คิ้วของลู่สือเยี่ยนขมวดเข้าหากัน มองดูใบหน้าของเธอที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีทันใดนั้น เสียงโทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น จึงลุกขึ้นแล้วรับสาย“อืม รู้แล้ว”หลังจากคุยกับอีกฝ่ายสองสามคำ เขาก็วางสาย หันไปมองเซี่ยหว่าน “พักผ่อนดี ๆ ผมมีธุระ ขอตัวก่อน”ว่าแล้วก็หันหลัง เดินออกจากห้องไปทันที“สือเยี่ยน…”เซี่ยหว่านเห็นเขาจากไปโดยไม่ลังเล สีหน้าพลันเปลี่ยนไป อยากจะก้าวลงจากเตียงเพื่อไล่ตามเขา แต่เขาเดินเร็วมาก ไม่ทันไรประตูห้องก็ปิดลงแล้วมือของเธอจิกผ้าปูที่นอนแน่น ดวงตาเต็มไปด้วยความเย็นชา!น่าเกลียดที่สุด!ทำไมไม่ยอมจูบเธอกันล่ะ?!เขาสามารถจูบผู้หญิงคนนั้นได้ ทำไมถึงไม่จูบเธอ?ต้องเป็นเพราะผู้หญิงคนนั้นล่อลวงเขาแน่ ๆ เธอเกลียดหลินเซียง!…หลินเซียงยังคงนั่งอยู่ในรถเพื่อปรับลมหายใจ ทันใดนั้นก็มีคนมาเคาะกระจกรถ มองไปก็เห็นเจิ้งซินเอ้อร์ยืนอยู่ข้างรถ มองเธอด้วยสีหน้าไม่เป็นมิตรหลินเซียงหันกลับมา ไม่ให้ความสนใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่เคยมาดี เธอย่อมไม่ลดตัวลงไปหาเรื่องเจิ้งซินเอ้อร์เห็นว่ากระจกรถไม่เปิดจึงเคาะอีกครั้ง สีหน้าของเธอย่ำแย่ยิ่งกว่าเดิม ผู้หญิงคนนี้! กล้าทำ
เขาเป็นคนประเภทไหนกันแน่? หลังจากเกิดเรื่องมากมายขนาดนี้ กลับยังพูดประโยคแบบนั้นออกมาได้อย่างหน้าตาเฉยหลินเซียงสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วพูดว่า “ไม่ไปบริษัทเหรอ?”ลู่สือเยี่ยนมองดูเธอวางมือลง มีแววผิดหวังเล็กน้อย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรมากนัก หันไปสตาร์ทรถแทนบรรยากาศในรถแปลกประหลาดอย่างบอกไม่ถูกพอมาถึงบริษัท หลินเซียงก็จัดการกับอารมณ์ตัวเองเรียบร้อยแล้ว ลงจากรถแล้วเดินเข้าไปในตึกโดยไม่หันกลับมามองลู่สือเยี่ยนจ้องมองตามแผ่นหลังที่บอบบางของเธอ สายตาเหลือบไปที่เอวและสะโพกของเธอ ทั้ง ๆ ที่เธอสวมเสื้อเชิ้ตและกางเกงขายาวแบบเรียบง่ายแท้ ๆ แต่ท่าทางการเดินของเธอกลับดูเย้ายวนมากดวงตาของเขามืดมนตอนนี้เลยเวลางานมาแล้ว ทำให้มีคนน้อยมากประจำที่หน้าบริษัท จึงไม่มีใครเห็นหลินเซียงลงจากรถของลู่สือเยี่ยนพอออกมาจากลิฟต์ ผู้จัดการก็เดินผ่านมาพอดี เมื่อเห็นเธอ สีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย ดูเหมือนจะอยากพูดอะไรบางอย่าง แต่สุดท้ายก็อดทนไว้หลินเซียงรู้สึกได้เช่นกันว่าวันนี้ท่าทีของผู้จัดการเปลี่ยนไปแต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจเธอตั้งใจจะลาออกแล้วเนื่องจากเธอถูกถอดออกจากทีมโปรเจกต์ของเฉิงต๋าไปแล้ว ดังนั้
