บรรยากาศในห้องอาหารหรูหรา ลู่สือเยี่ยนแสดงสีหน้าเรียบเฉยและเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ปรับปรุงแก้ไขรายงานให้สมบูรณ์ต่อไป ส่วนอื่น ๆ ผมจะตรวจสอบเอง”“ครับ” รองผู้ว่าราชการมณฑลรีบพยักหน้า “คุณต้องอยู่ที่มณฑลอันนานขึ้นอีกสักสองสามวันนะครับ เพื่อสัมผัสบรรยากาศและวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่”ทันใดนั้น ประตูห้องอาหารก็เปิดออก เสี่ยวหลี่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด กระซิบข้างหูรองผู้ว่าราชการมณฑลสองสามคำสีหน้าของรองผู้ว่าราชการมณฑลเปลี่ยนไป แต่ด้วยความที่ลู่สือเยี่ยนอยู่ตรงนั้น เขาจึงไม่กล้าแสดงออกมากนักขณะที่กำลังจะสั่งการอะไรบางอย่าง ประตูห้องอาหารก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น!ห้านาทีก่อน…ในห้องอาหารด้านข้าง…เผิงไซว่ค่อย ๆ สาวเท้าเข้าไปหาหลินเซียง มองดูเสื้อเชิ้ตที่เธอสวมใส่ แทบจะกระโจนเข้าไปฉีกเสื้อผ้าของเธอทันที!“อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ! ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน ฉันจะทำให้แกต้องเดือดร้อนแน่!”ใบหน้าของหลินเซียงซีดเผือด ดวงตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ เพื่อหาสิ่งของอะไรสักอย่างมาป้องกันตัวเผิงไซว่หัวเราะ ไม่สนใจคำขู่ของเธอ “ก็ลองดูสิ ในมณฑลอัน ฉั
รองผู้ว่าราชการมณฑลหันไปมองลู่สือเยี่ยนอย่างระมัดระวัง ก่อนจะถามขึ้นว่า “ท่านประธานลู่ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”เขามองเผิงไซว่แล้วส่งสายตาดุใส่ เพื่อไม่ให้เขาสร้างความวุ่นวายต่อหน้าลู่สือเยี่ยนหากทำให้นักธุรกิจผิดใจเข้า เผิงไซว่จะเป็นตัวซวยของมณฑลอันทันที แม้แต่พอของเขาก็ไม่อาจช่วยได้!เผิงไซว่ก็รู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ดังนั้นถึงแม้ว่าตอนนี้เขาอยากจะจับหลินเซียงไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ไม่กล้าทำอะไร ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะทั้งทรงอำนาจและดุดันอย่างยิ่ง ความกดดันที่มองไม่เห็นปกคลุมตัวเขา ลมหายใจของเขาแปรเปลี่ยนเป็นระมัดระวังมากขึ้นสายตาที่เย็นชาและแหลมคมของลู่สือเยี่ยนมองไปที่ใบหน้าของเผิงไซว่ “คุณบอกว่าเธอเป็นแฟนคุณงั้นเหรอ?”เผิงไซว่ตกใจ ถึงไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็พยักหน้า “ใช่ครับ”เสียงพูดจบลง ความเย็นยะเยือกแผ่ขยายออกไป ทุกคนในห้องอาหารรู้สึกถึงความหนาวเย็น!ขนตาของหลินเซียงสั่นไหว ริมฝีปากของเธอเม้มเข้าหากันเขาหมายความว่ายังไง?คิดจะเปิดเผยสถานะของเธองั้นเหรอ?แต่เธอรู้สึกต่อต้าน ไม่อยากให้เขามาก้าวก่ายเรื่องของเธอ เพราะไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไป“แบบนี่เอง
