หลินเซียงชะงักไปครู่หนึ่งแล้วมองไปที่เธอ “ถ้าอย่างนั้นคงต้องรบกวนแล้วค่ะ"เจียงอินอินยิ้ม "ไม่เป็นไรค่ะ ตามฉันมาเลย"เจียงอินอินพาเธอขึ้นไปชั้นบน แล้วพาไปยังห้องห้องหนึ่งที่กว้างขวางโอ่โถง เจียงอินอินหยิบชุดราตรีออกมาจากห้องแต่งตัวแล้วพูดกับเธอว่า"ชุดพวกนี้ฉันยังไม่เคยใส่เลยค่ะ เลือกไปสักชุดหนึ่งได้เลยนะ"หลินเซียงชี้ไปที่ชุดราตรีสีดำชุดหนึ่ง ซึ่งมีดีไซน์เหมือนกับชุดที่เธอใส่อยู่ "เอาชุดนี้แหละค่ะ เดี๋ยวเราแอดเฟรนด์กันไว้ หลังจากจบงาน ฉันซักเสร็จแล้วจะได้ติดต่อส่งคืนให้ หรือจะให้ซื้อต่อก็ได้นะคะ"เจียงอินอินหัวเราะ "ไม่เป็นไรหรอกค่ะ แค่ชุดเดียวเอง คุณเปลี่ยนไปก่อนนะคะ เดี๋ยวฉันออกไปรออยู่ข้างนอก"หลินเซียงพยักหน้า "ได้ค่ะ"ประตูห้องแต่งตัวปิดลงหลินเซียงมองชุดราตรีที่มีส่วนคล้ายกับชุดที่เธอใส่อยู่พอสมควร ดวงตาเป็นประกายไม่นานเธอก็เปิดประตูห้องแต่งตัวออกมาแล้วพูดพร้อมรอยยิ้ม "ใส่ได้พอดีเลย ขอบคุณมากนะคะ"เจียงอินอินพยักหน้า "ใส่สบายก็ดีแล้วค่ะ เมื่อกี้เหมือนฉันเห็นลู่สือเยี่ยนกำลังตามหาคุณอยู่นะ""เหรอคะ งั้นฉันขอไปดูเขาหน่อย" หลินเซียงตอบกลับทันที แล้วก็หันหลังเดินลงจากบัน
สีหน้าของพ่อบ้านเปลี่ยนไปเล็กน้อย "คุณผู้หญิง ถ้าคุณไม่ให้ความร่วมมือ ผมมีสิทธิ์โดยชอบที่จะสงสัยว่าคุณขโมยต่างหูมุก ดังนั้น...""มีหลักฐานไหม?" หลินเซียงถามกลับพ่อบ้านบอกว่า "คุณเป็นคนสุดท้ายที่ออกจากห้องของคุณหนู มีแนวโน้มว่าจะเป็นผู้ต้องสงสัยมากที่สุด...""มีหลักฐานไหม?"หลินเซียงพูดซ้ำอีกครั้ง ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนคู่สวยของเธอเต็มไปด้วยความเย็นชาผู้คนรอบข้างต่างมองไปที่หลินเซียง สายตาของพวกเขามีแต่ความดูถูกเหยียดหยาม"นั่นภรรยาของลู่สือเยี่ยนไม่ใช่เหรอ?""จริงเหรอ? เธอก็แค่คนธรรมดาที่จับพลัดจับผลูได้มาแต่งงานกับลู่สือเยี่ยนตอนที่เขาสูญเสียความทรงจำ แล้วหลังจากที่รู้ว่าเขามีฐานะก็ไม่ยอมหย่า""ไม่น่าแปลกใจเลยที่เธอคิดจะขโมยต่างหูมุกของคุณหนู คนแบบนี้น่าขยะแขยงจริง ๆ""..."คิ้วของพ่อบ้านขมวดเข้าหากัน “ในเมื่อคุณไม่ยอมให้ความร่วมมือ งั้นอย่าโทษที่ผมไม่เกรงใจ ค้นตัว"คนรับใช้อีกหลายคนรีบเข้ามาหาหลินเซียง"จะทำอะไร?"ทันใดนั้น เสียงทุ้มต่ำน่าฟังก็ดังขึ้น เสียงซุบซิบของผู้คนจางหายไปทันทีร่างสูงสง่าของลู่สือเยี่ยนเดินเข้ามา ดวงตาดำขลับคมกริบของเขาจ้องมองไปที่ใบหน้าของพ่อบ้าน "
