พัณณ์ชิตาแนะนำนิโคไลให้กับเพื่อนๆ จนครบทุกคนจากนั้นก็เริ่มทานอาหารจนกระทั่งทุกคนทานอิ่ม ความโกลาหลก็เกิดขึ้น เพราะแต่ละคนดูเหมือนจะไม่ได้เจอกันนานมาก ต่างฝ่ายต่างเล่าเรื่องราวที่ตัวเองเจอมาให้เพื่อนๆ ฟัง จนแยกแทบไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใคร
เขาไม่เคยเห็นพัณณ์ชิตาในมุมนี้มาก่อนเลย วันนี้เธอดูร่าเริงสดใสและช่างคุยเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี คุยไปสักพักเธอก็หันมาถามว่าเขาเบื่อไหม พอนิโคไลส่ายหน้าหญิงสาวก็หันไปคุยกับเพื่อนต่อ
นิโคไลฟังที่พวกเธอคุยกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไร ในทางกลับกันเข้ากลับรู้สึกเพลินด้วยซ้ำ
“พั้นช์ ผมขอไปเข้าห้องน้ำนะ”
“ค่ะ ถ้าเบื่อจะรอข้างนอกก็ได้นะคะ”
“ไม่เป็นไรผมว่าพวกคุณคุยสนุกดี”
พอบอกหญิงสาวเสร็จเขาก็เดินมาเข้าห้องน้ำและบังเอิญเจอกับคุณหมอคนหนึ่งที่กำลังเดินออกมาพอดี
“คุณหมอครับ พอจะมีเวลาคุยกับผมนิดไหมครับ”
“มีสิครับ ว่าแต่คุณจะไม่เข้าห้องน้ำก่อนเหรอ”
“ไม่เป็นไรครับผมมีเรื่องจะถามคุณหมอนิดหน่อย”
“ไปคุยกันตรงนั้นไหม” คุณหมอชี้ไปทางด้านหน้าร้านที่มีเก้าอี้หินอ่อนตั้งอยู่
“ครับ” นิโคไลเดินตามมาจากนั้นทั้งสองก็นั่งลงบนเก้าอี้คนละตัวที่อยู่ติๆ กัน
“คุณจะถามผมเรื่องอะไรครับ เรื่องพั้นช์หรือเปล่า” เขาคิดออกแค่เรื่องเดียวเพราะเขากับชายคนนี้ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน ความเชื่อมโยงเดียวที่พวกเขามีก็คือพัณณ์ชิตา
“ไม่ใช่หรอกครับ” นิโคไลปฏิเสธ
“งั้นเรื่องอะไรครับ”
“ผมได้ยินคุณคุยกับเพื่อนๆ ว่าที่โรงพยาบาลกำลังอยากได้เครื่องมืออะไรสักอย่างที่ใช้ประเมินสภาวะเด็กที่อยู่ในท้อง”
“อ๋อ เครื่องตรวจ NST ครับ”
“แล้วไอ้เครื่องที่ว่านี่มันแพงไหมครับ คุณต้องใช้กี่เครื่อง”
“ราคาก็แพงพอสมควรครับ ที่โรงพยาบาลของเรามีแค่เครื่องเดียว แต่พอคนไข้มาพร้อมกันสองคนมันก็ลำบากใจที่จะต้องถอดให้กับอีกคนใช้สลับกัน ผลก็เลยขอให้เพื่อนๆ ช่วยจัดหาเครื่องมือสองตามโรงพยาบาลเอกชนให้ครับ”
“ผมอยากช่วยสนับสนุนตรงนี้ คุณคงไม่คิดว่าผมดูถูกใช่ไหม” เขากลัวว่าคุณหมอหนุ่มจะมองเจตนาของตนเองผิด
“ไม่หรอกครับ มีหลายคนที่ร่วมบริจาค อย่างเพื่อนๆ ที่นัดกันมาวันนี้ก็กำลังคิดว่าจะระดมทุนกันยังไง”
“คุณรอผมสักครู่นะครับ เดี๋ยวผมขอไปหยิบเช็คในรถก่อน” นิโคไลพูดจบก็เดินตรงไปยังรถของตนเอง
เขากลับมาอีกครั้งพร้อมกับส่งเช็คเงินสดจำนวนห้าล้านบาทให้กับคุณหมอหนุ่ม
“คุณครับ ผมลืมบอกคุณไปว่าราคาเครื่องอยู่ที่ประมาณ สามแสนกว่าๆ เองนะครับ นี่มันเยอะเกินไปแล้ว”
“ที่เหลือคุณก็เอาไปซื้อของที่จำเป็น”
“ขอบคุณนะครับ แต่ผมถามหน่อยได้ไหมทำไมคุณถึงอยากช่วย”
“ผมเคยเสียลูกไปเพราะเด็กคลอดก่อนกำหนด พอผมได้ยินเรื่องไรที่เกี่ยวกับเด็กผมก็เลยนึกถึงเขาครับ บางทีการทำแบบนี้ก็อาจจส่งบุญให้เขาได้ครับ”
“ผมเสียใจด้วยนะครับ และก็เข้าใจความรู้สึกของการสูญเสียดี”
“ครับ ผมเลยไม่อยากให้ใครต้องรู้สึกเหมือนผม เรื่องที่ผมบริจาคเงินคุณไม่ต้องบอกใครนะครับ บอกแค่ชายนิรนามก็ได้ครับ” เขาไม่ใช่พวกทำบุญเอาหน้าจึงไม่อยากให้ใครรู้
“แม้แต่พั้นช์คุณก็ไม่บอกเหรอครับ”
“ไม่จำเป็นหรอกครับ”
“ถ้าคุณกำลังจีบเธอ ผมว่าเรื่องนี้จะทำให้คุณได้คะแนนเพิ่มอีกมากเลยนะครับ” คุณหมอหนุ่มดูออกว่าชายคนนี้กำลังอยากพัฒนาความสัมพันธ์กับเพื่อนของตน
“ผมไม่อยากเอาเรื่องนี้มาทำให้เธออึดอัดครับ”
“คุณไม่ปฏิเสธว่ากำลังจีบเธอ”
“ครับ คุณคิดว่าไงล่ะ”
