หลินเซียง : [ซ่งซ่ง ช่วยส่งตารางงานของประธานบริษัทเฉิงต๋าให้ฉันหน่อยได้ไหม?]ซ่งซ่ง : [เดี๋ยวจะลองหาดู!]หลินเซียงปิดโทรศัพท์ รอคอยอย่างเงียบ ๆภายในห้องทำงานส่วนตัวของประธานบริษัทซ่งจั่วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ลู่สือเยี่ยนฟัง แล้วถามว่า "ท่านประธานครับ เราควรนัดหมายกับคนของเฉิงต๋าเพื่อเจรจาความร่วมมือใหม่ดีไหม?"ลู่สือเยี่ยน "ไม่ต้อง"ซ่งจั่วตกใจ "แต่เรื่องนี้ถ้าจัดการไม่ดี คุณหนูลู่อาจจะตกงานได้เลยนะครับ"เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเหตุที่เกิดขึ้นในระหว่างที่เธอรับผิดชอบโปรเจกต์ ถ้าเธอจัดการไม่ดี และยังหาตัวผู้ที่ปล่อยข้อมูลรั่วไหลไม่ได้ คนที่ต้องรับผิดชอบก็คงหนีไม่พ้นเธอการถูกไล่ออกก็ยังถือเป็นโทษสถานเบา แต่ถ้าข่าวที่เธอปล่อยความลับของบริษัทออกสู่ภายนอกแพร่สะพัดออกไป เธอก็คงจะทำงานในวงการนี้ไม่ได้อีกต่อไปลู่สือเยี่ยนมองเอกสารบนโต๊ะ สีหน้าสงบเย็นชา "เธอจัดการได้แน่"น้ำเสียงของเขาหนักแน่น ราวกับรู้จักเธอเป็นอย่างดีเขาก็รู้จักเธอเป็นอย่างดีจริง ๆ นั่นแหละด้วยนิสัยของเธอ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะยอมรับในความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อซ่งจั่วมองเขา อารมณ์ซับซ้อน กำลังจะหย่ากันอย
ฉินโหย่วหานมองเธอด้วยความประหลาดใจ วันนั้นที่บาร์ เธอเหมือนไม่ใช่คนเดียวกันนี้เลย ตอนนั้นเธอเมาจนแทบจะควบคุมสติไม่ได้ เหมือนคนบ้า"ไม่เป็นไร"ฉินโหย่วหานตอบกลับ พลางมองเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วพูดต่อ "ครั้งนี้คุณก็ไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินอีกใช่หรือเปล่า?"หลินเซียงยิ่งรู้สึกอึดอัดเข้าไปใหญ่ "ครั้งนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณถอดเสื้อตัวนอกออกก็ได้ ไว้ฉันจะเอากลับไปซักให้"ฉินโหย่วหานอดหัวเราะไม่ได้ "ให้ถอดตรงนี้เลยเหรอ"หลินเซียงขมวดคิ้ว "ฉันหลินเซียง มาจากบริษัทดีเคกรุ๊ปสาขาเมืองอวิ๋ คุณสามารถส่งเสื้อผ้ามาที่บริษัทของฉันได้ เดี๋ยวฉันซักเสร็จแล้วจะส่งคืนให้ค่ะ"การขีดเส้นแบ่งขอบเขตและรักษาระยะห่างชัดเจนมากหลินเซียง...ฉินโหย่วหานท่องชื่อของเธอเงียบ ๆ แล้วตอบกลับ “โอเค ผมจำได้แล้ว"พูดจบก็หันหลังตั้งท่าจะเดินจากไปหลินเซียงถอนหายใจโล่งอก ยังดีที่ผู้ชายคนนี้ไม่เอาเรื่อง เธอไม่อยากมีปัญหากวนใจเพิ่มอีกชั้นสอง จากราวบันไดเซี่ยหว่านมองลงไปด้านล่าง ดวงตาของเธอวูบไหวฉายแววแปลกใจ หลินเซียงมาที่นี่ได้ยังไงเธอเข้ามาในงานได้ยังไงเถอะดูจากการที่ไม่มีคนอื่นอยู่เคียงข้าง
