เขายืนจ้องมองเธออยู่ข้าง ๆ ราวกับว่าถ้าเธอไม่ทำตามที่เขาพูด เขาก็จะจ้องมองเธอแบบนี้ต่อไปหลินเซียงหลับตาลง คิดถึงสภาพที่ย่ำแย่ของตัวเองในตอนนี้ รู้สึกขำตัวเองไม่ได้ ทั้ง ๆ ที่ตกอยู่ในสภาพแบบนี้ เขายังมีแก่ใจจะเสพสมได้ลง เขานี่มันไม่เลือกกินจริง ๆ แต่ในเมื่อไม่ใช่ครั้งแรก หลินเซียงไม่มีอะไรต้องเขินอาย สีหน้าของเธอกลับมาสงบ ยกมือขึ้นแกะกระดุมเสื้อออกข้างในเธอใส่สายเดี่ยวสีขาว สายบาง ๆ เกาะอยู่บนไหล่เรียวงาม ทำให้เธอดูบอบบางและงดงามอย่างยิ่งหลินเซียงวางเสื้อไว้ข้าง ๆ เงยหน้ามองลู่สือเยี่ยนสายตาของลู่สือเยี่ยนเบี่ยงเบนไปจากตัวเธอ หยิบกล่องปฐมพยาบาลแล้วนั่งลงข้าง ๆ จับแขนเธอไว้ จากนั้นเริ่มทำแผลถลอกหลินเซียงเบิกตาโพลง เขากำลังทำแผลให้เธอเหรอ? ตอนนี้เขาอยู่ใกล้มาก แสงไฟส่องลงมา ทำให้ใบหน้าที่หล่อเหลาและคมเข้มของเขาดูลึกลับยิ่งขึ้น ขนตายาว ดั้งโด่ง ตอนที่ก้มลงมองแผลถลอกบนแขนของเธอ เขามือเบามากริมฝีปากบางเม้มแน่น ซ้ำยังเอาแต่ขมวดคิ้ว อารมณ์ของเขาดูเศร้าหมองถ้าเป็นก่อนหน้านี้หลินเซียงคงจะอดใจไม่ไหว แต่ตอนนี้ หากในใจเธอมีความรู้สึกอะไร สมองของเธอจะนึกถึงคำพูดเย็นชาของเขา แล้วความร
เดิมทีคิดว่าจะนอนไม่หลับเมื่ออยู่ในวิลล่าตระกูลลู่ แต่กลับหลับไปอย่างง่ายดายเมื่อหัวถึงหมอน พอตื่นขึ้นมาอีกทีก็เป็นเช้าวันใหม่ หลินเซียงล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็ออกมาจากห้อง พอดีกับลู่สือเยี่ยนที่ออกมาจากห้องนอนเช่นกัน สายตาของทั้งคู่สบกัน หลินเซียงหลบตาไปก่อนแล้วเดินลงบันไดลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยสายตาลุ่มลึก เมื่อเห็นว่าเธอจะไปก็พูดขึ้นอย่างใจเย็น “อยู่กินข้าวก่อนสิ”หลินเซียงชะงักไปเล็กน้อย และพูดว่า “ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันจะไปทำงานสาย”ลู่สือเยี่ยนตอบกลับ “ตอนนี้คุณไม่มีงานที่ต้องทำซะหน่อย รีบไปทำงานทำไม?”เขาไม่พูดเรื่องนี้ก็ไม่เป็นไร แต่พอเขาพูดขึ้นมา ดวงตากลมใสของเธอก็เต็มไปด้วยความเย็นชา “คุณเป็นคนสั่งให้หัวหน้าฝ่ายเอาชื่อฉันออกจากทีมโปรเจกต์ของเฉิงต๋าใช่ไหม?”ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเรียบเฉย “ใช่”หลังจากเกิดเรื่องวางยา เขาก็สั่งให้หลินเซียงหยุดทำงานสำคัญ เพราะตอนนั้นเขาคิดไปเองว่าหลินเซียงเป็นคนวางยา จึงอยากสั่งสอนบทเรียนให้กับเธอหลินเซียงหัวเราะเยาะ “ทำไมคุณไม่ไล่ฉันออกไปให้รู้แล้วรู้รอดซะเลยล่ะ?”จะได้ไม่ต้องไปทำงานทุกวัน ต้องเจอกับการกลั่นแกล้งจากคนอื่น ๆ มันน่าเบื่อเหลือเกิน
