สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเย็นชา สายตาจ้องมองไปข้างหน้าอย่างแน่วแน่ "เบรกแตก"หลินเซียงเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ รีบไขว่คว้าหาราวจับ"แล้ว… แล้วทำไงดีล่ะ?"ลู่สือเยี่ยนตอบ "เราอาจต้องตายด้วยกันจริง ๆ"หัวใจของหลินเซียงเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมา รีบพูดฉับพลัน "ถ้าอย่างนั้น เซี่ยหว่านจะเสียใจไหม?"ลู่สือเยี่ยนมองเธอ "เวลาแบบนี้ ทำไมยังคิดถึงคนอื่นอยู่?""มองถนนสิ!"หลินเซียงพยายามควบคุมสติอารมณ์ของตัวเอง ไม่ให้รบกวนการขับรถของลู่สือเยี่ยน"แล้วจะให้ฉันทำยังไง? คุณยังคิดเรื่องจะกลับไปรับผิดชอบเธออยู่เลย ซึ่งเธอก็น่าสงสารจริง ๆ เพื่อช่วยชีวิตคุณ เธอถึงกับเสียขาไปหนึ่งข้าง เธอเฝ้ารอคุณมานานขนาดนี้ แต่สุดท้ายคุณกลับมาตายกับฉัน"หลินเซียงคิดภาพนั้น แล้วก็รู้สึกว่าถ้าเป็นเซี่ยหว่านคงหัวใจสลายเป็นแน่ "แล้วคุณเองล่ะ?"ลู่สือเยี่ยนกลับถามแทรกด้วยเสียงทุ้มต่ำเธอเองเหรอ?เธอเป็นยังไง?เธอไม่ได้ขาขาดแขนหัก สิ่งที่เธอสูญเสียไปก็แค่ความรักที่ฝังรากลึกอยู่ในหัวใจเท่านั้นหลินเซียงอยากหัวเราะออกมาจริง ๆ "ฉันไม่อยากเป็นตัวเอกในละครที่ต้องสูญเสียความรักไป"ยิ่งคิดถึงภาพนั้น เธอก็รู้สึกขนลุกไปทั้งตั
รถฉุกเฉินมาถึงในเวลาไม่นาน แต่หลินเซียงไม่กล้าขยับตัวเลย กลัวว่าจะทำให้เขาบาดเจ็บซ้ำซ้อนเมื่อมองใบหน้าที่ซีดเซียวของเขา เนื่องมาจากการเสียเลือดมาก เธอไม่เคยรู้สึกใจเต้นแรงแบบนี้มาก่อน!ความกลัวโอบล้อมเธออย่างสมบูรณ์ เธอจับมือข้างที่ไร้ร่องรอยบาดเจ็บของเขาไว้แน่น"อาเยี่ยน คุณห้ามเป็นอะไรนะ ห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด..."เธอสะอีกสะอื้นจนหน้ามืดตามัว "ถ้าคุณเป็นอะไรไป ฉันจะเกลียดคุณ ฉันจะเกลียดคุณไปจนตาย!"เธอโน้มตัวลง แนบใบหน้ากับมือของเขา สัมผัสความอบอุ่นที่ยังหลงเหลือในร่างของเขา "ลู่สือเยี่ยน... คุณห้ามเป็นอะไรเด็ดขาด เอาหัวใจฉันไปก็พอ อย่าเอาชีวิตฉันไปด้วย อย่าเชียวนะ..."รถพยาบาลมาถึง หลินเซียงก็ขึ้นรถตามไปที่โรงพยาบาลด้วยเมื่อมาถึงหน้าห้องฉุกเฉิน เธอตกอยู่ในอาการมึนงง จนกระทั่งประตูห้องฉุกเฉินเปิดออก พยาบาลคนหนึ่งก็เดินออกมา"เป็น... เป็นยังไงบ้างคะ?"หลินเซียงรีบเดินเข้าไปถามพยาบาล "หมายถึงใครคะที่เป็นอะไร?"หลินเซียง "ฉัน... ฉันเป็นญาติของผู้บาดเจ็บที่เพิ่งถูกส่งตัวเข้ามาค่ะ เขาเป็นยังไงบ้าง"พยาบาลได้ยินดังนั้น สายตาก็แสดงความเห็นใจมากขึ้นเล็กน้อย"อาการไม่ค่อยดีค่ะ ญา
