“เซียงเซียง อย่าดื่มโง่แบบนี้สิ” ตอนแรกซ่งซ่งตกใจมากพออยู่แล้ว แต่ตอนนี้เมื่อเห็นหลินเซียงสภาพย่ำแย่ เธอกลับกลัวยิ่งกว่าเดิมหลินเซียงผลักเธอออก “ถ้าฉันไม่ดื่มให้หมด เขาจะปล่อยฉันไปเรอะ?”พูดจบก็ดื่มเหล้าอีกแก้วรอยยิ้มบนใบหน้าฉินโหย่วหานจางหายไปทีละน้อย แววตาเย็นชาลงกว่าเดิม และยังแวบผ่านความสนใจขึ้นมาเลือนลาง!เหอะ!ผู้หญิงคนนี้ ก่อนหน้านี้กล้าได้กล้าเสีย ห้าวมาแย่งของจากมือเขาไป แต่ตอนนี้กลับขี้ขลาดขนาดนี้แต่ดูจากท่าทางของเธอแล้ว เหมือนกำลังยืมเหล้าของเขาเพื่อใช้คลายความเศร้าซะมากกว่า“พอแล้ว!”ฉินโหย่วหานพูดประโยคหนึ่งอย่างหงุดหงิดแต่หลินเซียงไม่ยอมหยุด เหล้าตรงหน้ามีแปดแก้ว เธอดื่มไปแล้วห้าแก้ว“ยังไม่หมดดด หยุดม่ายด้ายย”หลินเซียงส่ายหัว ตอนนี้สายตาของเธอพร่าเบลอเอามาก ๆ แล้ว แต่มือก็ยังหยิบแก้วเหล้าขึ้นมากระดกดื่มต่ออย่างแม่นยำ“ผมบอกให้พอไง!”ฉินโหย่วหานผุดลุกขึ้นฉับพลัน จับข้อมือเธอ แล้วแย่งแก้วเหล้าในมือเธอไปโยนทิ้งแก้วเหล้ากระแทกกับพื้น แตกเป็นเสี่ยง ๆ ทันที!ร่างกายของหลินเซียงสั่นคลอนซ่งซ่งรีบเข้าไปประคองเธอ “เซียงเซียง ไม่ต้องดื่มแล้ว ไม่เป็นไรแล้ว พวก
ลู่สือเยี่ยนกอดเอวหลินเซียง มองดูใบหน้าของเธอที่แดงก่ำจากความเมา ขมวดคิ้ว "เซียงเซียง ผมจะพาคุณกลับบ้าน""คุณเป็นใคร?"วิสัยทัศน์ของหลินเซียงพร่ามัว รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกกอด เริ่มดิ้นรนโดยสัญชาตญาณทันทีลู่สือเยี่ยนตอบกลับด้วยความอดทน "ผมอาเยี่ยน"เมื่อหลินเซียงได้ยินสิ่งที่เขาพูด เห็นได้ชัดว่าตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยายามดิ้นรนยิ่งกว่าเดิม "ไร้สาระ อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ออกไป!"ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนขรึมลงทันทีเส้นโค้งเจ้าเล่ห์หยักลึกอยู่ที่มุมปากของฉินโหย่วหาน "พี่ใหญ่ ไม่ได้ยินที่เธอพูดเหรอ? เธอไม่อยากให้คุณแตะต้องตัวเธอ"ลู่สือเยี่ยนเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา "คนนอกอย่างคุณไม่ต้องสอดรู้มายุ่งเรื่องผัวเมีย"ฉินโหย่วหานแค่นยิ้ม ผัวเมีย?แต่เมื่อเขาเห็นหลินเซียงเอาแต่ดิ้นรนให้หลุดพ้นอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกโกรธอย่างอธิบายไม่ได้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น "แต่สำหรับผมแล้วดูไม่เหมือนเลยว่ะ ไหนล่ะ โชว์ทะเบียนสมรสของคุณเพื่อพิสูจน์ว่าพวกคุณเป็นผัวเมียกันจริง ๆ หน่อยซิ ไม่งั้น ผมคงปล่อยให้เธอกลับไปกับคุณไม่ได้”ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนเคร่งขรึม ดวงตาเต็มไปด้วยแสงอันมืดมน หยิบสมุดทะเบียนสมรส
