นิโคไลรีบหันหน้าเข้าหากำแพงเมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก เพราะไม่อยากให้ผู้ชายที่คุยกันในห้องน้ำเมื่อครู่รู้ว่าตนเองแอบฟังอยู่ พอสองคนเดินไปออกไปไกลแล้ว ชายหนุ่มก็ได้แต่มองตามหลัง เพราะได้ยินแต่เสียงเลยไม่รู้ว่าคนไหนที่เคยเป็นแฟนของพัณณ์ชิตามาก่อน
แต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้วเพราะนิโคไลตัดสินใจแล้วว่าจากนี้เขาจะจีบคุณหมอคนสวยอย่างจริงจัง เพราะตั้งแต่ได้ใกล้ชิดมาตลอดหนึ่งเดือนมันทำให้เขามั่นใจว่าพัณณ์ชิตาคือผู้หญิงที่เขาอยู่ใกล้แล้วมีความสุขโดยไม่มีเรื่องบนเตียงมาเกี่ยวข้อง
จะว่าไปแล้วนิโคไลก็รู้สึกแปลกใจกับตัวเองอยู่เหมือนกัน ปกติแล้วเขาไม่เคยขาดเรื่องอย่างว่าได้นานขนาดนี้มาก่อน เขาชักจะสงสัยแล้วว่าตนน่าจะกามตายด้านไปแล้วหรือไม่ก็เครียดจนไม่มีอารมณ์ทางเพศ เขารีบสลัดความคิดพวกนี้ออกจากหัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัว
ชายหนุ่มเดินกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้งขณะที่พัณณ์ชิตาก็กำลังนั่งฟังเพื่อนคนหนึ่งเล่าถึงการไปออกหน่อยแพทย์เคลื่อนที่ในถิ่นธุระกันดาร
“หายไปนานเลยนะคะ นึกว่ากลับไปแล้ว”
“พอดีมีงานให้ต้องโทรไปจัดการนิดหน่อยครับ” เขาตอบพลางขยับเข้ามาใกล้จนพัณณ์ชิตารู้สึกว่ามันใกล้จนแทบจะตัวติดกันอยู่แล้ว
“คุณ ที่นั่งตั้งกว้างมานั่งติดฉันทำไม” เธอกระซิบเบาๆ
“ทำไมล่ะ หรือกลัวแฟนเก่าจะเข้าใจผิด”
“แฟนเก่า” หญิงสาวหันมามองหน้าเขาอย่างสงสัย เธอไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้เขาฟังและมั่นใจได้เลยว่าเพื่อนของเธอก็ไม่มีคนไหนพูดถึงอย่างแน่นอน เพราะเรื่องมันผ่านมานานแล้ว และแฟนเก่าของเธอคนนั้นก็แต่งงานไปแล้ว
“อย่าทำหน้างงแบบนั้นสิ เรื่องนี้ผมบังเอิญรู้มาและก็รู้ด้วยว่าเขากำลังจะเลิกกับเมียแล้วกลับมาหาคุณ”
“ตลกน่า ใครจะทำแบบนั้น”
“พั้นช์ ถ้าเขากลับมาขอคืนดีคุณจะว่ายังไง”
“มันไม่มีทางเป็นแบบนั้นหรอกนะคะ หนังสือที่อ่านแล้วไม่ประทับใจคุณอยากจะหยิบขึ้นมาอ่านซ้ำไหมล่ะคะ” เธอถามกลับ
“สำหรับผมคงไม่ครับเพราะมันเสียเวลา”
“ฉันก็คิดแบบนั้นเพราะฉะนั้นมันไม่มีทางเสียเวลากลับไปคบกับคนที่เคยเลิกมาแล้วหรอกนะคะ”
“ถ้าเขามาง้อ มาขอโอกาสล่ะ”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันว่าโอกาสของเขาหมดไปตั้งแต่วันที่ตัดสินใจเลิกกันแล้ว ฉันไม่ได้โกรธหรือเกลียดเขาหรอกนะคะ แต่ทุกอย่างถ้ามันจบก็คือจบ ที่เหลือก็แค่ความเป็นเพื่อนค่ะ ฉันว่าคุณน่าจะรู้อะไรมาเยอะนะคะ”
“ก็ประมาณหนึ่งครับ ผมรู้ด้วยนะว่าเขาคิดว่าที่คุณยังไงไม่มีแฟนเพราะรอเขาอยู่”
“จะบ้าหรือเปล่าใครรอเขากันล่ะ”
“แต่เขาคิดแบบนั้นนะครับ”
“คุณรู้เหรอคะว่าคนไหนเป็นแฟนเก่าของฉัน”
“ตอนแรกผมก็ไม่รู้หรอกว่าคนไหนแฟนเก่าคุณ แต่ตอนนี้ผมรู้แล้วล่ะ” นิโคไลสังเกตปฏิกิริยาของผู้ชายสองคนที่เดินออกมาจากห้องน้ำ ขณะที่เขาขยับเข้าใกล้และเริ่มกระซิบกระซาบกับพัณณ์ชิตา
“ฉันว่าเรื่องนี้ไม่น่าเอามาเป็นประเด็น เพราะเราเลิกกันไปนานแล้วนะคะ เรื่องจะกลับไปคบกันมันไม่มีทางเป็นไปได้เลยสักนิด ปล่อยให้เขาคิดไปคนเดียวเถอะค่ะว่าฉันรอเขาอยู่ ฉันคงไปห้ามความคิดของเขาไม่ได้” พัณณ์ชิตาไม่สนใจความคิดของคนอื่นเพราะรู้ดีว่าตัวเองไม่มีทางคืนดีกับเขา
“ถ้าคุณไม่อยากให้เขาคิดว่าคุณรอเขาอยู่ ผมจะให้คุณยืมผมเป็นแฟนก็ได้นะ”
“ฉันจะทำแบบนั้นเพื่ออะไรล่ะคะ”
“เพื่อให้เขาเลิกสนใจคุณไงล่ะ ถ้าเขาเห็นว่าคุณมีแฟนแล้วเขาก็คงเลิกคิดและอาจจะไม่ต้องหย่ากับเมียเขาก็ได้นะ คุณคงไม่อยากเป็นสาเหตุให้เขาเลิกกับเมียใช่ไหมล่ะ” นิโคไลหว่านล้อม