หลินเซียงลุกขึ้นยืน ตั้งท่าจะออกไปลู่สือเยี่ยนไม่ได้ขัดขวางเธอไว้ จนกระทั่งไม่เหลือกลิ่นอายของเธออยู่ในห้องรับประทานอาหาร ดวงตาของเขาก็เริ่มอ่อนลงทันใดนั้น พ่อบ้านก็เข้ามาพูดว่า “คุณชายสาม ของพวกนั้นเก็บไว้ในโกดังแล้ว จะให้จัดการยังไงต่อครับ?”ลู่สือเยี่ยนพูดเบา ๆ ว่า “เก็บไว้ก่อน”พ่อบ้านพยักหน้า จากนั้นก็ไม่ได้พูดอะไรอีก…หลินเซียงออกจากวิลล่าตระกูลลู่ ที่นี่ค่อนข้างเปลี่ยว ต้องเดินประมาณสองกิโลเมตรถึงจะถึงป้ายรถเมล์เดินไปได้ประมาณห้านาที ก็ได้ยินเสียงเครื่องยนต์รถยนต์ดังมาจากด้านหลัง“บี๊บ!”เสียงแตรดังขึ้น หลินเซียงเหลือบมองไปด้านข้าง แล้วก็สบตากับใบหน้าที่เย็นชาและเฉียบคมของลู่สือเยี่ยน“ออกมาตั้งนานแล้ว มาถึงแค่ตรงนี้เองเหรอ?”สีหน้าของหลินเซียงดูไม่จืดเลย “บ้าหรือเปล่า?”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเยาะ และเหยียบคันเร่ง รถแล่นฉิวออกไปอย่างรวดเร็วทิ้งควันไอเสียไว้ให้หลินเซียงสำลักเล่นหลินเซียงโกรธจนกระทืบเท้าเร่า ๆ แล้วเดินต่อไปอย่างไม่แสดงสีหน้าอะไรแต่เมื่อใกล้จะถึงป้ายรถเมล์ รถคันนั้นก็ถอยกลับมา ประตูรถเปิดออก ผู้ชายคนนั้นไม่ได้มองหน้าเธอด้วยซ้ำ แค่พูดอย่างเย็นชาว่
ลู่สือเยี่ยนดึงร่างหลินเซียงเข้ามาจูบอย่างรุนแรง หลินเซียงพยายามผลักเขาออก แต่เขามีเรี่ยวแรงมากมายราวกับจะกลืนกินเธอเข้าไปทั้งตัว กลิ่นกายหอมเย็นชุ่มฉ่ำของเขาโอบล้อมเธอจนแทบหายใจไม่ออก นานเข้าหลินเซียงแทบจะขาดอากาศหายใจ เขาปล่อยมือจากเธอ ปลายจมูกแนบชิดกับปลายจมูก มองดูเธอหายใจหอบ ดวงตาแดงก่ำ ลูกกระเดือกของเขาเคลื่อนไหวขึ้นลง ก่อนที่จะลงจากรถไปหลินเซียงอ่อนยวบลงไปเพราะถูกจูบ แม้แต่จะยกนิ้วขึ้นยังทำไม่ได้ ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความเย้ายวนและโกรธแค้น ไอ้บ้าเอ๊ย!แต่เขาก็ไม่ได้อนุญาตให้เธอลงจากรถ เธอเลยไม่ลง ไม่ทีทางไปขอโทษเซี่ยหว่านเป็นอันขาด!โชคร้ายที่ฉากจูบของพวกเขาถูกเจิ้งซินเอ้อร์เห็นเข้าพอดี สาวเจ้าโกรธจัด รีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป ก่อนจะเดินไปที่ห้องพักของเซี่ยหว่านด้วยความโกรธเซี่ยหว่านเห็นเธอทำหน้าแบบนั้นจึงถามทันทีว่า “เกิดอะไรขึ้น?”“โมโหจะตายอยู่แล้ว ผู้หญิงคนนั้นมันช่างหน้าไม่อายจริง ๆ กลางวันแสก ๆ แท้ ๆ ยังมาล่อลวงลู่สือเยี่ยน!” เจิ้งซินเอ้อร์พูดพลางโชว์รูปที่ถ่ายให้เซี่ยหว่านดูเซี่ยหว่านมองดูรูปแอบถ่าย ใบหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที แม้ว่าเธอและลู่สือเยี่ยนเกือบจ
