เช้าวันไหมนิโคไลมารอรับพัณณ์ชิตาตามเวลานัด วันนี้เขาขับรถมาเองส่วนลูกน้องก็ให้ตามอยู่ห่างๆ เพราะกลัวว่าคุณหมอคนสวยจะอึดอัดที่คนของเขาล้อมหน้าล้อมหลัง
อีกอย่างเขาก็ไม่ต้องระวังตัวมากเหมือนกับอยู่รัสเซียเพราะที่นี่เขาก็แค่ประชาชนคนหนึ่งไม่ใช่นักธุรกิจผู้ทรงอิทธิพล
“ปกติเช้าแบบนี้คุณทานอะไรก่อนไปทำงานไหม” เขาถามเมื่อเธอขึ้นมานั่งคู่กับเขาข้างที่นั่งคนขับเรียบร้อยแล้ว
“ไม่ค่ะ”
“แล้วไม่หิวเหรอ”
“ฉันชินแล้วค่ะ เดี๋ยวราวน์คนไข้เสร็จก็มีของว่างและกาแฟที่โรงพยาบาลจัดไว้ให้”
“วันนี้เลิกงานกี่โมง”
“ถ้าเลิกงานจริงๆ ก็ประมาณห้าโมงเย็นค่ะ จากนั้นก็ราวน์คนไข้ต่อ”
“ทางโรงพยาบาลให้น้องผมอยู่ต่ออีกหนึ่งอาทิตย์ผมจะไปรอที่นั่น ถ้าคุณตรวจเสร็จแล้วโทรบอกผมนะ แล้วก็เลิกบล็อกเบอร์ผมด้วย ถ้าผมตามหาคุณไม่เจอผมจะให้ทางโรงพยาบาลเป็นคนโทรตาม”
“อย่านะทำแบบนั้นนะ”
“ผมไม่ทำหรอกถ้าคุณทำตัวให้ติดต่อง่าย”
พัณณ์ชิตาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแล้วยกเลิกการบล็อกเบอร์ของเขาเพราะถ้าเขาให้โรงพยาบาลติดต่อเรื่องคงจะวุ่นวายและตามมาด้วยคำถามอีกมาก
“ฉันยกเลิกแล้วนะ”
“ก็ดีครับ พูดง่ายๆ แบบนี้ค่อยน่ารักหน่อย” เขาหัวเราะอย่างอารมณ์ดี
“คุณส่งฉันที่ลานจอดรถนะคะ ไม่ต้องส่งด้านหน้า”
“ทำไมล่ะ”
“ฉันไม่อยากให้คนอื่นเห็น ขี้เกียจตอบคำถาม”
“แต่ผมว่าจอดด้านหน้าเดินใกล้กว่านะ”
“ถ้ายังอยากรับส่งก็ทำตามที่ฉันบอก” เธอยอมนั่งรถมากับเขาก็เสี่ยงมากที่คนอื่นจะเห็นแล้วถ้าจอดที่หน้าประตูทางเข้ามีหวังต้องตอบคำถามให้วุ่นวายแน่
“เข้าใจแล้ว คุณกลัวว่าจะมีคนเอาไปฟ้องแฟนคุณใช่ไหมล่ะ”
“ฉันยังไม่มีแฟน”
“แล้วทำไมต้องกลัวคนอื่นเห็นล่ะ”
“อย่าลืมนะว่าคุณเป็นพี่ชายของคนไข้ที่ฉันดูแลอยู่ ฉันไม่อยากให้คนรู้ว่าฉันกับญาติของคนไข้สนิทสนมกันเพราะนั่นมันจะหมายถึงพวกคุณได้อภิสิทธิ์ในการนอนโรงพยาบาลต่อทั้งที่หายดีและพร้อมจะกลับบ้านได้แล้ว” พัณณ์ชิตาพยายามให้เหตุผล
“เหตุผลแค่นี้จริงๆ ใช่ไหมครับ”
“ค่ะ มีแค่นี้”
“โล่งใจไปหน่อย ผมนึกว่าคุณกลัวแฟนจะเห็น”
“ถึงฉันมีแฟนแล้วนั่งรถมากับคุณมันก็ไม่ใช่ปัญหานี่คะ ถ้าเขาจะงี่เง่าไม่ฟังเหตุผลว่าทำไมต้องนั่งรถมากับผู้ชายอื่น เขาก็ไม่เหมาะจะเป็นแฟนฉันหรอกค่ะ”
“ส่วนใหญ่ผู้ชายจะขี้หึง ถ้าเขามีแฟนสวยๆ อย่างคุณ”
“ขอบคุณนะคะที่ชมว่าฉันสวยแต่บางครั้งความขี้หึงกับความงี่เง่ามันก็มีเส้นบางๆ กั้นอยู่”
“เพราะคุณคิดแบบนี้หรือเปล่าเลยไม่มีแฟน”
“ชีวิตเรามีอะไรให้ทำอีกเยอะค่ะ การมีแฟนมันก็แค่ส่วนหนึ่งแต่ไม่ใช่ทั้งหมด”
“ที่ผ่านมาเคยมีแฟนไหมครับ”
“มีสิ ฉันถึงรู้ไงว่าการมีแฟนมันน่าเบื่อ”
“ผู้ชายไม่น่าเบื่อทุกคนหรอกนะครับ”
“ฉันรู้แต่ที่เจอมาก็มีแต่หน่าเบื่อทั้งนั้น คุณก็เห็นนี่ว่างานฉันไม่ค่อยมีเวลาหาคนเข้าใจยาก เพราะฉะนั้นอยู่คนเดียวแบบนี้สบายกว่าเยอะค่ะ”
“อย่าบอกนะว่าจะอยู่คนเดียวจนแก่”
“ไม่ขนาดนั้นหรอกค่ะ ก็แค่ยังไม่เจอคนที่ใช่”
“คนที่ใช่ของคุณคือแบบไหนล่ะครับ”
“ง่ายๆ เลยค่ะ เข้าใจงานฉัน ไม่งี่เง่าแค่นั้นพอค่ะ”
“หน้าตาฐานะล่ะ”
“ฉันมีงาน มีเงินและมีอาชีพที่เลี้ยงตัวเองได้ ส่วนหน้าตาไม่สำคัญเลย”
“แล้วอย่างผมล่ะ พอจะตรงสเปกคุณไหม”
“ไม่ค่ะ”
“ทำไมละ”
“คุณหล่อเกินไปค่ะ”
“ไหนคุณว่าหน้าตาไม่สำคัญ”
