สายตาคมกริบของลู่สือเยี่ยนฉายแววโกรธแค้นจนแทบกัดฟันกรอด ตอนนี้เขาอยากจะคว้าตัวหลินเซียงมาบีบคอให้ตายเสียให้รู้แล้วรู้รอด!บ้านหลังนั้นที่เฟิงหลินหย่วน เขาเลือกอย่างพิถีพิถันเพื่อมอบให้เธอแล้วเธอกล้าขายมันทิ้งได้อย่างไร?ความกดดันในห้องเพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ความเย็นยะเยือกในอากาศราวกับจะกลายเป็นน้ำแข็งได้ทุกเมื่อฉินโหย่วหานเลิกคิ้วขึ้น มองสีหน้าดุร้ายราวกับจะฆ่าคนของลู่สือเยี่ยน รู้สึกกังวลใจกับหลินเซียงขึ้นมาทันทีไอ้บ้าคนนี้ คงไม่คิดจะฆ่าหลินเซียงจริง ๆ หรอกใช่ไหมเขาต้องรีบแจ้งให้หลินเซียงรู้ เธอต้องหนีไปให้เร็วที่สุดสายตาเย็นชาของลู่สือเยี่ยนทอดมองไปที่ฉินโหย่วหาน น้ำเสียงเย็นยะเยือกดังขึ้น “คุณฉินคงไม่ขัดสนเรื่องที่อยู่อาศัยหรอกมั้ง ตั้งราคาสิ ผมจะซื้อคืน”ฉินโหย่วหานทำท่าเหมือนได้ยินเรื่องตลก “ลู่สือเยี่ยน ผมได้ยินไม่ผิดใช่ไหม? คุณจะซื้อบ้านหลังนี้คืน? คนอย่างคุณนี่มีเงินเหลือใช้จนไม่รู้จะเอาไปทำอะไรแล้วรึไง?”ลู่สือเยี่ยนแสดงสีหน้าเย่อหยิ่ง “ผมจะให้คนติดต่อคุณ ภายในสามวัน ผมหวังว่าคุณจะย้ายออกไปจากที่นี่ซะ” พูดจบเขาก็หันหลังเดินออกไปจากเฟิงหลินหย่วน มุ่งตรงไปยังที่พักป
หลินเซียงรู้สึกหงุดหงิดมากเธอไม่เข้าใจเลยเขาจะโทรมาหาเธอทำไม?มีอะไรต้องคุยกันอีก?ท่าทีของเขาชัดเจนแล้ว เขาอยู่ฝ่ายเซี่ยหว่าน แล้วจะมาวุ่นวายกับเธอทำไม?จะทำตัวเป็นผู้ชายเลว ๆ แบบนี้จริงเหรอ?แต่เธอก็ไม่มีอารมณ์จะเล่นเกมกับเขา! หลินเซียงปิดเครื่อง แล้วข่มตานอนเธอคิดว่าตัวเองอาจจะนอนไม่หลับแต่เหมือนมีเรื่องอื่นเข้ามาแทนที่ในใจ เธอเลยไม่ค่อยคิดถึงลู่สือเยี่ยนเท่าไหร่นอนหลับสนิทตลอดทั้งคืนเมืองอวิ๋นเฉิงวิลล่าตระกูลลู่ลู่สือเยี่ยนได้ยินเสียงแจ้งเตือนเย็นชาของระบบดังมาจากโทรศัพท์ เขาโมโหจนทุบโทรศัพท์จนแตกละเอียด!ร่างกายของเขาทั้งหมดถูกปกคลุมไปด้วยความเย็นยะเยือก!หลินเซียงหนีไปแล้ว!เธอช่างกล้าหาญนัก!คิดว่าทำแบบนี้แล้วจะหนีพ้นจากทุกอย่างได้เหรอ?คิดอะไรตื้น ๆ!ลู่สือเยี่ยนสงบอารมณ์ลง แล้วส่งข้อความไปหาซืออวี่ลู่สือเยี่ยน [ตรวจสอบตำแหน่งของหลินเซียงให้หน่อย]ซืออวี่ [พรุ่งนี้ได้ไหม วันนี้ผมง่วง]ลู่สือเยี่ยน [ตรวจสอบเดี๋ยวนี้!]ซืออวี่ [ดุจัง นิสัยแบบนี้ไม่มีผู้หญิงคนไหนชอบหรอกนะ]ซืออวี่ [ตำแหน่ง]เหมือนกลัวลู่สือเยี่ยนจะโมโห ซืออวี่ส่งข้อความแปลก ๆ จากนั