“ฉันคงไม่มีอิทธิพลกับการตัดสินใจของเขาขนาดนั้นหรอกมั้งคะ”
“มันก็ไม่แน่เสมอไปนะครับ”
“ฉันละเกลียดนักเชียวพวกผู้ชายเจ้าชู้เนี่ย”
“แต่ผมไม่เจ้าชู้นะ” นิโคไลรีบบอก
“เชื่อได้เหรอคะ ฉันว่าหน้าตาหล่ออย่างคุณคงควงผู้หญิงไม่ซ้ำหน้า”
“แล้วหนึ่งเดือนที่ผ่านมาคุณเห็นผมควงใครไหมล่ะ”
“ฉันจะไปรู้ได้ยังไงล่ะ เราไม่ได้ตัวติดกันสักหน่อย”
“ผมไม่มีใครหรอก ถ้ามีจริงคุณก็คงเคยเห็นผ่านตาหรือไม่ก็ต้องคุยโทรศัพท์ให้คุณเห็นบ้าง”
“สองคนนั้นจะนั่งจีบกันอีกนานไหม” เพื่อนคนหนึ่งเห็นว่าทั้งสองเอาแต่นั่งคุยกับก็อดจะแซวไม่ได้
“นั้นสิ ดูสิเพื่อนเขากำลังจะกลับกันแล้ว เก็บไว้คุยกันสองคนก็ได้มั้ง” เพื่อนอีกคนก็เอากับเขาด้วย
“โทษทีครับ พอดีมีเรื่องตกลงกันนิดหน่อย ผมจะจ่ายค่าอาหารทั้งหมดแต่พั้นช์เขาไม่ยอมครับ”
“ได้ไงล่ะยายพั้นช์มีเจ้ามือทั้งทีพวกเราจะได้ไม่ต้องจ่ายไง”
“ใช่ๆ นานๆ ทีจะมีเจ้ามือ”
“พั้นช์เกรงใจคุณนะคะ”
“ไม่เป็นไรครับเพื่อนแฟนก็เหมือนเพื่อนผม” พูดจบเขาก็ส่งเครติดการ์ดให้กับพนักงานโดยไม่ฟังคำคัดค้านของพัณณ์ชิตา
“อ้าว ยังไงกันแน่เมื่อกี้บอกเป็นเพื่อนนะพั้นช์” เพื่อนคนหนึ่งรีบถามขึ้นเพราะตอนแรกที่พัณณ์ชิตาแนะนำนิโคไลกับทุกคนนั้นเธอบอกแค่ว่าเขาเป็นเพื่อน
“พวกเธอก็พูดเหมือนไม่รู้จักเพื่อนตัวเองนะ พั้นช์เคยมีเพื่อนที่ไหนนอกจากพวกเราบ้างล่ะ” คุณหมอหนุ่มที่คุยกันนิโคไลช่วยพูดสนับสนุนพัณณ์ชิตาไม่อยากหักหน้าเขาเลยได้แต่ยิ้มรับไปโดยปริยาย
คนอื่นต่างยืนดีที่พัณณ์ชิตามีแฟนแต่ก็มีอยู่คนหนึ่งที่ทำหน้าบึ้งเพราะรู้สึกผิดหวังที่ได้ยินแบบนั้น
“แล้วอย่างนี้จะมีข่าวดีเมื่อไหร่ล่ะ อย่าลืมบอกพวกเราแต่เนิ่นๆ นะคะคุณนิค พวกเราน่ะกว่าจะลางานมาครบทีมได้แบบนี้มันยากมาก”
“เอาไว้เราตกลงกันได้แล้วจะบอกทุกคนอีกครั้งนะครับ ตอนนี้พั้นช์เขาขอทำงานก่อน ส่วนผมพร้อมตลอดครับ”
“ว้าว น่าอิจฉาจังเลยนะพั้นช์ คุณนิคคะ ถ้าไม่อยากรอพั้นช์จะหันมาสนใจเพื่อนของพั้นช์ได้นะคะ” คุณหมอสาวคนหนึ่งรับพูดแหย่
“พวกเรายังโสดอีกหลายคนเลยนะคะ”
“ขอบคุณครับ” นิโคไลยิ้มรับกับไมตรีที่เพื่อนของหญิงสาวมอบให้
จากนั้นทุกคนก็ร่ำลากันอีกพักใหญ่ก่อนจะแยกย้ายกันขึ้นรถของตน นิโคไลสังเกตว่าผู้ชายคนนั้นจ้องเขาราวกับว่าอยากประกาศตนเป็นศัตรู ก่อนจะเดินตรงมาที่เขากับพัณณ์ชิตายืนอยู่
“พั้นช์ ผมขอคุยหน่อยได้ไหม”
“คุยอะไรคะ”
“เรื่องส่วนตัว ขอเวลาไม่นานครับ”
“คุยตรงนี้ก็นี่ เรากับนิคไม่มีความลับต่อกันอยู่แล้ว” พัณณ์ชิตายอมเล่นละครเป็นแฟนของเขาเพราะเธอเห็นท่าทางของอดีตคนรักแล้วมันดูไม่เป็นมิตรเลย
นิโคไลเลยถือโอกาสโอบไหล่เธอเข้ามาจนชิดโดยที่หญิงสาวไม่ขัดขืนแต่อย่างใด
“คุณเป็นแฟนกันแน่เหรอ”
“ทำถามแบบนั้นล่ะ”
“ไม่รู้สิ บางทีพั้นช์อาจจะแค่อยากประชดผม”
“เราจะทำแบบนั้นทำไมล่ะ ถ้าเรื่องที่วินจะพูดมีแค่นี้เราสองคนต้องขอตัวกลับก่อนนะ”
“แล้วเราจะโทรหานะพั้นช์”
“ถ้าโทรเรื่องงานวินโทรหาเราได้ตลอดนะ แต่ถ้าไม่ใช่ก็อย่าเลย เราไปก่อนนะ”