ในเวลานี้ ลู่สือเยี่ยนแผ่พลังอำนาจอันน่าเกรงขามออกมาอย่างฉับพลัน ดวงตาสีนิลของเขาเปล่งประกายวาววับราวกับมีคมมีดเย็นเยียบอยู่ภายใน จ้องมองไปที่พ่อบ้านราวกับว่ากำลังมองคนตาย!พ่อบ้านรู้สึกได้ถึงแรงกดดันอันมหาศาลที่แผ่ปกคลุมอยู่เหนือตัวเขาเอง พลันเอื้อมมือไปเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของตัวเอง แล้วรีบหันไปมองหลินเซียง"คุณผู้หญิงลู่ ผมต้องขออภัยอย่างสุดซึ้ง เมื่อกี้นี้ผมใจร้อนเกินไปจนเผลอล่วงเกินคุณเข้า ได้โปรดอย่าถือโทษโกรธเคืองผมเลย ขอให้คุณอภัยให้ความผิดของผมในครั้งนี้ด้วย"เขาโค้งคำนับ ท่าทางของเขานอบน้อมอย่างที่สุด ต่างจากท่าทีหยิ่งผยองเมื่อครู่ราวกับคนละคนแต่ลู่สือเยี่ยนกลับไม่ยอมให้หลินเซียงได้พูดอะไรออกมา น้ำเสียงของเขายังคงเย็นชา "แค่ขอโทษสองคำ คิดว่าภรรยาผมจะยอมให้อภัยง่าย ๆ หรือไง? คุณคู่ควรเหรอ?"พ่อบ้านตกใจ จึบรีบถามกลับ "ถ้าอย่างนั้นท่านประธานลู่ต้องการอะไร บอกมาได้เลยครับ"ลู่สือเยี่ยน "แค่ขอโทษคนอื่น ยังต้องถามว่าจะต้องทำอะไรอีกงั้นเหรอ? ดูเหมือนคุณนี่ไม่มีความจริงใจเลยแม้แต่น้อย ขนาดพ่อบ้านยังทัศนคติแย่แบบนี้ งั้นคนอื่น ๆ ในตระกูลเจียงของคุณเป็นเหมือนกันด้วยหรือเปล่า?"เ
รถจอดรออยู่ข้างนอกแล้วเมื่อขึ้นรถ หลินเซียงก็รู้สึกลังเลเล็กน้อย "ออกจากงานมมาดื้อ ๆ อย่างนี้เลยเหรอ?"ลู่สือเยี่ยน "หรือจะรออยู่กินอาหารเช้าแล้วค่อยกลับล่ะ?"หลินเซียง "..."พูดดีหน่อยไม่ได้เลยนะ!ในรถเงียบไปชั่วขณะเมื่อกลับมาถึงโรงแรม หลินเซียงก็รีบเข้าไปในห้องเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้าและอาบน้ำเมื่อเธออาบน้ำเสร็จแล้ว และออกมาพร้อมกับผ้าคลุมอาบน้ำ ก็เห็นลู่สือเยี่ยนกำลังคุยโทรศัพท์อยู่ น้ำเสียงของเขาอ่อนโยน ในระหว่างนั้นเธอยังได้ยินเสียงเขาเรียกอีกฝ่ายว่า "หว่านหว่าน"หลินเซียงหันหลังกลับเข้าห้องทันทีน่ารังเกียจสิ้นดีเธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาไถเล่นและนอนเกลือกกลิ้งอยู่บนเตียง พลิกตัวไปมาแต่ก็ยังนอนไม่หลับในหัวของเธอมีภาพที่ลู่สือเยี่ยนยืนขวางหน้า จัดการกับพ่อบ้านของตระกูลเจียงเพื่อปกป้องเธอปรากฏขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าเท่ระเบิด!มีเสน่ห์น่าหลงใหลแต่ไม่นานนัก ภาพที่เขาคุยโทรศัพท์กับเซี่ยหว่านก็ฉายซ้อนทับในภวังค์ความคิดคนเฮงซวยอยากแทงเขาให้ตายจริง ๆหลินเซียงใช้หมอนปิดหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด อารมณ์ที่ขัดแย้งและซับซ้อนแผ่ซ่านไปทั่วร่างหลังจากทุรนทุรายกับความคิดอันสับสนของ
