับพ่อที่นี่ใช่ไหมพั้นช์”
“ค่ะพ่อ พั้นช์ขอตัวไปข้างในก่อนนะคะ”
หญิงสาวเดินเข้าในบ้านก็ยกมือสวัสดีมารดาก่อนจะเข้าไปสวมกอดอย่างประจบ
“คิดถึงแม่จังเลยค่ะ”
“แม่ก็คิดถึง เมื่อไหร่จะกลับมาอยู่บ้านล่ะพั้นช์”
“อยู่คอนโดสะดวกกว่านี่คะ อยู่บ้านแล้วโรงพยาบาลโทรตามกลางคืนกว่าพั้นช์จะขับรถไปถึงคนไข้คงคลอดก่อนพอดีค่ะ”
“ถ้าแม่รู้ว่าเรียนหมอแล้วจะไม่มีเวลาให้ครอบครัวแบบนี้แม่คงไม่ให้เรียนแต่แรก” คุณชนิตาบ่นลูกสาวคนเล็กที่กว่าจะได้เจอกันก็ต้องรอให้ถึงวันเสาร์
“อาพั้นช์!” เสียงที่ตะโกนมาจากทางหลังบ้านเหมือนเป็นระฆังช่วยชีวิตพัณณ์ชิตาออกจากเสียงบ่นของมารดาที่มักจะบ่นแบบเดิมทุกครั้งที่เธอกลับมาบ้าน
“โชกุน อาพั้นช์ไม่เจอแค่สองอาทิตย์ สูงขึ้นหรือเปล่าเนี่ย” ปกติแล้วเธอจะเจอกับหลายชายทุกสัปดาห์ แต่สัปดาห์ที่แล้วพี่สะใภ้ของเธอพาหลานชายไปเยี่ยมคุณตาคุณยายที่ต่างจังหวัดทำให้สองอาหลานไม่ได้เจอกัน
“ก็โชกุนดื่มนมแล้วก็กินผักเหมือนที่อาพั้นช์บอก” เด็กชายรีบอวด
“เก่งมากครับ” หญิงสาวกอดเด็กชายตัวกลมอย่างรักใคร่ ก่อนจะยกมือไหว้พี่ชายและพี่สะใภ้ที่เดินตามเข้ามา
“พี่นึกว่าวันนี้พั้นช์จะไม่มาซะแล้ว” พชรพูดกับน้องสาวเพราะคิดว่าเธออาจจะถูกผู้ชายที่ชื่อนิโคไลกักตัวไว้
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะพี่เพชร ไม่มีใครทำอะไรพั้นช์ได้หรอกค่ะ”
“จ้ะ แม่คนเก่ง แล้วมายังไงพี่ไม่เห็นรถเราเลย”
“นั่งแท็กซี่มาค่ะ”
“รถเสียเหรอคะน้องพั้นช์” รุจิรัตน์ถามน้องสามีด้วยความเป็นห่วง
“เปล่าค่ะพี่จิ พั้นช์จอดไว่ที่คอนโดค่ะ พรุ่งนี้ว่าจะวานให้พี่เพชรไปส่ง ได้ไหมคะ” เธอหันมาถามเจ้าตัว
“ได้สิ” ถึงแม้น้องสาวไม่ขอพชรก็คงจะอาสาไปส่งเพราะตนเองมีเรื่องจะคุยกับน้องสาวตามลำพังอยู่เหมือนกัน
บ่ายวันอาทิตย์
“พั้นช์แน่ใจได้ยังไงว่าเขาจะไม่ทำอันตรายพั้นช์ พี่ว่าช่วงนี้กลับมาอยู่ที่บ้านก่อนดีไหม”
“พั้นช์คุยกับแม่ของเขาก็เลยรู้ว่าที่เขาเป็นกังวลก็เพราะเขาเคยเสียลูกไปค่ะ”
“แต่พี่ก็ยังเป็นห่วงอยู่ดี”
“ไม่ต้องห่วงหรอกค่ะ พี่ก็เห็นแล้วนี่คะว่าตอนนี้เขาไม่ตามพั้นช์แล้ว”
“แล้วอีกนานไหมกว่าหลานของเขาจะได้ออกจากโรงพยาบาล”
“ก็คงเป็นเดือนค่ะ เด็กคลอดก่อนกำหนดน้ำหนักตัวยังไม่มาก แต่พี่เพชรไม่ต้องห่วงนะคะ เรื่องนี้วางใจได้เลยพี่อัยย์เขาเป็นคนดูเด็กเองยังไงก็ไม่มีปัญหา”
“คนที่เขาตามประกบน่าจะเป็นหมออัยย์มากกว่านะเพราะเป็นคนดูแลหลานเขา แต่ทำไมเขาถึงตามพั้นช์ล่ะ”
“เขาก็ให้คนเฝ้าที่ห้องเด็กตลอดค่ะ แต่ที่เขาตามพั้นช์เพราะพั้นช์เป็นคนตัดสินใจให้ผ่าเอาเด็กออกค่ะ”
“พี่ว่าผู้ชายคนนี้แปลกๆ นะ”
“พี่เพชรอย่าห่วงเลยค่ะ พั้นช์ดูแลตัวเองได้ อีกอย่างเขาคงไม่กล้าทำอะไรพั้นช์หรอกค่ะ ดูแล้วเขาก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร”
“เชื่อได้ที่ไหนล่ะ ให้พี่ส่งลูกน้องมาอยู่ด้วยไหม”
“อย่าเลยค่ะพี่เพชร เดี๋ยวสักพักทุกอย่างก็จะดีเอง”
“ถ้าเขาทำอะไรที่มันคุกคามเราต้องรีบบอกพี่นะ”
“แน่นอนค่ะ ถึงโรงพยาบาลแล้วพี่เพชรจอดด้านหน้าเลยค่ะ”
“แล้วจะกลับยังไงให้พี่รอรับไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ พั้นช์ไม่อยากกดดัน ถ้ารู้ว่ามีคนรอพั้นช์จะกังวล อีกอย่างพั้นช์ก็ตรวจคนไข้หลายคนด้วย ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่ เดี๋ยวพั้นช์เรียกแท็กซี่กลับเองได้ค่ะ พี่รีบไปเถอะค่ะ”