“อย่าร้อง!” เสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์ของผู้ชายดังขึ้น การดิ้นรนของหลินเซียงหยุดชะงักทันทีลู่สือเยี่ยน!ความกลัวในใจของเธอหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ เธอไม่ได้ดิ้นรนต่อ เพียงแค่หายใจหอบเล็กน้อย ร่างกายยังสั่นเทาเล็กน้อยเพราะความหวาดกลัวลู่สือเยี่ยนปล่อยมือจากปากของเธอ ภายใต้แสงสลัว ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของเขาดูเย็นชา “หลินเซียง ผมอนุญาตให้คุณลาออกแล้วเหรอ? ตอนนี้สถานะของคุณถือว่าขาดงานนะ!”ขนตายาวของหลินเซียงสั่นไหว แล้วตอบกลับว่า “งั้นก็หักเงินเดือนฉันสิ”ลู่สือเยี่ยนโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี เขาบีบคอเธอ บังคับให้เธอมองตาเขา “ทำไมถึงขายบ้าน?”ท่าทางข่มเหงแบบนี้หลินเซียงไม่ชอบเอาซะเลย เธอพยายามผลักเขาออก แต่เขามีแรงมากกว่า เธอมีแรงไม่พอ“บ้านก็ของฉัน ฉันจะจัดการยังไงก็เป็นสิทธิ์ของฉัน เกี่ยวอะไรกับคุณ?”หลินเซียงพูดอย่างเย็นชาถ้ารู้ว่าเขาจะมาลงทุนที่มณฑลอัน เธอคงไม่รีบกลับมา แน่นอนว่าจะต้องเที่ยวเล่นให้เต็มที่ซะก่อนแต่ตอนนี้ อารมณ์อยากเที่ยวกลับหดหายไปหมดแล้วความเย็นชาในดวงตาใสแจ๋วของเธอมองแล้วช่างน่าเจ็บปวด ลู่สือเยี่ยนรู้สึกเหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ในอก แต่ไม่มีที่ระบายเขาพยายามติดต่อเธอต
เขาจะคลั่งก็คลั่งไป แต่เธอไม่ยอมซะอย่าง!หลินเซียงขึ้นแท็กซี่อย่างรวดเร็ว มุ่งหน้าไปยังโรงแรมภายในเฝ่ยชุ่ยจูภายใต้แสงสลัว ร่างสูงใหญ่ของผู้ชายยืนอยู่ตรงนั้น ใบหน้ายังแดงก่ำเล็กน้อย ทั่วร่างกายแผ่รังสีเย็นยะเยือกเขาแตะใบหน้าของตัวเองแล้วหัวเราะเบา ๆ เหมือนกับว่าเขาเห็นหลินเซียงกลายเป็นคนละคนทำให้เขายิ่งสนใจในตัวเธอมากขึ้นทันใดนั้น โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น เขารับสาย “ฮัลโหล?”เสียงหวาน ๆ ของเซี่ยหว่านดังขึ้น “สือเยี่ยน คุณไปทำงานต่างเมือง ทำไมถึงไม่บอกฉันคะ?”ลู่สือเยี่ยนตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา “ทำไมต้องบอกคุณด้วยว่าผมมาทำงานที่อื่น?”เซี่ยหว่านถึงกับตกใจ จึงพูดว่า “สือเยี่ยน ฉันไม่ได้อยากรู้หรอกนะว่าคุณไปทำงานที่ไหน ฉันก็แค่กลัว พอคุณไม่อยู่ข้าง ๆ ฉันแล้ว ฉันกลัวจริง ๆ”ลู่สือเยี่ยนหยิบบุหรี่ออกมา แล้วจุดไฟ แสงไฟกะพริบวูบวาบ ตามด้วยควันบุหรี่ที่ลอยขึ้นสูงน้ำเสียงของเขายิ่งเย็นยะเยือก “หว่านหว่าน ผมไม่ชอบให้ใครมาแทรกแซงเรื่องของผม เมื่อสองปีก่อน คุณเองก็รู้ใช่ไหม?”หัวใจของเซี่ยหว่านเต้นแรงขึ้น “สือเยี่ยน คุณเป็นอะไรไป? ฉันทำอะไรผิดไป หรือทำให้คุณไม่พอใจหรือเปล่า?”น้