“เพื่อนผมเป็นคนจริงจังกับงานครับ เรื่องงานต้องมาก่อน ถ้าคุณนัดทานข้าวกับเธอแล้วมีเคสด่วนเข้ามาเธอก็จะทิ้งคุณไว้ที่ร้านอาหาร ถ้าคุณรับตรงนี้ได้ก็ไม่มีปัญหาครับ แต่ถ้าคิดว่าจะเข้ามาเปลี่ยนเธอให้เป็นแบบที่คุณพอใจก็เลิกคิดที่จะจีบครับ”
“ผมเข้าใจงานของเธอดี ผมถามหน่อยได้ไหม ถ้าคุณไม่อยากตอบผมก็ไม่ว่าอะไรครับ”
“ลองถามมาสิครับ”
“พั้นช์เคยมีแฟนไหมครับ
“สวยอย่างยายพั้นช์นะมีแฟนมาแล้ว แต่ก็ต้องเลิกเพราะความบ้างานของเธอนั่นแหละครับ อาชีพอย่างพวกเราหาคนเข้าใจยากครับ ส่วนใหญ่ก็เลยมีแฟนเป็นหมอเหมือนกันหรือไม่ก็พยาบาลเพราะมีความเข้าใจเรื่องงานของกันและกันดี แต่บางคนก็เลือกที่จะเป็นโสดเพราะไม่อยากปวดหัวกับเรื่องความรักครับ”
“ผมว่าเป็นอาชีพที่เสียสละมากเลยครับ”
“ก็ประมาณหนึ่งครับ ผมเห็นการทำงานของพั้นช์มาเกือบเดือน เธอไม่ค่อยมีเวลาส่วนตัวเลย”
“แล้วคุณจะรับได้ไหมล่ะครับ”
“ผมคิดว่าได้นะครับ”
“ถ้าคุณมั่นใจผมก็ขอเอาใช่ช่วยคุณนะ หวังว่าพวกเราจะได้ยินข่าวดีจากคุณทั้งสอง”
“ขอบคุณนะครับ ผมขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะครับ”
“ครับ ขอบคุณมากนะครับคุณนิโคไล”
“ยินดีครับ ถ้าคุณมีอะไรให้ผมช่วยก็บอกมาได้เลยนะครับ” นิโคไลส่งนามบัตรให้คุณหมอหนุ่มก่อนที่ตัวเองจะลุกไปเข้าห้องน้ำ
ชายหนุ่มเดินมาที่หน้าห้องน้ำ แต่ยังไม่ทันเปิดประตูเข้าไปก็ได้ยินเสียงคนคุยกันมาจากด้านใน เขาไม่ได้สนใจฟังเท่าไหร่จนกระทั่งได้ยินชายคนหนึ่งเอ่ยชื่อของพัณณ์ชิตาขึ้นมา
“ตงลงจะเอาแน่เหรอไอ้หมอ มึงจะจีบพั้นช์ทั้งๆ ที่ยังไม่หย่ากับเมียเนี่ยนะ”
“ก็จีบไว้ก่อนไง พั้นช์อยู่กรุงเทพ เมียกูอยู่สระบุรี ยังไงก็คงไม่ได้เจอกันหรอก”
“แล้วถ้าเมียมึงไม่ยอมหย่าล่ะ”
“ไม่หย่าก็คบสองคนเลยไง พั้นช์น่ะ เอาแต่ทำงานไม่มีเวลามาสนใจเรื่องส่วนตัวของใครหรอก”
“ถ้าตอนนั้นมึงกับพั้นช์ไม่เลิกกันกูว่าป่านนี้คงมีลูกไปนานแล้ว”
“ตอนนั้นกูโง่ไง พอเจอคนที่เอาใจหน่อยกูก็เลยเอนเอียง แต่ใครจะคิดว่าก่อนแต่งกับหลังแต่งจะคนละเรื่องกันว่ะ ก่อนแต่งเอาใจกูสารพัด หลังแต่งแม่งโคตรเอาแต่ใจ”
“แล้วมึงคิดว่าพั้นช์จะยอมกลับมาคบกับมึงเหรอว่ะ”
“กูว่าเขายังรอกูว่ะ ถ้างั้นคงมีคนอื่นไปแล้ว”
“แต่วันนี้เขาก็พาผู้ชายมาด้วยนะ แฟนใหม่หรือเปล่า”
“กูว่าไม่น่าจะใช่นะ พั้นช์เคยพูดไว้ว่าถ้าจะมีแฟนก็อยากมีอาชีพเดียวกันเพราะคุยกันรู้เรื่อง”
“เวลาผ่านไปเธอก็อาจจะเปลี่ยนใจแล้วก็ได้”
“แต่กูว่ายังไงกูก็มีภาษีดีกว่าไอ้หน้าหล่อนั้น อย่าลืมนะกูกับพั้นช์คบกันตั้งแต่เรียน ไม่มีใครรู้ใจพั้นช์เท่ากูหรอก”
“กูหวังว่ามึงจะไม่หน้าแตกนะ”
นิโคไลรีบหันหน้าเข้าหากำแพงเมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก เพราะไม่อยากให้ผู้ชายที่คุยกันในห้องน้ำเมื่อครู่รู้ว่าตนเองแอบฟังอยู่ พอสองคนเดินไปออกไปไกลแล้ว ชายหนุ่มก็ได้แต่มองตามหลัง เพราะได้ยินแต่เสียงเลยไม่รู้ว่าคนไหนที่เคยเป็นแฟนของพัณณ์ชิตามาก่อนแต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้วเพราะนิโคไลตัดสินใจแล้วว่าจากนี้เขาจะจีบคุณหมอคนสวยอย่างจริงจัง เพราะตั้งแต่ได้ใกล้ชิดมาตลอดหนึ่งเดือนมันทำให้เขามั่นใจว่าพัณณ์ชิตาคือผู้หญิงที่เขาอยู่ใกล้แล้วมีความสุขโดยไม่มีเรื่องบนเตียงมาเกี่ยวข้องจะว่าไปแล้วนิโคไลก็รู้สึกแปลกใจกับตัวเองอยู่เหมือนกัน ปกติแล้วเขาไม่เคยขาดเรื่องอย่างว่าได้นานขนาดนี้มาก่อน เขาชักจะสงสัยแล้วว่าตนน่าจะกามตายด้านไปแล้วหรือไม่ก็เครียดจนไม่มีอารมณ์ทางเพศ เขารีบสลัดความคิดพวกนี้ออกจากหัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวชายหนุ่มเดินกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้งขณะที่พัณณ์ชิตาก็กำลังนั่งฟังเพื่อนคนหนึ่งเล่าถึงการไปออกหน่อยแพทย์เคลื่อนที่ในถิ่นธุระกันดาร“หายไปนานเลยนะคะ นึกว่ากลับไปแล้ว”“พอดีมีงานให้ต้องโทรไปจัดการนิดหน่อยครับ” เขาตอบพลางขยับเข้ามาใกล้จนพัณณ์ชิตารู้สึกว่ามันใกล้จนแทบจะตั
