“ใครกล้าเตะกูวะ!”หย่วนกังเริ่มสาปแช่งทันทีหลังจากถูกเตะ หลังจากดิ้นรนที่จะลุกขึ้น เขาก็เห็นบุคคลนั้นเดินเข้ามา ใบหน้าที่ดุร้ายหายไปในทันที ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างด้วยความหวาดกลัว"ลู่ ประธานลู่..."ตอนนี้ หลินเซียงถูกอุ้มไว้ในอ้อมแขนของชายคนนั้น ลมหายใจที่ชัดเจนและร้อนระอุทะลุผ่านปลายจมูกของเธออย่างต่อเนื่อง ทำให้เธอรู้สึกมึนงงเล็กน้อยลู่สือเยี่ยนเปล่งรัศมีเย็นยะเยือก ดวงตาเรียวแคบของเขาเต็มไปด้วยความเย็นชา "แกกล้าแตะต้องคนของฉันเหรอ?"หย่วนกังตกใจมากจนคุกเข่าลงกับพื้น "ประธานลู่ ผมผิดไปแล้ว ผมตาบอดไม่รู้ความ ไม่รู้จริง ๆ ว่าคุณหลินเป็นคนของคุณ ผมฉันรู้แต่แรก ต่อให้ไปยืมความกล้าหาญมาสิบครั้ง ผมก็ไม่มีวันทำแบบนั้นกับเธอแน่..."หย่วนกังค่อนข้างมีอิทธิพลในเมืองอวิ๋นเฉิงมานานหลายทศวรรษ แต่พออยู่ต่อหน้าลู่สือเยี่ยน เขากลับเทียบอะไรไม่ได้เลยลู่สือเยี่ยนไม่เพียงแต่จะเป็นประธานของดีเคกรุ๊ปเท่านั้น ยังมีตระกูลลู่ที่ทรงอำนาจและหยั่งรากลึกอยู่เบื้องหลังอีกด้วย หากตระกูลลู่ต้องการกำจัดใครสักคน พวกเขาสามารถทำได้อย่างเงียบเชียบ!หย่วนกังยังคงร้องขอความเมตตา แต่ในเวลานี้ซ่งจั่วเดินเข้ามา โบ
ก่อนที่เขาจะฟื้นความทรงจำ เขามักจะซื้อดอกไม้ ชานม และของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เธอ...ถึงแม้จะไม่มีค่ามากนัก แต่เขามักจะคิดถึงเธอทุกครั้งเมื่อเห็นของสวย ๆ งาม ๆ สิ่งแรกที่ทำคือแบ่งปันกับเธอในใจเขาเธอมาก่อนเสมอเธอจะลืมอาเยี่ยนผู้ที่ทั้งหัวใจและสายตาเต็มไปด้วยความคลั่งรักได้อย่างไร? จะไม่ตกหลุมรักง่าย ๆ ได้อย่างไน?หัวใจของเธอเต้นแรงเล็กน้อย หลินเซียงหยุดความคิดอย่างรวดเร็ว พยายามไม่คิดฟุ้งซ่านอาเยี่ยนคนนั้นถูกลู่สือเยี่ยนฆ่าตายไปแล้วตอนนี้เขาเป็นแค่ลู่สือเยี่ยนลู่สือเยี่ยนเป็นคนเย็นชา แปลกประหลาด และเอาแน่เอานอนไม่ได้หลินเซียงปักหลอดเข้าไปในแก้วแล้วจิบอบอุ่นจริง ๆ ด้วย ขจัดความหนาวเย็นในใจไปได้มากหลังจากรอเป็นเวลาครึ่งชั่วโมง ประตูฝั่งคนขับก็เปิดออก ลู่สือเยี่ยนก้าวขึ้นมานั่งพร้อมกับความหนาวเย็นที่ติดมากับร่างกายหลินเซียงกำลังถือแก้วชานมและดูโทรศัพท์ไปพลาง ๆ เมื่อเขาเห็นเขามาก็วางโทรศัพท์ทันทีท่าทีของเธออ่อนลงมากถึงยังไงเขาก็อุตส่าห์ช่วยเธอไว้“ขอบคุณมากนะคะสำหรับสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนี้”ลู่สือเยี่ยนมองเธอด้วยดวงตาแคบยาวลึกล้ำ "นอกเหนือจากนี้ คุณมีอะไรจะพูดอีกไ
