ซือเยี่ยนถึงกับอึ้งไปเมื่อคิดอย่างถี่ถ้วน เขาก็รู้สึกละอายใจเมื่อหนึ่งปีที่แล้ว คุณชายลู่สือเยี่ยนหายตัวไปอย่างกะทันหัน ทั้งตระกูลลู่ก็ไม่มีความสงบสุขเลย ลูกน้องของลู่สือเยี่ยนในอดีตเริ่มออกตามหา แต่ก็ไม่พบด้วยสถานการณ์ของลู่สือเยี่ยนในขณะนั้น หากมีใครคิดจะทำร้ายเขา เขาก็คงถูกปองร้ายได้อย่างง่ายดายต่อมา ลู่สือเยี่ยนก็ติดต่อซือเยี่ยนด้วยตัวเอง พวกเขาก็เลยรู้ว่าเขาหายไปไหนตลอดทั้งปีที่ผ่านมาเป็นหลินเซียงที่พาลู่สือเยี่ยนกลับบ้านหลินเซียงคือผู้มีพระคุณต่อลู่สือเยี่ยนเซี่ยหว่านก็มีพระคุณต่อลู่สือเยี่ยนเช่นกันแต่ซือเยี่ยนกลับจดจำแต่เพียงเซี่ยหว่าน และลืมหลินเซียงไปเขายกมือขึ้นตบหน้าตัวเอง "ผมผิดไปแล้ว"ฟู่จิ่นซิวบอกว่า "นายพูดกับฉันไปก็ไม่มีประโยชน์ เรื่องนี้ต้องไปขอโทษหลินเซียง ถ้าเธอให้อภัยนาย ลู่สือเยี่ยนก็คงจะไม่มีปัญหาอะไร""ครับ ผมเข้าใจแล้ว!"ซือเยี่ยนพูดจบก็วางสายทันทีฟู่จิ่นซิว "เฮ้ย ฉันยังพูดไม่จบ..."เมื่อเห็นว่าสายถูกตัดไปแล้ว เขาก็ทำเสียงจิ๊ในปากสองสามครั้ง ช่างเป็นคนหัวแข็งจริง ๆ!หลินเซียงกลับไปที่เฟิงหลินหย่วนโดยตรง ห้องเดี่ยวขนาดใหญ่ว่างเปล่า เธอเดิ
สีหน้าของซ่งซ่งเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม "ไม่ต้อง!"พูดจบก็ประคองหลินเซียงที่เมาแล้วเดินเลี่ยงไปด้านข้างแต่ชายฉกรรจ์เหล่านั้นกลับขวางพวกเธอไว้"สาวน้อย พวกพี่น่ะอ่อนโยนมากเลยนะ ไปขึ้นรถกันเถอะ รับรองว่าจะทำให้พวกเธอขึ้นสวรรค์!"พูดจบก็เอื้อมมือออกไปหมายจะจับซ่งซ่งและหลินเซียง"ออกไปนะ!"ซ่งซ่งตะโกนเสียงดัง "ถ้าพูดไม่รู้เรื่อง ฉันจะโทรแจ้งตำรวจ!"แต่ชายฉกรรจ์เหล่านั้นกลับไม่สนใจคำพูดของเธอเลย ชายฉกรรจ์สองคนเดินเข้ามา จับซ่งซ่งและหลินเซียงไว้โดยตรง แล้วลากไปที่รถซึ่งจอดอยู่ข้างถนน"ปล่อยนะ ออกไป ปล่อยหลินเซียง!"ซ่งซ่งดิ้นรน แต่เธอจะสู้แรงชายฉกรรจ์ได้อย่างไร?ไม่นานก็ถูกพาไปถึงข้างตัวรถหลินเซียงไม่มีแรงเลย แถมยังมึนเมาตัวอ่อนปวกเปียกพร้อมล้มลงตลอดเวลาในเวลานี้ มีคนวิ่งเข้ามาเตะชายฉกรรจ์ที่จับตัวหลินเซียงออกไป แล้วหันกลับมาต่อยหน้าชายฉกรรจ์อีกคนไม่กี่ครั้งก็จัดการชายฉกรรจ์ร่างใหญ่สองคนได้คนอื่น ๆ ต่างตกใจ ซ่งซ่งใช้จังหวะช่วงชุลมุนขณะคนที่จับเธออยู่กำลังนิ่งอึ้ง รีบดิ้นให้หลุดแล้ววิ่งไปกอดหลินเซียงไว้สีหน้าของซือเยี่ยนเคร่งขรึม "คุณประคองเธอไว้"ซ่งซ่ง "ได้... ได้"ชายฉกร