ลู่สือเยี่ยน "ถ้าไม่อยากออกไปเที่ยว งั้นก็อยู่ในห้องนี่แหละ"พูดจบ เขาก็ลุกขึ้นและเดินไปที่ห้องของตัวเอง"ปัง!"หลินเซียงฟาดตะเกียบลงบนโต๊ะอย่างแรงโมโหจนไม่อยากอาหารแล้ว!ทำไมไม่เคยพูดเรื่องนี้กันดี ๆ ได้เลยนะ?เขาทำให้เธอโกรธจนแทบคลั่งอยู่แล้ว!เวลานี้เสียงโทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น เธอสงบสติอารมณ์แล้วหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากซ่งซ่ง"เซียงเซียง เธออยู่ไหนจ๊ะ?"เสียงเนือย ๆ ของซ่งซ่งดังขึ้นหลินเซียงตอบกลับ "เมืองหลานเฉิง"ซ่งซ่ง "เมืองหลานเฉิงก็ดี วัดที่นั่นขึ้นชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์มากเลย เธอพอมีเวลาแวะไปขอพรเรื่องเงินหรือเปล่า? อย่าลืมขอเผื่อฉันด้วยนะ ฮ่า ฮ่า"ดวงตาของหลินเซียงเป็นประกาย "ได้ งั้นฉันขอกลับช้ากว่าเดิมหนึ่งวันนะ"ซ่งซ่ง "ฉันคิดถึงเธอแล้ว เสร็จธุระก็รีบกลับมาเถอะ""ได้"หลินเซียงตอบรับครั้งนี้พวกเธอวางสายอย่างรวดเร็วลู่สือเยี่ยนรีบเดินออกมาจากห้องทันที หลินเซียงลุกขึ้นและบอกเขาว่า "ฉันอยากไปวัด"ลู่สือเยี่ยนมองเธอ ดวงตาปรากฏแววซับซ้อน "ให้ผมไปส่งไหม?""เอาสิ"หลินเซียงพยักหน้าลู่สือเยี่ยนตอบรับเรียบ ๆ แล้วเดินนำหน้าออกไปดูเหมือนว่าวันนี้เขาจะไม
สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเย็นชา สายตาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ "เบรกแตก"หลินเซียงเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ รีบไขว่คว้าหาราวจับ"แล้ว… แล้วทำไงดีล่ะ?"ลู่สือเยี่ยนตอบ "เราอาจต้องตายด้วยกันจริง ๆ"หัวใจของหลินเซียงเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา รีบพูดฉับพลัน "ถ้าอย่างนั้น เซี่ยหว่านจะเสียใจไหม?"ลู่สือเยี่ยนมองเธอ "เวลาแบบนี้ ทำไมยังคิดถึงคนอื่นอยู่?""มองถนนสิ!"หลินเซียงพยายามควบคุมสติอารมณ์ของตัวเอง ไม่ให้รบกวนการขับรถของลู่สือเยี่ยน"แล้วจะให้ฉันทำยังไง? คุณยังคิดเรื่องจะกลับไปรับผิดชอบเธออยู่เลย ซึ่งเธอก็น่าสงสารจริง ๆ เพื่อช่วยชีวิตคุณ เธอถึงกับเสียขาไปหนึ่งข้าง เธอเฝ้ารอคุณมานานขนาดนี้ แต่สุดท้ายคุณกลับมาตายกับฉัน"หลินเซียงคิดภาพนั้น แล้วก็รู้สึกว่าถ้าเป็นเซี่ยหว่านคงหัวใจสลายเป็นแน่ "แล้วคุณเองล่ะ?"ลู่สือเยี่ยนกลับถามแทรกด้วยเสียงทุ้มต่ำเธอเองเหรอ?เธอเป็นยังไง?เธอไม่ได้ขาขาดแขนหัก สิ่งที่เธอสูญเสียไปก็แค่ความรักที่ฝังรากลึกอยู่ในหัวใจเท่านั้นหลินเซียงอยากหัวเราะออกมาจริง ๆ "ฉันไม่อยากเป็นตัวเอกในละครที่ต้องสูญเสียความรักไป"ยิ่งคิดถึงภาพนั้น เธอก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตั
รถฉุกเฉินมาถึงในเวลาไม่นาน แต่หลินเซียงไม่กล้าขยับตัวเลย กลัวว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บซ้ำซ้อนเมื่อมองใบหน้าที่ซีดเซียวของเขา เนื่องมาจากการเสียเลือดมาก เธอไม่เคยรู้สึกใจเต้นแรงแบบนี้มาก่อน!ความกลัวโอบล้อมเธออย่างสมบูรณ์ เธอจับมือข้างที่ไร้ร่องรอยบาดเจ็บของเขาไว้แน่น"อาเยี่ยน คุณห้ามเป็นอะไรนะ ห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด..."เธอสะอีกสะอื้นจนหน้ามืดตามัว "ถ้าคุณเป็นอะไรไป ฉันจะเกลียดคุณ ฉันจะเกลียดคุณไปจนตาย!"เธอโน้มตัวลง แนบใบหน้ากับมือของเขา สัมผัสความอบอุ่นที่ยังหลงเหลือในร่างของเขา "ลู่สือเยี่ยน... คุณห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด เอาหัวใจฉันไปก็พอ อย่าเอาชีวิตฉันไปด้วย อย่าเชียวนะ..."รถพยาบาลมาถึง หลินเซียงก็ขึ้นรถตามไปที่โรงพยาบาลด้วยเมื่อมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน เธอตกอยู่ในอาการมึนงง จนกระทั่งประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก พยาบาลคนหนึ่งก็เดินออกมา"เป็น... เป็นยังไงบ้างคะ?"หลินเซียงรีบเดินเข้าไปถามพยาบาล "หมายถึงใครคะที่เป็นอะไร?"หลินเซียง "ฉัน... ฉันเป็นญาติของผู้บาดเจ็บที่เพิ่งถูกส่งตัวเข้ามาค่ะ เขาเป็นยังไงบ้าง"พยาบาลได้ยินดังนั้น สายตาก็แสดงความเห็นใจมากขึ้นเล็กน้อย"อาการไม่ค่อยดีค่ะ ญา
ลู่สือเยี่ยนพูดต่อ "ถ้าคุณยังไม่ลุกอีก คราวนี้ผมได้เป็นอะไรจริง ๆ แน่"หลินเซียงรีบลุกขึ้น ตอนนี้เธอเพิ่งสังเกตว่าแขนซ้ายของเขาถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผล แล้วแขวนรั้งไว้ที่หน้าอก หน้าผากก็พันด้วยผ้า ดูแล้วพิลึกมากดู ๆ แล้วน่าจะเป็นแค่บาดแผลภายนอกหลินเซียงค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย จึงหันไปมองเขา "คุณไม่เป็นอะไรมาก ทำไมไม่รีบบอกตั้งแต่แรก?"ลู่สือเยี่ยนกะพริบตาปริบเหมือนไม่รู้เรื่องราว "ผมตื่นเพราะเสียงร้องไห้เลย"ตอนแรกเขายังสลบอยู่ แต่ก็พอจะรู้สึกตัวอยู่บ้าง แล้วก็ได้ยินเสียงเธอที่ร้องไห้จนแทบขาดใจในตอนนั้น หัวใจของเขาสั่นสะเทือนอย่างแรงเขาไม่ได้รบกวนเธอ มองภาพเธอร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดกับศพของคนแปลกหน้า ท่าทางตัวโยนเหมือนถ้าร้องหนักกว่านี้เครื่องในจะหลุดออกมาเขากลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป จึงฝืนลุกขึ้น แล้วเห็นว่าเธอกำลังจะล้มลงพอดี เลยรีบประคองเธอไว้หลินเซียง "..."เธอหันมองไปที่อื่นโดยตรง แล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาขณะนั้นเอง พยาบาลก็เดินเข้ามา เห็นพวกเขายืนอยู่ก็สงสัย "พวกคุณทำอะไรกันคะ?"หลินเซียงรีบพูด "คือฉันเป็นญาติของเขาค่ะ เลยเข้ามาเยี่ยมเขา เขาไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ?"
