หลินเซียงตกใจ “จะไปไหน?”สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเคร่งเครียด เปิดประตูรถด้านข้างคนขับแล้วก็ผลักเธอเข้าไป ท่าทางค่อนข้างรีบร้อนเมื่อเขาขึ้นรถ หลินเซียงก็ถามพลางขมวดคิ้ว “เรากำลังจะไปไหนกัน?”ลู่สือเยี่ยนตอบ “คุณย่าอาการกำเริบ”คุณย่าลู่?ในใจของหลินเซียงนึกถึงภาพคุณย่าที่ป่วยเป็นโรคสมองเสื่อมผู้น่ารักคนนั้น ความรู้สึกในใจพลันซับซ้อนเล็กน้อยตลอดทาง เธอไม่ได้พูดอะไรมาก จนกระทั่งรถจอดที่บ้านพักคนชรา ลู่สือเยี่ยนเดินนำหน้า หลินเซียงเดินตามหลังหลังจากลัดเลาะผ่านทางเดินยาว ก็มาถึงอาคารเล็ก ๆ ที่ตกแต่งอย่างสวยงาม ผู้ดูแลหลายคนที่อยู่ข้างในกำลังสับสนว่าควรจะรับมืออย่างไรดี ได้ยินเสียงร้องไห้โวยวายของหญิงชราดังมาแต่ไกล“หลานสะใภ้ ฉันอยากเจอหลานสะใภ้ ฮือ ๆ... หลานสะใภ้…”หลินเซียงได้ยินคำพูดเหล่านั้นแล้วก็ตกตะลึงเล็กน้อยผู้ป่วยโรคสมองเสื่อมมักจะจำอะไรไม่ได้เลย เธอคิดว่าคุณย่าลู่คงลืมเธอไปแล้ว ไม่นึกว่าเวลาผ่านมานานขนาดนี้แล้ว อีกฝ่ายกลับยังจำเธอได้พวกเขารีบเดินเข้าไปในบ้านพักคนชรา คุณย่าลู่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา ไม่ยอมให้ใครเข้าใกล้ ร้องหาหลานสะใภ้ตลอดเวลา“คุณย่า”ลู่สือเยี่ยนเดินเ
ลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้วแล้ววางสายทันที จากนั้นก็เดินออกไปในสวน เซี่ยหว่านมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าคุณย่าลู่แล้วเธอถือขนมมาร์ชเมลโลว์ไว้ในมือ ส่งให้คุณย่าลู่ “คุณย่าคะ ดูแมวตัวนี้สิ น่ารักไหมคะ?”คุณย่าลู่เห็นขนมมาร์ชเมลโลว์ก็ตาเป็นประกาย แต่ไม่ได้เอื้อมมือไปรับ กลับกระตุกมือหลินเซียงแทน“หลานสะใภ้ ซื้อขนมมาร์ชเมลโลว์ให้ย่าหน่อย ย่าไม่ชอบแมว ย่าชอบกระต่ายมากกว่า”เมื่อเซี่ยหว่านปรากฏตัว เส้นประสาทของหลินเซียงก็ตึงเครียดขึ้นโดยไม่รู้ตัวแต่เมื่อเสียงคุณย่าลู่ดังขึ้น หัวใจของเธอก็คลายความตึงเครียดลงทันที ความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูกผุดขึ้นมา ทำให้เธอรู้สึกเศร้าระคนอยากร้องไห้“ได้ค่ะ ไว้ฉันจะซื้อให้นะคะ”คุณย่าลู่ยิ้มแป้น “หลานสะใภ้น่ารักที่สุด”เซี่ยหว่านถือขนมมาร์ชเมลโลว์ มือแข็งค้างอยู่กลางอากาศเธอค่อย ๆ หดมือกลับ แล้วมองไปที่หลินเซียง “คุณย่าดูจะชอบคุณมากเลยนะคะ”หลินเซียงตอบกลับอย่างจืดชืด “คุณย่าแค่บังเอิญถูกชะตาฉันเท่านั้นเองค่ะ”เซี่ยหว่านยิ้ม ก้มหน้าลง แววตาแวบหนึ่งฉายความไม่พอใจเธอพูดแบบนี้หมายความว่ายังไง?หมายความว่าคุณย่าลู่ไม่ถูกชะตาเธออย่างนั้นเหรอ?“คุณย่าครับ”ทั
หลินเซียงละสายตา หันหลังเดินออกจากบ้านพักคนชรา…… “ขอบคุณนะ สือเยี่ยน อยู่ดี ๆ ฉันก็รู้สึกเจ็บขายังไงไม่รู้”เซี่ยหว่านจับแขนลู่สือเยี่ยน ค้ำจุนร่างกายของตัวเอง แล้วพูดด้วยเสียงและสีหน้าเหยเกลู่สือเยี่ยนจ้องไปที่ขาเทียมของเธอ แล้วพูดเสียงแผ่ว “ต้องใช้รถเข็นไหม?”เซี่ยหว่านส่ายหัวพร้อมกับยิ้ม “ไม่เป็นไร อาการเจ็บทำนองนี้เกิดขึ้นทุกวัน อดทนหน่อยก็หายแล้ว คงเป็นอาการข้างเคียงจากการบาดเจ็บเมื่อสองปีก่อน…”พูดไปก็เบิกตากว้าง เหมือนเพิ่งนึกขึ้นได้ว่าตัวเองพูดอะไรไป จึงรีบพูดต่อ “สือเยี่ยน อย่าคิดมากนะ ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันแค่…”“เดี๋ยวผมไปส่งคุณเอง” ลู่สือเยี่ยนพูดขัดจังหวะ แล้วประคองเธอเดินออกไปเซี่ยหว่านก้มหน้าลงเล็กน้อย เมื่อครู่นี้เธอเห็นหลินเซียง จึงแกล้งทำเป็นขาเจ็บ เพื่อให้ลู่สือเยี่ยนเข้ามาประคองตัวเองจากมุมมองของหลินเซียง อีกฝ่ายต้องเข้าใจผิดคิดว่าลู่สือเยี่ยนกำลังกอดเธออยู่แน่ ๆถึงแม้นั่นจะเป็นแค่ความเข้าใจผิดแต่เธอก็ต้องทำอะไรสักอย่างเธอต้องทำให้หลินเซียงรู้ว่า เธอกับลู่สือเยี่ยนต่างหากที่เกิดมาคู่กัน หลินเซียงเป็นแค่คนที่เข้ามาแทรกกลาง!เธอโลภจะตักตว
“เซียงเซียงเพื่อนรัก ออกไปเที่ยวกันไหม ฉันไปเจอบาร์บาร์หนึ่งล่ะ” เสียงตื่นเต้นของซ่งซ่งดังขึ้นหลินเซียงสูดหายใจลึก ๆ แล้วพูดว่า “ได้ ส่งตำแหน่งมาให้ฉันหน่อย”“ได้เลย รออยู่นะ”จากนั้นก็วางสายไปหลินเซียงเงยหน้าขึ้นมองดวงอาทิตย์อีกครั้ง ความเจ็บปวดที่หัวใจยังไม่จางไป เธอหัวเราะเยาะตัวเองเขายังไปนอนกับเซี่ยหว่านเลย แล้วเธอยังต้องสนใจอะไรอีก?