เมื่อหลินเซียงตื่นขึ้นมา รู้สึกว่าทั้งตัวหนักอึ้ง เธอตกใจมาก รีบหันไปดูข้าง ๆ แต่เมื่อเห็นว่าเป็นขาของซ่งซ่งที่ทับก่ายอยู่บนตัวเธอก็โล่งใจนึกว่าเป็นลู่สือเยี่ยน...เธอส่ายหัว ทำไมถึงเอาแต่คิดถึงผู้ชายคนนั้นนะ?เธอขยับขาของซ่งซ่งออก แล้วก็ลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันทำอาหารเช้าแบบง่าย ๆ แล้วก็ปลุกซ่งซ่งซ่งซ่งลุกขึ้นมานั่งด้วยอาการมึนงง จ้องมองเธออยู่พักหนึ่ง แล้วถามว่า "เธอรู้เรื่องเมื่อคืนไหม?"หลินเซียงถึงกับอึ้ง "เมื่อคืนเกิดอะไรขึ้นเหรอ?"ซ่งซ่งหาวไปพลาง ลุกจากเตียงไปพลาง เล่าเรื่องเมื่อคืนให้เธอฟัง"ซือเยี่ยน?"เมื่อฟังจบ หลินเซียงก็ถึงกับสับสนไปชั่วขณะเธอไม่รู้จักคนคนนี้เลยแฮะซ่งซ่งพูดว่า "อาจจะเป็นพลเมืองดีที่ช่วยเหลือคนอื่นโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนก็ได้ ถ้าเจออีกก็ต้องขอบคุณเขาให้ดี ๆ""อืม เธอพูดถูก"หลินเซียงพยักหน้าทั้งสองคนกินข้าวเสร็จแล้วก็ออกไปด้วยกันแต่พอไปถึงหน้าประตูอาคารก็เจอพลเมืองดีที่เพิ่งพูดถึงเข้า"คุณซือเยี่ยน"ซ่งซ่งตาดี เห็นซือเยี่ยนก็เรียกเขาทันทีซือเยี่ยนมองมา สายตาจ้องไปที่ใบหน้าของหลินเซียงโดยตรงซ่งซ่งยิ้มอย่างมีนัยยะ "หลินเซียงที่รัก คนน
หลินเซียงเพิ่งนั่งลงที่โต๊ะทำงานและเปิดคอมพิวเตอร์ เสียงพูดคุยข้าง ๆ กลับเงียบลงทันทีหลินเซียงหันกลับไปมองด้วยความสงสัย เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ข้าง ๆ เธอสีหน้าของเธอเปลี่ยนไป"ประธานลู่ มีอะไรหรือเปล่าคะ?"ดวงตาฟีนิกซ์ดำแคบยาวของลู่สือเยี่ยนจ้องมองใบหน้าเธอ เสียงทุ้มต่ำและทรงอำนาจเอื้อนเอ่ย "มีเรื่องน่ะ ตามมาหน่อย"หลินเซียง "อ๋อ"ลู่สือเยี่ยน "..."ซ่งจั่วโทรหาเธอ เธอบอกว่าไม่ว่าง แต่พอเขามาหาด้วยตัวเอง เธอกลับว่างซะงั้นลู่สือเยี่ยนรู้สึกโมโหจนมุมปากกระตุกหลายครั้งหลินเซียงเดินตามเขาเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัวประธานบริษัท ซ่งจั่วเหลือบมองหลินเซียงแวบหนึ่ง สายตานั้นเต็มไปด้วยความไม่พอใจหลินเซียงทำเป็นมองไม่เห็นเมื่อเข้ามาในห้องทำงานของประธาน หลินเซียงก็มองเขาด้วยสีหน้าเรียบเฉย "ประธานลู่ มีอะไรหรือเปล่าคะ"ดวงตาเฉียบคมลึกลับของลู่สือเยี่ยนจ้องมองใบหน้าเธอ สีหน้ายังคงเย็นชาและวางมาดสง่างามเหมือนเดิม พูดเบา ๆ ว่า "เรื่องคืนนั้นผมรู้แล้ว เงื่อนไขที่คุณว่ามา ผมยอมตกลงทั้งสิ้น""อ๋อ"หลินเซียงตอบกลับด้วยสีหน้าเรียบเฉยลู่สือเยี่ยนเลิกคิ้ว "มีปฏิกิริยาแค่นี้เหรอ?"หลินเซีย
หลินเซียงลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ก็ยังเดินเข้าไปในลิฟต์มีเพียงลู่สือเยี่ยนและซ่งจั่วหลินเซียงเดินเข้ามา ซ่งจั่วก็หลบไปยืนชิดมุมอย่างรู้งานหลินเซียงก้มหน้าลงเล็กน้อย พยายามละเลยบรรยากาศที่แข็งแกร่งและเย็นชาซึ่งแผ่ออกจากด้านข้างบรรยากาศภายในลิฟต์เงียบสงบ มีเพียงความเย็นเยือกที่แผ่วเบาลอยวนอยู่ในอากาศประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียงก็ไม่ได้รีบออกไป แต่รอให้ลู่สือเยี่ยนออกไปก่อน แล้วเธอค่อยเดินตามออกไปแต่พอเธอไม่ออกจากลิฟต์ ลู่สือเยี่ยนก็ไม่ออกเช่นกันเป็นอะไรกันซ่งจั่วยืนอยู่ชิดมุมลิฟต์ ร่างกายแทบจะหดเข้าไปในรอยแยกบนพื้นท่านประธาน คุณหลิน ถ้าพวกคุณไม่ออกไป แล้วผมจะออกไปได้ยังไงครับ?