ลู่สือเยี่ยนกอดเอวหลินเซียง มองดูใบหน้าของเธอที่แดงก่ำจากความเมา ขมวดคิ้ว "เซียงเซียง ผมจะพาคุณกลับบ้าน""คุณเป็นใคร?"วิสัยทัศน์ของหลินเซียงพร่ามัว รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังถูกกอด เริ่มดิ้นรนโดยสัญชาตญาณทันทีลู่สือเยี่ยนตอบกลับด้วยความอดทน "ผมอาเยี่ยน"เมื่อหลินเซียงได้ยินสิ่งที่เขาพูด เห็นได้ชัดว่าตกตะลึงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็พยายามดิ้นรนยิ่งกว่าเดิม "ไร้สาระ อย่ามาแตะต้องตัวฉัน ออกไป!"ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนขรึมลงทันทีเส้นโค้งเจ้าเล่ห์หยักลึกอยู่ที่มุมปากของฉินโหย่วหาน "พี่ใหญ่ ไม่ได้ยินที่เธอพูดเหรอ? เธอไม่อยากให้คุณแตะต้องตัวเธอ"ลู่สือเยี่ยนเหลือบมองเขาอย่างเย็นชา "คนนอกอย่างคุณไม่ต้องสอดรู้มายุ่งเรื่องผัวเมีย"ฉินโหย่วหานแค่นยิ้ม ผัวเมีย?แต่เมื่อเขาเห็นหลินเซียงเอาแต่ดิ้นรนให้หลุดพ้นอยู่ตลอดเวลา ความรู้สึกโกรธอย่างอธิบายไม่ได้ก็ยิ่งเพิ่มขึ้น "แต่สำหรับผมแล้วดูไม่เหมือนเลยว่ะ ไหนล่ะ โชว์ทะเบียนสมรสของคุณเพื่อพิสูจน์ว่าพวกคุณเป็นผัวเมียกันจริง ๆ หน่อยซิ ไม่งั้น ผมคงปล่อยให้เธอกลับไปกับคุณไม่ได้”ใบหน้าของลู่สือเยี่ยนเคร่งขรึม ดวงตาเต็มไปด้วยแสงอันมืดมน หยิบสมุดทะเบียนสมรส
“คุณชายครับ ซุปแก้เมาได้แล้ว”เวลานี้เสียงคนรับใช้ก็ดังขึ้น"เอาเข้ามาเลย"ลู่สือเยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงทุ้มคนรับใช้วางซุปแก้เมาค้างไว้บนโต๊ะข้างเตียง ก้มศีรษะลงแล้วเดินออกจากห้องไปปิดประตูลู่สือเยี่ยนจับตัวหลินเซียงไว้โดยตรงแล้วพูดว่า "หลินเซียง ดื่มซุปแก้เมาค้างหน่อย แล้วจะรู้สึกดีขึ้น"หลินเซียงยังคงดิ้นรนต่อไป “ไม่ ไม่เอา ปล่อยฉันไปเถอะ ฉันอยากกลับบ้าน”ลู่สือเยี่ยนบอกว่า "ผมจะพาคุณกลับบ้านก็ต่อเมื่อคุณดื่มหมดแล้ว"หลินเซียงคอเอียง ล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่ม ๆ "ฉันไม่กลับบ้าน ฉันอยากอยู่ในบ้านพื้นที่สามร้อยตารางเมตร!"ลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้วเพราะเริ่มปวดหัวกับการรับมือ "นี่ไง นับจากนี้ไป คุณจะได้อยู่ที่นี่"หลินเซียง “คุณเป็นใครอ่ะ?”“ดูให้ดีสิว่าผมเป็นใคร”ลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธอพร้อมกับบีบคางให้เชยขึ้นหลินเซียงหยุดดิ้นรนและมองดูอย่างจริงจัง หลังจากนั้นไม่นานก็พูดว่า "โอ้ หน้าคุ้นจังเลย คุณหน้าเหมือนสามีเก่าขี้โกงของฉันชะมัด"ลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้ว "เรายังไม่ได้หย่ากัน"“เอาน่า เรียกงั้นไปเลย ยังไงเราก็จะหย่ากันเร็ว ๆ นี้แล้ว” หลินเซียงยกไม้ยกมือ “หลังหย่าแล้ว ฉันก็จะมีหนุ่ม