“เฮ้อ!...” พัณณ์ชิตาถอนหายใจอย่างหนักหลังจากประตูรถปิดลง“ดูท่าเขาจะไม่ค่อยเชื่อนะว่าเราเป็นแฟนกัน”“แล้วฉันต้องทำยังไง ไม่ใช่ว่าเขาจะตามดูเราตลอดนะ”“ผมไม่รู้ว่านิสัยเขาเป็นยังไง เชื่อคนง่ายหรือเปล่า แต่อย่างมากก็คงตามถึงคอนโดนั่นแหละครับ”“ไม่ได้นะ ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าพักอยู่ที่ไหน” พัณณ์ชิตารู้จักนิสัยของคนรักเก่าดีว่าเป็นพวกชอบตามตื๊อ ถ้าเขารู้ว่าคอนโดเธออยู่ที่ไหนชีวิตของเธอคงจะวุ่นวายน่าดู“เขาไม่เคยไปที่นั่นเหรอครับ”“ไม่เคยค่ะ ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ที่คอนโดนั่นไม่นาน แต่ก่อนฉันอยู่บ้านค่ะ”“ถ้าไม่อยากให้เขาตามไปก็มีสองทางเลือกคือ ไปค้างที่บ้านผมหรือไม่เราก็ไปนั่งดื่มกันต่อ”“ถ้าเขาตามเข้าไปล่ะคะ”“เขาคงตามแน่ แต่ในนั้นคนเยอะครับ เขาคงจับตาดูเราไม่ได้ตลอดหรอก” อันที่จริงถ้าไม่อยากให้เขาตามนิโคไลก็แค่โทรบอกลูกน้องให้จัดการทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ที่ไม่ทำแบบนั้นเพราะอยากชวนพัณณ์ชิตาไปนั่งดื่มด้วยกันสักหน่อย เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเธอจึงไม่ต้องรีบตื่นนอนตั้งแต่เช้า“งั้นก็ตกลงค่ะ”นิโคไลขับรถพาพัณณ์ชิตามายังผับแห่งหนึ่งที่คนค่อนข้างจะพลุกพล่านเพราะเป็นคืนวันเสาร์แต่ก่อนมาเขาใ
“อะไรนะครับ คุณจะไปภูเก็ตเหรอ ผมไม่เห็นรู้เลย คิดจะหนีผมอีกแล้วใช่ไหมพั้นช์”“พั้นช์ก็เพิ่งรู้เมื่อกี้เองค่ะ พอดีมีประชุมวิชาการที่นั่นแล้วเพื่อนของเขาพั้นช์ลงทะเบียนไว้แล้วแต่ติดธุระด่วน พอดีว่าพั้นช์มีวันลาเหลืออีกเยอะก็เลยถือโอกาสไปแทนค่ะ”“คุณจะไปกี่วัน”“ประชุม 2 วันอยู่พักผ่อนอีก 2 วันค่ะ ถามทำไมคะ อย่าบอกนะว่าจะตามไปด้วย”“ไม่ได้เหรอครับ”“พั้นช์ว่าอย่าเลยค่ะ ขอเวลาพั้นช์อยู่คนเดียวนะคะ ถ้ากลับมาแล้วจะให้คำตอบที่คุณขอ” “แล้วเขาไปด้วยไหมครับ” “ไม่ค่ะ” เพราะรู้ว่าธาวินไม่ได้เธอจึงไปแทนเพื่อน“ผมหวังว่ากลับมาผมได้ยินข่าวดีจากคุณนะ”“ไม่คิดเผื่อใจไว้หน่อยเหรอคะ”“ผมรู้ว่าระหว่างเรามันเริ่มต้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับคุณเลย ถ้าคุณไม่อคติหรือปิดกั้นตัวเองจนเกินไปผมก็ยังมีความหวัง”“ทำไมถึงคิดว่าพั้นช์ปิดกั้นตัวเองล่ะคะ”“ก็เพื่อนๆ คุณคุยกันว่านานแล้วที่คุณไม่คบใครเลย ผมไม่รู้ว่าเพราะคุณปิดกั้นตัวเองหรือเปล่า”“ไม่ใช่หรอกค่ะ ที่พั้นช์ที่พั้นช์ยังไม่คบกับใครทั้งที่อายุเยอะแล้วก็เพราะยังไม่เจอคนที่ยอมรับและเข้าใจการทำงานของพั้นช์ อีกอย่าง
พัณณ์ชิตาเข้าประชุมกับเพื่อนร่วมอาชีพที่ได้ทั้งความรู้และได้เพื่อนใหม่อีกหลายคน หลังจากประชุมเสร็จในบ่ายวันศุกร์ก็มีการจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงของทางโรงแรมซึ่งงานจะเริ่มในเวลาหนึ่งทุ่ม แต่หญิงสาวไม่ค่อยอยากจะไปร่วมงานสักเท่าไหร่ “ผมอยากเห็นจังว่าเย็นนี้คุณจะสวมชุดไหน” นิโคไลถามเพราะเขากลัวว่าเธอจะแต่งตัวเช็กซี่จนหมอหนุ่มๆ ตามจีบ “ก็แค่เดรสธรรมดาเองค่ะ มันเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ไม่ได้หรูหราอะไรหรอกค่ะ พั้นช์ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่เลยค่ะ” “เหนื่อยเหรอครับ นี่เพิ่งห้าโมงเย็นเองนะ พั้นช์นอนพักก่อนก็ได้ งานเริ่มหนึ่งทุ่มไม่ใช่เหรอครับ” “ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ คุณก็รู้ว่าพั้นช์อึดแค่ไหน แค่นั่งประชุมอย่างเดียวไม่เหนื่อยเลย” “แล้วทำถึงไม่อยากไปล่ะครับ” “มีบางคนที่พั้นช์ไม่ค่อยอยากเจอค่ะ” “ไหนพั้นช์บอกว่าเขาไม่ไป” นิโคไลถามอย่างร้อนรน “ค่ะ เขาไม่ได้เข้าประชุม แต่หมออีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทของเขามาประชุม เขาเลยมาหาเพื่อนเขาเมื่อตอนบ่ายนี้ค่ะ แล้วก็คงจะมางานเลี้ยงเย็นนี้ด้วย ถ้าพั้นช์รู้มาก่อนก็คงไม่นัดเพื่อนหมอคนอ