มีอะไรก็ค่อยพูดกันข้างนอกไม่ได้เหรอทำไมต้องมาอัดกันอยู่ในลิฟต์ด้วยทำไม?เมื่อแนวป้องกันทางจิตใจของซ่งจั่วใกล้จะพังทลาย ในที่สุดลู่สือเยี่ยนก็ถามขึ้น "ไม่กลับบ้านเหรอ"หลินเซียง "กลับสิคะ แต่คุณลู่กลับก่อนเลย ฉันไม่รีบ"ลู่สือเยี่ยน "อืม คุณไม่รีบ ผมก็ไม่รีบ"หลินเซียง "..."ผู้ชายคนนี้เป็นบ้าอะไรอีกล่ะ?ซ่งจั่ว "..."คนพวกนี้ต้องเล่นแง่กันคนเคยตัวแน่ ๆประตูลิฟต์ค่อย ๆ ปิดลงหลินเซียงไม
เซี่ยหว่านจ้องมองตัวเองที่สง่างามในกระจกและยกริมฝีปากของเธอขึ้นด้วยความพึงพอใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อดวงตาของเธอตกลงไปที่น่องซึ่งเป็นขาเทียม ร่องรอยของความรังเกียจปรากฏขึ้นในดวงตาเพื่อที่จะได้อยู่กับลู่สือเยี่ยน เธอยอมสละหลายสิ่งหลายอย่างเกินไป เธอต้องแต่งงานกับลู่สือเยี่ยน และลู่สือเยี่ยนต้องเป็นของเธอ!ไม่นานลู่สือเยี่ยนก็มา เซี่ยหว่านก็เปิดประตูด้วยรอยยิ้มบนใบหน้า “สือเยี่ยน มาแล้วเหรอคะ?”“อืม”ลู่สือเยี่ยนตอบ เปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินเข้าไปร่องรอยของความคาดหวังแวบขึ้นมาในดวงตาของเซี่ยหว่าน แต่ตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา สายตาของเขาไม่เคยหยุดอยู่ที่เธอเลยเธอกัดริมฝีปากและพูดทันที “สือเยี่ยน คุณว่าเสื้อผ้าชุดใหม่ของฉันดูดีไหมคะ?”ขณะที่พูดเธอก็หมุนตัวไปรอบ ๆ ต่อหน้าเขาจากนั้นลู่สือเยี่ยนถึงมุ่งความสนใจไปที่เธอ แต่แค่กวาดตามองเธอผ่าน ๆ เท่านั้น “คุณมีอะไรจะคุยกับผมเหรอ?”ความผิดหวังในสายตาของเซี่ยหว่านเริ่มชัดเจนขึ้น เขาไม่เห็นหรือไงว่าเธออุตส่าห์แต่งตัวรอเขาอย่างพิถีพิถันแค่ไหน?ทำไมทัศนคติถึงเย็นชาขนาดนี้?ตอนอยู่ต่อหน้าหลินเซียงเขาแสดงออกแบบเดียวกันนี้หรือเปล่า?“กินข้าวกันก่อน
เซี่ยหว่านโยนตัวเองเข้าไปในอ้อมแขนของลู่สือเยี่ยน “สือเยี่ยน เกิดอะไรขึ้น? หรือว่า...”ร่างกายของลู่สือเยี่ยนแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเขาก็จับแขนเธอแล้วผลักออกห่าง“บางทีเบรกเกอร์อาจขัดข้อง ผมจะเข้าไปดูหน่อย”เซี่ยหว่านรีบวิ่งไปหาเขาอีกครั้ง และตั้งท่าจะกอดเขา “อย่าไปนะ ฉันกลัว”กลิ่นน้ำหอมของเธอกระจายไปทั่ว ติดอยู่ที่ปลายจมูกของลู่สือเยี่ยนเขาขมวดคิ้วมุ่น ผลักเธอออกไปอีกครั้ง หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาแล้วเปิดไฟฉาย “เอ้า นี่ ถือไฟฉายให้ผมหน่อย”สีหน้าของเซี่ยหว่านแข็งค้าง