เมื่อนึกถึงท่าทีเย็นชาของหลินเซียงที่มีต่อเขา หัวใจของเขาก็รู้สึกอึดอัดและไม่สบายใจอย่างบอกไม่ถูกเขายื่นมือไปดึงปกเสื้อเพื่อพยายามระบายความอึดอัดออกไป แต่ก็ไม่เป็นผล เมื่อออกจากโรงพยาบาล ท้องฟ้ามืดครึ้มคนขับรถจอดรถรออยู่ที่หน้าทางเข้าโรงพยาบาลแล้วลู่สือเยี่ยนก้าวขึ้นรถ แล้วก็เกิดสังหรณ์ใจอยากโทรหาหลินเซียงอีกครั้ง แต่ก็ยังติดต่อไม่ได้เหมือนเดิมเขารู้สึกหงุดหงิดใจ ก่อนจะโทรหาซ่งจั่ว “ตรวจสอบให้ทีว่าหลินเซียงอยู่ที่ไหน”ซ่งจั่วตอบรับ “ครับ”เขาไม่กล้าประมาท เพราะเมื่อชั่วโมงก่อน ซือเยี่ยนเพิ่งถูกหามส่งโรงพยาบาล เพราะถูกลงโทษทุบตีจนบอบช้ำไปทั้งตัวเพราะซือเยี่ยนไปขัดใจคุณหนูหลิน ท่านประธานลู่จึงไม่พอใจซ่งจั่วหน้าเครียด รีบสั่งให้ลูกน้องไปสืบหาข้อมูล……ฉินโหย่วหานและเพื่อน ๆ ขับรถสปอร์ตแล่นผ่านรถแท็กซี่ไปอย่างรวดเร็ว เพื่อนที่นั่งข้าง ๆ เห็นรถแท็กซี่คันนั้นแล้วก็หัวเราะร่วน “พี่หาน เห็นไหม รถแท็กซี่คันนั้นควันตลบหมดแล้ว รีบร้อนอะไรกันถึงได้ขับเร็วขนาดนี้?”ฉินโหย่วหานเหลือบมอง รถแท็กซี่คันนั้นขับเร็วจริง แต่ก็ไม่เร็วเท่ารถสปอร์ต เสียงเครื่องยนต์คำรามดังสนั่น ไม่นานเขาก็ห
ดวงตาของฉีเจี้ยนเย่ฉายแววโหดเหี้ยม ทันใดนั้นเขาก็เงื้อมือขึ้น หมายจะแทงใบหน้าของหลินเซียงทันที!ท้องฟ้าด้านนอกมืดมิด แต่แสงจันทร์สาดส่องลงมาด้านหนึ่ง เมื่อมีดถูกชูขึ้นสูง แสงเย็นวาบก็ปรากฏขึ้นบนมีดทำเอาหัวใจของหลินเซียงเต้นแรง เธอตะโกนลั่นว่า “ก่อนตาย นายก็ควรทำให้ฉันเข้าใจก่อนสิว่าฉันไปทำอะไรให้!”ฉีเจี้ยนเย่ชะงักไป แล้วก็ยิ้มเยาะอย่างเย็นชา ถอดหน้ากากและหมวกออก แล้วกระชากผมหลินเซียงด้วยท่าทีดุร้าย “มองฉันสิ ดูหน้าฉันให้ดี ๆ แกจำฉันไม่ได้จริง ๆ เหรอ?”หลินเซียงถูกบังคับให้เงยหน้าขึ้น เธอเบิกตาโพลง มองใบหน้าฉีเจี้ยนเย่ ฉีเจี้ยนเย่มีใบหน้าคมคาย สมัยหนุ่ม ๆ คงหล่อเหลาไม่น้อยเลย แต่ตอนนี้ใบหน้ากลับเต็มไปด้วยความเหี้ยมเกรียม สายตาอัดแน่นไปด้วยความโกรธแค้นและความดุร้ายหลินเซียงรู้สึกสับสน เธอจำคนคนนี้ไม่ได้จริง ๆ!เมื่อเห็นความสับสนในดวงตาของเธอ ฉีเจี้ยนเย่ก็ยิ่งโกรธจัด ฟาดฝ่ามือตบหน้าเธออีกครั้ง “นังเวรเอ๊ย แกทำให้ฉันต้องตกอับขนาดนี้ ถ้าไม่ใช่เพราะแก ตอนนี้ฉันคงได้ใช้ชีวิตอย่างสุขสบายอยู่ต่างประเทศไปแล้ว!”เขาไม่อยากพูดมาก เงื้อมีดขึ้นตั้งใจลงแทงใบหน้าหลินเซียงอีกครั้ง“โครม!”ท
