ซือเยี่ยนรับรู้ถึงความเย็นยะเยือกที่แผ่มาจากร่างของลู่สือเยี่ยน สายตาของเขามีแววลังเลและต่อต้าน แต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมาลู่สือเยี่ยนจ้องมองเขาอย่างเย็นชา "ไม่พูดใช่ไหม? งั้นเชิญนายลาออกไปได้เลย ไม่ต้องโผล่มาให้ฉันเห็นหน้าอีก""คุณชายลู่!"เมื่อได้ยินแบบนั้น ซือเยี่ยนก็ตกใจกลัวขึ้นมาในทันทีลู่สือเยี่ยนช่วยชีวิตเขาไว้ เป็นผู้มีพระคุณของเขา เขาสาบานว่าจะติดตามเขาไปตลอดชีวิต!ซือเยี่ยนกัดฟันพูดว่า "ผมสืบตามคำสั่ง เห็นคุณหลินถูกชายคนหนึ่งสะกดรอยตาม เธอพยายามวิ่งหนีออกมาจากตึก แต่ก็ถูกชายคนนั้นจิกผมลากเข้าไปในดงไม้เล็ก ๆ จากนั้นคุณชายฉินโหย่วหานก็ปรากฏตัวขึ้นทันเวลา ช่วยเธอเอาไว้ได้""เปรี้ยง!"เมื่อคำพูดนั้นจบลง หมัดก็กระแทกเข้าที่ใบหน้าของซือเยี่ยนอย่างจังซือเยี่ยนล้มลงนอนคว่ำอยู่บนพื้น แต่อดทนต่อความเจ็บปวดและรีบคลานเข่าเข้ามาคุกเข่าดังเดิมลู่สือเยี่ยนกระชากคอเสื้อเขา "กล้าดียังไงถึงปิดบังเรื่องนี้จากฉัน?"มันเป็นเรื่องจริง!หลินเซียงประสบเหตุการณ์เหล่านั้นจริง ๆ!แต่เขาทำอะไรลงไป?หลังจากที่เธอรอดความตายมาอย่างฉิวเฉียด เขากลับพูดจาเลวทรามแบบนั้นออกมา!แถมยังเข้าใจผิดว่าเธอ
ซือเยี่ยนถึงกับอึ้งไปเมื่อคิดอย่างถี่ถ้วน เขาก็รู้สึกละอายใจเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว คุณชายลู่สือเยี่ยนหายตัวไปอย่างกะทันหัน ทั้งตระกูลลู่ก็ไม่มีความสงบสุขเลย ลูกน้องของลู่สือเยี่ยนในอดีตเริ่มออกตามหา แต่ก็ไม่พบด้วยสถานการณ์ของลู่สือเยี่ยนในขณะนั้น หากมีใครคิดจะทำร้ายเขา เขาก็คงถูกปองร้ายได้อย่างง่ายดายต่อมา ลู่สือเยี่ยนก็ติดต่อซือเยี่ยนด้วยตัวเอง พวกเขาก็เลยรู้ว่าเขาหายไปไหนตลอดทั้งปีที่ผ่านมาเป็นหลินเซียงที่พาลู่สือเยี่ยนกลับบ้านหลินเซียงคือผู้มีพระคุณต่อลู่สือเยี่ยนเซี่ยหว่านก็มีพระคุณต่อลู่สือเยี่ยนเช่นกันแต่ซือเยี่ยนกลับจดจำแต่เพียงเซี่ยหว่าน และลืมหลินเซียงไปเขายกมือขึ้นตบหน้าตัวเอง "ผมผิดไปแล้ว"ฟู่จิ่นซิวบอกว่า "นายพูดกับฉันไปก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องนี้ต้องไปขอโทษหลินเซียง ถ้าเธอให้อภัยนาย ลู่สือเยี่ยนก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร""ครับ ผมเข้าใจแล้ว!"ซือเยี่ยนพูดจบก็วางสายทันทีฟู่จิ่นซิว "เฮ้ย ฉันยังพูดไม่จบ..."เมื่อเห็นว่าสายถูกตัดไปแล้ว เขาก็ทำเสียงจิ๊ในปากสองสามครั้ง ช่างเป็นคนหัวแข็งจริง ๆ!หลินเซียงกลับไปที่เฟิงหลินหย่วนโดยตรง ห้องเดี่ยวขนาดใหญ่ว่างเปล่า เธอเดิ