แต่มือยังคงยื่นไปรับโทรศัพท์ของเขามาถือโดยง่ายลู่สือเยี่ยนเดินไปที่ตำแหน่งของสวิตช์ไฟฟ้าแล้วตรวจดู ก่อนจะดันคัตเอ้าท์กลับขึ้นไป และในวินาทีต่อมา ทั้งห้องก็กลับมาสว่างดังเดิม“เอาล่ะ ใช้ได้แล้ว”ลู่สือเยี่ยนหยิบโทรศัพท์คืนจากมือเธอแล้วพูดอย่างใจเย็นเซี่ยหว่านกัดริมฝีปากอย่างไม่เต็มใจ ก้มตัวลงเล็กน้อย ทำให้เนินอกที่โผล่พ้นแนวเสื้อออกมายิ่งเห็นชัดเจนดูเหมือนลู่สือเยี่ยนจะไม่สนใจ เดินไปหยิบเสื้อคลุมของเขาขึ้นมา “ดึกแล้ว ผมกลับก่อนนะ คุณก็อย่าลืมพักผ่อนเยอะ ๆ”เซี่ยวานคว้าชายเสื้อของเขาแล้วพูดว่า “สือเยี่
หลินเซียงเดินออกจากบริษัท เมื่อไม่เห็นลู่สือเยี่ยนเดินตามมา เธอก็โล่งใจทันทีกลัวจริง ๆ ว่าไอ้ผู้ชายคนนั้นจะคลุ้มคลั่งอะไรอีกเธอเดินไปที่สถานีรถไฟฟ้า จากบริษัทกลับไปที่เฟิงหลินหย่วนนั้นโดยสารทางรถไฟฟ้าสะดวกมาก ต่อสถานีปลายทางก็ถึงเลยแต่เพิ่งจะเลี้ยวโค้งไปได้ไม่กี่ก้าว ก็เหลือบไปเห็นคนคุ้นเคยคนหนึ่งกำลังเดินตามเธอมาเธอตกใจ รีบหันกลับไปมอง พอมองเห็นก็จำได้ทันที คนคนนี้ก็คือคนที่เมื่อคืนช่วยเธอไว้ แล้วก็เป็นคนที่เมื่อเช้าเพิ่งจะมาขอโทษเธอแบบงุนงง เขารู้ได้ยังไงว่าเธอทำงานอยู่ที่ไหน?แล้วทำไมเขาต้องตามเธอมาด้วย?เขาคิดจะทำอะไร?หลินเซียงระวังตัวขึ้นทันที รีบเดินไปที่สถานีรถไฟฟ้าหลังจากที่เธอแตะบัตรเข้าไปแล้วก็หันกลับไปมอง เห็นผู้ชายคนนั้นเดินตามเข้ามาด้วยหลินเซียงเริ่มหายใจติดขัด หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเตรียมโทรแจ้งตำรวจ!ถ้าเขาคิดจะทำร้ายเธอ เธอต้องแจ้งตำรวจแน่นอน!เพียงแต่ตอนนี้ยังทำไม่ได้ เพราะยังไม่แน่ใจว่าเขาแค่บังเอิญเดินมาทางเดียวกันเฉย ๆ หรือเปล่าตลอดทาง หลินเซียงไม่คลายความหวาดกลัว เมื่อมาถึงสถานีปลายทาง เธอเดินออกมาแล้วหันกลับไปมอง ก็ยังเห็นว่าผู้ชายคนนั้นเดินตามเธ
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้
หลินเซียงมองคุณย่าลู่ด้วยความประหลาดใจไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณย่าที่เคยใจดีกับเธอ ในระดับที่เรียกว่าเอาใจใส่ กลับคิดร้ายกับเธอแบบนี้ แล้วยังมองเธอด้วยสายตาเย็นชาหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดในใจที่แท้ไม่ใช่แค่ตอนที่ลู่สือเยี่ยนทำร้ายเธอเท่านั้นถึงจะรู้สึกเจ็บปวดการถูกคนที่เคยสนิทสนมทำร้าย ใจก็เจ็บปวดเช่นกันเธอเม้มริมฝีปาก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลู่สือเยี่ยน“ฮัลโหล?”ไม่นานปลายสายก็รับ ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นหลินเซียงบอกว่า “คุณย่ามีเรื่องจะพูดกับพวกเรา ตอนนี้คุณช่วยมาโรงพยาบาลหน่อย”ลู่สือเยี่ยนถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หลินเซียง “มาถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”พูดจบก็วางสายไปเรื่องหย่าควรจะพูดต่อหน้าทั้งสองคนจะดีกว่าบอกกับเธอแค่คนเดียวมีประโยชน์อะไร?