หลินเซียงยิ้มบาง ๆ “นายเองก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะ ถ้าไม่เรียก ฉันคงจำไม่ได้หรอก”ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกันที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ตอนเด็ก ๆ ความสัมพันธ์ยังแน่นแฟ้นกันดีอยู่ แต่หลังจากเกิดเรื่องบางอย่าง พวกเขาก็เริ่มห่างเหินกันไปหลินเซียงออกไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย ทำให้ขาดการติดต่อกับพวกเขาฉีจื่อเหิงถาม “งั้นเหรอ? เธอกลับมาเยี่ยมพวกเรารึเปล่า?”“ใช่”หลินเซียงพยักหน้า เดิมทีเธอตั้งใจจะพักใจสักหน่อยก่อนกลับไป แต่ดูเหมือนจะทำไม่ได้แล้วดวงตาของฉีจื่อเหิงเป็นประกาย “ดีเลย หลินเซียง ถ้ากลับไป คุณแม่ผู้อำนวยการต้องดีใจแน่ ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ท่านคิดถึงเธอตลอดเลยนะ”หลินเซียงยิ้ม “ฉันจะไปซื้อของหน่อย ไปด้วยกันไหม?”“ได้สิ”ฉีจื่อเหิงพยักหน้าต่อมา หลินเซียงรู้ว่าฉีจื่อเหิงเพิ่งจบการศึกษา ยังไม่มีงานทำ กลับมาที่เทศมณฑลอันเพื่อหางานที่มั่นคง เพื่อจะได้กลับมาช่วยงานที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้บ่อย ๆหลินเซียงแค่ยิ้มและรับฟัง แต่แววตาของเธอดูเรียบเฉยหลังจากซื้อของเสร็จ เธอยกของขึ้นรถ แล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ กลับกันได้แล้ว”ฉีจื่อเหิงเปิดประตูรถ พูดด้วยความรู้สึก “พูดถึงเรื่องนี้ ในบรร
หลินเซียงก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่พูดอะไรจริง ๆ แล้วเธอตั้งใจจะให้เงินหลิวอวี้เฟินเหมือนกันแต่พอเห็นท่าทางแบบนี้ เธอก็รู้สึกหมดความสนใจไปทันทีบางทีตอนที่เธอก่อตั้งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี้ หลิวอวี้เฟินอาจจะสงสารเด็ก ๆ จริง ๆ ตอนเด็กหลินเซียงก็เคยได้รับความอบอุ่นบ้างแต่หลังจากนั้น พอมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกอย่างก็ไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปหลินเซียงดึงเก้าอี้มานั่งหลิวอวี้เฟินมองเธอด้วยความไม่พอใจฉีจื่อเหิงรีบพูด “คุณแม่ผู้อำนวยการครับ หลินเซียงตกงานอยู่นะครับ เธอจะเอาเงินมาจากไหนล่ะครับ”หลิวอวี้เฟินหัวเราะเยาะ “ไปอยู่เมืองอวิ๋นเฉิงตั้งหลายปี สุดท้ายกลับตกงานเนี่ยนะ? หลินเซียง ตอนนี้เธอคงนึกเสียใจแล้วที่ไม่เชื่อฟังฉันใช่ไหม? ถ้าเธอเชื่อฟังฉันซะ ตอนนี้เธอคงเป็นคุณนายรวยอู้ฟู่ไปนานแล้ว!”ฉีจื่อเหิงมองหลินเซียงด้วยสีหน้าอึดอัด รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “คุณแม่ผู้อำนวยการครับ เด็กคนอื่น ๆ ล่ะครับ? ไปโรงเรียนกันหมดแล้วเหรอ?”หลิวอวี้เฟินตอบอย่างเย็นชา มองเขา “เธอเองก็ด้วย หางานได้หรือยัง? ค่าใช้จ่ายเดือนนี้เกินงบแล้วนะ รีบหาเงินมาคืนด้วย”ฉีจื่อเหิงยิ่งอึดอัดเข้าไปใหญ่“ผู้อำนวยกา