“ค่ะ ฉันหมายถึงไม่ต้องหล่อหรือดูดีจนเกินไปค่ะ เพราะคนแบบนั้นย่อมมีผู้หญิงเข้าหาเยอะและฉันก็ไม่อยากเสียเวลาไปกับคนที่จะเข้ามาแทรกกลางหรอกนะคะ”
“คุณไม่อยากทำตัวงี่เง่า”
“ใช่ค่ะ”
“ถ้ามีใครสักคนแล้วต้องคอยหวาดระแวง คอยเป็นกังวลว่าลับหลังเขาจะไปกับใครจะอยู่กับใครมันคงหาความสุขได้ยากค่ะ คนเราถ้าจะคบกันต้องไว้ใจกันเชื่อใจกัน ให้อิสระแก่กันอย่างเต็มที่เพราะถ้ามีความรักให้กันจริงๆ ไม่ว่าใครก็จะเข้ามาแทรกตรงกลางไม่ได้”
“หายากนะครับคนแบบนั้น”
“ค่ะ ฉันรู้ว่ามันหายาก ฉันถึงไม่คิดจะหาไงคะ”
“จะรอให้เขาเข้ามาหาเองเหรอครับ”
“ไม่หรอกค่ะ ฉันเชื่อว่าเนื้อคู่ของคนเรามีอยู่จริงแล้วถึงเวลาเราก็หากันจนเจอเอง ดูเพ้อฝันใช่ไหมล่ะคะ” พัณณ์ชิตาหันมายิ้มให้กับเขา เป็นครั้งแรกที่เธอยิ้มออกมาจากข้างใน
“ไม่หรอกครับ มันเป็นความเชื่อของคุณนี่”
“ค่ะ ฉันเชื่ออย่างนั้น เอาล่ะถึงแล้วขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“อย่าลืมนะ เย็นนี้จะกลับตอนไหนโทรหาผมนะ”
“ค่ะ”
นิโคไลมองตามร่างระหงไปจนลับตา ไม่น่าเชื่อว่าเธอคนนี้จะยังไม่มีแฟน เพราะดูจากหน้าตาและอาชีพการงานแล้วไม่น่าจะโสดมาถึงตอนนี้ ทัศนคติการใช้ชีวิตคู่ของเธอก็ฟังดูน่าสนใจ ไม่หึงหวง เชื่อใจ ไม่งี่เง่า แต่ใครจะทำได้กันล่ะ ยิ่งเธอสวยมากขนาดนี้เป็นใครก็ต้องหึง แล้วถ้าเป็นเขาล่ะ จู่ๆ นิโคไลก็นึกถึงตัวเองขึ้นมายิ่งเห็นรอยยิ้มของเธอเมื่อครู่แล้วเขาก็เริ่มจะคิดมาก
อันที่จริงเขาก็สนใจเธออยู่ไม่น้อย ยิ่งได้พูดคุยกับเธอมันทำให้มุมมองบางอย่างของเขาเปลี่ยนไป เธอไม่ใช่ผู้หญิงในแบบที่เขาชอบ เธอสวยก็จริงแต่ไม่อ่อนหวาน ไม่ช่างเอาใจ ดูมั่นใจในตัวเองมาก มันต่างจากทุกคนที่เขาเคยเจอมา
แม้จะมองว่าพัณณ์ชิตาไม่เหมือนคนอื่นแต่เข้าก็ยังไม่เชื่อในความรักและยังไม่พร้อมที่จะจริงจังกับใคร แม้ว่าจะถูกใจเธอมากแค่ไหน แต่ก็ไม่ถึงขั้นหยุดทุกอย่างที่เธอ
นิโคไลคิดอะไรเพลินๆ จนกระทั่งขับรถมาถึงบ้านของตนเองซึ่งตอนนี้บิดามารดารอเขาอยู่ที่โต๊ะอาหารแล้ว
“ไปไหนมาแต่เช้าล่ะนิค”
“ออกไปขับรถเล่นมาครับมา”
“แปลกจัง ปกติลูกแม่จะไม่ค่อยตื่นเช้า”
“ช่วงนี้ผมนอนเร็วนี่ครับก็เลยตื่นเช้า” เขาแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆเพราะปกติแล้วเขามักจะออกไปดื่มจนดึกและตื่นสายจนไม่ค่อยได้ทานอาหารกับครอบครัว
“ช่วงนี้พ่อไม่ค่อยเห็นแกออกไปเที่ยวกลางคืนเลย เบื่อแล้วเหรอ”
“นิดหน่อยครับพ่อ ผมไม่ค่อยมีเพื่อนที่นี่เลยไม่รู้จะออกไปดื่มกับใคร ไปกับธนัทเขาก็ปล่อยให้ผมดื่มคนเดียว”
“สาวๆ ล่ะไม่มีบ้างเลยเหรอ มาอยู่ไทยก็เกือบเดือนแล้วนะ” วิกเตอร์รู้ว่าลูกชายเจ้าชู้และควงหญิงไปทั่ว แต่ช่วงหลังๆ มานี่เจ้าลูกชายไม่ค่อยมีข่าวควงใครให้ได้ยินเลย
“พ่ออยากได้สะใภ้คนไทยเหรอครับ”
“แน่สิ เมียพ่อเป็นคนไทย แกเห็นนี่ว่าแม่น่ารักมากแค่ไหน พ่อก็อยากให้แกได้เมียดีๆ น่ารักเหมือนแม่ไงล่ะ”
“ผมจะเก็บไว้พิจารณาแล้วกันนะครับพ่อ”
