หลินเซียงยิ้มบาง ๆ “นายเองก็เปลี่ยนไปเยอะเหมือนกันนะ ถ้าไม่เรียก ฉันคงจำไม่ได้หรอก”ทั้งสองคนเติบโตมาด้วยกันที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้า ตอนเด็ก ๆ ความสัมพันธ์ยังแน่นแฟ้นกันดีอยู่ แต่หลังจากเกิดเรื่องบางอย่าง พวกเขาก็เริ่มห่างเหินกันไปหลินเซียงออกไปเรียนต่อมหาวิทยาลัย ทำให้ขาดการติดต่อกับพวกเขาฉีจื่อเหิงถาม “งั้นเหรอ? เธอกลับมาเยี่ยมพวกเรารึเปล่า?”“ใช่”หลินเซียงพยักหน้า เดิมทีเธอตั้งใจจะพักใจสักหน่อยก่อนกลับไป แต่ดูเหมือนจะทำไม่ได้แล้วดวงตาของฉีจื่อเหิงเป็นประกาย “ดีเลย หลินเซียง ถ้ากลับไป คุณแม่ผู้อำนวยการต้องดีใจแน่ ช่วงหลายปีที่ผ่านมา ท่านคิดถึงเธอตลอดเลยนะ”หลินเซียงยิ้ม “ฉันจะไปซื้อของหน่อย ไปด้วยกันไหม?”“ได้สิ”ฉีจื่อเหิงพยักหน้าต่อมา หลินเซียงรู้ว่าฉีจื่อเหิงเพิ่งจบการศึกษา ยังไม่มีงานทำ กลับมาที่เทศมณฑลอันเพื่อหางานที่มั่นคง เพื่อจะได้กลับมาช่วยงานที่สถานเลี้ยงเด็กกำพร้าได้บ่อย ๆหลินเซียงแค่ยิ้มและรับฟัง แต่แววตาของเธอดูเรียบเฉยหลังจากซื้อของเสร็จ เธอยกของขึ้นรถ แล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ กลับกันได้แล้ว”ฉีจื่อเหิงเปิดประตูรถ พูดด้วยความรู้สึก “พูดถึงเรื่องนี้ ในบรร
หลินเซียงก้มหน้าลงเล็กน้อย ไม่พูดอะไรจริง ๆ แล้วเธอตั้งใจจะให้เงินหลิวอวี้เฟินเหมือนกันแต่พอเห็นท่าทางแบบนี้ เธอก็รู้สึกหมดความสนใจไปทันทีบางทีตอนที่เธอก่อตั้งสถานเลี้ยงเด็กกำพร้านี้ หลิวอวี้เฟินอาจจะสงสารเด็ก ๆ จริง ๆ ตอนเด็กหลินเซียงก็เคยได้รับความอบอุ่นบ้างแต่หลังจากนั้น พอมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทุกอย่างก็ไม่บริสุทธิ์อีกต่อไปหลินเซียงดึงเก้าอี้มานั่งหลิวอวี้เฟินมองเธอด้วยความไม่พอใจฉีจื่อเหิงรีบพูด “คุณแม่ผู้อำนวยการครับ หลินเซียงตกงานอยู่นะครับ เธอจะเอาเงินมาจากไหนล่ะครับ”หลิวอวี้เฟินหัวเราะเยาะ “ไปอยู่เมืองอวิ๋นเฉิงตั้งหลายปี สุดท้ายกลับตกงานเนี่ยนะ? หลินเซียง ตอนนี้เธอคงนึกเสียใจแล้วที่ไม่เชื่อฟังฉันใช่ไหม? ถ้าเธอเชื่อฟังฉันซะ ตอนนี้เธอคงเป็นคุณนายรวยอู้ฟู่ไปนานแล้ว!”ฉีจื่อเหิงมองหลินเซียงด้วยสีหน้าอึดอัด รีบเปลี่ยนเรื่องทันที “คุณแม่ผู้อำนวยการครับ เด็กคนอื่น ๆ ล่ะครับ? ไปโรงเรียนกันหมดแล้วเหรอ?”หลิวอวี้เฟินตอบอย่างเย็นชา มองเขา “เธอเองก็ด้วย หางานได้หรือยัง? ค่าใช้จ่ายเดือนนี้เกินงบแล้วนะ รีบหาเงินมาคืนด้วย”ฉีจื่อเหิงยิ่งอึดอัดเข้าไปใหญ่“ผู้อำนวยกา