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้
หลินเซียงมองคุณย่าลู่ด้วยความประหลาดใจไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณย่าที่เคยใจดีกับเธอ ในระดับที่เรียกว่าเอาใจใส่ กลับคิดร้ายกับเธอแบบนี้ แล้วยังมองเธอด้วยสายตาเย็นชาหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดในใจที่แท้ไม่ใช่แค่ตอนที่ลู่สือเยี่ยนทำร้ายเธอเท่านั้นถึงจะรู้สึกเจ็บปวดการถูกคนที่เคยสนิทสนมทำร้าย ใจก็เจ็บปวดเช่นกันเธอเม้มริมฝีปาก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลู่สือเยี่ยน“ฮัลโหล?”ไม่นานปลายสายก็รับ ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นหลินเซียงบอกว่า “คุณย่ามีเรื่องจะพูดกับพวกเรา ตอนนี้คุณช่วยมาโรงพยาบาลหน่อย”ลู่สือเยี่ยนถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หลินเซียง “มาถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”พูดจบก็วางสายไปเรื่องหย่าควรจะพูดต่อหน้าทั้งสองคนจะดีกว่าบอกกับเธอแค่คนเดียวมีประโยชน์อะไร?เธออยากหย่า แต่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ไม่เชื่อเธอทำผิดอะไร?ถึงได้ถูกปฏิบัติแบบนี้?หลินเซียงนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าลง ไม่มองคุณย่าลู่อีกนิสัยของเธอค่อนข้างแปลกถ้าคนคนนั้นทำร้ายเธอ ก็ยากที่จะเข้าไปอยู่ในใจเธอได้อีกคุณย่าลู่ไม่ค่อยชอบท่าทางของหลินเซียง จึงจับมือเซี่ยหว่านแล้วคุยต่อ เพราะชอบท่าทางอ่อนโยนขอ
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ลู่สือเยี่ยนมองเธอ “อย่าคิดมาก คุณย่าแค่ลืมความทรงจำไปสองปีเท่านั้นเอง”หลินเซียงมองเขา แล้วถามว่า “แล้วถ้าคุณย่ายืนกรานจะให้คุณแต่งงานกับเซี่ยหว่านล่ะ?”ลู่สือเยี่ยนมองเธออย่างลึกซึ้ง “หลินเซียง เธอควรเลิกคิดเรื่องนี้นะ เพราะผมไม่หย่ากับคุณแน่”หลินเซียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แล้วพูดว่า “จริง ๆ แล้ว เราหย่ากันก็ไม่เลวนะ ฉัน…”“หยุด!”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยความหงุดหงิด “ฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่องเหรอ? ถ้าพูดถึงเรื่องหย่าอีก ผมจับคุณขังไว้แน่!”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ รอบตัวเต็มไปด้วยออร่าเย็นชาหลินเซียงหยุดชะงัก ไม่พูดต่อเพราะเขาทำได้จริงเมื่อหันหลังเดินไป ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเย็นชายิ่งกว่าเก่าลู่สือเยี่ยนมองตามหลังเธอไป ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงเขาเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นรถ สีหน้ามืดครึ้มอย่างที่สุดในขณะนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เขาดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากซืออวี่“พูดมา!”ซืออวี่ตกใจกับน้ำเสียงเย็นชาของเขา ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พี่ใหญ่ ฉันสืบได้เรื่องบ้างแล้ว แต่คนคนนั้นฉลาดเป็นกรด ปกปิดตัวตนได้ดีมาก รู้แค่ว่าเป็นผู้ชาย”ลู่สือเยี