การได้ใกล้ชิดกับพัณณ์ชิตามาเกือบหนึ่งเดือนทำให้มาเฟียหนุ่มอย่างนิโคไลเริ่มจะคล้อยตามความคิดของบิดาที่อยากให้เขามีภรรยาเป็นคนไทยนอกจากหญิงสาวจะสวยแล้วยังทำงานเก่งและอึดได้อย่างน่าประหลาด เขาเห็นเธอตรวจคนไข้ทั้งวัน บางวันก็มีผ่าตัด อีกทั้งบางคืนยังถูกเรียกให้มาทำคลอดหรือผ่าคลอดกลางดึกแต่ไม่เคยได้ยินเธอบนว่าเหนื่อยเลยแม้แต่ครั้งเดียวถ้าใครที่จะมาเป็นแฟนกับเธอคงคิดหนักเพราะเวลาพักแทบจะไม่มี และถ้าอีกฝ่ายต้องทำงานด้วยแล้วโอกาสจะได้อยู่กับแฟนก็คงริบหรี่ แต่สำหรับคนว่างงานอย่างนิโคไล กลับมองว่ามันไม่ใช่ปัญหาเลย เขามีเวลาให้เธอตลอดไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน ขอแค่เธอโทรบอกเข้าก็พร้อมที่จะรับเธอไปส่งที่โรงพยาบาลเพราะวันไหนที่เธอต้องเข้าเวรชายหนุ่มจะมาเช่าโรงแรมที่ใกล้กับคอนโดของเธอเพื่อจะได้รับเธอไปส่งได้ทันเวลา“วันนี้ให้ผมไปส่งที่บ้านเหมือนเดิมใช่ไหม” เขารู้ตารางของเธอเป็นอย่างดีเพราะปกติแล้วเช้าวันเสาร์เธอจะราวน์คนไข้เสร็จแล้วจากนั้นก็จะไปค้างที่บ้านกับครอบครัว นิโคไลไปส่งเธอแค่หน้าบ้านแต่ยังไม่เคยเข้าไปรู้จักกับคนในครอบครัวของเธอเลยสักครั้งดูเหมือนว่าเธอจะค่อนข้างเว้นระยะห่างกับเขาพอสมควรแต่ม
16.30 น. ขณะที่พัณณ์ชิตากำลังจะเริ่มแต่งตัวก็มีสายเรียกเข้าจากนิโคไล หญิงสาวคิดว่าเขาโทรมาบอกว่าเปลี่ยนใจไม่ไปกับเธอแล้ว“พั้นช์”“ว่าไงคะ เปลี่ยนใจแล้วใช่ไหม”“เปล่าครับ ผมแค่จะถามว่าผมต้องแต่งตัวยังไง”“แต่งยังไงก็ได้ค่ะ ไม่ได้เป็นทางการอะไรคนที่มาก็เพื่อนกันทั้งนั้น”“ผมกลัวทำคุณขายหน้า”“ไม่หรอกค่ะ ปกติคุณก็แต่งตัวดีอยู่แล้วไม่เห็นจะต้องกังวลเลยนี่ค่ะ”“มันเป็นครั้งแรกที่ผมจะได้เจอเพื่อนคุณนี่ครับ” จากคนที่มีความมั่นใจในรูปร่างและหน้าตาของตัวเอง แต่วันนี้นิโคไลกลับรู้สึกไม่มั่นใจจนต้องโทรถาม“ให้ฉันบอกตรงๆ ไหมคะ”“ครับ บอกผมมาเลย”“คุณหล่ออยู่แล้วแต่งแบบไหนก็หล่อ”“ไม่หลอกกันนะครับ”“คุณไม่เคยส่องกระจกหรือไงคะ ถึงไม่มั่นใจแบบนี้ เอาล่ะ ฉันขอวางก่อนนะ ฉันยังแต่งตัวไม่เสร็จเลย”“ครับ ผมไม่กวนแล้วเดี๋ยวเจอกันนะ”พอวางสายแล้วพัณณ์ชิตาก็หันมาสนใจตัวเองอีกครั้ง วันนี้เธอเลือกสวมเดรสแขนกุดสีครีมยาวพอดีเข่า ดูสบายๆ ส่วนผมที่เคยรวมตึงไว้ตลอดก็ดัดปลายให้เป็นลอนดูเป็นธรรมชาติ จากนั้นแต่งเติมสีสันบนใบหน้าอีกเพียงนิดก็เรียบร้อย เธอไม่จำเป็นต้องแต่งอะไรมากเพราะวันนี้คนที่จะไปเจอก็มีแต่เพื่อนกัน
พัณณ์ชิตาแนะนำนิโคไลให้กับเพื่อนๆ จนครบทุกคนจากนั้นก็เริ่มทานอาหารจนกระทั่งทุกคนทานอิ่ม ความโกลาหลก็เกิดขึ้น เพราะแต่ละคนดูเหมือนจะไม่ได้เจอกันนานมาก ต่างฝ่ายต่างเล่าเรื่องราวที่ตัวเองเจอมาให้เพื่อนๆ ฟัง จนแยกแทบไม่ออกว่าเสียงใครเป็นเสียงใครเขาไม่เคยเห็นพัณณ์ชิตาในมุมนี้มาก่อนเลย วันนี้เธอดูร่าเริงสดใสและช่างคุยเรียกเสียงหัวเราะจากเพื่อนๆ ได้เป็นอย่างดี คุยไปสักพักเธอก็หันมาถามว่าเขาเบื่อไหม พอนิโคไลส่ายหน้าหญิงสาวก็หันไปคุยกับเพื่อนต่อนิโคไลฟังที่พวกเธอคุยกันรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้างแต่ก็ไม่ได้รู้สึกเบื่ออะไร ในทางกลับกันเข้ากลับรู้สึกเพลินด้วยซ้ำ“พั้นช์ ผมขอไปเข้าห้องน้ำนะ”“ค่ะ ถ้าเบื่อจะรอข้างนอกก็ได้นะคะ”“ไม่เป็นไรผมว่าพวกคุณคุยสนุกดี”พอบอกหญิงสาวเสร็จเขาก็เดินมาเข้าห้องน้ำและบังเอิญเจอกับคุณหมอคนหนึ่งที่กำลังเดินออกมาพอดี“คุณหมอครับ พอจะมีเวลาคุยกับผมนิดไหมครับ”“มีสิครับ ว่าแต่คุณจะไม่เข้าห้องน้ำก่อนเหรอ”“ไม่เป็นไรครับผมมีเรื่องจะถามคุณหมอนิดหน่อย”“ไปคุยกันตรงนั้นไหม” คุณหมอชี้ไปทางด้านหน้าร้านที่มีเก้าอี้หินอ่อนตั้งอยู่“ครับ” นิโคไลเดินตามมาจากนั้นทั้งสองก็นั่งลงบ