เสียงเซวียนเซวียนดังขึ้น “เธอกลับมาทำไม? หรือว่าหายโกรธเรื่องตอนนั้นแล้ว?”หลิวอวี้เฟินตอบ “ฉันเองก็ไม่คิดว่าเธอจะกลับมา เซวียนเซวียน ตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่จะคิดถึงเรื่องนี้ ถ้าเธอค้นพบอะไรขึ้นมาจะทำยังไง?”เซวียนเซวียนยิ้ม “ไม่หรอกค่ะ คุณแม่ผู้อำนวยการ เธอไม่รู้เรื่องนี้แน่ แต่เพื่อป้องกันเหตุการณ์ไม่คาดฝัน คุณแม่ผู้อำนวยการก็สานต่อในสิ่งที่ยังทำไม่สำเร็จในตอนนั้นได้เลยนะคะ”ดวงตาของหลิวอวี้เฟินเป็นประกาย “ได้ ฉันเข้าใจแล้ว!” แล้วเธอก็ถาม “เซวียนเซวียน เธอจะกลับมาเมื่อไหร่? นานแค่ไหนแล้วที่เธอไม่ได้กลับมาเยี่ยมฉันเลย”น้ำเสียงของเซวียนเซวียนเย็นลงเล็กน้อย “คุณแม่ผู้อำนวยการคะ ฉันติดธุระนิดหน่อย ต้องไปจัดการก่อน เดี๋ยวฉันโอนเงินให้ห้าแสน คุณแม่ผู้อำนวยการเอาไปซื้อของอร่อยกินนะคะ”“จ้ะ ได้เลย เซวียนเซวียนของฉันนี่ฉลาดที่สุด ไม่เหมือนหลินเซียง กลับมาก็ซื้อแต่ของไร้สาระ ใครอยากได้กันล่ะ!”หลังวางสายแล้ว ดวงตาของหลิวอวี้เฟินเป็นประกาย เธอมองโทรศัพท์ ค้นหาเบอร์เบอร์หนึ่งแล้วกดโทรออก“สวัสดีค่ะ? คุณชายเผิงใช่ไหมคะ? คุณยังจำหลินเซียงได้ไหม?”…หลังออกมาจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้าแล้วฉีจื่
หลินเซียงคิดว่าพอรู้เรื่องพ่อแม่ที่แท้จริงแล้ว เธอก็จะออกจากอำเภออันทันที เลยอดทนและพูดว่า “ได้ค่ะ”หลิวอวี้เฟินหัวเราะเยาะ “ให้มันได้อย่างนี้สิ”หลังจากพูดอย่างนั้นแล้วก็วางสายไปหลินเซียงวางโทรศัพท์ไว้ข้าง ๆ คลุมผ้าห่มแล้วนอนหลับตอนเย็นร้านเฝ่ยชุ่ยจูหลินเซียงเดินมา เห็นหลิวอวี้เฟินยืนอยู่ที่หน้าประตูด้วยท่าทางร้อนใจเธอเดินเข้าไป “ผู้อำนวยการหลิวคะ”หลิวอวี้เฟินเห็นเธอแล้วทำท่าเหมือนโล่งใจ คว้ามือเธอไว้ “ทำไมมาช้าจัง? ไม่อยากรู้เรื่องของชิ้นนั้นแล้วเหรอ?”หลินเซียงดึงมือออก “เราเข้าไปข้างในกันเถอะค่ะ”“ใช่ เข้าไปข้างในกัน ฉันจองห้องไว้แล้ว อาหารที่นี่ฉันอยากมาลองชิมมานานแล้ว แต่ก็มีเด็ก ๆ ต้องดูแล พวกเธอนี่ไม่เอาไหนเลย ไม่รู้จักหาเงินให้ได้เยอะ ๆ”หลิวอวี้เฟินบ่นไปตลอดทางพอเข้าไปข้างใน เธอทำท่าประหลาดใจกับทุกสิ่งทุกอย่าง เหมือนกับไม่เคยเห็นโลกกว้างในขณะที่หลินเซียงทำหน้าสงบราบเรียบตลอดเวลาถึงห้องส่วนตัวแล้ว หลิวอวี้เฟินหยิบเมนูขึ้นมา สั่งอาหารอย่างกระตือรือร้นหลินเซียงไม่รีบร้อน เธอรู้จักนิสัยโลภมากของหลิวอวี้เฟินดี ถ้าไม่ทำให้เธอรู้สึกพอใจซะก่อน ก็อย่าหวังเลยว่