เธออยากหย่า แต่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ไม่เชื่อเธอทำผิดอะไร?ถึงได้ถูกปฏิบัติแบบนี้?หลินเซียงนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าลง ไม่มองคุณย่าลู่อีกนิสัยของเธอค่อนข้างแปลกถ้าคนคนนั้นทำร้ายเธอ ก็ยากที่จะเข้าไปอยู่ในใจเธอได้อีกคุณย่าลู่ไม่ค่อยชอบท่าทางของหลินเซียง จึงจับมือเซี่ยหว่านแล้วคุยต่อ เพราะชอบท่าทางอ่อนโยนขอ
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ลู่สือเยี่ยนมองเธอ “อย่าคิดมาก คุณย่าแค่ลืมความทรงจำไปสองปีเท่านั้นเอง”หลินเซียงมองเขา แล้วถามว่า “แล้วถ้าคุณย่ายืนกรานจะให้คุณแต่งงานกับเซี่ยหว่านล่ะ?”ลู่สือเยี่ยนมองเธออย่างลึกซึ้ง “หลินเซียง เธอควรเลิกคิดเรื่องนี้นะ เพราะผมไม่หย่ากับคุณแน่”หลินเซียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แล้วพูดว่า “จริง ๆ แล้ว เราหย่ากันก็ไม่เลวนะ ฉัน…”“หยุด!”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยความหงุดหงิด “ฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่องเหรอ? ถ้าพูดถึงเรื่องหย่าอีก ผมจับคุณขังไว้แน่!”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ รอบตัวเต็มไปด้วยออร่าเย็นชาหลินเซียงหยุดชะงัก ไม่พูดต่อเพราะเขาทำได้จริงเมื่อหันหลังเดินไป ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเย็นชายิ่งกว่าเก่าลู่สือเยี่ยนมองตามหลังเธอไป ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงเขาเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นรถ สีหน้ามืดครึ้มอย่างที่สุดในขณะนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เขาดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากซืออวี่“พูดมา!”ซืออวี่ตกใจกับน้ำเสียงเย็นชาของเขา ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พี่ใหญ่ ฉันสืบได้เรื่องบ้างแล้ว แต่คนคนนั้นฉลาดเป็นกรด ปกปิดตัวตนได้ดีมาก รู้แค่ว่าเป็นผู้ชาย”ลู่สือเยี
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาลคุณย่าลู่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว อวิ๋นหลานนั่งคุยกับเธออยู่“คุณย่าครับ”ลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคุณย่าลู่เห็นเขา ใบหน้าที่แก่ชราพลันมีรอยยิ้ม“สือเยี่ยน เธอมาแล้ว” คุณย่าลู่จับมือเขาไว้ มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “สือเยี่ยน ทำไมดูเปลี่ยนไปจังเลย? ดูเหมือนจะโตขึ้นมากเลยนะ”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนโค้งเป็นรอยยิ้ม “โตขึ้นแล้วไม่ดีเหรอครับ?”