“คุณชายครับ ซุปแก้เมาได้แล้ว”เวลานี้เสียงคนรับใช้ก็ดังขึ้น"เอาเข้ามาเลย"ลู่สือเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มคนรับใช้วางซุปแก้เมาค้างไว้บนโต๊ะข้างเตียง ก้มศีรษะลงแล้วเดินออกจากห้องไปปิดประตูลู่สือเยี่ยนจับตัวหลินเซียงไว้โดยตรงแล้วพูดว่า "หลินเซียง ดื่มซุปแก้เมาค้างหน่อย แล้วจะรู้สึกดีขึ้น"หลินเซียงยังคงดิ้นรนต่อไป “ไม่ ไม่เอา ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันอยากกลับบ้าน”ลู่สือเยี่ยนบอกว่า "ผมจะพาคุณกลับบ้านก็ต่อเมื่อคุณดื่มหมดแล้ว"หลินเซียงคอเอียง ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม ๆ "ฉันไม่กลับบ้าน ฉันอยากอยู่ในบ้านพื้นที่สามร้อยตารางเมตร!"ลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้วเพราะเริ่มปวดหัวกับการรับมือ "นี่ไง นับจากนี้ไป คุณจะได้อยู่ที่นี่"หลินเซียง “คุณเป็นใครอ่ะ?”“ดูให้ดีสิว่าผมเป็นใคร”ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธอพร้อมกับบีบคางให้เชยขึ้นหลินเซียงหยุดดิ้นรนและมองดูอย่างจริงจัง หลังจากนั้นไม่นานก็พูดว่า "โอ้ หน้าคุ้นจังเลย คุณหน้าเหมือนสามีเก่าขี้โกงของฉันชะมัด"ลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้ว "เรายังไม่ได้หย่ากัน"“เอาน่า เรียกงั้นไปเลย ยังไงเราก็จะหย่ากันเร็ว ๆ นี้แล้ว” หลินเซียงยกไม้ยกมือ “หลังหย่าแล้ว ฉันก็จะมีหนุ่ม
หลินเซียงต้องการลุกขึ้น แต่เขากลับดึงเธอล้มนอนลงตามเดิม"จะทำอะไรน่ะ..."เธอยังพูดไม่ทันจบ จูบอันดุเดือดของชายหนุ่มก็ทาบประทับลงมาหลินเซียงพยายามผลักเขาออก แต่เขากลับจับมือเธอแล้วกดไว้เหนือศีรษะจูบนั้นทวีความหนักหน่วงยิ่งขึ้น เรื่อยไล้ลามลงไปที่ลำคอ กระดูกไหปลาร้า...ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มกระเส่ารุนแรงหลินเซียงมองเพดานห้องที่ได้รับตกแต่งอย่างประณีต หางตาเริ่มแดงก่ำ "ลู่สือเยี่ยน ฉันไม่ใช่เครื่องระบายอารมณ์ของคุณนะ ถ้ายังจำได้ว่าฉันเคยช่วยชีวิตคุณไว้ครั้งหนึ่ง ก็ปล่อยฉันไปเถอะ"อย่าทำแบบนี้เลยเธอรู้สึกแย่มากเมื่อตกอยู่ในสภาวะนี้ทั้ง ๆ ที่เขากำลังจะไปรับผิดชอบผู้หญิงคนอื่น แต่ก็ยังมาพัวพันกับเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยเขาไม่ได้ขอหย่าเองหรอกเหรองั้นก็ทำมันให้เด็ดขาดไปเลยสิลู่สือเยี่ยนหายใจรดลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอ แล้วออกแรงมากขึ้นอีกหน่อย แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยเธอแล้วเดินลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำหลินเซียงค่อย ๆ ปล่อยมือลงแล้วหลับตา พ่นลมหายใจออกแรง ๆ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหดหู่เธอหวังเหลือเกินว่าเขาจะพูดว่าไม่หย่าแล้ว เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ
"ไปเถอะ"ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นบังสายตาเธอหลินเซียงมองเขา “ไปไหน"ลู่สือเยี่ยนมองเธอจากมุมสูง "อยากไปสำนักงานเขตไม่ใช่เหรอ?"หลินเซียงก้มหน้า ไม่พูดอะไร แล้วก็ลุกขึ้นเดินตามเขาออกจากวิลล่าตระกูลลู่เมื่อหันกลับไปมองคฤหาสน์หรูหราอลังการหลังใหญ่โต หลินเซียงอดพูดไม่ได้ว่า "น่าเสียดายจัง ต่อไปคงไม่ได้มาที่นี่อีกแล้ว"เธอชอบที่นี่มากเลยนะ"คุณมาได้ตลอด"ลู่สือเยี่ยนพูดแทรกขึ้นทันทีหลินเซียงมองเขา ตาประสานสบกับนัยน์ตาสีดำสนิทของเขา ก่อนจะหัวเราะแล้วพูดว่า "ไม่มาหรอก เกิดมาเจอคุณกับเซี่ยหว่านกำลังพลอดรักกัน ฉันคงอึดอัดแย่"ลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้ว ท่าทีเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกเขาไม่มองหน้าเธออีกต่อไป เปิดประตูรถแล้วก้าวขึ้นไปนั่งหลินเซียงขึ้นไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ แต่คนขับกลับไม่กล้าสตาร์ทรถเธอมองเขาด้วยหางตาด้วยความสงสัย "เป็นอะไร ไปสิ"หน้าผากคนขับมีเหงื่อซึมออกมา "คุณ… คุณไปนั่งข้างหลังดีกว่าครับ"หลินเซียงหันกลับไปมองลู่สือเยี่ยน เห็นว่าสีหน้าของเขามืดมนยิ่งกว่าเดิม เธอยิ้มขำ "ตอนแรกฉันนั่งข้างหลัง คุณก็บอกให้ฉันย้ายมานั่งข้างคนขับ แต่ตอนนี้ดันไม่ให้ฉันนั่งอีก คุณนี่มันเอาแน่เอ
หลินเซียงวางสาย หันไปมองลู่สือเยี่ยน "ฉันต้องกลับบริษัทด่วน"ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเย็นชา "ไปหย่าก่อน"หลินเซียงหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ รีบอธิบาย "หย่าน่ะจะหย่าเมื่อไหร่ก็ได้ แต่งานฉันไม่สามารถทิ้งได้นะ คุณก็รู้ดีนี่ว่าฉันจำเป็นต้องหาเลี้ยงชีพด้วยงานนี้"ดวงตาคมราวฟีนิกซ์สีเข้มของลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธอ ครู่หนึ่งจึงออกคำสั่ง "กลับบริษัท"คนขับรถหักพวงมาลัยเปลี่ยนทางทันทีเมื่อลงจากรถ หลินเซียงเดินจ้ำอ้าวไปที่ลิฟต์ ลิฟต์ลงมาถึงพอดี เธอจึงเดินเข้าไปโดยไม่สนใจชายที่อยู่ข้างหลัง กดปุ่มปิดประตูทันที แต่เมื่อประตูใกล้จะปิด มือข้างหนึ่งกลับยื่นเข้ามา ประตูลิฟต์รับรู้ถึงสิ่งกีดขวางจึงเปิดออกอัตโนมัติหลินเซียง "..."น่ารำคาญจริง ๆข้าง ๆ ไม่ได้มีลิฟต์อีกตัวหรือไงทำไมต้องขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกันกับเธอด้วยร่างสูงใหญ่ของลู่สือเยี่ยนเดินเข้ามา พื้นที่ภายในลิฟต์แคบลงทันทีหลินเซียงยืนชิดมุม เปิดไฟล์ในโทรศัพท์ไปพลาง ตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดของโปรเจ็กต์อย่างละเอียด เพื่อเตรียมตัวตอบคำถามกับหัวหน้าแผนกโดยไม่ผิดพลาดประตูลิฟต์เปิดออกอย่างรวดเร็ว หลินเซียงเดินออกไปโดยที่ไม่เงยหน้ามองลู่สือเยี่ยนจ้องม
