ซ่งซ่งสะอึก “ฉันแค่เจ็บใจ”หลินเซียงพูดอย่างเศร้าโศก “แต่การระบายความเจ็บใจของเธออาจทำให้เราทั้งคู่ต้องเดือดร้อนโดยไม่จำเป็น”ซ่งซ่งพูดไม่ออก ใบหน้าสะสวยของเธอฉายแววแห่งความรู้สึกผิด “ฉันรู้แล้วว่าฉันคิดผิด”“เอาเถอะ เราไม่ได้นัดกันว่าจะไปกินหม้อไฟหรอกเหรอ มื้อนี้ฉันเลี้ยงเอง” หลินเซียงพูด“ไม่มีปัญหา!”ซ่งซ่งตอบตกลงอย่างรวดเร็ว จับมือเธอเดินไปที่ริมถนนกว่าสองสาวจะกินข้าวเสร็จก็ดึกแล้วซ่งซ่งอยากกลับบ้านไปอยู่กับหลินเซียง แต่หลินเซียงปฏิเสธ“เธออยู่ดูแลฉันที่โรงพยาบาลมาหลายวันแล้ว กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ อดนอนมากไปจะไม่สวยเอานะ” หลินเซียงพูดซ่งซ่งรีบปิดหน้าตัวเอง “จริงเหรอ? ฉันไม่สวยแล้วเหรอ? ไม่ได้การ ฉันต้องกลับไปดูแลตัวเองให้ดี เซียงเซียงเพื่อนรัก ฉันไปก่อนนะ”เมื่อมองตามแผ่นหลังที่กำลังเดินห่างออกไปของเธอ หลินเซียงก็ยิ้มอย่างจนปัญญาเธอตรงกลับไปที่หัวฝู่โดยตรง พอขึ้นไปชั้นบน ไม่รู้ว่าไฟทางเดินที่ชั้นนี้หลอดเสียตั้งแต่เมื่อไหร่ ความมืดมิดแผ่ปกคลุมไปทั่วเธอหยิบกุญแจมาไขเปิดประตู เข้าไปได้ก็หันกลับมาปิดประตู แต่แรงอันมหาศาลกลับขัดขวางเธอไว้“ใคร?”หลินเซียงร้องเสียงหลง
“เงินร้อยห้าสิบล้าน อะพาร์ตเมนต์หรูอีกแห่ง คุณไม่ต้องการแล้วเหรอ?”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยแววตาเยือกเย็น ใบหน้าหล่อเหลามีอารมณ์ที่เธอไม่เข้าใจหลินเซียงกำมือแน่น จ้องมองเขา แล้วก็ถอนหายใจเธออยากได้ถ้ามีทั้งเงินมีทั้งบ้าน เธอยังต้องทำงานสายตัวแทบขาดไปเพื่ออะไรอีก?เธอจะย้ายออกจากเมืองนี้ไปให้ไกลที่สุด ให้เขาตามหาเธอไม่เจอโอ้... เธอคิดเข้าข้างตัวเองอีกแล้ว เขาจะตามหาเธอไปทำไม?สีหน้าของเธอเย็นชา หากล่องยามาแล้วเดินไปนั่งลงข้าง ๆ เขา เปิดฝากล่องยาออก หยิบอุปกรณ์ข้างในออกมาเพื่อทำการล้างแผลให้เขา“เจ็บ”เขาพูดเสียงแผ่วเสียงทุ้มต่ำอันน่าหลงใหลดังอยู่ข้างหูเธอ แหบพร่าเล็กน้อย มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวของเขา ส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อหูของหลินเซียงเธอเริ่มหายใจไม่ทั่วท้อง มือที่กำลังทำแผลไม่ผ่อนแรงลงแต่อย่างใด กลับกดน้ำหนักมากขึ้นคราวนี้ลู่สือเยี่ยนไม่พูดอะไรอีกเขานั่งมองเธอเงียบ ๆ คิ้วเรียวสีเข้ม ดวงตาโตเป็นประกาย เธอไม่ใช่คนชอบแต่งหน้าบ่อยนัก ทำให้ทั้งตัวเธอเต็มไปด้วยกลิ่นอายของความบริสุทธิ์อารมณ์ที่แตกต่างกันสองอย่างผสมผสานกันได้ดีมากเมื่ออยู่ในตัวเธอ“เสร็จแล้ว”ขณะที่ความ