หลินเซียงต้องการลุกขึ้น แต่เขากลับดึงเธอล้มนอนลงตามเดิม"จะทำอะไรน่ะ..."เธอยังพูดไม่ทันจบ จูบอันดุเดือดของชายหนุ่มก็ทาบประทับลงมาหลินเซียงพยายามผลักเขาออก แต่เขากลับจับมือเธอแล้วกดไว้เหนือศีรษะจูบนั้นทวีความหนักหน่วงยิ่งขึ้น เรื่อยไล้ลามลงไปที่ลำคอ กระดูกไหปลาร้า...ลมหายใจของทั้งคู่เริ่มกระเส่ารุนแรงหลินเซียงมองเพดานห้องที่ได้รับตกแต่งอย่างประณีต หางตาเริ่มแดงก่ำ "ลู่สือเยี่ยน ฉันไม่ใช่เครื่องระบายอารมณ์ของคุณนะ ถ้ายังจำได้ว่าฉันเคยช่วยชีวิตคุณไว้ครั้งหนึ่ง ก็ปล่อยฉันไปเถอะ"อย่าทำแบบนี้เลยเธอรู้สึกแย่มากเมื่อตกอยู่ในสภาวะนี้ทั้ง ๆ ที่เขากำลังจะไปรับผิดชอบผู้หญิงคนอื่น แต่ก็ยังมาพัวพันกับเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าทำไมต้องทำแบบนี้ด้วยเขาไม่ได้ขอหย่าเองหรอกเหรองั้นก็ทำมันให้เด็ดขาดไปเลยสิลู่สือเยี่ยนหายใจรดลงบนกระดูกไหปลาร้าของเธอ แล้วออกแรงมากขึ้นอีกหน่อย แต่สุดท้ายเขาก็ปล่อยเธอแล้วเดินลงจากเตียงไปเข้าห้องน้ำหลินเซียงค่อย ๆ ปล่อยมือลงแล้วหลับตา พ่นลมหายใจออกแรง ๆ แต่ภายในใจกลับเต็มไปด้วยความรู้สึกหดหู่เธอหวังเหลือเกินว่าเขาจะพูดว่าไม่หย่าแล้ว เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมนะ
"ไปเถอะ"ลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นบังสายตาเธอหลินเซียงมองเขา “ไปไหน"ลู่สือเยี่ยนมองเธอจากมุมสูง "อยากไปสำนักงานเขตไม่ใช่เหรอ?"หลินเซียงก้มหน้า ไม่พูดอะไร แล้วก็ลุกขึ้นเดินตามเขาออกจากวิลล่าตระกูลลู่เมื่อหันกลับไปมองคฤหาสน์หรูหราอลังการหลังใหญ่โต หลินเซียงอดพูดไม่ได้ว่า "น่าเสียดายจัง ต่อไปคงไม่ได้มาที่นี่อีกแล้ว"เธอชอบที่นี่มากเลยนะ"คุณมาได้ตลอด"ลู่สือเยี่ยนพูดแทรกขึ้นทันทีหลินเซียงมองเขา ตาประสานสบกับนัยน์ตาสีดำสนิทของเขา ก่อนจะหัวเราะแล้วพูดว่า "ไม่มาหรอก เกิดมาเจอคุณกับเซี่ยหว่านกำลังพลอดรักกัน ฉันคงอึดอัดแย่"ลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้ว ท่าทีเปลี่ยนเป็นเย็นยะเยือกเขาไม่มองหน้าเธออีกต่อไป เปิดประตูรถแล้วก้าวขึ้นไปนั่งหลินเซียงขึ้นไปนั่งที่เบาะข้างคนขับ แต่คนขับกลับไม่กล้าสตาร์ทรถเธอมองเขาด้วยหางตาด้วยความสงสัย "เป็นอะไร ไปสิ"หน้าผากคนขับมีเหงื่อซึมออกมา "คุณ… คุณไปนั่งข้างหลังดีกว่าครับ"หลินเซียงหันกลับไปมองลู่สือเยี่ยน เห็นว่าสีหน้าของเขามืดมนยิ่งกว่าเดิม เธอยิ้มขำ "ตอนแรกฉันนั่งข้างหลัง คุณก็บอกให้ฉันย้ายมานั่งข้างคนขับ แต่ตอนนี้ดันไม่ให้ฉันนั่งอีก คุณนี่มันเอาแน่เอ