“อย่าลืมนะพั้นช์ มีอะไรต้องรีบโทรหาพี่ บอกพี่คนแรก” พชรย้ำกับน้องสาวก่อนจะขับรถออกไปด้วยความกังวล
พัณณ์ชิตารู้สึกว่าตอนนี้เธอกำลังมีสายตาหลายคู่จับจ้องอยู่ เธอเดาว่าตอนนี้เขาคงรู้แล้วว่าเธอกำลังกลับมาเขาในโรงพยาบาล แต่เธอก็ไม่สนใจ หญิงสาวราวน์ผู้ป่วยของตนจนกระทั่งมาถึงห้องสุดท้ายซึ่งเป็นห้องของคารินา
“สวัสดีค่ะ วันนี้เป็นยังไงบ้างคะ” พัณณ์ชิตาพูดกับคารินาพลางพยักหน้าให้พยาบาลที่เดินตามมาปิดผ้าม่าน เพราะตอนนี้นอกจากจะมีสามีของคนไข้อยู่ในห้องแล้วยังมีพี่ชายและมารดาของเธออยู่อีกด้วย
คุณหมอสาวตรวจร่างกายของคารินาอยู่พักใหญ่ก็เปิดผ้าม่านออกอีกครั้ง
“พรุ่งนี้ก็น่าจะกลับบ้านได้แล้วค่ะ แค่ระวังไม่ให้แผลโดนน้ำและก็สังเกตน้ำคาวปลา ถ้ามีลิ่มเลือดหรือกลิ่นที่ผิดปกติหรือมีอาการตัวร้อนก็ให้รีบมาโรงพยาบาลนะคะ”
“แต่ลูกของเคทยังอยู่ที่นะคะ เคทขออยู่ที่โรงพยาบาลจนกว่าลูกจะออกจากโรงพยาบาลได้ไหมคะ” คาริน่าไม่กลับยากกลับไปอยู่ที่บ้านทั้งๆ ที่ลูกของตนเองยังนอนอยู่ที่นี่
“คงไม่ได้หรอกค่ะ เตียงของโรงพยาบาลเรามีจำนวนจำกัดคุณเคทสามารถมาเยี่ยมลูกตามเวลาที่โรงพยาบาลกำหนด แล้วเอานมมาฝากไว้ให้ทุกวันค่ะ”
“ไม่มีห้องพักอื่นเลยเหรอคะ”
“เรื่องห้องหมอก็ไม่ค่อยรู้เท่าไหร่ เอาเป็นว่าเดี๋ยวหมอจะให้เจ้าหน้าที่ของโรงพยาบาลเข้ามาคุยอีกทีนะคะว่าพอจะมีห้องของแผนกไหนที่พอจะว่างไหม”
“ขอบคุณค่ะหมอ”
“เราคงไม่รบกวนหมอพั้นช์มากเกินไปใช่ไหมจ๊ะ”
“ไม่หรอกค่ะคุณป้า พั้นช์ไม่รู้ว่าจะได้ห้องตามที่ขอหรือเปล่านะคะ” พัณณ์ชิตาบอกไปตามความจริงก่อนที่จะขอตัวกลับ
หญิงสาวรู้สึกโล่งใจที่วันนี้พี่ชายของคารินาไม่ได้คุกคามหรือทำหน้ายักษ์ใส่อย่างวันก่อน เธอคิดว่าเขาคงจะเริ่มเข้าใจอะไรมากขึ้นแล้ว
นิโคไลมองตามหลังคุณหมอด้วยสายตาคาดโทษ เมื่อวานเขาให้ลูกน้องเฝ้าทุกทางเข้าออกโรงพยาบาลแต่เธอก็ยังหนีไปได้ พอจะโทรหาเธอก็บล็อกเบอร์ของเขา ชายหนุ่มไปดักรอที่คอนโดก็ปรากฏว่าเธอไม่ได้กลับไปค้างที่นั่นไม่เคยมีใครทำให้เขารู้สึกเสียหน้าแบบนี้มาก่อนวันนี้เขาจะต้องคุยกับเธอให้รู้เรื่องถ้าเธอไม่ยอมคุยดีๆ ก็คงต้องใช้ไม้แข็งกันบ้าง“นิค มีอะไรกับคุณหมอหรือเปล่า แม่เห็นลูกมองเธอด้วยสายตาแปลกๆ นะ”“เปล่าครับแม่”“เมื่อไหร่นิคจะกลับไปทำงานสักที แม่ว่าทิ้งงานมานานจะไม่ดีเอานะ” ถึงแม้งานของลูกชายไม่จำเป็นต้องเข้าบริษัทตลอดแต่เธอก็ไม่อยากให้เขาทิ้งภาระให้ผู้ช่วยมากจนเกินไป“ผมบอกแม่แล้วไงครับ ผมจะอยู่ที่นี่จนกว่ายายหนูจะออกจากโรงพยาบาล”“อย่าไล่เขากลับเลยค่ะแม่ ที่ผ่านมาเขาทำงานมาตลอด ช่วงนี้ก็ถือว่าเขาพักร้อนแล้วกันนะคะ”“แม่ก็อดห่วงไม่ได้นี่เคท”“แม่ครับบอริสทำงานกับผมมาเกือบสิบปีผมเชื่อมือเขาครับ”“งั้นก็ตามใจ แล้วอยู่แต่ในโรงพยาบาลไม่อึดอัดเหรอ แม่ว่าไหนๆ ก็ไม่กลับรัสเซียแล้วนิคน่าจะหาเวลาเที่ยวบ้างนะ”“ผมไม่รู้จะไปเที่ยวไหนนี่ครับแม่”“ก็ให้ธนัทพาไปสิ” เธอหมายถึงคนสนิทของเขาที่เป็นทั้งผู้ช่วย คนขั