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาลคุณย่าลู่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว อวิ๋นหลานนั่งคุยกับเธออยู่“คุณย่าครับ”ลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคุณย่าลู่เห็นเขา ใบหน้าที่แก่ชราพลันมีรอยยิ้ม“สือเยี่ยน เธอมาแล้ว” คุณย่าลู่จับมือเขาไว้ มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “สือเยี่ยน ทำไมดูเปลี่ยนไปจังเลย? ดูเหมือนจะโตขึ้นมากเลยนะ”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนโค้งเป็นรอยยิ้ม “โตขึ้นแล้วไม่ดีเหรอครับ?”คุณย่าลู่พยักหน้า “ดี แน่นอนว่าดี แต่ฉันยังชอบเธอตอนเด็ก ๆ ที่ไร้เดียงสามากกว่า เอาแต่วิ่งตามหลังพี่ชายตลอดเวลา แล้วยังทำหน้าบึ้งใส่เขา มีแต่พี่ชายที่ตามใจ ถ้าเป็นคนอื่นคงตีเธอไปแล้ว”รอยยิ้มที่มุมปากของลู่สือเยี่ยนแข็งทื่อไปชั่วขณะคุณย่าลู่สังเกตเห็นหลินเซียงในตอนนี้ จึงถามว่า “แล้วเธอล่ะ มายังไง?”ลู่สือเยี่ยนบอกว่า “ย่าครับ เธอเป็นภรรยาผม หลินเซียง”หลินเซียงมองคุณย่าลู่ “คุณย่า”คิ้วของคุณย่าลู่ขมวดเข้าหากันทันที เธอปล่อยมือลู่สือเยี่ยน “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่านไม่ใช่เหรอ? ฉันเห็นว่าเด็กคนนั้นก็ใช้ได้นะ ทำไมถึงแต่งงานกับคนอื่นล่ะ?”ท่าทีนั้
ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนแสดงออกถึงความซับซ้อนเล็กน้อย เขาพูดอย่างสงบว่า “เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ ต้องรอผลตรวจของแพทย์”หลินเซียงพยักหน้า ตอนนี้คงทำได้แค่นี้ลู่เจิ้งหรงมองหลินเซียงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วพูดกับลู่สือเยี่ยนว่า “อาการของย่าแกดูเหมือนจะดีขึ้น ความคิดของผู้ใหญ่ แกคงรู้ดี น่าจะอยากเห็นแกแต่งงานกับหว่านหว่าน ตอนนั้นแกเป็นคนพาหว่านหว่านไปหาท่านเอง ตอนนี้ถ้าท่านขอร้อง แกก็ปฏิเสธไม่ได้”อวิ๋นหลานกล่าวว่า “เจิ้งหรง แต่สือเยี่ยนกับหลินเซียงรักกันดี ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีหรอกมั้ง?”“เหอะ!” ลู่เจิ้งหรงหัวเราะเยาะ “รักกันดี? หลินเซียงไม่ใช่เหรอที่อยากหย่ามาตลอด? ใช้โอกาสนี้หย่ากันไปซะสิ ไม่ต้องมีใครขัดขวางใคร!”อวิ๋นหลานมองหลินเซียงด้วยความกังวล กลัวว่าเธอจะเสียใจแต่หลินเซียงเหมือนไม่ได้ยิน ยืนอยู่มุมห้อง ก้มหน้าลง ปากสวยเม้มเป็นเส้นตรงลู่สือเยี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดของลู่เจิ้งหรงเลยเขาตามหาลู่จิ้นหนานจนแทบคลั่ง ยังมีเวลาสนใจเรื่องของเขากับหลินเซียงอีกเหรอ?ดูเหมือนว่าเขาควรหาอะไรให้อีกฝ่ายทำบ้าง!ประมาณสองชั่วโมงผ่านไปผลการตรวจของคุณย่าลู่ออกมาแล้วแพทย์ถือรายงานผลการตรวจแล้วพูด