“นิค” พัณณ์ชิตาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เพราะเมื่อตอนเย็นที่คุยกันเขายังอยู่ที่กรุงเทพ“คุยธุระเสร็จแล้วใช่ไหมครับ” นิโคไลเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งดึงเธอเข้าไปกอด“ค่ะ คุณมาได้ยังไง” พัณณ์ชิตาไม่ขัดขืนที่เขากอด แถมเธอยังกอดเขากลับอีกต่างหาก“คิดถึงครับก็เลยรีบมาหา” นิโคไลพูดพลางกดจูบไปบนหน้าผากของหญิงสาวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ“วิน พั้นช์ขอตัวก่อนนะ” หญิงสาวหันมาบอกขณะที่มือของเธอยังกอดเอวของนิโคไลเอาไว้“แต่เรายังไม่ได้บอกเรื่องสำคัญของเราเลยนะ” ธาวินมองอดีตคนรักด้วยสายตาตัดพ้อ“เรื่องสำคัญของวิน แต่มันไม่สำคัญสำหรับพั้นช์นี่ค่ะ ไปกันเธอคะนิค พั้นช์นัดเพื่อนไว้ที่ผับ เราไปฟังเพลงกันต่อนะคะ” หญิงสาวหันมาส่งยิ้มหวานให้กับนิโคไลราวกับจะประกาศให้อีกคนรู้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด“ผมขอตัวก่อนนะครับ” นิโคไลหันมากล่าวอย่างสุภาพก่อนจะเดินจับมือกับพัณณ์ชิตาออกมาจากชายหาดหน้าโรงแรมเขายังคงจับมือเธอไม่ปล่อยแม้จะพ้นจากสายตาของธาวินแล้วก็ตาม ทุกอย่างที่เขาปฏิบัติกับพัณณ์ชิตาวันนี้ไม่ใช่การแสดงแต่มันเป็นความรู้สึกที่เขาอยากแสดงออกกับเธอจริงๆพัณณ์ชิตาไม่ได้ว่าอะไรที่เขาจะจับมือเธอเดินไปแบบ
พัณณ์ชิตาพานิโคไลตามมาสมทบกับเพื่อนหมอที่ผับ เธอแนะนำให้ชายหนุ่มรู้จักกับทุกในสถานะแฟน นิโคไลให้คนรักได้พูดคุยกับเพื่อนๆ ในขณะที่เขาก็นั่งดื่มอยู่เงียบๆในอดีตเขาไม่เคยต้องนั่งรอใครแบบนี้มาก่อน ทุกคนต้องตามเอาใจเขา การรอคอยมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อ แต่พัณณ์ชิตาก็ทำให้เขาทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ แต่ก่อนเขาไม่เคยเข้าใจบิดาของตนเลยว่าทำไมท่านถึงไปรอมารดาทำผมและทำเล็บที่ร้านได้ครั้งละหลายๆ ชั่วโมง แต่ตอนนี้เขาคิดว่าเข้าใจความรู้สึกของท่านแล้วเขารอจนกระทั่งเพื่อนของเธอกลับไปกันไปหมดแล้ว จึงเดินตามมานั่งด้วย“เบื่อไหมคะ”“ไม่เลยครับ ผมชอบนะที่เห็นคุณผ่อนคลายและสนุกกับเพื่อนๆ แบบนี้”“เรากลับกันเลยไหมคะ” พัณณ์ชิตารู้สึกว่าตอนเองเริ่มจะมึนนิดๆ เพราะเมื่อครู่ดื่มไปหลายแก้ว“พั้นช์เดินไหวไหม เมาหรือเปล่า”“ไม่ค่ะ แค่มึนเอง”นิโคไลเดินมาส่งหญิงสาวที่ห้องพักของเธอก่อนที่ตัวเองจะกลับไปห้องของตัวเอง หลังจากอาบน้ำและเตรียมเข้านอนก็มีสายเรียกเข้าจากพัณณ์ชิตา“นิคคะ เมื่อกี้คุณมาเคาะห้องพันช์หรือเปล่าคะ พอดีพั้นช์อยู่ในห้องน้ำเลยไม่ทันเปิด”“เปล่านะครับ เพื่อนคุณหรือเปล่า แต่ดึกขนาดนี้เขาจะมาเคาะทำไมนะ ผมว่า
“พั้นช์ คุณหอมหวานไปทั้งตัว”นิโคไลกล่าวชมด้วยเสียบแหบพร่าพลางพรมจูบไปทั่วผิวขาวนุ่ม เขาอยากสัมผัสเธอไปทุกสัดส่วน ร่างกายของเขากำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่อยากผลีผลามเพราะอยากให้คนรักประทับใจกับครั้งแรกที่เขาจะมอบความสุขให้“นิค...”พัณณ์ชิตาใช้ข้อศอกดันตัวเองลุกขึ้นมองเขาที่กำลังไล้จมูกโด่งไปบนหน้าท้องแบนราบ นิโคไลเงยหน้าขึ้นแววตาเขาเต็มไปด้วยไฟปรารถนา หญิงสาวใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อประสานกับสายตาคู่นั้น“เชื่อใจผมนะพั้นช์ ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุด”ชายหนุ่มให้คำมั่น ก่อนจะละสายตาจากใบหน้าหวานลงมามาพร้อมกับจับเรียวขาของหญิงสาวให้กางออก“สวยมากพั้นช์ คุณสวยมาก”เสียงแหบพร่าเอ่ยชมกลีบกุหลาบสีสวยที่ปิดสนิทแต่มีหยดน้ำหวานกำลังซึมออกมาทีละนิด เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผากอยากจะกลืนกินเธออย่างที่สุด“นิคคะ อย่าจ้องแบบได้ไหม”เธอพยายามเอามือลงมาปิด แต่เขาก็จับข้อมือเล็กนั้นให้ออกห่างจากกลางกาย“ไม่เห็นต้องอาย มันสวยจริงๆ พั้นช์”เพียงแค่ได้เห็นนิโคไลก็รู้สึกว่าท่อนเอ็นของเขามันกำลังเรียกร้องให้เขาเอามันออกมาปลดปล่อย แต่เขาก็ต้องข่มมันเอาไว้เพราะตอนนี้เขาอยากจะลิ้มรสน้ำหวานที่ไม่เคยคิดจะลิ้มลองมาก