หลินเซียงสูดหายใจเข้าลึก ๆ หลายครั้ง เพื่อปรับอารมณ์ให้สงบลง แล้วจึงเดินไปหาเขาเมื่อมาหยุดอยู่ข้างเขา เธอก็พูดเสียงแข็งทันที “มีอะไร?”ลู่สือเยี่ยนคว้าข้อมือเธอไว้ทันที แล้วดันเธอให้นั่งลงบนตักเขาหลินเซียงตกใจ ร่างกายแข็งทื่อไปชั่วขณะ แต่ก็ไม่ได้ดิ้นรนเมื่อเห็นความเย็นชาและการต่อต้านในแววตาของเธอ ลู่สือเยี่ยนก็รู้สึกโกรธขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกเขาบีบคางเธอ แล้วพูดเสียงทุ้มว่า “หลินเซียง คุณอยากหนีไปจากผมเหรอ?”แพขนตาของหลินเซียงสั่นไหว แล้วพูดว่า “ใช่”นิ้วมือลู่สือเยี่ยนบีบคางแน่นขึ้นเล็กน้อย ดวงตาของเขากะพริบปริบด้วยความโกรธ หัวแม่มือลูบไล้ริมฝีปากเธอ แล้วพูดว่า “ได้ ผมอนุมัติให้คุณลาออกก็ได้ แต่คุณต้องยอมทำตามเงื่อนไขของผมอย่างหนึ่ง”หลินเซียงรู้สึกถึงลางสังหรณ์ไม่ดี จึงถามอย่างระมัดระวัง “อะไร?”ลู่สือเยี่ยนพูด “นอนกับผมสักครั้ง”ดวงตาของหลินเซียงเบิกกว้างขึ้น “คุณมันหน้าด้าน!”เขาจะแต่งงานกับเซี่ยหว่าน และได้ตกลงกับเซี่ยหว่านเป็นมั่นเป็นเหมาะแล้ว แต่กลับพูดแบบนี้กับเธอ!เธอโกรธจนน้ำตาคลอ “คุณทำตัวแบบนี้คู่ควรกับคุณเซี่ยตรงไหน?”แต่ลู่สือเยี่ยนไม่สนใจคำพูดของเธอ ยังคงบ
หลินเซียงกลับไปที่โต๊ะทำงาน รู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดไร้สาระเหลือเกินไม่เข้าใจเลยว่าลู่สือเยี่ยนคิดอะไรอยู่เขาไม่ได้ห่วงใยเซี่ยหว่านหรอกเหรอ?แล้วทำไมถึงมาผูกมัดเธอแบบนี้?ความโกรธ ความเสียใจ และความรู้สึกต่าง ๆ ผสมปนเปกัน ทำให้เธอรู้สึกหมดหนทางอย่างที่สุดทันใดนั้นเธอก็รับโทรศัพท์จากซ่งซ่ง“เซียงเซียงคนสวย ทำงานหรือยังจ๊ะ?”เสียงของซ่งซ่งฟังดูอ่อนล้าหลินเซียงถามกลับ “อืม กำลังทำงานเลย มีอะไรหรือเปล่า?”ซ่งซ่งเริ่มคร่ำครวญ ระบายยาวเหยียดว่า “ฉันทนไม่ไหวแล้วจริง ๆ ฉันไม่เคยเห็นผู้ชายคนไหนเรื่องมากขนาดนี้มาก่อนเลย เขาออกจากโรงพยาบาลแล้วแท้ ๆ แต่ที่อยู่ของฉันกับเขาไกลกันมาก เขาเลยขอให้ฉันย้ายไปอยู่ด้วย ฉันไม่ไปแน่นอน ถ้าสาวสวยแบบฉันไปอยู่ร่วมชายคาเดียวกันเขา ก็ไม่ต่างอะไรกับแกะเข้าปากหมาป่าสิ รู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”หลินเซียง “เกิดอะไรขึ้น?”ซ่งซ่งตัดพ้ออีกครั้ง พูดว่า “เขาโทรมาหาฉันตอนตีสองครึ่ง บอกว่าอยากกินบะหมี่เส้นเล็กต้มเลือดหมู ฉันจะไปหาบะหมี่เส้นเล็กต้มเลือดหมูมาให้เขาจากไหนล่ะ ก็เลยโมโห ไม่ซื้อให้ แล้วเขาก็ขู่ฉัน ผู้ชายประสาอะไรวะเนี่ย!”หลินเซียงไม่คิดว่าฟู่จิ่นซิ่วจ
เสี่ยวเสวี่ย [พี่ฟู่ พี่ใจดีกับหนูมากเลย หนูไม่รู้จะขอบคุณยังไงดี]เสี่ยวเสวี่ย [ส่งรูปร้องไห้.jpg]คนโง่ฟู่ [เด็กดี เก็บไว้นะ ขาดเหลืออะไรบอกพี่ได้เสมอ]เสี่ยวเสวี่ย [ขอบคุณค่ะพี่ฟู่]ซ่งซ่งกดซองอั่งเปา มองดูเงิน 50,000 บาทที่ได้รับพร้อมกับเบะปากเยาะเย้ย“ซ่งซ่ง!”ขณะเดียวกันก็มีเสียงชายหนุ่มดังมาจากทางห้องนอนซ่งซ่งกลอกตา สลับบัญชีวีแชทกลับคืน จากนั้นเดินเข้าไปในห้องนอน "มีอะไร?"ไม่ว่ายังไงเธอก็เพิ่งได้รับเงินหนึ่งหมื่นหยวนมา ดังนั้นตอนนี้เธอจึงอารมณ์ดีกับฟู่จิ่นซิ่วมากขึ้นแต่นั่นก็เพียงเล็กน้อยเท่านั้นฟู่จิ่นซิ่วเหลือบมองแก้วน้ำแล้วพูดว่า "ผมหิวน้ำ"ซ่งซ่งเดินไปหยิบแก้วของเขา รินน้ำแล้วยื่นให้เขา "ดื่มสิ"ฟู่จิ่นซิ่วไม่ตอบ แต่พูดอย่างใจเย็น: "ผมไม่หิวน้ำแล้ว อยากเข้าห้องน้ำมากกว่า"ความอารมณ์ดีเล็ก ๆ น้อย ๆ ในแววตาหายไปซ่งซ่งแทบอยากจะสาดน้ำในแก้วใส่หน้าเขาโดยตรงเธออดกลั้นไว้ ผู้ชายคนนี้เอาแต่ใจเกินไป ถ้าเธอทำอย่างนั้นจริง ๆ ไม่รู้ว่าเขาจะทรมานเธอในภายหลังอย่างไรบ้างเธอวางแก้วน้ำลง เอื้อมมือไปพาดแขนเขาไว้บนไหล่ ช่วยให้เขาลุกขึ้นยืนน้ำหนักตัวทั้งหมดของฟู่จิ่นซิ
ซ่งซ่งตกตะลึง ตัวแข็งทื่ออยู่ครู่หนึ่งจึงพูดว่า “งั้นคุณยืนให้มั่นแล้วกัน ฉันช่วยพยุงไม่ไหว”พูดจบเธอก็เอื้อมมือไปจับกางเกงเขา นิ้วมือสัมผัสผิวหนังต้นขาเขาโดยไม่ทันตั้งตัว ทั้งสองคนต่างก็สะดุ้งเฮือกซ่งซ่งปิดตาแน่นแล้วดึงกางเกงขึ้นอย่างแรง ได้ยินเสียงครางเบา ๆ ที่ฟังแล้วเซ็กซี่สุด ๆ จากปากชายหนุ่มซ่งซ่งพูดเสียงแหบแห้ง “ดึงขึ้นให้แล้วนะ เดี๋ยวฉันจะพยุงคุณออกไป…” พูดจบเธอก็หันหลังให้เขา วางแขนเขาพาดไว้บนไหล่แล้วเดินออกไปคราวนี้ฟู่จิ่นซิ่วนิ่งเงียบ ไม่พูดอะไร แต่ริมฝีปากบางเม้มเข้าหากันซ่งซ่งพยุงฟู่จิ่นซิ่วให้นั่งลงบนเตียงแล้วถามว่า “มีอะไรอีกไหม?”เสียงของฟู่จิ่นซิ่วนุ่มทุ้ม “ไม่มีแล้ว ออกไปได้”ซ่งซ่งรีบหันหลังวิ่งออกไป กลัวว่าเขาจะมีเรื่องวุ่นวายอะไรอีกพอปิดประตูห้องนอน ฟู่จิ่นซิ่วก็นั่งถอนหายใจเฮือกใหญ่ แล้วจัดการกับกางเกงตัวเองผู้หญิงคนนี้ไม่รู้จริง ๆ หรือตั้งใจกันแน่? หรือเธอไม่รู้ว่าร่างกายของผู้ชายกับผู้หญิงไม่เหมือนกัน? เธอรีบดึงกางเกงขึ้นอย่างนั้น ทำให้เขารู้สึกไม่สบายตัวเอามาก ๆแต่พอคิดอีกที แม้เธอจะรู้ เธอก็คงช่วยจัดให้มันเข้าที่เข้าทางอย่างเรียบร้อยไม่ได้ ฟู่จ
