หลินเซียงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังเดินเข้าไปในลิฟต์มีเพียงลู่สือเยี่ยนและซ่งจั่วหลินเซียงเดินเข้ามา ซ่งจั่วก็หลบไปยืนชิดมุมอย่างรู้งานหลินเซียงก้มหน้าลงเล็กน้อย พยายามละเลยบรรยากาศที่แข็งแกร่งและเย็นชาซึ่งแผ่ออกจากด้านข้างบรรยากาศภายในลิฟต์เงียบสงบ มีเพียงความเย็นเยือกที่แผ่วเบาลอยวนอยู่ในอากาศประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียงก็ไม่ได้รีบออกไป แต่รอให้ลู่สือเยี่ยนออกไปก่อน แล้วเธอค่อยเดินตามออกไปแต่พอเธอไม่ออกจากลิฟต์ ลู่สือเยี่ยนก็ไม่ออกเช่นกันเป็นอะไรกันซ่งจั่วยืนอยู่ชิดมุมลิฟต์ ร่างกายแทบจะหดเข้าไปในรอยแยกบนพื้นท่านประธาน คุณหลิน ถ้าพวกคุณไม่ออกไป แล้วผมจะออกไปได้ยังไงครับ?มีอะไรก็ค่อยพูดกันข้างนอกไม่ได้เหรอทำไมต้องมาอัดกันอยู่ในลิฟต์ด้วยทำไม?เมื่อแนวป้องกันทางจิตใจของซ่งจั่วใกล้จะพังทลาย ในที่สุดลู่สือเยี่ยนก็ถามขึ้น "ไม่กลับบ้านเหรอ"หลินเซียง "กลับสิคะ แต่คุณลู่กลับก่อนเลย ฉันไม่รีบ"ลู่สือเยี่ยน "อืม คุณไม่รีบ ผมก็ไม่รีบ"หลินเซียง "..."ผู้ชายคนนี้เป็นบ้าอะไรอีกล่ะ?ซ่งจั่ว "..."คนพวกนี้ต้องเล่นแง่กันคนเคยตัวแน่ ๆประตูลิฟต์ค่อย ๆ ปิดลงหลินเซียงไม
เซี่ยหว่านจ้องมองตัวเองที่สง่างามในกระจกและยกริมฝีปากของเธอขึ้นด้วยความพึงพอใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อดวงตาของเธอตกลงไปที่น่องซึ่งเป็นขาเทียม ร่องรอยของความรังเกียจปรากฏขึ้นในดวงตาเพื่อที่จะได้อยู่กับลู่สือเยี่ยน เธอยอมสละหลายสิ่งหลายอย่างเกินไป เธอต้องแต่งงานกับลู่สือเยี่ยน และลู่สือเยี่ยนต้องเป็นของเธอ!ไม่นานลู่สือเยี่ยนก็มา เซี่ยหว่านก็เปิดประตูด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “สือเยี่ยน มาแล้วเหรอคะ?”“อืม”ลู่สือเยี่ยนตอบ เปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินเข้าไปร่องรอยของความคาดหวังแวบขึ้นมาในดวงตาของเซี่ยหว่าน แต่ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา สายตาของเขาไม่เคยหยุดอยู่ที่เธอเลยเธอกัดริมฝีปากและพูดทันที “สือเยี่ยน คุณว่าเสื้อผ้าชุดใหม่ของฉันดูดีไหมคะ?”ขณะที่พูดเธอก็หมุนตัวไปรอบ ๆ ต่อหน้าเขาจากนั้นลู่สือเยี่ยนถึงมุ่งความสนใจไปที่เธอ แต่แค่กวาดตามองเธอผ่าน ๆ เท่านั้น “คุณมีอะไรจะคุยกับผมเหรอ?”ความผิดหวังในสายตาของเซี่ยหว่านเริ่มชัดเจนขึ้น เขาไม่เห็นหรือไงว่าเธออุตส่าห์แต่งตัวรอเขาอย่างพิถีพิถันแค่ไหน?ทำไมทัศนคติถึงเย็นชาขนาดนี้?ตอนอยู่ต่อหน้าหลินเซียงเขาแสดงออกแบบเดียวกันนี้หรือเปล่า?“กินข้าวกันก่อน