หลินเซียงวางสาย หันไปมองลู่สือเยี่ยน "ฉันต้องกลับบริษัทด่วน"ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเย็นชา "ไปหย่าก่อน"หลินเซียงหัวใจเต้นไม่เป็นส่ำ รีบอธิบาย "หย่าน่ะจะหย่าเมื่อไหร่ก็ได้ แต่งานฉันไม่สามารถทิ้งได้นะ คุณก็รู้ดีนี่ว่าฉันจำเป็นต้องหาเลี้ยงชีพด้วยงานนี้"ดวงตาคมราวฟีนิกซ์สีเข้มของลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธอ ครู่หนึ่งจึงออกคำสั่ง "กลับบริษัท"คนขับรถหักพวงมาลัยเปลี่ยนทางทันทีเมื่อลงจากรถ หลินเซียงเดินจ้ำอ้าวไปที่ลิฟต์ ลิฟต์ลงมาถึงพอดี เธอจึงเดินเข้าไปโดยไม่สนใจชายที่อยู่ข้างหลัง กดปุ่มปิดประตูทันที แต่เมื่อประตูใกล้จะปิด มือข้างหนึ่งกลับยื่นเข้ามา ประตูลิฟต์รับรู้ถึงสิ่งกีดขวางจึงเปิดออกอัตโนมัติหลินเซียง "..."น่ารำคาญจริง ๆข้าง ๆ ไม่ได้มีลิฟต์อีกตัวหรือไงทำไมต้องขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกันกับเธอด้วยร่างสูงใหญ่ของลู่สือเยี่ยนเดินเข้ามา พื้นที่ภายในลิฟต์แคบลงทันทีหลินเซียงยืนชิดมุม เปิดไฟล์ในโทรศัพท์ไปพลาง ตรวจสอบรายละเอียดทั้งหมดของโปรเจ็กต์อย่างละเอียด เพื่อเตรียมตัวตอบคำถามกับหัวหน้าแผนกโดยไม่ผิดพลาดประตูลิฟต์เปิดออกอย่างรวดเร็ว หลินเซียงเดินออกไปโดยที่ไม่เงยหน้ามองลู่สือเยี่ยนจ้องม
หลินเซียง : [ซ่งซ่ง ช่วยส่งตารางงานของประธานบริษัทเฉิงต๋าให้ฉันหน่อยได้ไหม?]ซ่งซ่ง : [เดี๋ยวจะลองหาดู!]หลินเซียงปิดโทรศัพท์ รอคอยอย่างเงียบ ๆภายในห้องทำงานส่วนตัวของประธานบริษัทซ่งจั่วเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้นให้ลู่สือเยี่ยนฟัง แล้วถามว่า "ท่านประธานครับ เราควรนัดหมายกับคนของเฉิงต๋าเพื่อเจรจาความร่วมมือใหม่ดีไหม?"ลู่สือเยี่ยน "ไม่ต้อง"ซ่งจั่วตกใจ "แต่เรื่องนี้ถ้าจัดการไม่ดี คุณหนูลู่อาจจะตกงานได้เลยนะครับ"เพราะถึงอย่างไรนี่ก็เป็นเหตุที่เกิดขึ้นในระหว่างที่เธอรับผิดชอบโปรเจกต์ ถ้าเธอจัดการไม่ดี และยังหาตัวผู้ที่ปล่อยข้อมูลรั่วไหลไม่ได้ คนที่ต้องรับผิดชอบก็คงหนีไม่พ้นเธอการถูกไล่ออกก็ยังถือเป็นโทษสถานเบา แต่ถ้าข่าวที่เธอปล่อยความลับของบริษัทออกสู่ภายนอกแพร่สะพัดออกไป เธอก็คงจะทำงานในวงการนี้ไม่ได้อีกต่อไปลู่สือเยี่ยนมองเอกสารบนโต๊ะ สีหน้าสงบเย็นชา "เธอจัดการได้แน่"น้ำเสียงของเขาหนักแน่น ราวกับรู้จักเธอเป็นอย่างดีเขาก็รู้จักเธอเป็นอย่างดีจริง ๆ นั่นแหละด้วยนิสัยของเธอ เป็นไปไม่ได้ที่เธอจะยอมรับในความผิดที่ตัวเองไม่ได้ก่อซ่งจั่วมองเขา อารมณ์ซับซ้อน กำลังจะหย่ากันอย
ฉินโหย่วหานมองเธอด้วยความประหลาดใจ วันนั้นที่บาร์ เธอเหมือนไม่ใช่คนเดียวกันนี้เลย ตอนนั้นเธอเมาจนแทบจะควบคุมสติไม่ได้ เหมือนคนบ้า"ไม่เป็นไร"ฉินโหย่วหานตอบกลับ พลางมองเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วพูดต่อ "ครั้งนี้คุณก็ไม่ได้ตั้งใจจะล่วงเกินอีกใช่หรือเปล่า?"หลินเซียงยิ่งรู้สึกอึดอัดเข้าไปใหญ่ "ครั้งนี้ฉันไม่ได้ตั้งใจจริง ๆ ค่ะ ถ้าอย่างนั้นคุณถอดเสื้อตัวนอกออกก็ได้ ไว้ฉันจะเอากลับไปซักให้"ฉินโหย่วหานอดหัวเราะไม่ได้ "ให้ถอดตรงนี้เลยเหรอ"หลินเซียงขมวดคิ้ว "ฉันหลินเซียง มาจากบริษัทดีเคกรุ๊ปสาขาเมืองอวิ๋ คุณสามารถส่งเสื้อผ้ามาที่บริษัทของฉันได้ เดี๋ยวฉันซักเสร็จแล้วจะส่งคืนให้ค่ะ"การขีดเส้นแบ่งขอบเขตและรักษาระยะห่างชัดเจนมากหลินเซียง...