คุณย่าลู่พยักหน้า “ดี แน่นอนว่าดี แต่ฉันยังชอบเธอตอนเด็ก ๆ ที่ไร้เดียงสามากกว่า เอาแต่วิ่งตามหลังพี่ชายตลอดเวลา แล้วยังทำหน้าบึ้งใส่เขา มีแต่พี่ชายที่ตามใจ ถ้าเป็นคนอื่นคงตีเธอไปแล้ว”รอยยิ้มที่มุมปากของลู่สือเยี่ยนแข็งทื่อไปชั่วขณะคุณย่าลู่สังเกตเห็นหลินเซียงในตอนนี้ จึงถามว่า “แล้วเธอล่ะ มายังไง?”ลู่สือเยี่ยนบอกว่า “ย่าครับ เธอเป็นภรรยาผม หลินเซียง”หลินเซียงมองคุณย่าลู่ “คุณย่า”คิ้วของคุณย่าลู่ขมวดเข้าหากันทันที เธอปล่อยมือลู่สือเยี่ยน “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่านไม่ใช่เหรอ? ฉันเห็นว่าเด็กคนนั้นก็ใช้ได้นะ ทำไมถึงแต่งงานกับคนอื่นล่ะ?”ท่าทีนั้
ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนแสดงออกถึงความซับซ้อนเล็กน้อย เขาพูดอย่างสงบว่า “เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ ต้องรอผลตรวจของแพทย์”หลินเซียงพยักหน้า ตอนนี้คงทำได้แค่นี้ลู่เจิ้งหรงมองหลินเซียงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วพูดกับลู่สือเยี่ยนว่า “อาการของย่าแกดูเหมือนจะดีขึ้น ความคิดของผู้ใหญ่ แกคงรู้ดี น่าจะอยากเห็นแกแต่งงานกับหว่านหว่าน ตอนนั้นแกเป็นคนพาหว่านหว่านไปหาท่านเอง ตอนนี้ถ้าท่านขอร้อง แกก็ปฏิเสธไม่ได้”อวิ๋นหลานกล่าวว่า “เจิ้งหรง แต่สือเยี่ยนกับหลินเซียงรักกันดี ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีหรอกมั้ง?”“เหอะ!” ลู่เจิ้งหรงหัวเราะเยาะ “รักกันดี? หลินเซียงไม่ใช่เหรอที่อยากหย่ามาตลอด? ใช้โอกาสนี้หย่ากันไปซะสิ ไม่ต้องมีใครขัดขวางใคร!”อวิ๋นหลานมองหลินเซียงด้วยความกังวล กลัวว่าเธอจะเสียใจแต่หลินเซียงเหมือนไม่ได้ยิน ยืนอยู่มุมห้อง ก้มหน้าลง ปากสวยเม้มเป็นเส้นตรงลู่สือเยี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดของลู่เจิ้งหรงเลยเขาตามหาลู่จิ้นหนานจนแทบคลั่ง ยังมีเวลาสนใจเรื่องของเขากับหลินเซียงอีกเหรอ?ดูเหมือนว่าเขาควรหาอะไรให้อีกฝ่ายทำบ้าง!ประมาณสองชั่วโมงผ่านไปผลการตรวจของคุณย่าลู่ออกมาแล้วแพทย์ถือรายงานผลการตรวจแล้วพูด
เสียงของคุณย่าลู่ดังขึ้น ทุกคนในห้องนั่งเล่นต่างก็ตกตะลึง!สีหน้าของลู่สือเยี่ยนตึงเครียดขึ้น เขาคุกเข่าครึ่งตัวอยู่ข้างหน้าคุณย่าลู่แล้วถามว่า “คุณย่าครับ ตอนนี้คุณย่าจำอะไรได้แล้วเหรอครับ?”คุณย่าลู่เอามือลูบหัวเขา “ย่าต้องจำได้อยู่แล้วสิ ย่ายังไม่แก่จนความจำเลอะเลือนซะหน่อย ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่าน แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่พาเธอมาด้วย?”