เซี่ยหว่านโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของลู่สือเยี่ยน “สือเยี่ยน เกิดอะไรขึ้น? หรือว่า...”ร่างกายของลู่สือเยี่ยนแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็จับแขนเธอแล้วผลักออกห่าง“บางทีเบรกเกอร์อาจขัดข้อง ผมจะเข้าไปดูหน่อย”เซี่ยหว่านรีบวิ่งไปหาเขาอีกครั้ง และตั้งท่าจะกอดเขา “อย่าไปนะ ฉันกลัว”กลิ่นน้ำหอมของเธอกระจายไปทั่ว ติดอยู่ที่ปลายจมูกของลู่สือเยี่ยนเขาขมวดคิ้วมุ่น ผลักเธอออกไปอีกครั้ง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเปิดไฟฉาย “เอ้า นี่ ถือไฟฉายให้ผมหน่อย”สีหน้าของเซี่ยหว่านแข็งค้าง แต่มือยังคงยื่นไปรับโทรศัพท์ของเขามาถือโดยง่ายลู่สือเยี่ยนเดินไปที่ตำแหน่งของสวิตช์ไฟฟ้าแล้วตรวจดู ก่อนจะดันคัตเอ้าท์กลับขึ้นไป และในวินาทีต่อมา ทั้งห้องก็กลับมาสว่างดังเดิม“เอาล่ะ ใช้ได้แล้ว”ลู่สือเยี่ยนหยิบโทรศัพท์คืนจากมือเธอแล้วพูดอย่างใจเย็นเซี่ยหว่านกัดริมฝีปากอย่างไม่เต็มใจ ก้มตัวลงเล็กน้อย ทำให้เนินอกที่โผล่พ้นแนวเสื้อออกมายิ่งเห็นชัดเจนดูเหมือนลู่สือเยี่ยนจะไม่สนใจ เดินไปหยิบเสื้อคลุมของเขาขึ้นมา “ดึกแล้ว ผมกลับก่อนนะ คุณก็อย่าลืมพักผ่อนเยอะ ๆ”เซี่ยวานคว้าชายเสื้อของเขาแล้วพูดว่า “สือเยี่
หลินเซียงเดินออกจากบริษัท เมื่อไม่เห็นลู่สือเยี่ยนเดินตามมา เธอก็โล่งใจทันทีกลัวจริง ๆ ว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นจะคลุ้มคลั่งอะไรอีกเธอเดินไปที่สถานีรถไฟฟ้า จากบริษัทกลับไปที่เฟิงหลินหย่วนนั้นโดยสารทางรถไฟฟ้าสะดวกมาก ต่อสถานีปลายทางก็ถึงเลยแต่เพิ่งจะเลี้ยวโค้งไปได้ไม่กี่ก้าว ก็เหลือบไปเห็นคนคุ้นเคยคนหนึ่งกำลังเดินตามเธอมาเธอตกใจ รีบหันกลับไปมอง พอมองเห็นก็จำได้ทันที คนคนนี้ก็คือคนที่เมื่อคืนช่วยเธอไว้ แล้วก็เป็นคนที่เมื่อเช้าเพิ่งจะมาขอโทษเธอแบบงุนงง เขารู้ได้ยังไงว่าเธอทำงานอยู่ที่ไหน?แล้วทำไมเขาต้องตามเธอมาด้วย?เขาคิดจะทำอะไร?หลินเซียงระวังตัวขึ้นทันที รีบเดินไปที่สถานีรถไฟฟ้าหลังจากที่เธอแตะบัตรเข้าไปแล้วก็หันกลับไปมอง เห็นผู้ชายคนนั้นเดินตามเข้ามาด้วยหลินเซียงเริ่มหายใจติดขัด หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมโทรแจ้งตำรวจ!ถ้าเขาคิดจะทำร้ายเธอ เธอต้องแจ้งตำรวจแน่นอน!เพียงแต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ เพราะยังไม่แน่ใจว่าเขาแค่บังเอิญเดินมาทางเดียวกันเฉย ๆ หรือเปล่าตลอดทาง หลินเซียงไม่คลายความหวาดกลัว เมื่อมาถึงสถานีปลายทาง เธอเดินออกมาแล้วหันกลับไปมอง ก็ยังเห็นว่าผู้ชายคนนั้นเดินตามเธ