หลินเซียงตกตะลึง มองดูชานมในมือตัวเอง เขาไม่ได้เป็นคนซื้อมันหรอกเหรอ?อย่างไรก็ตาม ความเฉยเมยบนใบหน้าของลู่สือเยี่ยนนั้นจริงจังเกินกว่าจะโกหกเธอเหยียดมุมปากเป็นรอยยิ้มขมขื่น เธอคิดไปเองว่าเขาจำเรื่องเก่า ๆ ได้ เมื่อนึกถึงเรื่องเลวร้ายที่เธอประสบ เลยกังวลว่าเธอจะกลัว ถึงได้ซื้อชานมมาปลอบใจที่แท้เธอก็คิดมากไปเองเธอสูดหายใจเข้าลึก โยนชานมลงในถังขยะ แล้วเดินตามเขาเข้าไปในวิลล่าตระกูลลู่พวกเขาขึ้นไปชั้นบนโดยตรงแล้วเข้าไปในห้องนอนลู่สือเยี่ยนเอื้อมมือออก ปลดกระดุมปกเสื้อแล้วพูดอย่างเย็นชา "ไปอาบน้ำซะ"หลินเซียงเข้าไปอาบน้ำเงียบ ๆ คิดถึงคำว่าใบลาออกตลอดกระบวนการลู่สือเยี่ยนเห็นภาพนั้นก็รู้สึกอยู่ไม่สุขมากยิ่งขึ้นเสียงน้ำไหลแว่วมา มองเห็นร่างที่สวยสง่าผ่านกระจกฝ้า เขานั่งลงบนโซฟา วางข้อศอกเท้าต้นขา จ้องมองกระจกด้วยดวงตาสีเข้มและซับซ้อนเป็นเวลานานลูกกระเดือกบนคอกลอกกลิ้ง ปากคอแห้งอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็ยื่นมือออกไปดึงคอเสื้อ ราวกับว่าสิ่งนี้สามารถบรรเทาความหงุดหงิดและความร้อนรุ่มเกินกว่าจะอดทนได้เขาลุกขึ้น เดินออกจากห้องนอนแล้วไปที่ห้องรับแขกเพื่ออาบน้ำเมื่อหลินเซียงนุ่งผ้
เมื่อนึกถึงความบ้าคลั่งเมื่อคืน เธอก็รู้สึกขาอ่อน รีบสลัดความคิดเหล่านั้นออกไปเธอลุกขึ้นแล้วลงจากเตียง เมื่อเหยียบเท้าลงน้ำหนัก ขาของเธอก็อ่อนยวบแทบจะล้มลง!ไอ้คนบ้า!หลินเซียงสบถในใจสองสามคำ ใช้เวลาพักใหญ่จึงเดินไปห้องน้ำเธอซักเสื้อผ้าไปแล้วเมื่อคืนหลังจากอาบน้ำ ตอนนี้แห้งพอดี หลังจากที่เธอแปรงฟันเสร็จ ประตูห้องนอนก็เปิดออก คนใช้จัดที่นอนเรียบร้อยเธอทำเป็นเฉยเมยเดินออกไปแล้วลงบันไดพ่อบ้านฟู่เห็นเธอลงมา จึงทักทายด้วยรอยยิ้มว่า “คุณผู้หญิง ตื่นแล้วเหรอครับ อาหารเช้าเตรียมไว้แล้วครับ”หลินเซียงพยักหน้า แล้วเดินตรงไปที่ห้องอาหารเพิ่งเข้าไปก็ได้ยินเสียงฝีเท้าหนัก ๆ ของผู้ชายดังมาจากด้านหลัง เขาเลื่อนเก้าอี้ตัวข้าง ๆ แล้วนั่งลงหลินเซียงก้มหน้ามองโจ๊กตรงหน้า ตักกินทีละน้อยสายตาของลู่สือเยี่ยนกวาดไปทั่วตัวเธอ ดวงตาเข้มล้ำลึกหลินเซียงรู้สึกไม่สบายใจมาก แต่เธอไม่อยากพูดอะไรกับเขา หวังเพียงว่าพอถึงบริษัทแล้ว เขาจะอนุมัติให้เธอลาออก หลังจากกินเสร็จ หลินเซียงจึงเงยหน้ามองเขาแล้วถามว่า “เราไปบริษัทด้วยกันไหม?”ลู่สือเยี่ยนพูดว่า “ถ้าคุณอยากเดินไป ผมก็ไม่ว่า”หลินเซียง “…”ปากค