หลินเซียงกลับไปที่โรงแรม ในใจยังคงเต็มไปด้วยความกังวลลู่สือเยี่ยนตามมาที่มณฑลอันแล้ว!ดูท่าทางแล้วเหมือนจะอยู่ที่นี่อีกนานซึ่งนั่นหมายความว่าเธอไม่สามารถอยู่ที่นี่ได้แล้ว!หลินเซียงขมวดคิ้วครุ่นคิดสักพัก แล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาหลิวอวี้เฟินแต่หลิวอวี้เฟินไม่รับสาย สีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันทีนี่ครั้งที่สองแล้ว คิดว่าเธอเป็นคนอ่อนแอ ง่ายต่อการรังแกหรือไง?หลินเซียงโทรหาอีกเบอร์หนึ่ง จากนั้นก็ไปอาบน้ำนอนวันรุ่งขึ้นหลิวอวี้เฟินนึกถึงเรื่องเมื่อคืนแล้วอารมณ์ดีมากก่อนหน้านี้ปล่อยให้นังเด็กตัวแสบหลินเซียงหนีไป เมื่อคืนเธอคงหนีไม่พ้นแล้ว!คุณชายเผิงยังไม่ลืมวีรกรรมแม่นั่นสินะ!เธอตั้งใจจะไปดูห้องเด็ก ๆ แต่ทันใดนั้น ประตูก็ถูกเคาะ“ใครคะ? มาแล้ว ๆ!”หลิวอวี้เฟินรีบไปที่ประตู พอเปิดประตูออกก็เห็นตำรวจหลายคนยืนอยู่ที่ประตูเธอตกใจ “พวกคุณ…”ตำรวจที่นำหน้าแสดงบัตรประจำตัว แล้วพูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียดว่า “มีคนแจ้งว่าคุณมีส่วนเกี่ยวข้องกับการลักพาตัวเด็ก การค้าประเวณี และค้ามนุษย์ ขอความร่วมมือไปกับพวกเราตอนนี้หน่อยครับ!”หลิวอวี้เฟินตกใจจนพูดไม่ออก “เปล่านะคะ ฉันไม่ได้ทำนะ
“ไม่เป็นไร”หลินเซียงพูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เรื่องเมื่อห้าปีก่อนฉันไม่ถือโทษ เพราะเห็นแก่บุญคุณที่เธอเลี้ยงดูฉันมา แต่หลังจากคืนนั้น บุญคุณก็ถือว่าชดใช้กันหมดแล้ว แต่ครั้งนี้ฉันคงไม่ปล่อยเธอไป เธอกล้าทำอะไรลงไป ก็ต้องกล้ารับผิดชอบ ถ้าเธอบริสุทธิ์ใจจริง เดี๋ยวก็ถูกปล่อยตัวออกมาเอง”ฉีจื่อเหิงเงียบไปหลินเซียงหยิบกระดาษทิชชูมาเช็ดมุมปาก แล้วกล่าวว่า “ฉีจื่อเหิง ฉันแนะนำให้นายออกจากมณฑลอันไปหางานทำข้างนอกเถอะ นายอายุยังน้อย อยู่ที่นี่ไปก็เสียเวลาเปล่า”ฉีจื่อเหิงพูด “เข้าใจแล้ว ฉันจะลองคิดดู”หลังจากวางสาย หลินเซียงกลับไปที่โรงแรมทันที ตั้งใจจะไปที่สถานีตำรวจในอีกสองสามวัน เพื่อสืบถามประวัติของตัวเองต้องทำให้หลิวอวี้เฟินเจ็บปวดบ้างเพื่อหลบเลี่ยงการเจอลู่สือเยี่ยน หลินเซียงจึงไม่ได้ออกไปข้างนอกหลายวันเช้าวันหนึ่ง เธอรับโทรศัพท์จากฉินโหย่วหาน“หลินเซียง คุณคงลืมเรื่องที่สัญญากับผมไว้แล้วใช่ไหม?” เสียงหัวเราะของฉินโหย่วหานดังขึ้นดวงตาของหลินเซียงปรากฏความงุนงง การดื่มน้ำหยุดชะงักพอเห็นว่าเธอไม่พูดอะไรฉินโหย่วหานถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ “คืนนี้มีงานเลี้ยง ตอนนั้นคุณสัญญาว่า