สีหน้าของซ่งซ่งเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม "ไม่ต้อง!"พูดจบก็ประคองหลินเซียงที่เมาแล้วเดินเลี่ยงไปด้านข้างแต่ชายฉกรรจ์เหล่านั้นกลับขวางพวกเธอไว้"สาวน้อย พวกพี่น่ะอ่อนโยนมากเลยนะ ไปขึ้นรถกันเถอะ รับรองว่าจะทำให้พวกเธอขึ้นสวรรค์!"พูดจบก็เอื้อมมือออกไปหมายจะจับซ่งซ่งและหลินเซียง"ออกไปนะ!"ซ่งซ่งตะโกนเสียงดัง "ถ้าพูดไม่รู้เรื่อง ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!"แต่ชายฉกรรจ์เหล่านั้นกลับไม่สนใจคำพูดของเธอเลย ชายฉกรรจ์สองคนเดินเข้ามา จับซ่งซ่งและหลินเซียงไว้โดยตรง แล้วลากไปที่รถซึ่งจอดอยู่ข้างถนน"ปล่อยนะ ออกไป ปล่อยหลินเซียง!"ซ่งซ่งดิ้นรน แต่เธอจะสู้แรงชายฉกรรจ์ได้อย่างไร?ไม่นานก็ถูกพาไปถึงข้างตัวรถหลินเซียงไม่มีแรงเลย แถมยังมึนเมาตัวอ่อนปวกเปียกพร้อมล้มลงตลอดเวลาในเวลานี้ มีคนวิ่งเข้ามาเตะชายฉกรรจ์ที่จับตัวหลินเซียงออกไป แล้วหันกลับมาต่อยหน้าชายฉกรรจ์อีกคนไม่กี่ครั้งก็จัดการชายฉกรรจ์ร่างใหญ่สองคนได้คนอื่น ๆ ต่างตกใจ ซ่งซ่งใช้จังหวะช่วงชุลมุนขณะคนที่จับเธออยู่กำลังนิ่งอึ้ง รีบดิ้นให้หลุดแล้ววิ่งไปกอดหลินเซียงไว้สีหน้าของซือเยี่ยนเคร่งขรึม "คุณประคองเธอไว้"ซ่งซ่ง "ได้... ได้"ชายฉกร
เมื่อหลินเซียงตื่นขึ้นมา รู้สึกว่าทั้งตัวหนักอึ้ง เธอตกใจมาก รีบหันไปดูข้าง ๆ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นขาของซ่งซ่งที่ทับก่ายอยู่บนตัวเธอก็โล่งใจนึกว่าเป็นลู่สือเยี่ยน...เธอส่ายหัว ทำไมถึงเอาแต่คิดถึงผู้ชายคนนั้นนะ?เธอขยับขาของซ่งซ่งออก แล้วก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันทำอาหารเช้าแบบง่าย ๆ แล้วก็ปลุกซ่งซ่งซ่งซ่งลุกขึ้นมานั่งด้วยอาการมึนงง จ้องมองเธออยู่พักหนึ่ง แล้วถามว่า "เธอรู้เรื่องเมื่อคืนไหม?"หลินเซียงถึงกับอึ้ง "เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นเหรอ?"ซ่งซ่งหาวไปพลาง ลุกจากเตียงไปพลาง เล่าเรื่องเมื่อคืนให้เธอฟัง"ซือเยี่ยน?"เมื่อฟังจบ หลินเซียงก็ถึงกับสับสนไปชั่วขณะเธอไม่รู้จักคนคนนี้เลยแฮะซ่งซ่งพูดว่า "อาจจะเป็นพลเมืองดีที่ช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนก็ได้ ถ้าเจออีกก็ต้องขอบคุณเขาให้ดี ๆ""อืม เธอพูดถูก"หลินเซียงพยักหน้าทั้งสองคนกินข้าวเสร็จแล้วก็ออกไปด้วยกันแต่พอไปถึงหน้าประตูอาคารก็เจอพลเมืองดีที่เพิ่งพูดถึงเข้า"คุณซือเยี่ยน"ซ่งซ่งตาดี เห็นซือเยี่ยนก็เรียกเขาทันทีซือเยี่ยนมองมา สายตาจ้องไปที่ใบหน้าของหลินเซียงโดยตรงซ่งซ่งยิ้มอย่างมีนัยยะ "หลินเซียงที่รัก คนน