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเซี่ยหว่าน “ขอบคุณค่ะ ขอแค่คุณไม่กักขังหน่วงเหนี่ยวเธอไว้ก็พอแล้ว พอเธอกลับไป ฉันจะตักเตือนเธอให้ดี”“อืม”ลู่สือเยี่ยนตอบเสียงเรียบ กำลังจะพูดอะไรต่อ ก็ได้ยินเสียงปิดประตูรถ“ไม่ได้!”หลินเซียงเดินเข้ามาอย่างรวดเร็ว ดวงตาใส ๆ แสดงออกถึงความเด็ดขาด มองลู่สือเยี่ยน “คุณไม่ควรปล่อยจ้าวลี่ลี่!”ลู่สือเยี่ยนขมวดคิ้ว “คุณกำลังสั่งผมเหรอ?”นิ้วมือของหลินเซียงเกร็งขึ้น หัวใจเจ็บปวด มองใบหน้าที่เย็นชาและเฉียบคมของเขา รู้สึกเหมือนไม่เคยรู้จักเขาอย่างสิ้นเชิงเซี่ยหว่านพูดแทรกขึ้นมา “คุณหลิน รุ่นพี่ของฉันแค่ขาดสติทำเรื่องผิดพลาด เธอสำนึกแล้วว่าตัวเองผิด ถ้าคุณยังไม่พอใจ ฉันขอโทษแทนเธอก็ได้”พูดจบ เธอก็โค้งคำนับหลินเซียง แสดงให้เห็นถึงความอ่อนน้อมถ่อมตนอย่างสูง“คุณหลิน ขอโทษด้วยนะคะ!”ลู่สือเยี่ยนจับแขนเธอ ดึงเธอขึ้นมา “หว่านหว่าน ทำอะไรเนี่ย? เรื่องของเธอไม่เกี่ยวอะไรกับคุณเลยนะ”เซี่ยหว่านเงยหน้าขึ้น ดวงตาแดงก่ำ แต่เธอก็ยังพยายามฝืนยิ้ม พูดว่า “ทำไมจะไม่เกี่ยวล่ะคะ? นั่นก็รุ่นพี่คนสนิทของฉัน เธอทำผิดก็ต้องมีคนรับผิดชอบ ฉันแค่อยากให้คุณหลินอย่าถือสาหาความ อย่าง
“ไม่ไป!”หลินเซียงพูดจบก็ไม่แม้แต่จะเหลียวมองซ่งจั่ว รีบเดินเข้าลิฟต์ไปดื้อ ๆซ่งจั่วรู้สึกปวดหัวอย่างรุนแรงเมื่อคืนยังดี ๆ อยู่เลยนี่นา?ทำไมผ่านไปคืนเดียวถึงได้ทะเลาะกันอีกแล้ว?เขาเดินตามเข้าไปในลิฟต์ คิดจะเจรจาไกล่เกลี่ย “คุณหลินครับ ถ้ามีอะไรเข้าใจผิดต่อกัน ผมว่าคุณควรไปคุยกับประธานลู่ให้ชัดเจนดีกว่า เพราะสุดท้ายแล้ว…”หลินเซียงมองเขาอย่างเย็นชา “ออกไป”ซ่งจั่ว “…”ลำพังการถูกปฏิเสธการเจรจาก็ย่ำแย่พออยู่แล้ว!แต่สายตาเย็นชาของหลินเซียงทำให้ซ่งจั่วรู้สึกถึงแรงกดดันอย่างบอกไม่ถูก เหมือนกับว่าเขามองเห็นลู่สือเยี่ยนยืนอยู่ตรงหน้าซ่งจั่วไม่กล้าอยู่ต่อ รีบก้าวออกจากลิฟต์ มองประตูลิฟต์ที่ค่อย ๆ ปิดลง ก่อนจะถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้ แล้วขึ้นลิฟต์อีกตัวไปที่ห้องทำงานประธานบริษัทเขาเคาะประตูห้องทำงานของประธาน ได้ยินเสียงอนุญาตจากข้างใน ซ่งจั่วสูดหายใจเข้าลึก ๆ แล้วเปิดประตูเข้าไป “ประธานลู่ครับ คุณหลินเก็บของออกไปแล้วครับ”“ปัง!”ลู่สือเยี่ยนโยนเอกสารในมือลง บรรยากาศในห้องทำงานทั้งห้องเย็นยะเยือก เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา โทรหาหลินเซียง แต่กลับถูกตัดสาย!กล้ามาก!ชัดเจนว่าเป็นเพ
เธอจะลบร่องรอยของเขาออกจากชีวิตเธอทั้งหมด!ทางโทรศัพท์ ฉินโหย่วหานหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “ได้ รอผมนะ เดี๋ยวผมไป”“ค่ะ”หลังจากวางสายแล้ว หลินเซียงก็เปิดแอปแล้วโพสต์ประกาศขายบ้านของเธอทันทีผ่านไปประมาณสิบห้านาที เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้นหลินเซียงเดินไปเปิดประตู ฉินโหย่วหานวันนี้ย้อมผมสั้นสีเทาอมม่วง ยืนอยู่ที่ประตูด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ ใช้มือข้างหนึ่งยันไว้ที่กรอบประตู เมื่อเห็นเธอเขาก็ถามว่า “ทำไมถึงเปลี่ยนใจกะทันหันล่ะ?”