จูบพิตที่เธอเริ่มร้อนแรงขึ้นทีละนิด เมื่อต่างฝ่ายต่างมีความต้องการที่มากล้น นิโคไลดูดกลืนความหวานจากโพรงปากอุ่นจนเธอแทบจะขาดอากาศ เขาผละออกแล้วลากลิ้นร้อนไปตามซอกคอหอมกรุ่นขบเม้มสร้างรอยรักไปทั่วปากร้อนเข้าครอบครองยอดอกสีสวยอีกครั้งปรนเปรอสลับไปมาทั้งสองข้างอย่างไม่น้อยหน้า เขาดูดดึงเต้าอวบราวเด็กทารกที่หิวกระหาย ขณะอีกมือหนึ่งก็จับเรียวขาของเธอให้แยกออกทีละนิด จากนั้นก็ถูไถท่อนเอ็นลงบนกลีบกุหลาบงาม ปลุกเร้าอารมณ์วาบหวามจนหญิงสาวครางสะท้าน“นิค...”“อย่าหลับตาพั้นช์ มองหน้าผมที่รัก”“อื้อ....เจ็บ”หญิงสาวหยิกไปบนท่อนแขนของเขาแน่นเมื่อส่วนปลายของความเป็นชายรุกล้ำเข้าไปในช่องทางคับแน่นที่ไม่เปิดรับของใครมาก่อน“อ่าห์ ที่รัก ไม่เกร็งนะ”“นิค ของคุณใหญ่”พัณณ์ชิตาเคยเห็นของผู้ชายมาก็มากเพราะก่อนที่เธอจะมาเป็นหมอสูติเธอก็ต้องเรียนให้ครบทุกแผนก แต่ของผู้ชายเหล่านั้นมันเทียบไม่ได้กับขนาดของนิโคไลเลยสักนิด“ไม่ต้องกลัว ถึงมันจะใหญ่แค่ไหน คุณก็จะรับมันเข้าไปได้ รู้ใช่ไหม” เธอพยักหน้าอย่างอายๆ ขณะที่นิโคไลก้มลงจูบปลอบประโลมอีกครั้ง สองมือนวดเฟ้นอกอิ่ม กระตุ้นให้เธอผ่อนคลายจากนั้นก็กด
สัญญาณไฟเหนือประตูห้องผ่าตัดยังเปิดอยู่แม้ตอนนี้จะเป็นเวลาตีสามแต่ทุกคนด้านหลังประตูก็ทำงานกันอย่างเต็มที่เพื่อให้ผู้ป่วยและลูกน้อยในครรภ์รอดชีวิตหลังเกิดอุบัติเหตุรถบรรทุกแหกโค้งชนกับรถเก๋งเมื่อสองชั่วโมงก่อนคารินาก็ถูกส่งมายังโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้ที่สุด เมื่อมาถึงโรงพยาบาลก็พบว่าหญิงสาวมีอาการที่น่าเป็นห่วงเพราะถูกหน้าท้องถูกสายเข็มขัดนิรภัยกระชากอย่างแรงจนทำให้ทารกในครรภ์ดิ้นน้อยลงทางโรงพยาบาลจึงต้องตามหมอเฉพาะทางเพื่อมาทำการเด็กออกก่อนแม้ว่าจะยังไม่ถึงกำหนดคลอดเพราะพิจารณาแล้วว่าอัตราการรอดชีวิตจะมากกว่าปล่อยให้อยู่ในท้องมารดาอรรถวุฒิผู้เป็นสามีรีบเซ็นชื่อให้ความยินยอมให้รับการผ่าตัดอย่างรวดเร็ว เขารู้ดีว่าถ้าหากตนเองตัดสินใจช้าเพียงเสี้ยววินาทีก็อาจจะต้องเสียคนรักทั้งสองคนไปอย่างไม่มีวันกลับหลังจากทำแผลตามร่างกายของตนเองแล้วเขาก็รีบตามมาที่หน้าห้องผ่าตัดซึ่งตอนนี้พี่ชายของภรรยามารออยู่ก่อนแล้ว“พี่นิค ผมขอโทษนะครับ”“ไม่ใช่ความผิดขอบนายหรอก รถบรรทุกนั่นต่างหากที่ขับมาเร็ว” ก่อนมาโรงพยาบาลชายหนุ่มที่ที่โรงพักมาแล้วจึงได้รู้ว่าทุกอย่างเกิดขึ้นเพราะอะไร“อือ นายไม่เป็นไรมากใช่ไหม
จูบพิตที่เธอเริ่มร้อนแรงขึ้นทีละนิด เมื่อต่างฝ่ายต่างมีความต้องการที่มากล้น นิโคไลดูดกลืนความหวานจากโพรงปากอุ่นจนเธอแทบจะขาดอากาศ เขาผละออกแล้วลากลิ้นร้อนไปตามซอกคอหอมกรุ่นขบเม้มสร้างรอยรักไปทั่วปากร้อนเข้าครอบครองยอดอกสีสวยอีกครั้งปรนเปรอสลับไปมาทั้งสองข้างอย่างไม่น้อยหน้า เขาดูดดึงเต้าอวบราวเด็กทารกที่หิวกระหาย ขณะอีกมือหนึ่งก็จับเรียวขาของเธอให้แยกออกทีละนิด จากนั้นก็ถูไถท่อนเอ็นลงบนกลีบกุหลาบงาม ปลุกเร้าอารมณ์วาบหวามจนหญิงสาวครางสะท้าน“นิค...”“อย่าหลับตาพั้นช์ มองหน้าผมที่รัก”“อื้อ....เจ็บ”หญิงสาวหยิกไปบนท่อนแขนของเขาแน่นเมื่อส่วนปลายของความเป็นชายรุกล้ำเข้าไปในช่องทางคับแน่นที่ไม่เปิดรับของใครมาก่อน“อ่าห์ ที่รัก ไม่เกร็งนะ”“นิค ของคุณใหญ่”พัณณ์ชิตาเคยเห็นของผู้ชายมาก็มากเพราะก่อนที่เธอจะมาเป็นหมอสูติเธอก็ต้องเรียนให้ครบทุกแผนก แต่ของผู้ชายเหล่านั้นมันเทียบไม่ได้กับขนาดของนิโคไลเลยสักนิด“ไม่ต้องกลัว ถึงมันจะใหญ่แค่ไหน คุณก็จะรับมันเข้าไปได้ รู้ใช่ไหม” เธอพยักหน้าอย่างอายๆ ขณะที่นิโคไลก้มลงจูบปลอบประโลมอีกครั้ง สองมือนวดเฟ้นอกอิ่ม กระตุ้นให้เธอผ่อนคลายจากนั้นก็กด