ฉินโหย่วหานท่องชื่อของเธอเงียบ ๆ แล้วตอบกลับ “โอเค ผมจำได้แล้ว"พูดจบก็หันหลังตั้งท่าจะเดินจากไปหลินเซียงถอนหายใจโล่งอก ยังดีที่ผู้ชายคนนี้ไม่เอาเรื่อง เธอไม่อยากมีปัญหากวนใจเพิ่มอีกชั้นสอง จากราวบันไดเซี่ยหว่านมองลงไปด้านล่าง ดวงตาของเธอวูบไหวฉายแววแปลกใจ หลินเซียงมาที่นี่ได้ยังไงเธอเข้ามาในงานได้ยังไงเถอะดูจากการที่ไม่มีคนอื่นอยู่เคียงข้าง
เมื่อเห็นว่าหลินเซียงยังไม่แสดงบัตรเชิญเสียที พนักงานเสิร์ฟก็ตั้งท่าจะพาเธอออกไป แต่ในเวลานี้ มีคนเดินเข้ามาแล้วดึงหลินเซียงไปอยู่ข้างหลังเขาโดยตรง"คุณชายใหญ่"เมื่อเห็นผู้มาใหม่ พนักงานเสิร์ฟก็แสดงความเคารพทันทีฉินโหย่วหานมองพวกเขาอย่างเย็นชา "พวกนายจะทำอะไรคู่ควงของฉัน"เมื่อได้ยินดังนั้น พนักงานเสิร์ฟก็ตกใจมาก "ขอโทษด้วยครับ คุณชายใหญ่ ผมไม่รู้ว่าคุณผู้หญิงคนนี้เป็นคู่ควงของคุณ"น้ำเสียงของฉินโหย่วหานเย็นลงทันที "ออกไป อย่าให้ฉันเห็นพวกนายบนเรือสำราญลำนี้อีก!"พนักงานเสิร์ฟสองคนรีบเดินจากไปอย่างรวดเร็ว อดด่าทอในใจไม่ได้ว่าใครกันที่แจ้งพวกเขาว่ามีคนแอบเข้ามาในงานโดยไม่มีบัตรเชิญทำให้พวกเขาโดนดุฟรี ๆ!คนคนนั้นน่ารังเกียจจริงๆ!ฉินโหย่วหานหันกลับมา เห็นหลินเซียงทำหน้าตกตะลึงก็ยิ้มมุมปาก "บังเอิญจัง เราเจอกันอีกแล้ว"หลินเซียง "..."เรือสำราญลำใหญ่ขนาดนี้ อยู่ดี ๆ วนมาเจอกันอีกก็น่าแปลกจริง ๆ นั่นแหละแต่เขาเพิ่งช่วยเธอไว้ จึงคลี่ยิ้มตอบเล็กน้อย "ขอบคุณค่ะ"ใบหน้าหล่อเหลาของฉินโหย่วหานปรากฏรอยยิ้มเยาะหยัน รอยยิ้มนั้นซ่อนความเจ้าเล่ห์ไว้ "แค่ขอบคุณด้วยวาจาเหรอ เมื่อกี้ถ้า
ซ่งซ่งนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ทั้งตื่นเต้นและกังวลใจ เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะออกจากเมืองอวิ๋น ออกไปจากฟู่จิ่นซิ่ว คนที่น่ารังเกียจนั่น เธอก็รู้สึกตื่นเต้นแทบแย่แทบนับเวลาถอยหลัง“ปัง ปัง ปัง!”แต่ในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังสนั่นก็ดังขึ้นซ่งซ่งตกใจ รีบลุกขึ้นมองออกไปข้างนอก เด็กผู้หญิงก็ตกใจตื่นเช่นกัน “ใครน่ะ?”ในใจของซ่งซ่งมีความรู้สึกไม่ดีแวบเข้ามา หรือว่าเขาจะตามทันแล้ว?เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?เธอลุกจากเตียงพูดว่า “ฉันไปดูเอง พวกเธออย่าออกมาล่ะ”เด็กผู้หญิงกังวลใจ “ซ่งซ่ง จะไม่เป็นไรใช่ไหม?”ซ่งซ่งพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรหรอก”เธอสวมเสื้อผ้าออกจากบ้าน “ใคร?”เธอถามอย่างระมัดระวัง“ซ่งซ่ง ฉันเอง รีบออกมาเร็ว!”เสียงของหลินเซียงดังขึ้นที่หน้าประตูซ่งซ่งชะงัก รีบไปเปิดประตู “ที่รัก กลับมาทำไม?”เธอไม่ได้กลับบ้านไปแล้วเหรอ?พอคำนวณเวลาแล้ว ตอนนี้ควรจะถึงเฟิงหลินหย่วนแล้วสิหลินเซียงจับข้อมือเธอ สีหน้ากระวนกระวาย “ฉันเห็นรถของฟู่จิ่นซิ่ว เขาหาเธอเจอแล้ว ไปกันเร็ว!”เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งซ่งก็ตกตะลึง “หาฉันเจอแล้ว? หาฉันเจอได้ยังไง?”การเคลื่อนไหวขอ