หลิวอวี้เฟินดูถูกหลินเซียง พลางกินอาหารที่หลินเซียงเป็นคนจ่ายอย่างเอร็ดอร่อยหลินเซียงรู้สึกหงุดหงิดอย่างที่สุดในที่สุด หลิวอวี้เฟินก็กินอิ่มหนำสำราญ เธอลุกขึ้นยืน “ฉันขอไปเข้าห้องน้ำหน่อย”หลินเซียงวางตะเกียบลง รอให้หลิวอวี้เฟินกลับมา แล้วจะถามให้รู้เรื่องว่าของชิ้นนั้นคืออะไรแต่หลังจากผ่านไปครึ่งชั่วโมง หลิวอวี้เฟินก็ยังไม่กลับมาสักทีหลินเซียงเลิกคิ้วขึ้น หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาหลิวอวี้เฟินไม่มีคนรับสายใบหน้าของหลินเซียงเย็นยะเยือกทันที“โครม!”ทันใดนั้น ประตูห้องก็ถูกเปิดออกอย่างแรง ชายหนุ่มรูปร่างกำยำคนหนึ่งเดินเข้ามา เขาสวมแจ็กเก็ตหนัง ท่าทางเจ้าเล่ห์ เมื่อเห็นหลินเซียง ดวงตาของเขาก็เป็นประกายทันที“หลายปีแล้วที่ไม่ได้เจอกัน ไม่คิดว่าเธอจะสวยขึ้นขนาดนี้!”หลินเซียงลุกขึ้นยืน มองคนที่มาใหม่ด้วยความระมัดระวังเผิงไซว่ลูกชายรองนายกเทศมนตรีเทศมนฑลอัน เป็นคนก้าวร้าว มีชื่อเสียงที่แย่มากห้าปีก่อน ในคืนที่เธอได้รับใบประกาศผลการสอบเข้ามหาวิทยาลัย หลิวอวี้เฟินบอกว่าจะจัดงานฉลองให้ พาเธอไปกินข้าว แต่กลับใส่ยาในอาหารของเธอ แล้วส่งเธอที่ยังไม่หมดสติไปยังเตียงของเผิงไซว่
บรรยากาศในห้องอาหารหรูหรา ลู่สือเยี่ยนแสดงสีหน้าเรียบเฉยและเย็นชา พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ปรับปรุงแก้ไขรายงานให้สมบูรณ์ต่อไป ส่วนอื่น ๆ ผมจะตรวจสอบเอง”“ครับ” รองผู้ว่าราชการมณฑลรีบพยักหน้า “คุณต้องอยู่ที่มณฑลอันนานขึ้นอีกสักสองสามวันนะครับ เพื่อสัมผัสบรรยากาศและวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่”ทันใดนั้น ประตูห้องอาหารก็เปิดออก เสี่ยวหลี่เดินเข้ามาด้วยสีหน้าเคร่งเครียด กระซิบข้างหูรองผู้ว่าราชการมณฑลสองสามคำสีหน้าของรองผู้ว่าราชการมณฑลเปลี่ยนไป แต่ด้วยความที่ลู่สือเยี่ยนอยู่ตรงนั้น เขาจึงไม่กล้าแสดงออกมากนักขณะที่กำลังจะสั่งการอะไรบางอย่าง ประตูห้องอาหารก็ถูกเปิดออกอีกครั้ง หญิงสาวคนหนึ่งวิ่งเข้ามาด้วยสีหน้าแตกตื่น!ห้านาทีก่อน…ในห้องอาหารด้านข้าง…เผิงไซว่ค่อย ๆ สาวเท้าเข้าไปหาหลินเซียง มองดูเสื้อเชิ้ตที่เธอสวมใส่ แทบจะกระโจนเข้าไปฉีกเสื้อผ้าของเธอทันที!“อย่าเข้ามาใกล้ฉันนะ! ถ้าแกกล้าแตะต้องฉัน ฉันจะทำให้แกต้องเดือดร้อนแน่!”ใบหน้าของหลินเซียงซีดเผือด ดวงตาของเธอกวาดมองไปรอบ ๆ เพื่อหาสิ่งของอะไรสักอย่างมาป้องกันตัวเผิงไซว่หัวเราะ ไม่สนใจคำขู่ของเธอ “ก็ลองดูสิ ในมณฑลอัน ฉั
รองผู้ว่าราชการมณฑลหันไปมองลู่สือเยี่ยนอย่างระมัดระวัง ก่อนจะถามขึ้นว่า “ท่านประธานลู่ มีอะไรหรือเปล่าครับ?”เขามองเผิงไซว่แล้วส่งสายตาดุใส่ เพื่อไม่ให้เขาสร้างความวุ่นวายต่อหน้าลู่สือเยี่ยนหากทำให้นักธุรกิจผิดใจเข้า เผิงไซว่จะเป็นตัวซวยของมณฑลอันทันที แม้แต่พอของเขาก็ไม่อาจช่วยได้!