หลินเซียงต้องการลุกขึ้น แต่เขากลับดึงเธอล้มนอนลงตามเดิม"จะทำอะไรน่ะ..."เธอยังพูดไม่ทันจบ จูบอันดุเดือดของชายหนุ่มก็ทาบประทับลงมาหลินเซียงพยายามผลักเขาออก แต่เขากลับจับมือเธอแล้วกดไว้เหนือศีรษะจูบนั้นทวีความหนักหน่วงยิ่งขึ้น เรื่อยไล้ลามลงไปที่ลำคอ กระดูกไหปลาร้า...ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มกระเส่ารุนแรงหลินเซียงมองเพดานห้องที่ได้รับตกแต่งอย่างประณีต หางตาเริ่มแดงก่ำ "ลู่สือเยี่ยน ฉันไม่ใช่เครื่องระบายอารมณ์ของคุณนะ ถ้ายังจำได้ว่าฉันเคยช่วยชีวิตคุณไว้ครั้งหนึ่ง ก็ปล่อยฉันไปเถอะ"อย่าทำแบบนี้เลยเธอรู้สึกแย่มากเมื่อตกอยู่ในสภาวะนี้ทั้ง ๆ ที่เขากำลังจะไปรับผิดชอบผู้หญิงคนอื่น แต่ก็ยังมาพัวพันกับเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยเขาไม่ได้ขอหย่าเองหรอกเหรองั้นก็ทำมันให้เด็ดขาดไปเลยสิลู่สือเยี่ยนหายใจรดลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอ แล้วออกแรงมากขึ้นอีกหน่อย แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยเธอแล้วเดินลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำหลินเซียงค่อย ๆ ปล่อยมือลงแล้วหลับตา พ่นลมหายใจออกแรง ๆ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหดหู่เธอหวังเหลือเกินว่าเขาจะพูดว่าไม่หย่าแล้ว เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ
"ไปเถอะ"ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นบังสายตาเธอหลินเซียงมองเขา “ไปไหน"ลู่สือเยี่ยนมองเธอจากมุมสูง "อยากไปสำนักงานเขตไม่ใช่เหรอ?"หลินเซียงก้มหน้า ไม่พูดอะไร แล้วก็ลุกขึ้นเดินตามเขาออกจากวิลล่าตระกูลลู่เมื่อหันกลับไปมองคฤหาสน์หรูหราอลังการหลังใหญ่โต หลินเซียงอดพูดไม่ได้ว่า "น่าเสียดายจัง ต่อไปคงไม่ได้มาที่นี่อีกแล้ว"เธอชอบที่นี่มากเลยนะ"คุณมาได้ตลอด"ลู่สือเยี่ยนพูดแทรกขึ้นทันทีหลินเซียงมองเขา ตาประสานสบกับนัยน์ตาสีดำสนิทของเขา ก่อนจะหัวเราะแล้วพูดว่า "ไม่มาหรอก เกิดมาเจอคุณกับเซี่ยหว่านกำลังพลอดรักกัน ฉันคงอึดอัดแย่"ลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้ว ท่าทีเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกเขาไม่มองหน้าเธออีกต่อไป เปิดประตูรถแล้วก้าวขึ้นไปนั่งหลินเซียงขึ้นไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ แต่คนขับกลับไม่กล้าสตาร์ทรถเธอมองเขาด้วยหางตาด้วยความสงสัย "เป็นอะไร ไปสิ"หน้าผากคนขับมีเหงื่อซึมออกมา "คุณ… คุณไปนั่งข้างหลังดีกว่าครับ"หลินเซียงหันกลับไปมองลู่สือเยี่ยน เห็นว่าสีหน้าของเขามืดมนยิ่งกว่าเดิม เธอยิ้มขำ "ตอนแรกฉันนั่งข้างหลัง คุณก็บอกให้ฉันย้ายมานั่งข้างคนขับ แต่ตอนนี้ดันไม่ให้ฉันนั่งอีก คุณนี่มันเอาแน่เอ
