ลู่สือเยี่ยนพูดต่อ "ถ้าคุณยังไม่ลุกอีก คราวนี้ผมได้เป็นอะไรจริง ๆ แน่"หลินเซียงรีบลุกขึ้น ตอนนี้เธอเพิ่งสังเกตว่าแขนซ้ายของเขาถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผล แล้วแขวนรั้งไว้ที่หน้าอก หน้าผากก็พันด้วยผ้า ดูแล้วพิลึกมากดู ๆ แล้วน่าจะเป็นแค่บาดแผลภายนอกหลินเซียงค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย จึงหันไปมองเขา "คุณไม่เป็นอะไรมาก ทำไมไม่รีบบอกตั้งแต่แรก?"ลู่สือเยี่ยนกะพริบตาปริบเหมือนไม่รู้เรื่องราว "ผมตื่นเพราะเสียงร้องไห้เลย"ตอนแรกเขายังสลบอยู่ แต่ก็พอจะรู้สึกตัวอยู่บ้าง แล้วก็ได้ยินเสียงเธอที่ร้องไห้จนแทบขาดใจในตอนนั้น หัวใจของเขาสั่นสะเทือนอย่างแรงเขาไม่ได้รบกวนเธอ มองภาพเธอร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดกับศพของคนแปลกหน้า ท่าทางตัวโยนเหมือนถ้าร้องหนักกว่านี้เครื่องในจะหลุดออกมาเขากลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป จึงฝืนลุกขึ้น แล้วเห็นว่าเธอกำลังจะล้มลงพอดี เลยรีบประคองเธอไว้หลินเซียง "..."เธอหันมองไปที่อื่นโดยตรง แล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาขณะนั้นเอง พยาบาลก็เดินเข้ามา เห็นพวกเขายืนอยู่ก็สงสัย "พวกคุณทำอะไรกันคะ?"หลินเซียงรีบพูด "คือฉันเป็นญาติของเขาค่ะ เลยเข้ามาเยี่ยมเขา เขาไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ?"
ช่วงเย็น บริษัทพันธมิตรของเมืองหลานเฉิงทราบข่าวเรื่องอุบัติเหตุของลู่สือเยี่ยน พวกเขาก็ต่างพากันมาเยี่ยมหลินเซียงเพียงแค่เฝ้าดูอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไรจนกระทั่งทุกคนจากไปหมดแล้ว เธอจึงปิดประตูแล้วถามว่า "ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าเบรกแตก มันเกิดจากฝีมือคนหรือเปล่า?"ลู่สือเยี่ยน "อาจเป็นอย่างนั้น"หลินเซียงขมวดคิ้ว "งั้นใครกันที่เป็นคนทำ แล้วทำไปเพื่ออะไร?"ลู่สือเยี่ยน "คนที่ทำอาจโดนขัดผลประโยชน์ มีเยอะแยะไป ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนจากเมืองอวิ๋นเฉิงที่ลงมือในต่างถิ่นก็ได้ ถ้าผมตายไปสักคน ตระกูลลู่ก็ไม่มีทายาทสืบทอดอีก"ปัจจุบันตระกูลลู่เหลือเพียงลู่สือเยี่ยนที่เป็นทายาทเพียงคนเดียวถ้าเขาตายไป ตระกูลลู่ก็จะไม่มีผู้สืบทอดมรดกหรือกิจการ ผู้มาทีหลังจะต้องหาหนทางฉีกทึ้งบริษัทในเครือลู่กรุ๊ปให้ได้ ผู้คนในเมืองอื่น ๆ ถึงจะได้รับการแบ่งสันปันส่วนตระกูลลู่เป็นตระกูลใหญ่ มีทั้งรากฐานและผู้สนับสนุน แม้ทำได้แค่จิบน้ำซุปสักหนึ่งคำ ก็ทำให้คนก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นได้!สีหน้าของหลินเซียงเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเดินไปอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย แล้วพูดอย่างจริงจังว่า "ในเมื่อเป็
