หลินเซียง : [ซ่งซ่ง ช่วยส่งตารางงานของประธานบริษัทเฉิงต๋าให้ฉันหน่อยได้ไหม?]ซ่งซ่ง : [เดี๋ยวจะลองหาดู!]หลินเซียงปิดโทรศัพท์ รอคอยอย่างเงียบ ๆภายในห้องทำงานส่วนตัวของประธานบริษัทซ่งจั่วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ลู่สือเยี่ยนฟัง แล้วถามว่า "ท่านประธานครับ เราควรนัดหมายกับคนของเฉิงต๋าเพื่อเจรจาความร่วมมือใหม่ดีไหม?"ลู่สือเยี่ยน "ไม่ต้อง"ซ่งจั่วตกใจ "แต่เรื่องนี้ถ้าจัดการไม่ดี คุณหนูลู่อาจจะตกงานได้เลยนะครับ"เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเหตุที่เกิดขึ้นในระหว่างที่เธอรับผิดชอบโปรเจกต์ ถ้าเธอจัดการไม่ดี และยังหาตัวผู้ที่ปล่อยข้อมูลรั่วไหลไม่ได้ คนที่ต้องรับผิดชอบก็คงหนีไม่พ้นเธอการถูกไล่ออกก็ยังถือเป็นโทษสถานเบา แต่ถ้าข่าวที่เธอปล่อยความลับของบริษัทออกสู่ภายนอกแพร่สะพัดออกไป เธอก็คงจะทำงานในวงการนี้ไม่ได้อีกต่อไปลู่สือเยี่ยนมองเอกสารบนโต๊ะ สีหน้าสงบเย็นชา "เธอจัดการได้แน่"น้ำเสียงของเขาหนักแน่น ราวกับรู้จักเธอเป็นอย่างดีเขาก็รู้จักเธอเป็นอย่างดีจริง ๆ นั่นแหละด้วยนิสัยของเธอ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะยอมรับในความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อซ่งจั่วมองเขา อารมณ์ซับซ้อน กำลังจะหย่ากันอย
ฉินโหย่วหานมองเธอด้วยความประหลาดใจ วันนั้นที่บาร์ เธอเหมือนไม่ใช่คนเดียวกันนี้เลย ตอนนั้นเธอเมาจนแทบจะควบคุมสติไม่ได้ เหมือนคนบ้า"ไม่เป็นไร"ฉินโหย่วหานตอบกลับ พลางมองเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วพูดต่อ "ครั้งนี้คุณก็ไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินอีกใช่หรือเปล่า?"หลินเซียงยิ่งรู้สึกอึดอัดเข้าไปใหญ่ "ครั้งนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณถอดเสื้อตัวนอกออกก็ได้ ไว้ฉันจะเอากลับไปซักให้"ฉินโหย่วหานอดหัวเราะไม่ได้ "ให้ถอดตรงนี้เลยเหรอ"หลินเซียงขมวดคิ้ว "ฉันหลินเซียง มาจากบริษัทดีเคกรุ๊ปสาขาเมืองอวิ๋ คุณสามารถส่งเสื้อผ้ามาที่บริษัทของฉันได้ เดี๋ยวฉันซักเสร็จแล้วจะส่งคืนให้ค่ะ"การขีดเส้นแบ่งขอบเขตและรักษาระยะห่างชัดเจนมากหลินเซียง...ฉินโหย่วหานท่องชื่อของเธอเงียบ ๆ แล้วตอบกลับ “โอเค ผมจำได้แล้ว"พูดจบก็หันหลังตั้งท่าจะเดินจากไปหลินเซียงถอนหายใจโล่งอก ยังดีที่ผู้ชายคนนี้ไม่เอาเรื่อง เธอไม่อยากมีปัญหากวนใจเพิ่มอีกชั้นสอง จากราวบันไดเซี่ยหว่านมองลงไปด้านล่าง ดวงตาของเธอวูบไหวฉายแววแปลกใจ หลินเซียงมาที่นี่ได้ยังไงเธอเข้ามาในงานได้ยังไงเถอะดูจากการที่ไม่มีคนอื่นอยู่เคียงข้าง