นิโคไลรีบหันหน้าเข้าหากำแพงเมื่อประตูห้องน้ำเปิดออก เพราะไม่อยากให้ผู้ชายที่คุยกันในห้องน้ำเมื่อครู่รู้ว่าตนเองแอบฟังอยู่ พอสองคนเดินไปออกไปไกลแล้ว ชายหนุ่มก็ได้แต่มองตามหลัง เพราะได้ยินแต่เสียงเลยไม่รู้ว่าคนไหนที่เคยเป็นแฟนของพัณณ์ชิตามาก่อนแต่ตอนนี้มันไม่สำคัญอีกแล้วเพราะนิโคไลตัดสินใจแล้วว่าจากนี้เขาจะจีบคุณหมอคนสวยอย่างจริงจัง เพราะตั้งแต่ได้ใกล้ชิดมาตลอดหนึ่งเดือนมันทำให้เขามั่นใจว่าพัณณ์ชิตาคือผู้หญิงที่เขาอยู่ใกล้แล้วมีความสุขโดยไม่มีเรื่องบนเตียงมาเกี่ยวข้องจะว่าไปแล้วนิโคไลก็รู้สึกแปลกใจกับตัวเองอยู่เหมือนกัน ปกติแล้วเขาไม่เคยขาดเรื่องอย่างว่าได้นานขนาดนี้มาก่อน เขาชักจะสงสัยแล้วว่าตนน่าจะกามตายด้านไปแล้วหรือไม่ก็เครียดจนไม่มีอารมณ์ทางเพศ เขารีบสลัดความคิดพวกนี้ออกจากหัวก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไปจัดการธุระส่วนตัวชายหนุ่มเดินกลับมานั่งที่เดิมอีกครั้งขณะที่พัณณ์ชิตาก็กำลังนั่งฟังเพื่อนคนหนึ่งเล่าถึงการไปออกหน่อยแพทย์เคลื่อนที่ในถิ่นธุระกันดาร“หายไปนานเลยนะคะ นึกว่ากลับไปแล้ว”“พอดีมีงานให้ต้องโทรไปจัดการนิดหน่อยครับ” เขาตอบพลางขยับเข้ามาใกล้จนพัณณ์ชิตารู้สึกว่ามันใกล้จนแทบจะตั
“เฮ้อ!...” พัณณ์ชิตาถอนหายใจอย่างหนักหลังจากประตูรถปิดลง“ดูท่าเขาจะไม่ค่อยเชื่อนะว่าเราเป็นแฟนกัน”“แล้วฉันต้องทำยังไง ไม่ใช่ว่าเขาจะตามดูเราตลอดนะ”“ผมไม่รู้ว่านิสัยเขาเป็นยังไง เชื่อคนง่ายหรือเปล่า แต่อย่างมากก็คงตามถึงคอนโดนั่นแหละครับ”“ไม่ได้นะ ฉันไม่อยากให้เขารู้ว่าพักอยู่ที่ไหน” พัณณ์ชิตารู้จักนิสัยของคนรักเก่าดีว่าเป็นพวกชอบตามตื๊อ ถ้าเขารู้ว่าคอนโดเธออยู่ที่ไหนชีวิตของเธอคงจะวุ่นวายน่าดู“เขาไม่เคยไปที่นั่นเหรอครับ”“ไม่เคยค่ะ ฉันเพิ่งย้ายมาอยู่ที่คอนโดนั่นไม่นาน แต่ก่อนฉันอยู่บ้านค่ะ”“ถ้าไม่อยากให้เขาตามไปก็มีสองทางเลือกคือ ไปค้างที่บ้านผมหรือไม่เราก็ไปนั่งดื่มกันต่อ”“ถ้าเขาตามเข้าไปล่ะคะ”“เขาคงตามแน่ แต่ในนั้นคนเยอะครับ เขาคงจับตาดูเราไม่ได้ตลอดหรอก” อันที่จริงถ้าไม่อยากให้เขาตามนิโคไลก็แค่โทรบอกลูกน้องให้จัดการทุกอย่างก็เรียบร้อย แต่ที่ไม่ทำแบบนั้นเพราะอยากชวนพัณณ์ชิตาไปนั่งดื่มด้วยกันสักหน่อย เนื่องจากพรุ่งนี้เป็นวันหยุดของเธอจึงไม่ต้องรีบตื่นนอนตั้งแต่เช้า“งั้นก็ตกลงค่ะ”นิโคไลขับรถพาพัณณ์ชิตามายังผับแห่งหนึ่งที่คนค่อนข้างจะพลุกพล่านเพราะเป็นคืนวันเสาร์แต่ก่อนมาเขาใ
“อะไรนะครับ คุณจะไปภูเก็ตเหรอ ผมไม่เห็นรู้เลย คิดจะหนีผมอีกแล้วใช่ไหมพั้นช์”“พั้นช์ก็เพิ่งรู้เมื่อกี้เองค่ะ พอดีมีประชุมวิชาการที่นั่นแล้วเพื่อนของเขาพั้นช์ลงทะเบียนไว้แล้วแต่ติดธุระด่วน พอดีว่าพั้นช์มีวันลาเหลืออีกเยอะก็เลยถือโอกาสไปแทนค่ะ”“คุณจะไปกี่วัน”“ประชุม 2 วันอยู่พักผ่อนอีก 2 วันค่ะ ถามทำไมคะ อย่าบอกนะว่าจะตามไปด้วย”“ไม่ได้เหรอครับ”“พั้นช์ว่าอย่าเลยค่ะ ขอเวลาพั้นช์อยู่คนเดียวนะคะ ถ้ากลับมาแล้วจะให้คำตอบที่คุณขอ” “แล้วเขาไปด้วยไหมครับ” “ไม่ค่ะ” เพราะรู้ว่าธาวินไม่ได้เธอจึงไปแทนเพื่อน“ผมหวังว่ากลับมาผมได้ยินข่าวดีจากคุณนะ”“ไม่คิดเผื่อใจไว้หน่อยเหรอคะ”“ผมรู้ว่าระหว่างเรามันเริ่มต้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ แต่ที่ผ่านมาผมก็ไม่เคยทำอะไรไม่ดีกับคุณเลย ถ้าคุณไม่อคติหรือปิดกั้นตัวเองจนเกินไปผมก็ยังมีความหวัง”“ทำไมถึงคิดว่าพั้นช์ปิดกั้นตัวเองล่ะคะ”“ก็เพื่อนๆ คุณคุยกันว่านานแล้วที่คุณไม่คบใครเลย ผมไม่รู้ว่าเพราะคุณปิดกั้นตัวเองหรือเปล่า”“ไม่ใช่หรอกค่ะ ที่พั้นช์ที่พั้นช์ยังไม่คบกับใครทั้งที่อายุเยอะแล้วก็เพราะยังไม่เจอคนที่ยอมรับและเข้าใจการทำงานของพั้นช์ อีกอย่าง