คนเลว!เลวที่สุด!ร่างกายของหลินเซียงอ่อนปวกเปียก แต่ก็ยังออกแรงดิ้นรนตอนกลางวันเขายังช่วยเซี่ยหว่านอยู่เลย ตอนกลางคืนกลับมาตักตวงความสุขจากเธออะไรกัน?เซี่ยหว่านสนองความต้องการของเขาไม่ได้เหรอ?หน้าผากของลู่สือเยี่ยนมีเหงื่อซึมออกมา เขาจับร่างเธอกดไว้ด้านใต้ ด้วยการกระทำที่รุนแรงและแข็งกร้าว “เซียงเซียง เชื่อฟังหน่อย ไม่งั้นเราจะลำบากกันทั้งคู่นะ”หลินเซียงตาแดง “ไป ไปให้พ้น!”เธอทุบเขา “คุณไม่ได้มีคนที่ต้องรับผิดชอบหรอกเหรอ? ไปหาเธอสิ ไปเลย”ลู่สือเยี่ยนไม่อยากได้ยินคำพูดเหล่านั้นจากเธอ จึงประกบจูบเธออีกครั้งเสียงสะอื้นในห้องดังขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นครวญคราง อุณหภูมิทวีความร้อนระอุ การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปกลางดึกทุกอย่างกลับคืนสู่ความสงบหลินเซียงหันหลังให้เขา “ค่าจ้างหย่าเพิ่มอีกห้าสิบล้าน”ลมหายใจของลู่สือเยี่ยนหนักหน่วงขึ้นเล็กน้อย แต่ไม่ได้ตอบกลับอะไรหลินเซียงหลับตาลง ขนตาเป็นแพยาวสั่นระริก ยิ่งใกล้ชิดกับเขามากเท่าไหร่ แผลในใจของเธอก็ยิ่งบาดลึกขึ้นเท่านั้นความหนาวเย็นปกคลุมร่างเสียจนเจ็บปวด อดไม่ได้ที่จะขดตัวทันใดนั้น แขนที่แข็งแรงก็โอบรอบเอวเธอร่างกา
เมื่อคำพูดจบลง บรรยากาศก็เงียบสงัดหลินเซียงกะพริบตา ยิ้ม ยกมือขึ้นผลักเขาออกห่าง “ลู่สือเยี่ยน ทำแบบนี้ไม่มีประโยชน์หรอก”อยากหย่าก็อยากหย่า อยากนอนด้วยก็อยากนอนด้วย โลกนี้มีใครใจกว้างขนาดนั้นด้วยเหรอ?หลินเซียงลุกขึ้นไปล้างหน้าแปรงฟันทันทีในที่สุด ลู่สือเยี่ยนก็สงบสติอารมณ์ลงได้ แต่ยังไม่วายรู้สึกหงุดหงิดอีกครั้งเมื่อหลินเซียงออกมา ลู่สือเยี่ยนก็จากไปแล้วเธอไม่มีแสดงสีหน้าใด ๆ เดินไปที่ห้องครัว ต้มบะหมี่กินไปได้สองคำ ก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดโทรหาซ่งจั่ว“สวัสดีครับ คุณหลิน”หลินเซียงพูดว่า “วันนี้ฉันขอลาหยุดนะคะ รบกวนคุณซ่งแล้ว”ซ่งจั่วตกใจ ถามว่า “ขอถามหน่อยได้ไหมครับ ว่าคุณหลินขอลาหยุดเพราะอะไร?”หลินเซียง “ไปหย่าค่ะ”ซ่งจั่วเงียบ “...”เขาถามละลาบละล้วงเกินไปจริง ๆ“ได้ครับ ผมจะช่วยคุยให้”“ขอบคุณค่ะ”พอวางสายแล้ว หลินเซียงก็ลุกไปล้างจานจากนั้นก็เริ่มเก็บห้อง ทำความสะอาดยกใหญ่ พอมองไปยังห้องที่ดูสะอาดตามากขึ้น ก็รู้สึกว่ามีอะไรผิดแปลกสายตาเหลือบไปเห็นแก้วน้ำคู่บนโต๊ะรกสายตาหลินเซียงรีบหาลังเปล่าที่ไม่ได้ใช้ใบหนึ่ง แล้วโยนข้าวของเครื่องใช้ที่เป็นของอีกคนหนึ่
หลินเซียงตกใจ “จะไปไหน?”สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเคร่งเครียด เปิดประตูรถด้านข้างคนขับแล้วก็ผลักเธอเข้าไป ท่าทางค่อนข้างรีบร้อนเมื่อเขาขึ้นรถ หลินเซียงก็ถามพลางขมวดคิ้ว “เรากำลังจะไปไหนกัน?”ลู่สือเยี่ยนตอบ “คุณย่าอาการกำเริบ”คุณย่าลู่?