ลู่สือเยี่ยนสั่งเสียงเย็นว่า “หลังจากกลับมา ไปบอกให้เธอมารายงานตัวด้วย”ซ่งจั่ว “ครับ”…หลินเซียงออกมาจากสนามบิน เห็นผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาเจ้าของผมสีเทาอมม่วงผมสั้นทันทีใบหน้าของเธอเผยรอยยิ้ม “พี่หาน”ฉินโหย่วหานรับกระเป๋าเดินทางมาจากมือเธออย่างเป็นธรรมชาติ แล้วถามว่า “เหนื่อยไหม? ตอนนี้ยังพอมีเวลาอยู่ ถ้าเหนื่อยก็กลับไปพักผ่อนก่อนได้”หลินเซียงส่ายหัว “ไม่เท่าไหร่ค่ะ ฉันงีบหลับตอนอยู่บนเครื่องบินมาแล้ว”ฉินโหย่วหานเปิดประตูรถให้เธอ “งั้นไปกันเถอะ ไปเปลี่ยนชุดกันก่อน”หลินเซียงพยักหน้า ก้าวขึ้นรถพอถึงที่หมาย ฉินโหย่วหานก็ฝากเธอไว้กับช่างแต่งหน้า ส่วนเขาออกไปรออยู่ที่ห้องรับรองหลินเซียงนั่งอยู่หน้ากระจก แล้วพูดว่า “ไม่ต้องจัดเต็มมากนะคะ ขอแบบเรียบง่ายแต่ดูดีก็พอ”ช่างแต่งหน้ามองใบหน้าที่งดงามของเธอ ตั้งใจจะแต่งให้ออกมาสวยที่สุด แต่เมื่อได้ยินแบบนั้นก็ต้องเปลี่ยนใจกว่าจะเสร็จเรียบร้อย เวลาก็ผ่านไปหนึ่งชั่วโมงครึ่งฉินโหย่วหานได้ยินเสียง พอเงยหน้าขึ้นก็เห็นหลินเซียงเดินลงมาจากบันไดอย่างช้า ๆเธอสวมชุดราตรีสีแชมเปญ มีกิมมิคเป็นประกายระยิบระยับ ทรวดทรงเป็นคอวี ไหล่ทั้งสองข
ห้องจัดเลี้ยงอยู่บนชั้น 7 ประตูลิฟต์เปิดออก ฉินโหย่วหานและหลินเซียงเดินออกมาเนื่องจากตระกูลฉินเพิ่งรับฉินโหย่วหานกลับมา คนที่รู้จักฉินโหย่วหานต่างก็เข้ามาทักทายหลินเซียงยืนอยู่ข้าง ๆ อย่างเงียบสงบทันใดนั้น เธอรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่ปกคลุมร่างกาย จึงกวาดตามองไปรอบ ๆ และหันกลับไปมองเมื่อเห็นคนที่อยู่ไม่ไกล ดวงตาของเธอเบิกกว้าง!ลู่สือเยี่ยน!เขามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง?หลินเซียงคว้าแขนฉินโหย่วหานไว้ทันทีฉินโหย่วหานมองเธอ ขยับเข้าไปใกล้แล้วถามว่า “เป็นอะไรไป?”“ไม่มีอะไรค่ะ”ขนตายาวของหลินเซียงสั่นไหว พยายามควบคุมอารมณ์ฉินโหย่วหานเห็นว่าอาการเธอดูไม่ปกติ จึงบอกว่า “ถ้ารู้สึกไม่สบายก็ไปนั่งพักได้นะ ตรงนั้นเป็นโซนอาหารว่าง มีอะไรให้กินเล่นเยอะแยะ”หลินเซียงส่ายหัว “ไม่เป็นไรค่ะ ฉันอยู่ข้าง ๆ คุณแบบนี้ดีกว่า”ได้ยินดังนั้น ริมฝีปากของฉินโหย่วหานพลันเผยรอยยิ้มออกมา “ได้ งั้นคุณต้องคอยอยู่ใกล้ ๆ ผมนะ”หลินเซียงกำลังใจลอย ไม่ได้สังเกตเห็นสีหน้าของฉินโหย่วหานไม่ไกลนักลู่สือเยี่ยนถือแก้วแชมเปญไว้ในมือ คนรอบข้างต่างแวะเวียนเข้ามาทักทาย แต่สายตาของเขากลับจ้องมองไปที่สองคนนั
หลินเซียง “ฮ่า ฮ่า ตลกดี”ลู่สือเยี่ยน “ชอบก็ดีแล้ว”สุดท้ายหลินเซียงอดไม่ได้ที่จะเบ้ปาก ก่อนจะรีบดึงแขนออก แล้วเดินไปที่ประตูลู่สือเยี่ยนรูปร่างสูงใหญ่เดินตามหลังเธอ แม้เธอจะเดินเร็วแค่ไหน เขาก็ยังตามทันได้อย่างไม่ยากเย็น ท่าทางราวกับกำลังเดินเล่นอยู่หลินเซียง “…”ช่วงขายาวนี่มันดีจริง ๆ!คนอื่นที่เห็นเหตุการณ์นี้ต่างพากันงุนงง หวังกงหันไปถามซ่งจั่ว “คุณซ่งครับ นี่มันอะไรกัน?”เกิดอะไรขึ้น?แต่ซ่งจั่วไม่ตอบคำถามเขา กลับชี้ไปที่แบบแปลนในจุดหนึ่งแล้วถามว่า “ตรงนี้คืออะไรครับ?”