มุมปากของลู่สือเยี่ยนกระตุกเล็กน้อย พูดอย่างเย็นชาว่า "ซือเยี่ยน อย่าจ้องเธอนักเลย เธอขี้กลัว"ซือเยี่ยน "..."หลินเซียง "..."ในรถเริ่มมีบรรยากาศอึดอัดลอยมาเป็นระยะรถขับมาถึงที่หมายในไม่ช้าที่นี่เป็นโกดังร้างหลินเซียงลงจากรถแล้วหรี่ตามอง "เรามาที่นี่ทำไม?"ลู่สือเยี่ยนตอบ "มาหาคนที่อยู่ข้างใน"หลินเซียงมองไปยังประตูโกดังร้างที่ปิดสนิทแล้วเม้มริมฝีปากซือเยี่ยนเดินนำเข้าไปก่อน บอดี้การ์ดสองคนที่เฝ้าประตูต่างก็ร้องเรียกว่า “พี่เยี่ยน" พร้อมกันซือเยี่ยนโบกมือ บอดี้การ์ดทั้งสองจึงเปิดประตูให้ซือเยี่ยนหันไปมองลู่สือเยี่ยน "ประธานลู่ คนอยู่ข้างในแล้วครับ"ลู่สือเยี่ยนถาม "สารภาพหมดแล้วหรือยัง?"ซือเยี่ยน "เขาบอกว่าจะสารภาพต่อหน้าคุณเท่านั้น"ใบหน้าที่ดูหล่อเหลาและคมคายของลู่สือเยี่ยนปรากฏรอยยิ้มเย็นชา เดินตรงเข้าไปในโกดังหลินเซียงคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เดินตามเข้าไปเรื่องนี้เธอเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เพราะฉะนั้นเธอต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ เพื่อที่จะได้เตรียมใจไว้ภายในโกดังมีฝุ่นหนาเตอะฟุ้งกระจาย ชายคนหนึ่งถูกมัดมือแขวนอยู่กับไม้คานหลังคาซือเยี่ยนโบกมือ บอดี้การ์ดคน
ชายคนนั้นได้ยินก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจสุดขีด "ฉัน... ฉันบอกไปหมดแล้วไง ทำไมยังตัดมือฉันอีกล่ะ!"ซือเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "บอกว่าจะปล่อย แต่ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าไม่ให้แกทิ้งอะไรไว้ จัดการซะ!"หลินเซียงอยู่ในรถ กวาดตามองไปมาด้วยความกังวลจนกระทั่งเห็นร่างสูงสง่าของลู่สือเยี่ยนเดินออกมาจากโกดังร้าง เธอก็ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอกลู่สือเยี่ยนก้าวขึ้นรถ เธอจึงถามว่า "ได้เรื่องเพิ่มไหม?"ลู่สือเยี่ยน "อืม"หลินเซียงรีบขยับเข้าไปหา "ใครเป็นคนตัดสายเบรกรถคุณคะ?"เดิมทีระหว่างคนทั้งสองมีระยะห่าง แต่จู่ ๆ เธอก็เข้ามาใกล้ ทำให้ระยะห่างแต่เดิมหายไปในทันที กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอแผ่ซ่านไปทั่วลู่สือเยี่ยนลดสายตาลง สายตามืดมนของเขามองไปที่ใบหน้าของเธอ แล้วก็หวนระลึกถึงตอนที่เธอสะอื้นจนตัวโยนดวงตาแดงก่ำคู่นั้นเหมือนกระต่ายตื่นตูม ท่าทางเหมือนหัวใจจะแตกสลาย"ไม่กลัวแล้วเหรอ?"หลินเซียง "ต้องกลัวอยู่แล้วสิ แต่ฉันอยากรู้มากกว่าว่าใครคือคนที่อยู่เบื้องหลัง ฉันจะได้เตรียมใจไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ"ลู่สือเยี่ยน "เตรียมใจเรื่องอะไร?"หลินเซียงกลับมานั่งหลังตรง สายตาวูบไหว "ก็เตรียมใจจะหนีไง ฉันไม