“คุณก็รู้ด้วยเหรอว่าเรายังไม่ได้หย่ากัน?”สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเย็นชาลงกว่าเดิม ดวงตาสีดำสนิทราวกับท้องฟ้ายามราตรี เปล่งประกายความเย็นยะเยือก ออร่ารอบตัวช่างเย็นยะเยือกและทรงพลังมือของฉินโหย่วหานที่กำลังจับพวงมาลัยรถกระตุกเล็กน้อย เขาเหลือบมองหลินเซียง สภาพของเธอไม่ค่อยดี ปากซีดเซียว แก้มบวมแดง ไม่รู้ว่ามีรอยแผลอื่น ๆ ตามร่างกายอีกหรือไม่ต่อหน้าลู่สือเยี่ยน หลินเซียงเต็มไปด้วยความรู้สึกต่อต้าน โดยเฉพาะอย่างยิ่งตอนนี้เมื่อเขายืนอยู่ข้าง ๆ เธอ ก่อนหน้านี้เธอโทรหาเขาเพื่อขอความช่วยเหลือ แต่กลับได้ยินแค่คำพูดไร้เยื่อใยว่า “วางสายซะ” จากเขาช่างเป็นเรื่องที่น่าสมเพชเสียจริง!“พี่หาน เราไปกันเถอะค่ะ”หลินเซียงไม่มองลู่สือเยี่ยน เอื้อมมือไปปิดประตูรถลู่สือเยี่ยนได้ยินคำพูดของเธอ สีหน้ายิ่งแย่ลงไปอีก เขาคว้าข้อมือเธอไว้ทันที ฉุดกระชากลากเธอลงจากรถ กอดเอวเธอไว้อย่างแข็งกร้าว แล้วพาเธอขึ้นรถของเขาทันที“ปล่อยฉันนะ!”หลินเซียงดิ้นรนทันที ขณะที่เธอขยับตัว ร่างกายก็เสียดสีกับลู่สือเยี่ยน ทำให้บาดแผลเจ็บปวดขึ้นไปอีกลู่สือเยี่ยนผลักเธอเข้าไปในรถอย่างไม่ไยดี “โครม!” เสียงดังสนั่นเมื่อประ
หลินเซียงมองแผ่นหลังเย็นชาของลู่สือเยี่ยนแล้วสูดหายใจเข้าลึก ๆ รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เขาทำอะไรอยู่กันแน่? ก่อนหน้านี้ยังพูดว่าจะหย่า ตอนนี้เธอยอมแล้ว เขากลับไม่ยอม ยังมาโทษเธอเรื่องที่เซี่ยหว่านถูกลักพาตัวไปอีก แถมตอนนี้เธอก็ถูกฉีเจี้ยนเย่ตามล่าอีก ชีวิตนี้ช่างยุ่งเหยิงเหลือเกิน!ลู่สือเยี่ยนเดินไปสักพัก เห็นหลินเซียงไม่ตามมาจึงขมวดคิ้ว จึงหันกลับมามองเธออย่างเย็นชา หลินเซียงถึงแม้จะไม่อยากไป แต่ก็จำใจลงจากรถ ตามเขาเข้าไปในวิลล่าตระกูลลู่“คุณชายสาม คุณหนูหลิน” คนรับใช้เห็นทั้งคู่เข้ามา จึงรีบพูดด้วยความเคารพลู่สือเยี่ยนพูดเสียงเย็นชาว่า “เธอเป็นภรรยาฉัน”คนรับใช้ตกใจ รีบเปลี่ยนคำพูด “คุณผู้หญิงสาม”หลินเซียงขมวดคิ้ว ไม่พูดอะไร เขาคนนี้เอาแน่เอานอนไม่ได้ เธอเหนื่อยที่จะอธิบาย เดินตามลู่สือเยี่ยนขึ้นไปชั้นบนเงียบ ๆ เข้าไปในห้องนอนทันทีหลินเซียงยืนอยู่ที่หน้าประตู ไม่ได้เข้าไปในทันที มองเขาหยิบกล่องปฐมพยาบาล เมื่อเห็นเธอยืนงงอยู่ที่ประตู เขาก็เชื้อเชิญว่า “เข้ามาสิ”หลินเซียงเยาะเย้ย ยกมุมปากขึ้นเล็กน้อยแล้วพูดว่า “คุณจะลงมือทายาให้ฉันเองเหรอ? ถ้าคุณหนูเซี่ยรู้เข้า ฉันต้อ