หวังกงรีบอธิบายอย่างตั้งใจทันทีแบบนี้ก็ไม่มีใครสนใจลู่สือเยี่ยนและหลินเซียงอีกต่อไปหลังออกจากพื้นที่ก่อสร้าง หลินเซียงเดินไปยังสถานีรถไฟใต้ดินลู่สือเยี่ยนยังคงเดินตามหลังเธอ เสียงฝีเท้าที่หนักแน่นดังขึ้นเรื่อย ๆ เหมือนเหยียบย่ำอยู่บนหัวใจหลินเซียงรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูกทั้งคู่หย่ากันแล้ว ทำไมเขายังคงรั้งเธอไว้ไม่ปล่อย?เธอหันไปมองเขา “คุณคิดจะทำอะไรกันแน่?”ลู่สือเยี่ยนล้วงมือลงในกระเป๋าเสื้อโค้ต ท่าทางสง่างามแต่ดูผ่อนคลายในเวลาเดียวกัน ได้ยินดังนั้นจึงยิ้มเล็กน้อย และพูดว่า “นั่งรถไฟใต
หลินเซียงหันไปมองทันที พบเพียงอาคารที่กำลังก่อสร้างหลายหลังโดยไม่มีสิ่งอื่นใดแต่สายตาที่มองมานั้นช่างจริงจังเหลือเกินหลินเซียงไม่คิดว่าตัวเองจะรู้สึกผิดพลาดแดดร้อนจัดส่องลงมาบนตัวเธอ เธอกลับรู้สึกหนาวเย็นเล็กน้อยตอนนี้เป็นฤดูใบไม้ร่วงแล้ว เธอจึงรวบเสื้อโค้ตสีเบจที่สวมอยู่แล้วเดินเร็วไปข้างหน้า ที่นี่ไม่ปลอดภัย จึงควรตรวจสอบให้เสร็จแล้วจากไปโดยเร็ว...รถหรูหลายคันจอดอยู่ที่ประตูทางเข้าพื้นที่ก่อสร้าง หัวหน้าคนงานมีสีหน้าอ่อนน้อมถ่อมตน ก่อนจะยื่นหมวกนิรภัยให้“ประธานลู่ครับ ที่นี่อันตราย ทำไมท่านถึงมาเองล่ะครับ?”ลู่สือเยี่ยนรูปร่างสูงโปร่งสง่างาม สวมโค้ตสีดำ ทั้งตัวดูสง่างามและเย็นชา ท่าทางการเคลื่อนไหวทุกอย่างแสดงถึงความสูงส่ง คิ้วเข้มบนใบหน้าหล่อเหลาแผ่พลังอำนาจอันร้ายกาจซ่งจั่วรับหมวกนิรภัยแล้วส่งให้เขาลู่สือเยี่ยนสวมหมวกไปพลางพูดไปพลางว่า “ผมมาไม่ได้เหรอ?”หวังกงถึงกับสะอึกไปครู่หนึ่งลู่สือเยี่ยนดูเหมือนยังหนุ่ม แต่ใครจะคิดว่านิสัยจะเข้าใจยากถึงเพียงนี้แต่ก่อนที่เขาจะพูดอะไรต่อ ลู่สือเยี่ยนก็เดินเข้าไปข้างในแล้วซ่งจั่วยิ้มบาง และพูดว่า “ที่นี่เป็นพื้นที่ที่ด
ไอ้ผู้ชายบ้าคนนี้เป็นหมูหรือไง?กินเก่งขนาดนี้เลยเหรอ?นั่นกับข้าวสองอย่างกับซุปอีกชามเลยนะ!อาหารสำหรับสองวันของเธอถูกเขากินหมดแล้ว!หลินเซียงยิ่งโมโหเข้าไปใหญ่ พรุ่งนี้ต้องไปเปลี่ยนรหัสที่ชั้นล่าง ไม่ให้เขาขึ้นมาได้!แล้วก็เปลี่ยนลูกบิดประตูด้วย!ตอนนี้เธอมีเงินเหลือเฟือ!หลินเซียงโมโหมาก เดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อดูสภาพ แล้วก็เห็นกับข้าวที่อุ่นไว้บนเตาความโมโหของหลินเซียงชะงักไปชั่วขณะหึ!เธอยิ้มเยาะ แล้วหยิบกับข้าวที่อุ่นไว้มากินต่อเธอหิวจริง ๆ…วันรุ่งขึ้นหลินเซียงจ้างช่างมาเปลี่ยนลูกบิดประตู เปลี่ยนรหัสลิฟต์ แล้วค่อยไปทำงานวันนี้ซืออวี่มาเร็วมาก แต่กลับดูอิดโรยหลินเซียงถามด้วยความสงสัย “เป็นอะไรคะ? ช่วงนี้นอนไม่หลับเหรอ?”ซืออวี่หาว “ใช่แล้ว สองวันนี้ยุ่งมาก ฮอร์โมนแปรปรวนหมด ไม่สวยแล้ว”หลินเซียงหัวเราะ “งั้นก็กลับไปพักผ่อนเถอะค่ะ”ซืออวี่ส่ายหัว “ไม่ อยู่ที่นี่ก็พักได้”หลินเซียง “…”สุดยอดเลยเธอดึงเก้าอี้นั่งลง มีนมกล่องหนึ่งอยู่ตรงหน้า พอมองขึ้นไปก็เห็นสวี่ซิงเย่ยิ้มเขินอายเล็กน้อย“ผมซื้อนมมา แต่ลืมไปว่าตัวเองแพ้นม ถ้าคุณไม่รังเกียจก็ช่วยผมดื่มใ