ได้ค่าจ้างหย่ามาเมื่อไหร่ เธอจะต้องมีหนุ่มน้อยหน้าใสขนาบซ้าย และมีหนุ่มน้อยหน้าหวานขนาบขวา สบายใจไร้กังวล!ตอนนี้ คิดว่าทดลองสัมผัสชีวิตแบบนั้นล่วงหน้าก็ไม่เสียหายไม่ใช่เหรอ?เฟยหลินบาร์เมื่อหลินเซียงไปถึง ซ่งซ่งก็ยืนรออยู่ที่หน้าประตูก่อนแล้ว เมื่อเห็นเธอ ก็รีบเข้ามาต้อนรับแล้วสวมกอดอย่างแรง“เซียงเซียงสวยจัง ไม่เจอกันแค่ไม่กี่วัน ดูสิสวยขึ้นเป็นกองเลย”หลินเซียงถูกเพื่อนสาวยกยอก็หัวเราะ “เธอนี่ปากหวานที่สุดเลย”ซ่งซ่งคล้องแขนเธอแล้วเดินเข้าไปในบาร์ “ฉันได้ยินมาว่าดีเจของที่นี่งานดีมากเลยล่ะ เธอต้องชอบแน่ ๆ”หลินเซียงพูด “เธอลืมไปแล้วหรือ ฉันแต่งงานแล้วนะ”ซ่งซ่งหัวเราะ “จำไปทำไม? ผู้ชายคนนั้นจำได้ที่ไหนล่ะว่าตัวเองเป็นผู้ชายที่แต่ง
“อะไรนะ?”ซ่งซ่งเห็นหลินเซียงสะบัดผมลุกขึ้น ยิ้มตาหยี เมื่อเห็นเธอเดินไปหาหนุ่มหล่อผู้ย้อมผมสีเทา ใบหน้าของเธอก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นทันทีเยี่ยมไปเลย!ทิ้งผู้ชายเลว ๆ ซะ แล้วเริ่มต้นชีวิตใหม่!ฉินโหย่วหานสวมหูฟังข้างหนึ่งไว้ที่หู ปรับแต่งซาวด์เพลงด้วยมือข้างหนึ่ง สีหน้าเจ้าเล่ห์อารมณ์ร้าย ยามเม้มริมฝีปากยิ้ม ความทรงเสน่ห์ก็แผ่ซ่านไปทั่วหญิงสาวหลายคนจ้องมองการกระทำของเขาพร้อมกับส่งเสียงกรี๊ดหลินเซียงเบียดฝูงชนเข้าไป แล้วตรงเข้าไปหาเขา “สุดหล่อ ดื่มด้วยกันสักหน่อยไหมจ๊ะ?”ฉินโหย่วหานใช้มือข้างหนึ่งประคองหูฟัง ไม่ได้ยินคำพูดของหลินเซียงเลย เอาแต่หลุบตาลง เคลื่อนไหวโยกย้ายช้า ๆ สบาย ๆ ควบคุมเพลงต่อไปอย่างไม่สนใจทำไมไอ้หมอนี่ถึงทำเมินคนอื่นกันนะ?แก้มของหลินเซียงแดงก่ำ จู่ ๆ ก็ยื่นมือไปแย่งหูฟังเขามาวางไว้ข้าง ๆ ทันที “นี่ ฉันกำลังคุยกับนายอยู่นะ!”เสียงเพลงดังกระหึ่ม แต่บรรยากาศโดยรอบกลับเงียบสงบลงทันทีทุกคนหันไปมองหลินเซียงฉินโหย่วหานก็เช่นกันไม่เคยมีใครกล้าแย่งของที่อยู่ในมือเขา!เขาจ้องมองเธออย่างไม่พอใจ “คุณว่าอะไรนะ?”หลินเซียงทำท่ากระดกแก้วดื่ม “ดื่มด้วยกันไหมจ๊ะ?”