เผิงไซว่ก็รู้ถึงความสำคัญของเรื่องนี้ ดังนั้นถึงแม้ว่าตอนนี้เขาอยากจะจับหลินเซียงไปให้รู้แล้วรู้รอด แต่ก็ไม่กล้าทำอะไร ชายหนุ่มที่นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะทั้งทรงอำนาจและดุดันอย่างยิ่ง ความกดดันที่มองไม่เห็นปกคลุมตัวเขา ลมหายใจของเขาแปรเปลี่ยนเป็นระมัดระวังมากขึ้นสายตาที่เย็นชาและแหลมคมของลู่สือเยี่ยนมองไปที่ใบหน้าของเผิงไซว่ “คุณบอกว่าเธอเป็นแฟนคุณงั้นเหรอ?”เผิงไซว่ตกใจ ถึงไม่ค่อยเข้าใจแต่ก็พยักหน้า “ใช่ครับ”เสียงพูดจบลง ความเย็นยะเยือกแผ่ขยายออกไป ทุกคนในห้องอาหารรู้สึกถึงความหนาวเย็น!ขนตาของหลินเซียงสั่นไหว ริมฝีปากของเธอเม้มเข้าหากันเขาหมายความว่ายังไง?คิดจะเปิดเผยสถานะของเธองั้นเหรอ?แต่เธอรู้สึกต่อต้าน ไม่อยากให้เขามาก้าวก่ายเรื่องของเธอ เพราะไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องกับเขาอีกต่อไป“แบบนี่เอง
“อย่าร้อง!” เสียงทุ้มต่ำทรงเสน่ห์ของผู้ชายดังขึ้น การดิ้นรนของหลินเซียงหยุดชะงักทันทีลู่สือเยี่ยน!ความกลัวในใจของเธอหายไปอย่างไม่น่าเชื่อ เธอไม่ได้ดิ้นรนต่อ เพียงแค่หายใจหอบเล็กน้อย ร่างกายยังสั่นเทาเล็กน้อยเพราะความหวาดกลัวลู่สือเยี่ยนปล่อยมือจากปากของเธอ ภายใต้แสงสลัว ใบหน้าหล่อเหลาคมเข้มของเขาดูเย็นชา “หลินเซียง ผมอนุญาตให้คุณลาออกแล้วเหรอ? ตอนนี้สถานะของคุณถือว่าขาดงานนะ!”ขนตายาวของหลินเซียงสั่นไหว แล้วตอบกลับว่า “งั้นก็หักเงินเดือนฉันสิ”ลู่สือเยี่ยนโกรธจนหน้าเปลี่ยนสี เขาบีบคอเธอ บังคับให้เธอมองตาเขา “ทำไมถึงขายบ้าน?”ท่าทางข่มเหงแบบนี้หลินเซียงไม่ชอบเอาซะเลย เธอพยายามผลักเขาออก แต่เขามีแรงมากกว่า เธอมีแรงไม่พอ“บ้านก็ของฉัน ฉันจะจัดการยังไงก็เป็นสิทธิ์ของฉัน เกี่ยวอะไรกับคุณ?”หลินเซียงพูดอย่างเย็นชาถ้ารู้ว่าเขาจะมาลงทุนที่มณฑลอัน เธอคงไม่รีบกลับมา แน่นอนว่าจะต้องเที่ยวเล่นให้เต็มที่ซะก่อนแต่ตอนนี้ อารมณ์อยากเที่ยวกลับหดหายไปหมดแล้วความเย็นชาในดวงตาใสแจ๋วของเธอมองแล้วช่างน่าเจ็บปวด ลู่สือเยี่ยนรู้สึกเหมือนมีไฟลุกโชนอยู่ในอก แต่ไม่มีที่ระบายเขาพยายามติดต่อเธอต
ซ่งซ่งนอนไม่หลับ พลิกตัวไปมาอยู่บนเตียง ทั้งตื่นเต้นและกังวลใจ เมื่อคิดว่าตัวเองกำลังจะออกจากเมืองอวิ๋น ออกไปจากฟู่จิ่นซิ่ว คนที่น่ารังเกียจนั่น เธอก็รู้สึกตื่นเต้นแทบแย่แทบนับเวลาถอยหลัง“ปัง ปัง ปัง!”แต่ในขณะนั้นเอง เสียงเคาะประตูดังสนั่นก็ดังขึ้นซ่งซ่งตกใจ รีบลุกขึ้นมองออกไปข้างนอก เด็กผู้หญิงก็ตกใจตื่นเช่นกัน “ใครน่ะ?”ในใจของซ่งซ่งมีความรู้สึกไม่ดีแวบเข้ามา หรือว่าเขาจะตามทันแล้ว?เร็วขนาดนี้เลยเหรอ?