“พั้นช์ คุณหอมหวานไปทั้งตัว”นิโคไลกล่าวชมด้วยเสียบแหบพร่าพลางพรมจูบไปทั่วผิวขาวนุ่ม เขาอยากสัมผัสเธอไปทุกสัดส่วน ร่างกายของเขากำลังร้อนขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ไม่อยากผลีผลามเพราะอยากให้คนรักประทับใจกับครั้งแรกที่เขาจะมอบความสุขให้“นิค...”พัณณ์ชิตาใช้ข้อศอกดันตัวเองลุกขึ้นมองเขาที่กำลังไล้จมูกโด่งไปบนหน้าท้องแบนราบ นิโคไลเงยหน้าขึ้นแววตาเขาเต็มไปด้วยไฟปรารถนา หญิงสาวใบหน้าร้อนผ่าวเมื่อประสานกับสายตาคู่นั้น“เชื่อใจผมนะพั้นช์ ผมจะทำให้คุณมีความสุขที่สุด”ชายหนุ่มให้คำมั่น ก่อนจะละสายตาจากใบหน้าหวานลงมามาพร้อมกับจับเรียวขาของหญิงสาวให้กางออก“สวยมากพั้นช์ คุณสวยมาก”เสียงแหบพร่าเอ่ยชมกลีบกุหลาบสีสวยที่ปิดสนิทแต่มีหยดน้ำหวานกำลังซึมออกมาทีละนิด เขาเลียริมฝีปากที่แห้งผากอยากจะกลืนกินเธออย่างที่สุด“นิคคะ อย่าจ้องแบบได้ไหม”เธอพยายามเอามือลงมาปิด แต่เขาก็จับข้อมือเล็กนั้นให้ออกห่างจากกลางกาย“ไม่เห็นต้องอาย มันสวยจริงๆ พั้นช์”เพียงแค่ได้เห็นนิโคไลก็รู้สึกว่าท่อนเอ็นของเขามันกำลังเรียกร้องให้เขาเอามันออกมาปลดปล่อย แต่เขาก็ต้องข่มมันเอาไว้เพราะตอนนี้เขาอยากจะลิ้มรสน้ำหวานที่ไม่เคยคิดจะลิ้มลองมาก
พัณณ์ชิตาพานิโคไลตามมาสมทบกับเพื่อนหมอที่ผับ เธอแนะนำให้ชายหนุ่มรู้จักกับทุกในสถานะแฟน นิโคไลให้คนรักได้พูดคุยกับเพื่อนๆ ในขณะที่เขาก็นั่งดื่มอยู่เงียบๆในอดีตเขาไม่เคยต้องนั่งรอใครแบบนี้มาก่อน ทุกคนต้องตามเอาใจเขา การรอคอยมันเป็นอะไรที่น่าเบื่อ แต่พัณณ์ชิตาก็ทำให้เขาทำในสิ่งที่ไม่เคยทำ แต่ก่อนเขาไม่เคยเข้าใจบิดาของตนเลยว่าทำไมท่านถึงไปรอมารดาทำผมและทำเล็บที่ร้านได้ครั้งละหลายๆ ชั่วโมง แต่ตอนนี้เขาคิดว่าเข้าใจความรู้สึกของท่านแล้วเขารอจนกระทั่งเพื่อนของเธอกลับไปกันไปหมดแล้ว จึงเดินตามมานั่งด้วย“เบื่อไหมคะ”“ไม่เลยครับ ผมชอบนะที่เห็นคุณผ่อนคลายและสนุกกับเพื่อนๆ แบบนี้”“เรากลับกันเลยไหมคะ” พัณณ์ชิตารู้สึกว่าตอนเองเริ่มจะมึนนิดๆ เพราะเมื่อครู่ดื่มไปหลายแก้ว“พั้นช์เดินไหวไหม เมาหรือเปล่า”“ไม่ค่ะ แค่มึนเอง”นิโคไลเดินมาส่งหญิงสาวที่ห้องพักของเธอก่อนที่ตัวเองจะกลับไปห้องของตัวเอง หลังจากอาบน้ำและเตรียมเข้านอนก็มีสายเรียกเข้าจากพัณณ์ชิตา“นิคคะ เมื่อกี้คุณมาเคาะห้องพันช์หรือเปล่าคะ พอดีพั้นช์อยู่ในห้องน้ำเลยไม่ทันเปิด”“เปล่านะครับ เพื่อนคุณหรือเปล่า แต่ดึกขนาดนี้เขาจะมาเคาะทำไมนะ ผมว่า
“นิค” พัณณ์ชิตาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เพราะเมื่อตอนเย็นที่คุยกันเขายังอยู่ที่กรุงเทพ“คุยธุระเสร็จแล้วใช่ไหมครับ” นิโคไลเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งดึงเธอเข้าไปกอด“ค่ะ คุณมาได้ยังไง” พัณณ์ชิตาไม่ขัดขืนที่เขากอด แถมเธอยังกอดเขากลับอีกต่างหาก“คิดถึงครับก็เลยรีบมาหา” นิโคไลพูดพลางกดจูบไปบนหน้าผากของหญิงสาวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ“วิน พั้นช์ขอตัวก่อนนะ” หญิงสาวหันมาบอกขณะที่มือของเธอยังกอดเอวของนิโคไลเอาไว้“แต่เรายังไม่ได้บอกเรื่องสำคัญของเราเลยนะ” ธาวินมองอดีตคนรักด้วยสายตาตัดพ้อ“เรื่องสำคัญของวิน