ตำรวจหญิงเดินออกไปลู่สือเยี่ยนเดินเข้ามาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าเธอ แล้วพูดว่า "ซือเยี่ยนเป็นคนของผมเอง"หลินเซียงได้ยินอย่างนั้นก็เบิกตาโตขึ้นกว่าเก่า "คุณสั่งให้เขาคอยตามฉันมาตลอดเลยเหรอ เป็นสตอล์กเกอร์หรือเปล่า?"ลู่สือเยี่ยน "..."เส้นเลือดที่หน้าผากกระตุกตุบ ๆเขาพูดเสียงต่ำ "เขาทำผิด เขาเป็นคนทำให้ผมเข้าใจคุณผิด ผมเลยสั่งให้เขามาขอโทษคุณ"แต่เขานึกไม่ถึงว่าซือเยี่ยนจะซื่อบื้อไม่ยอมบอกว่าตัวเองเป็นใคร แล้วขอโทษหลินเซียงไปอย่างไร้เหตุผลหลินเซียงไม่แจ้งความจับเขาข้อหาโรคจิตก็ดีแค่ไหนแล้ว!หลินเซียงสงสัย "เขาทำอะไรผิด?"ลู่สือเยี่ยนถึงเล่าเรื่องคืนนั้นให้เธอฟังหลินเซียงพยักหน้าอย่างเข้าใจ "อ๋อ"ลู่สือเยี่ยนมองเธอ "เรื่องนี้คุณจะให้ผมจัดการยังไง?"หลินเซียงหัวเราะออกมาเบา ๆลู่สือเยี่ยน "หัวเราะอะไร?"หลินเซียง "เขาทำผิด เขายังรู้จักขอโทษ แล้วคุณล่ะ?"สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเปลี่ยนไป ลูกกระเดือกที่ลำคอขยับขึ้นลง ดวงตาสีเข้มมืดในเสียจนมองไม่เห็นอารมณ์ข้างในภายในห้องแคบ ๆ จู่ ๆ อากาศก็เหมือนจะหมุนเวียนไม่สะดวก ความกดดันระคนเย็นชาแผ่ซ่านไปทั่วหลินเซียงกำแก้วน้ำในมือแน่นขึ้น
“ไง?”ทันทีที่ลู่สือเยี่ยนกลับมาที่วิลล่าตระกูลลู่ เขาได้รับโทรศัพท์จากหลินเซียง แต่คราวนี้กดรับสายโดยไม่ลังเลหลินเซียงพยายามอย่างหนักเพื่อระงับความกลัว ถึงอย่างนั้นน้ำเสียงก็ยังเจือความสั่นเครือ “ลู่สือเยี่ยน บอดี้การ์ดที่คุณจัดไว้ให้ฉันอยู่ไหน? บอดี้การ์ดที่จะช่วยปกป้องความปลอดภัยของฉันอยู่ที่ไหน?”ลู่สือเยี่ยนได้ยินความผิดปกติในน้ำเสียงของเธอ จึงถามว่า “เกิดอะไรขึ้น?”หลินเซียง “ฉันอยากได้บอดี้การ์ดส่วนตัว”ลู่สือเยี่ยน “ถ้าคุณไม่ยอมบอกผมว่าเกิดอะไรขึ้น แล้วผมจะจัดหาให้คุณได้ยังไง?”หลินเซียง “ไม่ว่ายังไงก็ตาม ฉันต้องได้บอดี้การ์ดคอยปกป้องฉันเป็นการส่วนตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง แบบที่ฉันสามารถมองเห็นพวกเขาได้ตลอดเวลาทุกครั้งที่ฉันต้องการ”ลู่สือเยี่ยน “...”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยแสงอันตราย “ได้ ผมจะหาให้”“ให้ไวด้วยล่ะ”หลังจากที่หลินเซียงพูดจบ เขาก็วางสายไปไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่หลังจากได้ยินเสียงเขา ความกลัวและความวิตกกังวลในใจก็หายไปทีละน้อยเธอถือโทรศัพท์ไว้แล้วยิ้มกับตัวเองสุดท้ายเธอก็ยังพึ่งพาเขาได้สินะ?จะเป็นยังไงถ้าเธอหย่ากับเขา และไม่มีเขาอยู่ในชีวิตอีกต่อไป