หลินเซียงพูดว่า “บ้านหลังใหญ่เกินไป อยู่คนเดียวแล้ววังเวงพิลึก”ฉินโหย่วหานเลิกคิ้ว “เหตุผลนี้นี่เอง…”เขาไม่ได้พูดต่อ เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ แต่ก็ไม่ได้ถามซักไซ้หลินเซียงยิ้มจาง ๆ “พี่หาน ลองดูรอบ ๆ ก่อนเถอะค่ะว่าชอบไหม”ฉินโหย่วหานเดินเข้ามา เดินไปมาในห้องสองสามรอบ แล้วพูดว่า “ได้อยู่แล้ว แต่หลินเซียง บ้านหลังนี้ถือเป็นบ้านมือสอง แม้ว่าทำเลจะดีมาก แต่ก็ไม่ใช่อะไรที่ต้องการอย่างเร่งด่วน อาจจะไม่ได้ราคาตามที่คุณหวังไว้หรอกนะ”ดวงตาใสแจ๋วของหลินเซียงมองเขา “คุณยังไม่ได้ถามฉันเลย รู้ได้ยังไงว่าราคาที่ฉันคาดหวังไว้อยู่ที่เท่าไหร่?”ฉินโหย่วหานมองเธอ “อ้อ? เท
หลินเซียงอึ้งไปเล็กน้อย แล้วบอกว่า “แต่ฉันไม่เคยเข้าร่วมงานเลี้ยงระดับนั้นมาก่อน กลัวจะไปทำอะไรเปิ่นเป๋อเข้า”ฉินโหย่วหาน “ไม่เป็นไร แค่แต่งตังสวย ๆ ก็พอ”หลินเซียงพยักหน้า “งั้นก็ได้ค่ะ ถ้าเกิดมีอะไรผิดพลาดขึ้นมา คุณอย่ามาตำหนิฉันก็แล้วกัน”ฉินโหย่วหานหัวเราะเบา ๆ “ไม่มีทางแน่นอน”หลินเซียงหันกลับมาเก็บของต่อของของเธอน้อยมาก กระเป๋าเดินทางใบเดียวก็ใส่ได้หมดแล้ว พอเก็บเสร็จ เธอก็รู้สึกโหวงแปลก ๆอยู่มาตั้งนาน ของส่วนตัวมีแค่นี้เองเหรอ?เพราะแบบนี้ไง ตั้งแต่แรกเธอจึงไม่เคยคิดว่าที่นี่เป็นที่ของเธอแววตาฉายแววขมขื่นเล็กน้อย หลินเซียงลากกระเป๋าเดินทางแล้วเดินออกจากห้องไปก่อนไปไม่ลืมแจ้งรหัสผ่านให้ฉินโหย่วหานฉินโหย่วหานพยักหน้าเล็กน้อย รับกระเป๋าเดินทางจากมือเธอ แล้วพูดว่า “ไปกันเถอะ”“ค่ะ”พวกเขาออกจากเฟิงหลินหย่วนและกลับไปที่อะพาร์ตเมนต์เดิมไม่ได้กลับมานานทีเดียว ห้องจึงค่อนข้างรกหลินเซียงกล่าวด้วยความเขินอายเล็กน้อยว่า “ฉันไม่ได้กลับมานาน ต้องทำความสะอาดก่อน พี่หาน รอแป๊บนะคะ”ฉินโหย่วหานพยักหน้า มองไปที่ห้องสองห้องนอนเล็ก ๆ นัยน์ตาสีเหมือนสุนัขจิ้งจอกสวยงามของเขาเป็
หลินเซียงได้ยินดังนั้นก็ประหลาดใจเล็กน้อย แล้วพูดว่า “ไม่ต้องแล้วค่ะพี่หาน ฉันกินข้าวเรียบร้อยแล้ว”ฉินโหย่วหานลอกว่า “งั้นไปกินของว่างก็ได้ หลินเซียง ผมดีใจกับคุณจริง ๆ”หลินเซียงกล่าวว่า “งั้นก็รอให้ทุกคนมีเวลาก่อน แล้วเราค่อยไปกินข้าวด้วยกันเถอะค่ะ”นั่นหมายความว่า เธอจะไม่กินข้าวกับฉินโหย่วหานตามลำพังฉินโหย่วหานเงียบไปชั่วขณะครู่ใหญ่จึงพูดว่า “หลินเซียง คุณไม่จำเป็นต้องปฏิเสธความหวังดีของคนอื่นอย่างเด็ดขาด ทุกอย่างควรจะเผื่อลู่ทางไว้บ้าง”ใจของหลินเซียงรู้สึกเจ็บปวดเล็กน้อย พูดไม่ออกว่ารู้สึกอย่างไร เธอยิ้มรับ “พี่หาน ฉันรู้ค่ะ”ฉินโหย่วหาน “อืม ถ้าอยากผ่อนคลายก็ไปที่บาร์ของผมได้ เหล้าที่นั่นคุณดื่มได้ไม่อั้น”หลินเซียง “ได้ค่ะ ไว้ฉันจะไปกับซ่งซ่ง แล้วดื่มเหล้าของคุณให้หมดบาร์!”