ลู่สือเยี่ยนรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว เขาชี้ไปที่หลินเซียงแล้วถามว่า “แล้วคุณย่าจำเธอได้ไหมครับ?”คุณย่าลู่มองตามนิ้วมือของเขาไป แล้วส่ายหัว “ไม่รู้จัก เธอเป็นใคร? คนใช้ใหม่ของบ้านเราเหรอ?”หลินเซียงได้ยินคำพูดของเธอ เหมือนกับถูกตบหน้าอย่างแรง ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณย่าลู่ความจำเสื่อม เธอมักจะคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนใช้ของบ้านตระกูลลู่ และยังดีกับหลินเซียงเป็นพิเศษแต่ตอนนี้กลับกัน!ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมจะพาคุณย่าไปโรงพยาบาลครับ”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว ใบหน้าที่แก่ชราเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ไปโรงพยาบาลทำไม? ย่ารู้สึกว่าย่าสบายดีนะ”ลู่สือเยี่ยน “ตรวจร่างกายคุณย่านิดหน่อย เชื่อผมเถอะครับ”คุณย่าลู่ก็ยังไม่ค่อยเต็มใจ
หลังจากที่ลู่สือเยี่ยนพูดจบ เขาก็ไม่ได้วางสาย ได้ยินเสียงเขาเปิดประตูรถลงจากรถ ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบหลินเซียงกำโทรศัพท์แน่น ยื่นมือไปกดปุ่มปิดประตูอีกครั้งครั้งนี้ประตูลิฟต์ปิดลง หัวใจที่สั่นไหวก็ค่อยผ่อนคลายลงอย่างเฉียบพลัน"ประตูลิฟต์ปิดแล้ว" หลินเซียงพูด ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าขาของตัวเองอ่อนแรงแค่ไหน!ลู่สือเยี่ยนพูดว่า "อย่าออกจากลิฟต์ก่อนถึงชั้นหนึ่งนะ""อืม"หลินเซียงตอบ ยังไม่วางสายโชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่มีใครทำงานล่วงเวลาในตึกแล้วเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียงก็เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ที่ประตู เธอวิ่งออกไปทันที!ลู่สือเยี่ยนกอดเธอไว้พลางปลอบเบา ๆ "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะตรวจสอบให้ชัดเจน"ด้วยกลิ่นอายที่สดชื่นของเขา หลินเซียงจึงผ่อนคลายลง ตามมาด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง!จมูกของเธอรู้สึกแสบร้อน น้ำตาเกือบไหล แต่เธอก็อดทนไว้!ลู่สือเยี่ยนประกองกอดเธอแล้วออกจากอาคารพอก้าวขึ้นรถ ความอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนทำให้ร่างกายที่เย็นเยือกเริ่มอุ่นขึ้นลู่สือเยี่ยนจับมือเธอ ถามว่า "คุณเห็นใครหรือเปล่า?"หลินเซียงส่ายหัว "ไม่มีนะ"แล้วถา