คิ้วของลู่สือเยี่ยนขมวดเข้าหากัน มองดูใบหน้าของเธอที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น จึงลุกขึ้นแล้วรับสาย“อืม รู้แล้ว”หลังจากคุยกับอีกฝ่ายสองสามคำ เขาก็วางสาย หันไปมองเซี่ยหว่าน “พักผ่อนดี ๆ ผมมีธุระ ขอตัวก่อน”ว่าแล้วก็หันหลัง เดินออกจากห้องไปทันที“สือเยี่ยน…”เซี่ยหว่านเห็นเขาจากไปโดยไม่ลังเล สีหน้าพลันเปลี่ยนไป อยากจะก้าวลงจากเตียงเพื่อไล่ตามเขา แต่เขาเดินเร็วมาก ไม่ทันไรประตูห้องก็ปิดลงแล้วมือของเธอจิกผ้าปูที่นอนแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชา!น่าเกลียดที่สุด!ทำไมไม่ยอมจูบเธอกันล่ะ?!เขาสามารถจูบผู้หญิงคนนั้นได้ ทำไมถึงไม่จูบเธอ?ต้องเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นล่อลวงเขาแน่ ๆ เธอเกลียดหลินเซียง!…หลินเซียงยังคงนั่งอยู่ในรถเพื่อปรับลมหายใจ ทันใดนั้นก็มีคนมาเคาะกระจกรถ มองไปก็เห็นเจิ้งซินเอ้อร์ยืนอยู่ข้างรถ มองเธอด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรหลินเซียงหันกลับมา ไม่ให้ความสนใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมาดี เธอย่อมไม่ลดตัวลงไปหาเรื่องเจิ้งซินเอ้อร์เห็นว่ากระจกรถไม่เปิดจึงเคาะอีกครั้ง สีหน้าของเธอย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม ผู้หญิงคนนี้! กล้าทำ
เขาเป็นคนประเภทไหนกันแน่? หลังจากเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ กลับยังพูดประโยคแบบนั้นออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยหลินเซียงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ไม่ไปบริษัทเหรอ?”ลู่สือเยี่ยนมองดูเธอวางมือลง มีแววผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก หันไปสตาร์ทรถแทนบรรยากาศในรถแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูกพอมาถึงบริษัท หลินเซียงก็จัดการกับอารมณ์ตัวเองเรียบร้อยแล้ว ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในตึกโดยไม่หันกลับมามองลู่สือเยี่ยนจ้องมองตามแผ่นหลังที่บอบบางของเธอ สายตาเหลือบไปที่เอวและสะโพกของเธอ ทั้ง ๆ ที่เธอสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวแบบเรียบง่ายแท้ ๆ แต่ท่าทางการเดินของเธอกลับดูเย้ายวนมากดวงตาของเขามืดมนตอนนี้เลยเวลางานมาแล้ว ทำให้มีคนน้อยมากประจำที่หน้าบริษัท จึงไม่มีใครเห็นหลินเซียงลงจากรถของลู่สือเยี่ยนพอออกมาจากลิฟต์ ผู้จัดการก็เดินผ่านมาพอดี เมื่อเห็นเธอ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ดูเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็อดทนไว้หลินเซียงรู้สึกได้เช่นกันว่าวันนี้ท่าทีของผู้จัดการเปลี่ยนไปแต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจเธอตั้งใจจะลาออกแล้วเนื่องจากเธอถูกถอดออกจากทีมโปรเจกต์ของเฉิงต๋าไปแล้ว ดังนั้