เขายืนจ้องมองเธออยู่ข้าง ๆ ราวกับว่าถ้าเธอไม่ทำตามที่เขาพูด เขาก็จะจ้องมองเธอแบบนี้ต่อไปหลินเซียงหลับตาลง คิดถึงสภาพที่ย่ำแย่ของตัวเองในตอนนี้ รู้สึกขำตัวเองไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เขายังมีแก่ใจจะเสพสมได้ลง เขานี่มันไม่เลือกกินจริง ๆ แต่ในเมื่อไม่ใช่ครั้งแรก หลินเซียงไม่มีอะไรต้องเขินอาย สีหน้าของเธอกลับมาสงบ ยกมือขึ้นแกะกระดุมเสื้อออกข้างในเธอใส่สายเดี่ยวสีขาว สายบาง ๆ เกาะอยู่บนไหล่เรียวงาม ทำให้เธอดูบอบบางและงดงามอย่างยิ่งหลินเซียงวางเสื้อไว้ข้าง ๆ เงยหน้ามองลู่สือเยี่ยนสายตาของลู่สือเยี่ยนเบี่ยงเบนไปจากตัวเธอ หยิบกล่องปฐมพยาบาลแล้วนั่งลงข้าง ๆ จับแขนเธอไว้ จากนั้นเริ่มทำแผลถลอกหลินเซียงเบิกตาโพลง เขากำลังทำแผลให้เธอเหรอ? ตอนนี้เขาอยู่ใกล้มาก แสงไฟส่องลงมา ทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาและคมเข้มของเขาดูลึกลับยิ่งขึ้น ขนตายาว ดั้งโด่ง ตอนที่ก้มลงมองแผลถลอกบนแขนของเธอ เขามือเบามากริมฝีปากบางเม้มแน่น ซ้ำยังเอาแต่ขมวดคิ้ว อารมณ์ของเขาดูเศร้าหมองถ้าเป็นก่อนหน้านี้หลินเซียงคงจะอดใจไม่ไหว แต่ตอนนี้ หากในใจเธอมีความรู้สึกอะไร สมองของเธอจะนึกถึงคำพูดเย็นชาของเขา แล้วความร
เดิมทีคิดว่าจะนอนไม่หลับเมื่ออยู่ในวิลล่าตระกูลลู่ แต่กลับหลับไปอย่างง่ายดายเมื่อหัวถึงหมอน พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเช้าวันใหม่ หลินเซียงล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ออกมาจากห้อง พอดีกับลู่สือเยี่ยนที่ออกมาจากห้องนอนเช่นกัน สายตาของทั้งคู่สบกัน หลินเซียงหลบตาไปก่อนแล้วเดินลงบันไดลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยสายตาลุ่มลึก เมื่อเห็นว่าเธอจะไปก็พูดขึ้นอย่างใจเย็น “อยู่กินข้าวก่อนสิ”หลินเซียงชะงักไปเล็กน้อย และพูดว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะไปทำงานสาย”ลู่สือเยี่ยนตอบกลับ “ตอนนี้คุณไม่มีงานที่ต้องทำซะหน่อย รีบไปทำงานทำไม?”เขาไม่พูดเรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร แต่พอเขาพูดขึ้นมา ดวงตากลมใสของเธอก็เต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณเป็นคนสั่งให้หัวหน้าฝ่ายเอาชื่อฉันออกจากทีมโปรเจกต์ของเฉิงต๋าใช่ไหม?”ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเรียบเฉย “ใช่”หลังจากเกิดเรื่องวางยา เขาก็สั่งให้หลินเซียงหยุดทำงานสำคัญ เพราะตอนนั้นเขาคิดไปเองว่าหลินเซียงเป็นคนวางยา จึงอยากสั่งสอนบทเรียนให้กับเธอหลินเซียงหัวเราะเยาะ “ทำไมคุณไม่ไล่ฉันออกไปให้รู้แล้วรู้รอดซะเลยล่ะ?”จะได้ไม่ต้องไปทำงานทุกวัน ต้องเจอกับการกลั่นแกล้งจากคนอื่น ๆ มันน่าเบื่อเหลือเกิน
หลินเซียงลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะออกไปลู่สือเยี่ยนไม่ได้ขัดขวางเธอไว้ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นอายของเธออยู่ในห้องรับประทานอาหาร ดวงตาของเขาก็เริ่มอ่อนลงทันใดนั้น พ่อบ้านก็เข้ามาพูดว่า “คุณชายสาม ของพวกนั้นเก็บไว้ในโกดังแล้ว จะให้จัดการยังไงต่อครับ?”ลู่สือเยี่ยนพูดเบา ๆ ว่า “เก็บไว้ก่อน”พ่อบ้านพยักหน้า จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก…หลินเซียงออกจากวิลล่าตระกูลลู่ ที่นี่ค่อนข้างเปลี่ยว ต้องเดินประมาณสองกิโลเมตรถึงจะถึงป้ายรถเมล์เดินไปได้ประมาณห้านาที ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถยนต์ดังมาจากด้านหลัง“บี๊บ!”เสียงแตรดังขึ้น หลินเซียงเหลือบมองไปด้านข้าง แล้วก็สบตากับใบหน้าที่เย็นชาและเฉียบคมของลู่สือเยี่ยน“ออกมาตั้งนานแล้ว มาถึงแค่ตรงนี้เองเหรอ?”สีหน้าของหลินเซียงดูไม่จืดเลย “บ้าหรือเปล่า?”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเยาะ และเหยียบคันเร่ง รถแล่นฉิวออกไปอย่างรวดเร็วทิ้งควันไอเสียไว้ให้หลินเซียงสำลักเล่นหลินเซียงโกรธจนกระทืบเท้าเร่า ๆ แล้วเดินต่อไปอย่างไม่แสดงสีหน้าอะไรแต่เมื่อใกล้จะถึงป้ายรถเมล์ รถคันนั้นก็ถอยกลับมา ประตูรถเปิดออก ผู้ชายคนนั้นไม่ได้มองหน้าเธอด้วยซ้ำ แค่พูดอย่างเย็นชาว่
ลู่สือเยี่ยนดึงร่างหลินเซียงเข้ามาจูบอย่างรุนแรง หลินเซียงพยายามผลักเขาออก แต่เขามีเรี่ยวแรงมากมายราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว กลิ่นกายหอมเย็นชุ่มฉ่ำของเขาโอบล้อมเธอจนแทบหายใจไม่ออก นานเข้าหลินเซียงแทบจะขาดอากาศหายใจ เขาปล่อยมือจากเธอ ปลายจมูกแนบชิดกับปลายจมูก มองดูเธอหายใจหอบ ดวงตาแดงก่ำ ลูกกระเดือกของเขาเคลื่อนไหวขึ้นลง ก่อนที่จะลงจากรถไปหลินเซียงอ่อนยวบลงไปเพราะถูกจูบ แม้แต่จะยกนิ้วขึ้นยังทำไม่ได้ ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความเย้ายวนและโกรธแค้น ไอ้บ้าเอ๊ย!แต่เขาก็ไม่ได้อนุญาตให้เธอลงจากรถ เธอเลยไม่ลง ไม่ทีทางไปขอโทษเซี่ยหว่านเป็นอันขาด!โชคร้ายที่ฉากจูบของพวกเขาถูกเจิ้งซินเอ้อร์เห็นเข้าพอดี สาวเจ้าโกรธจัด รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป ก่อนจะเดินไปที่ห้องพักของเซี่ยหว่านด้วยความโกรธเซี่ยหว่านเห็นเธอทำหน้าแบบนั้นจึงถามทันทีว่า “เกิดอะไรขึ้น?”“โมโหจะตายอยู่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นมันช่างหน้าไม่อายจริง ๆ กลางวันแสก ๆ แท้ ๆ ยังมาล่อลวงลู่สือเยี่ยน!” เจิ้งซินเอ้อร์พูดพลางโชว์รูปที่ถ่ายให้เซี่ยหว่านดูเซี่ยหว่านมองดูรูปแอบถ่าย ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที แม้ว่าเธอและลู่สือเยี่ยนเกือบจ