หลินเซียง : [ซ่งซ่ง ช่วยส่งตารางงานของประธานบริษัทเฉิงต๋าให้ฉันหน่อยได้ไหม?]ซ่งซ่ง : [เดี๋ยวจะลองหาดู!]หลินเซียงปิดโทรศัพท์ รอคอยอย่างเงียบ ๆภายในห้องทำงานส่วนตัวของประธานบริษัทซ่งจั่วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ลู่สือเยี่ยนฟัง แล้วถามว่า "ท่านประธานครับ เราควรนัดหมายกับคนของเฉิงต๋าเพื่อเจรจาความร่วมมือใหม่ดีไหม?"ลู่สือเยี่ยน "ไม่ต้อง"ซ่งจั่วตกใจ "แต่เรื่องนี้ถ้าจัดการไม่ดี คุณหนูลู่อาจจะตกงานได้เลยนะครับ"เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเหตุที่เกิดขึ้นในระหว่างที่เธอรับผิดชอบโปรเจกต์ ถ้าเธอจัดการไม่ดี และยังหาตัวผู้ที่ปล่อยข้อมูลรั่วไหลไม่ได้ คนที่ต้องรับผิดชอบก็คงหนีไม่พ้นเธอการถูกไล่ออกก็ยังถือเป็นโทษสถานเบา แต่ถ้าข่าวที่เธอปล่อยความลับของบริษัทออกสู่ภายนอกแพร่สะพัดออกไป เธอก็คงจะทำงานในวงการนี้ไม่ได้อีกต่อไปลู่สือเยี่ยนมองเอกสารบนโต๊ะ สีหน้าสงบเย็นชา "เธอจัดการได้แน่"น้ำเสียงของเขาหนักแน่น ราวกับรู้จักเธอเป็นอย่างดีเขาก็รู้จักเธอเป็นอย่างดีจริง ๆ นั่นแหละด้วยนิสัยของเธอ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะยอมรับในความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อซ่งจั่วมองเขา อารมณ์ซับซ้อน กำลังจะหย่ากันอย
ฉินโหย่วหานมองเธอด้วยความประหลาดใจ วันนั้นที่บาร์ เธอเหมือนไม่ใช่คนเดียวกันนี้เลย ตอนนั้นเธอเมาจนแทบจะควบคุมสติไม่ได้ เหมือนคนบ้า"ไม่เป็นไร"ฉินโหย่วหานตอบกลับ พลางมองเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วพูดต่อ "ครั้งนี้คุณก็ไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินอีกใช่หรือเปล่า?"หลินเซียงยิ่งรู้สึกอึดอัดเข้าไปใหญ่ "ครั้งนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณถอดเสื้อตัวนอกออกก็ได้ ไว้ฉันจะเอากลับไปซักให้"ฉินโหย่วหานอดหัวเราะไม่ได้ "ให้ถอดตรงนี้เลยเหรอ"หลินเซียงขมวดคิ้ว "ฉันหลินเซียง มาจากบริษัทดีเคกรุ๊ปสาขาเมืองอวิ๋ คุณสามารถส่งเสื้อผ้ามาที่บริษัทของฉันได้ เดี๋ยวฉันซักเสร็จแล้วจะส่งคืนให้ค่ะ"การขีดเส้นแบ่งขอบเขตและรักษาระยะห่างชัดเจนมากหลินเซียง...ฉินโหย่วหานท่องชื่อของเธอเงียบ ๆ แล้วตอบกลับ “โอเค ผมจำได้แล้ว"พูดจบก็หันหลังตั้งท่าจะเดินจากไปหลินเซียงถอนหายใจโล่งอก ยังดีที่ผู้ชายคนนี้ไม่เอาเรื่อง เธอไม่อยากมีปัญหากวนใจเพิ่มอีกชั้นสอง จากราวบันไดเซี่ยหว่านมองลงไปด้านล่าง ดวงตาของเธอวูบไหวฉายแววแปลกใจ หลินเซียงมาที่นี่ได้ยังไงเธอเข้ามาในงานได้ยังไงเถอะดูจากการที่ไม่มีคนอื่นอยู่เคียงข้าง
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้