หลินเซียงสูดหายใจเข้าลึก ๆ หลายครั้ง เพื่อปรับอารมณ์ให้สงบลง แล้วจึงเดินไปหาเขาเมื่อมาหยุดอยู่ข้างเขา เธอก็พูดเสียงแข็งทันที “มีอะไร?”ลู่สือเยี่ยนคว้าข้อมือเธอไว้ทันที แล้วดันเธอให้นั่งลงบนตักเขาหลินเซียงตกใจ ร่างกายแข็งทื่อไปชั่วขณะ แต่ก็ไม่ได้ดิ้นรนเมื่อเห็นความเย็นชาและการต่อต้านในแววตาของเธอ ลู่สือเยี่ยนก็รู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเขาบีบคางเธอ แล้วพูดเสียงทุ้มว่า “หลินเซียง คุณอยากหนีไปจากผมเหรอ?”แพขนตาของหลินเซียงสั่นไหว แล้วพูดว่า “ใช่”นิ้วมือลู่สือเยี่ยนบีบคางแน่นขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของเขากะพริบปริบด้วยความโกรธ หัวแม่มือลูบไล้ริมฝีปากเธอ แล้วพูดว่า “ได้ ผมอนุมัติให้คุณลาออกก็ได้ แต่คุณต้องยอมทำตามเงื่อนไขของผมอย่างหนึ่ง”หลินเซียงรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดี จึงถามอย่างระมัดระวัง “อะไร?”ลู่สือเยี่ยนพูด “นอนกับผมสักครั้ง”ดวงตาของหลินเซียงเบิกกว้างขึ้น “คุณมันหน้าด้าน!”เขาจะแต่งงานกับเซี่ยหว่าน และได้ตกลงกับเซี่ยหว่านเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว แต่กลับพูดแบบนี้กับเธอ!เธอโกรธจนน้ำตาคลอ “คุณทำตัวแบบนี้คู่ควรกับคุณเซี่ยตรงไหน?”แต่ลู่สือเยี่ยนไม่สนใจคำพูดของเธอ ยังคงบ
หลินเซียงกลับไปที่โต๊ะทำงาน รู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดไร้สาระเหลือเกินไม่เข้าใจเลยว่าลู่สือเยี่ยนคิดอะไรอยู่เขาไม่ได้ห่วงใยเซี่ยหว่านหรอกเหรอ?แล้วทำไมถึงมาผูกมัดเธอแบบนี้?ความโกรธ ความเสียใจ และความรู้สึกต่าง ๆ ผสมปนเปกัน ทำให้เธอรู้สึกหมดหนทางอย่างที่สุดทันใดนั้นเธอก็รับโทรศัพท์จากซ่งซ่ง“เซียงเซียงคนสวย ทำงานหรือยังจ๊ะ?”เสียงของซ่งซ่งฟังดูอ่อนล้าหลินเซียงถามกลับ “อืม กำลังทำงานเลย มีอะไรหรือเปล่า?”ซ่งซ่งเริ่มคร่ำครวญ ระบายยาวเหยียดว่า “ฉันทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนเรื่องมากขนาดนี้มาก่อนเลย เขาออกจากโรงพยาบาลแล้วแท้ ๆ แต่ที่อยู่ของฉันกับเขาไกลกันมาก เขาเลยขอให้ฉันย้ายไปอยู่ด้วย ฉันไม่ไปแน่นอน ถ้าสาวสวยแบบฉันไปอยู่ร่วมชายคาเดียวกันเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับแกะเข้าปากหมาป่าสิ รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”หลินเซียง “เกิดอะไรขึ้น?”ซ่งซ่งตัดพ้ออีกครั้ง พูดว่า “เขาโทรมาหาฉันตอนตีสองครึ่ง บอกว่าอยากกินบะหมี่เส้นเล็กต้มเลือดหมู ฉันจะไปหาบะหมี่เส้นเล็กต้มเลือดหมูมาให้เขาจากไหนล่ะ ก็เลยโมโห ไม่ซื้อให้ แล้วเขาก็ขู่ฉัน ผู้ชายประสาอะไรวะเนี่ย!”หลินเซียงไม่คิดว่าฟู่จิ่นซิ่วจ
หลินเซียงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ไม่ต้องแล้วค่ะพี่หาน ฉันกินข้าวเรียบร้อยแล้ว”ฉินโหย่วหานลอกว่า “งั้นไปกินของว่างก็ได้ หลินเซียง ผมดีใจกับคุณจริง ๆ”หลินเซียงกล่าวว่า “งั้นก็รอให้ทุกคนมีเวลาก่อน แล้วเราค่อยไปกินข้าวด้วยกันเถอะค่ะ”นั่นหมายความว่า เธอจะไม่กินข้าวกับฉินโหย่วหานตามลำพังฉินโหย่วหานเงียบไปชั่วขณะครู่ใหญ่จึงพูดว่า “หลินเซียง คุณไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความหวังดีของคนอื่นอย่างเด็ดขาด ทุกอย่างควรจะเผื่อลู่ทางไว้บ้าง”ใจของหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย พูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร เธอยิ้มรับ “พี่หาน ฉันรู้ค่ะ”ฉินโหย่วหาน “อืม ถ้าอยากผ่อนคลายก็ไปที่บาร์ของผมได้ เหล้าที่นั่นคุณดื่มได้ไม่อั้น”หลินเซียง “ได้ค่ะ ไว้ฉันจะไปกับซ่งซ่ง แล้วดื่มเหล้าของคุณให้หมดบาร์!”ฉินโหย่วหาน “ยินดีเลย”ทั้งสองคนคุยกันสักพัก แล้ววางสายหลินเซียงนั่งอยู่บนโซฟา มองเพดานที่สวยงาม รู้สึกอยากดื่มขึ้นมาจริง ๆแต่ซ่งซ่งยุ่งกลับมากเธอเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วถึงกับอึ้งไปเห็นว่าในตู้เย็นเต็มไปด้วยวัตถุดิบสดใหม่ เป็นของที่เธอชอบทั้งนั้น มือที่จับขอบประตูตู้เย็นของเธอกำแน่นขึ้นค
ไฟถนนสว่างไสว ส่องสว่างครึ่งใบหน้าของลู่สือเยี่ยน คิ้วและดวงตาที่ลึกซึ้งของเขาถูกบดบังด้วยความมืดในรถ ทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “งั้นคืนนี้คุณมีที่อยู่ไหม?”หลินเซียงตอบ “ฉันไปหาซ่งซ่งก็ได้ หรือไปพักโรงแรมก็ได้ เมืองอวิ๋นเฉิงออกจะใหญ่ขนาดนี้ แล้วฉันก็รวยขนาดนี้ จะไม่มีที่อยู่ได้ยังไง”“เหอะ!”ไม่รู้ว่าประโยคไหนทำให้ลู่สือเยี่ยนหัวเราะ เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “เฟิงหลินหย่วนโอนกลับเป็นชื่อของคุณแล้ว คืนนี้คุณกลับไปที่นั่นก็ได้”หลินเซียงประหลาดใจ “ทำเรื่องเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”ลู่สือเยี่ยน “ผมยังใจดีพาคุณไปส่งได้ด้วยนะ”หลินเซียง “ไม่ต้อง”พูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไปลู่สือเยี่ยนพูดตามหลังเธอ “เราหย่ากันแล้ว กลัวว่าผมจะจับคุณกินเหรอ?”หลินเซียงไม่หันกลับมา “เราไม่มีความสัมพันธ์กันแล้ว ควรรักษาระยะห่างไว้บ้าง อย่าให้คนเข้าใจผิด แล้วมาโทษฉัน สร้างความเดือดร้อนให้ฉันอีก”ลู่สือเยี่ยนไม่พูดอะไรอีก ดวงตาที่มืดมนจ้องมองแผ่นหลังที่ผอมบางของเธอ จนกระทั่งเธอขึ้นรถกระจกรถของเขาค่อย ๆ เลื่อนขึ้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฟู่จิ่น