เซี่ยหว่านนั่งอยู่ข้างๆ เขา กำลังใช้โทรศัพท์ดูสูตรอาหาร เหมือนจะเห็นกับข้าวอะไรบางอย่างน่าสนใจ จึงขยับหน้าจอเข้าไปใกล้ลู่สือเยี่ยน “สือเยี่ยน มาทำเมนูนี้กันไหม แต่เราต้องแวะซูเปอร์มาร์เก็ตก่อนนะ ของในตู้เย็นน่าจะไม่พอ”คิ้วของลู่สือเยี่ยนขมวดเข้าหากันเล็กน้อย จู่ ๆ ก็พูดว่า “จอด”คนขับรถจอดรถทันทีเซี่ยหว่านมองเขาด้วยความไม่เข้าใจ “สือเยี่ยน ทำไมล่ะ?”แต่ลู่สือเยี่ยนกลับพูดกับคนขับ “ช่วยส่งคุณเซี่ยกลับบ้านอย่างปลอดภัยด้วยนะ”เขาหันไปมองเซี่ยหว่าน “ผมยังมีธุระ ต้องไปจัดการก่อน”พูดจบก็เปิดประตูรถออกไปทันที“สือเยี่ยน...”เซี่ยหว่านเรียกเขา แต่เขาไม่แม้แต่จะหันกลับมาเซี่ยหว่านกำโทรศัพท์แน่น ใบหน้าเย็นเยียบลงอย่างรวดเร็ว!เธอเห็นแล้ว ลู่สือเยี่ยนเพิ่งกดดูโพสต์ของเพื่อน และเห็นหลินเซียง เขาเลยรีบไป!ทั้ง ๆ ที่เพิ่งสัญญาว่าจะไปกินข้าวที่บ้านเธอแท้ ๆ!หรือว่าหลินเซียงคนนี้จะครอบครองพื้นที่หัวใจของเขาเข้าแล้วจริง ๆ?ไม่!เธอจะไม่ยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นเด็ดขาด!...ในบาร์แสงไฟสลัว บรรยากาศคึกคักหลินเซียงฉุดแขนฉินโหย่วหานลากกลับไปที่โต๊ะทันที แล้วตบไหล่ซ่งซ่ง “ดูสิ ฉันพาเขา
“เซียงเซียง อย่าดื่มโง่แบบนี้สิ” ตอนแรกซ่งซ่งตกใจมากพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้เมื่อเห็นหลินเซียงสภาพย่ำแย่ เธอกลับกลัวยิ่งกว่าเดิมหลินเซียงผลักเธอออก “ถ้าฉันไม่ดื่มให้หมด เขาจะปล่อยฉันไปเรอะ?”พูดจบก็ดื่มเหล้าอีกแก้วรอยยิ้มบนใบหน้าฉินโหย่วหานจางหายไปทีละน้อย แววตาเย็นชาลงกว่าเดิม และยังแวบผ่านความสนใจขึ้นมาเลือนลาง!เหอะ!ผู้หญิงคนนี้ ก่อนหน้านี้กล้าได้กล้าเสีย ห้าวมาแย่งของจากมือเขาไป แต่ตอนนี้กลับขี้ขลาดขนาดนี้แต่ดูจากท่าทางของเธอแล้ว เหมือนกำลังยืมเหล้าของเขาเพื่อใช้คลายความเศร้าซะมากกว่า“พอแล้ว!”ฉินโหย่วหานพูดประโยคหนึ่งอย่างหงุดหงิดแต่หลินเซียงไม่ยอมหยุด เหล้าตรงหน้ามีแปดแก้ว เธอดื่มไปแล้วห้าแก้ว“ยังไม่หมดดด หยุดม่ายด้ายย”หลินเซียงส่ายหัว ตอนนี้สายตาของเธอพร่าเบลอเอามาก ๆ แล้ว แต่มือก็ยังหยิบแก้วเหล้าขึ้นมากระดกดื่มต่ออย่างแม่นยำ“ผมบอกให้พอไง!”ฉินโหย่วหานผุดลุกขึ้นฉับพลัน จับข้อมือเธอ แล้วแย่งแก้วเหล้าในมือเธอไปโยนทิ้งแก้วเหล้ากระแทกกับพื้น แตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที!ร่างกายของหลินเซียงสั่นคลอนซ่งซ่งรีบเข้าไปประคองเธอ “เซียงเซียง ไม่ต้องดื่มแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว พวก
ลู่สือเยี่ยนกอดเอวหลินเซียง มองดูใบหน้าของเธอที่แดงก่ำจากความเมา ขมวดคิ้ว "เซียงเซียง ผมจะพาคุณกลับบ้าน""คุณเป็นใคร?"วิสัยทัศน์ของหลินเซียงพร่ามัว รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกกอด เริ่มดิ้นรนโดยสัญชาตญาณทันทีลู่สือเยี่ยนตอบกลับด้วยความอดทน "ผมอาเยี่ยน"เมื่อหลินเซียงได้ยินสิ่งที่เขาพูด เห็นได้ชัดว่าตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยายามดิ้นรนยิ่งกว่าเดิม "ไร้สาระ อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ออกไป!"ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนขรึมลงทันทีเส้นโค้งเจ้าเล่ห์หยักลึกอยู่ที่มุมปากของฉินโหย่วหาน "พี่ใหญ่ ไม่ได้ยินที่เธอพูดเหรอ? เธอไม่อยากให้คุณแตะต้องตัวเธอ"ลู่สือเยี่ยนเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา "คนนอกอย่างคุณไม่ต้องสอดรู้มายุ่งเรื่องผัวเมีย"ฉินโหย่วหานแค่นยิ้ม ผัวเมีย?แต่เมื่อเขาเห็นหลินเซียงเอาแต่ดิ้นรนให้หลุดพ้นอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกโกรธอย่างอธิบายไม่ได้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น "แต่สำหรับผมแล้วดูไม่เหมือนเลยว่ะ ไหนล่ะ โชว์ทะเบียนสมรสของคุณเพื่อพิสูจน์ว่าพวกคุณเป็นผัวเมียกันจริง ๆ หน่อยซิ ไม่งั้น ผมคงปล่อยให้เธอกลับไปกับคุณไม่ได้”ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนเคร่งขรึม ดวงตาเต็มไปด้วยแสงอันมืดมน หยิบสมุดทะเบียนสมรส
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้
หลินเซียงมองคุณย่าลู่ด้วยความประหลาดใจไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณย่าที่เคยใจดีกับเธอ ในระดับที่เรียกว่าเอาใจใส่ กลับคิดร้ายกับเธอแบบนี้ แล้วยังมองเธอด้วยสายตาเย็นชาหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดในใจที่แท้ไม่ใช่แค่ตอนที่ลู่สือเยี่ยนทำร้ายเธอเท่านั้นถึงจะรู้สึกเจ็บปวดการถูกคนที่เคยสนิทสนมทำร้าย ใจก็เจ็บปวดเช่นกันเธอเม้มริมฝีปาก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลู่สือเยี่ยน“ฮัลโหล?”ไม่นานปลายสายก็รับ ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นหลินเซียงบอกว่า “คุณย่ามีเรื่องจะพูดกับพวกเรา ตอนนี้คุณช่วยมาโรงพยาบาลหน่อย”ลู่สือเยี่ยนถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หลินเซียง “มาถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”พูดจบก็วางสายไปเรื่องหย่าควรจะพูดต่อหน้าทั้งสองคนจะดีกว่าบอกกับเธอแค่คนเดียวมีประโยชน์อะไร?เธออยากหย่า แต่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ไม่เชื่อเธอทำผิดอะไร?ถึงได้ถูกปฏิบัติแบบนี้?หลินเซียงนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าลง ไม่มองคุณย่าลู่อีกนิสัยของเธอค่อนข้างแปลกถ้าคนคนนั้นทำร้ายเธอ ก็ยากที่จะเข้าไปอยู่ในใจเธอได้อีกคุณย่าลู่ไม่ค่อยชอบท่าทางของหลินเซียง จึงจับมือเซี่ยหว่านแล้วคุยต่อ เพราะชอบท่าทางอ่อนโยนขอ
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ลู่สือเยี่ยนมองเธอ “อย่าคิดมาก คุณย่าแค่ลืมความทรงจำไปสองปีเท่านั้นเอง”หลินเซียงมองเขา แล้วถามว่า “แล้วถ้าคุณย่ายืนกรานจะให้คุณแต่งงานกับเซี่ยหว่านล่ะ?”ลู่สือเยี่ยนมองเธออย่างลึกซึ้ง “หลินเซียง เธอควรเลิกคิดเรื่องนี้นะ เพราะผมไม่หย่ากับคุณแน่”หลินเซียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แล้วพูดว่า “จริง ๆ แล้ว เราหย่ากันก็ไม่เลวนะ ฉัน…”“หยุด!”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยความหงุดหงิด “ฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่องเหรอ? ถ้าพูดถึงเรื่องหย่าอีก ผมจับคุณขังไว้แน่!”