ฉินโหย่วหาน “ยินดีเลย”ทั้งสองคนคุยกันสักพัก แล้ววางสายหลินเซียงนั่งอยู่บนโซฟา มองเพดานที่สวยงาม รู้สึกอยากดื่มขึ้นมาจริง ๆแต่ซ่งซ่งยุ่งกลับมากเธอเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วถึงกับอึ้งไปเห็นว่าในตู้เย็นเต็มไปด้วยวัตถุดิบสดใหม่ เป็นของที่เธอชอบทั้งนั้น มือที่จับขอบประตูตู้เย็นของเธอกำแน่นขึ้นค
ไฟถนนสว่างไสว ส่องสว่างครึ่งใบหน้าของลู่สือเยี่ยน คิ้วและดวงตาที่ลึกซึ้งของเขาถูกบดบังด้วยความมืดในรถ ทำให้มองไม่เห็นสีหน้าของเขาในตอนนี้เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “งั้นคืนนี้คุณมีที่อยู่ไหม?”หลินเซียงตอบ “ฉันไปหาซ่งซ่งก็ได้ หรือไปพักโรงแรมก็ได้ เมืองอวิ๋นเฉิงออกจะใหญ่ขนาดนี้ แล้วฉันก็รวยขนาดนี้ จะไม่มีที่อยู่ได้ยังไง”“เหอะ!”ไม่รู้ว่าประโยคไหนทำให้ลู่สือเยี่ยนหัวเราะ เขาหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดว่า “เฟิงหลินหย่วนโอนกลับเป็นชื่อของคุณแล้ว คืนนี้คุณกลับไปที่นั่นก็ได้”หลินเซียงประหลาดใจ “ทำเรื่องเร็วขนาดนั้นเลยเหรอ?”ลู่สือเยี่ยน “ผมยังใจดีพาคุณไปส่งได้ด้วยนะ”หลินเซียง “ไม่ต้อง”พูดจบเธอก็หันหลังเดินจากไปลู่สือเยี่ยนพูดตามหลังเธอ “เราหย่ากันแล้ว กลัวว่าผมจะจับคุณกินเหรอ?”หลินเซียงไม่หันกลับมา “เราไม่มีความสัมพันธ์กันแล้ว ควรรักษาระยะห่างไว้บ้าง อย่าให้คนเข้าใจผิด แล้วมาโทษฉัน สร้างความเดือดร้อนให้ฉันอีก”ลู่สือเยี่ยนไม่พูดอะไรอีก ดวงตาที่มืดมนจ้องมองแผ่นหลังที่ผอมบางของเธอ จนกระทั่งเธอขึ้นรถกระจกรถของเขาค่อย ๆ เลื่อนขึ้น สีหน้าเปลี่ยนไปทันที เขาหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาฟู่จิ่น
เซี่ยหว่านถือกล่องข้าวเดินเข้าไปในห้องทำงานซ่งจั่วเห็นดังนั้น รีบพูดว่า “คุณเซี่ย ข้างในมีแขกอยู่ คุณรอสักครู่แล้วค่อยเข้าไปดีไหมครับ?”เซี่ยหว่านมองเขา สีหน้าของเขาดูมีพิรุธเล็กน้อย แววตาของเธอฉายประกายบางอย่างก่อนพูดขึ้น “เที่ยงแล้ว จะมีแขกที่ไหนอีก?”พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปในห้องทำงานทันทีซ่งจั่วมองดูแผ่นหลังของเธอพลางขมวดคิ้ว แต่ไม่ได้ขัดขวางเซี่ยหว่านผลักประตูห้องทำงานเข้าไป เห็นผู้หญิงคนหนึ่งยืนอยู่ข้าง ๆ ลู่สือเยี่ยน กำลังก้มลงพูดอะไรบางอย่างกับเขา ท่าทางของทั้งสองคนดูสนิทสนมกันมากเซี่ยหว่านเห็นภาพนั้น ดวงตาของเธอก็ลุกวาวไปด้วยความโกรธทันที!