พัณณ์ชิตาเข้าประชุมกับเพื่อนร่วมอาชีพที่ได้ทั้งความรู้และได้เพื่อนใหม่อีกหลายคน หลังจากประชุมเสร็จในบ่ายวันศุกร์ก็มีการจัดงานเลี้ยงเล็กๆ ขึ้นที่ห้องจัดเลี้ยงของทางโรงแรมซึ่งงานจะเริ่มในเวลาหนึ่งทุ่ม แต่หญิงสาวไม่ค่อยอยากจะไปร่วมงานสักเท่าไหร่ “ผมอยากเห็นจังว่าเย็นนี้คุณจะสวมชุดไหน” นิโคไลถามเพราะเขากลัวว่าเธอจะแต่งตัวเช็กซี่จนหมอหนุ่มๆ ตามจีบ “ก็แค่เดรสธรรมดาเองค่ะ มันเป็นงานเลี้ยงเล็กๆ ไม่ได้หรูหราอะไรหรอกค่ะ พั้นช์ไม่ค่อยอยากไปเท่าไหร่เลยค่ะ” “เหนื่อยเหรอครับ นี่เพิ่งห้าโมงเย็นเองนะ พั้นช์นอนพักก่อนก็ได้ งานเริ่มหนึ่งทุ่มไม่ใช่เหรอครับ” “ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ คุณก็รู้ว่าพั้นช์อึดแค่ไหน แค่นั่งประชุมอย่างเดียวไม่เหนื่อยเลย” “แล้วทำถึงไม่อยากไปล่ะครับ” “มีบางคนที่พั้นช์ไม่ค่อยอยากเจอค่ะ” “ไหนพั้นช์บอกว่าเขาไม่ไป” นิโคไลถามอย่างร้อนรน “ค่ะ เขาไม่ได้เข้าประชุม แต่หมออีกคนที่เป็นเพื่อนสนิทของเขามาประชุม เขาเลยมาหาเพื่อนเขาเมื่อตอนบ่ายนี้ค่ะ แล้วก็คงจะมางานเลี้ยงเย็นนี้ด้วย ถ้าพั้นช์รู้มาก่อนก็คงไม่นัดเพื่อนหมอคนอ
“นิค” พัณณ์ชิตาไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเอง เพราะเมื่อตอนเย็นที่คุยกันเขายังอยู่ที่กรุงเทพ“คุยธุระเสร็จแล้วใช่ไหมครับ” นิโคไลเดินเข้ามาหาพร้อมทั้งดึงเธอเข้าไปกอด“ค่ะ คุณมาได้ยังไง” พัณณ์ชิตาไม่ขัดขืนที่เขากอด แถมเธอยังกอดเขากลับอีกต่างหาก“คิดถึงครับก็เลยรีบมาหา” นิโคไลพูดพลางกดจูบไปบนหน้าผากของหญิงสาวอย่างแสดงความเป็นเจ้าของ“วิน พั้นช์ขอตัวก่อนนะ” หญิงสาวหันมาบอกขณะที่มือของเธอยังกอดเอวของนิโคไลเอาไว้“แต่เรายังไม่ได้บอกเรื่องสำคัญของเราเลยนะ” ธาวินมองอดีตคนรักด้วยสายตาตัดพ้อ“เรื่องสำคัญของวิน แต่มันไม่สำคัญสำหรับพั้นช์นี่ค่ะ ไปกันเธอคะนิค พั้นช์นัดเพื่อนไว้ที่ผับ เราไปฟังเพลงกันต่อนะคะ” หญิงสาวหันมาส่งยิ้มหวานให้กับนิโคไลราวกับจะประกาศให้อีกคนรู้ว่าตอนนี้เธอไม่ได้สนใจเขาเลยสักนิด“ผมขอตัวก่อนนะครับ” นิโคไลหันมากล่าวอย่างสุภาพก่อนจะเดินจับมือกับพัณณ์ชิตาออกมาจากชายหาดหน้าโรงแรมเขายังคงจับมือเธอไม่ปล่อยแม้จะพ้นจากสายตาของธาวินแล้วก็ตาม ทุกอย่างที่เขาปฏิบัติกับพัณณ์ชิตาวันนี้ไม่ใช่การแสดงแต่มันเป็นความรู้สึกที่เขาอยากแสดงออกกับเธอจริงๆพัณณ์ชิตาไม่ได้ว่าอะไรที่เขาจะจับมือเธอเดินไปแบบ