หลินเซียงโมโหจนอยากจะเตะคน!“ปล่อย!”ลู่สือเยี่ยนก้มมองเธอ เดินเข้าไปพร้อมกับพูดว่า “ไม่ปล่อย ถ้าปล่อยเดี๋ยวคุณก็ตีผมสิ”หลินเซียงมองเขาด้วยความโมโห ไม่ใช่แค่ “เดี๋ยวก็” แต่เป็น “แน่ ๆ!”ผู้ชายคนนี้น่าทุบจริงๆ!เขาเดินสำรวจไปรอบ ๆ บ้านก็ไม่พบผู้ชายแปลกหน้าคนไหน ความเย็นชาของลู่สือเยี่ยนก็ลดลง เขาโอบหลินเซียงไปที่ห้องครัว เมื่อเห็นกับข้าวบนโต๊ะอาหารก็เลิกคิ้วเล็กน้อยเขาบีบเอวเธอเบา ๆ กระซิบว่า “คุณไม่ได้บอกว่าไม่ได้ทำกับข้าวหรือไง?”หลินเซียง “ฉันแค่ไม่อยากให้คุณเข้ามา ไม่อยากให้คุณกิน ฟังไม่ออกหรือไง?”ลู่สือเยี่ยน “ฟังออก แต่ผมไม่ทำตาม”หลินเซียง “…”น่าโมโหมาก!ผู้ชายคนนี้หน้าด้านจริง ๆ!เมื่อเห็นสีหน้าบึ้งตึงของเธอ อารมณ์ของลู่สือเยี่ยนกลับดีขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาปล่อยเธอ แล้วดึงเก้าอี้มานั่งข้าง ๆ หยิบตะเกียบขึ้นมากินช้อนส้อมนั้นเป็นของหลินเซียงข้าวในนั้น เธอกินไปคำหนึ่งแล้วด้วยซ้ำเมื่อเห็นท่าทางที่ไม่เกรงใจของเขา หลินเซียงกอดอก ถามว่า “ลู่สือเยี่ยน คุณหมายความว่ายังไง?”“หืม?”ลู่สือเยี่ยนกินข้าวไปด้วย เงยหน้ามองเธอ เหมือนกับว่าไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าเธอหมายความว่าอ
หลินเซียงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ไม่ต้องแล้วค่ะพี่หาน ฉันกินข้าวเรียบร้อยแล้ว”ฉินโหย่วหานลอกว่า “งั้นไปกินของว่างก็ได้ หลินเซียง ผมดีใจกับคุณจริง ๆ”หลินเซียงกล่าวว่า “งั้นก็รอให้ทุกคนมีเวลาก่อน แล้วเราค่อยไปกินข้าวด้วยกันเถอะค่ะ”นั่นหมายความว่า เธอจะไม่กินข้าวกับฉินโหย่วหานตามลำพังฉินโหย่วหานเงียบไปชั่วขณะครู่ใหญ่จึงพูดว่า “หลินเซียง คุณไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความหวังดีของคนอื่นอย่างเด็ดขาด ทุกอย่างควรจะเผื่อลู่ทางไว้บ้าง”ใจของหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย พูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร เธอยิ้มรับ “พี่หาน ฉันรู้ค่ะ”ฉินโหย่วหาน “อืม ถ้าอยากผ่อนคลายก็ไปที่บาร์ของผมได้ เหล้าที่นั่นคุณดื่มได้ไม่อั้น”หลินเซียง “ได้ค่ะ ไว้ฉันจะไปกับซ่งซ่ง แล้วดื่มเหล้าของคุณให้หมดบาร์!”ฉินโหย่วหาน “ยินดีเลย”ทั้งสองคนคุยกันสักพัก แล้ววางสายหลินเซียงนั่งอยู่บนโซฟา มองเพดานที่สวยงาม รู้สึกอยากดื่มขึ้นมาจริง ๆแต่ซ่งซ่งยุ่งกลับมากเธอเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วถึงกับอึ้งไปเห็นว่าในตู้เย็นเต็มไปด้วยวัตถุดิบสดใหม่ เป็นของที่เธอชอบทั้งนั้น มือที่จับขอบประตูตู้เย็นของเธอกำแน่นขึ้นค