เมื่อเห็นว่าหลินเซียงยังไม่แสดงบัตรเชิญเสียที พนักงานเสิร์ฟก็ตั้งท่าจะพาเธอออกไป แต่ในเวลานี้ มีคนเดินเข้ามาแล้วดึงหลินเซียงไปอยู่ข้างหลังเขาโดยตรง"คุณชายใหญ่"เมื่อเห็นผู้มาใหม่ พนักงานเสิร์ฟก็แสดงความเคารพทันทีฉินโหย่วหานมองพวกเขาอย่างเย็นชา "พวกนายจะทำอะไรคู่ควงของฉัน"เมื่อได้ยินดังนั้น พนักงานเสิร์ฟก็ตกใจมาก "ขอโทษด้วยครับ คุณชายใหญ่ ผมไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงคนนี้เป็นคู่ควงของคุณ"น้ำเสียงของฉินโหย่วหานเย็นลงทันที "ออกไป อย่าให้ฉันเห็นพวกนายบนเรือสำราญลำนี้อีก!"พนักงานเสิร์ฟสองคนรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว อดด่าทอในใจไม่ได้ว่าใครกันที่แจ้งพวกเขาว่ามีคนแอบเข้ามาในงานโดยไม่มีบัตรเชิญทำให้พวกเขาโดนดุฟรี ๆ!คนคนนั้นน่ารังเกียจจริงๆ!ฉินโหย่วหานหันกลับมา เห็นหลินเซียงทำหน้าตกตะลึงก็ยิ้มมุมปาก "บังเอิญจัง เราเจอกันอีกแล้ว"หลินเซียง "..."เรือสำราญลำใหญ่ขนาดนี้ อยู่ดี ๆ วนมาเจอกันอีกก็น่าแปลกจริง ๆ นั่นแหละแต่เขาเพิ่งช่วยเธอไว้ จึงคลี่ยิ้มตอบเล็กน้อย "ขอบคุณค่ะ"ใบหน้าหล่อเหลาของฉินโหย่วหานปรากฏรอยยิ้มเยาะหยัน รอยยิ้มนั้นซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ "แค่ขอบคุณด้วยวาจาเหรอ เมื่อกี้ถ้า
ดวงตาสีน้ำหมึกของลู่สือเยี่ยนจ้องมองตามแผ่นหลังของพวกเขาอย่างเฉียบขาด ความเย็นยะเยือกแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายจนคนอื่นไม่กล้าเข้าใกล้"สือเยี่ยน"เซี่ยหว่านเดินเข้ามาพร้อมกับใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล "ไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?"จากนั้นก็ขมวดคิ้ว "คุณหลิน เธอหมายความว่ายังไง? เธอยังเป็นภรรยาของคุณอยู่นะ ถึงคุณทั้งสองกำลังจะไปหย่ากันในเร็ว ๆ นี้ แต่เธอไม่ให้เกียรติคุณเลย อยู่ ๆ ก็ไปควงฉินโหย่วหาน นี่มันเกินไปแล้ว"ลู่สือเยี่ยนละสายตาอย่างเย็นชา พูดอย่างเฉยเมย "ผมยังมีธุระ ขอตัวก่อน"พูดจบก็ไม่สนใจสีหน้าของเซี่ยหว่าน เดินจากไปในทิศทางหนึ่งสีหน้าของเซี่ยหว่านแข็งค้างรู้สึกถึงความวิกฤตบางอย่างสถานะของหลินเซียงในใจของลู่สือเยี่ยนต้องไม่ธรรมดาแน่นอน!เป็นไปได้ยังไงกัน?เธอเพียรพยายามมาจนถึงทุกวันนี้ ยอมแม้กระทั่งเสียขาไปหนึ่งข้าง เธอจะไม่มีวันยอมให้ใครมาแย่งเขาไปง่าย ๆ แน่!...อีกด้านหนึ่ง หลินเซียงหันไปหาฉินโหย่วหาน "คุณฉิน ไว้ฉันขอเลี้ยงข้าวคุณสักวันแล้วกันนะคะ แต่ตอนนี้ฉันยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำ ขอตัวก่อน"ฉินโหย่วหานบอกว่า "คุณไม่มีเบอร์โทรศัพท์ผม แล้วจะนัดเลี้ยงข้าวผมยังไง? หรื