เสียงของคุณย่าลู่ดังขึ้น ทุกคนในห้องนั่งเล่นต่างก็ตกตะลึง!สีหน้าของลู่สือเยี่ยนตึงเครียดขึ้น เขาคุกเข่าครึ่งตัวอยู่ข้างหน้าคุณย่าลู่แล้วถามว่า “คุณย่าครับ ตอนนี้คุณย่าจำอะไรได้แล้วเหรอครับ?”คุณย่าลู่เอามือลูบหัวเขา “ย่าต้องจำได้อยู่แล้วสิ ย่ายังไม่แก่จนความจำเลอะเลือนซะหน่อย ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่าน แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่พาเธอมาด้วย?”ลู่สือเยี่ยนรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว เขาชี้ไปที่หลินเซียงแล้วถามว่า “แล้วคุณย่าจำเธอได้ไหมครับ?”คุณย่าลู่มองตามนิ้วมือของเขาไป แล้วส่ายหัว “ไม่รู้จัก เธอเป็นใคร? คนใช้ใหม่ของบ้านเราเหรอ?”หลินเซียงได้ยินคำพูดของเธอ เหมือนกับถูกตบหน้าอย่างแรง ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณย่าลู่ความจำเสื่อม เธอมักจะคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนใช้ของบ้านตระกูลลู่ และยังดีกับหลินเซียงเป็นพิเศษแต่ตอนนี้กลับกัน!ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมจะพาคุณย่าไปโรงพยาบาลครับ”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว ใบหน้าที่แก่ชราเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ไปโรงพยาบาลทำไม? ย่ารู้สึกว่าย่าสบายดีนะ”ลู่สือเยี่ยน “ตรวจร่างกายคุณย่านิดหน่อย เชื่อผมเถอะครับ”คุณย่าลู่ก็ยังไม่ค่อยเต็มใจ
หลังจากที่ลู่สือเยี่ยนพูดจบ เขาก็ไม่ได้วางสาย ได้ยินเสียงเขาเปิดประตูรถลงจากรถ ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบหลินเซียงกำโทรศัพท์แน่น ยื่นมือไปกดปุ่มปิดประตูอีกครั้งครั้งนี้ประตูลิฟต์ปิดลง หัวใจที่สั่นไหวก็ค่อยผ่อนคลายลงอย่างเฉียบพลัน"ประตูลิฟต์ปิดแล้ว" หลินเซียงพูด ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าขาของตัวเองอ่อนแรงแค่ไหน!ลู่สือเยี่ยนพูดว่า "อย่าออกจากลิฟต์ก่อนถึงชั้นหนึ่งนะ""อืม"หลินเซียงตอบ ยังไม่วางสายโชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่มีใครทำงานล่วงเวลาในตึกแล้วเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียงก็เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ที่ประตู เธอวิ่งออกไปทันที!ลู่สือเยี่ยนกอดเธอไว้พลางปลอบเบา ๆ "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะตรวจสอบให้ชัดเจน"ด้วยกลิ่นอายที่สดชื่นของเขา หลินเซียงจึงผ่อนคลายลง ตามมาด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง!จมูกของเธอรู้สึกแสบร้อน น้ำตาเกือบไหล แต่เธอก็อดทนไว้!ลู่สือเยี่ยนประกองกอดเธอแล้วออกจากอาคารพอก้าวขึ้นรถ ความอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนทำให้ร่างกายที่เย็นเยือกเริ่มอุ่นขึ้นลู่สือเยี่ยนจับมือเธอ ถามว่า "คุณเห็นใครหรือเปล่า?"หลินเซียงส่ายหัว "ไม่มีนะ"แล้วถา