เซี่ยหว่านถือกล่องข้าวเดินเข้าไปในห้องทำงานซ่งจั่วเห็นดังนั้น รีบพูดว่า “คุณเซี่ย ข้างในมีแขกอยู่ คุณรอสักครู่แล้วค่อยเข้าไปดีไหมครับ?”เซี่ยหว่านมองเขา สีหน้าของเขาดูมีพิรุธเล็กน้อย แววตาของเธอฉายประกายบางอย่างก่อนพูดขึ้น “เที่ยงแล้ว จะมีแขกที่ไหนอีก?”พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในห้องทำงานทันทีซ่งจั่วมองดูแผ่นหลังของเธอพลางขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ขัดขวางเซี่ยหว่านผลักประตูห้องทำงานเข้าไป เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ลู่สือเยี่ยน กำลังก้มลงพูดอะไรบางอย่างกับเขา ท่าทางของทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากเซี่ยหว่านเห็นภาพนั้น ดวงตาของเธอก็ลุกวาวไปด้วยความโกรธทันที!“สือเยี่ยน ใครน่ะ?”ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไป เหลือบมองเซี่ยหว่าน “ทำไมไม่เคาะประตู?”เซี่ยหว่านกำกล่องข้าวแน่น เดินเข้าไปอีกสองก้าวแล้วพูดว่า “สือเยี่ยน อย่าลืมเรื่องที่คุณย่าพูดนะ”ลู่สือเยี่ยนหันไปมองผู้หญิงคนนั้น และบอกว่า “นั่งรอก่อน”เจียงอินอินมองเซี่ยหว่าน รู้สึกได้ถึงความเป็นศัตรูของเซี่ยหว่านที่มีต่อตัวเอง เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยเธอรู้จักเซี่ยหว่านก่อนหน้านี้ลู่สือเยี่ยนเคยจะหย่ากับหลินเซียงเพื่อเซี่ยหว่านที่แท้เป็
ใครบ้างโตขึ้นมาได้โดยไม่ต้องเอาบางอย่างเข้าแลก?คุณย่าลู่มองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ครู่ใหญ่จึงถอนหายใจเบาๆ “ก็ได้ ฉันไม่บังคับให้เธอกับหว่านหว่านแต่งงานกันทันทีหรอก แต่สถานะว่าที่คู่หมั้นของหลานกับเธอนั้นเปลี่ยนไม่ได้ แล้วฉันก็ยอมรับแค่เธอคนเดียวเท่านั้นเป็นหลานสะใภ้”ลู่สือเยี่ยน “สะใภ้ของหลานคนไหน?”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว “ตอนนี้ฉันมีหลานชายแค่เธอคนเดียว!”ลู่สือเยี่ยน “งั้น ถ้าตระกูลลู่มีหลานชายเพิ่มอีกคน เธอก็ไม่ต้องแต่งงานกับผมแล้วใช่ไหมครับ?”“แก!”คุณย่าลู่โกรธจนตัวสั่น เครื่องตรวจจับการเต้นของหัวใจเริ่มส่งเสียงดัง สีหน้ายิ่งซีดลงไปเรื่อย ๆลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืน “จากนี้ไปงานผมจะยุ่งมาก จะไม่มาทำให้คุณย่าปวดหัวอีก พูดตามตรงแล้ว ตอนที่คุณย่าสติเลอะเลือนเพ้อเจ้อยังน่ารักซะกว่า”พูดจบก็ไม่มองสีหน้าของคุณย่าลู่ เดินจากไปทันทีหมอและพยาบาลวิ่งเข้ามาเป็นกลุ่ม ตรวจสอบอาการของคุณย่าลู่ ช่วยปรับความดันโลหิตให้เธอตอนที่เซี่ยหว่านเข้ามา เห็นคุณย่าลู่หน้าซีด กำลังหายใจหอบ“คุณย่าลู่ เป็นไปคะ?”เธอปรี่เข้าไป วางมือทาบอกของคุณย่าลู่ ถามด้วยความเป็นห่วงคุณย่าลู่เห็นเธอเข้ามาก็คว้ามื