หลินเซียงไม่สนใจที่จะคิดว่าลู่สือเยี่ยนมาหาตัวเองตั้งแต่ตอนไหน รีบวิ่งไปหาหานเฉิงต๋า"คุณหาน ขอโทษนะคะ ขอเวลาให้ฉันสักนาทีเดียว หลังจากนั้นคุณค่อยตัดสินใจว่าจะฟังฉันพูดต่อไหม"หานเฉิงต๋าจ้องมองหญิงสาวที่เข้ามาขวางหน้าเขาอีกครั้ง แอบรู้สึกคุ้นหน้าเล็กน้อย เมื่อมองเห็นว่าใบหน้าของเธอซีดเซียวแค่ไหน ในที่สุดเขาก็ไม่เดินเลี่ยงออกไป"ได้ หนึ่งนาทีนะ"อย่างไรก็ตาม เขาไม่มีความเมตตาเหลือเฟือ บอกว่าหนึ่งนาทีก็คือหนึ่งนาที เขายกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาจับเวลาหลินเซียงสูดหายใจเข้าลึก ๆ จากนั้นก็เริ่มอธิบายมุมมองและแนวคิดของเธอออกมาเวลาค่อย ๆ ผ่านไป...ไม่รู้ว่าตั้งแต่วินาทีที่เท่าไหร่ หานเฉิงต๋าก็ไม่สนใจนาฬิกาข้อมือแล้ว แต่กลับมองหลินเซียงด้วยสีหน้าสนอกสนใจจนกระทั่งเธอหยุดพูดแล้วยิ้มด้วยความรู้สึกผิด "ขอโทษด้วยนะคะ ฉันตื่นเต้นไปหน่อย พูดเกินเวลาไปเยอะเลย..."ผ่านไปสิบนาที เธอพูดเฉพาะส่วนที่สำคัญและน่าสนใจที่สุดของโครงการเท่านั้น เพราะหากจะต้องอธิบายแผนงานและแนวคิดของแบบแปลนทั้งหมด คงต้องใช้เวลาตลอดทั้งช่วงเช้าหานเฉิงต๋าพยักหน้าด้วยความชื่นชม "แนวคิดดีจริง ๆ"หลินเซียงโค้งคำนับเขา "ขอบคุณ
ทุกคนต่างก็หันไปมองเมื่อเห็นหลินเซียงเดินเข้ามา ใบหน้าซีดเซียว แต่ดวงตากลับเย็นชาเหลือเกิน เธอกวาดตามองทุกคนที่อยู่ในห้อง "ก่อนหน้านี้จะด่าฉันลับหลังก็ช่าง ถือซะว่าฉันไม่ได้ยิน แต่พอมาได้ยินเต็มสองหูแบบนี้ ฉันว่าคุณควรขอโทษฉันสักหน่อยหรือเปล่า?"เธอจ้องมองคนที่เพิ่งรวมหัวกันด่าเธอสองสามคนอย่างแข็งกร้าวสายตาของคนเหล่านั้นเริ่มเลิ่กลั่ก ชายคนหนึ่งลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า "ทำไมต้องขอโทษด้วย? ข้อมูลโครงการที่คุณรับผิดชอบรั่วไหล ไม่มีใครแตะต้องโต๊ะทำงานของคุณเลยสักคน จะไม่ให้พวกเราสงสัยว่าคุณเป็นคนทำเลยรึ!"หลินเซียงมองเขาด้วยสายตาเย็นชา "เห็นไหม? คุณก็พูดเองว่าเป็นแค่การสงสัย ไม่ได้มีหลักฐานที่ชัดเจนซะหน่อยนี่?"ชายคนนั้นพูดไม่ออก สีหน้ากระอักกระอ่วนไปหมดหลินเซียงมองพวกเขา "ไม่ขอโทษเหรอ หน้าด้านใช้ได้เลยนะ"เมื่อพูดออกมาแบบนั้น คนเหล่านั้นทำท่าโกรธขึ้นมาทันที"หลินเซียง คุณเป็นคนผิดแท้ ๆ ทำไมพวกเราต้องขอโทษ?""ใช่ พวกเราไม่ได้ทำอะไรผิดเลย""ในเมื่อคุณบอกว่าคุณไม่ได้ทำ แล้วคุณหายหัวไปไหนไม่ยอมแก้ปัญหา?""...""ปัง!"หลินเซียงวางแฟ้มเอกสารในมือลงบนโต๊ะทันที "นี่ไง ฉันไปเจรจากับเฉิง