ในใจของหลินเซียงนึกถึงภาพคุณย่าที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมผู้น่ารักคนนั้น ความรู้สึกในใจพลันซับซ้อนเล็กน้อยตลอดทาง เธอไม่ได้พูดอะไรมาก จนกระทั่งรถจอดที่บ้านพักคนชรา ลู่สือเยี่ยนเดินนำหน้า หลินเซียงเดินตามหลังหลังจากลัดเลาะผ่านทางเดินยาว ก็มาถึงอาคารเล็ก ๆ ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ผู้ดูแลหลายคนที่อยู่ข้างในกำลังสับสนว่าควรจะรับมืออย่างไรดี ได้ยินเสียงร้องไห้โวยวายของหญิงชราดังมาแต่ไกล“หลานสะใภ้ ฉันอยากเจอหลานสะใภ้ ฮือ ๆ... หลานสะใภ้…”หลินเซียงได้ยินคำพูดเหล่านั้นแล้วก็ตกตะลึงเล็กน้อยผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมมักจะจำอะไรไม่ได้เลย เธอคิดว่าคุณย่าลู่คงลืมเธอไปแล้ว ไม่นึกว่าเวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว อีกฝ่ายกลับยังจำเธอได้พวกเขารีบเดินเข้าไปในบ้านพักคนชรา คุณย่าลู่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ ร้องหาหลานสะใภ้ตลอดเวลา“คุณย่า”ลู่สือเยี่ยนเดินเ
ลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้วแล้ววางสายทันที จากนั้นก็เดินออกไปในสวน เซี่ยหว่านมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคุณย่าลู่แล้วเธอถือขนมมาร์ชเมลโลว์ไว้ในมือ ส่งให้คุณย่าลู่ “คุณย่าคะ ดูแมวตัวนี้สิ น่ารักไหมคะ?”คุณย่าลู่เห็นขนมมาร์ชเมลโลว์ก็ตาเป็นประกาย แต่ไม่ได้เอื้อมมือไปรับ กลับกระตุกมือหลินเซียงแทน“หลานสะใภ้ ซื้อขนมมาร์ชเมลโลว์ให้ย่าหน่อย ย่าไม่ชอบแมว ย่าชอบกระต่ายมากกว่า”เมื่อเซี่ยหว่านปรากฏตัว เส้นประสาทของหลินเซียงก็ตึงเครียดขึ้นโดยไม่รู้ตัวแต่เมื่อเสียงคุณย่าลู่ดังขึ้น หัวใจของเธอก็คลายความตึงเครียดลงทันที ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกผุดขึ้นมา ทำให้เธอรู้สึกเศร้าระคนอยากร้องไห้“ได้ค่ะ ไว้ฉันจะซื้อให้นะคะ”คุณย่าลู่ยิ้มแป้น “หลานสะใภ้น่ารักที่สุด”เซี่ยหว่านถือขนมมาร์ชเมลโลว์ มือแข็งค้างอยู่กลางอากาศเธอค่อย ๆ หดมือกลับ แล้วมองไปที่หลินเซียง “คุณย่าดูจะชอบคุณมากเลยนะคะ”หลินเซียงตอบกลับอย่างจืดชืด “คุณย่าแค่บังเอิญถูกชะตาฉันเท่านั้นเองค่ะ”เซี่ยหว่านยิ้ม ก้มหน้าลง แววตาแวบหนึ่งฉายความไม่พอใจเธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?หมายความว่าคุณย่าลู่ไม่ถูกชะตาเธออย่างนั้นเหรอ?“คุณย่าครับ”ทั
หลินเซียงละสายตา หันหลังเดินออกจากบ้านพักคนชรา…… “ขอบคุณนะ สือเยี่ยน อยู่ดี ๆ ฉันก็รู้สึกเจ็บขายังไงไม่รู้”เซี่ยหว่านจับแขนลู่สือเยี่ยน ค้ำจุนร่างกายของตัวเอง แล้วพูดด้วยเสียงและสีหน้าเหยเกลู่สือเยี่ยนจ้องไปที่ขาเทียมของเธอ แล้วพูดเสียงแผ่ว “ต้องใช้รถเข็นไหม?”