หลินเซียงรู้สึกใจสั่นระรัวเสียงน้ำไหลในห้องน้ำดังขึ้น หลินเซียงจึงโล่งใจเล็กน้อยเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายและกอดตัวเองขณะกำลังจะหลับ เตียงข้าง ๆ ก็ยุบลงไป ร่างกายของลู่สือเยี่ยนที่ยังเปียกชื้นจากน้ำ เข้ามากอดเธอแน่น หลินเซียงไม่ขยับหรือดิ้นรน ลู่สือเยี่ยนจูบที่ไหล่เธอเบา ๆ "ราตรีสวัสดิ์ ที่รัก"ขนตาของหลินเซียงกระตุกเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ตอบสนองอะไร…วันรุ่งขึ้น หลินเซียงไปทำงานก็พบว่าสวี่ซิงเย่มาถึงแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ดูสดใสและมีเสน่ห์ เป็นหนุ่มน้อยที่สดใสสวี่ซินหรานกำลังคุยกับเขาอยู่และสวี่ซิงเย่ก็ตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเธอมาถึง สวี่ซิงเย่รีบลุกขึ้นยืนและเดินมาหาเธอ "คุณหลิน อรุณสวัสดิ์ครับ!"หลินเซียงยิ้มบาง "ตอนนี้เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว นายเรียกฉันว่าหลินเซียงก็ได้"สวี่ซิงเย่เกาจมูกด้วยความเขินอายเล็กน้อย "หลินเซียง""อืม อรุณสวัสดิ์ค่ะ" หลินเซียงพยักหน้าเล็กน้อยสวี่ซินหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ถ้าไม่รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว ฉันนึกว่าพวกเธอเป็นแฟนกันซะอีก"เมื่อได้ยินแบบนั้น สวี่ซิงเย่ขมวดคิ้ว พูดว่า "อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมกั
“ลู่สือเยี่ยน คุณเป็นอะไรมากไหม?”หลินเซียงรู้สึกงงกับเขา!เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับจะยัดเยียดให้เธอไปเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่น?เขาเป็นบ้าหรือเปล่า?ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “หลินเซียง ห้ามรับของจากผู้ชายคนอื่น และห้ามชอบผู้ชายคนอื่นด้วย ถ้าผมรู้ คุณอาจไม่ตาย แต่ผู้ชายคนนั้นต้องตายแน่!”เขาเตือนอย่างจริงจังด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาของเขาแสดงความต้องการครอบครองเธออย่างไม่มีปิดบังหลินเซียงกัดริมฝีปาก มองเขาด้วยสายตาซับซ้อนถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาแสดงออกแบบนี้เธอคงดีใจมาก!แต่หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาแล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอกลับไม่รู้สึกอะไร!เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันไปอาบน้ำได้แล้วใช่ไหม? ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยมากจริง ๆ”ลู่สือเยี่ยนมองเธออีกสักพัก แล้วปล่อยเธอไปหลินเซียงเดินไปที่ห้องน้ำลู่สือเยี่ยนเรียกคนใช้มาเก็บเค้กเมื่อหลินเซียงออกมา เธอก็เห็นเขานั่งอยู่บนโซฟา บนโต๊ะมีขี้ผึ้งวางอยู่“ทายา”เมื่อเห็นเธอหันมามอง เขาพูดเสียงต่ำหลินเซียงกัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า “ฉันทาเองได้”พูดจบ เธอก็เดินไปหยิบขี้ผึ้งแต่ลู่สือเยี่ยนมือไวกว่