"ว้าว เกินคาดเป็นบ้าเลย"หลินเซียงหัวเราะในลำคอแผ่วเบา สายตาจ้องไปยังใบหน้าของหัวหน้าแผนกทุกคนต่างก็หันไปมองหัวหน้าด้วยสายตาไม่เชื่อ"ทำไมถึงเป็นคุณไปได้?!""ทำไมถึงทำแบบนี้?""โครงการนี้สำคัญกับพวกเรามากนะ ทำไมคนทุจริตดันเป็นคุณ?""..."จากความไม่เชื่อในตอนแรก ก็กลายเป็นความโกรธที่เริ่มระงับไว้ไม่อยู่ ทุกคนต่างกรูเข้าไปล้อมรอบหัวหน้าที่กำลังจะออกไป แล้วเรียกร้องให้เขาอธิบายหัวหน้าไม่คิดว่าความผิดตัวเองจะถูกเปิดโปงขึ้นมาง่าย ๆ แบบนี้ ตอนนี้เขาแก้ตัวอะไรไม่ออกเลย!หลักฐานอยู่ตรงหน้าแล้ว จะให้แก้ตัวอะไรได้อีกด้านนอกร่างสูงของลู่สือเยี่ยนยืนอยู่หน้ากระจก ดวงตาดำขลับลึกลับของเขาจับจ้องไปที่หลินเซียงตลอดเวลา เมื่อเห็นใบหน้าซีดเซียวของเธอ คิ้วของเขาก็ขมวดเข้าหากันซ่งจั่วที่อยู่ข้าง ๆ พูดว่า "นึกไม่ถึงเลยนะครับ ว่าเธอจะติดกล้องไว้ตรงโต๊ะทำงาน"ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนเม้มเข้าหากันเป็นเส้นตรง แล้วก็หันหลังเตรียมจะเดินจากไปในเวลานั้น ซ่งจั่วก็อุทานด้วยความตกใจขึ้นมาทันที "คุณหนูลู่เป็นลม!"หลินเซียงสะสางปัญหาใหญ่ ๆ ไปได้แล้ว ความตึงเครียดในใจของเธอผ่อนคลายลงทันที ทันทีที่
ลู่สือเยี่ยนนั่งอยู่ด้านหลัง มองดูเธอที่กำลังดื่มน้ำเงียบ ๆ ดวงตาสีดำสนิทฉายแววอ่อนโยนแวบผ่าน แต่ก็หายวับไปในพริบตาหลังจากดื่มน้ำแล้ว หลินเซียงไม่ได้นอนต่อ แต่นั่งพิงหัวเตียง หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู มีหลายคนที่ส่งข้อความมาหา ส่วนใหญ่เป็นเพื่อนร่วมงานที่ทักมาสอบถามอาการเธอ รวมถึงข้อความจากซ่งซ่งด้วยเธอโทรหาซ่งซ่ง"เซียงเซียงคนสวย งานเสร็จแล้วเหรอจ๊ะ?" ซ่งซ่งรับสายอย่างรวดเร็ว เสียงหวาน ๆ ของเธอดังมาตามาสายหลินเซียง "อืม เสร็จแล้ว เธอเป็นผู้มีพระคุณรายใหญ่เลย อยากกินอะไรเป็นพิเศษไหม?"ซ่งซ่ง "งั้นฉันไม่เกรงใจแล้วนะ"หลินเซียง "เอาสิ"ซ่งซ่งหัวเราะคิกคัก "ฉันไม่ได้กินอาหารฝีมือเธอตั้งนานแล้ว อยากให้เธอเข้าครัวอีก เธอทำอะไรฉันก็กินได้หมด""ได้เลย"ซ่งซ่งช่วยเธอมากขนาดนี้ ไม่ว่าเธอร้องขออะไรเธอก็ยินดีทำตามซ่งซ่ง "เอ๊ะ ทำไมฉันว่าเสียงเธอแปลก ๆ ไป?"หลินเซียงตอบกลับ "ฉันเป็นหวัดน่ะ ฉัน..."แต่เธอยังพูดไม่ทันจบ โทรศัพท์ของเธอก็ถูกใครบางคนแย่งไป สายถูกตัดไปดื้อ ๆ ก่อนที่ผู้ชายคนนั้นจะหย่อนโทรศัพท์ลงในกระเป๋าของตัวเอง"ลู่สือเยี่ยน ทำบ้าอะไรน่ะ?"หลินเซียงจ้องเขาด้วยความโกรธลู่ส
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้