หลินเซียงใส่ขนมปังกรอบลงในถุง จัดเตรียมให้เรียบร้อย พลางพูดว่า “เวลาจำกัด ฉันเลยทำแค่อาหารที่เก็บรักษาง่ายและรสชาติใช้ได้ ให้เธอมีอะไรรองท้องระหว่างทาง”เมื่อได้ยินแบบนั้น ซ่งซ่งก็กะพริบตา แล้ววิ่งเข้ามากอดเธอ “ที่รัก ทำไมน่ารักแบบนี้นะ หรือพวกเราหนีไปด้วยกันเลยดีไหม!”หลินเซียงยิ้ม “พอแล้ว ไปล้างหน้าเร็ว ฉันจะไปส่งเธอที่ชานเมือง”รถบัสรอบแรกมาถึงพรุ่งนี้เช้า ซ่งซ่งต้องไปรอตั้งแต่คืนนี้แต่ซ่งซ่งส่ายหน้า “ไม่ต้อง ฉันติดต่อคนไว้แล้ว เธอพักผ่อนที่บ้านเถอะ ฉันไม่เป็นไร”หลินเซียงพูดว่า “ไม่ได้ ถ้าฉันไม่ไปส่งเธอด้วยตัวเอง ฉันไม่สบายใจ”ซ่งซ่งมองสีหน้าจริงจังของเธอ รู้ว่าเธอตัดสินใจแล้ว จึงกอดเธออีกครั้ง “ฮือ ฮือ ไม่อยากจากเธอเลย”หลินเซียงพาเธอไปที่ห้องน้ำ ดูแลเธอขณะล้างหน้าล้างตา ตรวจสอบสิ่งของที่จำเป็นอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ส่วนตัวง่าย ๆ ล้วนเป็นแบบใช้แล้วทิ้งอืม เกือบครบแล้วหลังจากจัดของเสร็จ ทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกันอีกพักหนึ่ง ก่อนจะออกเดินทางตอนตีสองเมืองอวิ๋นในยามดึกเงียบสงบ ถนนแทบไม่มีรถสัญจร ผู้คนยิ่งไม่มีหลินเซียงขับรถไปทางชานเมือง ส่วนซ่งซ่งก็พูดถึงความหวังในอน
หลินเซียง “…”แม้ว่าครั้งที่แล้วจะสังเกตเห็นความผิดปกติของคนทั้งสอง แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ซ่งซ่งพูดออกมาในตอนนี้ เธอก็พูดอะไรไม่ออกการที่เรื่องราวพัฒนามาถึงจุดนี้ จริง ๆ แล้วมีร่องรอยให้เห็นฟู่จิ่นซิ่วให้ความสนใจกับซ่งซ่งมากเกินไป และซ่งซ่งก็ไม่ได้ระวังตัวเพียงแต่…ตอนนี้เพิ่งจะคิดได้ จะสายเกินไปหรือเปล่า?หลินเซียงพูดความกังวลของตัวเองออกมาซ่งซ่งเข้ามาใกล้ และกระซิบว่า “ที่รัก ฉันวางแผนไว้แล้ว ฉันจะไม่นั่งเครื่องบินหรือรถไฟ แต่จะนั่งรถบัสไป เป็นรถบัสแบบที่วิ่งตามท้องถนนในชนบท ตราบใดที่ฉันออกจากเมืองอวิ๋นไปได้อย่างปลอดภัย ถึงเขาจะอยากหาฉันก็หาไม่เจอ”หลินเซียงขมวดคิ้ว “แต่แบบนั้นไม่ปลอดภัยนะ”ซ่งซ่ง “ตอนนี้ฉันยังต้องสนใจเรื่องความปลอดภัยอยู่อีกเหรอ? ถ้ายังอยู่ในเมืองอวิ๋น ฉันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี ฉันเลยต้องคิดแล้วตัดสินใจไปแบบกะทันหัน เขาคงเดาไม่ได้ว่าฉันจะไปเมื่อไหร่”หลินเซียงยังคงรู้สึกไม่ดี เปลี่ยนมาถามว่า “แล้วงานของเธอล่ะ?”ซ่งซ่งพูดว่า “ฉันขอลาออกแล้ว และวันนี้ก็เริ่มส่งใบสมัครงาน สร้างภาพลวงตาว่าฉันแค่อยากเปลี่ยนงานเฉยๆ”เธอวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว หลินเซียงไม่รู้จะพูดอะ