“เฮ้อ!...” พัณณ์ชิตาถอนหายใจอย่างหนักหลังจากประตูรถปิดลง“ดูท่าเขาจะไม่ค่อยเชื่อนะว่าเราเป็นแฟนกัน”“แล้วฉันต้องทำยังไง ไม่ใช่ว่าเขาจะตามดูเราตลอดนะ”“ผมไม่รู้ว่านิสัยเขาเป็นยังไง เชื่อคนง่ายหรือเปล่า แต่อย่างมากก็คงตามถึงคอนโดนั่นแหละครับ”“ไม่ได้นะ ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าพักอยู่ที่ไหน” พัณณ์ชิตารู้จักนิสัยของคนรักเก่าดีว่าเป็นพวกชอบตามตื๊อ ถ้าเขารู้ว่าคอนโดเธออยู่ที่ไหนชีวิตของเธอคงจะวุ่นวายน่าดู“เขาไม่เคยไปที่นั่นเหรอครับ”“ไม่เคยค่ะ ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ที่คอนโดนั่นไม่นาน แต่ก่อนฉันอยู่บ้านค่ะ”“ถ้าไม่อยากให้เขาตามไปก็มีสองทางเลือกคือ ไปค้างที่บ้านผมหรือไม่เราก็ไปนั่งดื่มกันต่อ”“ถ้าเขาตามเข้าไปล่ะคะ”“เขาคงตามแน่ แต่ในนั้นคนเยอะครับ เขาคงจับตาดูเราไม่ได้ตลอดหรอก” อันที่จริงถ้าไม่อยากให้เขาตามนิโคไลก็แค่โทรบอกลูกน้องให้จัดการทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ที่ไม่ทำแบบนั้นเพราะอยากชวนพัณณ์ชิตาไปนั่งดื่มด้วยกันสักหน่อย เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเธอจึงไม่ต้องรีบตื่นนอนตั้งแต่เช้า“งั้นก็ตกลงค่ะ”นิโคไลขับรถพาพัณณ์ชิตามายังผับแห่งหนึ่งที่คนค่อนข้างจะพลุกพล่านเพราะเป็นคืนวันเสาร์แต่ก่อนมาเขาใ
“อะไรนะครับ คุณจะไปภูเก็ตเหรอ ผมไม่เห็นรู้เลย คิดจะหนีผมอีกแล้วใช่ไหมพั้นช์”“พั้นช์ก็เพิ่งรู้เมื่อกี้เองค่ะ พอดีมีประชุมวิชาการที่นั่นแล้วเพื่อนของเขาพั้นช์ลงทะเบียนไว้แล้วแต่ติดธุระด่วน พอดีว่าพั้นช์มีวันลาเหลืออีกเยอะก็เลยถือโอกาสไปแทนค่ะ”“คุณจะไปกี่วัน”“ประชุม 2 วันอยู่พักผ่อนอีก 2 วันค่ะ ถามทำไมคะ อย่าบอกนะว่าจะตามไปด้วย”“ไม่ได้เหรอครับ”“พั้นช์ว่าอย่าเลยค่ะ ขอเวลาพั้นช์อยู่คนเดียวนะคะ ถ้ากลับมาแล้วจะให้คำตอบที่คุณขอ” “แล้วเขาไปด้วยไหมครับ” “ไม่ค่ะ” เพราะรู้ว่าธาวินไม่ได้เธอจึงไปแทนเพื่อน“ผมหวังว่ากลับมาผมได้ยินข่าวดีจากคุณนะ”“ไม่คิดเผื่อใจไว้หน่อยเหรอคะ”“ผมรู้ว่าระหว่างเรามันเริ่มต้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับคุณเลย ถ้าคุณไม่อคติหรือปิดกั้นตัวเองจนเกินไปผมก็ยังมีความหวัง”“ทำไมถึงคิดว่าพั้นช์ปิดกั้นตัวเองล่ะคะ”“ก็เพื่อนๆ คุณคุยกันว่านานแล้วที่คุณไม่คบใครเลย ผมไม่รู้ว่าเพราะคุณปิดกั้นตัวเองหรือเปล่า”“ไม่ใช่หรอกค่ะ ที่พั้นช์ที่พั้นช์ยังไม่คบกับใครทั้งที่อายุเยอะแล้วก็เพราะยังไม่เจอคนที่ยอมรับและเข้าใจการทำงานของพั้นช์ อีกอย่าง
พัณณ์ชิตาเข้าประชุมกับเพื่อนร่วมอาชีพที่ได้ทั้งความรู้และได้เพื่อนใหม่อีกหลายคน หลังจากประชุมเสร็จในบ่ายวันศุกร์ก็มีการจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงของทางโรงแรมซึ่งงานจะเริ่มในเวลาหนึ่งทุ่ม แต่หญิงสาวไม่ค่อยอยากจะไปร่วมงานสักเท่าไหร่ “ผมอยากเห็นจังว่าเย็นนี้คุณจะสวมชุดไหน” นิโคไลถามเพราะเขากลัวว่าเธอจะแต่งตัวเช็กซี่จนหมอหนุ่มๆ ตามจีบ “ก็แค่เดรสธรรมดาเองค่ะ มันเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ไม่ได้หรูหราอะไรหรอกค่ะ พั้นช์ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่เลยค่ะ” “เหนื่อยเหรอครับ นี่เพิ่งห้าโมงเย็นเองนะ พั้นช์นอนพักก่อนก็ได้ งานเริ่มหนึ่งทุ่มไม่ใช่เหรอครับ” “ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ คุณก็รู้ว่าพั้นช์อึดแค่ไหน แค่นั่งประชุมอย่างเดียวไม่เหนื่อยเลย” “แล้วทำถึงไม่อยากไปล่ะครับ” “มีบางคนที่พั้นช์ไม่ค่อยอยากเจอค่ะ” “ไหนพั้นช์บอกว่าเขาไม่ไป” นิโคไลถามอย่างร้อนรน “ค่ะ เขาไม่ได้เข้าประชุม แต่หมออีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทของเขามาประชุม เขาเลยมาหาเพื่อนเขาเมื่อตอนบ่ายนี้ค่ะ แล้วก็คงจะมางานเลี้ยงเย็นนี้ด้วย ถ้าพั้นช์รู้มาก่อนก็คงไม่นัดเพื่อนหมอคนอ
“นิค” พัณณ์ชิตาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เพราะเมื่อตอนเย็นที่คุยกันเขายังอยู่ที่กรุงเทพ“คุยธุระเสร็จแล้วใช่ไหมครับ” นิโคไลเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งดึงเธอเข้าไปกอด“ค่ะ คุณมาได้ยังไง” พัณณ์ชิตาไม่ขัดขืนที่เขากอด แถมเธอยังกอดเขากลับอีกต่างหาก“คิดถึงครับก็เลยรีบมาหา” นิโคไลพูดพลางกดจูบไปบนหน้าผากของหญิงสาวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ“วิน พั้นช์ขอตัวก่อนนะ” หญิงสาวหันมาบอกขณะที่มือของเธอยังกอดเอวของนิโคไลเอาไว้“แต่เรายังไม่ได้บอกเรื่องสำคัญของเราเลยนะ” ธาวินมองอดีตคนรักด้วยสายตาตัดพ้อ“เรื่องสำคัญของวิน แต่มันไม่สำคัญสำหรับพั้นช์นี่ค่ะ ไปกันเธอคะนิค พั้นช์นัดเพื่อนไว้ที่ผับ เราไปฟังเพลงกันต่อนะคะ” หญิงสาวหันมาส่งยิ้มหวานให้กับนิโคไลราวกับจะประกาศให้อีกคนรู้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด“ผมขอตัวก่อนนะครับ” นิโคไลหันมากล่าวอย่างสุภาพก่อนจะเดินจับมือกับพัณณ์ชิตาออกมาจากชายหาดหน้าโรงแรมเขายังคงจับมือเธอไม่ปล่อยแม้จะพ้นจากสายตาของธาวินแล้วก็ตาม ทุกอย่างที่เขาปฏิบัติกับพัณณ์ชิตาวันนี้ไม่ใช่การแสดงแต่มันเป็นความรู้สึกที่เขาอยากแสดงออกกับเธอจริงๆพัณณ์ชิตาไม่ได้ว่าอะไรที่เขาจะจับมือเธอเดินไปแบบ
พัณณ์ชิตาพานิโคไลตามมาสมทบกับเพื่อนหมอที่ผับ เธอแนะนำให้ชายหนุ่มรู้จักกับทุกในสถานะแฟน นิโคไลให้คนรักได้พูดคุยกับเพื่อนๆ ในขณะที่เขาก็นั่งดื่มอยู่เงียบๆในอดีตเขาไม่เคยต้องนั่งรอใครแบบนี้มาก่อน ทุกคนต้องตามเอาใจเขา การรอคอยมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อ แต่พัณณ์ชิตาก็ทำให้เขาทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ แต่ก่อนเขาไม่เคยเข้าใจบิดาของตนเลยว่าทำไมท่านถึงไปรอมารดาทำผมและทำเล็บที่ร้านได้ครั้งละหลายๆ ชั่วโมง แต่ตอนนี้เขาคิดว่าเข้าใจความรู้สึกของท่านแล้วเขารอจนกระทั่งเพื่อนของเธอกลับไปกันไปหมดแล้ว จึงเดินตามมานั่งด้วย“เบื่อไหมคะ”“ไม่เลยครับ ผมชอบนะที่เห็นคุณผ่อนคลายและสนุกกับเพื่อนๆ แบบนี้”“เรากลับกันเลยไหมคะ” พัณณ์ชิตารู้สึกว่าตอนเองเริ่มจะมึนนิดๆ เพราะเมื่อครู่ดื่มไปหลายแก้ว“พั้นช์เดินไหวไหม เมาหรือเปล่า”“ไม่ค่ะ แค่มึนเอง”นิโคไลเดินมาส่งหญิงสาวที่ห้องพักของเธอก่อนที่ตัวเองจะกลับไปห้องของตัวเอง หลังจากอาบน้ำและเตรียมเข้านอนก็มีสายเรียกเข้าจากพัณณ์ชิตา“นิคคะ เมื่อกี้คุณมาเคาะห้องพันช์หรือเปล่าคะ พอดีพั้นช์อยู่ในห้องน้ำเลยไม่ทันเปิด”“เปล่านะครับ เพื่อนคุณหรือเปล่า แต่ดึกขนาดนี้เขาจะมาเคาะทำไมนะ ผมว่า