“สือเยี่ยน ใครน่ะ?”ลู่สือเยี่ยนสีหน้าเปลี่ยนไป เหลือบมองเซี่ยหว่าน “ทำไมไม่เคาะประตู?”เซี่ยหว่านกำกล่องข้าวแน่น เดินเข้าไปอีกสองก้าวแล้วพูดว่า “สือเยี่ยน อย่าลืมเรื่องที่คุณย่าพูดนะ”ลู่สือเยี่ยนหันไปมองผู้หญิงคนนั้น และบอกว่า “นั่งรอก่อน”เจียงอินอินมองเซี่ยหว่าน รู้สึกได้ถึงความเป็นศัตรูของเซี่ยหว่านที่มีต่อตัวเอง เธอเลิกคิ้วเล็กน้อยเธอรู้จักเซี่ยหว่านก่อนหน้านี้ลู่สือเยี่ยนเคยจะหย่ากับหลินเซียงเพื่อเซี่ยหว่านที่แท้เป็
ใครบ้างโตขึ้นมาได้โดยไม่ต้องเอาบางอย่างเข้าแลก?คุณย่าลู่มองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด ครู่ใหญ่จึงถอนหายใจเบาๆ “ก็ได้ ฉันไม่บังคับให้เธอกับหว่านหว่านแต่งงานกันทันทีหรอก แต่สถานะว่าที่คู่หมั้นของหลานกับเธอนั้นเปลี่ยนไม่ได้ แล้วฉันก็ยอมรับแค่เธอคนเดียวเท่านั้นเป็นหลานสะใภ้”ลู่สือเยี่ยน “สะใภ้ของหลานคนไหน?”คุณย่าลู่ขมวดคิ้ว “ตอนนี้ฉันมีหลานชายแค่เธอคนเดียว!”ลู่สือเยี่ยน “งั้น ถ้าตระกูลลู่มีหลานชายเพิ่มอีกคน เธอก็ไม่ต้องแต่งงานกับผมแล้วใช่ไหมครับ?”“แก!”คุณย่าลู่โกรธจนตัวสั่น เครื่องตรวจจับการเต้นของหัวใจเริ่มส่งเสียงดัง สีหน้ายิ่งซีดลงไปเรื่อย ๆลู่สือเยี่ยนลุกขึ้นยืน “จากนี้ไปงานผมจะยุ่งมาก จะไม่มาทำให้คุณย่าปวดหัวอีก พูดตามตรงแล้ว ตอนที่คุณย่าสติเลอะเลือนเพ้อเจ้อยังน่ารักซะกว่า”พูดจบก็ไม่มองสีหน้าของคุณย่าลู่ เดินจากไปทันทีหมอและพยาบาลวิ่งเข้ามาเป็นกลุ่ม ตรวจสอบอาการของคุณย่าลู่ ช่วยปรับความดันโลหิตให้เธอตอนที่เซี่ยหว่านเข้ามา เห็นคุณย่าลู่หน้าซีด กำลังหายใจหอบ“คุณย่าลู่ เป็นไปคะ?”เธอปรี่เข้าไป วางมือทาบอกของคุณย่าลู่ ถามด้วยความเป็นห่วงคุณย่าลู่เห็นเธอเข้ามาก็คว้ามื
ซ่งซ่ง “สบายใจได้เลย ไอ้บ้านั่นแกล้งฉันไม่ลงหรอก พอฉันเบื่อก็จะถีบหัวส่งเอง”หลินเซียงรู้สึกไม่ค่อยดีกลัวที่สุดคือซ่งซ่งจะเล่นจนพลาด ทำให้ฟู่จิ่นซิ่วน้อยใจ เขาอาจจะเลวร้ายกว่าลู่สือเยี่ยนเสียอีกหลินเซียงบอกความกังวลของเธอ “ยังไงก็ระวังตัวด้วยนะ”ซ่งซ่ง “ได้ ๆ รู้แล้ว”หลินเซียง “งั้นฉันไม่รบกวนเวลาทำงานแล้ว ไปก่อนนะ บาย”“จุ๊บ จุ๊บ”…หลินเซียงกลับไปที่สตูดิโอโดยตรงสภาพจิตใจของเธอเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิงสวี่ซิงเย่เป็นคนแรกที่สังเกตเห็น จึงถามด้วยรอยยิ้มว่า “เรื่องอะไรทำให้คุณมีความสุขขนาดนี้ครับ?”หลินเซียงประหลาดใจ “เห็นได้ชัดขนาดนั้นเลยเหรอ?”