เซี่ยหว่านส่ายหัวพร้อมกับยิ้ม “ไม่เป็นไร อาการเจ็บทำนองนี้เกิดขึ้นทุกวัน อดทนหน่อยก็หายแล้ว คงเป็นอาการข้างเคียงจากการบาดเจ็บเมื่อสองปีก่อน…”พูดไปก็เบิกตากว้าง เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองพูดอะไรไป จึงรีบพูดต่อ “สือเยี่ยน อย่าคิดมากนะ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันแค่…”“เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง” ลู่สือเยี่ยนพูดขัดจังหวะ แล้วประคองเธอเดินออกไปเซี่ยหว่านก้มหน้าลงเล็กน้อย เมื่อครู่นี้เธอเห็นหลินเซียง จึงแกล้งทำเป็นขาเจ็บ เพื่อให้ลู่สือเยี่ยนเข้ามาประคองตัวเองจากมุมมองของหลินเซียง อีกฝ่ายต้องเข้าใจผิดคิดว่าลู่สือเยี่ยนกำลังกอดเธออยู่แน่ ๆถึงแม้นั่นจะเป็นแค่ความเข้าใจผิดแต่เธอก็ต้องทำอะไรสักอย่างเธอต้องทำให้หลินเซียงรู้ว่า เธอกับลู่สือเยี่ยนต่างหากที่เกิดมาคู่กัน หลินเซียงเป็นแค่คนที่เข้ามาแทรกกลาง!เธอโลภจะตักตว
“เซียงเซียงเพื่อนรัก ออกไปเที่ยวกันไหม ฉันไปเจอบาร์บาร์หนึ่งล่ะ” เสียงตื่นเต้นของซ่งซ่งดังขึ้นหลินเซียงสูดหายใจลึก ๆ แล้วพูดว่า “ได้ ส่งตำแหน่งมาให้ฉันหน่อย”“ได้เลย รออยู่นะ”จากนั้นก็วางสายไปหลินเซียงเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์อีกครั้ง ความเจ็บปวดที่หัวใจยังไม่จางไป เธอหัวเราะเยาะตัวเองเขายังไปนอนกับเซี่ยหว่านเลย แล้วเธอยังต้องสนใจอะไรอีก?ได้ค่าจ้างหย่ามาเมื่อไหร่ เธอจะต้องมีหนุ่มน้อยหน้าใสขนาบซ้าย และมีหนุ่มน้อยหน้าหวานขนาบขวา สบายใจไร้กังวล!ตอนนี้ คิดว่าทดลองสัมผัสชีวิตแบบนั้นล่วงหน้าก็ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอ?เฟยหลินบาร์เมื่อหลินเซียงไปถึง ซ่งซ่งก็ยืนรออยู่ที่หน้าประตูก่อนแล้ว เมื่อเห็นเธอ ก็รีบเข้ามาต้อนรับแล้วสวมกอดอย่างแรง“เซียงเซียงสวยจัง ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน ดูสิสวยขึ้นเป็นกองเลย”หลินเซียงถูกเพื่อนสาวยกยอก็หัวเราะ “เธอนี่ปากหวานที่สุดเลย”ซ่งซ่งคล้องแขนเธอแล้วเดินเข้าไปในบาร์ “ฉันได้ยินมาว่าดีเจของที่นี่งานดีมากเลยล่ะ เธอต้องชอบแน่ ๆ”หลินเซียงพูด “เธอลืมไปแล้วหรือ ฉันแต่งงานแล้วนะ”ซ่งซ่งหัวเราะ “จำไปทำไม? ผู้ชายคนนั้นจำได้ที่ไหนล่ะว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่แต่ง
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้
หลินเซียงมองคุณย่าลู่ด้วยความประหลาดใจไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณย่าที่เคยใจดีกับเธอ ในระดับที่เรียกว่าเอาใจใส่ กลับคิดร้ายกับเธอแบบนี้ แล้วยังมองเธอด้วยสายตาเย็นชาหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดในใจที่แท้ไม่ใช่แค่ตอนที่ลู่สือเยี่ยนทำร้ายเธอเท่านั้นถึงจะรู้สึกเจ็บปวดการถูกคนที่เคยสนิทสนมทำร้าย ใจก็เจ็บปวดเช่นกันเธอเม้มริมฝีปาก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลู่สือเยี่ยน“ฮัลโหล?”