“ขอบคุณมากนะคะคุณลุงคุณป้า อาหารอร่อยมากค่ะ”“ถ้าอร่อยหมอพั้นช์ก็มาทานบ่อยๆ สิจ๊ะ เลิกงานแล้วกลับมาพร้อมป้าเลยก็ได้นะ มาทานแล้วค่อยกลับคอนโด”“พั้นช์เลิกงานไม่ตรงเวลาหรอกค่ะ ไม่อยากให้ทุกคนรอเอาไว้ถ้าช่วงที่งานไม่เยอะ พั้นช์ค่อยแวะมาทานข้าวด้วยนะคะ”“ได้จ้ะ บ้านนี้ต้อนรับหมอพั้นช์ตลอด”“พั้นช์ไปก่อนนะคะ” หญิงสาวยกมือไหว้เจ้าของบ้านอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงรถมาจอด“จะกลับคอนโดเลยไหม หรือจะให้ผมไปส่งที่ไหน” นิโคไลถามอย่างเอาเรื่องเพราะไม่รู้ว่าวันนี้หญิงสาวคิดจะหนีเขาไปนอนที่ไหนอีก“กลับคอนโดค่ะ”“ได้ยินแล้วนะธนัท กลับคอนโด” พูดจบเขาก็กดปุ่มเพื่อให้ม่านกั้นระหว่างผู้โดยสารและคนขับ“อันที่จริงคุณไม่ต้องส่งฉันที่คอนโดก็ได้นะ ส่งแค่ปากซอยก็ได้เดี๋ยวฉันนั่งแท็กซี่ไปเอง”“ผมรับปากแม่ไว้แล้วยังไงผมก็ต้องส่งคุณให้ถึงที่”“ฉันไม่พูด คุณไม่พูดคุณป้าไม่รู้หรอก”“ผมเป็นคนรักษาคำพูดน่ะ ไม่เหมือนคนบางคน”“ฉันรักษาคำพูดตลอด”“ผมก็ไม่ได้ว่าคุณนี่ครับ”“แต่หน้าคุณมันฟ้อง”“ผมว่าคุณร้อนตัวมากกว่า ถ้าคุณคิดว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิดพลาดก็ไม่เห็นต้องหลบหน้าผมเลย”“ก็บอกแล้วไงว่าไม่ได้ได้หลบ ลูกน้องคุณดูไม่ดี
เช้าวันไหมนิโคไลมารอรับพัณณ์ชิตาตามเวลานัด วันนี้เขาขับรถมาเองส่วนลูกน้องก็ให้ตามอยู่ห่างๆ เพราะกลัวว่าคุณหมอคนสวยจะอึดอัดที่คนของเขาล้อมหน้าล้อมหลังอีกอย่างเขาก็ไม่ต้องระวังตัวมากเหมือนกับอยู่รัสเซียเพราะที่นี่เขาก็แค่ประชาชนคนหนึ่งไม่ใช่นักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพล“ปกติเช้าแบบนี้คุณทานอะไรก่อนไปทำงานไหม” เขาถามเมื่อเธอขึ้นมานั่งคู่กับเขาข้างที่นั่งคนขับเรียบร้อยแล้ว“ไม่ค่ะ”“แล้วไม่หิวเหรอ”“ฉันชินแล้วค่ะ เดี๋ยวราวน์คนไข้เสร็จก็มีของว่างและกาแฟที่โรงพยาบาลจัดไว้ให้”“วันนี้เลิกงานกี่โมง”“ถ้าเลิกงานจริงๆ ก็ประมาณห้าโมงเย็นค่ะ จากนั้นก็ราวน์คนไข้ต่อ”“ทางโรงพยาบาลให้น้องผมอยู่ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ผมจะไปรอที่นั่น ถ้าคุณตรวจเสร็จแล้วโทรบอกผมนะ แล้วก็เลิกบล็อกเบอร์ผมด้วย ถ้าผมตามหาคุณไม่เจอผมจะให้ทางโรงพยาบาลเป็นคนโทรตาม”“อย่านะทำแบบนั้นนะ”“ผมไม่ทำหรอกถ้าคุณทำตัวให้ติดต่อง่าย”พัณณ์ชิตาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วยกเลิกการบล็อกเบอร์ของเขาเพราะถ้าเขาให้โรงพยาบาลติดต่อเรื่องคงจะวุ่นวายและตามมาด้วยคำถามอีกมาก“ฉันยกเลิกแล้วนะ”“ก็ดีครับ พูดง่ายๆ แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี“คุณส่ง
การได้ใกล้ชิดกับพัณณ์ชิตามาเกือบหนึ่งเดือนทำให้มาเฟียหนุ่มอย่างนิโคไลเริ่มจะคล้อยตามความคิดของบิดาที่อยากให้เขามีภรรยาเป็นคนไทยนอกจากหญิงสาวจะสวยแล้วยังทำงานเก่งและอึดได้อย่างน่าประหลาด เขาเห็นเธอตรวจคนไข้ทั้งวัน บางวันก็มีผ่าตัด อีกทั้งบางคืนยังถูกเรียกให้มาทำคลอดหรือผ่าคลอดกลางดึกแต่ไม่เคยได้ยินเธอบนว่าเหนื่อยเลยแม้แต่ครั้งเดียวถ้าใครที่จะมาเป็นแฟนกับเธอคงคิดหนักเพราะเวลาพักแทบจะไม่มี และถ้าอีกฝ่ายต้องทำงานด้วยแล้วโอกาสจะได้อยู่กับแฟนก็คงริบหรี่ แต่สำหรับคนว่างงานอย่างนิโคไล กลับมองว่ามันไม่ใช่ปัญหาเลย เขามีเวลาให้เธอตลอดไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน ขอแค่เธอโทรบอกเข้าก็พร้อมที่จะรับเธอไปส่งที่โรงพยาบาลเพราะวันไหนที่เธอต้องเข้าเวรชายหนุ่มจะมาเช่าโรงแรมที่ใกล้กับคอนโดของเธอเพื่อจะได้รับเธอไปส่งได้ทันเวลา“วันนี้ให้ผมไปส่งที่บ้านเหมือนเดิมใช่ไหม” เขารู้ตารางของเธอเป็นอย่างดีเพราะปกติแล้วเช้าวันเสาร์เธอจะราวน์คนไข้เสร็จแล้วจากนั้นก็จะไปค้างที่บ้านกับครอบครัว นิโคไลไปส่งเธอแค่หน้าบ้านแต่ยังไม่เคยเข้าไปรู้จักกับคนในครอบครัวของเธอเลยสักครั้งดูเหมือนว่าเธอจะค่อนข้างเว้นระยะห่างกับเขาพอสมควรแต่ม