เธอลุกจากเตียงพูดว่า “ฉันไปดูเอง พวกเธออย่าออกมาล่ะ”เด็กผู้หญิงกังวลใจ “ซ่งซ่ง จะไม่เป็นไรใช่ไหม?”ซ่งซ่งพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง ไม่มีอะไรหรอก”เธอสวมเสื้อผ้าออกจากบ้าน “ใคร?”เธอถามอย่างระมัดระวัง“ซ่งซ่ง ฉันเอง รีบออกมาเร็ว!”เสียงของหลินเซียงดังขึ้นที่หน้าประตูซ่งซ่งชะงัก รีบไปเปิดประตู “ที่รัก กลับมาทำไม?”เธอไม่ได้กลับบ้านไปแล้วเหรอ?พอคำนวณเวลาแล้ว ตอนนี้ควรจะถึงเฟิงหลินหย่วนแล้วสิหลินเซียงจับข้อมือเธอ สีหน้ากระวนกระวาย “ฉันเห็นรถของฟู่จิ่นซิ่ว เขาหาเธอเจอแล้ว ไปกันเร็ว!”เมื่อได้ยินดังนั้น ซ่งซ่งก็ตกตะลึง “หาฉันเจอแล้ว? หาฉันเจอได้ยังไง?”การเคลื่อนไหวขอ
หลินเซียงใส่ขนมปังกรอบลงในถุง จัดเตรียมให้เรียบร้อย พลางพูดว่า “เวลาจำกัด ฉันเลยทำแค่อาหารที่เก็บรักษาง่ายและรสชาติใช้ได้ ให้เธอมีอะไรรองท้องระหว่างทาง”เมื่อได้ยินแบบนั้น ซ่งซ่งก็กะพริบตา แล้ววิ่งเข้ามากอดเธอ “ที่รัก ทำไมน่ารักแบบนี้นะ หรือพวกเราหนีไปด้วยกันเลยดีไหม!”หลินเซียงยิ้ม “พอแล้ว ไปล้างหน้าเร็ว ฉันจะไปส่งเธอที่ชานเมือง”รถบัสรอบแรกมาถึงพรุ่งนี้เช้า ซ่งซ่งต้องไปรอตั้งแต่คืนนี้แต่ซ่งซ่งส่ายหน้า “ไม่ต้อง ฉันติดต่อคนไว้แล้ว เธอพักผ่อนที่บ้านเถอะ ฉันไม่เป็นไร”หลินเซียงพูดว่า “ไม่ได้ ถ้าฉันไม่ไปส่งเธอด้วยตัวเอง ฉันไม่สบายใจ”ซ่งซ่งมองสีหน้าจริงจังของเธอ รู้ว่าเธอตัดสินใจแล้ว จึงกอดเธออีกครั้ง “ฮือ ฮือ ไม่อยากจากเธอเลย”หลินเซียงพาเธอไปที่ห้องน้ำ ดูแลเธอขณะล้างหน้าล้างตา ตรวจสอบสิ่งของที่จำเป็นอาหาร เครื่องดื่ม และของใช้ส่วนตัวง่าย ๆ ล้วนเป็นแบบใช้แล้วทิ้งอืม เกือบครบแล้วหลังจากจัดของเสร็จ ทั้งสองคนก็อยู่ด้วยกันอีกพักหนึ่ง ก่อนจะออกเดินทางตอนตีสองเมืองอวิ๋นในยามดึกเงียบสงบ ถนนแทบไม่มีรถสัญจร ผู้คนยิ่งไม่มีหลินเซียงขับรถไปทางชานเมือง ส่วนซ่งซ่งก็พูดถึงความหวังในอน
หลินเซียง “…”แม้ว่าครั้งที่แล้วจะสังเกตเห็นความผิดปกติของคนทั้งสอง แต่เมื่อได้ยินสิ่งที่ซ่งซ่งพูดออกมาในตอนนี้ เธอก็พูดอะไรไม่ออกการที่เรื่องราวพัฒนามาถึงจุดนี้ จริง ๆ แล้วมีร่องรอยให้เห็นฟู่จิ่นซิ่วให้ความสนใจกับซ่งซ่งมากเกินไป และซ่งซ่งก็ไม่ได้ระวังตัวเพียงแต่…ตอนนี้เพิ่งจะคิดได้ จะสายเกินไปหรือเปล่า?หลินเซียงพูดความกังวลของตัวเองออกมาซ่งซ่งเข้ามาใกล้ และกระซิบว่า “ที่รัก ฉันวางแผนไว้แล้ว ฉันจะไม่นั่งเครื่องบินหรือรถไฟ แต่จะนั่งรถบัสไป เป็นรถบัสแบบที่วิ่งตามท้องถนนในชนบท ตราบใดที่ฉันออกจากเมืองอวิ๋นไปได้อย่างปลอดภัย ถึงเขาจะอยากหาฉันก็หาไม่เจอ”หลินเซียงขมวดคิ้ว “แต่แบบนั้นไม่ปลอดภัยนะ”ซ่งซ่ง “ตอนนี้ฉันยังต้องสนใจเรื่องความปลอดภัยอยู่อีกเหรอ? ถ้ายังอยู่ในเมืองอวิ๋น ฉันก็ไม่ปลอดภัยอยู่ดี ฉันเลยต้องคิดแล้วตัดสินใจไปแบบกะทันหัน เขาคงเดาไม่ได้ว่าฉันจะไปเมื่อไหร่”หลินเซียงยังคงรู้สึกไม่ดี เปลี่ยนมาถามว่า “แล้วงานของเธอล่ะ?”