ไม่นานปลายสายก็รับ ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นหลินเซียงบอกว่า “คุณย่ามีเรื่องจะพูดกับพวกเรา ตอนนี้คุณช่วยมาโรงพยาบาลหน่อย”ลู่สือเยี่ยนถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หลินเซียง “มาถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”พูดจบก็วางสายไปเรื่องหย่าควรจะพูดต่อหน้าทั้งสองคนจะดีกว่าบอกกับเธอแค่คนเดียวมีประโยชน์อะไร?เธออยากหย่า แต่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ไม่เชื่อเธอทำผิดอะไร?ถึงได้ถูกปฏิบัติแบบนี้?หลินเซียงนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าลง ไม่มองคุณย่าลู่อีกนิสัยของเธอค่อนข้างแปลกถ้าคนคนนั้นทำร้ายเธอ ก็ยากที่จะเข้าไปอยู่ในใจเธอได้อีกคุณย่าลู่ไม่ค่อยชอบท่าทางของหลินเซียง จึงจับมือเซี่ยหว่านแล้วคุยต่อ เพราะชอบท่าทางอ่อนโยนขอ
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ลู่สือเยี่ยนมองเธอ “อย่าคิดมาก คุณย่าแค่ลืมความทรงจำไปสองปีเท่านั้นเอง”หลินเซียงมองเขา แล้วถามว่า “แล้วถ้าคุณย่ายืนกรานจะให้คุณแต่งงานกับเซี่ยหว่านล่ะ?”ลู่สือเยี่ยนมองเธออย่างลึกซึ้ง “หลินเซียง เธอควรเลิกคิดเรื่องนี้นะ เพราะผมไม่หย่ากับคุณแน่”หลินเซียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แล้วพูดว่า “จริง ๆ แล้ว เราหย่ากันก็ไม่เลวนะ ฉัน…”“หยุด!”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยความหงุดหงิด “ฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่องเหรอ? ถ้าพูดถึงเรื่องหย่าอีก ผมจับคุณขังไว้แน่!”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ รอบตัวเต็มไปด้วยออร่าเย็นชาหลินเซียงหยุดชะงัก ไม่พูดต่อเพราะเขาทำได้จริงเมื่อหันหลังเดินไป ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเย็นชายิ่งกว่าเก่าลู่สือเยี่ยนมองตามหลังเธอไป ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงเขาเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นรถ สีหน้ามืดครึ้มอย่างที่สุดในขณะนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เขาดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากซืออวี่“พูดมา!”ซืออวี่ตกใจกับน้ำเสียงเย็นชาของเขา ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พี่ใหญ่ ฉันสืบได้เรื่องบ้างแล้ว แต่คนคนนั้นฉลาดเป็นกรด ปกปิดตัวตนได้ดีมาก รู้แค่ว่าเป็นผู้ชาย”ลู่สือเยี