หลินเซียงรู้สึกใจสั่นระรัวเสียงน้ำไหลในห้องน้ำดังขึ้น หลินเซียงจึงโล่งใจเล็กน้อยเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายและกอดตัวเองขณะกำลังจะหลับ เตียงข้าง ๆ ก็ยุบลงไป ร่างกายของลู่สือเยี่ยนที่ยังเปียกชื้นจากน้ำ เข้ามากอดเธอแน่น หลินเซียงไม่ขยับหรือดิ้นรน ลู่สือเยี่ยนจูบที่ไหล่เธอเบา ๆ "ราตรีสวัสดิ์ ที่รัก"ขนตาของหลินเซียงกระตุกเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ตอบสนองอะไร…วันรุ่งขึ้น หลินเซียงไปทำงานก็พบว่าสวี่ซิงเย่มาถึงแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ดูสดใสและมีเสน่ห์ เป็นหนุ่มน้อยที่สดใสสวี่ซินหรานกำลังคุยกับเขาอยู่และสวี่ซิงเย่ก็ตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเธอมาถึง สวี่ซิงเย่รีบลุกขึ้นยืนและเดินมาหาเธอ "คุณหลิน อรุณสวัสดิ์ครับ!"หลินเซียงยิ้มบาง "ตอนนี้เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว นายเรียกฉันว่าหลินเซียงก็ได้"สวี่ซิงเย่เกาจมูกด้วยความเขินอายเล็กน้อย "หลินเซียง""อืม อรุณสวัสดิ์ค่ะ" หลินเซียงพยักหน้าเล็กน้อยสวี่ซินหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ถ้าไม่รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว ฉันนึกว่าพวกเธอเป็นแฟนกันซะอีก"เมื่อได้ยินแบบนั้น สวี่ซิงเย่ขมวดคิ้ว พูดว่า "อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมกั
“ลู่สือเยี่ยน คุณเป็นอะไรมากไหม?”หลินเซียงรู้สึกงงกับเขา!เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับจะยัดเยียดให้เธอไปเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่น?เขาเป็นบ้าหรือเปล่า?ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “หลินเซียง ห้ามรับของจากผู้ชายคนอื่น และห้ามชอบผู้ชายคนอื่นด้วย ถ้าผมรู้ คุณอาจไม่ตาย แต่ผู้ชายคนนั้นต้องตายแน่!”เขาเตือนอย่างจริงจังด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาของเขาแสดงความต้องการครอบครองเธออย่างไม่มีปิดบังหลินเซียงกัดริมฝีปาก มองเขาด้วยสายตาซับซ้อนถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาแสดงออกแบบนี้เธอคงดีใจมาก!แต่หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาแล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอกลับไม่รู้สึกอะไร!เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันไปอาบน้ำได้แล้วใช่ไหม? ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยมากจริง ๆ”ลู่สือเยี่ยนมองเธออีกสักพัก แล้วปล่อยเธอไปหลินเซียงเดินไปที่ห้องน้ำลู่สือเยี่ยนเรียกคนใช้มาเก็บเค้กเมื่อหลินเซียงออกมา เธอก็เห็นเขานั่งอยู่บนโซฟา บนโต๊ะมีขี้ผึ้งวางอยู่“ทายา”เมื่อเห็นเธอหันมามอง เขาพูดเสียงต่ำหลินเซียงกัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า “ฉันทาเองได้”พูดจบ เธอก็เดินไปหยิบขี้ผึ้งแต่ลู่สือเยี่ยนมือไวกว่