เธอแค่ต้องการลงโทษลู่สือเยี่ยนให้รู้จักหลาบจำเท่านั้น!"เหลวไหล!"สีหน้าพ่อของเจียงอินอินไม่ดีนัก ชี้ไปที่เจียงอินอิน "ช่วงนี้แกเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น!"พูดจบก็รีบเดินไปที่ห้องทำงาน...พอกลับมาที่โรงแรมหลินเซียงเริ่มเก็บของจริง ๆ แล้วเธอไม่ได้มีข้าวของส่วนตัวอะไรมากมายนัก ของจำเป็นทั้งหมดเธอก็เพิ่งมาซื้อที่นี่ใหม่หมดเธอใช้กระเป๋าใบเล็กที่เพิ่งซื้อใส่ของทั้งหมด แล้วออกมาจากห้อง แต่เห็นประตูห้องเปิดออกเสียก่อน พร้อมกับชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่เดินเข้ามาซือเยี่ยนเดินตามมาด้วย สายตาเย็นชาคู่นั้นเหลือบมองเธอหลินเซียงก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวเธอมีอะไรให้จ้องนักหนานะลู่สือเยี่ยนเห็นว่าเธอเก็บของเสร็จแล้ว ก็เดินเข้ามาหาแล้วพูดว่า "รอเดี๋ยว เดี๋ยวกลับพร้อมกัน"หลินเซียงกะพริบตา "กลับไปก็หย่า..."แต่ลู่สือเยี่ยนปิดปากเธอไว้ "รอผม"พูดจบก็เดินเข้าห้องทำงาน ชายวัยกลางคนคนนั้นเดินตามเข้าไปหลินเซียงขมวดคิ้ว ทำไมปล่อยให้เธอพูดให้จบก่อนล่ะซือเยี่ยนยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องทำงาน มองเธอด้วยสายตาเย็นชาอีกครั้งหลินเซียง "..."คราวนี้เธอจ้องกลับไป ถ้าเขายังจ้องเธอไม่
ยามดึกสงัด ผู้คนหลับใหลเงียบสงบ แม้แต่เงาของรถแท็กซี่สักคนก็ยังหายากนัก ยิ่งเมื่อนึกถึงสายโทรศัพท์ประหลาดที่ได้รับ หัวใจของหลินเซียงก็ยิ่งไม่เป็นสุขเธอคว้าสายกระเป๋าแน่นแล้วพูดว่า "เราจะหย่ากันอยู่แล้ว ฉันไปนอนค้างบ้านคุณคงไม่เหมาะสมหรอก""แล้วได้หย่ากันหรือยัง?" ลู่สือเยี่ยนมองเธอหลินเซียง "ยัง"ลู่สือเยี่ยน "แล้วจะลังเลทำไม กลัวว่าจะห้ามใจตัวเองไม่ได้ จ้องจะคิดไม่ซื่อกับผมงั้นเหรอ?"หลินเซียงมองเขาเหมือนมองคนวิกลจริต"ฮ่าฮ่าฮ่า คุณนี่หลงตัวเองจริง ๆ"พูดจบ เธอก็เดินตรงไปที่รถของเขาคิดไม่ซื่อกับเขาเหรอ?ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาดลู่สือเยี่ยนมองตามแผ่นหลังของเธอ มุมปากค่อย ๆ ยกขึ้นวิลล่าตระกูลลู่พ่อบ้านรู้ล่วงหน้าแล้วว่าเขาจะกลับมา สวนด้านนอกตัววิลล่าจึงเปิดไฟสว่างไสวหลินเซียงเดินเข้าไป เห็นพ่อบ้านแล้วก็นึกอะไรออก จึงถามด้วยความสงสัย "คุณเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดทั้งคืนเลยหรือเปล่าคะ?"พ่อบ้านกำลังจะพยักหน้า แต่เหลือบไปเห็นสายตาของลู่สือเยี่ยนเข้า เขาก็รีบเปลี่ยนท่าทีพร้อมพูดว่า "ผมกำลังจะเลิกงานแล้วล่ะครับ แค่อยู่รอจนคุณชายสามกลับมา เลยยังไม่ออกไป"เขาหันไปหาลู่สือเยี่ยน