“หมอพั้นช์ลางานตั้งหลายวันครั้งนี้จะไปเที่ยวไหนคะ” พยาบาลหน้าห้องตรวจถามคุณหมอสาวที่มักจะใช้วันหยุดไปกับการท่องเที่ยวและมีของฝากติดไม้ติดมือมาเป็นประจำ“ครั้งนี้คิดว่าจะพักผ่อนอยู่บ้านจริงๆ ค่ะ เจอกันวันจันทร์หน้านะคะ” พัณณ์ชิตาอยากให้เวลากับนิโคไลบ้างเพราะที่ผ่านมาเธอทำแต่งานหนักมาโดยตลอดพัณณ์ชิตาบอกพยาบาลที่หน้าห้องตรวจก่อนจะรีบมาขึ้นรถซึ่งนิโคไลมารออยู่ก่อนแล้ว“เหนื่อยไหมครับ” ชายหนุ่มส่งน้ำเย็นให้เธอ เขาทำแบบนี้ทุกครั้งที่มารับคนรัก“ไม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับน้ำมาดื่มจากนั้นทั้งสองคนก็ไปทานอาหารเย็นด้วยกันที่ร้านประจำซึ่งตั้งอยู่ไม่ห่างจากเพนท์เฮาส์“ผมขอทำงานต่ออีกนิดนะครับ” นิโคไลบอกคนรักเมื่อมาถึงบนห้อง“ได้ค่ะ”พัณณ์ชิตากลับมายังห้องนอนยังไม่ทันได้เข้าห้องน้ำก็มีข้อความจากหมอปิญชาน์แจ้งผลการตรวจเลือดและนั่นก็ทำให้เธอยิ้มออก ไม่ใช่แค่ผลจากหมอปิญชาน์ แต่เธอยังไม่ตรวจที่อื่นมาแล้วเมื่อตอนบ่าย หญิงสาวยิ้มด้วยความดีใจที่ทุกอย่างมันผ่านไปได้ เธออาบน้ำอย่างสบายใจจนลืมไปว่านิโคไลก็รอฟังผลเลือดอยู่เหมือนกันเมื่อนึกได้ว่ายังไม่ได้บอกข่าวดีกับเขาก็รีบอาบน้ำและแต่งตัวอย่างรวดเร็ว แต
วันนี้พัณณ์ชิตามาเจาะเลือดที่คลินิกของหมอปิญชาน์หลังจากที่ทานยาครบ 28 วันแล้ว ไม่ว่าผลการตรวจเลือดจะออกมายังไงนิโคไลก็ยังยืนเหมือนเดิมว่าเขาจะแต่งงานกับเธอซึ่งเหลือเวลาอีกไม่ถึงครึ่งเดือนแล้ว “เดี๋ยวพี่จะเอาเลือดไปส่งเอง พั้นช์ไปรอฟังผลที่บ้านก็ได้นะ” “นานไหมครับหมอ” นิโคไลถาม “ไม่เกิน 2 ชั่วโมงครับ” “ถ้าผลเป็นลบก็หยุดยาแล้วมาตรวจซ้ำอีกครั้งหลังจากวันนี้อีกสองเดือน” “แล้วถ้าผลเป็นบวกล่ะครับ” “ถ้าผลเป็นบกต้องตรวจเพิ่มว่าระดับเชื้อมีมากน้อยแค่ไหนจากนั้นก็จะเริ่มทานต้านเชื้อครับ แต่ผมว่าดูแล้วโอกาสที่จะติดเชื้อแทบไม่มีเลย พั้นช์ก็อาการปกติดี” “ขอบคุณครับหมอชาน์” “พั้นช์ออกไปรอข้างนอกก่อนได้ไหม พี่ขอปรึกษาอะไรคุณนิคสักหน่อย” ปิญชาน์บอกคุณหมอรุ่นน้อง “ขอพั้นช์ฟังด้วยไม่ได้เหรอคะ” “มันเป็นเรื่องของผู้ชายพั้นช์อย่าฟังเลย” “ก็ได้ค่ะ” พัณณ์ชิตาเดินออกไปแล้วปิญชาน์ก็ให้คำแนะนำเพิ่มเติมกับนิโคไลเพราะรู้ว่าผู้ชายทุกคนนั้นมีความต้องการในเรื่องอย่างว่า “ขอบคุณค
“เป็นอะไรหรือเปล่าพั้นช์” นิโคไลถามคนรักทันทีที่เธอขึ้นมานั่งบนรถ “มีเรื่องเครียดนิดหน่อยค่ะ” “ผมช่วยอะไรได้ไหมครับ” “ใครก็ช่วยไม่ได้หรอกค่ะ” “ผมไม่รู้ว่าปัญหามันคืออะไร ถึงผมช่วยไม่ได้แต่ให้กำลังใจพั้นช์ได้ใช่ไหมครับ” เขาจับมือเล็กๆ ขึ้นมาแล้วจูบไปบนหลังมือเบาๆ “ขอบคุณค่ะนิค เรารีบกลับเถอะค่ะพั้นช์เหนื่อยมากอยากนอนพักแล้ว” “พั้นช์หลับเลยก็ได้นะครับ” พัณณ์ชิตาหลับตาลงช้าๆ เธอไม่ได้เหนื่อยอย่างที่พูดเลยสักนิดแต่เธอกำลังเครียดกับปัญหาที่ตนเองกำลังเผชิญอยู่และก็ไม่รู้เลยว่าจะเริ่มพูดกับเขายังไง “ที่รักถึงแล้วถ้าไม่ไหวให้ผมอุ้มไปนะ” “ไม่เป็นค่ะนิค พั้นช์ไหว” พอมาถึงบนห้องก็รีบอาบน้ำและเข้านอนซึ่งนิโคไลก็เข้าใจว่าคนรักเหนื่อยจากการทำงานจริงๆ เพราะเมื่อเช้าเธอบอกเขาว่าวันนี้มีผ่าตัดถึงสามเคสด้วยกัน ชายหนุ่มนั่งทำงานต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะอาบน้ำและเข้านอนตามเธอไป พัณณ์ชิตายังนอนไม่หลับเพราะเอาแต่คิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น ระหว่างรอผลเลือดหนึ่งเดือนนี้เธอต้องหาทางอยู่ห่างจากเขาให้ม