ลู่สือเยี่ยนพูดต่อ "ถ้าคุณยังไม่ลุกอีก คราวนี้ผมได้เป็นอะไรจริง ๆ แน่"หลินเซียงรีบลุกขึ้น ตอนนี้เธอเพิ่งสังเกตว่าแขนซ้ายของเขาถูกพันไว้ด้วยผ้าพันแผล แล้วแขวนรั้งไว้ที่หน้าอก หน้าผากก็พันด้วยผ้า ดูแล้วพิลึกมากดู ๆ แล้วน่าจะเป็นแค่บาดแผลภายนอกหลินเซียงค่อยโล่งใจขึ้นมาหน่อย จึงหันไปมองเขา "คุณไม่เป็นอะไรมาก ทำไมไม่รีบบอกตั้งแต่แรก?"ลู่สือเยี่ยนกะพริบตาปริบเหมือนไม่รู้เรื่องราว "ผมตื่นเพราะเสียงร้องไห้เลย"ตอนแรกเขายังสลบอยู่ แต่ก็พอจะรู้สึกตัวอยู่บ้าง แล้วก็ได้ยินเสียงเธอที่ร้องไห้จนแทบขาดใจในตอนนั้น หัวใจของเขาสั่นสะเทือนอย่างแรงเขาไม่ได้รบกวนเธอ มองภาพเธอร้องไห้น้ำตาแทบเป็นสายเลือดกับศพของคนแปลกหน้า ท่าทางตัวโยนเหมือนถ้าร้องหนักกว่านี้เครื่องในจะหลุดออกมาเขากลัวว่าเธอจะเป็นอะไรไป จึงฝืนลุกขึ้น แล้วเห็นว่าเธอกำลังจะล้มลงพอดี เลยรีบประคองเธอไว้หลินเซียง "..."เธอหันมองไปที่อื่นโดยตรง แล้วยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาขณะนั้นเอง พยาบาลก็เดินเข้ามา เห็นพวกเขายืนอยู่ก็สงสัย "พวกคุณทำอะไรกันคะ?"หลินเซียงรีบพูด "คือฉันเป็นญาติของเขาค่ะ เลยเข้ามาเยี่ยมเขา เขาไม่เป็นอะไรมากใช่ไหมคะ?"
ช่วงเย็น บริษัทพันธมิตรของเมืองหลานเฉิงทราบข่าวเรื่องอุบัติเหตุของลู่สือเยี่ยน พวกเขาก็ต่างพากันมาเยี่ยมหลินเซียงเพียงแค่เฝ้าดูอยู่ข้าง ๆ โดยไม่พูดอะไรจนกระทั่งทุกคนจากไปหมดแล้ว เธอจึงปิดประตูแล้วถามว่า "ก่อนหน้านี้คุณบอกว่าเบรกแตก มันเกิดจากฝีมือคนหรือเปล่า?"ลู่สือเยี่ยน "อาจเป็นอย่างนั้น"หลินเซียงขมวดคิ้ว "งั้นใครกันที่เป็นคนทำ แล้วทำไปเพื่ออะไร?"ลู่สือเยี่ยน "คนที่ทำอาจโดนขัดผลประโยชน์ มีเยอะแยะไป ไม่แน่ว่าอาจจะเป็นคนจากเมืองอวิ๋นเฉิงที่ลงมือในต่างถิ่นก็ได้ ถ้าผมตายไปสักคน ตระกูลลู่ก็ไม่มีทายาทสืบทอดอีก"ปัจจุบันตระกูลลู่เหลือเพียงลู่สือเยี่ยนที่เป็นทายาทเพียงคนเดียวถ้าเขาตายไป ตระกูลลู่ก็จะไม่มีผู้สืบทอดมรดกหรือกิจการ ผู้มาทีหลังจะต้องหาหนทางฉีกทึ้งบริษัทในเครือลู่กรุ๊ปให้ได้ ผู้คนในเมืองอื่น ๆ ถึงจะได้รับการแบ่งสันปันส่วนตระกูลลู่เป็นตระกูลใหญ่ มีทั้งรากฐานและผู้สนับสนุน แม้ทำได้แค่จิบน้ำซุปสักหนึ่งคำ ก็ทำให้คนก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้นได้!สีหน้าของหลินเซียงเคร่งเครียดขึ้นเล็กน้อย เธอครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเดินไปอยู่ข้างเตียงผู้ป่วย แล้วพูดอย่างจริงจังว่า "ในเมื่อเป็