หลินเซียงเพิ่งนั่งลงที่โต๊ะทำงานและเปิดคอมพิวเตอร์ เสียงพูดคุยข้าง ๆ กลับเงียบลงทันทีหลินเซียงหันกลับไปมองด้วยความสงสัย เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ข้าง ๆ เธอสีหน้าของเธอเปลี่ยนไป"ประธานลู่ มีอะไรหรือเปล่าคะ?"ดวงตาฟีนิกซ์ดำแคบยาวของลู่สือเยี่ยนจ้องมองใบหน้าเธอ เสียงทุ้มต่ำและทรงอำนาจเอื้อนเอ่ย "มีเรื่องน่ะ ตามมาหน่อย"หลินเซียง "อ๋อ"ลู่สือเยี่ยน "..."ซ่งจั่วโทรหาเธอ เธอบอกว่าไม่ว่าง แต่พอเขามาหาด้วยตัวเอง เธอกลับว่างซะงั้นลู่สือเยี่ยนรู้สึกโมโหจนมุมปากกระตุกหลายครั้งหลินเซียงเดินตามเขาเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวประธานบริษัท ซ่งจั่วเหลือบมองหลินเซียงแวบหนึ่ง สายตานั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจหลินเซียงทำเป็นมองไม่เห็นเมื่อเข้ามาในห้องทำงานของประธาน หลินเซียงก็มองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ประธานลู่ มีอะไรหรือเปล่าคะ"ดวงตาเฉียบคมลึกลับของลู่สือเยี่ยนจ้องมองใบหน้าเธอ สีหน้ายังคงเย็นชาและวางมาดสง่างามเหมือนเดิม พูดเบา ๆ ว่า "เรื่องคืนนั้นผมรู้แล้ว เงื่อนไขที่คุณว่ามา ผมยอมตกลงทั้งสิ้น""อ๋อ"หลินเซียงตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉยลู่สือเยี่ยนเลิกคิ้ว "มีปฏิกิริยาแค่นี้เหรอ?"หลินเซีย
หลินเซียงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังเดินเข้าไปในลิฟต์มีเพียงลู่สือเยี่ยนและซ่งจั่วหลินเซียงเดินเข้ามา ซ่งจั่วก็หลบไปยืนชิดมุมอย่างรู้งานหลินเซียงก้มหน้าลงเล็กน้อย พยายามละเลยบรรยากาศที่แข็งแกร่งและเย็นชาซึ่งแผ่ออกจากด้านข้างบรรยากาศภายในลิฟต์เงียบสงบ มีเพียงความเย็นเยือกที่แผ่วเบาลอยวนอยู่ในอากาศประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียงก็ไม่ได้รีบออกไป แต่รอให้ลู่สือเยี่ยนออกไปก่อน แล้วเธอค่อยเดินตามออกไปแต่พอเธอไม่ออกจากลิฟต์ ลู่สือเยี่ยนก็ไม่ออกเช่นกันเป็นอะไรกันซ่งจั่วยืนอยู่ชิดมุมลิฟต์ ร่างกายแทบจะหดเข้าไปในรอยแยกบนพื้นท่านประธาน คุณหลิน ถ้าพวกคุณไม่ออกไป แล้วผมจะออกไปได้ยังไงครับ?มีอะไรก็ค่อยพูดกันข้างนอกไม่ได้เหรอทำไมต้องมาอัดกันอยู่ในลิฟต์ด้วยทำไม?เมื่อแนวป้องกันทางจิตใจของซ่งจั่วใกล้จะพังทลาย ในที่สุดลู่สือเยี่ยนก็ถามขึ้น "ไม่กลับบ้านเหรอ"หลินเซียง "กลับสิคะ แต่คุณลู่กลับก่อนเลย ฉันไม่รีบ"ลู่สือเยี่ยน "อืม คุณไม่รีบ ผมก็ไม่รีบ"หลินเซียง "..."ผู้ชายคนนี้เป็นบ้าอะไรอีกล่ะ?ซ่งจั่ว "..."คนพวกนี้ต้องเล่นแง่กันคนเคยตัวแน่ ๆประตูลิฟต์ค่อย ๆ ปิดลงหลินเซียงไม