แต่เสื้อคลุมอาบน้ำตัวหลวมกลับห้อยลงมาด้านหน้า ขณะเดินก็ปลิวลู่ไปตามการเคลื่อนไหว เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่ชัดเจนจากมุมมองของหลินเซียง เธอเห็นซิกแพ็กของเขาได้อย่างชัดเจนหัวใจเต้นรัวราวกลองอีกครั้งลู่สือเยี่ยนเดินมาถึงตรงหน้าเธอ โน้มตัวลงเล็กน้อย ใบหน้าหล่อเหลาคมคายมีรอยยิ้มเยาะบาง ๆ มองสบตาเธอ "ไม่อยากดูเหรอ?"ใบหน้าของหลินเซียงแดงก่ำทันใดนั้น ราวกับเธอคิดอะไรขึ้นได้ ความอับอายและการหลบสายตาที่ฉายบนใบหน้าหายไปหมดสิ้น"ฉันจะดูคุณไปทำไม เราสองคนยังไม่ได้หย่ากันซะหน่อย คุณเป็นสามีฉัน ฉันไม่ทำแค่ดูหรอก ยังจะจับด้วย!"ว่าแล้วเธอก็เอื้อมมือไปจับกล้ามหน้าท้องของเขาอืม... สัมผัสนุ่มหยุ่นมือดีจริง ๆลู่สือเยี่ยนชะงักไปครู่หนึ่ง มือเล็ก ๆ บนร่างกายเย็นเล็กน้อยแต่ก็อ่อนนุ่มมาก ทำให้กล้ามเนื้อของเขาเกร็งขึ้นโดยไม่รู้ตัวในดวงตาของหลินเซียงมีรอยยิ้มแห่งชัยชนะแวบผ่าน "เอาล่ะ ดึกมากแล้ว แยกย้ายไปนอนกันเถอะ"เธอทำทีจะชักมือกลับ แต่ข้อมือของเธอกลับถูกเขาคว้าหมับ ก่อนที่เขาจะโน้มตัวลงมาโดยตรง กดร่างเธอลงบนโซฟาหลินเซียงตกใจ "เฮ้ย คุณจะทำอะไรเนี่ย?!"ลู่สือเยี่ยน "คุณจับตัวผม"หลินเซียงกะ
เขาเป็นคนเสนอเรื่องหย่า แต่เขาก็เป็นคนผัดวันประกันพรุ่งอยู่เรื่อยเธอเคยสงสัยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ แต่ตอนนี้ไม่แล้วถ้าเขาไม่ยอมให้เธอสมหวัง ก็อย่าคิดจะกลับไปรับผิดชอบต่อเซี่ยหว่านเลยเว้นเสียแต่ว่าเขาจะให้เซี่ยหว่านเป็นเมียน้อยและเธอคิดว่าเขาคงไม่ทำแบบนั้นแน่เพราะในใจเขายังคงให้ความสำคัญกับเซี่ยหว่านอยู่มากทีเดียวหลินเซียงคิดเหน็บแนม น้ำตาคลอเบ้า รีบหลับตาลงเพื่อข่มกลั้นไม่ให้อารมณ์ปะทุออกมาเวลาผ่านไปนาน เสียงประตูปิดดังขึ้นเสี้ยววินาทีนั้น หัวใจของเธอราวกับถูกค้อนทุบอย่างแรง แตกละเอียดไม่เหลือชิ้นดี เจ็บปวดจนชาไปหมด!เธอขบฟันแน่น แต่สุดท้ายก็ควบคุมตัวเองไม่อยู่ จนน้ำตาไหลพรากภาพความอ่อนโยนของเขาในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาผุดขึ้นในหัว เหมือนกับเธอได้ย้อนกลับไปในอดีต สมัยที่พวกเขายังรักกันดีหลินเซียงลุกพรวด เปิดประตูแล้วเดินออกไปทันทีบ้านหลังนี้ใหญ่โตโอ่อ่า แต่เธอกลับรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก ทุกซอกทุกมุมล้วนเต็มไปด้วยกลิ่นอายของเขา เหมือนเป็นสิ่งที่คอยย้ำเตือนเธอตลอดเวลาว่า อาเยี่ยนที่เธอรักได้ออกไปหาผู้หญิงคนอื่นแล้วเมื่อเดินออกจากบ้าน ลมหนาวพัดมาปะทะจนร่างกายเธอ
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้
หลินเซียงมองคุณย่าลู่ด้วยความประหลาดใจไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณย่าที่เคยใจดีกับเธอ ในระดับที่เรียกว่าเอาใจใส่ กลับคิดร้ายกับเธอแบบนี้ แล้วยังมองเธอด้วยสายตาเย็นชาหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดในใจที่แท้ไม่ใช่แค่ตอนที่ลู่สือเยี่ยนทำร้ายเธอเท่านั้นถึงจะรู้สึกเจ็บปวดการถูกคนที่เคยสนิทสนมทำร้าย ใจก็เจ็บปวดเช่นกันเธอเม้มริมฝีปาก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลู่สือเยี่ยน“ฮัลโหล?”