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาลคุณย่าลู่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว อวิ๋นหลานนั่งคุยกับเธออยู่“คุณย่าครับ”ลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคุณย่าลู่เห็นเขา ใบหน้าที่แก่ชราพลันมีรอยยิ้ม“สือเยี่ยน เธอมาแล้ว” คุณย่าลู่จับมือเขาไว้ มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “สือเยี่ยน ทำไมดูเปลี่ยนไปจังเลย? ดูเหมือนจะโตขึ้นมากเลยนะ”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนโค้งเป็นรอยยิ้ม “โตขึ้นแล้วไม่ดีเหรอครับ?”คุณย่าลู่พยักหน้า “ดี แน่นอนว่าดี แต่ฉันยังชอบเธอตอนเด็ก ๆ ที่ไร้เดียงสามากกว่า เอาแต่วิ่งตามหลังพี่ชายตลอดเวลา แล้วยังทำหน้าบึ้งใส่เขา มีแต่พี่ชายที่ตามใจ ถ้าเป็นคนอื่นคงตีเธอไปแล้ว”รอยยิ้มที่มุมปากของลู่สือเยี่ยนแข็งทื่อไปชั่วขณะคุณย่าลู่สังเกตเห็นหลินเซียงในตอนนี้ จึงถามว่า “แล้วเธอล่ะ มายังไง?”ลู่สือเยี่ยนบอกว่า “ย่าครับ เธอเป็นภรรยาผม หลินเซียง”หลินเซียงมองคุณย่าลู่ “คุณย่า”คิ้วของคุณย่าลู่ขมวดเข้าหากันทันที เธอปล่อยมือลู่สือเยี่ยน “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่านไม่ใช่เหรอ? ฉันเห็นว่าเด็กคนนั้นก็ใช้ได้นะ ทำไมถึงแต่งงานกับคนอื่นล่ะ?”ท่าทีนั้
ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนแสดงออกถึงความซับซ้อนเล็กน้อย เขาพูดอย่างสงบว่า “เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ ต้องรอผลตรวจของแพทย์”หลินเซียงพยักหน้า ตอนนี้คงทำได้แค่นี้ลู่เจิ้งหรงมองหลินเซียงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วพูดกับลู่สือเยี่ยนว่า “อาการของย่าแกดูเหมือนจะดีขึ้น ความคิดของผู้ใหญ่ แกคงรู้ดี น่าจะอยากเห็นแกแต่งงานกับหว่านหว่าน ตอนนั้นแกเป็นคนพาหว่านหว่านไปหาท่านเอง ตอนนี้ถ้าท่านขอร้อง แกก็ปฏิเสธไม่ได้”อวิ๋นหลานกล่าวว่า “เจิ้งหรง แต่สือเยี่ยนกับหลินเซียงรักกันดี ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีหรอกมั้ง?”“เหอะ!” ลู่เจิ้งหรงหัวเราะเยาะ “รักกันดี? หลินเซียงไม่ใช่เหรอที่อยากหย่ามาตลอด? ใช้โอกาสนี้หย่ากันไปซะสิ ไม่ต้องมีใครขัดขวางใคร!”อวิ๋นหลานมองหลินเซียงด้วยความกังวล กลัวว่าเธอจะเสียใจแต่หลินเซียงเหมือนไม่ได้ยิน ยืนอยู่มุมห้อง ก้มหน้าลง ปากสวยเม้มเป็นเส้นตรงลู่สือเยี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดของลู่เจิ้งหรงเลยเขาตามหาลู่จิ้นหนานจนแทบคลั่ง ยังมีเวลาสนใจเรื่องของเขากับหลินเซียงอีกเหรอ?ดูเหมือนว่าเขาควรหาอะไรให้อีกฝ่ายทำบ้าง!ประมาณสองชั่วโมงผ่านไปผลการตรวจของคุณย่าลู่ออกมาแล้วแพทย์ถือรายงานผลการตรวจแล้วพูด