เซี่ยหว่านจ้องมองตัวเองที่สง่างามในกระจกและยกริมฝีปากของเธอขึ้นด้วยความพึงพอใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อดวงตาของเธอตกลงไปที่น่องซึ่งเป็นขาเทียม ร่องรอยของความรังเกียจปรากฏขึ้นในดวงตาเพื่อที่จะได้อยู่กับลู่สือเยี่ยน เธอยอมสละหลายสิ่งหลายอย่างเกินไป เธอต้องแต่งงานกับลู่สือเยี่ยน และลู่สือเยี่ยนต้องเป็นของเธอ!ไม่นานลู่สือเยี่ยนก็มา เซี่ยหว่านก็เปิดประตูด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “สือเยี่ยน มาแล้วเหรอคะ?”“อืม”ลู่สือเยี่ยนตอบ เปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินเข้าไปร่องรอยของความคาดหวังแวบขึ้นมาในดวงตาของเซี่ยหว่าน แต่ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา สายตาของเขาไม่เคยหยุดอยู่ที่เธอเลยเธอกัดริมฝีปากและพูดทันที “สือเยี่ยน คุณว่าเสื้อผ้าชุดใหม่ของฉันดูดีไหมคะ?”ขณะที่พูดเธอก็หมุนตัวไปรอบ ๆ ต่อหน้าเขาจากนั้นลู่สือเยี่ยนถึงมุ่งความสนใจไปที่เธอ แต่แค่กวาดตามองเธอผ่าน ๆ เท่านั้น “คุณมีอะไรจะคุยกับผมเหรอ?”ความผิดหวังในสายตาของเซี่ยหว่านเริ่มชัดเจนขึ้น เขาไม่เห็นหรือไงว่าเธออุตส่าห์แต่งตัวรอเขาอย่างพิถีพิถันแค่ไหน?ทำไมทัศนคติถึงเย็นชาขนาดนี้?ตอนอยู่ต่อหน้าหลินเซียงเขาแสดงออกแบบเดียวกันนี้หรือเปล่า?“กินข้าวกันก่อน
เซี่ยหว่านโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของลู่สือเยี่ยน “สือเยี่ยน เกิดอะไรขึ้น? หรือว่า...”ร่างกายของลู่สือเยี่ยนแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็จับแขนเธอแล้วผลักออกห่าง“บางทีเบรกเกอร์อาจขัดข้อง ผมจะเข้าไปดูหน่อย”เซี่ยหว่านรีบวิ่งไปหาเขาอีกครั้ง และตั้งท่าจะกอดเขา “อย่าไปนะ ฉันกลัว”กลิ่นน้ำหอมของเธอกระจายไปทั่ว ติดอยู่ที่ปลายจมูกของลู่สือเยี่ยนเขาขมวดคิ้วมุ่น ผลักเธอออกไปอีกครั้ง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเปิดไฟฉาย “เอ้า นี่ ถือไฟฉายให้ผมหน่อย”สีหน้าของเซี่ยหว่านแข็งค้าง แต่มือยังคงยื่นไปรับโทรศัพท์ของเขามาถือโดยง่ายลู่สือเยี่ยนเดินไปที่ตำแหน่งของสวิตช์ไฟฟ้าแล้วตรวจดู ก่อนจะดันคัตเอ้าท์กลับขึ้นไป และในวินาทีต่อมา ทั้งห้องก็กลับมาสว่างดังเดิม“เอาล่ะ ใช้ได้แล้ว”ลู่สือเยี่ยนหยิบโทรศัพท์คืนจากมือเธอแล้วพูดอย่างใจเย็นเซี่ยหว่านกัดริมฝีปากอย่างไม่เต็มใจ ก้มตัวลงเล็กน้อย ทำให้เนินอกที่โผล่พ้นแนวเสื้อออกมายิ่งเห็นชัดเจนดูเหมือนลู่สือเยี่ยนจะไม่สนใจ เดินไปหยิบเสื้อคลุมของเขาขึ้นมา “ดึกแล้ว ผมกลับก่อนนะ คุณก็อย่าลืมพักผ่อนเยอะ ๆ”เซี่ยวานคว้าชายเสื้อของเขาแล้วพูดว่า “สือเยี่