บรรยากาศในลิฟต์ค่อนข้างแปลกประหลาดมีความเย็นชาปะปนกับความผ่อนคลาย บรรยากาศที่กดดันแผ่ซ่านไปทั่ว แต่เมื่อปะทะกับฉินโหย่วหานและหลินเซียง มันก็หายไปความรู้สึกแปลกประหลาดที่อธิบายไม่ได้ ทำให้รู้สึกอึดอัดลิฟต์เคลื่อนขึ้นไปอย่างราบรื่น ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก ลู่สือเยี่ยนก้าวออกไปด้วยสีหน้าเย็นชาเป็นอย่างมากฉินโหย่วหานมองตามแผ่นหลังของเขา เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ทำอะไรเลย นี่ไม่เหมือนนิสัยปกติของเขาหรือว่าเขาจะยอมปล่อยหลินเซียงแล้วจริง ๆ?ประตูลิฟต์ปิดลง สายตาของฉินโหย่วหานจับจ้องไปที่ใบหน้าของหลินเซียง แต่เห็นเธอมองประตูลิฟต์อย่างเหม่อลอยไม่ใช่สิ่งที่เธอมองน่าจะเป็นลู่สือเยี่ยนเพียงแต่ตอนนี้ประตูลิฟต์ปิดลง บดบังสายตาของเธอไว้ในดวงตาของฉินโหย่วหานมีความเย็นชาเพิ่มขึ้น เขาถามว่า “คิดอะไรอยู่?”ขนตาของหลินเซียงสั่นเล็กน้อย “ฉันแค่คิดว่า ในเรื่องนี้ เขากำลังรับบทบาทเป็นอะไร”ฉินโหย่วหานกล่าวว่า “ไม่ว่าเขาจะแสดงบทบาทไหน ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้ว”หลินเซียงเหม่อลอยไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คุณพูดถูก”เธอและลู่สือเยี่ยนหย่ากันแล้วดังนั้นจึงไม่มีความเกี่
ฉินโหย่วหานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “บอกเรื่องที่คุณรู้ทั้งหมดให้ผมฟังหน่อย”หลินเซียงพยักหน้า เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังอย่างละเอียดครู่หนึ่ง ฉินโหย่วหานก็หัวเราะเบา ๆหลินเซียงมองเขา “เป็นอะไรไป?”ฉินโหย่วหานพูดว่า “หลินเซียง ผมขอเดาแบบบ้า ๆ เลยนะ”“พูดมาก่อนค่ะ” หลินเซียงมองเขาอย่างจริงจัง ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยฉินโหย่วหานจอดรถข้างทาง เอามือวางบนพวงมาลัย บนใบหน้าหล่อเหลาและอ่อนโยนปรากฏรอยยิ้มขบขัน “คุณว่ามีความเป็นไปได้ไหม ที่มีคนปลอมตัวเป็นจ้าวข่ายไปทำเรื่องพวกนั้น แล้วโยนความผิดให้เขา?”เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของหลินเซียงก็เบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ มือของเธอกำขนมปังกรอบแน่นความเป็นไปได้นี้ เธอไม่เคยคิดถึงมาก่อน!เมื่อคิดดูให้ดี ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอหรือรูปถ่ายที่ลู่สือเยี่ยนให้เธอดู ‘จ้าวข่าย’ คนนั้นสวมหมวกและหน้ากากตลอดเวลา มองจากรูปร่างก็คิดว่าเป็นจ้าวข่ายได้ไม่ยากแต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ?ถ้าเป็นแค่คนที่มีรูปร่างคล้ายกับจ้าวข่ายมาก ๆ ล่ะ?เมื่อนึกถึงห้องใต้ดินที่มืดมิด จ้าวข่ายที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น พยายามอธิบายด้วยความเจ็บปวดเขาพูดมาตลอดว่าเขาไม่ได้ขโมย เ