ซ่งซ่งพูดว่า “ฉันขอลาออกแล้ว และวันนี้ก็เริ่มส่งใบสมัครงาน สร้างภาพลวงตาว่าฉันแค่อยากเปลี่ยนงานเฉยๆ”เธอวางแผนทุกอย่างไว้แล้ว หลินเซียงไม่รู้จะพูดอะ
บรรยากาศในลิฟต์ค่อนข้างแปลกประหลาดมีความเย็นชาปะปนกับความผ่อนคลาย บรรยากาศที่กดดันแผ่ซ่านไปทั่ว แต่เมื่อปะทะกับฉินโหย่วหานและหลินเซียง มันก็หายไปความรู้สึกแปลกประหลาดที่อธิบายไม่ได้ ทำให้รู้สึกอึดอัดลิฟต์เคลื่อนขึ้นไปอย่างราบรื่น ไม่นานประตูลิฟต์ก็เปิดออก ลู่สือเยี่ยนก้าวออกไปด้วยสีหน้าเย็นชาเป็นอย่างมากฉินโหย่วหานมองตามแผ่นหลังของเขา เลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความประหลาดใจ เขาไม่ทำอะไรเลย นี่ไม่เหมือนนิสัยปกติของเขาหรือว่าเขาจะยอมปล่อยหลินเซียงแล้วจริง ๆ?ประตูลิฟต์ปิดลง สายตาของฉินโหย่วหานจับจ้องไปที่ใบหน้าของหลินเซียง แต่เห็นเธอมองประตูลิฟต์อย่างเหม่อลอยไม่ใช่สิ่งที่เธอมองน่าจะเป็นลู่สือเยี่ยนเพียงแต่ตอนนี้ประตูลิฟต์ปิดลง บดบังสายตาของเธอไว้ในดวงตาของฉินโหย่วหานมีความเย็นชาเพิ่มขึ้น เขาถามว่า “คิดอะไรอยู่?”ขนตาของหลินเซียงสั่นเล็กน้อย “ฉันแค่คิดว่า ในเรื่องนี้ เขากำลังรับบทบาทเป็นอะไร”ฉินโหย่วหานกล่าวว่า “ไม่ว่าเขาจะแสดงบทบาทไหน ก็ไม่เกี่ยวกับพวกเราแล้ว”หลินเซียงเหม่อลอยไปครู่หนึ่งแล้วพยักหน้า “คุณพูดถูก”เธอและลู่สือเยี่ยนหย่ากันแล้วดังนั้นจึงไม่มีความเกี่
ฉินโหย่วหานครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “บอกเรื่องที่คุณรู้ทั้งหมดให้ผมฟังหน่อย”หลินเซียงพยักหน้า เล่าเรื่องราวทั้งหมดให้เขาฟังอย่างละเอียดครู่หนึ่ง ฉินโหย่วหานก็หัวเราะเบา ๆหลินเซียงมองเขา “เป็นอะไรไป?”ฉินโหย่วหานพูดว่า “หลินเซียง ผมขอเดาแบบบ้า ๆ เลยนะ”“พูดมาก่อนค่ะ” หลินเซียงมองเขาอย่างจริงจัง ในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัยฉินโหย่วหานจอดรถข้างทาง เอามือวางบนพวงมาลัย บนใบหน้าหล่อเหลาและอ่อนโยนปรากฏรอยยิ้มขบขัน “คุณว่ามีความเป็นไปได้ไหม ที่มีคนปลอมตัวเป็นจ้าวข่ายไปทำเรื่องพวกนั้น แล้วโยนความผิดให้เขา?”เมื่อได้ยินดังนั้น ดวงตาของหลินเซียงก็เบิกกว้างขึ้นเรื่อย ๆ มือของเธอกำขนมปังกรอบแน่นความเป็นไปได้นี้ เธอไม่เคยคิดถึงมาก่อน!เมื่อคิดดูให้ดี ไม่ว่าจะเป็นวิดีโอหรือรูปถ่ายที่ลู่สือเยี่ยนให้เธอดู ‘จ้าวข่าย’ คนนั้นสวมหมวกและหน้ากากตลอดเวลา มองจากรูปร่างก็คิดว่าเป็นจ้าวข่ายได้ไม่ยากแต่ถ้าไม่ใช่ล่ะ?ถ้าเป็นแค่คนที่มีรูปร่างคล้ายกับจ้าวข่ายมาก ๆ ล่ะ?เมื่อนึกถึงห้องใต้ดินที่มืดมิด จ้าวข่ายที่ล้มลุกคลุกคลานอยู่บนพื้น พยายามอธิบายด้วยความเจ็บปวดเขาพูดมาตลอดว่าเขาไม่ได้ขโมย เ