อีกไม่ถึงสองเดือนก็จะถึงงานแต่งงานแล้ว การเตรียมงานเป็นไปตามแผนที่คิดไว้ ทั้งสองคนเลือกไปถ่ายพรีเวดดิ้งที่ภูเก็ตเพราะที่นั่นเป็นจุดที่ทั้งสองตกลงใช่ชีวิตร่วมกัน ตอนนี้ทุกอย่างเตรียมพร้อมไว้หมดแล้วเหลือแค่รอเวลาเพียงเท่านั้น พัณณ์ชิตายังคงทำงานอย่างเดิมแต่ก็วางแผนไว้แล้วว่าหลังแต่งงานเธอจะรับขึ้นเวรให้น้อยลงเพราะอย่างแบ่งเวลาให้กับครอบครัว ซึ่งเรื่องนี้นิโคไลก็ให้เธอเป็นคนตัดสินใจเอง ส่วนเขาก็ยังคงทำงานที่บริษัทของตนเองและบิดาที่ย้ายออฟฟิศมาไว้ที่ตึกฝั่งตรงข้ามกับโรงพยาบาล “หมอพั้นช์ไหวไหมคะ” พยาบาลประจำห้องผ่าตัดถามเธอขึ้นเพราะวันนี้พัณณ์ชิตาผ่าตัดไปถึงสามเคสและเคสสุดท้ายเป็นที่ค่อนข้างหนักเพราะคนไข้มีเชื้อ HIV แต่ทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี” “ไหวค่ะพี่ไก่” “หมอพั้นช์อึดมากๆ เลยนะคะ” “พี่ไก่เหมือนกันนะคะ ถ้าไม่ได้พี่พั้นช์ก็คงแย่” เพราะพี่ไก่หรือปัทมานั้นเป็นพยาบาลที่คอยส่งเครื่องมือให้เธอในห้องผ่าตัด ทั้งสองทำงานเข้าขากันดี บางครั้งเธอแทบไม่ต้องบอกพี่พยาบาลก็หยิบเครื่องมือมารออยู่แล้ว “พี่ดูตารางผ่าตัดแล้ว เดือนนี้หมอพั
กลับมาถึงเมืองไทยชีวิตของพัณณ์ชิตาก็ดำเนินต่อไปตามปกติ ในทุกๆ วันนิโคไลจะคอยตามรับส่งจนใครๆ ต่างก็พากันอิจฉา แม้ว่าต้องทำงานบริษัทของตนเองและบิดาแต่นิโคไลก็บริหารเวลาได้ดี “พั้นช์ครับ ผมแต่งตัวโอเคไหม” “หล่อแล้วค่ะ” พัณณ์ชิตามองคนรักที่วันนี้เขาเลือกสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวต่างจากวันปกติที่มักจะสวมแต่สีโทนมืด “มันดูเข้ากับคุณไหม” “เข้าสิคะ นิคคะคุณไม่จำเป็นต้องแต่งตัวให้เข้ากับพั้นช์หรอกนะคะ แต่แบบเดิมก็ดีอยู่แล้ว” “ผมอยากเปลี่ยนตัวเองบ้าง เบื่อแล้วสีมืดๆ ดูไม่สดชื่นเลย แล้วผมก็อยากดูดีในสายตาของเพื่อนคุณ”วันนี้พัณณ์ชิตานัดทานอาหารกับเพื่อนซึ่งบังเอิญว่าเข้ามาประชุมวิชาการกันที่กรุงเทพหญิงสาวจึงนัดทานอาหารเย็นกับทุกคนและเธอก็ตั้งใจจะบอกข่าวดีให้เพื่อนๆ ได้ทราบ“เราต้องเตรียมการ์ดไปให้เพื่อนๆ ไหมครับ”“พั้นช์เอาใส่กระเป๋าไว้แล้ว ไปกันเถอะค่ะ”“เดี๋ยวสิ ลืมอะไรหรือเปล่า”“ไม่นะคะ หญิงสาวเปิดกระเป๋าถือของตนเองเช็กแล้วว่าด้านในมีการ์ดแต่งงาน โทรศัพท์รวมทั้งกระเป๋าเงินอยู่ครบแล้ว“ผมไม่ได้หมายถึงของในกระเป๋า”“แล้วหมายถึงอะไรล่ะคะ” หญิ
สายของวันใหม่พัณณ์ชิตาถึงรู้สึกตัวตื่น เมื่อคืนทั้งเธอและคนรักต่างกระโจนเข้าหากันครั้งแล้วครั้งเล่า หญิงสาวไม่คิดมาก่อนว่าตัวเองจะมีเรี่ยวแรงตอบสนองเขาได้มากขนาดนั้น เธอไม่รู้ว่ามันมากไปหรือเปล่าเพราะไม่เคยมีประสบการณ์กับคนอื่นมาก่อน แต่ถ้าถามว่ามีความสุขไหมคุณหมอสาวก็ตอบได้อย่างไม่อายเลยว่ามันมีความสุขมาก สุขจนนึกว่าทุกอย่างเป็นความฝัน เธอนึกไม่ออกเลยว่าเมื่อวานถ้านิโคไลกลับมาไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้นกับเธอบ้าง ถึงแม้จะยิงอังเดรไปแล้วแต่ก็ยังมีลูกน้องของเขาที่รออยู่ทางด้านนอกอีกอย่างน้อยสองคน “โทรศัพท์” พัณณ์ชิตานึกได้ว่าเมื่อวานได้อัดเสียงสนทนาไว้ จึงรีบลุกขึ้นอย่างรวดเร็วแต่ก็ต้องทรุดลงข้างเตียงเพราะขาเธอแทบมีแรงอีกทั้งยังปวดร้าวไปทั้งตัว “โอ๊ยยย...” “พั้นช์ คุณเป็นอะไรหรือเปล่า” นิโคไลที่เดินขึ้นมาบนห้องนอนพอได้ยินเสียงก็รีบเข้ามาพยุงเธอขึ้นมานั่งบนเตียง “นิคคะ โทรศัพท์ของพั้นช์อยู่ที่ห้องรับแขก ช่วยไปเอาให้หน่อยได้ไหมคะ” “ผมเห็นแล้วแต่แบตมันหมดตอนนี้ชาร์ตอยู่ เดี๋ยวผมเอามาให้แบตน่าจะเต็มแล้ว” พัณณ์ชิตานั่ง