เสียงเซวียนเซวียนดังขึ้น “เธอกลับมาทำไม? หรือว่าหายโกรธเรื่องตอนนั้นแล้ว?”หลิวอวี้เฟินตอบ “ฉันเองก็ไม่คิดว่าเธอจะกลับมา เซวียนเซวียน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะคิดถึงเรื่องนี้ ถ้าเธอค้นพบอะไรขึ้นมาจะทำยังไง?”เซวียนเซวียนยิ้ม “ไม่หรอกค่ะ คุณแม่ผู้อำนวยการ เธอไม่รู้เรื่องนี้แน่ แต่เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คุณแม่ผู้อำนวยการก็สานต่อในสิ่งที่ยังทำไม่สำเร็จในตอนนั้นได้เลยนะคะ”ดวงตาของหลิวอวี้เฟินเป็นประกาย “ได้ ฉันเข้าใจแล้ว!” แล้วเธอก็ถาม “เซวียนเซวียน เธอจะกลับมาเมื่อไหร่? นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้กลับมาเยี่ยมฉันเลย”น้ำเสียงของเซวียนเซวียนเย็นลงเล็กน้อย “คุณแม่ผู้อำนวยการคะ ฉันติดธุระนิดหน่อย ต้องไปจัดการก่อน เดี๋ยวฉันโอนเงินให้ห้าแสน คุณแม่ผู้อำนวยการเอาไปซื้อของอร่อยกินนะคะ”“จ้ะ ได้เลย เซวียนเซวียนของฉันนี่ฉลาดที่สุด ไม่เหมือนหลินเซียง กลับมาก็ซื้อแต่ของไร้สาระ ใครอยากได้กันล่ะ!”หลังวางสายแล้ว ดวงตาของหลิวอวี้เฟินเป็นประกาย เธอมองโทรศัพท์ ค้นหาเบอร์เบอร์หนึ่งแล้วกดโทรออก“สวัสดีค่ะ? คุณชายเผิงใช่ไหมคะ? คุณยังจำหลินเซียงได้ไหม?”…หลังออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วฉีจื่
หลินเซียงคิดว่าพอรู้เรื่องพ่อแม่ที่แท้จริงแล้ว เธอก็จะออกจากอำเภออันทันที เลยอดทนและพูดว่า “ได้ค่ะ”หลิวอวี้เฟินหัวเราะเยาะ “ให้มันได้อย่างนี้สิ”หลังจากพูดอย่างนั้นแล้วก็วางสายไปหลินเซียงวางโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ คลุมผ้าห่มแล้วนอนหลับตอนเย็นร้านเฝ่ยชุ่ยจูหลินเซียงเดินมา เห็นหลิวอวี้เฟินยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยท่าทางร้อนใจเธอเดินเข้าไป “ผู้อำนวยการหลิวคะ”หลิวอวี้เฟินเห็นเธอแล้วทำท่าเหมือนโล่งใจ คว้ามือเธอไว้ “ทำไมมาช้าจัง? ไม่อยากรู้เรื่องของชิ้นนั้นแล้วเหรอ?”หลินเซียงดึงมือออก “เราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ”“ใช่ เข้าไปข้างในกัน ฉันจองห้องไว้แล้ว อาหารที่นี่ฉันอยากมาลองชิมมานานแล้ว แต่ก็มีเด็ก ๆ ต้องดูแล พวกเธอนี่ไม่เอาไหนเลย ไม่รู้จักหาเงินให้ได้เยอะ ๆ”หลิวอวี้เฟินบ่นไปตลอดทางพอเข้าไปข้างใน เธอทำท่าประหลาดใจกับทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนกับไม่เคยเห็นโลกกว้างในขณะที่หลินเซียงทำหน้าสงบราบเรียบตลอดเวลาถึงห้องส่วนตัวแล้ว หลิวอวี้เฟินหยิบเมนูขึ้นมา สั่งอาหารอย่างกระตือรือร้นหลินเซียงไม่รีบร้อน เธอรู้จักนิสัยโลภมากของหลิวอวี้เฟินดี ถ้าไม่ทำให้เธอรู้สึกพอใจซะก่อน ก็อย่าหวังเลยว่