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ รอบตัวเต็มไปด้วยออร่าเย็นชาหลินเซียงหยุดชะงัก ไม่พูดต่อเพราะเขาทำได้จริงเมื่อหันหลังเดินไป ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเย็นชายิ่งกว่าเก่าลู่สือเยี่ยนมองตามหลังเธอไป ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงเขาเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นรถ สีหน้ามืดครึ้มอย่างที่สุดในขณะนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เขาดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากซืออวี่“พูดมา!”ซืออวี่ตกใจกับน้ำเสียงเย็นชาของเขา ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พี่ใหญ่ ฉันสืบได้เรื่องบ้างแล้ว แต่คนคนนั้นฉลาดเป็นกรด ปกปิดตัวตนได้ดีมาก รู้แค่ว่าเป็นผู้ชาย”ลู่สือเยี
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาลคุณย่าลู่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว อวิ๋นหลานนั่งคุยกับเธออยู่“คุณย่าครับ”ลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคุณย่าลู่เห็นเขา ใบหน้าที่แก่ชราพลันมีรอยยิ้ม“สือเยี่ยน เธอมาแล้ว” คุณย่าลู่จับมือเขาไว้ มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “สือเยี่ยน ทำไมดูเปลี่ยนไปจังเลย? ดูเหมือนจะโตขึ้นมากเลยนะ”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนโค้งเป็นรอยยิ้ม “โตขึ้นแล้วไม่ดีเหรอครับ?”คุณย่าลู่พยักหน้า “ดี แน่นอนว่าดี แต่ฉันยังชอบเธอตอนเด็ก ๆ ที่ไร้เดียงสามากกว่า เอาแต่วิ่งตามหลังพี่ชายตลอดเวลา แล้วยังทำหน้าบึ้งใส่เขา มีแต่พี่ชายที่ตามใจ ถ้าเป็นคนอื่นคงตีเธอไปแล้ว”รอยยิ้มที่มุมปากของลู่สือเยี่ยนแข็งทื่อไปชั่วขณะคุณย่าลู่สังเกตเห็นหลินเซียงในตอนนี้ จึงถามว่า “แล้วเธอล่ะ มายังไง?”ลู่สือเยี่ยนบอกว่า “ย่าครับ เธอเป็นภรรยาผม หลินเซียง”หลินเซียงมองคุณย่าลู่ “คุณย่า”คิ้วของคุณย่าลู่ขมวดเข้าหากันทันที เธอปล่อยมือลู่สือเยี่ยน “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่านไม่ใช่เหรอ? ฉันเห็นว่าเด็กคนนั้นก็ใช้ได้นะ ทำไมถึงแต่งงานกับคนอื่นล่ะ?”ท่าทีนั้
ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนแสดงออกถึงความซับซ้อนเล็กน้อย เขาพูดอย่างสงบว่า “เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ ต้องรอผลตรวจของแพทย์”หลินเซียงพยักหน้า ตอนนี้คงทำได้แค่นี้ลู่เจิ้งหรงมองหลินเซียงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วพูดกับลู่สือเยี่ยนว่า “อาการของย่าแกดูเหมือนจะดีขึ้น ความคิดของผู้ใหญ่ แกคงรู้ดี น่าจะอยากเห็นแกแต่งงานกับหว่านหว่าน ตอนนั้นแกเป็นคนพาหว่านหว่านไปหาท่านเอง ตอนนี้ถ้าท่านขอร้อง แกก็ปฏิเสธไม่ได้”อวิ๋นหลานกล่าวว่า “เจิ้งหรง แต่สือเยี่ยนกับหลินเซียงรักกันดี ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีหรอกมั้ง?”“เหอะ!” ลู่เจิ้งหรงหัวเราะเยาะ “รักกันดี? หลินเซียงไม่ใช่เหรอที่อยากหย่ามาตลอด? ใช้โอกาสนี้หย่ากันไปซะสิ ไม่ต้องมีใครขัดขวางใคร!”อวิ๋นหลานมองหลินเซียงด้วยความกังวล กลัวว่าเธอจะเสียใจแต่หลินเซียงเหมือนไม่ได้ยิน ยืนอยู่มุมห้อง ก้มหน้าลง ปากสวยเม้มเป็นเส้นตรงลู่สือเยี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดของลู่เจิ้งหรงเลยเขาตามหาลู่จิ้นหนานจนแทบคลั่ง ยังมีเวลาสนใจเรื่องของเขากับหลินเซียงอีกเหรอ?ดูเหมือนว่าเขาควรหาอะไรให้อีกฝ่ายทำบ้าง!ประมาณสองชั่วโมงผ่านไปผลการตรวจของคุณย่าลู่ออกมาแล้วแพทย์ถือรายงานผลการตรวจแล้วพูด