หลินเซียงวางสาย หันไปมองลู่สือเยี่ยน "ฉันต้องกลับบริษัทด่วน"ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเย็นชา "ไปหย่าก่อน"หลินเซียงหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ รีบอธิบาย "หย่าน่ะจะหย่าเมื่อไหร่ก็ได้ แต่งานฉันไม่สามารถทิ้งได้นะ คุณก็รู้ดีนี่ว่าฉันจำเป็นต้องหาเลี้ยงชีพด้วยงานนี้"ดวงตาคมราวฟีนิกซ์สีเข้มของลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธอ ครู่หนึ่งจึงออกคำสั่ง "กลับบริษัท"คนขับรถหักพวงมาลัยเปลี่ยนทางทันทีเมื่อลงจากรถ หลินเซียงเดินจ้ำอ้าวไปที่ลิฟต์ ลิฟต์ลงมาถึงพอดี เธอจึงเดินเข้าไปโดยไม่สนใจชายที่อยู่ข้างหลัง กดปุ่มปิดประตูทันที แต่เมื่อประตูใกล้จะปิด มือข้างหนึ่งกลับยื่นเข้ามา ประตูลิฟต์รับรู้ถึงสิ่งกีดขวางจึงเปิดออกอัตโนมัติหลินเซียง "..."น่ารำคาญจริง ๆข้าง ๆ ไม่ได้มีลิฟต์อีกตัวหรือไงทำไมต้องขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกันกับเธอด้วยร่างสูงใหญ่ของลู่สือเยี่ยนเดินเข้ามา พื้นที่ภายในลิฟต์แคบลงทันทีหลินเซียงยืนชิดมุม เปิดไฟล์ในโทรศัพท์ไปพลาง ตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดของโปรเจ็กต์อย่างละเอียด เพื่อเตรียมตัวตอบคำถามกับหัวหน้าแผนกโดยไม่ผิดพลาดประตูลิฟต์เปิดออกอย่างรวดเร็ว หลินเซียงเดินออกไปโดยที่ไม่เงยหน้ามองลู่สือเยี่ยนจ้องม
หลินเซียง : [ซ่งซ่ง ช่วยส่งตารางงานของประธานบริษัทเฉิงต๋าให้ฉันหน่อยได้ไหม?]ซ่งซ่ง : [เดี๋ยวจะลองหาดู!]หลินเซียงปิดโทรศัพท์ รอคอยอย่างเงียบ ๆภายในห้องทำงานส่วนตัวของประธานบริษัทซ่งจั่วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ลู่สือเยี่ยนฟัง แล้วถามว่า "ท่านประธานครับ เราควรนัดหมายกับคนของเฉิงต๋าเพื่อเจรจาความร่วมมือใหม่ดีไหม?"ลู่สือเยี่ยน "ไม่ต้อง"ซ่งจั่วตกใจ "แต่เรื่องนี้ถ้าจัดการไม่ดี คุณหนูลู่อาจจะตกงานได้เลยนะครับ"เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเหตุที่เกิดขึ้นในระหว่างที่เธอรับผิดชอบโปรเจกต์ ถ้าเธอจัดการไม่ดี และยังหาตัวผู้ที่ปล่อยข้อมูลรั่วไหลไม่ได้ คนที่ต้องรับผิดชอบก็คงหนีไม่พ้นเธอการถูกไล่ออกก็ยังถือเป็นโทษสถานเบา แต่ถ้าข่าวที่เธอปล่อยความลับของบริษัทออกสู่ภายนอกแพร่สะพัดออกไป เธอก็คงจะทำงานในวงการนี้ไม่ได้อีกต่อไปลู่สือเยี่ยนมองเอกสารบนโต๊ะ สีหน้าสงบเย็นชา "เธอจัดการได้แน่"น้ำเสียงของเขาหนักแน่น ราวกับรู้จักเธอเป็นอย่างดีเขาก็รู้จักเธอเป็นอย่างดีจริง ๆ นั่นแหละด้วยนิสัยของเธอ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะยอมรับในความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อซ่งจั่วมองเขา อารมณ์ซับซ้อน กำลังจะหย่ากันอย