“พั้นช์ คุณหอมหวานไปทั้งตัว”นิโคไลกล่าวชมด้วยเสียบแหบพร่าพลางพรมจูบไปทั่วผิวขาวนุ่ม เขาอยากสัมผัสเธอไปทุกสัดส่วน ร่างกายของเขากำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่อยากผลีผลามเพราะอยากให้คนรักประทับใจกับครั้งแรกที่เขาจะมอบความสุขให้“นิค...”พัณณ์ชิตาใช้ข้อศอกดันตัวเองลุกขึ้นมองเขาที่กำลังไล้จมูกโด่งไปบนหน้าท้องแบนราบ นิโคไลเงยหน้าขึ้นแววตาเขาเต็มไปด้วยไฟปรารถนา หญิงสาวใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อประสานกับสายตาคู่นั้น“เชื่อใจผมนะพั้นช์ ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุด”ชายหนุ่มให้คำมั่น ก่อนจะละสายตาจากใบหน้าหวานลงมามาพร้อมกับจับเรียวขาของหญิงสาวให้กางออก“สวยมากพั้นช์ คุณสวยมาก”เสียงแหบพร่าเอ่ยชมกลีบกุหลาบสีสวยที่ปิดสนิทแต่มีหยดน้ำหวานกำลังซึมออกมาทีละนิด เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผากอยากจะกลืนกินเธออย่างที่สุด“นิคคะ อย่าจ้องแบบได้ไหม”เธอพยายามเอามือลงมาปิด แต่เขาก็จับข้อมือเล็กนั้นให้ออกห่างจากกลางกาย“ไม่เห็นต้องอาย มันสวยจริงๆ พั้นช์”เพียงแค่ได้เห็นนิโคไลก็รู้สึกว่าท่อนเอ็นของเขามันกำลังเรียกร้องให้เขาเอามันออกมาปลดปล่อย แต่เขาก็ต้องข่มมันเอาไว้เพราะตอนนี้เขาอยากจะลิ้มรสน้ำหวานที่ไม่เคยคิดจะลิ้มลองมาก
จูบพิตที่เธอเริ่มร้อนแรงขึ้นทีละนิด เมื่อต่างฝ่ายต่างมีความต้องการที่มากล้น นิโคไลดูดกลืนความหวานจากโพรงปากอุ่นจนเธอแทบจะขาดอากาศ เขาผละออกแล้วลากลิ้นร้อนไปตามซอกคอหอมกรุ่นขบเม้มสร้างรอยรักไปทั่วปากร้อนเข้าครอบครองยอดอกสีสวยอีกครั้งปรนเปรอสลับไปมาทั้งสองข้างอย่างไม่น้อยหน้า เขาดูดดึงเต้าอวบราวเด็กทารกที่หิวกระหาย ขณะอีกมือหนึ่งก็จับเรียวขาของเธอให้แยกออกทีละนิด จากนั้นก็ถูไถท่อนเอ็นลงบนกลีบกุหลาบงาม ปลุกเร้าอารมณ์วาบหวามจนหญิงสาวครางสะท้าน“นิค...”“อย่าหลับตาพั้นช์ มองหน้าผมที่รัก”“อื้อ....เจ็บ”หญิงสาวหยิกไปบนท่อนแขนของเขาแน่นเมื่อส่วนปลายของความเป็นชายรุกล้ำเข้าไปในช่องทางคับแน่นที่ไม่เปิดรับของใครมาก่อน“อ่าห์ ที่รัก ไม่เกร็งนะ”“นิค ของคุณใหญ่”พัณณ์ชิตาเคยเห็นของผู้ชายมาก็มากเพราะก่อนที่เธอจะมาเป็นหมอสูติเธอก็ต้องเรียนให้ครบทุกแผนก แต่ของผู้ชายเหล่านั้นมันเทียบไม่ได้กับขนาดของนิโคไลเลยสักนิด“ไม่ต้องกลัว ถึงมันจะใหญ่แค่ไหน คุณก็จะรับมันเข้าไปได้ รู้ใช่ไหม” เธอพยักหน้าอย่างอายๆ ขณะที่นิโคไลก้มลงจูบปลอบประโลมอีกครั้ง สองมือนวดเฟ้นอกอิ่ม กระตุ้นให้เธอผ่อนคลายจากนั้นก็กด
จูบพิตที่เธอเริ่มร้อนแรงขึ้นทีละนิด เมื่อต่างฝ่ายต่างมีความต้องการที่มากล้น นิโคไลดูดกลืนความหวานจากโพรงปากอุ่นจนเธอแทบจะขาดอากาศ เขาผละออกแล้วลากลิ้นร้อนไปตามซอกคอหอมกรุ่นขบเม้มสร้างรอยรักไปทั่วปากร้อนเข้าครอบครองยอดอกสีสวยอีกครั้งปรนเปรอสลับไปมาทั้งสองข้างอย่างไม่น้อยหน้า เขาดูดดึงเต้าอวบราวเด็กทารกที่หิวกระหาย ขณะอีกมือหนึ่งก็จับเรียวขาของเธอให้แยกออกทีละนิด จากนั้นก็ถูไถท่อนเอ็นลงบนกลีบกุหลาบงาม ปลุกเร้าอารมณ์วาบหวามจนหญิงสาวครางสะท้าน“นิค...”“อย่าหลับตาพั้นช์ มองหน้าผมที่รัก”“อื้อ....เจ็บ”หญิงสาวหยิกไปบนท่อนแขนของเขาแน่นเมื่อส่วนปลายของความเป็นชายรุกล้ำเข้าไปในช่องทางคับแน่นที่ไม่เปิดรับของใครมาก่อน“อ่าห์ ที่รัก ไม่เกร็งนะ”“นิค ของคุณใหญ่”พัณณ์ชิตาเคยเห็นของผู้ชายมาก็มากเพราะก่อนที่เธอจะมาเป็นหมอสูติเธอก็ต้องเรียนให้ครบทุกแผนก แต่ของผู้ชายเหล่านั้นมันเทียบไม่ได้กับขนาดของนิโคไลเลยสักนิด“ไม่ต้องกลัว ถึงมันจะใหญ่แค่ไหน คุณก็จะรับมันเข้าไปได้ รู้ใช่ไหม” เธอพยักหน้าอย่างอายๆ ขณะที่นิโคไลก้มลงจูบปลอบประโลมอีกครั้ง สองมือนวดเฟ้นอกอิ่ม กระตุ้นให้เธอผ่อนคลายจากนั้นก็กด