เมื่อเห็นว่าหลินเซียงยังไม่แสดงบัตรเชิญเสียที พนักงานเสิร์ฟก็ตั้งท่าจะพาเธอออกไป แต่ในเวลานี้ มีคนเดินเข้ามาแล้วดึงหลินเซียงไปอยู่ข้างหลังเขาโดยตรง"คุณชายใหญ่"เมื่อเห็นผู้มาใหม่ พนักงานเสิร์ฟก็แสดงความเคารพทันทีฉินโหย่วหานมองพวกเขาอย่างเย็นชา "พวกนายจะทำอะไรคู่ควงของฉัน"เมื่อได้ยินดังนั้น พนักงานเสิร์ฟก็ตกใจมาก "ขอโทษด้วยครับ คุณชายใหญ่ ผมไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงคนนี้เป็นคู่ควงของคุณ"น้ำเสียงของฉินโหย่วหานเย็นลงทันที "ออกไป อย่าให้ฉันเห็นพวกนายบนเรือสำราญลำนี้อีก!"พนักงานเสิร์ฟสองคนรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว อดด่าทอในใจไม่ได้ว่าใครกันที่แจ้งพวกเขาว่ามีคนแอบเข้ามาในงานโดยไม่มีบัตรเชิญทำให้พวกเขาโดนดุฟรี ๆ!คนคนนั้นน่ารังเกียจจริงๆ!ฉินโหย่วหานหันกลับมา เห็นหลินเซียงทำหน้าตกตะลึงก็ยิ้มมุมปาก "บังเอิญจัง เราเจอกันอีกแล้ว"หลินเซียง "..."เรือสำราญลำใหญ่ขนาดนี้ อยู่ดี ๆ วนมาเจอกันอีกก็น่าแปลกจริง ๆ นั่นแหละแต่เขาเพิ่งช่วยเธอไว้ จึงคลี่ยิ้มตอบเล็กน้อย "ขอบคุณค่ะ"ใบหน้าหล่อเหลาของฉินโหย่วหานปรากฏรอยยิ้มเยาะหยัน รอยยิ้มนั้นซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ "แค่ขอบคุณด้วยวาจาเหรอ เมื่อกี้ถ้า
ดวงตาสีน้ำหมึกของลู่สือเยี่ยนจ้องมองตามแผ่นหลังของพวกเขาอย่างเฉียบขาด ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนคนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้"สือเยี่ยน"เซี่ยหว่านเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล "ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?"จากนั้นก็ขมวดคิ้ว "คุณหลิน เธอหมายความว่ายังไง? เธอยังเป็นภรรยาของคุณอยู่นะ ถึงคุณทั้งสองกำลังจะไปหย่ากันในเร็ว ๆ นี้ แต่เธอไม่ให้เกียรติคุณเลย อยู่ ๆ ก็ไปควงฉินโหย่วหาน นี่มันเกินไปแล้ว"ลู่สือเยี่ยนละสายตาอย่างเย็นชา พูดอย่างเฉยเมย "ผมยังมีธุระ ขอตัวก่อน"พูดจบก็ไม่สนใจสีหน้าของเซี่ยหว่าน เดินจากไปในทิศทางหนึ่งสีหน้าของเซี่ยหว่านแข็งค้างรู้สึกถึงความวิกฤตบางอย่างสถานะของหลินเซียงในใจของลู่สือเยี่ยนต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!เป็นไปได้ยังไงกัน?เธอเพียรพยายามมาจนถึงทุกวันนี้ ยอมแม้กระทั่งเสียขาไปหนึ่งข้าง เธอจะไม่มีวันยอมให้ใครมาแย่งเขาไปง่าย ๆ แน่!...อีกด้านหนึ่ง หลินเซียงหันไปหาฉินโหย่วหาน "คุณฉิน ไว้ฉันขอเลี้ยงข้าวคุณสักวันแล้วกันนะคะ แต่ตอนนี้ฉันยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ ขอตัวก่อน"ฉินโหย่วหานบอกว่า "คุณไม่มีเบอร์โทรศัพท์ผม แล้วจะนัดเลี้ยงข้าวผมยังไง? หรื