เสียงของคุณย่าลู่ดังขึ้น ทุกคนในห้องนั่งเล่นต่างก็ตกตะลึง!สีหน้าของลู่สือเยี่ยนตึงเครียดขึ้น เขาคุกเข่าครึ่งตัวอยู่ข้างหน้าคุณย่าลู่แล้วถามว่า “คุณย่าครับ ตอนนี้คุณย่าจำอะไรได้แล้วเหรอครับ?”คุณย่าลู่เอามือลูบหัวเขา “ย่าต้องจำได้อยู่แล้วสิ ย่ายังไม่แก่จนความจำเลอะเลือนซะหน่อย ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่าน แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่พาเธอมาด้วย?”ลู่สือเยี่ยนรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว เขาชี้ไปที่หลินเซียงแล้วถามว่า “แล้วคุณย่าจำเธอได้ไหมครับ?”คุณย่าลู่มองตามนิ้วมือของเขาไป แล้วส่ายหัว “ไม่รู้จัก เธอเป็นใคร? คนใช้ใหม่ของบ้านเราเหรอ?”หลินเซียงได้ยินคำพูดของเธอ เหมือนกับถูกตบหน้าอย่างแรง ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณย่าลู่ความจำเสื่อม เธอมักจะคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนใช้ของบ้านตระกูลลู่ และยังดีกับหลินเซียงเป็นพิเศษแต่ตอนนี้กลับกัน!ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมจะพาคุณย่าไปโรงพยาบาลครับ”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว ใบหน้าที่แก่ชราเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ไปโรงพยาบาลทำไม? ย่ารู้สึกว่าย่าสบายดีนะ”ลู่สือเยี่ยน “ตรวจร่างกายคุณย่านิดหน่อย เชื่อผมเถอะครับ”คุณย่าลู่ก็ยังไม่ค่อยเต็มใจ
หลังจากที่ลู่สือเยี่ยนพูดจบ เขาก็ไม่ได้วางสาย ได้ยินเสียงเขาเปิดประตูรถลงจากรถ ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบหลินเซียงกำโทรศัพท์แน่น ยื่นมือไปกดปุ่มปิดประตูอีกครั้งครั้งนี้ประตูลิฟต์ปิดลง หัวใจที่สั่นไหวก็ค่อยผ่อนคลายลงอย่างเฉียบพลัน"ประตูลิฟต์ปิดแล้ว" หลินเซียงพูด ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าขาของตัวเองอ่อนแรงแค่ไหน!ลู่สือเยี่ยนพูดว่า "อย่าออกจากลิฟต์ก่อนถึงชั้นหนึ่งนะ""อืม"หลินเซียงตอบ ยังไม่วางสายโชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่มีใครทำงานล่วงเวลาในตึกแล้วเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียงก็เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ที่ประตู เธอวิ่งออกไปทันที!ลู่สือเยี่ยนกอดเธอไว้พลางปลอบเบา ๆ "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะตรวจสอบให้ชัดเจน"ด้วยกลิ่นอายที่สดชื่นของเขา หลินเซียงจึงผ่อนคลายลง ตามมาด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง!จมูกของเธอรู้สึกแสบร้อน น้ำตาเกือบไหล แต่เธอก็อดทนไว้!ลู่สือเยี่ยนประกองกอดเธอแล้วออกจากอาคารพอก้าวขึ้นรถ ความอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนทำให้ร่างกายที่เย็นเยือกเริ่มอุ่นขึ้นลู่สือเยี่ยนจับมือเธอ ถามว่า "คุณเห็นใครหรือเปล่า?"หลินเซียงส่ายหัว "ไม่มีนะ"แล้วถา