หลินเซียงมองคุณย่าลู่ด้วยความประหลาดใจไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณย่าที่เคยใจดีกับเธอ ในระดับที่เรียกว่าเอาใจใส่ กลับคิดร้ายกับเธอแบบนี้ แล้วยังมองเธอด้วยสายตาเย็นชาหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดในใจที่แท้ไม่ใช่แค่ตอนที่ลู่สือเยี่ยนทำร้ายเธอเท่านั้นถึงจะรู้สึกเจ็บปวดการถูกคนที่เคยสนิทสนมทำร้าย ใจก็เจ็บปวดเช่นกันเธอเม้มริมฝีปาก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลู่สือเยี่ยน“ฮัลโหล?”ไม่นานปลายสายก็รับ ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นหลินเซียงบอกว่า “คุณย่ามีเรื่องจะพูดกับพวกเรา ตอนนี้คุณช่วยมาโรงพยาบาลหน่อย”ลู่สือเยี่ยนถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หลินเซียง “มาถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”พูดจบก็วางสายไปเรื่องหย่าควรจะพูดต่อหน้าทั้งสองคนจะดีกว่าบอกกับเธอแค่คนเดียวมีประโยชน์อะไร?เธออยากหย่า แต่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ไม่เชื่อเธอทำผิดอะไร?ถึงได้ถูกปฏิบัติแบบนี้?หลินเซียงนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าลง ไม่มองคุณย่าลู่อีกนิสัยของเธอค่อนข้างแปลกถ้าคนคนนั้นทำร้ายเธอ ก็ยากที่จะเข้าไปอยู่ในใจเธอได้อีกคุณย่าลู่ไม่ค่อยชอบท่าทางของหลินเซียง จึงจับมือเซี่ยหว่านแล้วคุยต่อ เพราะชอบท่าทางอ่อนโยนขอ
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ลู่สือเยี่ยนมองเธอ “อย่าคิดมาก คุณย่าแค่ลืมความทรงจำไปสองปีเท่านั้นเอง”หลินเซียงมองเขา แล้วถามว่า “แล้วถ้าคุณย่ายืนกรานจะให้คุณแต่งงานกับเซี่ยหว่านล่ะ?”ลู่สือเยี่ยนมองเธออย่างลึกซึ้ง “หลินเซียง เธอควรเลิกคิดเรื่องนี้นะ เพราะผมไม่หย่ากับคุณแน่”หลินเซียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แล้วพูดว่า “จริง ๆ แล้ว เราหย่ากันก็ไม่เลวนะ ฉัน…”“หยุด!”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยความหงุดหงิด “ฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่องเหรอ? ถ้าพูดถึงเรื่องหย่าอีก ผมจับคุณขังไว้แน่!”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ รอบตัวเต็มไปด้วยออร่าเย็นชาหลินเซียงหยุดชะงัก ไม่พูดต่อเพราะเขาทำได้จริงเมื่อหันหลังเดินไป ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเย็นชายิ่งกว่าเก่าลู่สือเยี่ยนมองตามหลังเธอไป ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงเขาเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นรถ สีหน้ามืดครึ้มอย่างที่สุดในขณะนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เขาดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากซืออวี่“พูดมา!”ซืออวี่ตกใจกับน้ำเสียงเย็นชาของเขา ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พี่ใหญ่ ฉันสืบได้เรื่องบ้างแล้ว แต่คนคนนั้นฉลาดเป็นกรด ปกปิดตัวตนได้ดีมาก รู้แค่ว่าเป็นผู้ชาย”ลู่สือเยี