หลินเซียงมองคุณย่าลู่ด้วยความประหลาดใจไม่เคยคิดมาก่อนว่าคุณย่าที่เคยใจดีกับเธอ ในระดับที่เรียกว่าเอาใจใส่ กลับคิดร้ายกับเธอแบบนี้ แล้วยังมองเธอด้วยสายตาเย็นชาหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดในใจที่แท้ไม่ใช่แค่ตอนที่ลู่สือเยี่ยนทำร้ายเธอเท่านั้นถึงจะรู้สึกเจ็บปวดการถูกคนที่เคยสนิทสนมทำร้าย ใจก็เจ็บปวดเช่นกันเธอเม้มริมฝีปาก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาลู่สือเยี่ยน“ฮัลโหล?”ไม่นานปลายสายก็รับ ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มดังขึ้นหลินเซียงบอกว่า “คุณย่ามีเรื่องจะพูดกับพวกเรา ตอนนี้คุณช่วยมาโรงพยาบาลหน่อย”ลู่สือเยี่ยนถามว่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอ?”หลินเซียง “มาถึงเดี๋ยวก็รู้เอง”พูดจบก็วางสายไปเรื่องหย่าควรจะพูดต่อหน้าทั้งสองคนจะดีกว่าบอกกับเธอแค่คนเดียวมีประโยชน์อะไร?เธออยากหย่า แต่ลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ไม่เชื่อเธอทำผิดอะไร?ถึงได้ถูกปฏิบัติแบบนี้?หลินเซียงนั่งลงบนโซฟา ก้มหน้าลง ไม่มองคุณย่าลู่อีกนิสัยของเธอค่อนข้างแปลกถ้าคนคนนั้นทำร้ายเธอ ก็ยากที่จะเข้าไปอยู่ในใจเธอได้อีกคุณย่าลู่ไม่ค่อยชอบท่าทางของหลินเซียง จึงจับมือเซี่ยหว่านแล้วคุยต่อ เพราะชอบท่าทางอ่อนโยนขอ
หลังจากออกจากโรงพยาบาล ลู่สือเยี่ยนมองเธอ “อย่าคิดมาก คุณย่าแค่ลืมความทรงจำไปสองปีเท่านั้นเอง”หลินเซียงมองเขา แล้วถามว่า “แล้วถ้าคุณย่ายืนกรานจะให้คุณแต่งงานกับเซี่ยหว่านล่ะ?”ลู่สือเยี่ยนมองเธออย่างลึกซึ้ง “หลินเซียง เธอควรเลิกคิดเรื่องนี้นะ เพราะผมไม่หย่ากับคุณแน่”หลินเซียงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ แล้วพูดว่า “จริง ๆ แล้ว เราหย่ากันก็ไม่เลวนะ ฉัน…”“หยุด!”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยความหงุดหงิด “ฟังที่ผมพูดไม่รู้เรื่องเหรอ? ถ้าพูดถึงเรื่องหย่าอีก ผมจับคุณขังไว้แน่!”ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยความโกรธ รอบตัวเต็มไปด้วยออร่าเย็นชาหลินเซียงหยุดชะงัก ไม่พูดต่อเพราะเขาทำได้จริงเมื่อหันหลังเดินไป ใบหน้าเล็ก ๆ นั้นเย็นชายิ่งกว่าเก่าลู่สือเยี่ยนมองตามหลังเธอไป ริมฝีปากบางเม้มเป็นเส้นตรงเขาเปิดประตูแล้วก้าวขึ้นรถ สีหน้ามืดครึ้มอย่างที่สุดในขณะนั้น เสียงเรียกเข้าโทรศัพท์เขาดังขึ้น เขาหยิบขึ้นมาดู เป็นสายจากซืออวี่“พูดมา!”ซืออวี่ตกใจกับน้ำเสียงเย็นชาของเขา ก่อนจะกลืนน้ำลายอึกใหญ่ “พี่ใหญ่ ฉันสืบได้เรื่องบ้างแล้ว แต่คนคนนั้นฉลาดเป็นกรด ปกปิดตัวตนได้ดีมาก รู้แค่ว่าเป็นผู้ชาย”ลู่สือเยี