ไม่นานปลายสายก็รับ ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นหลินเซียงบอกว่า “คุณย่ามีเรื่องจะพูดกับพวกเรา ตอนนี้คุณช่วยมาโรงพยาบาลหน่อย”ลู่สือเยี่ยนถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หลินเซียง “มาถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”พูดจบก็วางสายไปเรื่องหย่าควรจะพูดต่อหน้าทั้งสองคนจะดีกว่าบอกกับเธอแค่คนเดียวมีประโยชน์อะไร?เธออยากหย่า แต่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ไม่เชื่อเธอทำผิดอะไร?ถึงได้ถูกปฏิบัติแบบนี้?หลินเซียงนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าลง ไม่มองคุณย่าลู่อีกนิสัยของเธอค่อนข้างแปลกถ้าคนคนนั้นทำร้ายเธอ ก็ยากที่จะเข้าไปอยู่ในใจเธอได้อีกคุณย่าลู่ไม่ค่อยชอบท่าทางของหลินเซียง จึงจับมือเซี่ยหว่านแล้วคุยต่อ เพราะชอบท่าทางอ่อนโยนขอ
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ลู่สือเยี่ยนมองเธอ “อย่าคิดมาก คุณย่าแค่ลืมความทรงจำไปสองปีเท่านั้นเอง”หลินเซียงมองเขา แล้วถามว่า “แล้วถ้าคุณย่ายืนกรานจะให้คุณแต่งงานกับเซี่ยหว่านล่ะ?”ลู่สือเยี่ยนมองเธออย่างลึกซึ้ง “หลินเซียง เธอควรเลิกคิดเรื่องนี้นะ เพราะผมไม่หย่ากับคุณแน่”หลินเซียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แล้วพูดว่า “จริง ๆ แล้ว เราหย่ากันก็ไม่เลวนะ ฉัน…”“หยุด!”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยความหงุดหงิด “ฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่องเหรอ? ถ้าพูดถึงเรื่องหย่าอีก ผมจับคุณขังไว้แน่!”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ รอบตัวเต็มไปด้วยออร่าเย็นชาหลินเซียงหยุดชะงัก ไม่พูดต่อเพราะเขาทำได้จริงเมื่อหันหลังเดินไป ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเย็นชายิ่งกว่าเก่าลู่สือเยี่ยนมองตามหลังเธอไป ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงเขาเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นรถ สีหน้ามืดครึ้มอย่างที่สุดในขณะนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เขาดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากซืออวี่“พูดมา!”ซืออวี่ตกใจกับน้ำเสียงเย็นชาของเขา ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พี่ใหญ่ ฉันสืบได้เรื่องบ้างแล้ว แต่คนคนนั้นฉลาดเป็นกรด ปกปิดตัวตนได้ดีมาก รู้แค่ว่าเป็นผู้ชาย”ลู่สือเยี