เธออาจเลือกจากไปได้ แต่ถ้าการร่วมมือครั้งนี้ล้มเหลวเพราะเธอ ลู่สือเยี่ยนคงจะหาทางกลั่นแกล้งเธออีกแน่ เธอถึงกับนึกภาพออกว่าเขาจะพูดอะไรบ้างหลินเซียงสูดหายใจเข้าลึก เดินไปหยิบแก้วไวน์ขึ้นมา แล้วคลี่ยิ้มบาง ๆ “ขอเชิญทุกท่านดื่มค่ะ”เมื่อเห็นเธอดื่มไวน์ไปหนึ่งแก้ว เสียงโห่ร้องพลันดังขึ้นทันที “สุดยอดเลย!”ผู้จัดการมองดูอยู่ข้าง ๆ แลกเปลี่ยนสายตาที่เป็นอันรู้กันกับชายคนหนึ่ง จากนั้นเธอก็ลากหลินเซียงไปนั่งลงข้าง ๆ ชายคนนั้นพอดีชายคนนี้เป็นตัวเอกของงานเลี้ยงคืนนี้ อายุสี่สิบกว่า ๆ หน้าตาธรรมดา เวลายิ้มดูอ่อนโยน “คุณหลินสามารถผลักดันความร่วมมือกับเฉิงต๋าจนสำเร็จได้ ทำให้ผมประหลาดใจไม่น้อยเลย เท่าที่ผมรู้มา ประธานหานของเฉิงต๋ามีนิสัยแปลก ๆ”หลินเซียงยิ้มบาง ๆ “ตราบใดที่แผนการของฉันโน้มน้าวใจเขาได้ อย่างอื่นก็ไม่สำคัญหรอกค่ะ”“พูดได้ดี”หย่วนกังหัวเราะลั่น ยกมือขึ้นวางบนต้นขาของหลินเซียงอย่างเป็นธรรมชาติ“คุณหลินเพิ่งเรียนจบแล้วเข้ามาทำงานที่ดีเคกรุ๊ปเลยใช่ไหมครับ?”ร่างกายของหลินเซียงแข็งทื่อไป แต่ใบหน้ายังคงเรียบเฉย ตอบกลับเบา ๆ ว่า “ใช่ค่ะ”มือของหย่วนกังลูบไล้บนต้นขาของเธอ “คุณหล
“ใครกล้าเตะกูวะ!”หย่วนกังเริ่มสาปแช่งทันทีหลังจากถูกเตะ หลังจากดิ้นรนที่จะลุกขึ้น เขาก็เห็นบุคคลนั้นเดินเข้ามา ใบหน้าที่ดุร้ายหายไปในทันที ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว"ลู่ ประธานลู่..."ตอนนี้ หลินเซียงถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนของชายคนนั้น ลมหายใจที่ชัดเจนและร้อนระอุทะลุผ่านปลายจมูกของเธออย่างต่อเนื่อง ทำให้เธอรู้สึกมึนงงเล็กน้อยลู่สือเยี่ยนเปล่งรัศมีเย็นยะเยือก ดวงตาเรียวแคบของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา "แกกล้าแตะต้องคนของฉันเหรอ?"หย่วนกังตกใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้น "ประธานลู่ ผมผิดไปแล้ว ผมตาบอดไม่รู้ความ ไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณหลินเป็นคนของคุณ ผมฉันรู้แต่แรก ต่อให้ไปยืมความกล้าหาญมาสิบครั้ง ผมก็ไม่มีวันทำแบบนั้นกับเธอแน่..."หย่วนกังค่อนข้างมีอิทธิพลในเมืองอวิ๋นเฉิงมานานหลายทศวรรษ แต่พออยู่ต่อหน้าลู่สือเยี่ยน เขากลับเทียบอะไรไม่ได้เลยลู่สือเยี่ยนไม่เพียงแต่จะเป็นประธานของดีเคกรุ๊ปเท่านั้น ยังมีตระกูลลู่ที่ทรงอำนาจและหยั่งรากลึกอยู่เบื้องหลังอีกด้วย หากตระกูลลู่ต้องการกำจัดใครสักคน พวกเขาสามารถทำได้อย่างเงียบเชียบ!หย่วนกังยังคงร้องขอความเมตตา แต่ในเวลานี้ซ่งจั่วเดินเข้ามา โบ