มุมปากของลู่สือเยี่ยนกระตุกเล็กน้อย พูดอย่างเย็นชาว่า "ซือเยี่ยน อย่าจ้องเธอนักเลย เธอขี้กลัว"ซือเยี่ยน "..."หลินเซียง "..."ในรถเริ่มมีบรรยากาศอึดอัดลอยมาเป็นระยะรถขับมาถึงที่หมายในไม่ช้าที่นี่เป็นโกดังร้างหลินเซียงลงจากรถแล้วหรี่ตามอง "เรามาที่นี่ทำไม?"ลู่สือเยี่ยนตอบ "มาหาคนที่อยู่ข้างใน"หลินเซียงมองไปยังประตูโกดังร้างที่ปิดสนิทแล้วเม้มริมฝีปากซือเยี่ยนเดินนำเข้าไปก่อน บอดี้การ์ดสองคนที่เฝ้าประตูต่างก็ร้องเรียกว่า “พี่เยี่ยน" พร้อมกันซือเยี่ยนโบกมือ บอดี้การ์ดทั้งสองจึงเปิดประตูให้ซือเยี่ยนหันไปมองลู่สือเยี่ยน "ประธานลู่ คนอยู่ข้างในแล้วครับ"ลู่สือเยี่ยนถาม "สารภาพหมดแล้วหรือยัง?"ซือเยี่ยน "เขาบอกว่าจะสารภาพต่อหน้าคุณเท่านั้น"ใบหน้าที่ดูหล่อเหลาและคมคายของลู่สือเยี่ยนปรากฏรอยยิ้มเย็นชา เดินตรงเข้าไปในโกดังหลินเซียงคิดอยู่ครู่หนึ่งก็เดินตามเข้าไปเรื่องนี้เธอเองก็อยู่ในเหตุการณ์ด้วย เพราะฉะนั้นเธอต้องรู้ให้ได้ว่าใครเป็นคนทำ เพื่อที่จะได้เตรียมใจไว้ภายในโกดังมีฝุ่นหนาเตอะฟุ้งกระจาย ชายคนหนึ่งถูกมัดมือแขวนอยู่กับไม้คานหลังคาซือเยี่ยนโบกมือ บอดี้การ์ดคน
ชายคนนั้นได้ยินก็เบิกตาโพลงด้วยความตกใจสุดขีด "ฉัน... ฉันบอกไปหมดแล้วไง ทำไมยังตัดมือฉันอีกล่ะ!"ซือเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา "บอกว่าจะปล่อย แต่ไม่ได้บอกซะหน่อยว่าไม่ให้แกทิ้งอะไรไว้ จัดการซะ!"หลินเซียงอยู่ในรถ กวาดตามองไปมาด้วยความกังวลจนกระทั่งเห็นร่างสูงสง่าของลู่สือเยี่ยนเดินออกมาจากโกดังร้าง เธอก็ผ่อนลมหายใจด้วยความโล่งอกลู่สือเยี่ยนก้าวขึ้นรถ เธอจึงถามว่า "ได้เรื่องเพิ่มไหม?"ลู่สือเยี่ยน "อืม"หลินเซียงรีบขยับเข้าไปหา "ใครเป็นคนตัดสายเบรกรถคุณคะ?"เดิมทีระหว่างคนทั้งสองมีระยะห่าง แต่จู่ ๆ เธอก็เข้ามาใกล้ ทำให้ระยะห่างแต่เดิมหายไปในทันที กลิ่นหอมอ่อน ๆ ของเธอแผ่ซ่านไปทั่วลู่สือเยี่ยนลดสายตาลง สายตามืดมนของเขามองไปที่ใบหน้าของเธอ แล้วก็หวนระลึกถึงตอนที่เธอสะอื้นจนตัวโยนดวงตาแดงก่ำคู่นั้นเหมือนกระต่ายตื่นตูม ท่าทางเหมือนหัวใจจะแตกสลาย"ไม่กลัวแล้วเหรอ?"หลินเซียง "ต้องกลัวอยู่แล้วสิ แต่ฉันอยากรู้มากกว่าว่าใครคือคนที่อยู่เบื้องหลัง ฉันจะได้เตรียมใจไว้ตั้งแต่เนิ่น ๆ"ลู่สือเยี่ยน "เตรียมใจเรื่องอะไร?"หลินเซียงกลับมานั่งหลังตรง สายตาวูบไหว "ก็เตรียมใจจะหนีไง ฉันไม