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาลคุณย่าลู่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว อวิ๋นหลานนั่งคุยกับเธออยู่“คุณย่าครับ”ลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคุณย่าลู่เห็นเขา ใบหน้าที่แก่ชราพลันมีรอยยิ้ม“สือเยี่ยน เธอมาแล้ว” คุณย่าลู่จับมือเขาไว้ มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “สือเยี่ยน ทำไมดูเปลี่ยนไปจังเลย? ดูเหมือนจะโตขึ้นมากเลยนะ”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนโค้งเป็นรอยยิ้ม “โตขึ้นแล้วไม่ดีเหรอครับ?”คุณย่าลู่พยักหน้า “ดี แน่นอนว่าดี แต่ฉันยังชอบเธอตอนเด็ก ๆ ที่ไร้เดียงสามากกว่า เอาแต่วิ่งตามหลังพี่ชายตลอดเวลา แล้วยังทำหน้าบึ้งใส่เขา มีแต่พี่ชายที่ตามใจ ถ้าเป็นคนอื่นคงตีเธอไปแล้ว”รอยยิ้มที่มุมปากของลู่สือเยี่ยนแข็งทื่อไปชั่วขณะคุณย่าลู่สังเกตเห็นหลินเซียงในตอนนี้ จึงถามว่า “แล้วเธอล่ะ มายังไง?”ลู่สือเยี่ยนบอกว่า “ย่าครับ เธอเป็นภรรยาผม หลินเซียง”หลินเซียงมองคุณย่าลู่ “คุณย่า”คิ้วของคุณย่าลู่ขมวดเข้าหากันทันที เธอปล่อยมือลู่สือเยี่ยน “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่านไม่ใช่เหรอ? ฉันเห็นว่าเด็กคนนั้นก็ใช้ได้นะ ทำไมถึงแต่งงานกับคนอื่นล่ะ?”ท่าทีนั้
ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนแสดงออกถึงความซับซ้อนเล็กน้อย เขาพูดอย่างสงบว่า “เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ ต้องรอผลตรวจของแพทย์”หลินเซียงพยักหน้า ตอนนี้คงทำได้แค่นี้ลู่เจิ้งหรงมองหลินเซียงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วพูดกับลู่สือเยี่ยนว่า “อาการของย่าแกดูเหมือนจะดีขึ้น ความคิดของผู้ใหญ่ แกคงรู้ดี น่าจะอยากเห็นแกแต่งงานกับหว่านหว่าน ตอนนั้นแกเป็นคนพาหว่านหว่านไปหาท่านเอง ตอนนี้ถ้าท่านขอร้อง แกก็ปฏิเสธไม่ได้”อวิ๋นหลานกล่าวว่า “เจิ้งหรง แต่สือเยี่ยนกับหลินเซียงรักกันดี ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีหรอกมั้ง?”“เหอะ!” ลู่เจิ้งหรงหัวเราะเยาะ “รักกันดี? หลินเซียงไม่ใช่เหรอที่อยากหย่ามาตลอด? ใช้โอกาสนี้หย่ากันไปซะสิ ไม่ต้องมีใครขัดขวางใคร!”อวิ๋นหลานมองหลินเซียงด้วยความกังวล กลัวว่าเธอจะเสียใจแต่หลินเซียงเหมือนไม่ได้ยิน ยืนอยู่มุมห้อง ก้มหน้าลง ปากสวยเม้มเป็นเส้นตรงลู่สือเยี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดของลู่เจิ้งหรงเลยเขาตามหาลู่จิ้นหนานจนแทบคลั่ง ยังมีเวลาสนใจเรื่องของเขากับหลินเซียงอีกเหรอ?ดูเหมือนว่าเขาควรหาอะไรให้อีกฝ่ายทำบ้าง!ประมาณสองชั่วโมงผ่านไปผลการตรวจของคุณย่าลู่ออกมาแล้วแพทย์ถือรายงานผลการตรวจแล้วพูด
เสียงของคุณย่าลู่ดังขึ้น ทุกคนในห้องนั่งเล่นต่างก็ตกตะลึง!สีหน้าของลู่สือเยี่ยนตึงเครียดขึ้น เขาคุกเข่าครึ่งตัวอยู่ข้างหน้าคุณย่าลู่แล้วถามว่า “คุณย่าครับ ตอนนี้คุณย่าจำอะไรได้แล้วเหรอครับ?”คุณย่าลู่เอามือลูบหัวเขา “ย่าต้องจำได้อยู่แล้วสิ ย่ายังไม่แก่จนความจำเลอะเลือนซะหน่อย ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่าน แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่พาเธอมาด้วย?”ลู่สือเยี่ยนรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว เขาชี้ไปที่หลินเซียงแล้วถามว่า “แล้วคุณย่าจำเธอได้ไหมครับ?”คุณย่าลู่มองตามนิ้วมือของเขาไป แล้วส่ายหัว “ไม่รู้จัก เธอเป็นใคร? คนใช้ใหม่ของบ้านเราเหรอ?”หลินเซียงได้ยินคำพูดของเธอ เหมือนกับถูกตบหน้าอย่างแรง ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณย่าลู่ความจำเสื่อม เธอมักจะคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนใช้ของบ้านตระกูลลู่ และยังดีกับหลินเซียงเป็นพิเศษแต่ตอนนี้กลับกัน!ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมจะพาคุณย่าไปโรงพยาบาลครับ”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว ใบหน้าที่แก่ชราเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ไปโรงพยาบาลทำไม? ย่ารู้สึกว่าย่าสบายดีนะ”ลู่สือเยี่ยน “ตรวจร่างกายคุณย่านิดหน่อย เชื่อผมเถอะครับ”คุณย่าลู่ก็ยังไม่ค่อยเต็มใจ
หลังจากที่ลู่สือเยี่ยนพูดจบ เขาก็ไม่ได้วางสาย ได้ยินเสียงเขาเปิดประตูรถลงจากรถ ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบหลินเซียงกำโทรศัพท์แน่น ยื่นมือไปกดปุ่มปิดประตูอีกครั้งครั้งนี้ประตูลิฟต์ปิดลง หัวใจที่สั่นไหวก็ค่อยผ่อนคลายลงอย่างเฉียบพลัน"ประตูลิฟต์ปิดแล้ว" หลินเซียงพูด ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าขาของตัวเองอ่อนแรงแค่ไหน!ลู่สือเยี่ยนพูดว่า "อย่าออกจากลิฟต์ก่อนถึงชั้นหนึ่งนะ""อืม"หลินเซียงตอบ ยังไม่วางสายโชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่มีใครทำงานล่วงเวลาในตึกแล้วเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียงก็เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ที่ประตู เธอวิ่งออกไปทันที!ลู่สือเยี่ยนกอดเธอไว้พลางปลอบเบา ๆ "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะตรวจสอบให้ชัดเจน"ด้วยกลิ่นอายที่สดชื่นของเขา หลินเซียงจึงผ่อนคลายลง ตามมาด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง!จมูกของเธอรู้สึกแสบร้อน น้ำตาเกือบไหล แต่เธอก็อดทนไว้!ลู่สือเยี่ยนประกองกอดเธอแล้วออกจากอาคารพอก้าวขึ้นรถ ความอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนทำให้ร่างกายที่เย็นเยือกเริ่มอุ่นขึ้นลู่สือเยี่ยนจับมือเธอ ถามว่า "คุณเห็นใครหรือเปล่า?"หลินเซียงส่ายหัว "ไม่มีนะ"แล้วถา