16.30 น. ขณะที่พัณณ์ชิตากำลังจะเริ่มแต่งตัวก็มีสายเรียกเข้าจากนิโคไล หญิงสาวคิดว่าเขาโทรมาบอกว่าเปลี่ยนใจไม่ไปกับเธอแล้ว“พั้นช์”“ว่าไงคะ เปลี่ยนใจแล้วใช่ไหม”“เปล่าครับ ผมแค่จะถามว่าผมต้องแต่งตัวยังไง”“แต่งยังไงก็ได้ค่ะ ไม่ได้เป็นทางการอะไรคนที่มาก็เพื่อนกันทั้งนั้น”“ผมกลัวทำคุณขายหน้า”“ไม่หรอกค่ะ ปกติคุณก็แต่งตัวดีอยู่แล้วไม่เห็นจะต้องกังวลเลยนี่ค่ะ”“มันเป็นครั้งแรกที่ผมจะได้เจอเพื่อนคุณนี่ครับ” จากคนที่มีความมั่นใจในรูปร่างและหน้าตาของตัวเอง แต่วันนี้นิโคไลกลับรู้สึกไม่มั่นใจจนต้องโทรถาม“ให้ฉันบอกตรงๆ ไหมคะ”“ครับ บอกผมมาเลย”“คุณหล่ออยู่แล้วแต่งแบบไหนก็หล่อ”“ไม่หลอกกันนะครับ”“คุณไม่เคยส่องกระจกหรือไงคะ ถึงไม่มั่นใจแบบนี้ เอาล่ะ ฉันขอวางก่อนนะ ฉันยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย”“ครับ ผมไม่กวนแล้วเดี๋ยวเจอกันนะ”พอวางสายแล้วพัณณ์ชิตาก็หันมาสนใจตัวเองอีกครั้ง วันนี้เธอเลือกสวมเดรสแขนกุดสีครีมยาวพอดีเข่า ดูสบายๆ ส่วนผมที่เคยรวมตึงไว้ตลอดก็ดัดปลายให้เป็นลอนดูเป็นธรรมชาติ จากนั้นแต่งเติมสีสันบนใบหน้าอีกเพียงนิดก็เรียบร้อย เธอไม่จำเป็นต้องแต่งอะไรมากเพราะวันนี้คนที่จะไปเจอก็มีแต่เพื่อนกัน
พัณณ์ชิตาแนะนำนิโคไลให้กับเพื่อนๆ จนครบทุกคนจากนั้นก็เริ่มทานอาหารจนกระทั่งทุกคนทานอิ่ม ความโกลาหลก็เกิดขึ้น เพราะแต่ละคนดูเหมือนจะไม่ได้เจอกันนานมาก ต่างฝ่ายต่างเล่าเรื่องราวที่ตัวเองเจอมาให้เพื่อนๆ ฟัง จนแยกแทบไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใครเขาไม่เคยเห็นพัณณ์ชิตาในมุมนี้มาก่อนเลย วันนี้เธอดูร่าเริงสดใสและช่างคุยเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี คุยไปสักพักเธอก็หันมาถามว่าเขาเบื่อไหม พอนิโคไลส่ายหน้าหญิงสาวก็หันไปคุยกับเพื่อนต่อนิโคไลฟังที่พวกเธอคุยกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไร ในทางกลับกันเข้ากลับรู้สึกเพลินด้วยซ้ำ“พั้นช์ ผมขอไปเข้าห้องน้ำนะ”“ค่ะ ถ้าเบื่อจะรอข้างนอกก็ได้นะคะ”“ไม่เป็นไรผมว่าพวกคุณคุยสนุกดี”พอบอกหญิงสาวเสร็จเขาก็เดินมาเข้าห้องน้ำและบังเอิญเจอกับคุณหมอคนหนึ่งที่กำลังเดินออกมาพอดี“คุณหมอครับ พอจะมีเวลาคุยกับผมนิดไหมครับ”“มีสิครับ ว่าแต่คุณจะไม่เข้าห้องน้ำก่อนเหรอ”“ไม่เป็นไรครับผมมีเรื่องจะถามคุณหมอนิดหน่อย”“ไปคุยกันตรงนั้นไหม” คุณหมอชี้ไปทางด้านหน้าร้านที่มีเก้าอี้หินอ่อนตั้งอยู่“ครับ” นิโคไลเดินตามมาจากนั้นทั้งสองก็นั่งลงบ
นิโคไลรีบหันหน้าเข้าหากำแพงเมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก เพราะไม่อยากให้ผู้ชายที่คุยกันในห้องน้ำเมื่อครู่รู้ว่าตนเองแอบฟังอยู่ พอสองคนเดินไปออกไปไกลแล้ว ชายหนุ่มก็ได้แต่มองตามหลัง เพราะได้ยินแต่เสียงเลยไม่รู้ว่าคนไหนที่เคยเป็นแฟนของพัณณ์ชิตามาก่อนแต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้วเพราะนิโคไลตัดสินใจแล้วว่าจากนี้เขาจะจีบคุณหมอคนสวยอย่างจริงจัง เพราะตั้งแต่ได้ใกล้ชิดมาตลอดหนึ่งเดือนมันทำให้เขามั่นใจว่าพัณณ์ชิตาคือผู้หญิงที่เขาอยู่ใกล้แล้วมีความสุขโดยไม่มีเรื่องบนเตียงมาเกี่ยวข้องจะว่าไปแล้วนิโคไลก็รู้สึกแปลกใจกับตัวเองอยู่เหมือนกัน ปกติแล้วเขาไม่เคยขาดเรื่องอย่างว่าได้นานขนาดนี้มาก่อน