หลินเซียงไม่สนใจที่จะคิดว่าลู่สือเยี่ยนมาหาตัวเองตั้งแต่ตอนไหน รีบวิ่งไปหาหานเฉิงต๋า"คุณหาน ขอโทษนะคะ ขอเวลาให้ฉันสักนาทีเดียว หลังจากนั้นคุณค่อยตัดสินใจว่าจะฟังฉันพูดต่อไหม"หานเฉิงต๋าจ้องมองหญิงสาวที่เข้ามาขวางหน้าเขาอีกครั้ง แอบรู้สึกคุ้นหน้าเล็กน้อย เมื่อมองเห็นว่าใบหน้าของเธอซีดเซียวแค่ไหน ในที่สุดเขาก็ไม่เดินเลี่ยงออกไป"ได้ หนึ่งนาทีนะ"อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีความเมตตาเหลือเฟือ บอกว่าหนึ่งนาทีก็คือหนึ่งนาที เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาจับเวลาหลินเซียงสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็เริ่มอธิบายมุมมองและแนวคิดของเธอออกมาเวลาค่อย ๆ ผ่านไป...ไม่รู้ว่าตั้งแต่วินาทีที่เท่าไหร่ หานเฉิงต๋าก็ไม่สนใจนาฬิกาข้อมือแล้ว แต่กลับมองหลินเซียงด้วยสีหน้าสนอกสนใจจนกระทั่งเธอหยุดพูดแล้วยิ้มด้วยความรู้สึกผิด "ขอโทษด้วยนะคะ ฉันตื่นเต้นไปหน่อย พูดเกินเวลาไปเยอะเลย..."ผ่านไปสิบนาที เธอพูดเฉพาะส่วนที่สำคัญและน่าสนใจที่สุดของโครงการเท่านั้น เพราะหากจะต้องอธิบายแผนงานและแนวคิดของแบบแปลนทั้งหมด คงต้องใช้เวลาตลอดทั้งช่วงเช้าหานเฉิงต๋าพยักหน้าด้วยความชื่นชม "แนวคิดดีจริง ๆ"หลินเซียงโค้งคำนับเขา "ขอบคุณ
ทุกคนต่างก็หันไปมองเมื่อเห็นหลินเซียงเดินเข้ามา ใบหน้าซีดเซียว แต่ดวงตากลับเย็นชาเหลือเกิน เธอกวาดตามองทุกคนที่อยู่ในห้อง "ก่อนหน้านี้จะด่าฉันลับหลังก็ช่าง ถือซะว่าฉันไม่ได้ยิน แต่พอมาได้ยินเต็มสองหูแบบนี้ ฉันว่าคุณควรขอโทษฉันสักหน่อยหรือเปล่า?"เธอจ้องมองคนที่เพิ่งรวมหัวกันด่าเธอสองสามคนอย่างแข็งกร้าวสายตาของคนเหล่านั้นเริ่มเลิ่กลั่ก ชายคนหนึ่งลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า "ทำไมต้องขอโทษด้วย? ข้อมูลโครงการที่คุณรับผิดชอบรั่วไหล ไม่มีใครแตะต้องโต๊ะทำงานของคุณเลยสักคน จะไม่ให้พวกเราสงสัยว่าคุณเป็นคนทำเลยรึ!"หลินเซียงมองเขาด้วยสายตาเย็นชา "เห็นไหม? คุณก็พูดเองว่าเป็นแค่การสงสัย ไม่ได้มีหลักฐานที่ชัดเจนซะหน่อยนี่?"ชายคนนั้นพูดไม่ออก สีหน้ากระอักกระอ่วนไปหมดหลินเซียงมองพวกเขา "ไม่ขอโทษเหรอ หน้าด้านใช้ได้เลยนะ"เมื่อพูดออกมาแบบนั้น คนเหล่านั้นทำท่าโกรธขึ้นมาทันที"หลินเซียง คุณเป็นคนผิดแท้ ๆ ทำไมพวกเราต้องขอโทษ?""ใช่ พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย""ในเมื่อคุณบอกว่าคุณไม่ได้ทำ แล้วคุณหายหัวไปไหนไม่ยอมแก้ปัญหา?""...""ปัง!"หลินเซียงวางแฟ้มเอกสารในมือลงบนโต๊ะทันที "นี่ไง ฉันไปเจรจากับเฉิง