สวี่ซิงเย่พยักหน้า “ชัดแจ๋วเลย ก่อนหน้านี้คุณทำงานไม่เคยยิ้ม วันนี้ยิ้มตลอดเวลา”หลินเซียงลูบหน้า แล้วพูดว่า “อืม ปิดการขายได้น่ะ เซ็นสัญญาเสร็จเรียบร้อย ใกล้จะรวยแล้ว ก็เลยมีความสุข”สวี่ซิงเย่ “งั้นก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะครับ”“ขอบคุณ”หลินเซียงยิ้มเล็กน้อย แล้วหันไปเปิดคอมพิวเตอร์เธอมองไปรอบ ๆ ออฟฟิศ พบว่าวันนี้ซืออวี่ไม่ได้มา แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจ แล้วเริ่มทำงานทันทีที่โรงพยาบาลลู่สือเยี่ยนโยนใบหย่าลงตรงหน้าคุณย่าลู่ ดึ
หลินเซียงรู้สึกสงสัยเล็กน้อย “ทำไมจดล็อบบี้ไม่ได้เหรอคะ?”เจ้าหน้าที่กล่าวว่า “คุณผู้หญิง วันนี้ที่ล็อบบี้คนเยอะ เชิญทั้งสองท่านไปชั้นบนดีกว่า”หลินเซียงเหลือบมองไปที่เคาน์เตอร์รับเรื่องหย่า เห็นว่าคนแน่นจริง ๆอย่างนี้นี่เอง สมัยนี้การแต่งงานส่วนใหญ่คงไปกันไม่รอดสินะ?เธอไม่คิดอะไรมาก รีบตามเจ้าหน้าที่ขึ้นไปชั้นบนในห้องทำงานของนายทะเบียน ทั้งสองคนกรอกเอกสารเพิ่มเติม แล้วก็เข้าสู่เรื่องการแบ่งทรัพย์สินลู่สือเยี่ยนหยิบสัญญาฉบับหนึ่งให้เธอ “นี่คือค่าชดเชยให้คุณ”หลินเซียงรับมาดู พอเห็นชื่อบางชื่อ ดวงตาของเธอก็เบิกกว้างบ้านที่เฟิงหลินหย่วน เขากลับยกให้เธอบ้านหลังนั้นเธอขายไปแล้วไม่ใช่เหรอ?เขาซื้อคืนมาเมื่อไหร่?หรือว่าเป็นอีกหลังหนึ่ง?นั่นเป็นบ้านหลังใหญ่หลังแรกที่เขาให้เธอ มีความทรงจำดี ๆ เธอยังคงชอบมันอยู่เธอมองลงไปด้านล่าง ยังมีค่าชดเชยการหย่าอีกห้าสิบล้านเยี่ยมไปเลย เธอกลายเป็นมหาเศรษฐีแล้วลู่สือเยี่ยนจ้องมองเธออย่างลึกซึ้ง “มีอะไรสงสัยไหม?”หลินเซียงส่ายหัว “ไม่มีค่ะ”จากนั้นก็ถึงขั้นตอนการเซ็นชื่อไม่นาน นายทะเบียนก็มอบใบหย่าให้ทั้งสองคนแต่ลู่สือเยี่ยนไม
หลินเซียงกลับไปที่สตูดิโอสวี่ซิงเย่เห็นสีหน้าที่ผิดปกติของเธอ จึงถามว่า “หลินเซียง คุณไม่สบายหรือเปล่าครับ?”หลินเซียงส่ายหัว “เปล่า อาจจะแค่พักผ่อนไม่เพียงพอ”สวี่ซิงเย่กังวลเล็กน้อย “ยังมีอะไรที่ยังทำไม่เสร็จอยู่ไหมครับ? ให้ผมช่วยก็ได้ ผมจะช่วยคุณเอง”หลินเซียง “ไม่มีแล้ว ขอบคุณมาก”สวี่ซิงเย่ยังอยากจะพูดอะไรอีก ซืออวี่ก็เดินเข้ามา “เสี่ยวสวี่ ออกไปข้างนอกกับฉันหน่อย!”สวี่ซิงเย่พยักหน้า “ได้ครับ”ช่วงนี้ ซืออวี่มักจะพาสวี่ซิงเย่ออกไปข้างนอก เขามีความสามารถ แถมยังดื่มเหล้าเก่ง ถนัดการเข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ทางธุรกิจมากมาย ด้วยความสามารถของเขาทำให้ดึงดูดทรัพยากรได้มาก ตอนนี้เริ่มทำแบบร่างโครงการด้วยตัวเองแล้วหลินเซียงมองตามพวกเขาออกไป ในใจเกิดความสงสัยเล็กน้อยช่วงนี้งานเลี้ยงเยอะเกินไปหรือเปล่า?ก่อนหน้านี้ไม่เห็นจะเป็นแบบนี้เลยสวี่ซินหรานพูดขึ้นมาทันที “หึ ก่อนหน้านี้บอสมักจะพาเธอออกไป ให้ความสำคัญกับเธอมาก ตอนนี้เป็นไงล่ะ ดูเหมือนความสามารถของสวี่ซิงเย่จะโดดเด่นกว่าเธอนะ”หลินเซียง “งั้นเธอมีดีอะไรบ้างล่ะ?”สวี่ซินหรานอึ้ง ไม่คิดว่าเธอจะโต้กลับหลินเซียงมองเธออย่