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาลคุณย่าลู่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว อวิ๋นหลานนั่งคุยกับเธออยู่“คุณย่าครับ”ลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคุณย่าลู่เห็นเขา ใบหน้าที่แก่ชราพลันมีรอยยิ้ม“สือเยี่ยน เธอมาแล้ว” คุณย่าลู่จับมือเขาไว้ มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “สือเยี่ยน ทำไมดูเปลี่ยนไปจังเลย? ดูเหมือนจะโตขึ้นมากเลยนะ”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนโค้งเป็นรอยยิ้ม “โตขึ้นแล้วไม่ดีเหรอครับ?”คุณย่าลู่พยักหน้า “ดี แน่นอนว่าดี แต่ฉันยังชอบเธอตอนเด็ก ๆ ที่ไร้เดียงสามากกว่า เอาแต่วิ่งตามหลังพี่ชายตลอดเวลา แล้วยังทำหน้าบึ้งใส่เขา มีแต่พี่ชายที่ตามใจ ถ้าเป็นคนอื่นคงตีเธอไปแล้ว”รอยยิ้มที่มุมปากของลู่สือเยี่ยนแข็งทื่อไปชั่วขณะคุณย่าลู่สังเกตเห็นหลินเซียงในตอนนี้ จึงถามว่า “แล้วเธอล่ะ มายังไง?”ลู่สือเยี่ยนบอกว่า “ย่าครับ เธอเป็นภรรยาผม หลินเซียง”หลินเซียงมองคุณย่าลู่ “คุณย่า”คิ้วของคุณย่าลู่ขมวดเข้าหากันทันที เธอปล่อยมือลู่สือเยี่ยน “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่านไม่ใช่เหรอ? ฉันเห็นว่าเด็กคนนั้นก็ใช้ได้นะ ทำไมถึงแต่งงานกับคนอื่นล่ะ?”ท่าทีนั้
ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนแสดงออกถึงความซับซ้อนเล็กน้อย เขาพูดอย่างสงบว่า “เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ ต้องรอผลตรวจของแพทย์”หลินเซียงพยักหน้า ตอนนี้คงทำได้แค่นี้ลู่เจิ้งหรงมองหลินเซียงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วพูดกับลู่สือเยี่ยนว่า “อาการของย่าแกดูเหมือนจะดีขึ้น ความคิดของผู้ใหญ่ แกคงรู้ดี น่าจะอยากเห็นแกแต่งงานกับหว่านหว่าน ตอนนั้นแกเป็นคนพาหว่านหว่านไปหาท่านเอง ตอนนี้ถ้าท่านขอร้อง แกก็ปฏิเสธไม่ได้”อวิ๋นหลานกล่าวว่า “เจิ้งหรง แต่สือเยี่ยนกับหลินเซียงรักกันดี ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีหรอกมั้ง?”“เหอะ!” ลู่เจิ้งหรงหัวเราะเยาะ “รักกันดี? หลินเซียงไม่ใช่เหรอที่อยากหย่ามาตลอด? ใช้โอกาสนี้หย่ากันไปซะสิ ไม่ต้องมีใครขัดขวางใคร!”อวิ๋นหลานมองหลินเซียงด้วยความกังวล กลัวว่าเธอจะเสียใจแต่หลินเซียงเหมือนไม่ได้ยิน ยืนอยู่มุมห้อง ก้มหน้าลง ปากสวยเม้มเป็นเส้นตรงลู่สือเยี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดของลู่เจิ้งหรงเลยเขาตามหาลู่จิ้นหนานจนแทบคลั่ง ยังมีเวลาสนใจเรื่องของเขากับหลินเซียงอีกเหรอ?ดูเหมือนว่าเขาควรหาอะไรให้อีกฝ่ายทำบ้าง!ประมาณสองชั่วโมงผ่านไปผลการตรวจของคุณย่าลู่ออกมาแล้วแพทย์ถือรายงานผลการตรวจแล้วพูด