ไฟถนนสว่างไสว ส่องสว่างครึ่งใบหน้าของลู่สือเยี่ยน คิ้วและดวงตาที่ลึกซึ้งของเขาถูกบดบังด้วยความมืดในรถ ทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “งั้นคืนนี้คุณมีที่อยู่ไหม?”หลินเซียงตอบ “ฉันไปหาซ่งซ่งก็ได้ หรือไปพักโรงแรมก็ได้ เมืองอวิ๋นเฉิงออกจะใหญ่ขนาดนี้ แล้วฉันก็รวยขนาดนี้ จะไม่มีที่อยู่ได้ยังไง”“เหอะ!”ไม่รู้ว่าประโยคไหนทำให้ลู่สือเยี่ยนหัวเราะ เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “เฟิงหลินหย่วนโอนกลับเป็นชื่อของคุณแล้ว คืนนี้คุณกลับไปที่นั่นก็ได้”หลินเซียงประหลาดใจ “ทำเรื่องเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”ลู่สือเยี่ยน “ผมยังใจดีพาคุณไปส่งได้ด้วยนะ”หลินเซียง “ไม่ต้อง”พูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไปลู่สือเยี่ยนพูดตามหลังเธอ “เราหย่ากันแล้ว กลัวว่าผมจะจับคุณกินเหรอ?”หลินเซียงไม่หันกลับมา “เราไม่มีความสัมพันธ์กันแล้ว ควรรักษาระยะห่างไว้บ้าง อย่าให้คนเข้าใจผิด แล้วมาโทษฉัน สร้างความเดือดร้อนให้ฉันอีก”ลู่สือเยี่ยนไม่พูดอะไรอีก ดวงตาที่มืดมนจ้องมองแผ่นหลังที่ผอมบางของเธอ จนกระทั่งเธอขึ้นรถกระจกรถของเขาค่อย ๆ เลื่อนขึ้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฟู่จิ่น
เซี่ยหว่านถือกล่องข้าวเดินเข้าไปในห้องทำงานซ่งจั่วเห็นดังนั้น รีบพูดว่า “คุณเซี่ย ข้างในมีแขกอยู่ คุณรอสักครู่แล้วค่อยเข้าไปดีไหมครับ?”เซี่ยหว่านมองเขา สีหน้าของเขาดูมีพิรุธเล็กน้อย แววตาของเธอฉายประกายบางอย่างก่อนพูดขึ้น “เที่ยงแล้ว จะมีแขกที่ไหนอีก?”พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในห้องทำงานทันทีซ่งจั่วมองดูแผ่นหลังของเธอพลางขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ขัดขวางเซี่ยหว่านผลักประตูห้องทำงานเข้าไป เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ลู่สือเยี่ยน กำลังก้มลงพูดอะไรบางอย่างกับเขา ท่าทางของทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากเซี่ยหว่านเห็นภาพนั้น ดวงตาของเธอก็ลุกวาวไปด้วยความโกรธทันที!“สือเยี่ยน ใครน่ะ?”ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไป เหลือบมองเซี่ยหว่าน “ทำไมไม่เคาะประตู?”เซี่ยหว่านกำกล่องข้าวแน่น เดินเข้าไปอีกสองก้าวแล้วพูดว่า “สือเยี่ยน อย่าลืมเรื่องที่คุณย่าพูดนะ”ลู่สือเยี่ยนหันไปมองผู้หญิงคนนั้น และบอกว่า “นั่งรอก่อน”เจียงอินอินมองเซี่ยหว่าน รู้สึกได้ถึงความเป็นศัตรูของเซี่ยหว่านที่มีต่อตัวเอง เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยเธอรู้จักเซี่ยหว่านก่อนหน้านี้ลู่สือเยี่ยนเคยจะหย่ากับหลินเซียงเพื่อเซี่ยหว่านที่แท้เป็