ฉินโหย่วหานมองเธอด้วยความประหลาดใจ วันนั้นที่บาร์ เธอเหมือนไม่ใช่คนเดียวกันนี้เลย ตอนนั้นเธอเมาจนแทบจะควบคุมสติไม่ได้ เหมือนคนบ้า"ไม่เป็นไร"ฉินโหย่วหานตอบกลับ พลางมองเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วพูดต่อ "ครั้งนี้คุณก็ไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินอีกใช่หรือเปล่า?"หลินเซียงยิ่งรู้สึกอึดอัดเข้าไปใหญ่ "ครั้งนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณถอดเสื้อตัวนอกออกก็ได้ ไว้ฉันจะเอากลับไปซักให้"ฉินโหย่วหานอดหัวเราะไม่ได้ "ให้ถอดตรงนี้เลยเหรอ"หลินเซียงขมวดคิ้ว "ฉันหลินเซียง มาจากบริษัทดีเคกรุ๊ปสาขาเมืองอวิ๋ คุณสามารถส่งเสื้อผ้ามาที่บริษัทของฉันได้ เดี๋ยวฉันซักเสร็จแล้วจะส่งคืนให้ค่ะ"การขีดเส้นแบ่งขอบเขตและรักษาระยะห่างชัดเจนมากหลินเซียง...ฉินโหย่วหานท่องชื่อของเธอเงียบ ๆ แล้วตอบกลับ “โอเค ผมจำได้แล้ว"พูดจบก็หันหลังตั้งท่าจะเดินจากไปหลินเซียงถอนหายใจโล่งอก ยังดีที่ผู้ชายคนนี้ไม่เอาเรื่อง เธอไม่อยากมีปัญหากวนใจเพิ่มอีกชั้นสอง จากราวบันไดเซี่ยหว่านมองลงไปด้านล่าง ดวงตาของเธอวูบไหวฉายแววแปลกใจ หลินเซียงมาที่นี่ได้ยังไงเธอเข้ามาในงานได้ยังไงเถอะดูจากการที่ไม่มีคนอื่นอยู่เคียงข้าง
เมื่อเห็นว่าหลินเซียงยังไม่แสดงบัตรเชิญเสียที พนักงานเสิร์ฟก็ตั้งท่าจะพาเธอออกไป แต่ในเวลานี้ มีคนเดินเข้ามาแล้วดึงหลินเซียงไปอยู่ข้างหลังเขาโดยตรง"คุณชายใหญ่"เมื่อเห็นผู้มาใหม่ พนักงานเสิร์ฟก็แสดงความเคารพทันทีฉินโหย่วหานมองพวกเขาอย่างเย็นชา "พวกนายจะทำอะไรคู่ควงของฉัน"เมื่อได้ยินดังนั้น พนักงานเสิร์ฟก็ตกใจมาก "ขอโทษด้วยครับ คุณชายใหญ่ ผมไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงคนนี้เป็นคู่ควงของคุณ"น้ำเสียงของฉินโหย่วหานเย็นลงทันที "ออกไป อย่าให้ฉันเห็นพวกนายบนเรือสำราญลำนี้อีก!"พนักงานเสิร์ฟสองคนรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว อดด่าทอในใจไม่ได้ว่าใครกันที่แจ้งพวกเขาว่ามีคนแอบเข้ามาในงานโดยไม่มีบัตรเชิญทำให้พวกเขาโดนดุฟรี ๆ!คนคนนั้นน่ารังเกียจจริงๆ!ฉินโหย่วหานหันกลับมา เห็นหลินเซียงทำหน้าตกตะลึงก็ยิ้มมุมปาก "บังเอิญจัง เราเจอกันอีกแล้ว"หลินเซียง "..."เรือสำราญลำใหญ่ขนาดนี้ อยู่ดี ๆ วนมาเจอกันอีกก็น่าแปลกจริง ๆ นั่นแหละแต่เขาเพิ่งช่วยเธอไว้ จึงคลี่ยิ้มตอบเล็กน้อย "ขอบคุณค่ะ"ใบหน้าหล่อเหลาของฉินโหย่วหานปรากฏรอยยิ้มเยาะหยัน รอยยิ้มนั้นซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ "แค่ขอบคุณด้วยวาจาเหรอ เมื่อกี้ถ้า