เสียงของคุณย่าลู่ดังขึ้น ทุกคนในห้องนั่งเล่นต่างก็ตกตะลึง!สีหน้าของลู่สือเยี่ยนตึงเครียดขึ้น เขาคุกเข่าครึ่งตัวอยู่ข้างหน้าคุณย่าลู่แล้วถามว่า “คุณย่าครับ ตอนนี้คุณย่าจำอะไรได้แล้วเหรอครับ?”คุณย่าลู่เอามือลูบหัวเขา “ย่าต้องจำได้อยู่แล้วสิ ย่ายังไม่แก่จนความจำเลอะเลือนซะหน่อย ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่าน แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่พาเธอมาด้วย?”ลู่สือเยี่ยนรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว เขาชี้ไปที่หลินเซียงแล้วถามว่า “แล้วคุณย่าจำเธอได้ไหมครับ?”คุณย่าลู่มองตามนิ้วมือของเขาไป แล้วส่ายหัว “ไม่รู้จัก เธอเป็นใคร? คนใช้ใหม่ของบ้านเราเหรอ?”หลินเซียงได้ยินคำพูดของเธอ เหมือนกับถูกตบหน้าอย่างแรง ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณย่าลู่ความจำเสื่อม เธอมักจะคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนใช้ของบ้านตระกูลลู่ และยังดีกับหลินเซียงเป็นพิเศษแต่ตอนนี้กลับกัน!ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมจะพาคุณย่าไปโรงพยาบาลครับ”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว ใบหน้าที่แก่ชราเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ไปโรงพยาบาลทำไม? ย่ารู้สึกว่าย่าสบายดีนะ”ลู่สือเยี่ยน “ตรวจร่างกายคุณย่านิดหน่อย เชื่อผมเถอะครับ”คุณย่าลู่ก็ยังไม่ค่อยเต็มใจ
หลังจากที่ลู่สือเยี่ยนพูดจบ เขาก็ไม่ได้วางสาย ได้ยินเสียงเขาเปิดประตูรถลงจากรถ ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบหลินเซียงกำโทรศัพท์แน่น ยื่นมือไปกดปุ่มปิดประตูอีกครั้งครั้งนี้ประตูลิฟต์ปิดลง หัวใจที่สั่นไหวก็ค่อยผ่อนคลายลงอย่างเฉียบพลัน"ประตูลิฟต์ปิดแล้ว" หลินเซียงพูด ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าขาของตัวเองอ่อนแรงแค่ไหน!ลู่สือเยี่ยนพูดว่า "อย่าออกจากลิฟต์ก่อนถึงชั้นหนึ่งนะ""อืม"หลินเซียงตอบ ยังไม่วางสายโชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่มีใครทำงานล่วงเวลาในตึกแล้วเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียงก็เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ที่ประตู เธอวิ่งออกไปทันที!ลู่สือเยี่ยนกอดเธอไว้พลางปลอบเบา ๆ "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะตรวจสอบให้ชัดเจน"ด้วยกลิ่นอายที่สดชื่นของเขา หลินเซียงจึงผ่อนคลายลง ตามมาด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง!จมูกของเธอรู้สึกแสบร้อน น้ำตาเกือบไหล แต่เธอก็อดทนไว้!ลู่สือเยี่ยนประกองกอดเธอแล้วออกจากอาคารพอก้าวขึ้นรถ ความอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนทำให้ร่างกายที่เย็นเยือกเริ่มอุ่นขึ้นลู่สือเยี่ยนจับมือเธอ ถามว่า "คุณเห็นใครหรือเปล่า?"หลินเซียงส่ายหัว "ไม่มีนะ"แล้วถา