วันรุ่งขึ้น ทั้งสองคนไปที่โรงพยาบาลคุณย่าลู่ทานอาหารเช้าเสร็จแล้ว อวิ๋นหลานนั่งคุยกับเธออยู่“คุณย่าครับ”ลู่สือเยี่ยนเดินเข้าไปเรียกด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนคุณย่าลู่เห็นเขา ใบหน้าที่แก่ชราพลันมีรอยยิ้ม“สือเยี่ยน เธอมาแล้ว” คุณย่าลู่จับมือเขาไว้ มองใบหน้าหล่อเหลาของเขาแล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “สือเยี่ยน ทำไมดูเปลี่ยนไปจังเลย? ดูเหมือนจะโตขึ้นมากเลยนะ”ริมฝีปากบางของลู่สือเยี่ยนโค้งเป็นรอยยิ้ม “โตขึ้นแล้วไม่ดีเหรอครับ?”คุณย่าลู่พยักหน้า “ดี แน่นอนว่าดี แต่ฉันยังชอบเธอตอนเด็ก ๆ ที่ไร้เดียงสามากกว่า เอาแต่วิ่งตามหลังพี่ชายตลอดเวลา แล้วยังทำหน้าบึ้งใส่เขา มีแต่พี่ชายที่ตามใจ ถ้าเป็นคนอื่นคงตีเธอไปแล้ว”รอยยิ้มที่มุมปากของลู่สือเยี่ยนแข็งทื่อไปชั่วขณะคุณย่าลู่สังเกตเห็นหลินเซียงในตอนนี้ จึงถามว่า “แล้วเธอล่ะ มายังไง?”ลู่สือเยี่ยนบอกว่า “ย่าครับ เธอเป็นภรรยาผม หลินเซียง”หลินเซียงมองคุณย่าลู่ “คุณย่า”คิ้วของคุณย่าลู่ขมวดเข้าหากันทันที เธอปล่อยมือลู่สือเยี่ยน “ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่านไม่ใช่เหรอ? ฉันเห็นว่าเด็กคนนั้นก็ใช้ได้นะ ทำไมถึงแต่งงานกับคนอื่นล่ะ?”ท่าทีนั้
ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนแสดงออกถึงความซับซ้อนเล็กน้อย เขาพูดอย่างสงบว่า “เรื่องนี้ยังบอกไม่ได้ ต้องรอผลตรวจของแพทย์”หลินเซียงพยักหน้า ตอนนี้คงทำได้แค่นี้ลู่เจิ้งหรงมองหลินเซียงด้วยสายตาไม่เป็นมิตร แล้วพูดกับลู่สือเยี่ยนว่า “อาการของย่าแกดูเหมือนจะดีขึ้น ความคิดของผู้ใหญ่ แกคงรู้ดี น่าจะอยากเห็นแกแต่งงานกับหว่านหว่าน ตอนนั้นแกเป็นคนพาหว่านหว่านไปหาท่านเอง ตอนนี้ถ้าท่านขอร้อง แกก็ปฏิเสธไม่ได้”อวิ๋นหลานกล่าวว่า “เจิ้งหรง แต่สือเยี่ยนกับหลินเซียงรักกันดี ทำแบบนี้ไม่ค่อยดีหรอกมั้ง?”“เหอะ!” ลู่เจิ้งหรงหัวเราะเยาะ “รักกันดี? หลินเซียงไม่ใช่เหรอที่อยากหย่ามาตลอด? ใช้โอกาสนี้หย่ากันไปซะสิ ไม่ต้องมีใครขัดขวางใคร!”อวิ๋นหลานมองหลินเซียงด้วยความกังวล กลัวว่าเธอจะเสียใจแต่หลินเซียงเหมือนไม่ได้ยิน ยืนอยู่มุมห้อง ก้มหน้าลง ปากสวยเม้มเป็นเส้นตรงลู่สือเยี่ยนไม่ได้สนใจคำพูดของลู่เจิ้งหรงเลยเขาตามหาลู่จิ้นหนานจนแทบคลั่ง ยังมีเวลาสนใจเรื่องของเขากับหลินเซียงอีกเหรอ?ดูเหมือนว่าเขาควรหาอะไรให้อีกฝ่ายทำบ้าง!ประมาณสองชั่วโมงผ่านไปผลการตรวจของคุณย่าลู่ออกมาแล้วแพทย์ถือรายงานผลการตรวจแล้วพูด