เมื่อเห็นคนรักเร่าร้อนและทำทุกอย่างไปตามอารมณ์ปรารถนานิโคไลก็ต้องปล่อยไปกายปล่อยใจไปตามอารมณ์ที่เธอส่งผ่าน หญิงสาวใบหน้าแดงก่ำขณะบดเบียดโพรงอ่อนนุ่มเข้ากับความแข็งร้อนหมุนวน สะบัดส่ายไปมาทำเอาคนมากประสบการณ์อย่างเขาครางแทบไม่เป็นภาษา“สุดยอดพั้นช์ อ้าห์...ดีมาก...ที่รัก”เขามองคนรักที่ควบอยู่บนตัวเขาราวกับเป็นจ๊อกกี้สาว เธอกำลังพาตัวเองเข้าไปใกล้เส้นชัยทีละนิด นิโคไลเอื้อมมือไปฟอนเฟ้นเต้าอวบอย่างแรงจนเนื้อขาวนวลปลิ้นออกตามร่องนิ้ว ยิ่งเขากระตุ้นเธอก็ยิ่งควบเขาเร็วขึ้นราวกับจะบอกว่าเธอชอบกับการกระทำของเขามากแค่ไหน“นิคจ๋า จูบพั้นช์ได้ไหม”นิโคไลโน้มตัวคนรักลงมาบดเบียดริมฝีปากเข้าหาอย่างดูดดื่มและเร่าร้อนไปพายุตัณหาที่กำลังโหมกระหน่ำปลายลิ้นเกี่ยวกันอย่างไม่ลดละ เขากอดเธอจนหน้าอกนุ่มแนบกับแผงอกแกร่งรู้สึกถึงความร้อนจากร่างกายของเธอที่ยังไม่ลดลงเลยสักนิด“ที่รักคุณจะถึงแล้ว...”เขารู้ด้วยสัญชาตญาณเพราะตอนนี้ผนังอ่อนนุ่มในกายของเธอกำลังตอดรัดแรงและถี่รัวจนท่อนเอ็นของเขาปวดร้าว ชายหนุ่มสวนสะโพกเข้าหาโพรงอ่อนนุ่มอย่างบ้าคลั่ง“นิคขา...อื้อ...อ้าส์...”พัณณ์ชิตากรีดร้องอย
พัณณ์ชิตาปัดป่ายมือไปทั่วขณะที่อังเดรกำลังซุกไซร้ไปตามซอกคอนั่นยิ่งทำให้สติของเธอลงน้อยลงจนเกือบจะเป็นศูนย์ เธอโอบรอบลำตัวของอังเครมือไปทางด้านหลัง มือเล็กไปชนกับวัตถุแข็งเย็น หญิงสาวกัดฟันข่มความรู้สึกจากการปลุกเร้าก่อนจะดึงปืนที่เหน็บอยู่ทางด้านหลังออกมาปลดเซฟตี้ตามได้ฝึกมาจากพ่อและพี่ชาย จากนั้นก็ใช้แรงที่เหลือดันตัวเองออก แล้วจ่อปืนไปยังหน้าผากของอังเดรด้วยมือที่สั่นเทา “พั้นช์ว่าคุณอาถอยไปดีกว่านะคะ” เธอออกคำสั่งขณะที่กำลังถอยห่างจากเขาทีละนิด “ไม่เอาน่า ยังไงเธอก็หนีไม่รอดหรอก ไอ้ยาที่เธอกินลงไปนั้นยังไงก็ต้องให้คนช่วย” “แต่ต้องไม่ใช่คุณอาค่ะ เชื่อพั้นช์ ถอยออกไปก่อนที่พั้นช์จะลั่นไก” “เธอไม่กล้ายิงหรอก แค่นี้มือเธอก็สั่นไปหมดแล้ว” “ลองดูไหมล่ะ” “เธอคิดว่าแค่นี้จะขู่ฉันได้เหรอ” “ฉันไม่ได้ขู่ถ้าคุณเดินมาอีกก้าวเดียวฉันยิ่งแน่” อังเดรมองหญิงสาวที่กำลังต่อสู้กับความรู้สึกของตนเอง เขาคิดว่ายังไงเธอก็คงไม่กล้ายิง เธอจะใช้ปืนเป็นหรือเปล่าเขายังไม่แน่ใจด้วยซ้ำ เขาก้าวเท้าไปหาเธออย่างไม่
กลับจากเที่ยวเมืองเซนต์ปีเตอร์สเบิร์ก นิโคไลก็มีเวลาจัดการกับธุระเรื่องบริษัทของตนเอง ส่วนพัณณ์ชิตาไม่ได้ตามไปที่บริษัทด้วย หญิงสาวพักผ่อนอยู่ที่บ้านตามลำพัง บ้านของนิโคไลเป็นบ้านหลังไม่ใหญ่มาก เพราะเขาอยู่คนเดียว ในทุกๆ วันจะมีแม่บ้านมาทำความสะอาดจากนั้นก็จะกลับในเวลาเย็น วันนี้พัณณ์ชิตามีนัดดินเนอร์กับเขาที่ร้านอาหารในเวลาหนึ่งทุ่ม พอใกล้ถึงเวลานัดหญิงสาวจึงอาบน้ำแต่งตัวรอให้เขามารับ ชุดที่ใส่วันนี้เป็นเกาะอกสีแดงยาวถึงข้อเท้าแต่ผ่าทางด้านข้างถึงโคนขาสวย รองเท้าที่สวมก็เป็นรองเท้าส้นสูงสี่นิ้วซึ่งทั้งหมดนี้นิโคไลเป็นคนให้ลูกน้องเอามาส่งที่บ่ายเมื่อตอนบ่าย หญิงสาวแต่งตัวเสร็จก็ลงมานั่งรอเขาที่ห้องรับแขกและระหว่างนั้นชายหนุ่มก็โทรศัพท์เข้ามาพอดี “พั้นช์ครับ ผมอาจจะไปถึงช้าหน่อยนะครับ คุณหิวหรือยัง” “ยังเลยค่ะ เมื่อตนบ่ายพั้นช์กินขนมไปแล้ว” “พั้นช์จะไม่ถามหน่อยเหรอครับว่าทำไมผมถึงไปรับช้า” “ไม่หรอกค่ะ ถ้าคุณอยากบอกก็บอกเอง” “ทำไมพั้นช์ของผมถึงน่ารักแบบนี้นะ ผมจะไปเยี่ยมมารีนาครับ เมื่อกี