หลินเซียงรู้สึกใจสั่นระรัวเสียงน้ำไหลในห้องน้ำดังขึ้น หลินเซียงจึงโล่งใจเล็กน้อยเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายและกอดตัวเองขณะกำลังจะหลับ เตียงข้าง ๆ ก็ยุบลงไป ร่างกายของลู่สือเยี่ยนที่ยังเปียกชื้นจากน้ำ เข้ามากอดเธอแน่น หลินเซียงไม่ขยับหรือดิ้นรน ลู่สือเยี่ยนจูบที่ไหล่เธอเบา ๆ "ราตรีสวัสดิ์ ที่รัก"ขนตาของหลินเซียงกระตุกเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ตอบสนองอะไร…วันรุ่งขึ้น หลินเซียงไปทำงานก็พบว่าสวี่ซิงเย่มาถึงแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ดูสดใสและมีเสน่ห์ เป็นหนุ่มน้อยที่สดใสสวี่ซินหรานกำลังคุยกับเขาอยู่และสวี่ซิงเย่ก็ตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเธอมาถึง สวี่ซิงเย่รีบลุกขึ้นยืนและเดินมาหาเธอ "คุณหลิน อรุณสวัสดิ์ครับ!"หลินเซียงยิ้มบาง "ตอนนี้เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว นายเรียกฉันว่าหลินเซียงก็ได้"สวี่ซิงเย่เกาจมูกด้วยความเขินอายเล็กน้อย "หลินเซียง""อืม อรุณสวัสดิ์ค่ะ" หลินเซียงพยักหน้าเล็กน้อยสวี่ซินหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ถ้าไม่รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว ฉันนึกว่าพวกเธอเป็นแฟนกันซะอีก"เมื่อได้ยินแบบนั้น สวี่ซิงเย่ขมวดคิ้ว พูดว่า "อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมกั
“ลู่สือเยี่ยน คุณเป็นอะไรมากไหม?”หลินเซียงรู้สึกงงกับเขา!เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับจะยัดเยียดให้เธอไปเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่น?เขาเป็นบ้าหรือเปล่า?ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “หลินเซียง ห้ามรับของจากผู้ชายคนอื่น และห้ามชอบผู้ชายคนอื่นด้วย ถ้าผมรู้ คุณอาจไม่ตาย แต่ผู้ชายคนนั้นต้องตายแน่!”เขาเตือนอย่างจริงจังด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาของเขาแสดงความต้องการครอบครองเธออย่างไม่มีปิดบังหลินเซียงกัดริมฝีปาก มองเขาด้วยสายตาซับซ้อนถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาแสดงออกแบบนี้เธอคงดีใจมาก!แต่หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาแล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอกลับไม่รู้สึกอะไร!เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันไปอาบน้ำได้แล้วใช่ไหม? ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยมากจริง ๆ”ลู่สือเยี่ยนมองเธออีกสักพัก แล้วปล่อยเธอไปหลินเซียงเดินไปที่ห้องน้ำลู่สือเยี่ยนเรียกคนใช้มาเก็บเค้กเมื่อหลินเซียงออกมา เธอก็เห็นเขานั่งอยู่บนโซฟา บนโต๊ะมีขี้ผึ้งวางอยู่“ทายา”เมื่อเห็นเธอหันมามอง เขาพูดเสียงต่ำหลินเซียงกัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า “ฉันทาเองได้”พูดจบ เธอก็เดินไปหยิบขี้ผึ้งแต่ลู่สือเยี่ยนมือไวกว่