เขาชักจะสงสัยแล้วว่าตนน่าจะกามตายด้านไปแล้วหรือไม่ก็เครียดจนไม่มีอารมณ์ทางเพศ เขารีบสลัดความคิดพวกนี้ออกจากหัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวชายหนุ่มเดินกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้งขณะที่พัณณ์ชิตาก็กำลังนั่งฟังเพื่อนคนหนึ่งเล่าถึงการไปออกหน่อยแพทย์เคลื่อนที่ในถิ่นธุระกันดาร“หายไปนานเลยนะคะ นึกว่ากลับไปแล้ว”“พอดีมีงานให้ต้องโทรไปจัดการนิดหน่อยครับ” เขาตอบพลางขยับเข้ามาใกล้จนพัณณ์ชิตารู้สึกว่ามันใกล้จนแทบจะตั
“เฮ้อ!...” พัณณ์ชิตาถอนหายใจอย่างหนักหลังจากประตูรถปิดลง“ดูท่าเขาจะไม่ค่อยเชื่อนะว่าเราเป็นแฟนกัน”“แล้วฉันต้องทำยังไง ไม่ใช่ว่าเขาจะตามดูเราตลอดนะ”“ผมไม่รู้ว่านิสัยเขาเป็นยังไง เชื่อคนง่ายหรือเปล่า แต่อย่างมากก็คงตามถึงคอนโดนั่นแหละครับ”“ไม่ได้นะ ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าพักอยู่ที่ไหน” พัณณ์ชิตารู้จักนิสัยของคนรักเก่าดีว่าเป็นพวกชอบตามตื๊อ ถ้าเขารู้ว่าคอนโดเธออยู่ที่ไหนชีวิตของเธอคงจะวุ่นวายน่าดู“เขาไม่เคยไปที่นั่นเหรอครับ”“ไม่เคยค่ะ ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ที่คอนโดนั่นไม่นาน แต่ก่อนฉันอยู่บ้านค่ะ”“ถ้าไม่อยากให้เขาตามไปก็มีสองทางเลือกคือ ไปค้างที่บ้านผมหรือไม่เราก็ไปนั่งดื่มกันต่อ”“ถ้าเขาตามเข้าไปล่ะคะ”“เขาคงตามแน่ แต่ในนั้นคนเยอะครับ เขาคงจับตาดูเราไม่ได้ตลอดหรอก” อันที่จริงถ้าไม่อยากให้เขาตามนิโคไลก็แค่โทรบอกลูกน้องให้จัดการทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ที่ไม่ทำแบบนั้นเพราะอยากชวนพัณณ์ชิตาไปนั่งดื่มด้วยกันสักหน่อย เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเธอจึงไม่ต้องรีบตื่นนอนตั้งแต่เช้า“งั้นก็ตกลงค่ะ”นิโคไลขับรถพาพัณณ์ชิตามายังผับแห่งหนึ่งที่คนค่อนข้างจะพลุกพล่านเพราะเป็นคืนวันเสาร์แต่ก่อนมาเขาใ
จูบพิตที่เธอเริ่มร้อนแรงขึ้นทีละนิด เมื่อต่างฝ่ายต่างมีความต้องการที่มากล้น นิโคไลดูดกลืนความหวานจากโพรงปากอุ่นจนเธอแทบจะขาดอากาศ เขาผละออกแล้วลากลิ้นร้อนไปตามซอกคอหอมกรุ่นขบเม้มสร้างรอยรักไปทั่วปากร้อนเข้าครอบครองยอดอกสีสวยอีกครั้งปรนเปรอสลับไปมาทั้งสองข้างอย่างไม่น้อยหน้า เขาดูดดึงเต้าอวบราวเด็กทารกที่หิวกระหาย ขณะอีกมือหนึ่งก็จับเรียวขาของเธอให้แยกออกทีละนิด จากนั้นก็ถูไถท่อนเอ็นลงบนกลีบกุหลาบงาม ปลุกเร้าอารมณ์วาบหวามจนหญิงสาวครางสะท้าน“นิค...”“อย่าหลับตาพั้นช์ มองหน้าผมที่รัก”“อื้อ....เจ็บ”หญิงสาวหยิกไปบนท่อนแขนของเขาแน่นเมื่อส่วนปลายของความเป็นชายรุกล้ำเข้าไปในช่องทางคับแน่นที่ไม่เปิดรับของใครมาก่อน“อ่าห์ ที่รัก ไม่เกร็งนะ”“นิค ของคุณใหญ่”พัณณ์ชิตาเคยเห็นของผู้ชายมาก็มากเพราะก่อนที่เธอจะมาเป็นหมอสูติเธอก็ต้องเรียนให้ครบทุกแผนก แต่ของผู้ชายเหล่านั้นมันเทียบไม่ได้กับขนาดของนิโคไลเลยสักนิด“ไม่ต้องกลัว ถึงมันจะใหญ่แค่ไหน คุณก็จะรับมันเข้าไปได้ รู้ใช่ไหม” เธอพยักหน้าอย่างอายๆ ขณะที่นิโคไลก้มลงจูบปลอบประโลมอีกครั้ง สองมือนวดเฟ้นอกอิ่ม กระตุ้นให้เธอผ่อนคลายจากนั้นก็กด