หลิวอวี้เฟินดูถูกหลินเซียง พลางกินอาหารที่หลินเซียงเป็นคนจ่ายอย่างเอร็ดอร่อยหลินเซียงรู้สึกหงุดหงิดอย่างที่สุดในที่สุด หลิวอวี้เฟินก็กินอิ่มหนำสำราญ เธอลุกขึ้นยืน “ฉันขอไปเข้าห้องน้ำหน่อย”หลินเซียงวางตะเกียบลง รอให้หลิวอวี้เฟินกลับมา แล้วจะถามให้รู้เรื่องว่าของชิ้นนั้นคืออะไรแต่หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง หลิวอวี้เฟินก็ยังไม่กลับมาสักทีหลินเซียงเลิกคิ้วขึ้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาหลิวอวี้เฟินไม่มีคนรับสายใบหน้าของหลินเซียงเย็นยะเยือกทันที“โครม!”ทันใดนั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแรง ชายหนุ่มรูปร่างกำยำคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาสวมแจ็กเก็ตหนัง ท่าทางเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นหลินเซียง ดวงตาของเขาก็เป็นประกายทันที“หลายปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ไม่คิดว่าเธอจะสวยขึ้นขนาดนี้!”หลินเซียงลุกขึ้นยืน มองคนที่มาใหม่ด้วยความระมัดระวังเผิงไซว่ลูกชายรองนายกเทศมนตรีเทศมนฑลอัน เป็นคนก้าวร้าว มีชื่อเสียงที่แย่มากห้าปีก่อน ในคืนที่เธอได้รับใบประกาศผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัย หลิวอวี้เฟินบอกว่าจะจัดงานฉลองให้ พาเธอไปกินข้าว แต่กลับใส่ยาในอาหารของเธอ แล้วส่งเธอที่ยังไม่หมดสติไปยังเตียงของเผิงไซว่
“เมื่อไหร่คุณจะหย่ากับเธอสักที”ในห้องอาหารส่วนตัว หญิงสาวคนหนึ่งจ้องมองชายตรงหน้า ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความรักใคร่หลินเซียงยืนอยู่นอกห้อง สองมือสองเท้าของเธอเย็นเฉียบ เธอมองดูใบหน้าที่หล่อเหลาและเฉียบคมของชายอีกคนโดยไม่กะพริบตา เช่นเดียวกับผู้หญิงคนนั้น ใบหน้าของเธอซีดเผือดลงทุกขณะนั่นคือสามีของเธอ ลู่สือเยี่ยนเขาเป็นใบ้ ทำงานเป็นพนักงานเสิร์ฟอยู่ในคลับแห่งนี้ วันนี้เธอเลิกงานเร็วกว่ากำหนดจึงมาที่นี่เพื่อกลับบ้านพร้อมเขา ไม่นึกเลยว่าจะเจอเหตุการณ์แบบนี้เข้าผู้ชายซึ่งทำงานประจำอยู่ที่นี่ สวมเครื่องแบบพนักงานเสิร์ฟ ตอนนี้กลับสวมชุดสูทและรองเท้าหนัง ผมตัดสั้นได้รับการจัดแต่งอย่างพิถีพิถัน ท่าทางสง่างามและเย็นชาอย่างที่เธอไม่เคยเห็นมาก่อนเขาเผยอริมฝีปากบาง ตอบกลับด้วยเสียงทุ้มไพเราะ “ไว้ผมจะคุยเรื่องนี้กับเธอโดยเร็วที่สุด”เธอหลับตาลงทันทีและหันหลังกลับเขาพูดได้อย่างคนปกติเสียงของเขาฟังรื่นหูดีจริง ๆแต่ทว่าสิ่งที่เธอไม่คาดคิดก็คือ ประโยคแรกที่เธอได้ยินเขาพูดกลับกลายเป็นการหย่าร้างหลินเซียงตกอยู่ในความสับสน แวบหนึ่งเธอคิดว่าตัวเองน่าจะจำคนผิดชายที่สง่างามและเย็นชาคนนั