แต่มันไม่สำคัญสำหรับพั้นช์นี่ค่ะ ไปกันเธอคะนิค พั้นช์นัดเพื่อนไว้ที่ผับ เราไปฟังเพลงกันต่อนะคะ” หญิงสาวหันมาส่งยิ้มหวานให้กับนิโคไลราวกับจะประกาศให้อีกคนรู้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด“ผมขอตัวก่อนนะครับ” นิโคไลหันมากล่าวอย่างสุภาพก่อนจะเดินจับมือกับพัณณ์ชิตาออกมาจากชายหาดหน้าโรงแรมเขายังคงจับมือเธอไม่ปล่อยแม้จะพ้นจากสายตาของธาวินแล้วก็ตาม ทุกอย่างที่เขาปฏิบัติกับพัณณ์ชิตาวันนี้ไม่ใช่การแสดงแต่มันเป็นความรู้สึกที่เขาอยากแสดงออกกับเธอจริงๆพัณณ์ชิตาไม่ได้ว่าอะไรที่เขาจะจับมือเธอเดินไปแบบ
พัณณ์ชิตาเข้าประชุมกับเพื่อนร่วมอาชีพที่ได้ทั้งความรู้และได้เพื่อนใหม่อีกหลายคน หลังจากประชุมเสร็จในบ่ายวันศุกร์ก็มีการจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงของทางโรงแรมซึ่งงานจะเริ่มในเวลาหนึ่งทุ่ม แต่หญิงสาวไม่ค่อยอยากจะไปร่วมงานสักเท่าไหร่ “ผมอยากเห็นจังว่าเย็นนี้คุณจะสวมชุดไหน” นิโคไลถามเพราะเขากลัวว่าเธอจะแต่งตัวเช็กซี่จนหมอหนุ่มๆ ตามจีบ “ก็แค่เดรสธรรมดาเองค่ะ มันเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ไม่ได้หรูหราอะไรหรอกค่ะ พั้นช์ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่เลยค่ะ” “เหนื่อยเหรอครับ นี่เพิ่งห้าโมงเย็นเองนะ พั้นช์นอนพักก่อนก็ได้ งานเริ่มหนึ่งทุ่มไม่ใช่เหรอครับ” “ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ คุณก็รู้ว่าพั้นช์อึดแค่ไหน แค่นั่งประชุมอย่างเดียวไม่เหนื่อยเลย” “แล้วทำถึงไม่อยากไปล่ะครับ” “มีบางคนที่พั้นช์ไม่ค่อยอยากเจอค่ะ” “ไหนพั้นช์บอกว่าเขาไม่ไป” นิโคไลถามอย่างร้อนรน “ค่ะ เขาไม่ได้เข้าประชุม แต่หมออีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทของเขามาประชุม เขาเลยมาหาเพื่อนเขาเมื่อตอนบ่ายนี้ค่ะ แล้วก็คงจะมางานเลี้ยงเย็นนี้ด้วย ถ้าพั้นช์รู้มาก่อนก็คงไม่นัดเพื่อนหมอคนอ
“อะไรนะครับ คุณจะไปภูเก็ตเหรอ ผมไม่เห็นรู้เลย คิดจะหนีผมอีกแล้วใช่ไหมพั้นช์”“พั้นช์ก็เพิ่งรู้เมื่อกี้เองค่ะ พอดีมีประชุมวิชาการที่นั่นแล้วเพื่อนของเขาพั้นช์ลงทะเบียนไว้แล้วแต่ติดธุระด่วน พอดีว่าพั้นช์มีวันลาเหลืออีกเยอะก็เลยถือโอกาสไปแทนค่ะ”“คุณจะไปกี่วัน”“ประชุม 2 วันอยู่พักผ่อนอีก 2 วันค่ะ ถามทำไมคะ อย่าบอกนะว่าจะตามไปด้วย”“ไม่ได้เหรอครับ”“พั้นช์ว่าอย่าเลยค่ะ ขอเวลาพั้นช์อยู่คนเดียวนะคะ ถ้ากลับมาแล้วจะให้คำตอบที่คุณขอ” “แล้วเขาไปด้วยไหมครับ” “ไม่ค่ะ” เพราะรู้ว่าธาวินไม่ได้เธอจึงไปแทนเพื่อน“ผมหวังว่ากลับมาผมได้ยินข่าวดีจากคุณนะ”“ไม่คิดเผื่อใจไว้หน่อยเหรอคะ”“ผมรู้ว่าระหว่างเรามันเริ่มต้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับคุณเลย ถ้าคุณไม่อคติหรือปิดกั้นตัวเองจนเกินไปผมก็ยังมีความหวัง”“ทำไมถึงคิดว่าพั้นช์ปิดกั้นตัวเองล่ะคะ”“ก็เพื่อนๆ คุณคุยกันว่านานแล้วที่คุณไม่คบใครเลย ผมไม่รู้ว่าเพราะคุณปิดกั้นตัวเองหรือเปล่า”“ไม่ใช่หรอกค่ะ ที่พั้นช์ที่พั้นช์ยังไม่คบกับใครทั้งที่อายุเยอะแล้วก็เพราะยังไม่เจอคนที่ยอมรับและเข้าใจการทำงานของพั้นช์ อีกอย่าง