คุณย่าลู่ขู่จะตาย! สีหน้าของลู่สือเยี่ยนเปลี่ยนไปทันทีเซี่ยหว่านรีบเข้าไป พร้อมกับร้องไห้พูดว่า “คุณย่าลู่ค่ะ อย่าพูดอย่างนั้นเลย ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าสุขภาพของคุณแล้วค่ะ เราไปตรวจกันก่อนดีไหมคะ?”คุณย่าลู่มองเธอด้วยความปลื้มปิติ “หว่านหว่าน เธอนี่เป็นเด็กดีจริง ๆ ตระกูลลู่เป็นหนี้เธอมากเกินไปแล้ว ถ้าฉันไม่ทำอะไรสักอย่าง สู้ตายไปยังไม่เจ็บช้ำเท่า”เซี่ยหว่านร้องไห้จนพูดไม่ออก!สถานการณ์ตึงเครียดขึ้นมาทันทีลู่สือเยี่ยนไม่ยอม คุณย่าลู่ก็ยิ่งหน้าซีดลงเรื่อย ๆ เธอจับจ้องราวกับจะคาดคั้นรอการตัดสินใจของเขาหลินเซียงเดินเข้าไป มองลู่สือเยี่ยนแล้วพูดว่า “เราไปหย่ากันก่อนเถอะ สุขภาพของย่าสำคัญกว่า”คุณย่าลู่มองลู่สือเยี่ยนด้วยความกระวนกระวายลู่สือเยี่ยนหันไปมองหลินเซียงอย่างรวดเร็ว กระตุกมุมปาก “ผลลัพธ์ที่เป็นอยู่ตอนนี้ คุณคงพอใจแล้วใช่ไหม?”หลินเซียงเม้มริมฝีปาก พูดว่า “แต่สุขภาพของย่าสำคัญกว่า”ลู่สือเยี่ยนพยักหน้า “ได้ หย่าก็หย่า”คุณย่าลู่ก็โล่งใจขึ้นมาทันที นอนลงบนเตียงแล้วหลับไปหมอและพยาบาลพาคุณย่าลู่ไปห้องตรวจเซี่ยหว่านเช็ดน้ำตาบนใบหน้า มองลู่สือเยี่ยนแล้วพูดว่า “สือเยี่
คุณย่าลู่ “จะมีใครทำร้ายเธอได้ยังไง? นั่นเป็นแค่การคาดเดาของเธอเท่านั้น”“เหอะ!”ลู่สือเยี่ยนหัวเราะเบา ๆ แล้วพูดต่อ “คุณย่าครับ คนคนหนึ่งที่เพิ่งฟื้นขึ้นมาแต่ความจำเสื่อม จะไปอยู่บนถนนได้ยังไง? คนดูแลที่บ้านเราล่ะ? หายหัวไปไหนหมด?”คุณย่าลู่เงียบไปลู่สือเยี่ยนพูดต่อ “ตอนนั้นเธอเป็นคนที่ช่วยผม พาผมกลับบ้าน ถ้าไม่ใช่เธอ วันนี้ย่าก็คงไม่ได้เจอหน้าผมแล้ว”คุณย่าลู่มองหลินเซียง แล้วพูดขึ้นมาทันทีว่า “ความจริงเป็นแค่เรื่องบังเอิญหรือเปล่า ตอนนี้ยังสรุปไม่ได้ ถ้าเกิดเธอรู้ตัวตนของหลานตั้งแต่แรกล่ะ?”“ฉันไม่รู้ค่ะ”หลินเซียงรู้สึกว่าเธอควรจะพูดอะไรสักอย่างเธอมองคุณย่าลู่อย่างสงบ “คุณย่าคะ ฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณย่าถึงได้เกลียดฉันขนาดนี้ แต่เมื่อก่อนย่าไม่ใช่แบบนี้ แถมยังชอบฉันมาก ถึงกับบอกเขาว่า ถ้าเขาทำร้ายฉัน คุณย่าจะช่วยฉันตีเขา ฉันยังจำคำพูดพวกนั้นได้อยู่เลย”เธอหายใจออกเบา ๆ แล้วพูดต่อ “แต่แน่นอนค่ะ คุณย่าจำไม่ได้ งั้นก็ไม่สำคัญแล้ว ฉันไม่รู้จักตัวตนของเขาตั้งแต่แรก จนกระทั่งเขาได้ความทรงจำกลับมา แล้วมาเปิดตัวในที่ที่ฉันทำงานอยู่ ฉันถึงได้รู้จักตัวตนของเขา”คุณย่าลู่เงียบไป ใบหน้