หลินเซียงรู้สึกใจสั่นระรัวเสียงน้ำไหลในห้องน้ำดังขึ้น หลินเซียงจึงโล่งใจเล็กน้อยเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายและกอดตัวเองขณะกำลังจะหลับ เตียงข้าง ๆ ก็ยุบลงไป ร่างกายของลู่สือเยี่ยนที่ยังเปียกชื้นจากน้ำ เข้ามากอดเธอแน่น หลินเซียงไม่ขยับหรือดิ้นรน ลู่สือเยี่ยนจูบที่ไหล่เธอเบา ๆ "ราตรีสวัสดิ์ ที่รัก"ขนตาของหลินเซียงกระตุกเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ตอบสนองอะไร…วันรุ่งขึ้น หลินเซียงไปทำงานก็พบว่าสวี่ซิงเย่มาถึงแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ดูสดใสและมีเสน่ห์ เป็นหนุ่มน้อยที่สดใสสวี่ซินหรานกำลังคุยกับเขาอยู่และสวี่ซิงเย่ก็ตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเธอมาถึง สวี่ซิงเย่รีบลุกขึ้นยืนและเดินมาหาเธอ "คุณหลิน อรุณสวัสดิ์ครับ!"หลินเซียงยิ้มบาง "ตอนนี้เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว นายเรียกฉันว่าหลินเซียงก็ได้"สวี่ซิงเย่เกาจมูกด้วยความเขินอายเล็กน้อย "หลินเซียง""อืม อรุณสวัสดิ์ค่ะ" หลินเซียงพยักหน้าเล็กน้อยสวี่ซินหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ถ้าไม่รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว ฉันนึกว่าพวกเธอเป็นแฟนกันซะอีก"เมื่อได้ยินแบบนั้น สวี่ซิงเย่ขมวดคิ้ว พูดว่า "อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมกั
“ลู่สือเยี่ยน คุณเป็นอะไรมากไหม?”หลินเซียงรู้สึกงงกับเขา!เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับจะยัดเยียดให้เธอไปเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่น?เขาเป็นบ้าหรือเปล่า?ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “หลินเซียง ห้ามรับของจากผู้ชายคนอื่น และห้ามชอบผู้ชายคนอื่นด้วย ถ้าผมรู้ คุณอาจไม่ตาย แต่ผู้ชายคนนั้นต้องตายแน่!”เขาเตือนอย่างจริงจังด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาของเขาแสดงความต้องการครอบครองเธออย่างไม่มีปิดบังหลินเซียงกัดริมฝีปาก มองเขาด้วยสายตาซับซ้อนถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาแสดงออกแบบนี้เธอคงดีใจมาก!แต่หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาแล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอกลับไม่รู้สึกอะไร!เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันไปอาบน้ำได้แล้วใช่ไหม? ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยมากจริง ๆ”ลู่สือเยี่ยนมองเธออีกสักพัก แล้วปล่อยเธอไปหลินเซียงเดินไปที่ห้องน้ำลู่สือเยี่ยนเรียกคนใช้มาเก็บเค้กเมื่อหลินเซียงออกมา เธอก็เห็นเขานั่งอยู่บนโซฟา บนโต๊ะมีขี้ผึ้งวางอยู่“ทายา”เมื่อเห็นเธอหันมามอง เขาพูดเสียงต่ำหลินเซียงกัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า “ฉันทาเองได้”พูดจบ เธอก็เดินไปหยิบขี้ผึ้งแต่ลู่สือเยี่ยนมือไวกว่