ซ่งซ่ง “สบายใจได้เลย ไอ้บ้านั่นแกล้งฉันไม่ลงหรอก พอฉันเบื่อก็จะถีบหัวส่งเอง”หลินเซียงรู้สึกไม่ค่อยดีกลัวที่สุดคือซ่งซ่งจะเล่นจนพลาด ทำให้ฟู่จิ่นซิ่วน้อยใจ เขาอาจจะเลวร้ายกว่าลู่สือเยี่ยนเสียอีกหลินเซียงบอกความกังวลของเธอ “ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะ”ซ่งซ่ง “ได้ ๆ รู้แล้ว”หลินเซียง “งั้นฉันไม่รบกวนเวลาทำงานแล้ว ไปก่อนนะ บาย”“จุ๊บ จุ๊บ”…หลินเซียงกลับไปที่สตูดิโอโดยตรงสภาพจิตใจของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงสวี่ซิงเย่เป็นคนแรกที่สังเกตเห็น จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องอะไรทำให้คุณมีความสุขขนาดนี้ครับ?”หลินเซียงประหลาดใจ “เห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?”สวี่ซิงเย่พยักหน้า “ชัดแจ๋วเลย ก่อนหน้านี้คุณทำงานไม่เคยยิ้ม วันนี้ยิ้มตลอดเวลา”หลินเซียงลูบหน้า แล้วพูดว่า “อืม ปิดการขายได้น่ะ เซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อย ใกล้จะรวยแล้ว ก็เลยมีความสุข”สวี่ซิงเย่ “งั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”“ขอบคุณ”หลินเซียงยิ้มเล็กน้อย แล้วหันไปเปิดคอมพิวเตอร์เธอมองไปรอบ ๆ ออฟฟิศ พบว่าวันนี้ซืออวี่ไม่ได้มา แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ แล้วเริ่มทำงานทันทีที่โรงพยาบาลลู่สือเยี่ยนโยนใบหย่าลงตรงหน้าคุณย่าลู่ ดึ
หลินเซียงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “ทำไมจดล็อบบี้ไม่ได้เหรอคะ?”เจ้าหน้าที่กล่าวว่า “คุณผู้หญิง วันนี้ที่ล็อบบี้คนเยอะ เชิญทั้งสองท่านไปชั้นบนดีกว่า”หลินเซียงเหลือบมองไปที่เคาน์เตอร์รับเรื่องหย่า เห็นว่าคนแน่นจริง ๆอย่างนี้นี่เอง สมัยนี้การแต่งงานส่วนใหญ่คงไปกันไม่รอดสินะ?เธอไม่คิดอะไรมาก รีบตามเจ้าหน้าที่ขึ้นไปชั้นบนในห้องทำงานของนายทะเบียน ทั้งสองคนกรอกเอกสารเพิ่มเติม แล้วก็เข้าสู่เรื่องการแบ่งทรัพย์สินลู่สือเยี่ยนหยิบสัญญาฉบับหนึ่งให้เธอ “นี่คือค่าชดเชยให้คุณ”หลินเซียงรับมาดู พอเห็นชื่อบางชื่อ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างบ้านที่เฟิงหลินหย่วน เขากลับยกให้เธอบ้านหลังนั้นเธอขายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?เขาซื้อคืนมาเมื่อไหร่?หรือว่าเป็นอีกหลังหนึ่ง?นั่นเป็นบ้านหลังใหญ่หลังแรกที่เขาให้เธอ มีความทรงจำดี ๆ เธอยังคงชอบมันอยู่เธอมองลงไปด้านล่าง ยังมีค่าชดเชยการหย่าอีกห้าสิบล้านเยี่ยมไปเลย เธอกลายเป็นมหาเศรษฐีแล้วลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง “มีอะไรสงสัยไหม?”หลินเซียงส่ายหัว “ไม่มีค่ะ”จากนั้นก็ถึงขั้นตอนการเซ็นชื่อไม่นาน นายทะเบียนก็มอบใบหย่าให้ทั้งสองคนแต่ลู่สือเยี่ยนไม