เสียงของคุณย่าลู่ดังขึ้น ทุกคนในห้องนั่งเล่นต่างก็ตกตะลึง!สีหน้าของลู่สือเยี่ยนตึงเครียดขึ้น เขาคุกเข่าครึ่งตัวอยู่ข้างหน้าคุณย่าลู่แล้วถามว่า “คุณย่าครับ ตอนนี้คุณย่าจำอะไรได้แล้วเหรอครับ?”คุณย่าลู่เอามือลูบหัวเขา “ย่าต้องจำได้อยู่แล้วสิ ย่ายังไม่แก่จนความจำเลอะเลือนซะหน่อย ก่อนหน้านี้เธอบอกว่าจะแต่งงานกับหว่านหว่าน แล้วทำไมวันนี้ถึงไม่พาเธอมาด้วย?”ลู่สือเยี่ยนรู้สึกถึงความผิดปกติอย่างรวดเร็ว เขาชี้ไปที่หลินเซียงแล้วถามว่า “แล้วคุณย่าจำเธอได้ไหมครับ?”คุณย่าลู่มองตามนิ้วมือของเขาไป แล้วส่ายหัว “ไม่รู้จัก เธอเป็นใคร? คนใช้ใหม่ของบ้านเราเหรอ?”หลินเซียงได้ยินคำพูดของเธอ เหมือนกับถูกตบหน้าอย่างแรง ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณย่าลู่ความจำเสื่อม เธอมักจะคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนใช้ของบ้านตระกูลลู่ และยังดีกับหลินเซียงเป็นพิเศษแต่ตอนนี้กลับกัน!ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืนแล้วพูดว่า “ผมจะพาคุณย่าไปโรงพยาบาลครับ”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว ใบหน้าที่แก่ชราเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ “ไปโรงพยาบาลทำไม? ย่ารู้สึกว่าย่าสบายดีนะ”ลู่สือเยี่ยน “ตรวจร่างกายคุณย่านิดหน่อย เชื่อผมเถอะครับ”คุณย่าลู่ก็ยังไม่ค่อยเต็มใจ
หลังจากที่ลู่สือเยี่ยนพูดจบ เขาก็ไม่ได้วางสาย ได้ยินเสียงเขาเปิดประตูรถลงจากรถ ตามมาด้วยเสียงฝีเท้าที่เร่งรีบหลินเซียงกำโทรศัพท์แน่น ยื่นมือไปกดปุ่มปิดประตูอีกครั้งครั้งนี้ประตูลิฟต์ปิดลง หัวใจที่สั่นไหวก็ค่อยผ่อนคลายลงอย่างเฉียบพลัน"ประตูลิฟต์ปิดแล้ว" หลินเซียงพูด ตอนนี้เธอเพิ่งรู้ว่าขาของตัวเองอ่อนแรงแค่ไหน!ลู่สือเยี่ยนพูดว่า "อย่าออกจากลิฟต์ก่อนถึงชั้นหนึ่งนะ""อืม"หลินเซียงตอบ ยังไม่วางสายโชคดีที่ลิฟต์มาถึงชั้นหนึ่งอย่างรวดเร็ว ตอนนี้ไม่มีใครทำงานล่วงเวลาในตึกแล้วเมื่อประตูลิฟต์เปิดออก หลินเซียงก็เห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ที่ประตู เธอวิ่งออกไปทันที!ลู่สือเยี่ยนกอดเธอไว้พลางปลอบเบา ๆ "ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมจะตรวจสอบให้ชัดเจน"ด้วยกลิ่นอายที่สดชื่นของเขา หลินเซียงจึงผ่อนคลายลง ตามมาด้วยความหวาดกลัวอย่างรุนแรง!จมูกของเธอรู้สึกแสบร้อน น้ำตาเกือบไหล แต่เธอก็อดทนไว้!ลู่สือเยี่ยนประกองกอดเธอแล้วออกจากอาคารพอก้าวขึ้นรถ ความอบอุ่นจากเครื่องทำความร้อนทำให้ร่างกายที่เย็นเยือกเริ่มอุ่นขึ้นลู่สือเยี่ยนจับมือเธอ ถามว่า "คุณเห็นใครหรือเปล่า?"หลินเซียงส่ายหัว "ไม่มีนะ"แล้วถา