เสียงของคุณย่าลู่ดังขึ้น ทุกคนในห้องนั่งเล่นต่างก็ตกตะลึง!สีหน้าของลู่สือเยี่ยนตึงเครียดขึ้น เขาคุกเข่าครึ่งตัวอยู่ข้างหน้าคุณย่าลู่แล้วถามว่า “คุณย่าครับ ตอนนี้คุณย่าจำอะไรได้แล้วเหรอครับ?”คุณย่าลู่เอามือลูบหัวเขา “ย่าต้องจำได้อยู่แล้วสิ ย่ายังไม่แก่จนความจำเลอะเลือนซะหน่อย ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่าน แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่พาเธอมาด้วย?”ลู่สือเยี่ยนรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว เขาชี้ไปที่หลินเซียงแล้วถามว่า “แล้วคุณย่าจำเธอได้ไหมครับ?”คุณย่าลู่มองตามนิ้วมือของเขาไป แล้วส่ายหัว “ไม่รู้จัก เธอเป็นใคร? คนใช้ใหม่ของบ้านเราเหรอ?”หลินเซียงได้ยินคำพูดของเธอ เหมือนกับถูกตบหน้าอย่างแรง ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณย่าลู่ความจำเสื่อม เธอมักจะคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนใช้ของบ้านตระกูลลู่ และยังดีกับหลินเซียงเป็นพิเศษแต่ตอนนี้กลับกัน!ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมจะพาคุณย่าไปโรงพยาบาลครับ”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว ใบหน้าที่แก่ชราเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ไปโรงพยาบาลทำไม? ย่ารู้สึกว่าย่าสบายดีนะ”ลู่สือเยี่ยน “ตรวจร่างกายคุณย่านิดหน่อย เชื่อผมเถอะครับ”คุณย่าลู่ก็ยังไม่ค่อยเต็มใจ
หลังจากที่ลู่สือเยี่ยนพูดจบ เขาก็ไม่ได้วางสาย ได้ยินเสียงเขาเปิดประตูรถลงจากรถ ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบหลินเซียงกำโทรศัพท์แน่น ยื่นมือไปกดปุ่มปิดประตูอีกครั้งครั้งนี้ประตูลิฟต์ปิดลง หัวใจที่สั่นไหวก็ค่อยผ่อนคลายลงอย่างเฉียบพลัน"ประตูลิฟต์ปิดแล้ว" หลินเซียงพูด ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าขาของตัวเองอ่อนแรงแค่ไหน!ลู่สือเยี่ยนพูดว่า "อย่าออกจากลิฟต์ก่อนถึงชั้นหนึ่งนะ""อืม"หลินเซียงตอบ ยังไม่วางสายโชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่มีใครทำงานล่วงเวลาในตึกแล้วเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียงก็เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ที่ประตู เธอวิ่งออกไปทันที!ลู่สือเยี่ยนกอดเธอไว้พลางปลอบเบา ๆ "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะตรวจสอบให้ชัดเจน"ด้วยกลิ่นอายที่สดชื่นของเขา หลินเซียงจึงผ่อนคลายลง ตามมาด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง!จมูกของเธอรู้สึกแสบร้อน น้ำตาเกือบไหล แต่เธอก็อดทนไว้!ลู่สือเยี่ยนประกองกอดเธอแล้วออกจากอาคารพอก้าวขึ้นรถ ความอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนทำให้ร่างกายที่เย็นเยือกเริ่มอุ่นขึ้นลู่สือเยี่ยนจับมือเธอ ถามว่า "คุณเห็นใครหรือเปล่า?"หลินเซียงส่ายหัว "ไม่มีนะ"แล้วถา