"ว้าว เกินคาดเป็นบ้าเลย"หลินเซียงหัวเราะในลำคอแผ่วเบา สายตาจ้องไปยังใบหน้าของหัวหน้าแผนกทุกคนต่างก็หันไปมองหัวหน้าด้วยสายตาไม่เชื่อ"ทำไมถึงเป็นคุณไปได้?!""ทำไมถึงทำแบบนี้?""โครงการนี้สำคัญกับพวกเรามากนะ ทำไมคนทุจริตดันเป็นคุณ?""..."จากความไม่เชื่อในตอนแรก ก็กลายเป็นความโกรธที่เริ่มระงับไว้ไม่อยู่ ทุกคนต่างกรูเข้าไปล้อมรอบหัวหน้าที่กำลังจะออกไป แล้วเรียกร้องให้เขาอธิบายหัวหน้าไม่คิดว่าความผิดตัวเองจะถูกเปิดโปงขึ้นมาง่าย ๆ แบบนี้ ตอนนี้เขาแก้ตัวอะไรไม่ออกเลย!หลักฐานอยู่ตรงหน้าแล้ว จะให้แก้ตัวอะไรได้อีกด้านนอกร่างสูงของลู่สือเยี่ยนยืนอยู่หน้ากระจก ดวงตาดำขลับลึกลับของเขาจับจ้องไปที่หลินเซียงตลอดเวลา เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของเธอ คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันซ่งจั่วที่อยู่ข้าง ๆ พูดว่า "นึกไม่ถึงเลยนะครับ ว่าเธอจะติดกล้องไว้ตรงโต๊ะทำงาน"ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง แล้วก็หันหลังเตรียมจะเดินจากไปในเวลานั้น ซ่งจั่วก็อุทานด้วยความตกใจขึ้นมาทันที "คุณหนูลู่เป็นลม!"หลินเซียงสะสางปัญหาใหญ่ ๆ ไปได้แล้ว ความตึงเครียดในใจของเธอผ่อนคลายลงทันที ทันทีที่
ลู่สือเยี่ยนนั่งอยู่ด้านหลัง มองดูเธอที่กำลังดื่มน้ำเงียบ ๆ ดวงตาสีดำสนิทฉายแววอ่อนโยนแวบผ่าน แต่ก็หายวับไปในพริบตาหลังจากดื่มน้ำแล้ว หลินเซียงไม่ได้นอนต่อ แต่นั่งพิงหัวเตียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มีหลายคนที่ส่งข้อความมาหา ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนร่วมงานที่ทักมาสอบถามอาการเธอ รวมถึงข้อความจากซ่งซ่งด้วยเธอโทรหาซ่งซ่ง"เซียงเซียงคนสวย งานเสร็จแล้วเหรอจ๊ะ?" ซ่งซ่งรับสายอย่างรวดเร็ว เสียงหวาน ๆ ของเธอดังมาตามาสายหลินเซียง "อืม เสร็จแล้ว เธอเป็นผู้มีพระคุณรายใหญ่เลย อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม?"ซ่งซ่ง "งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ"หลินเซียง "เอาสิ"ซ่งซ่งหัวเราะคิกคัก "ฉันไม่ได้กินอาหารฝีมือเธอตั้งนานแล้ว อยากให้เธอเข้าครัวอีก เธอทำอะไรฉันก็กินได้หมด""ได้เลย"ซ่งซ่งช่วยเธอมากขนาดนี้ ไม่ว่าเธอร้องขออะไรเธอก็ยินดีทำตามซ่งซ่ง "เอ๊ะ ทำไมฉันว่าเสียงเธอแปลก ๆ ไป?"หลินเซียงตอบกลับ "ฉันเป็นหวัดน่ะ ฉัน..."แต่เธอยังพูดไม่ทันจบ โทรศัพท์ของเธอก็ถูกใครบางคนแย่งไป สายถูกตัดไปดื้อ ๆ ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะหย่อนโทรศัพท์ลงในกระเป๋าของตัวเอง"ลู่สือเยี่ยน ทำบ้าอะไรน่ะ?"หลินเซียงจ้องเขาด้วยความโกรธลู่ส