“พั้นช์ คุณหอมหวานไปทั้งตัว”นิโคไลกล่าวชมด้วยเสียบแหบพร่าพลางพรมจูบไปทั่วผิวขาวนุ่ม เขาอยากสัมผัสเธอไปทุกสัดส่วน ร่างกายของเขากำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่อยากผลีผลามเพราะอยากให้คนรักประทับใจกับครั้งแรกที่เขาจะมอบความสุขให้“นิค...”พัณณ์ชิตาใช้ข้อศอกดันตัวเองลุกขึ้นมองเขาที่กำลังไล้จมูกโด่งไปบนหน้าท้องแบนราบ นิโคไลเงยหน้าขึ้นแววตาเขาเต็มไปด้วยไฟปรารถนา หญิงสาวใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อประสานกับสายตาคู่นั้น“เชื่อใจผมนะพั้นช์ ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุด”ชายหนุ่มให้คำมั่น ก่อนจะละสายตาจากใบหน้าหวานลงมามาพร้อมกับจับเรียวขาของหญิงสาวให้กางออก“สวยมากพั้นช์ คุณสวยมาก”เสียงแหบพร่าเอ่ยชมกลีบกุหลาบสีสวยที่ปิดสนิทแต่มีหยดน้ำหวานกำลังซึมออกมาทีละนิด เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผากอยากจะกลืนกินเธออย่างที่สุด“นิคคะ อย่าจ้องแบบได้ไหม”เธอพยายามเอามือลงมาปิด แต่เขาก็จับข้อมือเล็กนั้นให้ออกห่างจากกลางกาย“ไม่เห็นต้องอาย มันสวยจริงๆ พั้นช์”เพียงแค่ได้เห็นนิโคไลก็รู้สึกว่าท่อนเอ็นของเขามันกำลังเรียกร้องให้เขาเอามันออกมาปลดปล่อย แต่เขาก็ต้องข่มมันเอาไว้เพราะตอนนี้เขาอยากจะลิ้มรสน้ำหวานที่ไม่เคยคิดจะลิ้มลองมาก
พัณณ์ชิตาพานิโคไลตามมาสมทบกับเพื่อนหมอที่ผับ เธอแนะนำให้ชายหนุ่มรู้จักกับทุกในสถานะแฟน นิโคไลให้คนรักได้พูดคุยกับเพื่อนๆ ในขณะที่เขาก็นั่งดื่มอยู่เงียบๆในอดีตเขาไม่เคยต้องนั่งรอใครแบบนี้มาก่อน ทุกคนต้องตามเอาใจเขา การรอคอยมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อ แต่พัณณ์ชิตาก็ทำให้เขาทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ แต่ก่อนเขาไม่เคยเข้าใจบิดาของตนเลยว่าทำไมท่านถึงไปรอมารดาทำผมและทำเล็บที่ร้านได้ครั้งละหลายๆ ชั่วโมง แต่ตอนนี้เขาคิดว่าเข้าใจความรู้สึกของท่านแล้วเขารอจนกระทั่งเพื่อนของเธอกลับไปกันไปหมดแล้ว จึงเดินตามมานั่งด้วย“เบื่อไหมคะ”“ไม่เลยครับ ผมชอบนะที่เห็นคุณผ่อนคลายและสนุกกับเพื่อนๆ แบบนี้”“เรากลับกันเลยไหมคะ” พัณณ์ชิตารู้สึกว่าตอนเองเริ่มจะมึนนิดๆ เพราะเมื่อครู่ดื่มไปหลายแก้ว“พั้นช์เดินไหวไหม เมาหรือเปล่า”“ไม่ค่ะ แค่มึนเอง”นิโคไลเดินมาส่งหญิงสาวที่ห้องพักของเธอก่อนที่ตัวเองจะกลับไปห้องของตัวเอง หลังจากอาบน้ำและเตรียมเข้านอนก็มีสายเรียกเข้าจากพัณณ์ชิตา“นิคคะ เมื่อกี้คุณมาเคาะห้องพันช์หรือเปล่าคะ พอดีพั้นช์อยู่ในห้องน้ำเลยไม่ทันเปิด”“เปล่านะครับ เพื่อนคุณหรือเปล่า แต่ดึกขนาดนี้เขาจะมาเคาะทำไมนะ ผมว่า
“นิค” พัณณ์ชิตาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เพราะเมื่อตอนเย็นที่คุยกันเขายังอยู่ที่กรุงเทพ“คุยธุระเสร็จแล้วใช่ไหมครับ” นิโคไลเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งดึงเธอเข้าไปกอด“ค่ะ คุณมาได้ยังไง” พัณณ์ชิตาไม่ขัดขืนที่เขากอด แถมเธอยังกอดเขากลับอีกต่างหาก“คิดถึงครับก็เลยรีบมาหา” นิโคไลพูดพลางกดจูบไปบนหน้าผากของหญิงสาวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ“วิน พั้นช์ขอตัวก่อนนะ” หญิงสาวหันมาบอกขณะที่มือของเธอยังกอดเอวของนิโคไลเอาไว้“แต่เรายังไม่ได้บอกเรื่องสำคัญของเราเลยนะ” ธาวินมองอดีตคนรักด้วยสายตาตัดพ้อ“เรื่องสำคัญของวิน แต่มันไม่สำคัญสำหรับพั้นช์นี่ค่ะ ไปกันเธอคะนิค พั้นช์นัดเพื่อนไว้ที่ผับ เราไปฟังเพลงกันต่อนะคะ” หญิงสาวหันมาส่งยิ้มหวานให้กับนิโคไลราวกับจะประกาศให้อีกคนรู้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด“ผมขอตัวก่อนนะครับ” นิโคไลหันมากล่าวอย่างสุภาพก่อนจะเดินจับมือกับพัณณ์ชิตาออกมาจากชายหาดหน้าโรงแรมเขายังคงจับมือเธอไม่ปล่อยแม้จะพ้นจากสายตาของธาวินแล้วก็ตาม ทุกอย่างที่เขาปฏิบัติกับพัณณ์ชิตาวันนี้ไม่ใช่การแสดงแต่มันเป็นความรู้สึกที่เขาอยากแสดงออกกับเธอจริงๆพัณณ์ชิตาไม่ได้ว่าอะไรที่เขาจะจับมือเธอเดินไปแบบ