หลินเซียงรู้สึกใจสั่นระรัวเสียงน้ำไหลในห้องน้ำดังขึ้น หลินเซียงจึงโล่งใจเล็กน้อยเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายและกอดตัวเองขณะกำลังจะหลับ เตียงข้าง ๆ ก็ยุบลงไป ร่างกายของลู่สือเยี่ยนที่ยังเปียกชื้นจากน้ำ เข้ามากอดเธอแน่น หลินเซียงไม่ขยับหรือดิ้นรน ลู่สือเยี่ยนจูบที่ไหล่เธอเบา ๆ "ราตรีสวัสดิ์ ที่รัก"ขนตาของหลินเซียงกระตุกเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ตอบสนองอะไร…วันรุ่งขึ้น หลินเซียงไปทำงานก็พบว่าสวี่ซิงเย่มาถึงแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ดูสดใสและมีเสน่ห์ เป็นหนุ่มน้อยที่สดใสสวี่ซินหรานกำลังคุยกับเขาอยู่และสวี่ซิงเย่ก็ตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเธอมาถึง สวี่ซิงเย่รีบลุกขึ้นยืนและเดินมาหาเธอ "คุณหลิน อรุณสวัสดิ์ครับ!"หลินเซียงยิ้มบาง "ตอนนี้เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว นายเรียกฉันว่าหลินเซียงก็ได้"สวี่ซิงเย่เกาจมูกด้วยความเขินอายเล็กน้อย "หลินเซียง""อืม อรุณสวัสดิ์ค่ะ" หลินเซียงพยักหน้าเล็กน้อยสวี่ซินหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ถ้าไม่รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว ฉันนึกว่าพวกเธอเป็นแฟนกันซะอีก"เมื่อได้ยินแบบนั้น สวี่ซิงเย่ขมวดคิ้ว พูดว่า "อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมกั
“ลู่สือเยี่ยน คุณเป็นอะไรมากไหม?”หลินเซียงรู้สึกงงกับเขา!เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับจะยัดเยียดให้เธอไปเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่น?เขาเป็นบ้าหรือเปล่า?ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “หลินเซียง ห้ามรับของจากผู้ชายคนอื่น และห้ามชอบผู้ชายคนอื่นด้วย ถ้าผมรู้ คุณอาจไม่ตาย แต่ผู้ชายคนนั้นต้องตายแน่!”เขาเตือนอย่างจริงจังด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาของเขาแสดงความต้องการครอบครองเธออย่างไม่มีปิดบังหลินเซียงกัดริมฝีปาก มองเขาด้วยสายตาซับซ้อนถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาแสดงออกแบบนี้เธอคงดีใจมาก!แต่หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาแล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอกลับไม่รู้สึกอะไร!เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันไปอาบน้ำได้แล้วใช่ไหม? ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยมากจริง ๆ”ลู่สือเยี่ยนมองเธออีกสักพัก แล้วปล่อยเธอไปหลินเซียงเดินไปที่ห้องน้ำลู่สือเยี่ยนเรียกคนใช้มาเก็บเค้กเมื่อหลินเซียงออกมา เธอก็เห็นเขานั่งอยู่บนโซฟา บนโต๊ะมีขี้ผึ้งวางอยู่“ทายา”เมื่อเห็นเธอหันมามอง เขาพูดเสียงต่ำหลินเซียงกัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า “ฉันทาเองได้”พูดจบ เธอก็เดินไปหยิบขี้ผึ้งแต่ลู่สือเยี่ยนมือไวกว่