ใครบ้างโตขึ้นมาได้โดยไม่ต้องเอาบางอย่างเข้าแลก?คุณย่าลู่มองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ครู่ใหญ่จึงถอนหายใจเบาๆ “ก็ได้ ฉันไม่บังคับให้เธอกับหว่านหว่านแต่งงานกันทันทีหรอก แต่สถานะว่าที่คู่หมั้นของหลานกับเธอนั้นเปลี่ยนไม่ได้ แล้วฉันก็ยอมรับแค่เธอคนเดียวเท่านั้นเป็นหลานสะใภ้”ลู่สือเยี่ยน “สะใภ้ของหลานคนไหน?”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว “ตอนนี้ฉันมีหลานชายแค่เธอคนเดียว!”ลู่สือเยี่ยน “งั้น ถ้าตระกูลลู่มีหลานชายเพิ่มอีกคน เธอก็ไม่ต้องแต่งงานกับผมแล้วใช่ไหมครับ?”“แก!”คุณย่าลู่โกรธจนตัวสั่น เครื่องตรวจจับการเต้นของหัวใจเริ่มส่งเสียงดัง สีหน้ายิ่งซีดลงไปเรื่อย ๆลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืน “จากนี้ไปงานผมจะยุ่งมาก จะไม่มาทำให้คุณย่าปวดหัวอีก พูดตามตรงแล้ว ตอนที่คุณย่าสติเลอะเลือนเพ้อเจ้อยังน่ารักซะกว่า”พูดจบก็ไม่มองสีหน้าของคุณย่าลู่ เดินจากไปทันทีหมอและพยาบาลวิ่งเข้ามาเป็นกลุ่ม ตรวจสอบอาการของคุณย่าลู่ ช่วยปรับความดันโลหิตให้เธอตอนที่เซี่ยหว่านเข้ามา เห็นคุณย่าลู่หน้าซีด กำลังหายใจหอบ“คุณย่าลู่ เป็นไปคะ?”เธอปรี่เข้าไป วางมือทาบอกของคุณย่าลู่ ถามด้วยความเป็นห่วงคุณย่าลู่เห็นเธอเข้ามาก็คว้ามื
ซ่งซ่ง “สบายใจได้เลย ไอ้บ้านั่นแกล้งฉันไม่ลงหรอก พอฉันเบื่อก็จะถีบหัวส่งเอง”หลินเซียงรู้สึกไม่ค่อยดีกลัวที่สุดคือซ่งซ่งจะเล่นจนพลาด ทำให้ฟู่จิ่นซิ่วน้อยใจ เขาอาจจะเลวร้ายกว่าลู่สือเยี่ยนเสียอีกหลินเซียงบอกความกังวลของเธอ “ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะ”ซ่งซ่ง “ได้ ๆ รู้แล้ว”หลินเซียง “งั้นฉันไม่รบกวนเวลาทำงานแล้ว ไปก่อนนะ บาย”“จุ๊บ จุ๊บ”…หลินเซียงกลับไปที่สตูดิโอโดยตรงสภาพจิตใจของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงสวี่ซิงเย่เป็นคนแรกที่สังเกตเห็น จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องอะไรทำให้คุณมีความสุขขนาดนี้ครับ?”หลินเซียงประหลาดใจ “เห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?”สวี่ซิงเย่พยักหน้า “ชัดแจ๋วเลย ก่อนหน้านี้คุณทำงานไม่เคยยิ้ม วันนี้ยิ้มตลอดเวลา”หลินเซียงลูบหน้า แล้วพูดว่า “อืม ปิดการขายได้น่ะ เซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อย ใกล้จะรวยแล้ว ก็เลยมีความสุข”สวี่ซิงเย่ “งั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”“ขอบคุณ”หลินเซียงยิ้มเล็กน้อย แล้วหันไปเปิดคอมพิวเตอร์เธอมองไปรอบ ๆ ออฟฟิศ พบว่าวันนี้ซืออวี่ไม่ได้มา แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ แล้วเริ่มทำงานทันทีที่โรงพยาบาลลู่สือเยี่ยนโยนใบหย่าลงตรงหน้าคุณย่าลู่ ดึ