“ตกใจมากใช่ไหม?” ซ่งจั่วมองสีหน้าตกตะลึงของเขาแล้วยิ้มขมขื่น“แหงล่ะ พวกเราทุกคนคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนช่วยท่านประธานลู่จริง ๆ ถือว่าเธอเป็นผู้มีบุญคุณอย่างมาก แต่ต่อมาพวกเราก็รู้ความจริง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง เธอทำได้ทุกวิถีทาง”ซ่งจั่วเก็บแท็บเล็ต “ซือเยี่ยน สิ่งที่นายยึดมั่นมานานผิดทั้งหมด”“ทำไมเป็นแบบนี้?” ซือเยี่ยนพึมพำกับตัวเอง “ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้?”ลู่สือเยี่ยนมองเขาอย่างเย็นชา “อยู่กับฉันมานานขนาดนี้ หัวคิดไม่มีความก้าวหน้าเลยสักนิด”ซือเยี่ยนตัวสั่น มองลู่สือเยี่ยนด้วยสายตาอ้อนวอน “ท่านประธานลู่ครับ ผมรู้ตัวแล้วว่าผิด ผมสำนึกผิดจริง ๆ ได้โปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง…”เสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ ตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเพราะเขารู้ว่าลู่สือเยี่ยนจะไม่ให้โอกาสเขาอีกลู่สือเยี่ยนมองเขาอย่างเย็นชา แล้วพูดกับซ่งจั่วว่า “ตัดเอ็นข้อมือข้อเท้าเขาซะ แล้วเอาไปทิ้งที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ”“ครับ”ซ่งจั่วรู้สึกสงสาร แต่นี่เป็นคำสั่งของลู่สือเยี่ยนลู่สือเยี่ยนหันหลังเดินจากไปซือเยี่ยนมองตามลู่สือเยี่ยนที่จากไปด้วยสีหน้าสิ้นหวัง ในดวงตาเต็มไปด้วยความเสียใจ!…หลินเซียงออกมา
สวีซินหรานหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก ในระหว่างนั้น สายตาของเธอมองไปยังหลินเซียงที่อยู่ไม่ไกลนัก ในดวงตาปรากฏความเคียดแค้น“ฮัลโหล คุณเซี่ย ช่วยฉันหน่อยได้ไหม? ฉันอยากฆ่าหลินเซียง นังสารเลวนั่น!”…ซืออวี่สังเกตเห็นความผิดปกติของหลินเซียงเธอเย็นชามาก ไม่สนใจอะไรเลย แต่ก็ยังคงทำงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดีซืออวี่บอกข่าวนี้กับลู่สือเยี่ยนในขณะนั้น ลู่สือเยี่ยนกำลังดูสิ่งที่ซ่งจั่วได้มาจากการสืบสวน คิ้วขมวดแน่นฉินโหย่วหานจับเซี่ยหว่านขังไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ ถือเป็นการแก้แค้นแทนหลินเซียง แต่สิ่งนี้เกี่ยวข้องอะไรกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเธอกัน?ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงต่ำ “จับตาดูซือเยี่ยนไว้ เขาดูไม่ปกติ”ซ่งจั่วชะงัก “คงไม่ใช่มั้งครับ เขาคอยปกป้องคุณหลินมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”ลู่สือเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา “บอกให้ไปก็ไป ทำไมต้องพูดมาก?”ซ่งจั่ว “ครับ”การตรวจสอบพฤติกรรมของซือเยี่ยนเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่ได้จากการตรวจสอบ เขาก็ตกใจมากช่วงเย็น ซ่งจั่วก็นำหลักฐานที่ได้มาส่งให้ลู่สือเยี่ยนเขามองลู่สือเยี่ยนอย่างหวาดหวั่น มือที่กำแน่นมีเหงื่อออกลู่สือเยี่ย