“ตกใจมากใช่ไหม?” ซ่งจั่วมองสีหน้าตกตะลึงของเขาแล้วยิ้มขมขื่น“แหงล่ะ พวกเราทุกคนคิดว่าเซี่ยหว่านเป็นคนช่วยท่านประธานลู่จริง ๆ ถือว่าเธอเป็นผู้มีบุญคุณอย่างมาก แต่ต่อมาพวกเราก็รู้ความจริง เพื่อให้บรรลุเป้าหมายของตัวเอง เธอทำได้ทุกวิถีทาง”ซ่งจั่วเก็บแท็บเล็ต “ซือเยี่ยน สิ่งที่นายยึดมั่นมานานผิดทั้งหมด”“ทำไมเป็นแบบนี้?” ซือเยี่ยนพึมพำกับตัวเอง “ทำไมเป็นแบบนี้ไปได้?”ลู่สือเยี่ยนมองเขาอย่างเย็นชา “อยู่กับฉันมานานขนาดนี้ หัวคิดไม่มีความก้าวหน้าเลยสักนิด”ซือเยี่ยนตัวสั่น มองลู่สือเยี่ยนด้วยสายตาอ้อนวอน “ท่านประธานลู่ครับ ผมรู้ตัวแล้วว่าผิด ผมสำนึกผิดจริง ๆ ได้โปรดให้โอกาสผมอีกครั้ง…”เสียงของเขาเริ่มสั่นเครือ ตัวสั่นสะท้านอย่างรุนแรงเพราะเขารู้ว่าลู่สือเยี่ยนจะไม่ให้โอกาสเขาอีกลู่สือเยี่ยนมองเขาอย่างเย็นชา แล้วพูดกับซ่งจั่วว่า “ตัดเอ็นข้อมือข้อเท้าเขาซะ แล้วเอาไปทิ้งที่สามเหลี่ยมปากแม่น้ำ”“ครับ”ซ่งจั่วรู้สึกสงสาร แต่นี่เป็นคำสั่งของลู่สือเยี่ยนลู่สือเยี่ยนหันหลังเดินจากไปซือเยี่ยนมองตามลู่สือเยี่ยนที่จากไปด้วยสีหน้าสิ้นหวัง ในดวงตาเต็มไปด้วยความเสียใจ!…หลินเซียงออกมา
สวีซินหรานหยิบโทรศัพท์ออกมากดโทรออก ในระหว่างนั้น สายตาของเธอมองไปยังหลินเซียงที่อยู่ไม่ไกลนัก ในดวงตาปรากฏความเคียดแค้น“ฮัลโหล คุณเซี่ย ช่วยฉันหน่อยได้ไหม? ฉันอยากฆ่าหลินเซียง นังสารเลวนั่น!”…ซืออวี่สังเกตเห็นความผิดปกติของหลินเซียงเธอเย็นชามาก ไม่สนใจอะไรเลย แต่ก็ยังคงทำงานที่ได้รับมอบหมายได้เป็นอย่างดีซืออวี่บอกข่าวนี้กับลู่สือเยี่ยนในขณะนั้น ลู่สือเยี่ยนกำลังดูสิ่งที่ซ่งจั่วได้มาจากการสืบสวน คิ้วขมวดแน่นฉินโหย่วหานจับเซี่ยหว่านขังไว้ในตู้คอนเทนเนอร์ ถือเป็นการแก้แค้นแทนหลินเซียง แต่สิ่งนี้เกี่ยวข้องอะไรกับการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของเธอกัน?ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงต่ำ “จับตาดูซือเยี่ยนไว้ เขาดูไม่ปกติ”ซ่งจั่วชะงัก “คงไม่ใช่มั้งครับ เขาคอยปกป้องคุณหลินมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”ลู่สือเยี่ยนพูดอย่างเย็นชา “บอกให้ไปก็ไป ทำไมต้องพูดมาก?”ซ่งจั่ว “ครับ”การตรวจสอบพฤติกรรมของซือเยี่ยนเป็นเรื่องง่ายสำหรับเขา แต่เมื่อเขาเห็นสิ่งที่ได้จากการตรวจสอบ เขาก็ตกใจมากช่วงเย็น ซ่งจั่วก็นำหลักฐานที่ได้มาส่งให้ลู่สือเยี่ยนเขามองลู่สือเยี่ยนอย่างหวาดหวั่น มือที่กำแน่นมีเหงื่อออกลู่สือเยี่ย