ดวงตาสีน้ำหมึกของลู่สือเยี่ยนจ้องมองตามแผ่นหลังของพวกเขาอย่างเฉียบขาด ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนคนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้"สือเยี่ยน"เซี่ยหว่านเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล "ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?"จากนั้นก็ขมวดคิ้ว "คุณหลิน เธอหมายความว่ายังไง? เธอยังเป็นภรรยาของคุณอยู่นะ ถึงคุณทั้งสองกำลังจะไปหย่ากันในเร็ว ๆ นี้ แต่เธอไม่ให้เกียรติคุณเลย อยู่ ๆ ก็ไปควงฉินโหย่วหาน นี่มันเกินไปแล้ว"ลู่สือเยี่ยนละสายตาอย่างเย็นชา พูดอย่างเฉยเมย "ผมยังมีธุระ ขอตัวก่อน"พูดจบก็ไม่สนใจสีหน้าของเซี่ยหว่าน เดินจากไปในทิศทางหนึ่งสีหน้าของเซี่ยหว่านแข็งค้างรู้สึกถึงความวิกฤตบางอย่างสถานะของหลินเซียงในใจของลู่สือเยี่ยนต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!เป็นไปได้ยังไงกัน?เธอเพียรพยายามมาจนถึงทุกวันนี้ ยอมแม้กระทั่งเสียขาไปหนึ่งข้าง เธอจะไม่มีวันยอมให้ใครมาแย่งเขาไปง่าย ๆ แน่!...อีกด้านหนึ่ง หลินเซียงหันไปหาฉินโหย่วหาน "คุณฉิน ไว้ฉันขอเลี้ยงข้าวคุณสักวันแล้วกันนะคะ แต่ตอนนี้ฉันยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ ขอตัวก่อน"ฉินโหย่วหานบอกว่า "คุณไม่มีเบอร์โทรศัพท์ผม แล้วจะนัดเลี้ยงข้าวผมยังไง? หรื
หลินเซียงไม่สนใจที่จะคิดว่าลู่สือเยี่ยนมาหาตัวเองตั้งแต่ตอนไหน รีบวิ่งไปหาหานเฉิงต๋า"คุณหาน ขอโทษนะคะ ขอเวลาให้ฉันสักนาทีเดียว หลังจากนั้นคุณค่อยตัดสินใจว่าจะฟังฉันพูดต่อไหม"หานเฉิงต๋าจ้องมองหญิงสาวที่เข้ามาขวางหน้าเขาอีกครั้ง แอบรู้สึกคุ้นหน้าเล็กน้อย เมื่อมองเห็นว่าใบหน้าของเธอซีดเซียวแค่ไหน ในที่สุดเขาก็ไม่เดินเลี่ยงออกไป"ได้ หนึ่งนาทีนะ"อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีความเมตตาเหลือเฟือ บอกว่าหนึ่งนาทีก็คือหนึ่งนาที เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาจับเวลาหลินเซียงสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็เริ่มอธิบายมุมมองและแนวคิดของเธอออกมาเวลาค่อย ๆ ผ่านไป...ไม่รู้ว่าตั้งแต่วินาทีที่เท่าไหร่ หานเฉิงต๋าก็ไม่สนใจนาฬิกาข้อมือแล้ว แต่กลับมองหลินเซียงด้วยสีหน้าสนอกสนใจจนกระทั่งเธอหยุดพูดแล้วยิ้มด้วยความรู้สึกผิด "ขอโทษด้วยนะคะ ฉันตื่นเต้นไปหน่อย พูดเกินเวลาไปเยอะเลย..."ผ่านไปสิบนาที เธอพูดเฉพาะส่วนที่สำคัญและน่าสนใจที่สุดของโครงการเท่านั้น เพราะหากจะต้องอธิบายแผนงานและแนวคิดของแบบแปลนทั้งหมด คงต้องใช้เวลาตลอดทั้งช่วงเช้าหานเฉิงต๋าพยักหน้าด้วยความชื่นชม "แนวคิดดีจริง ๆ"หลินเซียงโค้งคำนับเขา "ขอบคุณ