“พั้นช์ คุณหอมหวานไปทั้งตัว”นิโคไลกล่าวชมด้วยเสียบแหบพร่าพลางพรมจูบไปทั่วผิวขาวนุ่ม เขาอยากสัมผัสเธอไปทุกสัดส่วน ร่างกายของเขากำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่อยากผลีผลามเพราะอยากให้คนรักประทับใจกับครั้งแรกที่เขาจะมอบความสุขให้“นิค...”พัณณ์ชิตาใช้ข้อศอกดันตัวเองลุกขึ้นมองเขาที่กำลังไล้จมูกโด่งไปบนหน้าท้องแบนราบ นิโคไลเงยหน้าขึ้นแววตาเขาเต็มไปด้วยไฟปรารถนา หญิงสาวใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อประสานกับสายตาคู่นั้น“เชื่อใจผมนะพั้นช์ ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุด”ชายหนุ่มให้คำมั่น ก่อนจะละสายตาจากใบหน้าหวานลงมามาพร้อมกับจับเรียวขาของหญิงสาวให้กางออก“สวยมากพั้นช์ คุณสวยมาก”เสียงแหบพร่าเอ่ยชมกลีบกุหลาบสีสวยที่ปิดสนิทแต่มีหยดน้ำหวานกำลังซึมออกมาทีละนิด เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผากอยากจะกลืนกินเธออย่างที่สุด“นิคคะ อย่าจ้องแบบได้ไหม”เธอพยายามเอามือลงมาปิด แต่เขาก็จับข้อมือเล็กนั้นให้ออกห่างจากกลางกาย“ไม่เห็นต้องอาย มันสวยจริงๆ พั้นช์”เพียงแค่ได้เห็นนิโคไลก็รู้สึกว่าท่อนเอ็นของเขามันกำลังเรียกร้องให้เขาเอามันออกมาปลดปล่อย แต่เขาก็ต้องข่มมันเอาไว้เพราะตอนนี้เขาอยากจะลิ้มรสน้ำหวานที่ไม่เคยคิดจะลิ้มลองมาก
พัณณ์ชิตาพานิโคไลตามมาสมทบกับเพื่อนหมอที่ผับ เธอแนะนำให้ชายหนุ่มรู้จักกับทุกในสถานะแฟน นิโคไลให้คนรักได้พูดคุยกับเพื่อนๆ ในขณะที่เขาก็นั่งดื่มอยู่เงียบๆในอดีตเขาไม่เคยต้องนั่งรอใครแบบนี้มาก่อน ทุกคนต้องตามเอาใจเขา การรอคอยมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อ แต่พัณณ์ชิตาก็ทำให้เขาทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ แต่ก่อนเขาไม่เคยเข้าใจบิดาของตนเลยว่าทำไมท่านถึงไปรอมารดาทำผมและทำเล็บที่ร้านได้ครั้งละหลายๆ ชั่วโมง แต่ตอนนี้เขาคิดว่าเข้าใจความรู้สึกของท่านแล้วเขารอจนกระทั่งเพื่อนของเธอกลับไปกันไปหมดแล้ว จึงเดินตามมานั่งด้วย“เบื่อไหมคะ”“ไม่เลยครับ ผมชอบนะที่เห็นคุณผ่อนคลายและสนุกกับเพื่อนๆ แบบนี้”“เรากลับกันเลยไหมคะ” พัณณ์ชิตารู้สึกว่าตอนเองเริ่มจะมึนนิดๆ เพราะเมื่อครู่ดื่มไปหลายแก้ว“พั้นช์เดินไหวไหม เมาหรือเปล่า”“ไม่ค่ะ แค่มึนเอง”นิโคไลเดินมาส่งหญิงสาวที่ห้องพักของเธอก่อนที่ตัวเองจะกลับไปห้องของตัวเอง หลังจากอาบน้ำและเตรียมเข้านอนก็มีสายเรียกเข้าจากพัณณ์ชิตา“นิคคะ เมื่อกี้คุณมาเคาะห้องพันช์หรือเปล่าคะ พอดีพั้นช์อยู่ในห้องน้ำเลยไม่ทันเปิด”“เปล่านะครับ เพื่อนคุณหรือเปล่า แต่ดึกขนาดนี้เขาจะมาเคาะทำไมนะ ผมว่า
“นิค” พัณณ์ชิตาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เพราะเมื่อตอนเย็นที่คุยกันเขายังอยู่ที่กรุงเทพ“คุยธุระเสร็จแล้วใช่ไหมครับ” นิโคไลเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งดึงเธอเข้าไปกอด“ค่ะ คุณมาได้ยังไง” พัณณ์ชิตาไม่ขัดขืนที่เขากอด แถมเธอยังกอดเขากลับอีกต่างหาก“คิดถึงครับก็เลยรีบมาหา” นิโคไลพูดพลางกดจูบไปบนหน้าผากของหญิงสาวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ“วิน พั้นช์ขอตัวก่อนนะ” หญิงสาวหันมาบอกขณะที่มือของเธอยังกอดเอวของนิโคไลเอาไว้“แต่เรายังไม่ได้บอกเรื่องสำคัญของเราเลยนะ” ธาวินมองอดีตคนรักด้วยสายตาตัดพ้อ“เรื่องสำคัญของวิน แต่มันไม่สำคัญสำหรับพั้นช์นี่ค่ะ ไปกันเธอคะนิค พั้นช์นัดเพื่อนไว้ที่ผับ เราไปฟังเพลงกันต่อนะคะ” หญิงสาวหันมาส่งยิ้มหวานให้กับนิโคไลราวกับจะประกาศให้อีกคนรู้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด“ผมขอตัวก่อนนะครับ” นิโคไลหันมากล่าวอย่างสุภาพก่อนจะเดินจับมือกับพัณณ์ชิตาออกมาจากชายหาดหน้าโรงแรมเขายังคงจับมือเธอไม่ปล่อยแม้จะพ้นจากสายตาของธาวินแล้วก็ตาม ทุกอย่างที่เขาปฏิบัติกับพัณณ์ชิตาวันนี้ไม่ใช่การแสดงแต่มันเป็นความรู้สึกที่เขาอยากแสดงออกกับเธอจริงๆพัณณ์ชิตาไม่ได้ว่าอะไรที่เขาจะจับมือเธอเดินไปแบบ
พัณณ์ชิตาเข้าประชุมกับเพื่อนร่วมอาชีพที่ได้ทั้งความรู้และได้เพื่อนใหม่อีกหลายคน หลังจากประชุมเสร็จในบ่ายวันศุกร์ก็มีการจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงของทางโรงแรมซึ่งงานจะเริ่มในเวลาหนึ่งทุ่ม แต่หญิงสาวไม่ค่อยอยากจะไปร่วมงานสักเท่าไหร่ “ผมอยากเห็นจังว่าเย็นนี้คุณจะสวมชุดไหน” นิโคไลถามเพราะเขากลัวว่าเธอจะแต่งตัวเช็กซี่จนหมอหนุ่มๆ ตามจีบ “ก็แค่เดรสธรรมดาเองค่ะ มันเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ไม่ได้หรูหราอะไรหรอกค่ะ พั้นช์ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่เลยค่ะ” “เหนื่อยเหรอครับ นี่เพิ่งห้าโมงเย็นเองนะ พั้นช์นอนพักก่อนก็ได้ งานเริ่มหนึ่งทุ่มไม่ใช่เหรอครับ” “ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ คุณก็รู้ว่าพั้นช์อึดแค่ไหน แค่นั่งประชุมอย่างเดียวไม่เหนื่อยเลย” “แล้วทำถึงไม่อยากไปล่ะครับ” “มีบางคนที่พั้นช์ไม่ค่อยอยากเจอค่ะ” “ไหนพั้นช์บอกว่าเขาไม่ไป” นิโคไลถามอย่างร้อนรน “ค่ะ เขาไม่ได้เข้าประชุม แต่หมออีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทของเขามาประชุม เขาเลยมาหาเพื่อนเขาเมื่อตอนบ่ายนี้ค่ะ แล้วก็คงจะมางานเลี้ยงเย็นนี้ด้วย ถ้าพั้นช์รู้มาก่อนก็คงไม่นัดเพื่อนหมอคนอ
“อะไรนะครับ คุณจะไปภูเก็ตเหรอ ผมไม่เห็นรู้เลย คิดจะหนีผมอีกแล้วใช่ไหมพั้นช์”“พั้นช์ก็เพิ่งรู้เมื่อกี้เองค่ะ พอดีมีประชุมวิชาการที่นั่นแล้วเพื่อนของเขาพั้นช์ลงทะเบียนไว้แล้วแต่ติดธุระด่วน พอดีว่าพั้นช์มีวันลาเหลืออีกเยอะก็เลยถือโอกาสไปแทนค่ะ”“คุณจะไปกี่วัน”“ประชุม 2 วันอยู่พักผ่อนอีก 2 วันค่ะ ถามทำไมคะ อย่าบอกนะว่าจะตามไปด้วย”“ไม่ได้เหรอครับ”“พั้นช์ว่าอย่าเลยค่ะ ขอเวลาพั้นช์อยู่คนเดียวนะคะ ถ้ากลับมาแล้วจะให้คำตอบที่คุณขอ” “แล้วเขาไปด้วยไหมครับ” “ไม่ค่ะ” เพราะรู้ว่าธาวินไม่ได้เธอจึงไปแทนเพื่อน“ผมหวังว่ากลับมาผมได้ยินข่าวดีจากคุณนะ”“ไม่คิดเผื่อใจไว้หน่อยเหรอคะ”“ผมรู้ว่าระหว่างเรามันเริ่มต้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับคุณเลย ถ้าคุณไม่อคติหรือปิดกั้นตัวเองจนเกินไปผมก็ยังมีความหวัง”“ทำไมถึงคิดว่าพั้นช์ปิดกั้นตัวเองล่ะคะ”“ก็เพื่อนๆ คุณคุยกันว่านานแล้วที่คุณไม่คบใครเลย ผมไม่รู้ว่าเพราะคุณปิดกั้นตัวเองหรือเปล่า”“ไม่ใช่หรอกค่ะ ที่พั้นช์ที่พั้นช์ยังไม่คบกับใครทั้งที่อายุเยอะแล้วก็เพราะยังไม่เจอคนที่ยอมรับและเข้าใจการทำงานของพั้นช์ อีกอย่าง