เขามองซ่งจั่วอย่างเย็นชา “เธอเป็นอะไรไป?”ซ่งจั่วทำหน้างง “ผม ผมไม่รู้ครับ”ตอนเจอหลินเซียงที่โรงพยาบาลก่อนหน้านี้ เธอยังไม่เป็นแบบนี้ แต่หลินเซียงตอนนี้ เรียกได้ว่าเย็นชาและไม่เป็นมิตรอย่างมากช่วงนี้เกิดอะไรขึ้นกับเธอ?ลู่สือเยี่ยนพูดเสียงเย็น “ไปสืบมาให้ชัดเจน”“ครับ” ซ่งจั่วพยักหน้าลู่สือเยี่ยนไม่ออกไป แต่ไปที่ชั้นใต้ดิน ราวกับนึกอะไรขึ้นมาได้จึงพูดว่า “เรียกซือเยี่ยนมาพบฉัน”“ครับ”ดีเค กรุ๊ปทันทีที่ลู่สือเยี่ยนเข้าไปในห้องส่วนตัวของประธาน ซือเยี่ยนก็เคาะประตูห้อง“เข้ามา”ซือเยี่ยนเปิดประตูเข้าไป สีหน้าค่อนข้างเกร็ง “ท่านประธานลู่”ลู่สือเยี่ยนนั่งลงบนเก้าอี้ ถามด้วยเสียงเย็นชา “นายติดตามหลินเซียงมาตลอด เห็นความผิดปกติของเธอบ้างไหม?”ดวงตาของซือเยี่ยนกะพริบเล็กน้อย เมื่อคืนเขาไม่ได้ติดตามหลินเซียงตลอดเวลา แต่เรื่องก่อนหน้านี้ก็ยังพอจะตอบคำถามได้“ฉินโหย่วหานไปรับคุณหลิน แล้วทั้งสองคนไปที่ชายหาด ที่เดียวกับที่ที่คุณหลินถูกจับตัวไปครั้งก่อน” ซือเยี่ยนเริ่มเล่าเมื่อได้ยินดังนั้น ลู่สือเยี่ยนก็หรี่ตาลงเล็กน้อย “พวกเขาไปที่นั่นทำไม?”ซือเยี่ยน “ผม ผมไม่ทราบครับ ผมอย
สีหน้าของหลินเซียงชะงักไปเล็กน้อย นิ้วที่กำโทรศัพท์แน่นขึ้น เสียงพูดแห้งผาก “ฉันเหมือนจะไม่เคยพูดว่าเขารักฉันนี่คะ”เซี่ยซือซือถอนหายใจ “หลินเซียง พวกเราแพ้แล้ว”หลินเซียงหลับตาลง “ขอโทษนะคะ คุณเซี่ย แผนการฉันดันไปดึงคุณลงมาซวยด้วย ถ้ามันสร้างความเสียหายอะไรให้คุณ คุณบอกฉันได้เลย”เซี่ยซือซือหัวเราะขมขื่น “ไม่ ไม่มีอะไรเสียหาย ฉันเต็มใจร่วมมือกับคุณเอง ไม่ว่าผลที่ตามมาจะเป็นยังไง ฉันก็ต้องรับผิดชอบ”หลินเซียงพูดอะไรไม่ออก เพราะพวกเขาไม่เคยคิดว่าเรื่องราวจะดำเนินไปในทิศทางนี้ไม่เคยคิดเลยว่าลู่สือเยี่ยนจะยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือเซี่ยหว่านทำไมกัน?คำถามนี้ เธอคิดไม่ตกมาตลอดทำไมเขาต้องช่วยเซี่ยหว่าน?ในใจของหลินเซียง ตอนนี้มีความรู้สึกอยากจะไปหาลู่สือเยี่ยน ถามเขาว่านี่มันหมายความว่ายังไงกันแน่เสียงของเซี่ยซือซือดังขึ้น “หลินเซียง ฉันขอจัดการเรื่องของตัวเองก่อน มีความคืบหน้าอะไร เราค่อยติดต่อกันใหม่”“ค่ะ”หลังจากวางสายหลินเซียงยังคงอยู่ในสภาพเหม่อลอยไม่รู้ทำไม เสียงของเซี่ยซือซือถึงดังก้องอยู่ในหูเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าลู่สือเยี่ยนรักเธอจริงเหรอ?เคยรักจริง ๆ บ้างหรือเปล่า?