เธอแค่ต้องการลงโทษลู่สือเยี่ยนให้รู้จักหลาบจำเท่านั้น!"เหลวไหล!"สีหน้าพ่อของเจียงอินอินไม่ดีนัก ชี้ไปที่เจียงอินอิน "ช่วงนี้แกเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน ห้ามออกไปไหนทั้งนั้น!"พูดจบก็รีบเดินไปที่ห้องทำงาน...พอกลับมาที่โรงแรมหลินเซียงเริ่มเก็บของจริง ๆ แล้วเธอไม่ได้มีข้าวของส่วนตัวอะไรมากมายนัก ของจำเป็นทั้งหมดเธอก็เพิ่งมาซื้อที่นี่ใหม่หมดเธอใช้กระเป๋าใบเล็กที่เพิ่งซื้อใส่ของทั้งหมด แล้วออกมาจากห้อง แต่เห็นประตูห้องเปิดออกเสียก่อน พร้อมกับชายวัยกลางคนคนหนึ่งที่เดินเข้ามาซือเยี่ยนเดินตามมาด้วย สายตาเย็นชาคู่นั้นเหลือบมองเธอหลินเซียงก้าวถอยหลังไปโดยไม่รู้ตัวเธอมีอะไรให้จ้องนักหนานะลู่สือเยี่ยนเห็นว่าเธอเก็บของเสร็จแล้ว ก็เดินเข้ามาหาแล้วพูดว่า "รอเดี๋ยว เดี๋ยวกลับพร้อมกัน"หลินเซียงกะพริบตา "กลับไปก็หย่า..."แต่ลู่สือเยี่ยนปิดปากเธอไว้ "รอผม"พูดจบก็เดินเข้าห้องทำงาน ชายวัยกลางคนคนนั้นเดินตามเข้าไปหลินเซียงขมวดคิ้ว ทำไมปล่อยให้เธอพูดให้จบก่อนล่ะซือเยี่ยนยืนเฝ้าอยู่หน้าห้องทำงาน มองเธอด้วยสายตาเย็นชาอีกครั้งหลินเซียง "..."คราวนี้เธอจ้องกลับไป ถ้าเขายังจ้องเธอไม่
ยามดึกสงัด ผู้คนหลับใหลเงียบสงบ แม้แต่เงาของรถแท็กซี่สักคนก็ยังหายากนัก ยิ่งเมื่อนึกถึงสายโทรศัพท์ประหลาดที่ได้รับ หัวใจของหลินเซียงก็ยิ่งไม่เป็นสุขเธอคว้าสายกระเป๋าแน่นแล้วพูดว่า "เราจะหย่ากันอยู่แล้ว ฉันไปนอนค้างบ้านคุณคงไม่เหมาะสมหรอก""แล้วได้หย่ากันหรือยัง?" ลู่สือเยี่ยนมองเธอหลินเซียง "ยัง"ลู่สือเยี่ยน "แล้วจะลังเลทำไม กลัวว่าจะห้ามใจตัวเองไม่ได้ จ้องจะคิดไม่ซื่อกับผมงั้นเหรอ?"หลินเซียงมองเขาเหมือนมองคนวิกลจริต"ฮ่าฮ่าฮ่า คุณนี่หลงตัวเองจริง ๆ"พูดจบ เธอก็เดินตรงไปที่รถของเขาคิดไม่ซื่อกับเขาเหรอ?ไม่มีทางเป็นไปได้เด็ดขาดลู่สือเยี่ยนมองตามแผ่นหลังของเธอ มุมปากค่อย ๆ ยกขึ้นวิลล่าตระกูลลู่พ่อบ้านรู้ล่วงหน้าแล้วว่าเขาจะกลับมา สวนด้านนอกตัววิลล่าจึงเปิดไฟสว่างไสวหลินเซียงเดินเข้าไป เห็นพ่อบ้านแล้วก็นึกอะไรออก จึงถามด้วยความสงสัย "คุณเฝ้าอยู่ที่นี่ตลอดทั้งคืนเลยหรือเปล่าคะ?"พ่อบ้านกำลังจะพยักหน้า แต่เหลือบไปเห็นสายตาของลู่สือเยี่ยนเข้า เขาก็รีบเปลี่ยนท่าทีพร้อมพูดว่า "ผมกำลังจะเลิกงานแล้วล่ะครับ แค่อยู่รอจนคุณชายสามกลับมา เลยยังไม่ออกไป"เขาหันไปหาลู่สือเยี่ยน