“เฮ้อ!...” พัณณ์ชิตาถอนหายใจอย่างหนักหลังจากประตูรถปิดลง“ดูท่าเขาจะไม่ค่อยเชื่อนะว่าเราเป็นแฟนกัน”“แล้วฉันต้องทำยังไง ไม่ใช่ว่าเขาจะตามดูเราตลอดนะ”“ผมไม่รู้ว่านิสัยเขาเป็นยังไง เชื่อคนง่ายหรือเปล่า แต่อย่างมากก็คงตามถึงคอนโดนั่นแหละครับ”“ไม่ได้นะ ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าพักอยู่ที่ไหน” พัณณ์ชิตารู้จักนิสัยของคนรักเก่าดีว่าเป็นพวกชอบตามตื๊อ ถ้าเขารู้ว่าคอนโดเธออยู่ที่ไหนชีวิตของเธอคงจะวุ่นวายน่าดู“เขาไม่เคยไปที่นั่นเหรอครับ”“ไม่เคยค่ะ ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ที่คอนโดนั่นไม่นาน แต่ก่อนฉันอยู่บ้านค่ะ”“ถ้าไม่อยากให้เขาตามไปก็มีสองทางเลือกคือ ไปค้างที่บ้านผมหรือไม่เราก็ไปนั่งดื่มกันต่อ”“ถ้าเขาตามเข้าไปล่ะคะ”“เขาคงตามแน่ แต่ในนั้นคนเยอะครับ เขาคงจับตาดูเราไม่ได้ตลอดหรอก” อันที่จริงถ้าไม่อยากให้เขาตามนิโคไลก็แค่โทรบอกลูกน้องให้จัดการทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ที่ไม่ทำแบบนั้นเพราะอยากชวนพัณณ์ชิตาไปนั่งดื่มด้วยกันสักหน่อย เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเธอจึงไม่ต้องรีบตื่นนอนตั้งแต่เช้า“งั้นก็ตกลงค่ะ”นิโคไลขับรถพาพัณณ์ชิตามายังผับแห่งหนึ่งที่คนค่อนข้างจะพลุกพล่านเพราะเป็นคืนวันเสาร์แต่ก่อนมาเขาใ
นิโคไลรีบหันหน้าเข้าหากำแพงเมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก เพราะไม่อยากให้ผู้ชายที่คุยกันในห้องน้ำเมื่อครู่รู้ว่าตนเองแอบฟังอยู่ พอสองคนเดินไปออกไปไกลแล้ว ชายหนุ่มก็ได้แต่มองตามหลัง เพราะได้ยินแต่เสียงเลยไม่รู้ว่าคนไหนที่เคยเป็นแฟนของพัณณ์ชิตามาก่อนแต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้วเพราะนิโคไลตัดสินใจแล้วว่าจากนี้เขาจะจีบคุณหมอคนสวยอย่างจริงจัง เพราะตั้งแต่ได้ใกล้ชิดมาตลอดหนึ่งเดือนมันทำให้เขามั่นใจว่าพัณณ์ชิตาคือผู้หญิงที่เขาอยู่ใกล้แล้วมีความสุขโดยไม่มีเรื่องบนเตียงมาเกี่ยวข้องจะว่าไปแล้วนิโคไลก็รู้สึกแปลกใจกับตัวเองอยู่เหมือนกัน ปกติแล้วเขาไม่เคยขาดเรื่องอย่างว่าได้นานขนาดนี้มาก่อน เขาชักจะสงสัยแล้วว่าตนน่าจะกามตายด้านไปแล้วหรือไม่ก็เครียดจนไม่มีอารมณ์ทางเพศ เขารีบสลัดความคิดพวกนี้ออกจากหัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวชายหนุ่มเดินกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้งขณะที่พัณณ์ชิตาก็กำลังนั่งฟังเพื่อนคนหนึ่งเล่าถึงการไปออกหน่อยแพทย์เคลื่อนที่ในถิ่นธุระกันดาร“หายไปนานเลยนะคะ นึกว่ากลับไปแล้ว”“พอดีมีงานให้ต้องโทรไปจัดการนิดหน่อยครับ” เขาตอบพลางขยับเข้ามาใกล้จนพัณณ์ชิตารู้สึกว่ามันใกล้จนแทบจะตั
พัณณ์ชิตาแนะนำนิโคไลให้กับเพื่อนๆ จนครบทุกคนจากนั้นก็เริ่มทานอาหารจนกระทั่งทุกคนทานอิ่ม ความโกลาหลก็เกิดขึ้น เพราะแต่ละคนดูเหมือนจะไม่ได้เจอกันนานมาก ต่างฝ่ายต่างเล่าเรื่องราวที่ตัวเองเจอมาให้เพื่อนๆ ฟัง จนแยกแทบไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใครเขาไม่เคยเห็นพัณณ์ชิตาในมุมนี้มาก่อนเลย วันนี้เธอดูร่าเริงสดใสและช่างคุยเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี คุยไปสักพักเธอก็หันมาถามว่าเขาเบื่อไหม พอนิโคไลส่ายหน้าหญิงสาวก็หันไปคุยกับเพื่อนต่อนิโคไลฟังที่พวกเธอคุยกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไร ในทางกลับกันเข้ากลับรู้สึกเพลินด้วยซ้ำ“พั้นช์ ผมขอไปเข้าห้องน้ำนะ”“ค่ะ ถ้าเบื่อจะรอข้างนอกก็ได้นะคะ”“ไม่เป็นไรผมว่าพวกคุณคุยสนุกดี”พอบอกหญิงสาวเสร็จเขาก็เดินมาเข้าห้องน้ำและบังเอิญเจอกับคุณหมอคนหนึ่งที่กำลังเดินออกมาพอดี“คุณหมอครับ พอจะมีเวลาคุยกับผมนิดไหมครับ”“มีสิครับ ว่าแต่คุณจะไม่เข้าห้องน้ำก่อนเหรอ”“ไม่เป็นไรครับผมมีเรื่องจะถามคุณหมอนิดหน่อย”“ไปคุยกันตรงนั้นไหม” คุณหมอชี้ไปทางด้านหน้าร้านที่มีเก้าอี้หินอ่อนตั้งอยู่“ครับ” นิโคไลเดินตามมาจากนั้นทั้งสองก็นั่งลงบ