ลู่สือเยี่ยนเหลือบมองเธอแล้วกินเร็วขึ้นกว่าเดิมเมื่อหลินเซียงเห็นแบบนั้น ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างขึ้น ในขณะนี้เธอลืมรูปถ่ายที่นองเลือดและเต็มไปด้วยความรุนแรงไปนานแล้ว จิตใจของเธอก็เต็มไปด้วยความคิดที่ว่า เธอจะต้องไม่ปล่อยให้ลู่สือเยี่ยนกินกับข้าวตรงหน้าจนหมด!เธอต้องชนะ!ทั้งหมดนี้เป็นมื้อเย็นของเธอ!สุดท้ายก็เหลือปีกไก่เพียงชิ้นเดียวบนจานหลินเซียงหยิบมันขึ้นมาทันทีตามประสาคนหูตาไว มองดูลู่สือเยี่ยนด้วยความภาคภูมิ จากนั้นก็ยัดมันเข้าปากตัวเองลู่สือเยี่ยนวางชามและตะเกียบลง หยิบกระดาษทิชชู่ออกมาเช็ดมุมปากอย่างไว้เชิง ดวงตาโฉบเฉี่ยวสีเข้มของเขาเจือประกายความอ่อนโยนหลังจากปีกไก่ชิ้นสุดท้ายหมดเหลือแต่กระดูก หลินเซียงก็หรี่ตาลงด้วยความพึงพอใจรู้สึกดีชะมัดหลังกินอิ่ม!เธอยืนขึ้นและโบกมือ “อาเยี่ยน ฝากจัดการด้วยนะ!”หลังจากพูดอย่างนั้น เธอก็ก้าวไปข้างหน้าสองก้าว แต่ในวินาทีต่อมาเธอก็หยุดชะงัก มองความว่างเปล่าที่อยู่ตรงหน้า กะพริบตาปริบ ๆ จากนั้นก็ระงับความขมขื่นในดวงตาเอาไว้อาเยี่ยนที่ไหนกันล่ะ?“คุณมากินอาหารที่ฉันทำโดยไม่ได้รับเชิญ งั้นคุณก็มีหน้าที่ล้างจาน”เธอพูดโดยไม่หันก
เขา เขา เขา เขาออกมาทั้งที่ไม่ได้ใส่อะไรเลย!นิสัยเสีย!หลินเซียงหันหน้าทันที รีบไปที่ตู้เสื้อผ้า เจอผ้าเช็ดตัวผืนหนึ่งของเขา จึงหยิบมันออกมาและโยนมันใส่เขาโดยตรง“พันตัวไว้เร็วเข้า เดี๋ยวตาฉันก็เป็นกุ้งยิงหรอก!”ลู่สือเยี่ยน "..."ผ้าเช็ดตัวเป็นสีชมพู ขนาดไม่ใหญ่มาก แต่พอจะพันรอบเอวเขาได้ หลินเซียงมองดูแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้!ทำไมถึงได้ตลกแบบนี้นะ?ผู้ชายรูปร่างสูงยาวกลับนุ่งผ้าเช็ดตัวสีชมพูหวานแหววแน่นแบบนี้ ฮ่าฮ่าฮ่า...ลู่สือเยี่ยนเห็นรอยยิ้มของเธอ ดวงตาของเขาเปล่งประกายอบอุ่นขึ้นเล็กน้อย เขาตรงไปที่เตียง ยกผ้าห่มแล้วล้มตัวนอนลงบนนั้นหลินเซียงตกตะลึง “ทำอะไรน่ะ?”ลู่สือเยี่ยน "นอนไง"หลินเซียง "แต่ฉันไม่อนุญาตให้คุณนอนที่นี่ นี่มันห้องฉัน!"ลู่สือเยี่ยน "คุณไม่ได้ต้องการบอดี้การ์ดส่วนตัวหรอกเหรอ?"ส่วนตัวพอไหม?รอยยิ้มบนใบหน้าของหลินเซียงค่อย ๆ หายไป น้ำเสียงของเธอเย็นชาลง "ลู่สือเยี่ยน คุณมันน่ารำคาญที่สุด"ลู่สือเยี่ยน "อืม"หลินเซียง "..."รู้สึกเหมือนต่อยแรงแค่ไหนก็ชกโดนแต่สำลี เธอท้อแท้มากทันใดนั้นก็หันหลังกลับและจากไป"จะไปไหน?"เสียงทุ้มต่ำของลู่สือเยี