“เฮ้อ!...” พัณณ์ชิตาถอนหายใจอย่างหนักหลังจากประตูรถปิดลง“ดูท่าเขาจะไม่ค่อยเชื่อนะว่าเราเป็นแฟนกัน”“แล้วฉันต้องทำยังไง ไม่ใช่ว่าเขาจะตามดูเราตลอดนะ”“ผมไม่รู้ว่านิสัยเขาเป็นยังไง เชื่อคนง่ายหรือเปล่า แต่อย่างมากก็คงตามถึงคอนโดนั่นแหละครับ”“ไม่ได้นะ ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าพักอยู่ที่ไหน” พัณณ์ชิตารู้จักนิสัยของคนรักเก่าดีว่าเป็นพวกชอบตามตื๊อ ถ้าเขารู้ว่าคอนโดเธออยู่ที่ไหนชีวิตของเธอคงจะวุ่นวายน่าดู“เขาไม่เคยไปที่นั่นเหรอครับ”“ไม่เคยค่ะ ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ที่คอนโดนั่นไม่นาน แต่ก่อนฉันอยู่บ้านค่ะ”“ถ้าไม่อยากให้เขาตามไปก็มีสองทางเลือกคือ ไปค้างที่บ้านผมหรือไม่เราก็ไปนั่งดื่มกันต่อ”“ถ้าเขาตามเข้าไปล่ะคะ”“เขาคงตามแน่ แต่ในนั้นคนเยอะครับ เขาคงจับตาดูเราไม่ได้ตลอดหรอก” อันที่จริงถ้าไม่อยากให้เขาตามนิโคไลก็แค่โทรบอกลูกน้องให้จัดการทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ที่ไม่ทำแบบนั้นเพราะอยากชวนพัณณ์ชิตาไปนั่งดื่มด้วยกันสักหน่อย เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเธอจึงไม่ต้องรีบตื่นนอนตั้งแต่เช้า“งั้นก็ตกลงค่ะ”นิโคไลขับรถพาพัณณ์ชิตามายังผับแห่งหนึ่งที่คนค่อนข้างจะพลุกพล่านเพราะเป็นคืนวันเสาร์แต่ก่อนมาเขาใ
นิโคไลรีบหันหน้าเข้าหากำแพงเมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก เพราะไม่อยากให้ผู้ชายที่คุยกันในห้องน้ำเมื่อครู่รู้ว่าตนเองแอบฟังอยู่ พอสองคนเดินไปออกไปไกลแล้ว ชายหนุ่มก็ได้แต่มองตามหลัง เพราะได้ยินแต่เสียงเลยไม่รู้ว่าคนไหนที่เคยเป็นแฟนของพัณณ์ชิตามาก่อนแต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้วเพราะนิโคไลตัดสินใจแล้วว่าจากนี้เขาจะจีบคุณหมอคนสวยอย่างจริงจัง เพราะตั้งแต่ได้ใกล้ชิดมาตลอดหนึ่งเดือนมันทำให้เขามั่นใจว่าพัณณ์ชิตาคือผู้หญิงที่เขาอยู่ใกล้แล้วมีความสุขโดยไม่มีเรื่องบนเตียงมาเกี่ยวข้องจะว่าไปแล้วนิโคไลก็รู้สึกแปลกใจกับตัวเองอยู่เหมือนกัน ปกติแล้วเขาไม่เคยขาดเรื่องอย่างว่าได้นานขนาดนี้มาก่อน เขาชักจะสงสัยแล้วว่าตนน่าจะกามตายด้านไปแล้วหรือไม่ก็เครียดจนไม่มีอารมณ์ทางเพศ เขารีบสลัดความคิดพวกนี้ออกจากหัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวชายหนุ่มเดินกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้งขณะที่พัณณ์ชิตาก็กำลังนั่งฟังเพื่อนคนหนึ่งเล่าถึงการไปออกหน่อยแพทย์เคลื่อนที่ในถิ่นธุระกันดาร“หายไปนานเลยนะคะ นึกว่ากลับไปแล้ว”“พอดีมีงานให้ต้องโทรไปจัดการนิดหน่อยครับ” เขาตอบพลางขยับเข้ามาใกล้จนพัณณ์ชิตารู้สึกว่ามันใกล้จนแทบจะตั
พัณณ์ชิตาแนะนำนิโคไลให้กับเพื่อนๆ จนครบทุกคนจากนั้นก็เริ่มทานอาหารจนกระทั่งทุกคนทานอิ่ม ความโกลาหลก็เกิดขึ้น เพราะแต่ละคนดูเหมือนจะไม่ได้เจอกันนานมาก ต่างฝ่ายต่างเล่าเรื่องราวที่ตัวเองเจอมาให้เพื่อนๆ ฟัง จนแยกแทบไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใครเขาไม่เคยเห็นพัณณ์ชิตาในมุมนี้มาก่อนเลย วันนี้เธอดูร่าเริงสดใสและช่างคุยเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี คุยไปสักพักเธอก็หันมาถามว่าเขาเบื่อไหม พอนิโคไลส่ายหน้าหญิงสาวก็หันไปคุยกับเพื่อนต่อนิโคไลฟังที่พวกเธอคุยกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไร ในทางกลับกันเข้ากลับรู้สึกเพลินด้วยซ้ำ“พั้นช์ ผมขอไปเข้าห้องน้ำนะ”“ค่ะ ถ้าเบื่อจะรอข้างนอกก็ได้นะคะ”“ไม่เป็นไรผมว่าพวกคุณคุยสนุกดี”พอบอกหญิงสาวเสร็จเขาก็เดินมาเข้าห้องน้ำและบังเอิญเจอกับคุณหมอคนหนึ่งที่กำลังเดินออกมาพอดี“คุณหมอครับ พอจะมีเวลาคุยกับผมนิดไหมครับ”“มีสิครับ ว่าแต่คุณจะไม่เข้าห้องน้ำก่อนเหรอ”“ไม่เป็นไรครับผมมีเรื่องจะถามคุณหมอนิดหน่อย”“ไปคุยกันตรงนั้นไหม” คุณหมอชี้ไปทางด้านหน้าร้านที่มีเก้าอี้หินอ่อนตั้งอยู่“ครับ” นิโคไลเดินตามมาจากนั้นทั้งสองก็นั่งลงบ