เขามองซ่งจั่วอย่างเย็นชา “เธอเป็นอะไรไป?”ซ่งจั่วทำหน้างง “ผม ผมไม่รู้ครับ”ตอนเจอหลินเซียงที่โรงพยาบาลก่อนหน้านี้ เธอยังไม่เป็นแบบนี้ แต่หลินเซียงตอนนี้ เรียกได้ว่าเย็นชาและไม่เป็นมิตรอย่างมากช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงเย็น “ไปสืบมาให้ชัดเจน”“ครับ” ซ่งจั่วพยักหน้าลู่สือเยี่ยนไม่ออกไป แต่ไปที่ชั้นใต้ดิน ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดว่า “เรียกซือเยี่ยนมาพบฉัน”“ครับ”ดีเค กรุ๊ปทันทีที่ลู่สือเยี่ยนเข้าไปในห้องส่วนตัวของประธาน ซือเยี่ยนก็เคาะประตูห้อง“เข้ามา”ซือเยี่ยนเปิดประตูเข้าไป สีหน้าค่อนข้างเกร็ง “ท่านประธานลู่”ลู่สือเยี่ยนนั่งลงบนเก้าอี้ ถามด้วยเสียงเย็นชา “นายติดตามหลินเซียงมาตลอด เห็นความผิดปกติของเธอบ้างไหม?”ดวงตาของซือเยี่ยนกะพริบเล็กน้อย เมื่อคืนเขาไม่ได้ติดตามหลินเซียงตลอดเวลา แต่เรื่องก่อนหน้านี้ก็ยังพอจะตอบคำถามได้“ฉินโหย่วหานไปรับคุณหลิน แล้วทั้งสองคนไปที่ชายหาด ที่เดียวกับที่ที่คุณหลินถูกจับตัวไปครั้งก่อน” ซือเยี่ยนเริ่มเล่าเมื่อได้ยินดังนั้น ลู่สือเยี่ยนก็หรี่ตาลงเล็กน้อย “พวกเขาไปที่นั่นทำไม?”ซือเยี่ยน “ผม ผมไม่ทราบครับ ผมอย
สีหน้าของหลินเซียงชะงักไปเล็กน้อย นิ้วที่กำโทรศัพท์แน่นขึ้น เสียงพูดแห้งผาก “ฉันเหมือนจะไม่เคยพูดว่าเขารักฉันนี่คะ”เซี่ยซือซือถอนหายใจ “หลินเซียง พวกเราแพ้แล้ว”หลินเซียงหลับตาลง “ขอโทษนะคะ คุณเซี่ย แผนการฉันดันไปดึงคุณลงมาซวยด้วย ถ้ามันสร้างความเสียหายอะไรให้คุณ คุณบอกฉันได้เลย”เซี่ยซือซือหัวเราะขมขื่น “ไม่ ไม่มีอะไรเสียหาย ฉันเต็มใจร่วมมือกับคุณเอง ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง ฉันก็ต้องรับผิดชอบ”หลินเซียงพูดอะไรไม่ออก เพราะพวกเขาไม่เคยคิดว่าเรื่องราวจะดำเนินไปในทิศทางนี้ไม่เคยคิดเลยว่าลู่สือเยี่ยนจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเซี่ยหว่านทำไมกัน?คำถามนี้ เธอคิดไม่ตกมาตลอดทำไมเขาต้องช่วยเซี่ยหว่าน?ในใจของหลินเซียง ตอนนี้มีความรู้สึกอยากจะไปหาลู่สือเยี่ยน ถามเขาว่านี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่เสียงของเซี่ยซือซือดังขึ้น “หลินเซียง ฉันขอจัดการเรื่องของตัวเองก่อน มีความคืบหน้าอะไร เราค่อยติดต่อกันใหม่”“ค่ะ”หลังจากวางสายหลินเซียงยังคงอยู่ในสภาพเหม่อลอยไม่รู้ทำไม เสียงของเซี่ยซือซือถึงดังก้องอยู่ในหูเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าลู่สือเยี่ยนรักเธอจริงเหรอ?เคยรักจริง ๆ บ้างหรือเปล่า?