พัณณ์ชิตาเข้าประชุมกับเพื่อนร่วมอาชีพที่ได้ทั้งความรู้และได้เพื่อนใหม่อีกหลายคน หลังจากประชุมเสร็จในบ่ายวันศุกร์ก็มีการจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงของทางโรงแรมซึ่งงานจะเริ่มในเวลาหนึ่งทุ่ม แต่หญิงสาวไม่ค่อยอยากจะไปร่วมงานสักเท่าไหร่ “ผมอยากเห็นจังว่าเย็นนี้คุณจะสวมชุดไหน” นิโคไลถามเพราะเขากลัวว่าเธอจะแต่งตัวเช็กซี่จนหมอหนุ่มๆ ตามจีบ “ก็แค่เดรสธรรมดาเองค่ะ มันเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ไม่ได้หรูหราอะไรหรอกค่ะ พั้นช์ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่เลยค่ะ” “เหนื่อยเหรอครับ นี่เพิ่งห้าโมงเย็นเองนะ พั้นช์นอนพักก่อนก็ได้ งานเริ่มหนึ่งทุ่มไม่ใช่เหรอครับ” “ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ คุณก็รู้ว่าพั้นช์อึดแค่ไหน แค่นั่งประชุมอย่างเดียวไม่เหนื่อยเลย” “แล้วทำถึงไม่อยากไปล่ะครับ” “มีบางคนที่พั้นช์ไม่ค่อยอยากเจอค่ะ” “ไหนพั้นช์บอกว่าเขาไม่ไป” นิโคไลถามอย่างร้อนรน “ค่ะ เขาไม่ได้เข้าประชุม แต่หมออีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทของเขามาประชุม เขาเลยมาหาเพื่อนเขาเมื่อตอนบ่ายนี้ค่ะ แล้วก็คงจะมางานเลี้ยงเย็นนี้ด้วย ถ้าพั้นช์รู้มาก่อนก็คงไม่นัดเพื่อนหมอคนอ
“อะไรนะครับ คุณจะไปภูเก็ตเหรอ ผมไม่เห็นรู้เลย คิดจะหนีผมอีกแล้วใช่ไหมพั้นช์”“พั้นช์ก็เพิ่งรู้เมื่อกี้เองค่ะ พอดีมีประชุมวิชาการที่นั่นแล้วเพื่อนของเขาพั้นช์ลงทะเบียนไว้แล้วแต่ติดธุระด่วน พอดีว่าพั้นช์มีวันลาเหลืออีกเยอะก็เลยถือโอกาสไปแทนค่ะ”“คุณจะไปกี่วัน”“ประชุม 2 วันอยู่พักผ่อนอีก 2 วันค่ะ ถามทำไมคะ อย่าบอกนะว่าจะตามไปด้วย”“ไม่ได้เหรอครับ”“พั้นช์ว่าอย่าเลยค่ะ ขอเวลาพั้นช์อยู่คนเดียวนะคะ ถ้ากลับมาแล้วจะให้คำตอบที่คุณขอ” “แล้วเขาไปด้วยไหมครับ” “ไม่ค่ะ” เพราะรู้ว่าธาวินไม่ได้เธอจึงไปแทนเพื่อน“ผมหวังว่ากลับมาผมได้ยินข่าวดีจากคุณนะ”“ไม่คิดเผื่อใจไว้หน่อยเหรอคะ”“ผมรู้ว่าระหว่างเรามันเริ่มต้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับคุณเลย ถ้าคุณไม่อคติหรือปิดกั้นตัวเองจนเกินไปผมก็ยังมีความหวัง”“ทำไมถึงคิดว่าพั้นช์ปิดกั้นตัวเองล่ะคะ”“ก็เพื่อนๆ คุณคุยกันว่านานแล้วที่คุณไม่คบใครเลย ผมไม่รู้ว่าเพราะคุณปิดกั้นตัวเองหรือเปล่า”“ไม่ใช่หรอกค่ะ ที่พั้นช์ที่พั้นช์ยังไม่คบกับใครทั้งที่อายุเยอะแล้วก็เพราะยังไม่เจอคนที่ยอมรับและเข้าใจการทำงานของพั้นช์ อีกอย่าง
“เฮ้อ!...” พัณณ์ชิตาถอนหายใจอย่างหนักหลังจากประตูรถปิดลง“ดูท่าเขาจะไม่ค่อยเชื่อนะว่าเราเป็นแฟนกัน”“แล้วฉันต้องทำยังไง ไม่ใช่ว่าเขาจะตามดูเราตลอดนะ”“ผมไม่รู้ว่านิสัยเขาเป็นยังไง เชื่อคนง่ายหรือเปล่า แต่อย่างมากก็คงตามถึงคอนโดนั่นแหละครับ”“ไม่ได้นะ ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าพักอยู่ที่ไหน” พัณณ์ชิตารู้จักนิสัยของคนรักเก่าดีว่าเป็นพวกชอบตามตื๊อ ถ้าเขารู้ว่าคอนโดเธออยู่ที่ไหนชีวิตของเธอคงจะวุ่นวายน่าดู“เขาไม่เคยไปที่นั่นเหรอครับ”“ไม่เคยค่ะ ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ที่คอนโดนั่นไม่นาน แต่ก่อนฉันอยู่บ้านค่ะ”“ถ้าไม่อยากให้เขาตามไปก็มีสองทางเลือกคือ ไปค้างที่บ้านผมหรือไม่เราก็ไปนั่งดื่มกันต่อ”“ถ้าเขาตามเข้าไปล่ะคะ”“เขาคงตามแน่ แต่ในนั้นคนเยอะครับ เขาคงจับตาดูเราไม่ได้ตลอดหรอก” อันที่จริงถ้าไม่อยากให้เขาตามนิโคไลก็แค่โทรบอกลูกน้องให้จัดการทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ที่ไม่ทำแบบนั้นเพราะอยากชวนพัณณ์ชิตาไปนั่งดื่มด้วยกันสักหน่อย เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเธอจึงไม่ต้องรีบตื่นนอนตั้งแต่เช้า“งั้นก็ตกลงค่ะ”นิโคไลขับรถพาพัณณ์ชิตามายังผับแห่งหนึ่งที่คนค่อนข้างจะพลุกพล่านเพราะเป็นคืนวันเสาร์แต่ก่อนมาเขาใ
นิโคไลรีบหันหน้าเข้าหากำแพงเมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก เพราะไม่อยากให้ผู้ชายที่คุยกันในห้องน้ำเมื่อครู่รู้ว่าตนเองแอบฟังอยู่ พอสองคนเดินไปออกไปไกลแล้ว ชายหนุ่มก็ได้แต่มองตามหลัง เพราะได้ยินแต่เสียงเลยไม่รู้ว่าคนไหนที่เคยเป็นแฟนของพัณณ์ชิตามาก่อนแต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้วเพราะนิโคไลตัดสินใจแล้วว่าจากนี้เขาจะจีบคุณหมอคนสวยอย่างจริงจัง เพราะตั้งแต่ได้ใกล้ชิดมาตลอดหนึ่งเดือนมันทำให้เขามั่นใจว่าพัณณ์ชิตาคือผู้หญิงที่เขาอยู่ใกล้แล้วมีความสุขโดยไม่มีเรื่องบนเตียงมาเกี่ยวข้องจะว่าไปแล้วนิโคไลก็รู้สึกแปลกใจกับตัวเองอยู่เหมือนกัน ปกติแล้วเขาไม่เคยขาดเรื่องอย่างว่าได้นานขนาดนี้มาก่อน เขาชักจะสงสัยแล้วว่าตนน่าจะกามตายด้านไปแล้วหรือไม่ก็เครียดจนไม่มีอารมณ์ทางเพศ เขารีบสลัดความคิดพวกนี้ออกจากหัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวชายหนุ่มเดินกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้งขณะที่พัณณ์ชิตาก็กำลังนั่งฟังเพื่อนคนหนึ่งเล่าถึงการไปออกหน่อยแพทย์เคลื่อนที่ในถิ่นธุระกันดาร“หายไปนานเลยนะคะ นึกว่ากลับไปแล้ว”“พอดีมีงานให้ต้องโทรไปจัดการนิดหน่อยครับ” เขาตอบพลางขยับเข้ามาใกล้จนพัณณ์ชิตารู้สึกว่ามันใกล้จนแทบจะตั
พัณณ์ชิตาแนะนำนิโคไลให้กับเพื่อนๆ จนครบทุกคนจากนั้นก็เริ่มทานอาหารจนกระทั่งทุกคนทานอิ่ม ความโกลาหลก็เกิดขึ้น เพราะแต่ละคนดูเหมือนจะไม่ได้เจอกันนานมาก ต่างฝ่ายต่างเล่าเรื่องราวที่ตัวเองเจอมาให้เพื่อนๆ ฟัง จนแยกแทบไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใครเขาไม่เคยเห็นพัณณ์ชิตาในมุมนี้มาก่อนเลย วันนี้เธอดูร่าเริงสดใสและช่างคุยเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี คุยไปสักพักเธอก็หันมาถามว่าเขาเบื่อไหม พอนิโคไลส่ายหน้าหญิงสาวก็หันไปคุยกับเพื่อนต่อนิโคไลฟังที่พวกเธอคุยกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไร ในทางกลับกันเข้ากลับรู้สึกเพลินด้วยซ้ำ“พั้นช์ ผมขอไปเข้าห้องน้ำนะ”“ค่ะ ถ้าเบื่อจะรอข้างนอกก็ได้นะคะ”“ไม่เป็นไรผมว่าพวกคุณคุยสนุกดี”พอบอกหญิงสาวเสร็จเขาก็เดินมาเข้าห้องน้ำและบังเอิญเจอกับคุณหมอคนหนึ่งที่กำลังเดินออกมาพอดี“คุณหมอครับ พอจะมีเวลาคุยกับผมนิดไหมครับ”“มีสิครับ ว่าแต่คุณจะไม่เข้าห้องน้ำก่อนเหรอ”“ไม่เป็นไรครับผมมีเรื่องจะถามคุณหมอนิดหน่อย”“ไปคุยกันตรงนั้นไหม” คุณหมอชี้ไปทางด้านหน้าร้านที่มีเก้าอี้หินอ่อนตั้งอยู่“ครับ” นิโคไลเดินตามมาจากนั้นทั้งสองก็นั่งลงบ