หลินเซียงกลับไปที่สตูดิโอสวี่ซิงเย่เห็นสีหน้าที่ผิดปกติของเธอ จึงถามว่า “หลินเซียง คุณไม่สบายหรือเปล่าครับ?”หลินเซียงส่ายหัว “เปล่า อาจจะแค่พักผ่อนไม่เพียงพอ”สวี่ซิงเย่กังวลเล็กน้อย “ยังมีอะไรที่ยังทำไม่เสร็จอยู่ไหมครับ? ให้ผมช่วยก็ได้ ผมจะช่วยคุณเอง”หลินเซียง “ไม่มีแล้ว ขอบคุณมาก”สวี่ซิงเย่ยังอยากจะพูดอะไรอีก ซืออวี่ก็เดินเข้ามา “เสี่ยวสวี่ ออกไปข้างนอกกับฉันหน่อย!”สวี่ซิงเย่พยักหน้า “ได้ครับ”ช่วงนี้ ซืออวี่มักจะพาสวี่ซิงเย่ออกไปข้างนอก เขามีความสามารถ แถมยังดื่มเหล้าเก่ง ถนัดการเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ทางธุรกิจมากมาย ด้วยความสามารถของเขาทำให้ดึงดูดทรัพยากรได้มาก ตอนนี้เริ่มทำแบบร่างโครงการด้วยตัวเองแล้วหลินเซียงมองตามพวกเขาออกไป ในใจเกิดความสงสัยเล็กน้อยช่วงนี้งานเลี้ยงเยอะเกินไปหรือเปล่า?ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลยสวี่ซินหรานพูดขึ้นมาทันที “หึ ก่อนหน้านี้บอสมักจะพาเธอออกไป ให้ความสำคัญกับเธอมาก ตอนนี้เป็นไงล่ะ ดูเหมือนความสามารถของสวี่ซิงเย่จะโดดเด่นกว่าเธอนะ”หลินเซียง “งั้นเธอมีดีอะไรบ้างล่ะ?”สวี่ซินหรานอึ้ง ไม่คิดว่าเธอจะโต้กลับหลินเซียงมองเธออย่
คุณย่าลู่ขู่จะตาย! สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเปลี่ยนไปทันทีเซี่ยหว่านรีบเข้าไป พร้อมกับร้องไห้พูดว่า “คุณย่าลู่ค่ะ อย่าพูดอย่างนั้นเลย ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพของคุณแล้วค่ะ เราไปตรวจกันก่อนดีไหมคะ?”คุณย่าลู่มองเธอด้วยความปลื้มปิติ “หว่านหว่าน เธอนี่เป็นเด็กดีจริง ๆ ตระกูลลู่เป็นหนี้เธอมากเกินไปแล้ว ถ้าฉันไม่ทำอะไรสักอย่าง สู้ตายไปยังไม่เจ็บช้ำเท่า”เซี่ยหว่านร้องไห้จนพูดไม่ออก!สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาทันทีลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ยิ่งหน้าซีดลงเรื่อย ๆ เธอจับจ้องราวกับจะคาดคั้นรอการตัดสินใจของเขาหลินเซียงเดินเข้าไป มองลู่สือเยี่ยนแล้วพูดว่า “เราไปหย่ากันก่อนเถอะ สุขภาพของย่าสำคัญกว่า”คุณย่าลู่มองลู่สือเยี่ยนด้วยความกระวนกระวายลู่สือเยี่ยนหันไปมองหลินเซียงอย่างรวดเร็ว กระตุกมุมปาก “ผลลัพธ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ คุณคงพอใจแล้วใช่ไหม?”หลินเซียงเม้มริมฝีปาก พูดว่า “แต่สุขภาพของย่าสำคัญกว่า”ลู่สือเยี่ยนพยักหน้า “ได้ หย่าก็หย่า”คุณย่าลู่ก็โล่งใจขึ้นมาทันที นอนลงบนเตียงแล้วหลับไปหมอและพยาบาลพาคุณย่าลู่ไปห้องตรวจเซี่ยหว่านเช็ดน้ำตาบนใบหน้า มองลู่สือเยี่ยนแล้วพูดว่า “สือเยี่
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้