หลินเซียงรู้สึกใจสั่นระรัวเสียงน้ำไหลในห้องน้ำดังขึ้น หลินเซียงจึงโล่งใจเล็กน้อยเธอค่อย ๆ ผ่อนคลายและกอดตัวเองขณะกำลังจะหลับ เตียงข้าง ๆ ก็ยุบลงไป ร่างกายของลู่สือเยี่ยนที่ยังเปียกชื้นจากน้ำ เข้ามากอดเธอแน่น หลินเซียงไม่ขยับหรือดิ้นรน ลู่สือเยี่ยนจูบที่ไหล่เธอเบา ๆ "ราตรีสวัสดิ์ ที่รัก"ขนตาของหลินเซียงกระตุกเล็กน้อย แต่เธอก็ยังไม่ตอบสนองอะไร…วันรุ่งขึ้น หลินเซียงไปทำงานก็พบว่าสวี่ซิงเย่มาถึงแล้ว เขาสวมเสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาด ดูสดใสและมีเสน่ห์ เป็นหนุ่มน้อยที่สดใสสวี่ซินหรานกำลังคุยกับเขาอยู่และสวี่ซิงเย่ก็ตอบด้วยรอยยิ้มเมื่อเห็นเธอมาถึง สวี่ซิงเย่รีบลุกขึ้นยืนและเดินมาหาเธอ "คุณหลิน อรุณสวัสดิ์ครับ!"หลินเซียงยิ้มบาง "ตอนนี้เราเป็นเพื่อนร่วมงานกันแล้ว นายเรียกฉันว่าหลินเซียงก็ได้"สวี่ซิงเย่เกาจมูกด้วยความเขินอายเล็กน้อย "หลินเซียง""อืม อรุณสวัสดิ์ค่ะ" หลินเซียงพยักหน้าเล็กน้อยสวี่ซินหรานนั่งอยู่ที่โต๊ะทำงาน พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย "ถ้าไม่รู้ว่าเธอแต่งงานแล้ว ฉันนึกว่าพวกเธอเป็นแฟนกันซะอีก"เมื่อได้ยินแบบนั้น สวี่ซิงเย่ขมวดคิ้ว พูดว่า "อย่าพูดอย่างนั้นเลยครับ ผมกั
“ลู่สือเยี่ยน คุณเป็นอะไรมากไหม?”หลินเซียงรู้สึกงงกับเขา!เธอไม่ได้ทำอะไรเลย แต่เขากลับจะยัดเยียดให้เธอไปเปิดห้องกับผู้ชายคนอื่น?เขาเป็นบ้าหรือเปล่า?ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างเงียบ ๆ แล้วพูดว่า “หลินเซียง ห้ามรับของจากผู้ชายคนอื่น และห้ามชอบผู้ชายคนอื่นด้วย ถ้าผมรู้ คุณอาจไม่ตาย แต่ผู้ชายคนนั้นต้องตายแน่!”เขาเตือนอย่างจริงจังด้วยความเคร่งขรึม ดวงตาของเขาแสดงความต้องการครอบครองเธออย่างไม่มีปิดบังหลินเซียงกัดริมฝีปาก มองเขาด้วยสายตาซับซ้อนถ้าเป็นก่อนหน้านี้ เขาแสดงออกแบบนี้เธอคงดีใจมาก!แต่หลังจากผ่านเรื่องราวต่าง ๆ มาแล้ว เมื่อได้ยินเขาพูดแบบนี้ เธอกลับไม่รู้สึกอะไร!เธอเงยหน้าขึ้นเล็กน้อย “ตอนนี้ฉันไปอาบน้ำได้แล้วใช่ไหม? ทำงานมาทั้งวัน เหนื่อยมากจริง ๆ”ลู่สือเยี่ยนมองเธออีกสักพัก แล้วปล่อยเธอไปหลินเซียงเดินไปที่ห้องน้ำลู่สือเยี่ยนเรียกคนใช้มาเก็บเค้กเมื่อหลินเซียงออกมา เธอก็เห็นเขานั่งอยู่บนโซฟา บนโต๊ะมีขี้ผึ้งวางอยู่“ทายา”เมื่อเห็นเธอหันมามอง เขาพูดเสียงต่ำหลินเซียงกัดริมฝีปาก แล้วพูดว่า “ฉันทาเองได้”พูดจบ เธอก็เดินไปหยิบขี้ผึ้งแต่ลู่สือเยี่ยนมือไวกว่