หลินเซียงรู้สึกใจสั่นระรัวเสียงน้ำไหลในห้องน้ำดังขึ้น หลินเซียงจึงโล่งใจเล็กน้อยเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายและกอดตัวเองขณะกำลังจะหลับ เตียงข้าง ๆ ก็ยุบลงไป ร่างกายของลู่สือเยี่ยนที่ยังเปียกชื้นจากน้ำ เข้ามากอดเธอแน่น หลินเซียงไม่ขยับหรือดิ้นรน ลู่สือเยี่ยนจูบที่ไหล่เธอเบา ๆ "ราตรีสวัสดิ์ ที่รัก"ขนตาของหลินเซียงกระตุกเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ตอบสนองอะไร…วันรุ่งขึ้น หลินเซียงไปทำงานก็พบว่าสวี่ซิงเย่มาถึงแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ดูสดใสและมีเสน่ห์ เป็นหนุ่มน้อยที่สดใสสวี่ซินหรานกำลังคุยกับเขาอยู่และสวี่ซิงเย่ก็ตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเธอมาถึง สวี่ซิงเย่รีบลุกขึ้นยืนและเดินมาหาเธอ "คุณหลิน อรุณสวัสดิ์ครับ!"หลินเซียงยิ้มบาง "ตอนนี้เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว นายเรียกฉันว่าหลินเซียงก็ได้"สวี่ซิงเย่เกาจมูกด้วยความเขินอายเล็กน้อย "หลินเซียง""อืม อรุณสวัสดิ์ค่ะ" หลินเซียงพยักหน้าเล็กน้อยสวี่ซินหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ถ้าไม่รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว ฉันนึกว่าพวกเธอเป็นแฟนกันซะอีก"เมื่อได้ยินแบบนั้น สวี่ซิงเย่ขมวดคิ้ว พูดว่า "อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมกั
“ลู่สือเยี่ยน คุณเป็นอะไรมากไหม?”หลินเซียงรู้สึกงงกับเขา!เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับจะยัดเยียดให้เธอไปเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่น?เขาเป็นบ้าหรือเปล่า?ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “หลินเซียง ห้ามรับของจากผู้ชายคนอื่น และห้ามชอบผู้ชายคนอื่นด้วย ถ้าผมรู้ คุณอาจไม่ตาย แต่ผู้ชายคนนั้นต้องตายแน่!”เขาเตือนอย่างจริงจังด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาของเขาแสดงความต้องการครอบครองเธออย่างไม่มีปิดบังหลินเซียงกัดริมฝีปาก มองเขาด้วยสายตาซับซ้อนถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาแสดงออกแบบนี้เธอคงดีใจมาก!แต่หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาแล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอกลับไม่รู้สึกอะไร!เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันไปอาบน้ำได้แล้วใช่ไหม? ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยมากจริง ๆ”ลู่สือเยี่ยนมองเธออีกสักพัก แล้วปล่อยเธอไปหลินเซียงเดินไปที่ห้องน้ำลู่สือเยี่ยนเรียกคนใช้มาเก็บเค้กเมื่อหลินเซียงออกมา เธอก็เห็นเขานั่งอยู่บนโซฟา บนโต๊ะมีขี้ผึ้งวางอยู่“ทายา”เมื่อเห็นเธอหันมามอง เขาพูดเสียงต่ำหลินเซียงกัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า “ฉันทาเองได้”พูดจบ เธอก็เดินไปหยิบขี้ผึ้งแต่ลู่สือเยี่ยนมือไวกว่